The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่ม 3 เสนาะวรรณศิลป์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pornpimol Ranong, 2020-05-10 23:39:15

เล่ม 3 เสนาะวรรณศิลป์

เล่ม 3 เสนาะวรรณศิลป์

ชดุ แบบฝึกอา่ นเป็น เห็นผล

เล่มที่ 3
เสนาะวรรณศลิ ป์

นางพรพมิ ล คานวณศลิ ป์
ครูชานาญการพเิ ศษ

โรงเรียนสตรีระนอง อาเภอเมอื งระนอง จงั หวดั ระนอง
สานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 14



คํานาํ

ชุดแบบฝึกอ่านเป็น เห็นผลนี้ เป็นแบบฝึกทักษะการอ่านโดยนา SQ4R มาประยุกต์ใน
การจัดทา สาหรบั นักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 6 กลมุ่ สาระการเรียนรูภาษาไทยเป็นชุดฝึกทักษะการอ่าน
ที่มวี ัตถุประสงค์เพ่อื

1. เพอ่ื ยกระดับผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนวิชาภาษาไทย สาระที่ 1 การอา่ น
2. เพอื่ เพิม่ ผลสัมฤทธิ์ O-NET
3. เพื่อส่งเสริมนิสัยรกั การอา่ น
4. เพื่อสง่ เสรมิ ทกั ษะการอ่านจบั ใจความ
โดยผจู้ ดั ทาไดเ้ น้นบทอา่ นและขอ้ สอบจาก O-NET ของสถาบนั ทดสอบการศึกษาแหง่ ชาติ
(องค์การมหาชน) (สทศ.) เพือ่ ใหน้ กั เรยี นได้ฝึกทาข้อสอบจรงิ รักการอา่ นและสามารถอ่านในใจ
จบั ใจความสาคญั ตอบคาถาม วิเคราะห์วจิ ารณ์ ตคี วาม แปลความ ขยายความ คาดคะเนเหตุการณจ์ าก
เรือ่ งที่อ่าน ประเมินค่าเพื่อนาความร้คู วามคิดไปใชต้ ัดสนิ ใจแก้ปัญหาในการดาเนนิ ชีวิต สังเคราะห์
ความรจู้ ากการอ่านมาพัฒนาตนเอง พฒั นาการเรียน และพัฒนาความรู้ทางอาชพี รวมถึงส่งเสริมทักษะ
การคดิ แกป้ ญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์โดยปรับใชรูปแบบ SQ4R 6 ขน้ั ตอน คือ ๑.ขั้นสารวจ (S-Survey)
๒. ขั้นต้ังคาถาม (Q-Question) ๓. ขน้ั อ่าน (R-Read) ๔. ขัน้ บันทกึ (R-Record) 5. ขั้นสรปุ ใจความ
(R-Recite) 6. ขั้นวิเคราะห์ วิจารณท์ บทวน (Reflect) ซึง่ แต่ละขั้นตอนมกี ารปรบั เปลีย่ นเพอ่ื ให้
เหมาะสมกับการทาข้อสอบการอ่าน เวลา และวยั ของผูเ้ รียน อกี ทงั้ ยังใช้เทคนิคการเรียนรว่ มมอื แบบ
เพื่อนคู่คดิ (Think-Pair-Share) มาใชป้ ระกอบแบบฝึกทักษะชดุ นด้ี ว้ ย แบบฝกึ อา่ นเป็น เหน็ ผลน้ี
มีทง้ั หมด 5 เลม่ คือ

เล่มท่ี 1 เคลด็ ลบั การอ่าน
เล่มท่ี 2 งดงามวเิ คราะห์
เลม่ ที่ 3 เสนาะวรรณศลิ ป์
เล่มท่ี 4 ยลยินข้อคดิ
เล่มที่ 5 พิชิตโอเนต็
แต่ละเล่มมีคาช้ีแจงในการใช้ แบบทดสอบก่อนเรียน หลังเรียน แบบฝึกทักษะ เฉลย
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน แนวการตอบคาถามจากแบบฝึกทักษะ และเกณฑ์การให้คะแนน
เพื่อให้นักเรียนสามารถประเมินตนเองได โดยเนื้อหาแบบฝึกทักษะ และแบบทดสอบ ผู้จัดทาพยายาม
ให้สอดคล้องกับมาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
ผูจดั ทาหวงั เปนอยางยงิ่ วา ชุดแบบฝึกทกั ษะอ่านเป็น เหน็ ผลโดยใช SQ4R สาหรบั นกั เรียน ชั้น
มัธยมศกึ ษาปที่ 6 กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทยนี้จะเป็นประโยชนกับนักเรียน ครูผูสอน และผูที่สนใจ
ต่อไป

พรพมิ ล คานวณศลิ ป์

สารบญั ข

เรื่อง หน้า
คาแนะนาสาหรบั ครู 1
คาแนะนาสาหรบั นกั เรียน 2
แผนผังขน้ั ตอนการเรียนโดยใช้แบบฝกึ ทกั ษะ 3
สาระการเรียนรู้/สาระสาคญั /มาตรฐานการเรียนรู้ 4
ตัวช้วี ัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 5
สมรรถนะ/คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 6
แบบทดสอบก่อนเรียน 7
ใบความรู้ เรื่องคณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ 11
แบบฝกึ ทักษะเรื่องคุณค่าด้านวรรณศลิ ป์ ตอนท่ี 1 24
แบบฝกึ ทกั ษะเรอื่ งคณุ ค่าดา้ นวรรณศิลป์ ตอนท่ี 2 29
แบบทดสอบหลังเรียน 33
บรรณานกุ รม 37
ภาคผนวก 38
39
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น 40
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น 41
เฉลยแบบฝึกทักษะเสนาะวรรณศิลป์

1

คำแนะนำสำหรบั ครู

ชุดแบบฝึกอ่านเป็น เห็นผล โดยใช SQ4R สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระ
การเรียนรูภาษาไทยเป็นแบบฝึกทักษะที่ใช้ประกอบการเรียนการสอน การติว และการเรียนเสริม ใน
รายวิชาภาษาไทย โดยนักเรียนสามารถศึกษาได้ด้วยตนเองประกอบด้วยแบบฝึกทักษะจานวน 5 เล่ม
คือ

เลม่ ท่ี 1 เคล็ดลับการอ่าน
เลม่ ที่ 2 งดงามวเิ คราะห์
เลม่ ที่ 3 เสนาะวรรณศลิ ป์
เล่มท่ี 4 ยลยนิ ข้อคิด
เลม่ ที่ 5 พิชติ โอเน็ต

ขน้ั ตอนการใชแ้ บบฝึกทักษะ มดี งั นี้
๑. ศึกษาเนือ้ หาลว่ งหน้าอย่างละเอยี ดกอ่ นจดั กิจกรรมการเรียนการสอน
๒. ครูเตรียมแบบฝึกทักษะ ใหค้ รบตามจานวนนกั เรียน
๓. กอ่ นจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ต้องช้แี จงบทบาทของนักเรียนในการใชแ้ บบฝึกทักษะ
4. ให้นกั เรียนนั่งเปน็ คู่ คือ มีคนเกง่ 1 คนอ่อน 1 (ตามที่ครูจดั ไว้)
๔. ดาเนนิ กิจกรรมการเรียนรู้ตามลาดบั ข้นั ตอน โดยใช้เวลา ๒ ชว่ั โมง
๕. ครสู ังเกตพฤติกรรมการเรียนรโู้ ดยใชแ้ บบฝกึ ทักษะของนักเรยี นอยา่ งใกล้ชิดและพยายาม
ปลูกฝงั ความซื่อสตั ย์ในการเรียนแกน่ ักเรยี นเพื่อให้นกั เรยี นสามารถพฒั นาศักยภาพของตนเองไดอ้ ยา่ ง
แทจ้ ริง
๖. หลงั จากเสรจ็ ส้ินกระบวนการการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทกั ษะ ครูควรสรปุ
สาระสาคัญอกี ครั้งและควรให้นกั เรยี นกลบั ไปทบทวนเพ่มิ เติมในเวลาวา่ ง

2

คำแนะนำสำหรบั นกั เรยี น

ชุดแบบฝกึ ทักษะ อา่ นเปน็ เห็นผล โดยใช SQ4R ประกอบด้วยแบบฝึกทกั ษะจานวน
5 เล่ม คือ

เล่มท่ี 1 เคล็ดลบั การอ่าน
เลม่ ท่ี 2 งดงามวิเคราะห์
เลม่ ท่ี 3 เสนาะวรรณศิลป์
เลม่ ท่ี 4 ยลยนิ ข้อคิด
เล่มที่ 5 พชิ ติ โอเน็ต
ใหน้ ักเรียนอ่านคาแนะนาและปฏบิ ัตติ ามขน้ั ตอนในแบบฝึกทักษะด้วยความตั้งใจและซื่อสัตยด์ งั นี้
1. น่งั เป็นคตู่ ามทคี่ รูแบ่งไว้
2. ให้นักเรียนแต่ละคนทาแบบทดสอบกอนเรียน เพื่อวดั ความรูพื้นฐาน
3. แต่ละคู่ช่วยกนั เรียนรจู้ ากแบบฝกึ ทกั ษะไปทลี ะข้นั ตอน
4. แตล่ ะค่ชู ว่ ยกันทาแบบฝกเสริมทักษะ แตละเลม โดยอานคาชแี้ จงใหเขาใจกอนเสมอ
5. ตรวจสอบผลของการทาแบบฝกเสรมิ ทักษะจากเฉลยทายเลม
6. นกั เรียนแต่ละคน ทาแบบทดสอบหลังเรียน เมือ่ เรียนจบในแตละเลม
7. ตรวจสอบผลการทาแบบทดสอบกอนเรียน-หลังเรียน จากเฉลย
8. เปรยี บเทียบผลคะแนนการทาแบบทดสอบกอนเรยี น-หลังเรียน เพอื่ ประเมนิ ความเขาใจ
ของตนเอง
9. นักเรยี นสามารถใชแบบฝกเสรมิ ทักษะ เพื่อทบทวนความรูนอกเวลาเรียนได

3

แผนผังขนั้ ตอนกำรเรียน
แบบฝกึ ทกั ษะอา่ น คดิ พนิ ิจภาษา โดยใช SQ4R

ศกึ ษาคาํ แนะนาํ การใชแ้ บบฝึกทกั ษะ

ทําแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและตรวจเฉลย

ศกึ ษาสาระ – มาตรฐานการเรยี นรู้ – ตัวชีว้ ัด- จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
สาระสําคญั – สมรรถนะ- คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

ศึกษำเน้อื หำใหเ้ ข้ำใจและเมื่อศึกษำเนอ้ื หำจบลงแลว้ ให้นักเรียนตอบ
คำถำมในแบบฝกึ ทกุ แบบฝกึ โดยปฏบิ ัตติ ามขนั้ ตอน ดงั น้ี

๑. ข้นั สารวจ (S-Survey)
๒. ข้ันตัง้ คาถาม (Q-Question)
๓. ขนั้ อ่าน (R-Read)
๔. ขน้ั บันทึก (R-Record)
5. ขัน้ สรุปใจความ (R-Recite)
6. ข้ันทบทวน วเิ คราะห์ วิจารณ์ (R-Review)

ทาํ แบบทดสอบหลงั เรียนพร้อมทงั้
ตรวจแบบฝึกทกุ แบบฝกึ

ผ่านเกณฑ์ ไม่ผา่ นเกณฑ์

ศึกษำแบบฝึกทักษะชดุ ใหม่ ทบทวนแบบฝกึ ทกั ษะใหม่

4

สาระการเรียนร/ู้ สาระสาํ คัญ/
มาตรฐานการเรียนรู้

เลม่ ที่ 3 เสนาะวรรณศลิ ป์

สาระการเรียนรู้

สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม

สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด

การวเิ คราะห์ หมายถึง การแยกออกเป็นส่วนๆ เพ่ือทาความเข้าใจและมองเห็นความสัมพันธ์ของ
ส่วนย่อยต่างๆ ผู้วิเคราะห์จะต้องพิจารณาเน้ือหาทั้งด้านศิลปะการเขียนและเนื้อเร่ือง วิเคราะห์จนได้
แก่นสาคัญ และนามาพิจารณาคุณค่าที่ปรากฏคุณค่าด้านวรรณศิลป์ หมายถึง กลวิธีการแต่งท่ีดี
เหมาะสมกับรูปแบบคาประพันธ์แต่ละประเภท ใช้ภาษาสละสลวย ไพเราะ ทั้งถ้อยคา เสียงและ
ความหมาย ใช้โวหารภาพพจน์ได้ถูกต้องการวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์จากวรรณคดีวรรณกรรม
ส่งผลให้การอ่านวรรณคดีวรรณกรรมเกดิ ความ สนุกสนาน เกิดจนิ ตนาการตามเนื้อเรอ่ื งเมื่อเข้าใจการใช้
โวหารและภาพพจน์ได้รสไพเราะจากเสียงเสนาะและถ้อยคา จะทาให้เกิดอารมณ์คล้อยตามและเห็น
คุณค่าด้านวรรณศลิ ป์

มาตรฐานการเรียนรู้

มำตรฐำนกำรเรียนรู้ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรม
ไทยอย่างเห็นคุณค่าและนามาประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ จริง

5

ตวั ชี้วดั / จุดประสงค์การเรยี นรู้
เลม่ ท่ี 3 เสนาะวรรณศลิ ป์

ตัวชวี้ ดั

๓. วเิ คราะหแ์ ละประเมินคุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์ของวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะทเ่ี ป็นมรดกทาง
วฒั นธรรมของชาติ

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1. นกั เรยี นวเิ คราะห์คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ปจ์ ากวรรณคดีวรรณกรรมท่ีอ่านได้ (K,P)
2. นักเรยี นตระหนกั และเห็นคณุ คา่ ด้านวรรณศิลป์จากวรรณคดวี รรณกรรม (A)

6

สมรรถนะสาํ คัญของผู้เรยี น/
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ชดุ ที่ 3 เสนาะวรรณศลิ ป์

สมรรถนะสําคัญของผู้เรียน

4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ

1) ทกั ษะการตีความ
2) ทักษะการวเิ คราะห์
3) ทกั ษะกระบวนการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ
4) ทักษะการสรา้ งความรู้
5) ทักษะการให้เหตผุ ล
6) ทักษะการสรปุ ลงความเห็น
4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
4.4 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

1. มีวนิ ัย
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุ่งม่ันในการทางาน
4. อย่อู ย่างพอเพยี ง

7

แบบทดสอบก่อนเรียน

คําชี้แจง :
1. แบบทดสอบก่อนเรียนเล่มที่ 3 เสนาะวรรณศลิ ป์นี้เป็นแบบปรนยั 5 ตวั เลอื ก จานวน

10 ข้อคะแนน 10 คะแนนใช้เวลา 10 นาที
2. ให้นักเรียนทาเคร่อื งหมายกากบาท (X) ทบั ตัวเลือกท่ีถูกตอ้ งท่สี ุดเพียงข้อเดียวลงใน

กระดาษคาตอบ
1. ขอ้ ใดไม่มีคาศัพท์ท่ีมีความหมายเหมือนกบั คาทีข่ ีดเสน้ ใต้ในข้อความต่อไปนี้

บุษบกเคลื่อนคล้อยลอยฟ้า
1. ผนั ผยองล่องลิว่ นภาลยั
2. ดว้ ยขา้ กาเนิดมาในธาตรี
3. ลอยไปควา้ งคว้างกลางอัมพร
4. จนดาวเดือนเลือ่ นลับโพยมหน
5. บันดาลกายใหญ่เยีย่ มเทยี มเวหา

2. ขอ้ ใดเปน็ คาถามเชิงวาทศิลป์ เจา้ น้มี นี ามกรใด
๑. บอกพ่อเถิดราอย่าโศกี พี่จะให้ไปรบั โอรสา
๒. น้องรกั เจ้าจะเหน็ เปน็ ไฉน เสนเี ร่งไปเอาตวั มา
๓. กมุ ารารูปร่างนน้ั อยา่ งไร กรรมเอ๋ยเวรใดไดท้ ามา
๔. เอาไว้กูไมส่ บายเลย หรอื จะชว่ ยเชษฐาราวี
๕. เจ้าจะอยู่ทาการในพารา

3. ศลิ ปะการประพนั ธ์ตามขอ้ ใดปรากฏในคาประพนั ธต์ อ่ ไปนี้
กลนิ่ แก้วแก้วกลน่ิ ชัด พระพายพัดราํ เพยกระพือ
นามแก้วดอกแก้วคือ แก้วเนตรพี่นี้ใช่ใคร
๑. การเล่นคา
๒. การหลากคา
๓. การใช้คาอพั ภาส
๔. การเลยี นเสียงธรรมชาติ
๕. การเลน่ เสียงหนักเสียงเบา

8

4. ขอ้ ใดเปน็ คาถามเชิงวาทศิลป์
๑. ใครปองร้ายหมายมาดจงคลาดแคลว้ ให้ผ่องแผ้วภิญโญเดโชชัย
๒. พระมุนีนี้นามกรใด ธุระไรหรือจึงมาถึงธานี
๓. เปน็ เหตใุ หญ่ไพรจี ะมีมา เสวกาจะคิดอา่ นประการใด
๔. แตก่ อ่ นเล่าขา้ วปลาหาอยา่ งไร จงึ ได้ไวเ้ ป็นเสบยี งพอเลี้ยงพล
๕. พระบิดาพาพระแม่ไปไว้ไหน จรงิ หรือไม่โปรดเกลา้ เล่าแถลง

ใช้คําประพนั ธ์ต่อไปนตี้ อบคําถามขอ้ 5 และ ข้อ ๖
ก. ไพร่พลโหร่ ้องเอาชัย เลือ่ นลั่นสน่นั ใน พภิ พเพยี งทาลาย
ข. ดุมหันหนั เหยี นเวยี นวง กึกก้องก้องกง สะเทือนทง้ั ไพรไพรวนั
ค. พระพายว่วู สู่ าเนียง หวีดหวดี ประดงั เสยี ง องึ อลท่ัวทั้งปฐพี
ง. แหนแห่แตรสงั ข์กังสดาล ห่งึ หึ่งฆ้องขาน เสียงกลองกระหึ่มครึ้มเสยี ง
จ. เสียงสนั่นครั่นคร้ืนสรวงสวรรค์ เปลวเพลงิ พลุง่ พรรณ โรจนร์ ะงมเวยี งชัย

5. ข้อใดมจี ินตภาพด้านเสียงเพยี งอย่างเดียว
1. ข้อ ก
2. ขอ้ ข
3. ขอ้ ค
4. ขอ้ ง
5. ขอ้ จ

6. ขอ้ ใดกล่าวถงึ พาหนะ
1. ขอ้ ก
2. ข้อ ข
3. ขอ้ ค
4. ขอ้ ง
5. ขอ้ จ

7. ขอ้ ใดใช้ภาพพจน์ชนิดเดียวกับคาประพนั ธ์ตอ่ ไปนี้
สรมขุ มขุ ส่ดี า้ น เพียงพิมานผา่ นเมฆา
1. เรือมา้ หนา้ ม่งุ นา้ แล่นเฉื่อยฉ่าลาระหง
2. เพยี นทองงามดั่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย
3. เรือสงิ ห์วิง่ เผ่นโผน โจนตามคล่ืนฝนื ฝา่ ฟอง
4. สวุ รรณหงส์ทรงภ่หู ้อย งามชดั ชอ้ ยลอยหลงั สนิ ธุ์
5. เรือครุฑยุดนาคห้วิ ลว่ิ ลอยมาพาผันผยอง

9

8. ข้อใดไมใ่ ช่ภาพพจน์
๑. วา่ มีพญาสกุณา ใหญโ่ ตมโหฬาร์ กายาเท่าเขาครี ี
๒. พระชวนนวลนอน เข็ญใจไมข้ อน เหมอื นหมอนแมน่ า
๓. จันทราคลาเคล่อื น กระเวนไพรไกเ่ ถื่อนเตือนเพ่ือนขานขนั
๔. เดชพระกุศลหนหลงั สิ่งใดใจหวัง ไดด้ ั่งมุ่งมาดปรารถนา
๕. ระวังตวั กลวั ครูหนเู อ๋ยไม้เรียวเจยี วเหวยกูเคยเขด็ หลาบหวาบเขวยี ว

9. ข้อใดไมม่ ีการใชค้ าอพั ภาส
๑. ยะเหยาะเหยา่ ทุกฝยี า่ งไม่หย่อนหยุด
๒. พระนางยิง่ หมองศรโี ศกกาสรดสะอึกสะอืน้
๓. อุตสาหะตระตรากตระตราเตรด็ เตร่หาผลาผลไม้
๔. ทรงพระสรวลสารวลรา่ ระรน่ื เรงิ รับรบั เอาขอคาน
๕. เสร็จด่วนๆ ดะด่มุ เดินเมลิ มุ่งละเมาะไมม้ องหมอบ

10. ศิลปะการประพันธ์ตามข้อใดปรากฏในคาประพันธต์ ่อไปนี้
กล่ินแกว้ แกว้ กล่นิ ชดั พระพายพดั ราเพยกระพือ

นามแก้วดอกแกว้ คือ แกว้ เนตรพี่น้ใี ช่ใคร
๑. การเล่นคา
๒. การหลากคา

๓. การใชค้ าอพั ภาส เสรจ็ แลว้ ไปตรวจเฉลย
๔. การเลยี นเสียงธรรมชาติ
๕. การเล่นเสียงหนักเสยี งเบา

หน้า ๓๙ เลยค่ะ

10

ชือ่ ..............................................................ชัน้ .................เลขท่ี.....................

กระดาษคาํ ตอบแบบทดสอบก่อนเรยี น

ขอ้ ตัวเลอื ก
12345

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

เกณฑ์การประเมนิ

- ตอบถกู ขอ้ ละ 1 คะแนน
- ตอบผิด / ไม่ตอบหรอื ตอบมากกวา่ 1 ข้อ ขอ้ ละ 0 คะแนน

แปลผลคะแนน เป็นไงบา้ งคะผลการทดสอบ
หากคะแนนไม่ดีก็ไมต่ อ้ งเสียใจ
8 – 10 คะแนนดี นะคะเราจะมาศกึ ษาใบความรู้
5 – 7 คะแนนพอใช้
0 – 4 คะแนนปรับปรุง ไปพร้อมกนั คะ่

11

ใบความรู้เร่ืองคณุ ค่าดา้ นวรรณศิลป์

ความหมาย

วรรณคดีทีไ่ ด้รบั ยกยอ่ งว่าดีเดน่ ตอ้ งมีกลวิธีการประพันธ์ท่ีดีเยี่ยม และให้คาเหมาะสมกับลักษณะ
หน้าท่ีของคา ถูกต้องตรงความหมาย เหมาะสมกับเนื้อเรื่องและมีเสียงเสนาะซ่ึงผู้อ่านจะเกิด
จินตนาการตามเน้ือเรื่องได้ จะต้องเข้าใจสานวนโวหารและภาพพจน์เสมือนได้ยินเสียง ได้เห็นภาพเกิด
อารมณส์ ะเทอื นใจ มคี วามรสู้ กึ คล้อยตามโดยทั่วไปแบง่ การพิจารณาเป็น ๒ ด้าน ดังนี้

1. การสรรคํา
การสรรคา คือการเลือกใชค้ าใหส้ อ่ื ความคดิ ความเข้าใจความรูส้ ึกหรอื อารมณ์ได้ อย่างงดงาม

แบ่งเปน็

๑.๑ การเลือกใช้คาํ ให้เหมาะสมกับประเภทของคาํ ประพันธ์ เช่น
๑) โคลง นิยมใช้คาที่มีน้าหนัก คาโบราณ ใช้พรรณนาเรื่องราวท่ีศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง เช่น บทไหว้
ครู บทเทดิ พระเกยี รติ เป็นต้น
๒) ฉันท์ นยิ มใชค้ าภาษาบาลหี รอื ภาษาสันสกฤต เป็นคาประพันธ์ที่มีแบบแผน เช่น บทละคร
พูดคาฉันท์เรื่องมัทนะพาธาบางตอนต้องการเน้นอารมณ์ท่ีมีความอ่อนหวานจะใช้วสันตดิลก
ฉนั ท์ ๑๔ หรอื บางตอนต้องการความสับสน ความคึกคะนอง ความเกรีย้ วกราด นา่ กลัว จะใช้
จติ รปทาฉนั ท์ ๘
๓) กาพย์ นยิ มใช้คาธรรมดา คาท่เี รียบง่าย ใชพ้ รรณนาเหตุการณห์ รอื อารมณ์สะเทือนใจ
๔) กลอน นิยมใช้คาธรรมดา คาท่ีเรียบง่าย เป็นคาประพันธ์ที่นิยมนาไปขับร้องในการละเล่น
ต่างๆ เชน่ บทสักวา บทละคร บทเสภา เปน็ ตน้
๕) ร่าย นิยมใช้คาโบราณและนิยมแต่งรวมกับโคลง ไม่นิยมแต่งเป็นร่ายทั้งเร่ือง ยกเว้นร่ายยาว
มหาเวสสนั ดรกลอนเทศน์เท่านน้ั ท่ีแตง่ ท้ังเร่ือง

12

๑.๒ การเลือกใช้คําโดยคํานึงถึงเสียง เกิดจากการเลือกใช้คาเลียนเสียงธรรมชาติ ใช้คาเล่น
เสียงวรรณยกุ ต์ การเล่นคา การใช้คาเสยี งหนกั เบา การหลากคา การใช้คาพอ้ งเสียงและการซ้า การใช้
ลลี าจงั หวะของคาซึง่ ทาให้เกิดความไพเราะได้ ดังตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี

๑) การใช้คําเลยี นเสยี งธรรมชาติ ทาให้เกิดความไพเราะและเกิดจนิ ตภาพชัดเจนดังตัวอย่าง

เกอื บรงุ่ ฝูงชา้ งแซ่ แปรน๋ แปร๋น

กรวดป่าแกร๋นแกรน๋ เกรน่ิ หย้าน

ฮูมฮูมอุ่มอึงแสน สน่นั รอบ ขอบแฮ

คึกคึกทึกสะเทือนสะทา้ น ถ่ินไม้ไพรพนม

(นิราศสพุ รรณ)

เพิ่มเติม : บทประพันธ์น้ีบรรยายลักษณะธรรมชาติของช้าง โดยใช้คาเลียนเสียงธรรมชาติของช้าง

ได้แก่ แปร๋นแปร๋น แกร๋นแกร๋น ฮูมฮูมอุ่ม คึกคึกทึก เมื่อผู้อ่านอ่านแล้วทาให้เกิดอารมณ์ความรู้สึก

ราวกับไดเ้ ห็นช้างโขลงใหญ่อย่ใู กล้ๆ เกิดจนิ ตนาการถงึ โขลงชา้ งกาลงั สง่ เสียงตามธรรมชาติ

๒) การเล่นเสียงวรรณยกุ ต์ คือ การเลน่ เสยี งสูงๆ ตา่ ๆ คลา้ ยการผนั เสียงวรรณยกุ ต์ เพ่ือ

สรา้ งความหลากหลายของระดบั เสียง ซึง่ จะทาใหเ้ กิดความไพเราะของเสียง ดังตัวอยา่ ง

จะจบั จองจ่องจ้องสง่ิ ใดน้ัน ดสู าคญั ค่นั ค้นั อย่างันฉงน

อยา่ ลามลวงลว่ งลว้ งดูเลศกล ค่อยแคะคนข้นคน้ ให้ควรการ

อยา่ เคลิ้มคลาคล่าคลา้ แต่ลาโลภ เทีย่ วหวงห่วงห้วงละโมบละเมอหาญ

ส่งิ ใดปองป่องป้องเป็นประธาน อย่าด่วนดานด่านด้านแต่โดยใจ

จบั ปลาชอนชอ่ นชอ้ นสองกรถือ ข้างละมือมื่อม้ือจะมน่ั ไฉน

เพ่ือระแวงแว่งแว้งพลิกแพลงไป ครั้นจะวางว่างว้างไวด้ ูลานเลว

(กลบทสภุ าษติ )

เพิ่มเติม : บทประพันธ์นี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้แต่งที่เลือกใช้คาที่มีพยัญชนะต้นและ

ตัวสะกดตวั เดยี วกนั แตต่ า่ งกันทเ่ี สยี งวรรณยกุ ต์

ครเู ช่ือวา่ ทกุ คนเรียนเรื่อง
วรรณศิลป์มาแล้ว เพราะฉะนั้น

เนอ้ื หาชว่ งน้ถี อื วา่ อ่านผ่านๆ
เพ่อื เป็นการทบทวนนะคะ

13

๓) การเล่นคาํ คือ การใช้คาคาเดยี วซ้ากันอย่หู ลายแห่งในบทประพันธห์ น่ึงบท แต่คาที่ซา้ กนั

นั้นมีความหมายต่างกัน ดงั ตัวอย่าง

นวลจันทรเ์ ป็นนวลจรงิ เจา้ งามพร้ิงย่ิงนวลปลา

คางเบือนเบือนหนา้ มา ไม่งามเทา่ เจา้ เบือนชาย

เพยี รทองงามด่งั ทอง ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย

กระแหแหห่างชาย ดง่ั สายสวาทคลาดจากสม

แกม้ ช้าชา้ ใครต้อง อันแก้มน้องช้าเพราะชม

ปลาทกุ ทุกข์อกตรม เหมอื นทุกข์พท่ี จ่ี ากมา

(กาพยเ์ ห่เรือ)

เพิม่ เติม : บทกวบี ทนก้ี วีเล่นคาด้วยการนาคาท่ีมีเสียงพ้องกัน แตค่ วามหมายต่างกันมาร้อยเรียงเขา้

ดว้ ยกันเพ่ือส่ือความวา่ ส่งิ น้ันทาให้จิตประหวดั คิดไปถึงนางอันเปน็ ที่รกั

๔) การซํา้ คาํ คอื การใช้เดียวกนั ในความหมายเดียวกันหลายแห่งในบทประพนั ธ์หนึ่งบทเพื่อ

ย้าความใหห้ นกั แน่นยิ่งขนึ้ ดังตวั อยา่ ง

จาใจจาจากเจ้า จาจร

จานิราศแรมสมร แมร่ ้าง

เพราะเพื่อจกั ไปรอน อรริ าช แลแม่

จาทกุ ข์จาเทวษวา้ ง สวาทวา้ หวัน่ ถวิล

(ลลิ ิตตะเลงพ่าย)

เพม่ิ เติม : บทประพันธ์ได้พรรณนาถงึ อารมณ์ความรู้สกึ ของพระมหาอปุ ราชา ทต่ี ้องยกทัพมาตีกรุง

ศรีอยธุ ยา ขณะเดนิ ทางนนั้ มีความรูส้ กึ รกั และคดิ ถึงนางอนั เปน็ ที่รกั กวีเลอื กใชถ้ ้อยคาท่ีมลี กั ษณะซ้าคา

มาแตง่ เปน็ บทกวีเพ่ือใหเ้ กิดความ

ตรงไหนที่นักเรียนเข้าใจแล้ว
สามารถอ่านผ่านๆไดเ้ ลยนะคะ

14

๕) การเล่นคําสัมผัส คือ การใช้ถ้อยคาให้มีเสียงสัมผัสคล้องจองโดยการสัมผัสมี ๒ ชนิด
คอื สัมผัสนอกและสัมผัสใน สัมผัสนอกเป็นสัมผัสบังคับตามฉันทลักษณ์ของคาประพันธ์ ส่วนสัมผัสใน
เปน็ สมั ผัสที่ไม่บังคับ แต่สัมผัสในเป็นสัมผัสท่ีเพิ่มความไพเราะยิ่งขึ้น มี ๒ ลักษณะคือ สัมผัสพยัญชนะ
(สัมผสั อักษร) และสมั ผัสสระ เชน่

ถึงเขาขวางว่างเวง้ิ ชะวากวุ้ง เขาเรียกทุ่งสาขลาพนาสณั ฑ์

เป็นปา่ รอบขอบเขนิ เนินอรัญ นกเขาขนั คูเ่ รยี กอยู่เพรยี กไพร

(นิราศเมอื งแกลง)

เพม่ิ เตมิ : สัมผสั พยัญชนะ (สมั ผสั อกั ษร) : เชน่ เขา – ขวาง วาก – เวิ้ง – ว้งุ

ขอบ – เขนิ เขา – ขนั เพรียก – ไพร

สมั ผสั สระ : เชน่ สาขลา – พนา รอบ – ขอบ เขิน – เนิน เรียก – เพรียก

ส่วนคาฉันท์มีเสยี งหนกั เบาเรียกว่า ครุ ลหุ ทาให้เกิดจงั หวะในการอ่าน บางจังหวะ ทาให้
เกิดอารมณ์เศรา้ บางจงั หวะเกดิ อารมณ์สนกุ สนาน คึกคัก โดยเฉพาะการอ่านท่เี น้นอารมณ์ ตาม
เนอ้ื หาจะทาให้บทประพันธม์ ีความไพเราะย่ิงข้นึ เช่น

อ้าเพศก็เพศนุชอนงค์ อรองค์กบ็ อบบาง
ควรแตผ่ ดุงสิรสิ ะอาง ศุภลกั ษณเ์ จริญใจ

(ฉันท์ยอเกียรติชาวนครราชสีมา)

สงสัยตรงไหน
สามารถสอบถามครู

ได้นะคะ

15

๒. การใช้โวหารภาพพจน์
๒.๑ การใช้โวหารภาพพจน์ คือ การพลิกแพลงภาษาท่ีใช้พูดหรือเขียนเพื่อทาให้ผู้อ่าน
เหน็ ภาพพจน์ได้อารมณ์ความรู้สกึ หรอื ได้ขอ้ คิดลกึ ซง้ึ ชัดเจนเปน็ พเิ ศษ มอี ยู่ ๙ ลกั ษณะดังนี้

๑) โวหารภาพพจน์แบบอุปมาโวหาร เป็นการเปรยี บเทียบของสองสงิ่ ที่มีลักษณะคล้ายกัน
โดยใช้คาวา่ เหมือน ดงั เฉก เช่น ราว ประหนง่ึ กล เป็นคาเชอื่ มเพ่ือแสดงการเปรียบเทยี บอยู่
เสมอ ดงั ตัวอยา่ ง

"พ่ีหมายปองนอ้ งดุจปองปาริกชาติ มณฑาไท้เทวราชในสวนสวรรค์”

(เพลงยาวเจา้ ฟ้าธรรมาธิเบศร)

“ส้นิ แผ่นดนิ สิน้ รสสคุ นธา วาสนาเราก็สนิ้ เหมือนกลิ่นสคุ นธ์"

(นริ าศภเู ขาทอง)

2) โวหารภาพพจนแ์ บบอุปลกั ษณโ์ วหาร เป็นการเปรียบเทยี บเช่ือมโยงความคดิ หน่งึ กับ
ความคิดหนึง่ มักมีคาวา่ เป็น คอื เป็นคาเช่อื ม ดงั ตวั อยา่ ง

"....ลกู คือดวงใจของพ่อแม่...."
"....ชวี ิตคอื การต่อสู้ ศตั รูคือยาชกู าลัง..."

๓) โวหารภาพพจน์แบบปฏิพากย์โวหาร เปน็ การเปรยี บเทียบโดยการใชค้ าตัดกัน หรอื คา
ตรงกันข้ามกัน ดงั ตัวอยา่ ง

"....ตวั เปน็ ไทยใจเปน็ ทาส..." "...เธอหวั เราะท้งั นา้ ตา..." "...ถงึ ตวั ไกลใจยังอยกู่ ับน้อง..."

4) บคุ คลวตั หรอื บุคลาธษิ ฐาน เปน็ การเปรียบเทยี บโดยการสมมตุ ิส่ิงตา่ งๆใหม้ กี ริ ิยาอาการ
เหมือนมนุษย์ มอี ารมณ์ความรสู้ กึ ดงั ตัวอย่าง

"....ฟ้ารอ้ งไห้...." "...ทะเลครวญ..." "....ดวงตะวันย้มิ แย้ม..."

5) อวพจน์ หรืออติพจนโ์ วหาร เป็นการกล่าวเปรยี บเทียบโดยการกลา่ วให้ผิดจาก
ความเปน็ จริง ถ้ากลา่ วเกินจรงิ เรยี กวา่ อติพจน์ ถ้ากล่าวนอ้ ยกว่าความเป็นจริงเรียกว่า
อวพจน์ ดงั ตัวอยา่ ง

อตพิ จน์ = เหนือ่ ยสายตัวแทบขาด
อวพจน์ = มีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุง้ จนเรือนไหว

16

๖) การใช้คําภาษากวี ภาษากวีเป็นกลุ่มคาพิเศษที่กวีได้เลือกสรรหรือดัดแปลงมาสาหรับคา

ประพันธ์โดยเฉพาะ ไม่ใช้ในภาษาสามัญปกติทั่วไป การใช้พิเศษนี้มีส่วนสาคัญท่ีทาให้คาประพันธ์นั้น

สูงส่งสง่างามมีพลัง มีความหมายลึกซ้ึงตามที่กวีรู้สึกทาให้คาประพันธ์บทน้ันมีความงดงามด้วยรส

คา ดังตวั อยา่ ง

พระฝนื ทุกข์เทวษกลา้ แกล่ครวญ

ขบั คชบทจรจวน จักเพล้

บรรลพุ นมทวน เถ่อื นที่ นัน้ นา

เหตอุ นาถหนักเอ้ อาจให้ชนเหน็

(ลิลิตตะเลงพ่าย)

เพิ่มเตมิ : กวเี ลอื กใชค้ าเฉพาะในบทร้อยกรอง เชน่ เทวษ บทจร พนม คช ซ่ึงเป็นภาษาท่ีไม่ใชเ้ ป็น

คาสามญั ในการสื่อสารในชวี ติ ประจาวนั

๗) สทั พจนโ์ วหาร เป็นโวหารท่สี ร้างภาพพจน์ โดยการใช้คาเลยี นเสียงธรรมชาติ ดงั ตัวอยา่ ง

เกือบรุง่ ฝงู ชา้ งแซ่ แปร๋นแปร๋น

กรวดป่ามาแกร๋นแกร๋น เกริน่ หย้าน

ฮมู ฮมู อุ่มอึงแสน สน่ันรอบ ขอบแฮ

คกึ คึกทึกสะเทือนสะท้าน ถน่ิ ไมไ้ พรพนม

(นิราศสุพรรณ)

๘) โวหารภาพพจนแ์ บบนามนัย เปน็ การใชค้ าหรือวลีซ่ึงบง่ ลักษณะหรอื คณุ สมบัตขิ องสิ่งใด
สิง่ หน่งึ แทนอีกส่งิ หนึ่ง คล้ายๆ สญั ลกั ษณ์ แต่ต่างกนั ตรงท่ี นามนยั นั้นจะดงึ เอาลกั ษณะบางสว่ นของสงิ่
หนึ่งมากล่าว ใหห้ มายถงึ สว่ นทัง้ หมด ดงั ตัวอย่าง

เมืองโอ่ง : จังหวัดราชบรุ ี
เมืองย่าโม : จงั หวัดนครราชสมี า
ฉัตร : กษตั รยิ ์

๙) โวหารภาพพจน์แบบสัญลักษณ์ เป็นการเรียกช่ือสิ่งๆ หนึ่งโดยใช้คาอ่ืนมาแทนไม่เรียก
ตรงๆ สว่ นใหญค่ าที่นามาแทนจะเปน็ คาท่ีเกิดจากการเปรยี บเทยี บและ
ตีความซงึ่ ใชก้ ันมานานจนเป็นทเี่ ข้าใจและรู้จักกันโดยท่ัวไป ดังตวั อย่าง

เมฆหมอก : อปุ สรรค
สีดา : ความตาย, ความชัว่
ดอกไม้ : ผ้หู ญงิ
เพชร : ความแข็งแกร่ง

17

ศิลปะการประพนั ธ์

ตรงนี้สําคัญมาก อยากให้นักเรยี นจาํ ใหด้ นี ะคะ เพราะขอ้ สอบ O-NET ออกบอ่ ยมาก
1. สมั ผัสสระตอ้ งเปน็ สระเสียงเดยี วกันและเสยี งพยัญชนะสะกดมาตราเดียวกัน

เช่น ฉนั เหน็ หมีที่ดํานา่ ขํายงิ่
2. สัมผัสอักษร (สัมผัสพยัญชนะ) พยัญชนะเสียงเดยี วกนั จะสมั ผสั กันได้

เชน่ ผอ่ งแผว้ เพล่ียงพลา้ (อักษรสงู และอักษรต่าสัมผัสอักษรกันไดเ้ พราะจดั เป็นเสียงเดียวกนั
(ท ธ ฑ ฒ สามารถสัมผัส กบั ถ ฐ ได้ เป็นตน้ )

3. เล่นเสยี งวรรณยกุ ต์บางปีขอ้ สอบเรยี กการเลน่ เสยี งสูง – ตา่ หรือการใชเ้ สียงดนตรี
เชน่ ธรณีนีน่ ี้ เปน็ พยาน

4. การซ้ําคาํ การซา้ คาคือการใชค้ าๆเดียวกันซ้าในหลายๆจุด มี 2 แบบ คือ เป็นคาซ้าและไม่เปน็
คาซ้า

5. การเลน่ คําการเลน่ คาคอื การเอาคาพ้องเสยี งมาใช้ในหลายๆแหง่ ในคาประพนั ธ์ (คาพ้องเสยี ง
= คาท่อี า่ นเหมือนกนั แตค่ วามหมายตา่ งกัน)
****เล่นคาํ ต่างกับซ้ําคาํ ตรงท่ี เล่นคาความหมายจะต่างกัน ซ้าคาความหมายจะเหมือนกนั )

6. การซ้ําคาํ เลน่ คาํ ใช้ท้งั สองวธิ ปี ระกอบกัน
7. การดลุ เสียงและดุลความหมายนา้ หนักความของข้อความจะเท่ากนั
8. ปฏปิ จุ ฉา (คาํ ถามเชงิ วาทศลิ ป์) คาถามท่ไี ม่ต้องการคาตอบแต่พูดใหค้ ดิ

เช่น ลงกาเป็นสองเมืองหรือ ให้น้องแลว้ มารื้อใหพ้ ่ี
9. คาํ ไวพจน์ (การหลากคาํ ) คาทีค่ วามหมายเหมือนกัน (Synonym)

เช่น วารี =ชล=ธาร=นที =น้า ฯลฯ
10. การใชค้ ําท่ีมเี สยี งหนกั เบาหนัก=ครุ (ยาวหรอื สะกด) เบา=ลหุ (สนั้ และตอ้ งไม่สะกด)
11. คําอัพภาส คาซ้าท่ีกร่อนเสยี งพยางค์หน้า เช่น ระเรอ่ื ย ระรนิ วะวาว วะวับ ยะย้ิม ยะยุง่
12. สัทพจน์การเลียนเสยี งธรรมชาติ (สทั พจนเ์ ปน็ ท้ังภาพพจนแ์ ละศิลปะการแตง่ คาประพนั ธ์)
13. จนิ ตภาพหมายถึง ประสาทสมั ผสั ในการจินตนาการ ได้แก่ 1. รูป (ภาพ สี แสง การ
เคลื่อนไหว) 2. รส 3. กลน่ิ 4. เสยี ง

เป็นไงบ้างคะการ
พจิ ารณาคณุ ค่าดา้ น

วรรณศลิ ป์
ไม่ยากใช่ไหมคะ

18

เม่อื เราเรียนเรอื่ งคณุ คา่ วรรณศลิ ป์ไปแลว้ คราวนี้ เรา
สามารถนาหลกั SQ๔R มาใช้ในการอา่ นเพ่อื พจิ ารณาคณุ คา่

วรรณศลิ ป์ นกั เรยี นยังคงจาหลัก SQ๔R ได้ใช่ไหมคะ

๑. S = ขั้นสารวจ (Survey)
๒. Q =ขนั้ ต้งั คาถาม (Question)
๓. R๑ = ขน้ั อ่าน (Read)
๔. R๒ = ข้นั บันทึก (R-Record)
๕. R๓ = ข้นั สรปุ ใจความ (Recite)
๖. R๔ = ขั้นวเิ คราะห์ วิจารณ์ (Reflect)

หรอื จะปรับใชแ้ บบน้ีในการทาขอ้ สอบก็
ได้นะ

๑. S = อา่ นสารวจ
๒. Q = ด,ู ตง้ั คาถาม
๓. R๑ = อ่านหาคาตอบ
๔. R๒ = ขดี เขยี นหาประเด็น
๕. R๓ = โยงเสน้ หรอื สรุป
๖. R๔ = ทบทวน ตรวจสอบ

19

ตวั อย่างการการอา่ นเพ่อื พจิ ารณา
คุณคา่ วรรณศลิ ป์ โดยใช้ SQ4R

คําชีแ้ จง ต่อไปนจี้ ะเปน็ การนาข้อสอบ O-NET มาวเิ คราะหโ์ ดยใช้ SQ4R เพอ่ื หาคาตอบกันนะคะ

ข้อท่ี 1 คาประพนั ธต์ ่อไปนีข้ อ้ ใดมีจนิ ตภาพดา้ นความเคลอ่ื นไหวทัง้ ๒ วรรค

๑) โลดลาพองลองเชิงละเลิงมา ๒) เหน็ แผ่นผาพิงผนดิ ปิดหนทาง

๓) หนักหรือเบาเยาว์อยู่ไม่รู้จัก ๔) เขา้ ลองผลักดว้ ยกาลงั ก็พังผาง

๕) เห็นหาดทรายพรายงามเป็นเงนิ ราง

๖) ทะเลกว้างข้างขวาลว้ นป่าดง

๑. วรรคที่ ๑ และ วรรคที่ ๓ ๒. วรรคท่ี ๒ และ วรรคท่ี ๕

๓. วรรคท่ี ๑ และ วรรคที่ ๔ ๔. วรรคท่ี ๒ และ วรรคที่ ๖

๕. วรรคท่ี ๓ และ วรรคที่ ๔

หลักการวิเคราะห์วิจารณ์โดยใช้SQ4R

๑. S (ขนั้ สํารวจ) เนื้อหาโดยรวมเป็นเร่อื งเก่ยี วกับ การพบถ้า

๒. Q (ข้ันตงั้ คาํ ถาม) คาถามทส่ี งสยั

- เปน็ เร่ืองเกี่ยวกบั อะไร - เขาเจออะไร

- เขาทาอย่างไร - มคี าตรงไหนสามารถใชไ้ ขตอบคาถามได้

๓. R1 (ข้นั อ่าน) คาท่ีแสดงจินตภาพตามท่ีโจทย์ถาม คือ ๑) โลดลาพอง และ ๔) เขา้ ลองผลกั

๔. R2 (ข้นั ประมวลความรู้) คาตอบ ๓. วรรคท่ี ๑ และ วรรคที่ ๔

5. R3 (โยงเสน้ ,สรปุ )

คาํ ถามข้อท่ี 1 คาประพนั ธต์ อ่ ไปน้ีข้อใดมจี ินตภาพด้านความเคล่อื นไหวทง้ั ๒ วรรค

๑) โลดลาพองลองเชงิ ละเลงิ มา ๒) เหน็ แผ่นผาพงิ ผนิดปิดหนทาง

๓) หนักหรอื เบาเยาว์อยู่ไมร่ ู้จกั ๔) เขา้ ลองผลักด้วยกาลังก็พังผาง

๕) เหน็ หาดทรายพรายงามเป็นเงนิ ราง

๖) ทะเลกวา้ งข้างขวาลว้ นป่าดง

๑. วรรคที่ ๑ และ วรรคที่ ๓

๒. วรรคที่ ๒ และ วรรคท่ี ๕

๓. วรรคที่ ๑ และ วรรคที่ ๔

๔. วรรคท่ี ๒ และ วรรคท่ี ๖

๕. วรรคท่ี ๓ และ วรรคที่ ๔

6. R4 (ขั้นทบทวน) คาตอบ ๓. วรรคที่ ๑ และ วรรคท่ี ๔ เหตุผล ให้สกั เกตคาที่แสดงอาการ

เคลอื่ นไหว ตัวเลือกท่ี ๑) มีคาวา่ โลดลาพอง และ ตัวเลอื กที่ ๔) มคี าวา่ เข้าลองผลัก

20

ข้อที่ 2 บทประพันธ์น้ีไม่ปรากฏคุณค่าทางวรรณศลิ ป์ในเร่ืองใด
ย่างเหยียบเกรียบกรอบก็เหลียวหลัง พระโสตฟงั ให้หวาดแว่ว ว่าสาเนียงเสียงพระลกู แก้วเจ้าบ่น

อยู่งมึ ๆ พุ่มไมค้ ร้ึมเปน็ เงาๆ ชะโงกเงื้อม พระเนตรเธอแลเหลือบใหล้ ายเลือ่ มเหน็ เป็นรูปตะคุ่ม ๆ อยู่
คล้าย ๆ แล้วหายไป”

๑. การซา้ คา
2. การเล่นเสยี งสระ
๓. การเลน่ เสยี งพยัญชนะ
4. การใช้สทั พจน์
๕ การใช้บุคคลวัต

หลกั การวิเคราะห์วิจารณโ์ ดยใช้SQ4R

๑. S (ขนั้ สาํ รวจ) เน้ือหาโดยรวมเปน็ เรอื่ งเกย่ี วกับ การตามหาลูกกลางป่า

๒. Q (ข้ันต้งั คาํ ถาม) คาถามทส่ี งสัย

-เป็นเรื่องเกยี่ วกับอะไร - มีวรรณศิลปอ์ ะไรบา้ งท่ปี รากฏ

๓. R1 (ขั้นอ่าน) คุณคา่ ทางวรรณศลิ ป์ท่ีไม่ปรากฏในบทประพันธน์ ค้ี ือการใชบ้ ุคคลวัต

๔. R2 (ขั้นประมวลความรู้) คาตอบ 5 การใชบ้ ุคคลวัต

5. R3 (โยงเสน้ ,สรุป)

ย่างเหยียบเกรียบกรอบก็เหลียวหลัง พระโสตฟังให้หวาดแว่ว ว่าสาเนียงเสยี งพระลกู แก้วเจ้า

บน่ อยงู่ มึ ๆ พมุ่ ไมค้ รึ้มเป็นเงาๆ ชะโงกเงอ้ื ม พระเนตรเธอแลเหลอื บใหล้ ายเลอื่ มเห็นเปน็ รปู ตะคมุ่ ๆ อยู่

คลา้ ย ๆ แล้วหายไป”

๑. การซ้าคา

2. การเลน่ เสยี งสระ

๓. การเลน่ เสียงพยัญชนะ

4. การใช้สัทพจน์

๕ การใชบ้ คุ คลวตั

6. R๔ (ข้นั ทบทวน) คาตอบ 5 การใชบ้ คุ คลวัตเหตผุ ล ๑. การซ้าคามคี าวา่ งมึ ๆ เงาๆ,

2. การเลน่ เสียงสระเชน่ เหยียบ – เกรยี บ, สาเนยี ง-เสียง,๓. การเล่นเสยี งพยัญชนะเชน่ แลเหลือบให้

ลายเลอื่ ม, 4. การใช้สทั พจน์ เชน่ เกรียบกรอบ

21

ข้อท่ี 3 ขอ้ ใดไมป่ รากฏในคาประพนั ธต์ ่อไปนี้
“ขา้ ศึกดูดาษเดยี ร ชระเมยี รหมูด่ สั กร มอญพม่าดาดื่น เดินดุจคลน่ื คลาฟองนองนา่ นในอรรณเวศ

ตรสั ทอดพระเนตรเนืองบร”
1. จินตภาพ
2. การเล่นคา
3. สัมผสั พยัญชนะ
4. การใชภ้ าพพจน์
5. การใชศ้ ัพท์วรรณคดี

หลักการวเิ คราะห์วิจารณโ์ ดยใช้ SQ4R

๑. S (ขน้ั สํารวจ) ภาพรวมเป็นเรอ่ื งเกย่ี วกบั การรบ

๒. Q (ขน้ั ต้ังคาํ ถาม) คาถามทส่ี งสัย

- เป็นเรอ่ื งเกี่ยวกบั อะไร - ข้อใดไมป่ รากฏในคาประพันธ์

๓. R1 (ขนั้ อา่ น) ข้อที่ไมป่ รากฏในคาประพนั ธ์ คือการเล่นคา (คาเหมอื นความหมายตา่ ง)

๔. R2 (ขนั้ ประมวลความรู้) คาตอบ 2.การเล่นคา

5. R3 (โยงเสน้ ,สรุป)

“ข้าศึกดดู าษเดยี ร ชระเมยี รหมู่ดัสกร มอญพมา่ ดาด่ืน เดินดจุ คลื่นคลาฟองนองน่านในอรรณเวศ

ตรสั ทอดพระเนตรเนืองบร”

1. จนิ ตภาพ

2. การเล่นคา

3. สมั ผัสพยัญชนะ

4. การใชภ้ าพพจน์

5. การใช้ศพั ท์วรรณคดี

6. R4 (ขั้นทบทวน) คาตอบ 2. การเล่นคาเหตุผลเพราะตัวเลือกอื่นๆมีปรากฎในคาประพันธ์ คือ

1) จินตภาพคือ เดินดุจคล่ืนคลาฟองนองน่านในอรรณเวศ, 3) สัมผัสพยัญชนะ คือ ดาษเดียร, ดาดื่น,

4) การใช้ภาพพจน์คอื เดินดุจคลืน่ (อุปมาโวหาร) 5) การใชศ้ พั ทว์ รรณคดี คือ ดสั กร, อรรณเวศ

22

ข้อที่ 4 ขอ้ ใดไม่ใช้ภาพพจน์
1. วา่ มีพญาสกุณา ใหญโ่ ตมโหฬาร์ กายาเทา่ เขาคีรี
2. พระชวนนวลนอน เข็ญใจไม้ขอน เหมอื นหมอนแมน่ า
3. จันทราคลาเคลือ่ น กระเวนไพรไก่เถอื่ น เตือนเพอ่ื นขานขัน
4. เดชพระกศุ ลหนหลงั สิ่งใดใจหวัง ไดด้ ังมุ่งมาดปรารถนา
5. ระวังตัวกลัวครหู นเู อ๋ย ไมเ้ รยี วเจียวเหวย กเู คยเข็ดหลาบขวาบเขวยี ว

หลักการวิเคราะห์วิจารณโ์ ดยใช้ SQ4R

๑. S (ขั้นสํารวจ) เป็นร้อยกรองท่ีมภี าพพจน์

๒. Q (ขน้ั ตัง้ คําถาม) คาถามทสี่ งสยั

- เป็นเรอ่ื งเก่ียวกับอะไร - ข้อใดไม่ใช้ภาพพจน์ตามทีโ่ จทย์ถาม

๓. R1 (ขั้นอา่ น) ข้อที่ไมใ่ ชภ้ าพพจน์ คือ ข้อ 4. เดชพระกุศลหนหลงั ส่งิ ใดใจหวัง ได้ดงั มุ่งมาด

ปรารถนา

๔. R2 (ขนั้ ประมวลความรู้) คาตอบ 4. เดชพระกศุ ลหนหลงั สง่ิ ใดใจหวัง ไดด้ งั มุ่งมาดปรารถนา

5. R3 (โยงเสน้ ,สรุป)

คําถามข้อท่ี 4 ข้อใดไม่ใช้ภาพพจน์

1. วา่ มพี ญาสกณุ า ใหญ่โตมโหฬาร์ กายาเท่าเขาคีรี

2. พระชวนนวลนอน เข็ญใจไมข้ อน เหมอื นหมอนแม่นา

3. จนั ทราคลาเคล่ือน กระเวนไพรไกเ่ ถ่อื น เตอื นเพื่อนขานขนั

4. เดชพระกศุ ลหนหลงั สิง่ ใดใจหวัง ไดด้ ังมุ่งมาดปรารถนา

5. ระวังตวั กลัวครูหนูเอย๋ ไมเ้ รียวเจยี วเหวย กเู คยเขด็ หลาบขวาบเขวียว

6. R4 (ขน้ั ทบทวน) คาตอบ 4. เดชพระกุศลหนหลงั สง่ิ ใดใจหวงั ไดด้ งั มุ่งมาดปรารถนาเหตุผลเพราะ

ตัวเลือกอื่นๆมีปรากฎภาพพจน์ในคาประพันธ์ คือ 1) กายาเท่าเขาคีรี= อุปลักษณ์ 2) ไม้ขอนเหมือน

หมอน= อปุ มา, 3) ไกเ่ ถ่อื นเตอื นเพ่ือนขานขนั =บคุ คลวตั 5) ไมเ้ รียวขวาบเขวยี ว= สทั พจน์

จะเห็นได้ว่า ข้อนี้นักเรียนไม่จาเป็นต้องโยงเส้นจากคาถามมายัง ตัวเลือกแต่
ละข้อ เพียงแต่นักเรียนจะต้องจาว่าภาพพจน์แต่ละชนิด เป็นเช่นไร ซ่ึงส่วนใหญ่ให้
สังเกตคาที่บ่งช้ีปรากฏภาพพจน์นั้น แล้วขีดเส้นใต้ไว้จากนั้นนักเรียนก็จะสามารถ
สังเกตคาทที่ บ่ี อก ภาพพจนน์ นั้ ได้

23

ขอ้ ท่ี 5 กลวิธีในข้อใดไม่ปรากฏในคาประพนั ธ์ต่อไปน้ี

“นวลจนั ทรเ์ ป็นนวลจริง เจา้ งามพริ้งยงิ่ นวลปลา

คางเบอื นเบือนหนา้ มา ไม่งามเท่าเจา้ เบือนชาย

เพียนทองงามด่ังทอง ไม่เหมือนน้องหม่ ตาดพราย

กระแหแหห่างชาย ดงั สายสวาทคลาดจากสม”

1. การใชภ้ าพพจน์แบบอปุ ลักษณเ์ พ่ือแสดงอารมณ์

2. การใช้ภาพพจน์แบบอุปมาเพือ่ ใหเ้ หน็ ภาพชดั เจน

3. การเลน่ คาและความเพ่ือสรา้ งอารมณ์สะเทอื นใจ

4. การใช้ลีลาของนิราศซ่ึงเป็นขนบอยา่ งหนึ่งในวรรณคดีไทย

5. การพรรณนาอารมณผ์ สมผสานกบั ความงามของธรรมชาติ

หลกั การวิเคราะห์วจิ ารณโ์ ดยใช้ SQ4R

๑. S (ขน้ั สาํ รวจ) ปลาหลายชนิด

๒. Q (ข้ันต้งั คําถาม) คาถามทส่ี งสัย

-เปน็ เรอื่ งเก่ียวกบั อะไร - กลวธิ ีในขอ้ ใดไมป่ รากฏในคาประพนั ธ์

๓. R1 (ขัน้ อา่ น) กลวิธใี นข้อใดไมป่ รากฏในคาประพันธ์คือ การใชภ้ าพพจน์แบบอุปลักษณเ์ พ่ือแสดง

อารมณ์

๔. R2 (ขั้นประมวลความรู้) คาตอบ 1. การใชภ้ าพพจน์แบบอปุ ลักษณเ์ พ่อื แสดงอารมณ์

5. R3 (โยงเสน้ , สรปุ )

ขอ้ ที่ 5 กลวธิ ีในขอ้ ใดไมป่ รากฏในคาประพันธ์ต่อไปน้ี

“นวลจันทร์เปน็ นวลจริง เจา้ งามพร้ิงยิง่ นวลปลา

คางเบอื นเบือนหน้ามา ไม่งามเทา่ เจา้ เบือนชาย

เพียนทองงามดัง่ ทอง ไมเ่ หมือนนอ้ งหม่ ตาดพราย

กระแหแหห่างชาย ดงั สายสวาทคลาดจากสม”

1. การใชภ้ าพพจนแ์ บบอุปลักษณ์เพื่อแสดงอารมณ์

2. การใชภ้ าพพจนแ์ บบอปุ มาเพ่ือให้เห็นภาพชดั เจน

3.การเลน่ คาและความเพื่อสร้างอารมณส์ ะเทอื นใจ

4.การใช้ลีลาของนิราศซ่งึ เปน็ ขนบอย่างหน่ึงในวรรณคดีไทย

5.การพรรณนาอารมณผ์ สมผสานกบั ความงามของธรรมชาติ

6. R4 (ขั้นทบทวน) คาตอบ 1. การใชภ้ าพพจนแ์ บบอุปลักษณ์เพ่ือแสดงอารมณ์เหตผุ ลเพราะตัวเลือก
อนื่ ๆ มีปรากฎกลวิธีคือ คือ 2) เพยี นทองงามดงั่ ทอง = อุปมา 3) คางเบือนเบือนหนา้ มา
ไมง่ ามเทา่ เจา้ เบือนชาย = การเล่นคาและความ, 4) กระแหแหห่างชาย ดังสายสวาทคลาดจากสม=การ
ใช้ลีลาของนริ าศ, 5) เพยี นทองงามดัง่ ทองไม่เหมือนนอ้ งห่มตาดพรายกระแหแหห่างชาย
ดังสายสวาทคลาดจากสม = การพรรณนาอารมณ์ผสมผสานกบั ความงามของธรรมชาติ

24

แบบฝกึ ทักษะเร่อื งคณุ คา่ ด้านวรรณศิลป์

คําชี้แจง แบบฝึกทักษะชุดนี้มี 2 ตอน ตอนที่ 1 มี 5 ขอ้ ๆละ 6 คะแนน รวม 30 คะแนน
ตอนท่ี 2 มี 10 ขอ้ ๆละ 2 คะแนน รวม 20 คะแนน รวม 2 ตอน 50 คะแนน
นกั เรียนจะต้องทาแบบฝึกทักษะชุดน้ีให้ไดค้ ะแนน 35 คะแนนขนึ้ ไป จงึ จะถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

ตอนท่ี 1

คาํ สงั่ ให้นกั เรยี นอ่านคาถามแตล่ ะข้อจากนนั้ ให้แสดงวธิ ที าโดยใช้ SQ4R ลงในชอ่ งว่างท่ีเวน้ ไว้ให้
(ข้อละ 6 คะแนน)

ขอ้ ท่ี 1 ศิลปะการประพนั ธต์ ามขอ้ ใดปรากฏในคาประพันธ์ข้างตน้

ท้งั ส้ินคอื เส้นทางที่สรา้ งได้ เพยี งเธอใช้ความรักเปน็ แรงขับ

ขบั เคลอ่ื นความฝันอนั ระยบั ข้ึนอยู่กับเธอทุ่มเทมากเท่าใด

...เหน่อื ยแต่อย่ายอมท้อบนเส้นทาง ทุกกา้ วยา่ งยังวาดหวังยังเคลื่อนไหว

ความสาเรจ็ รอโอบกอดเธอไม่ไกล เพียงเธอใช้หวั ใจรักช่วยผลักดัน

1. สัญลักษณ์ 2.บคุ คลวัต

3. การเลน่ คา 4. การหลากคา

5. การเลน่ เสียงหนักเบา

หลักการวิเคราะห์วิจารณ์โดยใช้ SQ4R

1.๑ S (ขน้ั สาํ รวจ) เป็นเรื่องเก่ียวกับ......................................................................................................

1.๒ Q (ข้นั ตงั้ คาํ ถาม) คาถามท่ีสงสัย.....................................................................................................

..................................................................................................................................................................

1.๓ R1 (ขัน้ อา่ น) ข้อความทีส่ มั พนั ธ์กบั คาตอบคือ ...............................................................................

1.๔ R2 (ขน้ั ประมวลความรู้) คาตอบท่เี ลือกคือขอ้ ................................................................................

1.5 R3 ให้นกั เรยี นโยงเส้นจากข้อความท่สี ัมพันธ์กบั ตัวเลือกไปยังตวั เลือกแตล่ ะข้อ, หรอื ขีดเสน้

คําถามขอ้ ที่ 1 ศลิ ปะการประพันธ์ตามขอ้ ใดปรากฏในคาประพันธข์ ้างต้น

ทง้ั สนิ้ คือเส้นทางทีส่ ร้างได้ เพยี งเธอใช้ความรกั เปน็ แรงขับ

ขับเคล่อื นความฝนั อนั ระยบั ขึ้นอยู่กับเธอทุ่มเทมากเท่าใด

...เหนอ่ื ยแตอ่ ย่ายอมท้อบนเสน้ ทาง ทุกกา้ วย่างยังวาดหวังยังเคลือ่ นไหว

ความสาเร็จรอโอบกอดเธอไม่ไกล เพียงเธอใช้หัวใจรักช่วยผลกั ดัน

1. สัญลกั ษณ์ 2. บุคคลวตั

3. การเลน่ คา 4. การหลากคา

5. การเลน่ เสียงหนักเบา

1.6 R4 (ข้นั ทบทวน)เหตุท่ีตอบข้อ........ เพราะ..........................................................................

............................................................................................................................. ......................................

25

ขอ้ ที่ 2 คาประพันธ์ตอ่ ไปนใี้ ช้ภาพพจนต์ ามข้อใด งามละม้ายคล้ายอฐู กะหลาปา๋
สงู ระหงทรงเพรยี วเรยี วรูด ทั้งสองแกม้ กัลยาดังลูกยอ
พิศแต่หวั ตลอดเท้าขาวแตต่ า
1. อปุ มา
2. อปุ ลักษณ์
3. สัญลักษณ์
4. สทั พจน์
5. บุคคลวตั

หลกั การวเิ คราะห์วจิ ารณโ์ ดยใช้ SQ4R
2.๑ S (ข้นั สาํ รวจ) เปน็ เร่ืองเก่ยี วกับ.......................................................................................................
2.๒ Q (ข้นั ตง้ั คําถาม) คาถามท่ีสงสัย......................................................................................................
...................................................................................................................................................................
2.๓ R1 (ข้นั อ่าน) ข้อความทส่ี มั พนั ธ์กบั คาตอบคือ ................................................................................
2.๔ R2 (ข้นั ประมวลความรู้) คาตอบท่ีเลือกคอื ข้อ.................................................................................
1.5 R3 ให้นกั เรียนโยงเส้นจากขอ้ ความทสี่ ัมพันธก์ ับตัวเลอื กไปยังตวั เลือกแตล่ ะข้อ, หรือขดี เสน้

สงู ระหงทรงเพรียวเรียวรดู งามละม้ายคล้ายอฐู กะหลาป๋า
พิศแต่หัวตลอดเทา้ ขาวแตต่ า ทั้งสองแก้มกัลยาดังลกู ยอ

1. อุปมา
2. อปุ ลกั ษณ์
3. สญั ลกั ษณ์
4. สทั พจน์
5. บคุ คลวตั

2.6 R4 (ขน้ั ทบทวน) เหตทุ ี่ตอบข้อ........ เพราะ.....................................................................................
............................................................................................................................. ......................................
............................................................................................ ......................................................................
.

26

ขอ้ ท่ี 3 ข้อใดเปน็ คาถามเชิงวาทศิลป์
1. ใครปองรา้ ยหมายมาดจงคลาดแคลว้ ให้ผอ่ งแผว้ ภญิ โญเดโชชัย
2. พระมนุ ีนนี้ ามกรใด ธรุ ะไรหรือจึงมาถึงธานี
3. เปน็ เหตใุ หญ่ไพรีจะมีมา เสวกาจะคิดอา่ นประการใด
4. แตก่ ่อนเลา่ ขา้ วปลาหาอย่างไร จึงได้ไว้ในเสบยี งพอเล้ียงพล
5. พระบดิ าพาพระแม่ไปไว้ไหน จรงิ หรอื ไมโ่ ปรดเกล้าเลา่ แถลง

หลักการวเิ คราะห์วจิ ารณโ์ ดยใช้ SQ4R
3.๑ S (ขนั้ สาํ รวจ) เปน็ เรื่องเกย่ี วกบั (หากแตล่ ะตวั เลือกท่ีกาหนดไม่ใชเ่ ร่ืองเดียวกนั ให้นักเรียนบอก
แค่วา่ เปน็ บทร้อยกรองก็ไดค้ ่ะ)...................................................................................................................
3.๒ Q (ขั้นตง้ั คาํ ถาม) คาถามท่ีสงสัย......................................................................................................
...................................................................................................................................................................
๓.3 R1 (ข้นั อ่าน) ข้อความท่ีสัมพันธ์กบั คาตอบคือ ................................................................................
3.๔ R2 (ข้นั ประมวลความรู้) คาตอบที่เลือกคือข้อ...............................................................................
3.5 R3 ใหน้ กั เรยี นโยงเส้นจากขอ้ ความท่สี ัมพนั ธก์ บั ตัวเลือกไปยังตวั เลือกแต่ละข้อ, หรือขดี เส้น

คําถามข้อท่ี 3 ข้อใดเป็นคาถามเชิงวาทศลิ ป์
1. ใครปองร้ายหมายมาดจงคลาดแคลว้ ให้ผอ่ งแผว้ ภญิ โญเดโชชัย
2. พระมุนนี ี้นามกรใด ธุระไรหรอื จงึ มาถึงธานี
3. เปน็ เหตุใหญ่ไพรจี ะมมี า เสวกาจะคิดอา่ นประการใด
4. แตก่ อ่ นเลา่ ข้าวปลาหาอยา่ งไร จงึ ได้ไวใ้ นเสบยี งพอเลี้ยงพล
5. พระบดิ าพาพระแม่ไปไว้ไหน จรงิ หรือไมโ่ ปรดเกล้าเลา่ แถลง

3.6 R4 (ขนั้ ทบทวน) เหตุท่ีตอบข้อ........ เพราะ...................................................................................
............................................................................................................................. ......................................
............................................................................................................................. ......................................

27

ข้อท่ี 4 ข้อใดไม่ได้กลา่ วถงึ ความงามของผู้หญิง
1. พกั ตราจ้มิ ลม้ิ ยมิ้ แยม้
2. น้องนางดแู ฉลม้ แชม่ ชอ้ ย
3. ทรงโฉมประโลมเลศิ ลักขณา
4. จะพิศไหนไมเ่ สียแตส่ ักอย่าง
5. เหน็ นางหน่งึ ประทบั แท่นสุวรรณ

หลกั การวเิ คราะห์วจิ ารณ์โดยใช้ SQ4R
4.๑ S (ขนั้ สํารวจ) เปน็ เร่ืองเก่ียวกบั .......................................................................................................
4.๒ Q (ข้ันต้ังคําถาม) คาถามทสี่ งสัย......................................................................................................
...................................................................................................................................................................
4.๓ R1 (ขั้นอา่ น) ขอ้ ความท่สี มั พนั ธก์ ับคาตอบคือ ................................................................................
4.๔ R2 (ขั้นประมวลความรู้) คาตอบท่ีเลือกคือข้อ.................................................................................
4.5 R3 ให้นักเรยี นโยงเสน้ จากขอ้ ความทส่ี ัมพันธ์กับตวั เลอื กไปยังตัวเลือกแต่ละข้อ, หรือขีดเสน้

ข้อท่ี 4 ข้อใดไม่ได้กล่าวถงึ ความงามของผู้หญิง
1. พักตราจิม้ ล้มิ ยมิ้ แย้ม
2. น้องนางดูแฉล้มแช่มชอ้ ย
3. ทรงโฉมประโลมเลศิ ลกั ขณา
4. จะพิศไหนไม่เสยี แต่สักอย่าง
5. เหน็ นางหนึ่งประทับแท่นสุวรรณ

4.6 R4 (ขน้ั ทบทวน) เหตทุ ี่ตอบข้อ........ เพราะ.....................................................................................
............................................................................................................................. ......................................
.............................................................................................................................. .....................................

28

ขอ้ ท่ี 5 ข้อใดใหจ้ ินตภาพท่ีไม่ใช่ธรรมชาติ
1. งามปราสาทผาดเยี่ยมโพยมมาน ชชั วาลแก้ววะวาวตา
2. คณานกเริงรอ้ งคะนองไพร เสยี งเรไรจกั ระจ่ันสน่ันเนนิ
3. จนแสงทองรองเรืองอร่ามฟ้า พระสุรยิ าเย้ืองเย่ียมเหลี่ยมไศล
4. ฝงู กระโห้โลมาขึ้นคลาคล่าบ้างผุดดาเคลอ่ื นคล้อยลอยสลอน
5. เหล่าละเมาะเกาะเกยี นเหมือนเขยี นวาด งามประหลาดแลหลากดังฉากฉาย

หลักการวเิ คราะห์วิจารณโ์ ดยใช้ SQ4R
5.๑ S (ขัน้ สํารวจ)เปน็ เรื่องเก่ียวกับ.........................................................................................................
5.๒ Q (ขั้นต้งั คาํ ถาม)คาถามที่สงสัย.......................................................................................................
...................................................................................................................................................................
5.๓ R1 (ขั้นอา่ น) ข้อความทีส่ ัมพนั ธ์กับคาตอบคือ
.................................................................................
5.๔. R2 (ขนั้ ประมวลความรู้) คาตอบทเ่ี ลือกคอื ขอ้ ...............................................................................
5.5 R3 ให้นกั เรยี นโยงเส้นจากข้อความทีส่ ัมพนั ธ์กบั ตวั เลอื กไปยังตวั เลือกแตล่ ะข้อ, หรือขดี เสน้

ขอ้ ที่ 5 ข้อใดให้จินตภาพที่ไมใ่ ช่ธรรมชาติ
1. งามปราสาทผาดเย่ียมโพยมมาน ชัชวาลแก้ววะวาวตา
2. คณานกเรงิ รอ้ งคะนองไพร เสยี งเรไรจักระจ่ันสนั่นเนนิ
3. จนแสงทองรองเรืองอรา่ มฟ้า พระสุรยิ าเย้ืองเยี่ยมเหลี่ยมไศล
4. ฝงู กระโห้โลมาข้ึนคลาคลา่ บา้ งผดุ ดาเคลื่อนคลอ้ ยลอยสลอน
5. เหลา่ ละเมาะเกาะเกียนเหมือนเขียนวาด งามประหลาดแลหลากดังฉากฉาย

5.6 R4 (ขัน้ ทบทวน) เหตทุ ี่ตอบข้อ........ เพราะ.....................................................................................
............................................................................................................................. ......................................
.............................................................................................................................. .....................................

29

ตอนท่ี 2

คาํ ส่งั ให้นักเรยี นอ่านขอ้ สอบแตล่ ะขอ้ จากน้ันหาคาตอบแบบรวบรัดโดยการโยงเส้นตัวเลอื กให้

สัมพนั ธ์กับข้อความ หรอื ขีดเส้นตรงประเด็นที่เป็นตัวบ่งช้ีคาตอบ จากนน้ั ทาเคร่ืองหมาย X ยงั ตัวเลือกที่

เป็นคาตอบท่ถี ูกดอ้ ง (ข้อละ 2 คะแนน)

1. คาประพนั ธ์ต่อไปนี้มีลักษณะเดน่ ในด้านใด

“พาทีมีสติรัง้ รอคดิ

รอบคอบชอบแลผดิ ก่อนพร้อง

คาพูดพ่างลิขิต เขยี นรา่ ง เรียงแฮ

ฟังเพราะเสนาะต้อง โสตทัง้ ห่างภัย”

1. สัมผสั สระ

2. สมั ผสั พยญั ชนะ

3. การหลากคา

4. การใช้ภาพพจน์

5. การเล่นคา

2. คาประพันธน์ ีใ้ ชก้ ลวิธีการแต่งทเี่ ดน่ ที่สดุ ตามข้อใด
“สงดั เสยี งคนดงั ระฆังเงียบ เยบ็ ยะเยียบยามนอนรมิ เนนิ ผา

เมอื่ ยามแกนแสนทุเรศเวทนา ต้องไสยาอยกู่ ลางนา้ ค้างพราว
ท้ังตอ้ งถา้ อามฤกเมื่อดึกเงยี บ แสนยะเยยี บเน้ือเย็นเปน็ เหน็บหนาว
ทง้ั หนาวลมหนาวพรมนา้ ค้างพราว ไหนจะหนาวซากผาศิลาเย็น
โอ้หนาวอ่นื พอขืนอารมณไ์ ด้ แตห่ นาวใจยากแคน้ นแ้ี สนเข็ญ
ทั้งหนาวนอนไกลนุชสดุ จะเย็น ใครปะเป็นเหมอื นหนึ่งข้าจะว่าจริง”
1. การซา้ คา
2. การหลากคา
3. สัมผัสสระ
4. สัมผสั พยัญชนะ
5. การใชค้ วามเปรียบ

30

3. คาประพันธ์ต่อไปน้ใี ชศ้ ลิ ปะการประพันธ์เด่นท่สี ดุ ตามข้อใด
“แลถนัดในเบ้ืองหน้าโน่น ก็เขาใหญ่ ยอดเยี่ยมโพยมอย่างพยับเมฆ มีพรรณเขียวขาวดาแดงดู

ดิเรก ด่ังรายรตั นนพมณแี นมน่าใคร่ชม ครั้นแสงพระสุริยะส่องระดมก็ดูเด่นดั่งดวงดาว วาวแวววะวาบๆ
ที่เวงิ้ วงุ้ วจิ ิตรจารสั จารูญรุ่งเป็นสรี ุ้งพุง่ พ้นเพียงคัคนัมพรพน้ื นภากาศ”

1. สัมผัสสระ
2. สมั ผสั พยญั ชนะ
3. การใช้คาอัพภาส
4. การหลากคา
5. การใชค้ วามเปรียบ

4. คาประพันธ์นี้ใช้โวหารภาพพจนใ์ ด จะละเลยเรร่ ่อนไปนอนไหน
ตอ้ ยตะริดตดิ ตี่เจา้ พ่เี อย แม้เดด็ ได้แล้วไม่รา้ งให้หา่ งเลย"

แอ้อี้อ่อยสร้อยฟา้ สุมาลยั
1. อุปลกั ษณโ์ วหาร
2. อปุ มาโวหาร
3. อตพิ จน์โวหาร
4. สัทพจน์โวหาร
5. นามนัยโวหาร

5. คาประพันธ์ข้อใด ใช้โวหารภาพพจนเ์ หมือนคาประพนั ธ์ตอ่ ไปนี้

“เดือนต่าดาวตกนกร้องไห้ ไม้ดอกไม้ใบรว่ งหลน่ ”

1. ดาวแยม้ สรวลทวนเสนาะเสียงเยาะหยนั พระพายผันพรายผ่อนช่างอ่อนไหว

๒. ขาดอะไรในโลกไม่โศกเศร้า เหมอื นกบั เราทั้งชาติขาดภาษา

๓. ดอกไมด้ อกไมจ้ ะบาน บรสิ ุทธ์กิ ล้าหาญจะบานในใจ

๔. นกกระเรียนเวยี นลงหนอง ตรอมเทย่ี วย่องรอ้ งแกร๋แกร๋

๕. คือน้าผง้ึ คือน้าตาคือยาพิษ คือหยาดน้าอมฤตอนั ช่นื ชุ่ม

31
2

6. ขอ้ ใดมคี าศัพทท์ ่ีมคี วามหมายวา่ 'กล่ินหอม'
1. ขจายขจรคนั ธรสรวยรวย
2. น้าใสไขท่อปทุมทอง
3. สอดใส่สนบั เพลาอลงการ์
4. เข้าทส่ี รงสนานสาราญสกนธ์
5. ทบั ทรวงดวงกดุ ่นั บรรจง

7. ศิลปะการประพันธข์ ้อใดไม่ปรากฏในคาประพนั ธ์ขา้ งต้น
โออ้ ุรารุ่มร้อนอ่อนกาลงั
ถึงบางผ้งึ ผ้ึงรงั ก็รัง้ รา้ ง
พร่ี ้างนางรา้ งรักสมัครหมาย
มาแสนยากฝากผีกับเพอื่ นชาย
แมเ่ พื่อนตายมิได้มาพยาบาล
1. การเล่นคา
2. การหลากคา
3. สัมผัสพยญั ชนะ
4. สัมผสั สระ
5. การเลน่ เสียงวรรณยกุ ต์

ใชค้ ําประพนั ธต์ ่อไปนตี้ อบคําถามข้อ 8-9 2) เลอื่ มศลิ าแลพราย/
1) เปน็ ชอ่ ชนั้ ซอกผา/ 4) เง้ือมชะงอ่ นงอกหนอ่ /
3) ดงั สีระบายลออออ่ น/ 6) มีแถวธารไหลหลั่ง
5) ยอ้ ยเป็นช่อย่นื ยาน/

8. ข้อใดมจี นิ ตภาพด้านแสงสีตามคาประพนั ธข์ ้างตน้
1. สว่ นที่ 1 และ ส่วนที่ 3
2. ส่วนที่ 2 และ ส่วนท่ี 3
3. สว่ นท่ี 3 และ ส่วนท่ี 4
4. ส่วนท่ี 4 และ ส่วนท่ี 5
5. สว่ นที่ 5 และ ส่วนที่ 6

32

9. คาประพันธข์ า้ งตน้ ส่วนใดมีจินตภาพดา้ นความเคล่ือนไหว
1. สว่ นที่ 2
2. สว่ นที่3
3. สว่ นที่4
4. สว่ นที่ 5
5. ส่วนท่ี6

10. ขอ้ ใดมกี ารใช้ภาพพจน์
1. ที่พึ่งหน่ึงพ่งึ ไดแ้ ต่กายตน เกิดเปน็ คนคิดเห็นจงึ เจรจา
2. มาจอดหนา้ ทา่ วัดพระเมรุข้าม ริมอารามเรือเรียงเคียงขนาน
3. แสยงเส้นโลมาให้อาวรณ์ ถึงดงดอนแดนบา้ นกาญจน์บรุ ี
4. มนุษยน์ ีท้ ร่ี กั อย่สู องสถาน บดิ ามารดารกั มกั เป็นผล
5. เกศาหอมฟุง้ ดงั ปรุงจันทน์ จะทรงโฉมโนมพรรณอนั ใด

เสร็จแล้วไปตรวจเฉลยหนา้
จากนนั้ พักสักนิดแลว้ ทาแบบทดสอบ

หลงั เรยี นกันนะคะ

33

แบบทดสอบหลังเรยี น

คําช้ีแจง :

1. แบบทดสอบหลงั เรยี นเลม่ ที่ 3 เสนาะวรรณศลิ ป์นเี้ ปน็ แบบปรนยั 5 ตัวเลอื กจานวน
10 ขอ้ คะแนน 10 คะแนนใช้เวลา 10 นาที

2. ให้นกั เรยี นทาเคร่ืองหมายกากบาท (X) ทับตัวเลอื กท่ีถกู ตอ้ งที่สดุ เพยี งข้อเดียวลงใน
กระดาษคาตอบ

1. ขอ้ ใดไม่มีคาศัพทท์ ี่มคี วามหมายเหมอื นกบั คาทข่ี ดี เสน้ ใตใ้ นขอ้ ความต่อไปน้ี
บษุ บกเคลอ่ื นคล้อยลอยฟ้า
1. ผนั ผยองล่องลิว่ นภาลยั
2. ดว้ ยขา้ กาเนิดมาในธาตรี
3. ลอยไปควา้ งคว้างกลางอัมพร
4. จนดาวเดือนเลอื่ นลบั โพยมหน
5. บนั ดาลกายใหญเ่ ยย่ี มเทียมเวหา

2. ขอ้ ใดใชภ้ าพพจน์ชนดิ เดยี วกับคาประพนั ธ์ตอ่ ไปน้ี
สรมขุ มุขสี่ด้าน เพียงพิมานผา่ นเมฆา
1. เรือม้าหน้ามุ่งนา้ แล่นเฉื่อยฉ่าลาระหง
2. เพยี นทองงามด่ังทองไม่เหมือนนอ้ งหม่ ตาดพราย
3. เรือสิงห์ว่งิ เผ่นโผน โจนตามคล่ืนฝนื ฝา่ ฟอง
4. สวุ รรณหงสท์ รงภู่หอ้ ย งามชัดช้อยลอยหลังสินธ์ุ
5. เรอื ครุฑยดุ นาคห้ิว ลวิ่ ลอยมาพาผันผยอง

3. ศลิ ปะการประพนั ธต์ ามข้อใดปรากฏในคาประพนั ธต์ อ่ ไปนี้
กลน่ิ แก้วแก้วกลน่ิ ชดั พระพายพดั รําเพยกระพือ
นามแกว้ ดอกแก้วคือ แก้วเนตรพน่ี ใ้ี ช่ใคร
๑. การเล่นคา
๒. การหลากคา
๓. การใชค้ าอัพภาส
๔. การเลียนเสยี งธรรมชาติ
๕. การเลน่ เสยี งหนักเสียงเบา

34

4. ข้อใดเปน็ คาถามเชิงวาทศิลป์
๑. ใครปองร้ายหมายมาดจงคลาดแคลว้ ใหผ้ ่องแผ้วภญิ โญเดโชชัย
๒. พระมนุ ีนีน้ ามกรใด ธรุ ะไรหรอื จึงมาถึงธานี
๓. เปน็ เหตุใหญ่ไพรีจะมีมา เสวกาจะคิดอ่านประการใด
๔. แตก่ ่อนเล่าข้าวปลาหาอยา่ งไร จงึ ได้ไวเ้ ป็นเสบียงพอเล้ียงพล
๕. พระบดิ าพาพระแม่ไปไว้ไหน จรงิ หรือไม่โปรดเกลา้ เล่าแถลง

ใชค้ าํ ประพันธ์ตอ่ ไปนี้ตอบคําถามขอ้ 5 และ ข้อ ๖
ก. ไพร่พลโหร่ อ้ งเอาชยั เลื่อนลัน่ สน่ันใน พภิ พเพยี งทาลาย
ข. ดมุ หนั หันเหยี นเวยี นวง กกึ ก้องก้องกง สะเทือนท้ังไพรไพรวัน
ค. พระพายวู่วู่สาเนยี ง หวีดหวีดประดังเสียง อึงอลท่ัวทงั้ ปฐพี
ง. แหนแหแ่ ตรสังข์กงั สดาล หง่ึ หง่ึ ฆอ้ งขาน เสยี งกลองกระห่ึมครึ้มเสียง
จ. เสยี งสนั่นคร่นั คร้นื สรวงสวรรค์ เปลวเพลิงพลุ่งพรรณ โรจนร์ ะงมเวยี งชยั

5. ข้อใดมจี นิ ตภาพด้านเสยี งเพียงอย่างเดียว
1. ขอ้ ก
2. ข้อ ข
3. ขอ้ ค
4. ข้อ ง
5. ข้อ จ

6. ข้อใดกล่าวถงึ พาหนะ
1. ข้อ ก
2. ขอ้ ข
3. ขอ้ ค
4. ขอ้ ง
5. ข้อ จ

35

7. ข้อใดเปน็ คาถามเชิงวาทศิลป์ เจ้านมี้ ีนามกรใด
๑. บอกพ่อเถิดราอย่าโศกี พจ่ี ะให้ไปรับโอรสา
๒. น้องรกั เจา้ จะเห็นเปน็ ไฉน เสนเี ร่งไปเอาตัวมา
๓. กุมารารูปร่างนัน้ อย่างไร กรรมเอย๋ เวรใดไดท้ ามา
๔. เอาไว้กไู ม่สบายเลย หรอื จะช่วยเชษฐาราวี
๕. เจ้าจะอยูท่ าการในพารา

8. ขอ้ ใดไมใ่ ชภ่ าพพจน์
๑. ว่ามพี ญาสกุณา ใหญ่โตมโหฬาร์ กายาเท่าเขาคีรี
๒. พระชวนนวลนอน เขญ็ ใจไม้ขอน เหมือนหมอนแมน่ า
๓. จันทราคลาเคลื่อน กระเวนไพรไกเ่ ถื่อนเตือนเพ่ือนขานขนั
๔. เดชพระกศุ ลหนหลงั สิ่งใดใจหวงั ได้ดง่ั มุ่งมาดปรารถนา
๕. ระวังตวั กลวั ครหู นเู อย๋ ไมเ้ รียวเจยี วเหวยกูเคยเข็ดหลาบหวาบเขวียว

9. ข้อใดไมม่ กี ารใช้คาอัพภาส
๑. ยะเหยาะเหย่าทุกฝยี ่างไม่หย่อนหยดุ
๒. พระนางยิง่ หมองศรีโศกกาสรดสะอกึ สะอ้นื
๓. อุตสาหะตระตรากตระตราเตรด็ เตรห่ าผลาผลไม้
๔. ทรงพระสรวลสารวลรา่ ระรืน่ เรงิ รับรับเอาขอคาน
๕. เสรจ็ ดว่ นๆ ดะดุ่มเดนิ เมิลมงุ่ ละเมาะไมม้ องหมอบ

10. ศลิ ปะการประพนั ธ์ตามข้อใดปรากฏในคาประพันธต์ ่อไปน้ี
กลน่ิ แกว้ แก้วกลน่ิ ชัด พระพายพัดราเพยกระพือ
นามแกว้ ดอกแก้วคือ แกว้ เนตรพ่ีน้ีใช่ใคร
๑. การเล่นคา
๒. การหลากคา
๓. การใช้คาอัพภาส
๔. การเลียนเสยี งธรรมชาติ
๕. การเล่นเสยี งหนกั เสยี งเบา

36

ชอ่ื ..............................................................ชนั้ .................เลขที่.....................

กระดาษคําตอบแบบทดสอบหลังเรยี น

ข้อ ตวั เลอื ก
12345

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

เกณฑ์การประเมิน

- ตอบถกู ขอ้ ละ 1 คะแนน
- ตอบผดิ / ไมต่ อบหรือตอบมากกวา่ 1 ขอ้ ข้อละ 0 คะแนน

แปลผลคะแนน เปน็ ไงบา้ งคะทาไดด้ ีกว่าการ
ทดสอบก่อนเรยี นไหมคะลอง
8 – 10 คะแนนดี ไปเปดิ เฉลยหน้า ๔๐ ดูนะคะ
5 – 7 คะแนนพอใช้
0 – 4 คะแนนปรับปรุง

37

บรรณานุกรม

กระทรวงศึกษาธกิ าร. (๒๕๕๒). หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑.
กรงุ เทพฯ: โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

_________. (๒๕๕๕). วรรณคดีวิจกั ษ์. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค.
ศกึ ษาธิการ, กระทรวง. (๒๕๕๐). การจัดการเรยี นการสอนภาษาไทยเพื่อพัฒนาทกั ษะการคดิ .

กรุงเทพมหานคร: สถาบนั ภาษาไทย สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา สานกั งาน
คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน.
จิรวัฒน์ เพชรรัตน์. (๒๕๕๖). การอา่ นเพ่ือพัฒนาคณุ ภาพชีวิต. กรงุ เทพฯ: โอ.เอส.พร้ินต้ิงเฮ้าส์.
ปิง เจรญิ ศริ ิวฒั น์. (2561). คลังข้อสอบภาษาไทย 1,000 ขอ้ . พิมพค์ ร้ังท่ี 58. กรงุ เทพฯ: รงุ่ เรือง
สาส์นการพิมพ์.
ฝา่ ยวชิ าการบริษัทสานักพมิ พ์เอมพนั ธ์ จากัด. (๒๕๕๗). คู่มอื ครูภาษาไทย ๖ เล่ม ๒. นนทบรุ ี: เอมพันธ์.
เพ็ญศรี จนั ทร์ดวง. (๒๕๕๕). ภาษาไทยชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๖. กรุงเทพฯ: แม็ค.
ภาสกร เกิดอ่อน และคณะ. (ม.ป.ป.). วรรณคดีและวรรณกรรม ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๖. พิมพค์ ร้ังที่ ๕.
กรงุ เทพฯ: อกั ษรเจรญิ ทศั น์.
__________. (๒๕๕๖). คู่มอื ครูรายวิชาภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ม.๖. กรงุ เทพฯ:
อักษรเจริญทศั น์.
วีระ สดุ สงั ข.์ (2550). การคิดวิเคราะห์ คดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ และคิดสร้างสรรค์.กรงุ เทพฯ:
สุวีริยาสาสน์ .
วราวรรณ จันทรนวุ งศ์ และก่ิงฟสู นิ ธวุ งษ์. (๒๕๕๗). การคิดและการคิดเกยี่ วกับการรู้: แนวการจดั การ
เรยี นรเู้ พื่อพฒั นาการคิดของผู้เรียน. ขอนแก่น: คลงั นานาวิทยา.
สถาบนั พัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.) (2560). หลักภาษาและการใชภ้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5.
กรุงเทพฯ: สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)
__________. (๒๕๕๕). วรรณคดแี ละวรรณกรรม. กรุงเทพฯ: บริษทั พฒั นาคุณภาพวชิ าการ.
สอางค์ ดาเนินสวสั ดิ์. (ม.ป.ป.). สรุปความรู้รวบยอดพชิ ติ O-NET ม. 6. กรุงเทพฯ: อมรการพิมพ์.
สุวฒั น์ ววิ ฒั นานนท์. (๒๕๕๐). ทักษะการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี น. พมิ พค์ รงั้ ที่ ๒. นนทบุรี: ซ.ี ซ.ี
นอลลิดจล์ งิ คส์.
เอมอร เนียมน้อย. (2551). พฒั นาการอา่ นอยา่ งมวี จิ ารณญาณด้วยวธิ ี SQ4R. กรุงเทพฯ:
สรุ วี ิยาสาสน.์
อรณุ รัชช์ แสงพงษ์. (2018). ตีปอ้ ม ไทย 9 วิชาสามญั ม.ปลาย. กรุงเทพฯ: GANBATTE.

38

ภาคผนวก

39

เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น

1. 2
2. 1
3. 1
4. 1
5. 4
6. 2
7. 2
8. 4
9. 2
10. 1

เปน็ ไงบ้างคะ ผลการสอบ ไม่ต้อง
เสยี ใจนะคะ เด๋ียวพอเราเรียนรู้
จากแบบฝึกไปดว้ ยกนั ครเู ช่อื ว่า

คะแนนต้องดีขึ้นแนน่ อนค่ะ

40

เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น

1. 2
2. 2
3. 1
4. 1
5. 4
6. 2
7. 1
8. 4
9. 2
10. 1

เห็นไหม ไดค้ ะแนนเพิ่มขน้ึ จากเดมิ
ต้ังเยอะ ครูอยากให้นกั เรียน
พยายามฝึกทาขอ้ สอบใหบ้ ่อยๆ

จะได้เกดิ ความชานาญยงิ่ ข้ึนนะคะ

41

เฉลยแบบฝึกทกั ษะ ตอนท่ี 1

เกณฑ์การให้คะแนน

แบบฝกึ ทกั ษะ ตอนท่ี 1 มี 5 ขอ้ แต่ละข้อมี 6 ข้อย่อย ข้อละ 1 คะแนน

ข้อ 1

1.1 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเม่ือตอบในประเด็นหรอื คําตอบมีนยั เดียวกบั ข้อความต่อไปน้ี

- เธอ - บทรอ้ ยกรองทต่ี ้องสังเกตศลิ ปะการประพนั ธ์

- ไม่ไดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เม่อื ใหค้ าํ ตอบท่ไี มเ่ กีย่ วข้อง หรือไมส่ มบรู ณ์ หรือไมต่ อบ

1.2 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมอื่ ตอบในประเดน็ หรือคําตอบมนี ัยเดยี วกับข้อความต่อไปน้ี

- เปน็ เร่อื งเก่ียวกบั อะไร –ใชศ้ ิลปะการประพันธอ์ ะไรบ้าง

- หลกั การสังเกตการณใ์ ช้ศิลปะการประพนั ธ์ดูตรงไหนบ้าง

- ไมไ่ ดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมื่อให้คําตอบทไ่ี ม่เกยี่ วข้อง หรือไม่สมบรู ณ์ หรือไมต่ อบ

1.3 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเมื่อตอบในประเด็นหรอื คาํ ตอบมีนัยเดียวกบั ข้อความต่อไปนี้

- ความสาเรจ็ รอโอบกอดเธอ

- ไมไ่ ดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมื่อใหค้ าํ ตอบที่ไม่เกี่ยวขอ้ ง หรือไมส่ มบรู ณ์ หรือไมต่ อบ

1.4 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมอ่ื ตอบในประเด็นหรือคาํ ตอบมนี ัยเดยี วกับข้อความต่อไปน้ี

- 2.บุคคลวตั

- ไม่ได้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมอื่ ใหค้ ําตอบทไี่ มเ่ กี่ยวข้อง หรือไม่สมบูรณ์ หรือไมต่ อบ

1.5 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเมือ่ โยงเสน้ ตามน้ี

คาถามข้อที่ 1 ศลิ ปะการประพันธ์ตามขอ้ ใดปรากฏในคาํ ประพนั ธ์ขา้ งตน้

ท้ังสิ้นคอื เส้นทางทีส่ รา้ งได้ เพียงเธอใช้ความรักเป็นแรงขับ

ขับเคล่ือนความฝันอันระยับ ขึน้ อยกู่ ับเธอทุ่มเทมากเท่าใด

...เหนือ่ ยแตอ่ ย่ายอมท้อบนเส้นทาง ทกุ ก้าวยา่ งยังวาดหวังยงั เคลอ่ื นไหว

ความสาเร็จรอโอบกอดเธอไม่ไกล เพียงเธอใชห้ วั ใจรักช่วยผลักดัน

1. สญั ลักษณ์ 2. บุคคลวัต

3. การเลน่ คา 4. การหลากคา

5. การเลน่ เสียงหนักเบา

- ไมไ่ ด้คะแนน หรือ ได้ 0 คะแนนเมื่อไมโ่ ยงหรือโยงไม่ถูกต้อง

1.6 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเมอ่ื ตอบในประเดน็ หรือคาํ ตอบมีนยั เดียวกับขอ้ ความต่อไปนี้
- เหตุท่ตี อบ ข้อ 2.บุคคลวัต เพราะความสาเรจ็ ไม่ใชม่ นุษย์แต่ทาอาการเหมือนมนุษย์ คือโอบกอด

- ไมไ่ ดค้ ะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมื่อให้คําตอบที่ไมเ่ กีย่ วข้อง หรือไมส่ มบูรณ์ หรือไมต่ อบ

42

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

แบบฝึกทกั ษะตอนที่ 1 ข้อละ 1 คะแนน
ข้อ 2

2.1 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเมื่อตอบในประเด็นหรอื คําตอบมีนยั เดียวกบั ขอ้ ความต่อไปนี้
- การชมรูปรา่ ง หรอื
- การชมรปู รา่ งผ้หู ญิง

- ไมไ่ ด้คะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมื่อให้คําตอบท่ีไมเ่ กยี่ วขอ้ ง หรือไม่สมบูรณ์ หรือไม่ตอบ
2.2 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมือ่ ตอบในประเดน็ หรือคําตอบมนี ัยเดียวกบั ข้อความต่อไปน้ี

- เปน็ เรอ่ื งเกยี่ วกบั อะไรหรอื
– มีการใชภ้ าพพจนอ์ ะไร
- ไมไ่ ด้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมื่อใหค้ ําตอบที่ไม่เกย่ี วขอ้ ง หรือไม่สมบูรณ์ หรือไม่ตอบ
2.3 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมอ่ื ตอบในประเดน็ หรอื คาํ ตอบมนี ยั เดยี วกับขอ้ ความต่อไปนี้
- งามละม้ายคล้ายอฐู กะหลาป๋า หรือ
- ทั้งสองแก้มกัลยาดังลูกยอ
- ไมไ่ ด้คะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมอ่ื ให้คาํ ตอบที่ไม่เกย่ี วข้อง หรือไม่สมบรู ณ์ หรือไมต่ อบ
2.4 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเมื่อ ตอบในประเด็นหรือคาํ ตอบมีนัยเดยี วกับข้อความต่อไปน้ี
1. อปุ มา
- ไมไ่ ดค้ ะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมือ่ ให้คําตอบที่ไมเ่ กยี่ วขอ้ ง หรือไมส่ มบรู ณ์ หรือไม่ตอบ
2.5 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมื่อ โยงเสน้ ตามนี้
คาถามข้อที่ 2 คําประพนั ธ์ต่อไปนใี้ ช้ภาพพจนต์ ามขอ้ ใด
สงู ระหงทรงเพรยี วเรยี วรดู งามละม้ายคล้ายอูฐกะหลาป๋า

พศิ แตห่ ัวตลอดเทา้ ขาวแต่ตา ทั้งสองแก้มกลั ยาดงั ลูกยอ
1. อุปมา
2. อุปลกั ษณ์
3. สัญลักษณ์
4. สัทพจน์
5. บุคคลวตั

- ไม่ได้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมอื่ ไมโ่ ยงหรอื โยงไม่ถูกต้อง
2.6 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเม่อื ตอบในประเดน็ หรอื คาํ ตอบมนี ัยเดียวกับข้อความต่อไปน้ี

- เหตุท่ีตอบข้อ 1. อปุ มาเพราะมคี าวา่ คลา้ ย และดงั เชน่ งามละม้ายคล้ายอูฐกะหลาป๋า, ทั้ง
สองแก้มกัลยาดังลูกยอ

- ไมไ่ ด้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมอ่ื ใหค้ ําตอบทไ่ี ม่เกี่ยวขอ้ ง หรือไมส่ มบูรณ์ หรือไมต่ อบ

43

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

แบบฝกึ ทักษะตอนที่ 1 ข้อละ 1 คะแนน
ข้อ 3

3.1 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมื่อตอบในประเด็นหรอื คําตอบมีนยั เดยี วกบั ข้อความต่อไปน้ี
-บทร้อยกรองท่ีถามเร่ืองคาถามเชงิ วาทศิลป์

- ไมไ่ ด้คะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมอ่ื ใหค้ าํ ตอบที่ไม่เก่ียวขอ้ ง หรือไมส่ มบูรณ์ หรือไมต่ อบ
3.2 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเม่อื ตอบในประเด็นหรือคาํ ตอบมนี ัยเดยี วกบั ข้อความต่อไปน้ี

- เป็นเรอ่ื งเกี่ยวกบั อะไรหรอื
– ขอ้ ใดมคี าถามเชิงวาทศิลป์
- ไมไ่ ดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เม่ือให้คาํ ตอบทีไ่ ม่เกี่ยวขอ้ ง หรือไม่สมบูรณ์ หรือไมต่ อบ
3.3 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมือ่ ตอบในประเดน็ หรอื คาํ ตอบมนี ยั เดยี วกับข้อความต่อไปน้ี
- ใครปองร้ายหมายมาดจงคลาดแคลว้ ใหผ้ ่องแผว้ ภิญโญเดโชชยั
- ไมไ่ ดค้ ะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมือ่ ให้คาํ ตอบทีไ่ ม่เกย่ี วขอ้ ง หรือไมส่ มบูรณ์ หรือไมต่ อบ
3.4 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมื่อ ตอบในประเด็นหรือคาํ ตอบมีนัยเดียวกับข้อความต่อไปนี้
- 1. ใครปองร้ายหมายมาดจงคลาดแคล้ว ให้ผอ่ งแผ้วภิญโญเดโชชัย
- ไม่ได้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เม่อื ให้คาํ ตอบทีไ่ ม่เกย่ี วขอ้ ง หรือไมส่ มบูรณ์ หรือไม่ตอบ
3.5 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเม่ือ โยงเสน้ ตามนี้
คาถามข้อท่ี 3 ขอ้ ใดเปน็ คาํ ถามเชิงวาทศิลป์

1. ใครปองร้ายหมายมาดจงคลาดแคล้ว ให้ผอ่ งแผ้วภญิ โญเดโชชัย
2. พระมุนนี นี้ ามกรใด ธรุ ะไรหรือจงึ มาถึงธานี
3. เป็นเหตใุ หญไ่ พรจี ะมีมา เสวกาจะคดิ อ่านประการใด
4. แตก่ ่อนเลา่ ข้าวปลาหาอย่างไร จึงได้ไวใ้ นเสบียงพอเล้ียงพล
5. พระบิดาพาพระแม่ไปไว้ไหน จริงหรอื ไมโ่ ปรดเกลา้ เลา่ แถลง
- ไม่ได้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เม่ือไมโ่ ยงหรือโยงไม่ถูกตอ้ ง

3.6 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเมื่อตอบในประเดน็ หรือคาํ ตอบมนี ัยเดยี วกบั ขอ้ ความตอ่ ไปนี้
- เหตุทีต่ อบ ข้อ 1. ใครปองร้ายหมายมาดจงคลาดแคล้ว ให้ผ่องแผว้ ภญิ โญเดโชชัย

เพราะตัวเลือกที่ 1 เปน็ คาถามทไ่ี ม่ต้องการคาตอบ ส่วนตัวเลอื กอนื่ เป็นคาถามที่ต้องการคาตอบ
- ไมไ่ ด้คะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมือ่ ให้คาํ ตอบทไี่ มเ่ กย่ี วข้อง หรือไม่สมบรู ณ์ หรือไมต่ อบ

44

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

แบบฝกึ ทักษะตอนที่ 1 ข้อละ 1 คะแนน
ขอ้ 4

4.1 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเม่ือตอบในประเดน็ หรือคาํ ตอบมีนยั เดียวกับข้อความต่อไปนี้
- บทร้อยกรอง หรอื
- ความงามของผหู้ ญงิ

- ไม่ไดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมอ่ื ใหค้ าํ ตอบทีไ่ ม่เกี่ยวขอ้ ง หรือไมส่ มบูรณ์ หรือไม่ตอบ
4.2 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมอื่ ตอบในประเดน็ หรือคําตอบมีนัยเดียวกับข้อความต่อไปนี้

- เป็นเรื่องเกยี่ วกับอะไร
– ขอ้ ใดไม่ไดก้ ลา่ วถงึ ความงามของผูห้ ญิง
- ไม่ไดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมอ่ื ให้คําตอบท่ไี ม่เกย่ี วข้อง หรือไม่สมบูรณ์ หรือไมต่ อบ
4.3 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเม่ือตอบในประเดน็ หรือคําตอบมนี ยั เดยี วกับขอ้ ความตอ่ ไปน้ี
- เหน็ นางหน่ึงประทบั แท่นสุวรรณ
- ไมไ่ ด้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เม่อื ให้คาํ ตอบที่ไมเ่ กีย่ วข้อง หรือไม่สมบูรณ์ หรือไมต่ อบ
4.4 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเม่ือ ตอบในประเด็นหรือคาํ ตอบมีนัยเดียวกบั ข้อความต่อไปนี้
- 5. เหน็ นางหน่งึ ประทับแท่นสวุ รรณ
- ไม่ได้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมือ่ ใหค้ ําตอบที่ไมเ่ กยี่ วข้อง หรือไมส่ มบูรณ์ หรือไมต่ อบ
4.5 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเมื่อ โยงเส้นตามน้ี
คาถามข้อที่ 4 ขอ้ ใดไม่ได้กล่าวถึงความงามของผู้หญิง
1. พักตราจิ้มลิ้มยิ้มแยม้
2. นอ้ งนางดูแฉล้มแชม่ ช้อย
3. ทรงโฉมประโลมเลิศลกั ขณา
4. จะพิศไหนไมเ่ สียแต่สกั อย่าง
5. เหน็ นางหนึง่ ประทบั แทน่ สุวรรณ
- ไมไ่ ด้คะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมื่อไมโ่ ยงหรือโยงไม่ถูกตอ้ ง
4.6 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเม่อื ตอบในประเดน็ หรอื คําตอบมนี ยั เดียวกับขอ้ ความต่อไปน้ี
- เหตุท่ตี อบ ข้อ 5. เหน็ นางหนึง่ ประทับแท่นสวุ รรณ เพราะตวั เลือกข้ออ่นื มีการชมความงามของ
ผหู้ ญงิ ทุกข้อ คือ 1) พักตราจ้ิมลิ้ม 2) นอ้ งนางดูแฉล้มแชม่ ช้อย 3) ทรงโฉมประโลมเลศิ
ลกั ขณา 4) จะพิศไหนไม่เสยี แตส่ กั อยา่ งแตต่ ัวเลอื กท่ี 5) เป็นการบอกแค่เพยี งมีผูห้ ญงิ คนหนงึ่
น่งั อยู่
- ไม่ไดค้ ะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เม่อื ใหค้ าํ ตอบที่ไม่เก่ยี วขอ้ ง หรือไมส่ มบูรณ์ หรือไมต่ อบ

45

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

แบบฝกึ ทักษะตอนท่ี 1 ข้อละ 1 คะแนน
ขอ้ 5

5.1 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเม่ือตอบในประเดน็ หรือคาํ ตอบมีนยั เดยี วกับข้อความต่อไปนี้
- บทรอ้ ยกรอง หรือ
- รอ้ ยกรองทมี่ จี นิ ตภาพ

- ไม่ได้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมอื่ ให้คาํ ตอบที่ไมเ่ กี่ยวขอ้ ง หรือไม่สมบรู ณ์ หรือไมต่ อบ
5.2 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเม่ือ ตอบในประเด็นหรือคําตอบมนี ัยเดียวกับข้อความต่อไปน้ี

- เปน็ เร่ืองเก่ียวกับอะไร
– ข้อใดมีจนิ ตภาพที่ไม่ใช่ธรรมชาติ
- ไม่ได้คะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมอ่ื ให้คําตอบท่ีไมเ่ กย่ี วข้อง หรือไม่สมบูรณ์ หรือไม่ตอบ
5.3 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเม่ือตอบในประเดน็ หรือคาํ ตอบมีนยั เดยี วกบั ขอ้ ความตอ่ ไปน้ี
- งามปราสาทผาดเย่ียมโพยมมาน ชัชวาลแก้ววะวาวตา
- ไม่ไดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมื่อใหค้ ําตอบทไ่ี ม่เก่ียวขอ้ ง หรือไม่สมบรู ณ์ หรือไมต่ อบ
5.4 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเม่ือ ตอบในประเด็นหรือคําตอบมนี ัยเดยี วกบั ข้อความต่อไปน้ี
1. งามปราสาทผาดเย่ียมโพยมมาน ชัชวาลแก้ววะวาวตา
- ไม่ไดค้ ะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมื่อให้คําตอบที่ไมเ่ ก่ียวข้อง หรือไมส่ มบรู ณ์ หรือไมต่ อบ
5.5 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมือ่ โยงเส้นตามนี้
คาถามข้อท่ี 5ข้อใดให้จินตภาพที่ไม่ใช่ธรรมชาติ
1. งามปราสาทผาดเยี่ยมโพยมมาน ชัชวาลแก้ววะวาวตา
2. คณานกเรงิ รอ้ งคะนองไพร เสียงเรไรจกั ระจ่ันสนั่นเนนิ
3. จนแสงทองรองเรืองอร่ามฟ้า พระสรุ ยิ าเยื้องเยี่ยมเหล่ียมไศล
4. ฝงู กระโหโ้ ลมาขึ้นคลาคลา่ บ้างผุดดาเคลอ่ื นคลอ้ ยลอยสลอน
5. เหล่าละเมาะเกาะเกียนเหมือนเขียนวาด งามประหลาดแลหลากดังฉากฉาย
- ไมไ่ ดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมอ่ื ไมโ่ ยงหรอื โยงไมถ่ ูกตอ้ ง
5.6 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเมื่อตอบในประเดน็ หรือคาํ ตอบมนี ยั เดยี วกบั ข้อความตอ่ ไปน้ี
- เหตุทต่ี อบ ข้อ 1. งามปราสาทผาดเย่ียมโพยมมานชชั วาลแก้ววะวาวตาเพราะตวั เลือกนี้มีคาว่า
ปราสาท ซึงเป็นสงิ่ ทม่ี นุษย์สร้างขึ้นไม่ใช่ธรรมชาติ ส่วนข้ออ่ืนเปน็ ธรรมชาติหมด
- ไม่ไดค้ ะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมื่อให้คําตอบทไ่ี มเ่ กยี่ วขอ้ ง หรือไมส่ มบูรณ์ หรือไมต่ อบ

46

แบบฝกึ ทักษะ ตอนที่ 2

เกณฑก์ ารให้คะแนน

แบบฝึกทกั ษะ ตอนท่ี 2 ข้อละ 2 คะแนน

ข้อ 1
1. คําประพนั ธ์ตอ่ ไปน้ีมีลกั ษณะเดน่ ในด้านใด
1.1 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเมอื่ โยงเสน้ ใดเสน้ หนึ่งหรือหลายเส้นตามน้ี
“พาทีมสี ติรั้ง รอคิด
รอบคอบชอบแลผิด ก่อนพรอ้ ง
คาพดู พา่ งลขิ ิต เขยี นร่าง เรียงแฮ
ฟังเพราะเสนาะต้อง โสตทั้งหา่ งภัย”
1. สมั ผสั สระ
2. สมั ผสั พยญั ชนะ
3. การหลากคา
4. การใชภ้ าพพจน์
5. การเล่นคา
- ไมไ่ ดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เม่ือโยงเสน้ ไม่ตรงสกั เส้นหรือไม่โยงเส้น

1.2 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมื่อทําเครื่องหมาย X ตรงตวั เลอื กตอ่ ไปนี้
-3
- ไมไ่ ดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เม่อื ทําเครอ่ื งหมาย X ตรงตวั เลอื กที่ไมเ่ กี่ยวข้อง


Click to View FlipBook Version