ใบความรู้ท่ี 1.1
เรือ่ ง เวลา ยคุ สมยั และศักราชในประเทศไทย
1. ความหมาย และความสำคัญของประวัติศาสตร์
คำวา่ ประวตั ิศาสตร์ มาจากภาษาอังกฤษ history ซึ่งมาจากภาษากรีก histori ทห่ี มายถึง การสอบสวน
การตรวจตรา การคน้ คว้า และการซักถาม เพอ่ื ให้ทราบความเปน็ มาในอดีตของสังคมของตน ชาวกรกี เป็นชนชาติ
แรกทีร่ ูจ้ กั บันทกึ เรื่องราวทางประวัตศิ าสตรไ์ วเ้ ป็นลายลักษณอ์ กั ษร
ประวัติศาสตร์ คือ การศกึ ษาเรอ่ื งราวหรอื ประสบการณ์ของมนษุ ย์ในอดีตจากหลักฐานต่างๆ ซ่ึงเรื่องราว
ประสบการณ์ของมนษุ ยค์ รอบคลมุ ทกุ เรื่องทุกดา้ นทีม่ นุษยไ์ ด้ทำ ได้คิด ได้สร้างสรรค์ และการกระทำนัน้ ได้ส่งผล
ต่อมนุษยท์ ้งั ในอดีตและปจั จุบัน ดังนัน้ การศึกษาประวัติศาสตร์จงึ มีความสำคัญ โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ประวัติศาสตร์
ไทย เพราะจะทำให้รู้สึกถึงความเป็นชาติ รากเหง้าของตน เพื่อเข้าใจและเกิดความภาคภูมิใจในชาติ
เห็นขอ้ บกพร่อง ความผดิ พลาด ความสำเรจ็ ความดีงาม และความเสยี สละของบรรพบุรษุ ซ่งึ เป็นบทเรียนท่ีมีค่าที่
สามารถนำมาเป็น แนวทางปฏิบัติในปัจจุบันเรียกว่าเป็นการศึกษาอดีต เพื่อเข้าใจปัจจุบัน และเป็นแนวทางใน
อนาคต
ภาพ 1 สมัยกอ่ นประวตั ศิ าสตร์เปน็ เวลาท่ีมนษุ ยย์ ังไมม่ ตี ัวอกั ษรใช้ มนษุ ยจ์ ะอาศยั อยู่ตามถ้ำหรอื เพิงผา
และดำรงชีวติ ด้วยการหาของป่า ลา่ สตั ว์
ทม่ี า : https://sites.google.com/site/pakkapolsirmong/home/yukh-hin
สืบคน้ เมอื่ : 24 เมษายน 2562
2. การนบั เวลา
ประวตั ศิ าสตร์ใหค้ วามสำคัญกบั ชว่ งเวลา เนอ่ื งจากเวลาเปน็ ปัจจยั สำคัญทท่ี ำให้สงั คมมีความเปลี่ยนแปลง
เหตกุ ารณท์ ่ีเกิดขึน้ ในช่วงเวลาหนง่ึ ย่อมมีความแตกต่างกับเหตุการณ์ทเี่ กิดขึน้ ในอีกชว่ งเวลาหนึ่ง เหตุการณ์ท่ีเกิด
ก่อนย่อมเป็นเหตุ และจะมีผลต่อเหตุการณ์ที่เกดิ ขึ้นภายหลัง คุณค่าสำคัญของประวัติศาสตรค์ ือ การสร้างความ
ตระหนักว่า อดีตเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับปัจจุบันและอนาคต ดังนั้น ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์จะต้องมีความรู้
พืน้ ฐานเก่ยี วกับการบอกเวลา การใช้ ศกั ราชระบบต่างๆ การเทียบศกั ราช และการแบง่ ยคุ สมัยทางประวัติศาสตร์
เพอื่ ใหร้ ู้ว่าเหตกุ ารณ์ใด เกิดกอ่ นและเหตุการณ์ใดเกิดหลัง ซงึ่ จะชว่ ยใหท้ ำความเขา้ ใจเร่ืองราวทางประวัติศาสตร์
ได้ดีข้ึน
2.1 การนบั เวลาแบบไทย
การนับเวลาแบบไทยหรอื การนับเวลาตามประเพณี เปน็ วิธที ค่ี นไทยใช้กันมาแตโ่ บราณ ปรากฏในเอกสาร
ประวัตศิ าสตร์ไทยเกา่ ๆ จึงควรทำความเข้าใจวธิ ีอา่ น เพือ่ นำขอ้ มูลในเอกสาร มาใชใ้ นการศกึ ษาประวตั ิศาสตร์
1. การนับเวลาในรอบวัน เทียบเวลาในรอบวันตามเวลาสากลกับเวลาที่เรียกตามแบบไทย ได้ดังภาพ
ตอ่ ไปนี้
ภาพ 2 การนับเวลากลางวนั ตามแบบไทย
ท่มี า : https://www.clearnotebooks.com/th/notebooks/1448946
สืบค้นเม่อื : 29 กรกฎาคม 2562
ภาพ 3 การนบั เวลากลางคืนตามแบบไทย
ท่มี า : https://www.clearnotebooks.com/th/notebooks/1448946
สืบคน้ เมอื่ : 29 กรกฎาคม 2562
การนับเวลาแบบน้ยี งั นยิ มใช้กนั อยูใ่ นปัจจบุ ัน
2. การนบั ยามกลางคนื เป็นการนับเวลาที่มาจากการเปลย่ี นเวรยามของยามรกั ษาการณ์
ทุก 3 ช่วั โมง ดังนี้
ยาม 1 ตรงกับ 21.00 น. ยาม 3 ตรงกบั 3.00 น.
ยาม 2 ตรงกับ 24.00 น. ยาม 4 ตรงกับ 6.00 น.
3. การบอกวนั เดือน ข้ึน แรม ใช้เคร่อื งหมายองั คน่ั เดีย่ ว (ฯ) คน่ั ตวั อยา่ งเชน่
๓
วัน ๒ ฯ ๗ คำ่
เลขที่อยหู่ น้าเครื่องหมาย ฯ หมายถึง วันในสปั ดาห์ โดยให้ ๑ แทนอาทติ ย์ ๒ แทนจนั ทร์ เรอ่ื ยไปจนถึง ๗
แทนเสาร์ เลข ๒ ในตวั อย่างนี้ หมายถงึ จนั ทร์
เลขท่อี ยหู่ ลังเครอ่ื งหมาย ฯ หมายถึง เดอื นทางจันทรคติ ในตัวอย่างคือ เดือน ๗
เลขที่อยขู่ ้างบนหรอื ข้างล่างเครือ่ งหมาย ฯ หมายถงึ ขึ้นแรมกีค่ ำ่ ถ้าอยขู่ ้างบนเป็นข้างขึ้น ในตัวอย่างคือ
ขึ้น ๓ คำ่ แต่ถา้ อยู่ขา้ งลา่ งก็เป็นขา้ งแรม
การอา่ นวัน เดอื น ขึ้นแรมแบบนี้ อ่านตามลำดับดังน้ี
วนั ๒ ๓ฯ ๗ ค่ำ อา่ นวา่ วนั จันทร์ เดือน ๗ ขึ้น ๓ ค่ำ
วัน ๗ ฯ ๒ ค่ำ อ่านวา่ วนั เสาร์ เดอื นยี่ แรม ๑๑ ค่ำ
๑๑
4. การนบั ปีนักษัตร รอบปนี ักษัตร 1 รอบ มี 12 ปี มชี อ่ื เรียกและรปู สัตว์ประจำปี ดังน้ี
ภาพ 4 การนบั ปนี ักษตั ร
ทมี่ า : https://www.facebook.com/sararueaipueai/posts/1637756923024518/
สืบคน้ เมอื่ : 29 กรกฎาคม 2562
เมอ่ื ครบรอบ 12 ปี ถงึ ปกี ุนแลว้ ก็จะเรมิ่ ต้นนับรอบใหมท่ ่ีปีชวดตอ่ ไป
2.2 ศกั ราชและการเทียบศักราช
ศักราช (era) หมายถึง อายุเวลาที่ตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยถือเอาเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์ใด
เหตกุ ารณห์ น่งึ เป็นจุดเรมิ่ ต้น แลว้ นับเวลาเปน็ ปีเรียงตามลำดับติดตอ่ กันมา
ศกั ราชสำคัญๆ ท่ใี ชใ้ นหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ ได้แก่ พุทธศักราช คริสตศ์ กั ราช มหาศกั ราช จลุ ศักราช
รัตนโกสินทรศก และฮิจเราะหศ์ ักราช
1. พุทธศักราช (Buddhist Era) ใช้ย่อว่า พ.ศ. (B.E.) เป็นศักราชที่พุทธศาสนิกชนกำหนดขึ้น มีวิธีนบั
แตกตา่ งกนั เปน็ 2 แบบ คอื แบบไทยและแบบลังกา
แบบไทย เปน็ การนบั แบบปเี ตม็ โดยเรม่ิ นบั ปถี ดั จากปีท่พี ระพทุ ธเจ้าเสด็จดบั คนั ปรนิ พิ พานไปแล้วครบ 1
ปเี ป็น พ.ศ. 1
แบบลงั กา เปน็ การนบั ปีแบบนีย้ ่าง โดยนบั ปที ่พี ระพทุ ธเจา้ เสดจ็ ดับขนั ปรินิพพานเป็น พ.ศ. 1
ด้วยเหตุนี้ พุทธศักราชแบบลังกาจึงเร็วกว่าพุทธศักราชแบบไทย 1 ปี เช่น เมื่อประเทศไทยเป็น
พ.ศ. 2500 ประเทศศรลี งั กาจะเปน็ พ.ศ. 2501
พุทธศกั ราชเข้ามาสู่ดินแดนประเทศไทยพร้อมกับรบั พระพทุ ธศาสนาจากอินเดยี สนั นษิ ฐานว่าคงเริ่มต้งั แต่
เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งแควน้ มคธ (พ.ศ. 271 – 311) ส่งพระเถระเข้ามาเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในภูมิภาคนี้
แตก่ ารใช้พทุ ธศกั ราชอยา่ งเป็นทางการของประเทศไทยมหี ลักฐานปรากฏวา่ มีในสมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ใน พ.ศ. 2455 รัชกาลที่ 6 ทรงประกาศเลิกใช้รัตนโกสินทรศกที่เดมิ ใช้ในราชการก่อนให้ใช้พทุ ธศักราช
แทน แตย่ งั คงให้ข้ึนปีใหมใ่ นวนั ท่ี 1 เมษายน เช่นเดยี วกบั รัตนโกสนิ ทรศก
ใน พ.ศ. 2484 รฐั บาลในสมยั จอมพล ป. พิบลู สงคราม ไดเ้ ปลี่ยนวันข้ึนปีใหมม่ าเปน็ วันท่ี 1 มกราคมตาม
หลักสากล ประเทศไทยจึงขึ้นปีใหมใ่ นวันที่ 1 มกราคม ต้ังแตน่ น้ั มาจนถงึ ปัจจบุ นั การเปล่ียนวันข้ึนปีใหม่ท่ีเริ่มใน
พ.ศ. 2484 นี้ทำให้ พ.ศ. 2483 เหลือจำนวนเดือนเพียง 9 เดือน คือ จากเดือนเมษายน พ.ศ. 2483 ถึงเดือน
ธนั วาคม พ.ศ. 2483
การบอกปีที่ย้อนขึ้นไปก่อนตั้งพทุ ธศักราช ให้ระบุจำนวนปีและใช้คำว่า ก่อนพุทธศักราชหรอื ก่อน พ.ศ.
ประกอบ เช่น
80 ปีกอ่ นพทุ ธศักราช หรอื กอ่ นพุทธศักราช 80 ปี
80 ปีก่อน พ.ศ. หรือ ก่อน พ.ศ. 80 ปี
ถ้าเปน็ ชว่ งก่อนพทุ ธศักราช ใหร้ ะบุชว่ งเวลาโดยเอาปีทหี่ ่างไปจากปัจจุบนั มากกว่าไว้ข้างหนา้ เชน่ 3,500
– 2,500 ปีก่อน พ.ศ. หรือกอ่ น พ.ศ. 3,500 – 2,500 ปี
2. คริสต์ศักราช (Christian Era) เป็นศักราชที่ผู้นับถือคริสต์ศาสนาตัง้ ขึน้ โดยเริ่มนบั ตั้งแต่วันที่เช่อื วา่
เปน็ วนั สมภพของพระเยซคู ริสต์ (Jesus Christ) เปน็ ต้นมา
คริสต์ศักราช ย่อว่า ค.ศ. ภาษาอังกฤษใช้ A.D. มาจาก Anno Domini ในภาษาละติน ตรงกับ
ภาษาองั กฤษ in the year of our Lord แปลว่า ปีแห่งพระผู้เป็นเจา้ ของเรา
ตามปกติภาษาอังกฤษไมน่ ิยมใส่ตวั ย่อกำกับ ค.ศ. เช่น in 1970 ก็เป็นที่เข้าใจกนั วา่ หมายถงึ ค.ศ. 1970
เว้นแต่ในกรณีที่ต้องการเน้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสน ก็จะใส่ A.D. กำกับไว้หน้าหรือหลังเลข ค.ศ. เช่น
1970 A.D. หรอื A.D. 1970
ปีก่อนคริสตศักราช ใช้คำว่า ก่อนคริสตศักราช หรือ ก่อน ค.ศ. ประกอบจำนวนปี เช่น ก่อน ค.ศ. 76 ปี
หรือ 76 ปีก่อน ค.ศ. ในภาษาอังกฤษใช้ B.C. มาจาก Before Christ ซึ่งแปลว่าก่อนมีพระเยซูคริสต์ เขียนไว้หลงั
เลข ค.ศ. เช่น 76 B.C.
เมอ่ื ตัง้ ค.ศ. 1 ตรงกบั พ.ศ. 544 ครสิ ตศ์ กั ราชจงึ นอ้ ยกวา่ พุทธศักราช 543 ปี ใชจ้ ำนวน 543 น้เี ปน็ เกณฑ์
ในการบวกลบเพอ่ื เปล่ยี นศกั ราชระหวา่ งพทุ ธศักราชกับคริสต์ศักราช คอื
พ.ศ. = ค.ศ. + 543 ค.ศ. = พ.ศ. - 543
คริสต์ศักราชเริ่มปีใหม่วันที่ 1 มกราคม และสิ้นสุดปีวันที่ 31 ธันวาคม ศักราชนี้เป็นศักราชสากล ใช้กัน
แพร่หลายทั่วโลก ไม่เฉพาะแต่ประเทศที่นับถือคริสต์ศาสนาเท่านั้น เอกสารภาษาไทยที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์
สากลนยิ มระบุปีเป็นคริสต์ศกั ราช เพราะสะดวกแก่การเปรียบเทยี บ
3. มหาศกั ราช (Shaka Era) ยอ่ วา่ ม.ศ. ผู้ต้งั คือ พระเจา้ กนษิ กะ (Kanishka) กษตั รยิ ์ผยู้ ิง่ ใหญ่ของพวก
กุษาณะ (Kushana) อันเป็นชนชาติที่เข้าไปครอบครองดินแดนอินเดียทางตะวันตกเฉียงเหนือตั้งแต่ช่วงต้นพุทธ
ศตวรรษที่ 6 เมือ่ ข้นึ เสวยราชย์แลว้ พระเจา้ กนิษกะได้ตั้งมหาศกั ราชขึน้ ใน พ.ศ. 622
ม.ศ. 1 ตรงกับ พ.ศ. 622 มหาศักราชจึงนอ้ ยกว่าพุทธศักราช 621 ปี ใช้จำนวน 621 นี้เป็นเกณฑ์ในการ
บวกลบเพือ่ เปล่ยี นศกั ราชระหวา่ งมหาศกั ราชกับพทุ ธศกั ราช คอื
พ.ศ. = ม.ศ. + 612 ม.ศ. = พ.ศ. + 621
ไทยไม่ได้รับมหาศกั ราชจากอินเดียโดยตรง แตร่ บั จากเขมรซ่ึงรับมาจากอินเดียอีกทอดหนึ่งมหาศักราชใช้
ในการคำนวณทางโหราศาสตร์ และใช้ระบุเวลาในจารึก ตำนาน โดยเฉพาะที่ทำขึ้นก่อนสมัยสุโขทัยและสมัย
สุโขทยั
การระบุมหาศกั ราชในจารึกและตำนานมกั บอกเพยี งวา่ เปน็ ศักราชใดหรอื ศกใด คือปใี ด แต่หากมีการระบุ
ปีนักกษัตรต่อท้าย เราก็สามารถเทียบศักราชได้โดยใช้ปีนักกษัตรเทียบกับเลขศกนั้นตัวอย่างเช่น จารึกหลักที่ 1
ศลิ าจารึกพอ่ ขุนรามคำแหง ดา้ นที่ 4 มีข้อความกลา่ วถึงกำเนิดตวั หนังสือไทยว่า
“ ...เมือ่ ก่อนลายสือไทยนบ้ี ม่ ี 1205 ศก ปมี ะแม พอ่ ขนุ รามคำแหงหาใครใจในใจแลใสล่ ายสือไทยน้ลี ายสือ
ไทยน้จี งึ มเี พ่อื ขนุ ผู้นนั้ ใส่ไว.้ ..”
จากตัวอย่างจารึกหลักที่ 1 1205 ศก ปีมะแม มีแต่เฉพาะมหาศักราชเท่านั้น ดังนั้นจึงเทียบเปลี่ยน
ม.ศ. 1205 เป็น พ.ศ. ได้ 1205 + 621 = พ.ศ. 1826 ซึ่งอยู่ในสมยั พ่อขุนรามคำแหงมหาราช จึงสรุปได้ว่า 1205
ศก คือ ม.ศ. 1205
4. จุลศกั ราช ยอ่ ว่า จ.ศ. ตั้งขนึ้ เม่อื พ.ศ. 1182 โดยพระเจ้าสรู ยิ วิกรม กษัตริย์พมา่
จลุ ศกั ราช 1 ตรงกับ พ.ศ. 1182 จลุ ศักราช จึงน้อยกว่าพุทธศกั ราช 1181 ปี การเทียบเปลี่ยน
จลุ ศกั ราชกับพุทธศกั ราช คือ
พ.ศ. = จ.ศ. + 1181 จ.ศ. = พ.ศ. - 1181
ไทยใช้จุลศักราชในการคำนวณทางโหราศาสตร์ ใช้บอกปีในจารึก ตำนาน จดหมายเหตุ พระราช
พงศาวดาร และเอกสารราชการ จนกระทง่ั ถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แหง่ กรุงรัตนโกสินทร์ จงึ เลกิ ใช้และใช้รัตนโกสินทร
ศกแทน
การบอกจุลศักราชมักบอกปนี ักกษัตรควบคกู่ นั ไป และนิยมบอกด้วยว่าเป็นศักราชทล่ี งท้ายด้วยเลขอะไร
คอื
ลงทา้ ยด้วย เรียกวา่ ลงทา้ ยดว้ ย เรยี กวา่
1 เอกศก 6 ฉศก
2 โทศก 7 สัปตศก
3 ตรศี ก 8 อัฐศก
4 จัตวาศก 9 นพศก
5 เบญจศก 10 สัมฤทธศิ ก
ตาราง 1 ตารางการบอกจลุ ศกั ราชท่ลี งท้ายดว้ ยเลข
ตัวอยา่ งเช่น จุลศักราช 906 ปวี อก ฉศก
5. รตั นโกสินทรศก ย่อวา่ ร.ศ. เปน็ ศกั ราชท่ีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอย่หู วั ทรงต้งั ข้ึนเมือ่ พ.ศ.
2432 โดยให้นับปีที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เมื่อปีขาล พ.ศ.
2325 เป็น ร.ศ. 1 และใหเ้ ร่ิมใช้ศกั ราชนี้ในราชการตัง้ แต่วนั ที่ 1 เมษายน ร.ศ. 108 (พ.ศ. 2432) โดยให้นับเดือน
เมษายนเป็นเดือนแรกของปี เดือนมีนาคมเป็นเดือนสุดท้ายของปี รัตนโกสินทรศกจึงขึ้นปีใหม่ในวันที่
1 เมษายน
ร.ศ. 1 ตรงกับ พ.ศ. 2325 รัตนโกสินทรศกจึงน้อยกว่าพุทธศักราช 2324 ปี การเทียบเปลี่ยน
รัตนโกสนิ ทรศกกบั พทุ ธศกั ราช คือ
พ.ศ. = ร.ศ. + 2324 ร.ศ. = พ.ศ. - 2324
ประเทศไทยใช้รัตนโกสินทรศกมาถึง ร.ศ. 131 (พ.ศ. 2455) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเก้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 6 ทรงประกาศให้เลิกใช้รัตนโกสินทรศก เปลี่ยนเป็นพุทธศักราชแทนแต่ยังคงให้ขึ้นปีใหม่ในวันที่ 1
เมษายนเหมือนเดิม จนถงึ พ.ศ. 2484 จอมพล ป. พิบูลสงครามจึงเปลย่ี นวันขึ้นปใี หมเ่ ปน็ วนั ที่ 1 มกราคม
6. ฮิจเราะห์ศักราช คำว่า ฮิจเราะห์ (Hijrah) มาจากภาษาอาหรับ แปลว่า การอพยพ ฮิจเราะห์ศักราช
ย่อว่า ฮ.ศ. เป็นศักราชของผู้ท่ีนับถือศาสนาอสิ ลาม นับตั้งแต่นบีมุฮัมมดั ศาสดาของศาสนาอิสลามเริ่มอพยพพวก
มุสลมิ มาจากนครมกั กะฮ์ไปยงั เมอื งมะดีนะฮ์ใน ค.ศ. 622 ตรงกับ พ.ศ. 1165
การนับเดือนในฮิจเราะห์ศักราช เป็นการนับทางจันทรคติ คือ ถือเอาการโคจรของดวงจันทร์เป็นหลัก
เดือนหนึ่งจึงมี 29 วันบ้าง 30 วันบ้าง รวมทั้งปีได้ 354 วัน และไม่มีการเพิ่มอธิกมาสอย่างการนับเดือนไทย ปี
หน่ึงๆ ของศักราชน้จี ึงน้อยกว่าศกั ราช อน่ื ๆ โดยทกุ ๆ 32 ปีครึง่ ฮจิ เราะห์ศักราชจะคลาดเคลื่อนจากศักราชอื่นไป
1 ปี ทำให้การเทียบเปล่ยี นศกั ราชทำได้ยาก เพราะจำนวนทีใ่ ช้เปน็ เกณฑ์บวกลบไม่ตายตวั
ในปจั จุบนั การเปลี่ยนศกั ราชระหวา่ งฮิจเราะห์ศกั ราชกับพทุ ธศักราชใหน้ ำ 1122 มาบวกหรอื ลบ ไม่ใช่นำ
1164 มาบวกหรอื ลบ เชน่ พุทธศกั ราช 2550 ตรงกับฮิจเราะหศ์ ักราช 1428 (มาจาก 2550 - 1122 = 1428) การ
ตรวจสอบว่าปีนี้ตรงกับฮิจเราะห์ศักราชเท่าไหร่ให้ไปดูประกาศต่างๆ ของสำนักจุฬาราชมนตรีซึ่งจะระบุ ฮ.ศ.
เทียบกับ พ.ศ. ไว้เสมอ
สรุปหลกั เกณฑ์การเทยี บศักราช
ค.ศ. + 543 = พ.ศ. พ.ศ. - 543 = ค.ศ.
ม.ศ. + 621 = พ.ศ. พ.ศ. - 621 = ม.ศ.
จ.ศ. + 1181 = พ.ศ. พ.ศ. – 1181 = จ.ศ.
ร.ศ. + 2324 = พ.ศ. พ.ศ. – 2324 = ร.ศ.
ฮ.ศ. + 1122 = พ.ศ. พ.ศ. – 1122 = ฮ.ศ.
ตาราง 2 ตารางสรุปหลกั เกณฑก์ ารเทียบศักราช
2.3 ทศวรรษ ศตวรรษ สหสั วรรษ
1. ทศวรรษ (decade) หมายถึง รอบ 10 ปีปกติจะนับจากศักราชที่ลงท้ายด้วย 0 ถึงศักราชที่ลงท้าย
ด้วย 9 เชน่
- ทศวรรษ 1990 (in the 1990s) ตามครสิ ต์ศกั ราช หมายถึง ค.ศ. 1990 - 1999
- ทศวรรษ 2540 ตามพุทธศกั ราช หมายถงึ พ.ศ. 2540 - 2549
ทศวรรษอาจหมายถึงชว่ งเวลา 10 ปี นบั จากปีทเ่ี กิดเหตกุ ารณใ์ ดเหตกุ ารณห์ น่ึงกไ็ ด้ เชน่
- ทศวรรษแรกหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองไทยหมายถึง พ.ศ. 2475 - 2484
2. ศตวรรษ (century) หมายถึง รอบ 100 ปี นับจากศักราชทล่ี งท้ายดว้ ย 01 ไปถึง ศกั ราชท่ีลงทา้ ยดว้ ย
00 เชน่
- ครสิ ต์ศักราชท่ี 1 หมายถึง ค.ศ. 1 - 100
- พทุ ธศตวรรษที่ 25 หมายถึง พ.ศ. 2401 - 2500
3. สหัสวรรษ (millennium) หมายถึง รอบ 1,000 ปี เช่น
- สหสั วรรษที่ 3 ตามครสิ ตศ์ ักราช หมายถึง ค.ศ. 2001 – 3000
การศึกษาเวลาจะทำให้รู้และเข้าใจว่าเหตุการณใ์ ดเกิดขึ้นก่อนหลัง สามารถวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และ
เชื่อมโยงความสัมพันธ์หรือความเกี่ยวข้องของเหตุการณ์ต่างๆ ในประวัติศาสตร์ได้ดี ทำให้เข้าใจเหตุการณ์ได้
ชดั เจนและถกู ต้องมากยิง่ ขึ้น