ใบความรู้ท่ี 3.10
เร่อื ง บทบาทของสถาบนั พระมหากษตั ริย์ในการพัฒนาชาติไทย
จากพัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์ของไทยต้ังแต่สมัยโบราณจนถึงสมยั ปจั จุบัน สถาบันพระมหากษัตรยิ ม์ ี
ความสำคัญอย่างย่ิงต่อสงั คมไทย รวมถงึ ประเทศไทยอย่างตอ่ เนือ่ ง ถึงแมว้ ่าจะย้อนกลับไปในสมัยสุโขทัย อยุธยา
ธนบุรี จนกระทั่งถึงสมัยรัตนโกสินทร์ในยุคปัจจุบัน สถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีบทบาทสำคัญในการสถาปนา
อาณาจักร เสรมิ สรา้ งความเจรญิ ก้าวหน้าใน ด้านตา่ งๆ ใหก้ ับสังคมไทยและประเทศชาติ ไม่วา่ จะเป็นการป้องกัน
และรักษาเอกราชของชาติ การสร้างสรรคว์ ฒั นธรรมไทย การทำนบุ ำรงุ การฟ้ืนฟดู ้านเศรษฐกิจ หรือการยกฐานะ
เกียรติภูมิ ของคนไทยให้ทันสมัย เป็นต้น ถ้าคนไทยทุกคนศึกษาประวัตศิ าสตร์ไทยด้วยความสำนึกของความเป็น
ไทยอย่างแท้จริง ก็จะพบว่าที่ประเทศไทยสามารถดำรงอยู่ได้มาจนกระทัง่ ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะบทบาทของ
สถาบนั พระมหากษัตริย์
1. ลักษณะและความเป็นมาของสถาบันพระมหากษัตรยิ ์
คำวา่ “สถาบนั ” ทางด้านสังคมวทิ ยา หมายถึง แบบในการคดิ การกระทำเรือ่ งสำคญั เร่อื งต่างๆ ของคนใน
สังคมหนึ่ง จัดได้ว่าเป็นสถาบันของสังคมใหญ่ การกระทำทางสังคมมีการปฏิบัติสืบต่อกันมา โดยมีแบบอย่าง
ชัดเจน และเป็นที่ยอมรับของสังคม เช่น สถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา สถาบัน
ศาสนา สถาบนั การเมอื งการปกครอง เปน็ ต้น
สำหรับคำวา่ “พระมหากษัตริย์” เปน็ คำท่รี ะบุใหเ้ ห็นหน้าที่ของพระมหากษัตริยอ์ ย่างหน่งึ แต่ยังมคี ำอ่นื ๆ
ที่แสดงถึงอำนาจหน้าที่แตกต่างกนั ออกไป ดังนี้
(1) “พระเจ้าอยู่หัว” หมายถึง การยอมรับในสภาพความเป็นเทพเจ้า ขณะเดียวกันก็เป็นประมุขแห่งรัฐ
หรือเปน็ หัวหนา้ ผ้คู นท้งั ปวง
(2) “พระเจ้าแผน่ ดิน ” หมายถึง ผซู้ งึ่ เปน็ เจ้าของแผน่ ดนิ ทัง้ ประเทศ แล้วพระราชทานสทิ ธิน้ันใหแ้ ก่
ราษฎรท่ัวไปไดท้ ำมาหากนิ ตามพระราชอำนาจ
(3) “เจา้ ชีวติ ” หมายถึง ราษฎรมอบหมายพระราชอำนาจให้แก่พระมหากษตั ริย์ได้ทรงเป็นเจา้ ของชวี ิต
ของราษฎร ซ่งึ ราษฎรมอบหมายพระราชอำนาจให้ทรงส่ังลงโทษประหารชวี ติ หรอื มหี น้าท่ที ี่จะคมุ้ ครองชีวติ หรอื ยก
โทษไมต่ อ้ งถกู ลงโทษประหารชวี ิตให้กับราษฎรได้
(4) “ธรรมราชา” หมายถึง ทรงเปน็ ผรู้ ักษาธรรมและปฏบิ ตั ธิ รรมดว้ ยการอยใู่ นศีลธรรมและทรงบำเพญ็
พระราชกศุ ลทงั้ ปวง และทรงเป็นตน้ แห่งความยุติธรรม ทรงปฏบิ ตั ิทศพิธราชธรรมโดยเครง่ ครัด
(5) “พระมหากษัตริย์” หมายถึง นักรบผูย้ ง่ิ ใหญ่ หรือผู้ทีเ่ ปน็ จอมทัพสำหรับป้องกนั พระราชอาณาจกั ร
พระมหากษัตริย์จึงทรงเปน็ จอมทพั
ดังนั้น คำว่า “พระมหากษัตริย์” ในภาษาไทยจึงมีความหมายถึง 5 ลักษณะ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วขา้ งตน้
โดยรวมสิทธิ อำนาจ และหน้าทีข่ องพระมหากษัตริย์ผสมผสานเขา้ กันจนกระทั่ง พระมหากษตั ริยข์ องไทยเกิดขึ้น
เปน็ ลกั ษณะอีกรูปหนึง่ ถงึ แม้วา่ พระมหากษตั ริย์ไทยจะมีลกั ษณะของความเปน็ สมมติเทพ แตก่ ท็ รงเป็นสมมติเทพ
ด้วยขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งภายหลังคนไทยก็เห็นว่าเป็นประเพณีที่งดงาม ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ระหวา่ งพระมหากษัตริยก์ บั ประชาชนก็มีมาโดยตลอดไม่เคยทีจ่ ะตดั ขาดจากกนั ได้
ภาพ 1 ภาพวาดจินตนาการพอ่ ขนุ รามคำแหงมหาราชเสดจ็ ออกมารบั ฟงั เรื่องราวร้องทกุ ข์ และชว่ ย
ดำเนนิ การพิพากษาคดีให้กับราษฎรท่ไี ด้รบั ความเดือดร้อนตา่ งๆ
ทีม่ า : https://sites.google.com/site/history21105/laksna-khwam-samphanth-rahwang-phra-mha-
ksatriy-kab-rasdr
สบื คน้ เมอ่ื : 2 พฤษภาคม 2562
จะเหน็ ไดว้ ่า สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์เป็นสถาบันที่สงั คมไทยให้ความสำคญั และสามารถดำรงอยู่มาได้โดย
ตลอด นับตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันไทยมีพระมหากษัตริย์ปกครองแผ่นดินเรื่อยมาไม่ขาดสาย
แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของสังคมไทยก็ตาม เพราะฉะนั้นสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยจึงเรียกไดว้ ่า
เป็นสถาบันท่มี ั่นคงอย่างยิง่
สำหรบั คตขิ องคนไทยเก่ียวกบั พระมหากษัตรยิ น์ ้ันเปน็ วฒั นธรรมของไทย 2 สมยั คือ วัฒนธรรมสมยั
สุโขทยั ซึ่งมีลักษณะที่เปน็ ไทยแท้ พระมหากษตั ริยข์ องไทยในระยะเร่มิ แรกเปน็ พระมหากษตั ริย์ตามคตทิ ี่เห็นว่า
ทรงเป็นหัวหน้าครอบครวั ใหญ่ จึงเรียกพระมหากษัตริยเ์ ป็นสามญั นามว่า "พ่อเมือง” เปน็ บดิ าของเมอื งและบิดา
ของคนท้ังปวง ถา้ เรยี กเป็นรายพระองค์ เรยี กวา่ “พ่อขนุ ”
ภาพ 2 พระบรมราชานสุ าวรีย์พอ่ ขนุ รามคำแหงมหาราช ณ อทุ ยานประวัตศิ าสตรส์ โุ ขทยั จงั หวัดสุโขทัย
ท่มี า : https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/5411
สบื ค้นเมอ่ื : 2 พฤษภาคม 2562
สำหรับวัฒนธรรมสมัยอยุธยา คติเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรม จากภายนอก
โดยเฉพาะอย่างยงิ่ เขมร ส่วนเขมรก็รับตอ่ มาจากอินเดยี ซึง่ เชอื่ ว่าพระมหากษัตริย์ ทรงเปน็ เทวราชาตามคติความ
เช่อื ในศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู แต่เมอ่ื คนไทยสมยั อยธุ ยารับวฒั นธรรมดังกลา่ วเขา้ มา พระมหากษตั ริย์ของไทยจึงมี
ลักษณะเป็นสมมติเทพ โดยมีวิธกี ารและกฎเกณฑ์ตา่ งๆ ที่จะทำให้คนมีความคล้อยตามคดดี ังกล่าว เช่น มีการใช้
ราชาศัพท์สำหรับพระมหากษัตริย์ และ มีกฎเกณฑ์ต่างๆ ในการเข้าเฝ้า เป็นต้น กฎเกณฑ์เหล่านี้จัดเป็น
ขนบธรรมเนียมประเพณี คติความเชือ่ เกย่ี วกับความเปน็ สมมตเิ ทพขององคพ์ ระมหากษัตริย์ มีมาต้งั แต่สมัยอยุธยา
และยงั คงสบื เน่อื งมาจนถงึ ปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ฐานะของพระมหากษัตริย์ไทยเป็นที่เคารพนับถือและไม่ห่างไกลจากประชาชน
เป็นเพราะสงั คมไทยถอื ครอบครัวเป็นหลกั ในการดำรงชีวิต และพระพทุ ธศาสนาที่คนไทยนบั ถือมีพระรตั นตรัยเป็น
สิง่ ท่เี คารพสงู สุด คอื พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์ ดงั น้นั เมอ่ื เรารับคติความเช่ือว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
สมมติเทพ แต่พระมหากษัตริย์ก็ยังทรงนบั ถอื พระพุทธศาสนา และทรงนบั ถือพระรัตนตรัยเชน่ เดียวกับคนท้ังปวง
ที่สำคัญพระมหากษัตริย์ไทย ทรงประพฤติพระองค์เป็นเสมือน “พ่อ” ของทวยราษฎร์ ทรงให้ความใกล้ชิด และ
ดูแลทกุ ข์สุข ของราษฎรทวั่ แผน่ ดิน
2. สถาบันพระมหากษัตริยก์ บั การพฒั นาชาตไิ ทย
สถาบนั พระมหากษตั ริย์เป็นสถาบนั สำคญั สถาบนั หน่งึ ที่มีส่วนสำคญั ต่อการจรรโลงสงั คมไทย ให้ดำรงอยู่
เชน่ เดียวกบั สถาบันศาสนาและสถาบันชาติ สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ถือได้ว่าเป็น สถาบันท่สี ำคญั ทางการเมืองการ
ปกครองของคนไทย เพราะในทางการเมืองการปกครองของไทยตั้งแต่สมัยโบราณมาจนถึงปัจจุบัน
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้นำของชนชาติไทย พระองค์ทรงเป็นพระประมุขของอาณาจักร ประชาชนต้องการให้
ประมขุ ของรัฐคือพระมหากษัตริย์เท่านนั้
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอาณาจักรไทยไม่เคยว่างเว้นพระมหากษัตริย์ แม้แต่ในกรณีที่บางสมัยขุนนาง
บางท่านได้รับมอบอำนาจให้มาดูแลบ้านเมืองแทนกษัตริย์พระองค์เดิม ก็ต้องได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น
พระมหากษตั ริย์เสียกอ่ นตามราชประเพณี
เมื่อสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันสูงสุดในการปกครองบ้านเมืองของไทย ดังนั้นสถาบัน
พระมหากษตั รยิ ์จงึ มบี ทบาทสำคญั ในการพฒั นาชาติไทย ดังตอ่ ไปนี้
1) บทบาทในการดำรงรักษาเอกราชของชาติ ในประวัติศาสตร์ไทยอาณาจักรไทยต้องเผชิญกับการ
คุกคามจากอรริ าชศัตรูจากภายนอก พระมหากษัตรยิ ไ์ ทยมีหน้าที่เป็นผู้นำกองทพั ออกไปขับไล่ข้าศึกให้พ้นไปจาก
ดินแดนขอบขัณฑสีมาของไทย ถึงแม้บางครั้งมิได้ทำสงครามสู้รบ แต่ก็ทรงใช้นโยบายทางการทูตสร้างความเปน็
มิตรไมตรกี ับนานาประเทศ คนไทยจึงสามารถดำรงรกั ษาเอกราชของชาตไิ ทยเอาไวไ้ ด้
2) บทบาทในการสร้างสรรค์และดำรงรักษาวัฒนธรรมของไทย วัฒนธรรมเป็นปัจจัยที่สำคัญในการ
สร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าให้กับสังคมไทย การดำรงอยู่ของวัฒนธรรมไทยได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจาก
สถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะการสร้างสรรค์วัฒนธรรมไทยในด้านต่างๆ เช่น ด้านภาษา วรรณกรรม
ศลิ ปกรรม นาฏศิลป์ ขนบธรรมเนยี ม ประเพณีและศาสนา เปน็ ต้น
เมื่อศึกษาประวัติศาสตร์ไทยจะพบว่าวัฒนธรรมไทยในด้านต่างๆ สามารถเกิดขึ้นและสามารถดำรงอยู่
ได้มาจนทกุ วันนน้ี ัน้ อาจกล่าวไดว้ ่าสถาบนั พระมหากษัตริยม์ ีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์และส่งเสริมสนับสนุน
ใหเ้ กิดข้นึ และดำรงอยู่ตลอดมา วัฒนธรรมไทยบางอยา่ งเกดิ ขึ้น ในราชสำนกั และแพร่ขยายออกไปสูป่ ระชาชนท่ีอยู่
ภายนอก สิ่งใดที่สถาบันพระมหากษตั รยิ ม์ ีบทบาทในการสร้างสรรค์ประชาชนก็จะนอ้ มนำวา่ เปน็ ส่ิงที่มีคุณค่า และ
กลายเป็นมรดกท่ีสำคญั ของชาติตอ่ ไป เชน่ ภาษา วรรณกรรม ศลิ ปกรรมต่างๆ เปน็ ต้น
ภาพ 3 พระบรมราชานสุ าวรยี ์ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช บรเิ วณดา้ นหน้าเจดียภ์ ูเขาทอง
จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา
ท่มี า : http://www.zthailand.com/place/the-monument-of-king-naresuan-the-great-ayutthaya/
สืบคน้ เม่ือ : 2 พฤษภาคม 2562
ภาพ 4 จิตรกรรมฝาผนงั เหตุการณ์สมเด็จ พระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยทุ ธหตั ถกี ับพระมหาอปุ ราชา
ภายในพระวหิ ารวดั สุวรรณดาราราม จังหวดั พระนครศรีอยุธยา
ท่มี า : http://www.sookjai.com/index.php?topic=198354.0
สืบคน้ เม่ือ : 2 พฤษภาคม 2562
3) บทบาทในการเปน็ ศูนยร์ วมความสามคั คขี องคนในชาติ ในประวัตศิ าสตร์ชาติไทยมหี ลายคร้งั ที่คนใน
ชาติเกิดความแตกแยกสามัคคี แก่งแยง่ ชิงดีกนั ซง่ึ เปน็ ผลเสยี อยา่ ง ร้ายแรงตอ่ ความมัน่ คงของชาติ นอกจากน้ี ผล
ของความแตกสามัคคียังเปิดโอกาสให้ศัตรูภายนอกเข้ามารุกรานได้ และทุกครั้งเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ดังกล่าว
สถาบนั พระมหากษัตริย์ได้มีบทบาทสำคญั ในการเปน็ ศนู ยร์ วมของคนไทยให้เกิดการรวมตัวกันเปน็ น้ำหน่ึงใจเดียว
เพื่อแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมือง เช่น การกู้เอกราชของไทยในสมัยอยุธยา การสร้างความเข้มแข็งและร่วมกัน
ปฏิรปู บ้านเมืองเพือ่ รบั มือกบั การคุกคามของจักรวรรดินิยมตะวนั ตกในสมยั รัตนโกสินทร์ เป็นต้น
4) บทบาทในการทำนุบำรุงศาสนา ศาสนาเป็นหลักแห่งความเชื่อที่สำคัญในสังคมไทย โดยเฉพาะคน
ไทยส่วนใหญ่ต้ังแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ นับถือพระพุทธศาสนา มีบางส่วนท่ีนับถือครสิ ต์ศาสนา
และศาสนาอิสลาม ถึงแม้ว่าพระมหากษัตริย์จะทรงเปน็ พุทธมามกะ แต่พระองคก์ ็ทรงเปน็ องค์อัครศาสนปู ถัมภก
ทกุ ศาสนามาตงั้ แต่มีการนับถอื ศาสนาในสงั คมไทย จึงไมเ่ กดิ ปัญหาความขัดแย้งในเรื่องการนบั ถือศาสนาในหมู่คน
ไทย เพราะสถาบนั พระมหากษัตริยก์ บั สถาบันศาสนามคี วามเปน็ อันหนงึ่ อนั เดียวกัน
ดังน้นั ถ้าสังคมไทยขาดสถาบนั พระมหากษตั ริยเ์ ป็นสถาบันหลกั ของชาติ สงั คมไทยอาจเกดิ ความแตกแยก
และไม่อาจดำรงอยูไ่ ด้ คนไทยทุกคนจึงควรเทิดทนู และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำรงอยู่คู่กับสังคมไทย
ตลอดไป