The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

3.6 ไทยกับการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by MATHMPK123, 2022-12-27 12:13:58

3.6 ไทยกับการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1

3.6 ไทยกับการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1

ใบความรู้ท่ี 3.6
เรื่อง ไทยกับการเขา้ ร่วมสงครามโลกครั้งท่ี 1

สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World War I) เป็นสงครามที่เกิดขึ้นทั่วโลก เริ่มต้นเมื่อเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม
ค.ศ. 1914 ถงึ 11 พฤศจกิ ายน ค.ศ. 1918 เกดิ การระดมพลบุคลากรทางทหารมากกว่า 70 ล้านนาย รวมทั้งชาว
ยโุ รป 60 ล้านคน ทำใหเ้ ป็นหนง่ึ ในสงครามขนาดใหญท่ สี่ ุดในประวัติศาสตร์ ยทุ ธภมู ใิ นการรบครงั้ นี้ก็ไกลมาก ส่วน
ใหญ่เกิดในทวีปยุโรป นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในความขัดแย้งที่อันตรายร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมี
ผ้เู สียชวี ิตประมาณเกา้ ล้านคนและพลเรอื นเสยี ชีวติ 13 ล้านคนอนั เปน็ ผลโดยตรงจากสงคราม ในขณะที่ไดเ้ กดิ การ
ฆ่าลา้ งเผ่าพันธ์ุและการระบาดคร้งั ใหญ่ของไข้หวัดใหญ่สเปนในปี ค.ศ. 1918 ทำใหม้ ผี เู้ สียชีวิตอีก 17 - 100 ล้าน
คนทวั่ โลก

ภาพ ๑ เหตกุ ารณ์สงครามโลกคร้งั ท่ี 1
ที่มา : https://www.tnews.co.th/variety/339661

สบื ค้นเมือ่ : 24 เมษายน 2562
จุดเริ่มต้นของสงครามเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1914 กัฟรีโล ปรินซีป ชาวเซิร์บบอร์สเนีย
นักชาตินยิ มยโู กสลาฟ ได้ลอบปลงพระชนม์ อารช์ ดยกุ ฟรนั ซ์ แฟร์ดีนันท์ รชั ทายาทแห่งออสเตรยี -ฮงั การี ในเมือง
ซาราเยโว ได้นำไปสู่วิกฤตการณ์เดือนกรกฎาคม ออสเตรีย-ฮังการไี ด้ยืน่ คำขาดต่อเซอร์เบียและให้เซอร์เบียแสดง
ความรบั ผิดชอบ เมอื่ วันท่ี 23 กรกฎาคม แตเ่ ซอร์เบียปฏเิ สธ สรา้ งความไม่พึงพอใจให้กบั ชาวออสเตรีย และทง้ั สอง
ฝ่ายตา่ งไดเ้ ข้าส่สู งครามเครอื ขา่ ยของพนั ธมติ รที่ประสานกันไดข้ ยายวิกฤตจากปญั หาทวภิ าคีในคาบสมุทรบอลข่าน
จนไปสู่ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับส่วนใหญ่ของยุโรป ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1914 มหาอำนาจของยุโรปได้ถูกแบ่ง

ออกเป็น 2 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายมหาอำนาจกลาง ได้แก่ เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และตุรกี และฝ่ายมหาอำนาจ
สัมพนั ธมติ ร ได้แก่ อังกฤษ ฝร่งั เศส สหภาพโซเวียต อิตาลี ญี่ปนุ่ สหรฐั อเมริกาและไทย

ในตอนแรกไทยรักษาความเป็นกลางอย่างม่ันคง พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ ัวทรงมีพระราช
ปณิธานแน่วแน่ที่จะนำประเทศไทยเข้าสูส่ ังคมนานาชาติ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นที่รูจ้ ักนับถือ มีสิทธิและศักดิ์ศรี
เท่าเทียมกับนานาประเทศ เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้นในยุโรป ไม่ได้ทรงรีบร้อนประกาศสงคราม ต่อฝ่าย
มหาอำนาจกลางในทันทีทันใด หากทรงรอเวลาที่เหมาะสม แต่เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าอยู่หัว
ทรงให้ความสนใจและติดตามข่าวการสงครามอย่างใกล้ชิด พระองค์ทรงเล็งเหน็ การณ์ไกลในการให้ประเทศไทย
ประกาศตัวเข้ารว่ มกับฝ่ายสัมพันธมิตร เพราะถ้าฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับชัยชนะ จะมีผลดีในการที่ประเทศไทยจะ
เรียกร้องสิทธิต่างๆ เช่น ขอแก้ไขสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมที่ทำไว้กับนานาประเทศ จึงได้ประกาศสงครามกับ
เยอรมนีและออสเตรีย-ฮงั การี ในวนั ท่ี 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 โดยประกาศกระแสพระบรมราชโองการประณาม
ว่า “เยอรมนแี ละออสเตรีย-ฮงั การี เป็นฝ่ายละเมดิ เมตตาธรรมของมวลมนุษย์ มิไดม้ คี วามนบั ถือต่อประเทศเลก็ ไม่
ปฏิบตั ิตามกฎหมายระหวา่ งประเทศ และเป็นผู้กอ่ กวนความสขุ ของโลก” ซงึ่ เหตุการณก์ ็เปน็ ดังทพ่ี ระองค์ทรงคาด
ไว้ คือ ฝ่ายสัมพนั ธมติ รไดร้ ับชยั ชนะ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หวั ทรงประกาศสงครามระหว่างสยาม
กับเยอรมนี และออสเตรีย – ฮังการี แต่การตัดสินพระทัยของพระองคใ์ นครั้งนั้น ปรากฏวา่ ได้รับการคัดค้านจาก
ประชาชนทั่วไป เนื่องจากในสมัยน้ันมีคนไทยไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนเี ป็นจำนวนมาก เช่น สมเด็จพระเจ้า
บรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวง
พิษณุโลกประชานาถทรงโปรดฝ่ายมหาอำนาจกลาง จึงนิยมและเคารพเยอรมนีเป็นเสมือนครูบาอาจารย์ และ
เยอรมนีไมเ่ คยสรา้ งความเจ็บช้ำน้ำใจให้คนไทยมาก่อนเลย และในการรบระยะแรก เยอรมนีเปน็ ฝา่ ยได้ชัยชนะมา
ตลอด ไมน่ า่ ไปไดว้ า่ เยอรมนีจะเปน็ ฝ่ายแพ้สงคราม อีกทง้ั ประชาชนโดยทั่วไปมีความเหน็ ว่า เมอื งไทยไม่น่ามีส่วน
เก่ยี วพันดว้ ย ท้งั เมืองไทยกย็ ังเป็นประเทศเล็กๆ ควรอยอู่ ย่างสงบดกี วา่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็
ทรงศึกษาวิชา ณ ประเทศอังกฤษ ทำให้เกิดความเห็นต่างกันในหมู่พระบรมวงศานุวงศ์ สยามดำรงนโยบายเป็น
กลางอย่างเคร่งครัดมาตลอด 3 ปีของสงคราม ก่อนจะเริ่มโอนเอนเม่ือทราบรายงานว่าฝ่ายเยอรมันมีส่วนในการ
ปลุกปนั่ ชาวอนิ เดียในสยามให้กระด้างกระเดือ่ งต่อจักรวรรดิองั กฤษ บวกกับการดำเนินการสงครามเรือดำน้ำแบบ
ไม่จำกัดขอบเขตของฝ่ายเยอรมันที่โจมตีเรือโดยไม่ประกาศล่วงหน้า ส่งผลให้เรือ อาร์เอ็มเอส ลูซิเทเนีย อับปาง
เป็นสาเหตใุ ห้สหรฐั เข้ารว่ มสงคราม หลงั จากทีไ่ ทยประกาศสงครามกบั เยอรมนีแลว้ ไทยก็เริ่มทำการจบั เชลยท่ีเป็น
ชาวเยอรมนีและออสเตรีย เพื่อป้องกันการก่อการไมส่ งบ ยึดเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ เรือบรรทุก เรือลำเลียง จับ
ลกู เรอื เป็นเชลย และรบิ ทรพั ยเ์ ชลยเหล่านี้เสยี อย่างไรก็ตามการประกาศเข้าร่วมสงครามในคราวนี้สมเด็จเจ้าฟ้าฯ
กรมหลวงพิษณโุ ลกประชานาถ ซึ่งขณะน้ันดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหาร และเป็นบุคคลที่มีบทบาทมากที่สุดใน
กองทพั บกสยามเวลาน้ัน ทรงตระหนกั ดีว่าศกั ยภาพของกองทัพสยามในขณะนนั้ คงไม่สามารถใหก้ ารสนบั สนุนทาง
การทหารใดๆ แกช่ าตพิ ันธมิตรได้ ดว้ ยเหตนุ ีจ้ งึ ทรงมพี ระดำรทิ จ่ี ะชว่ ยเหลอื ฝ่ายพนั ธมติ ร “ทางด้านจิตใจ”

กลา่ วคือ สยามจะไลข่ ้าราชการชาวเยอรมนั และออสเตรีย – ฮงั การอี อกจากราชการ และจะยึดเรอื สนิ ค้า
ของเยอรมันทจ่ี อดเทียบท่าอยูท่ ่ีสยาม รวมถงึ การตดั สัมพันธ์ระหว่างสยามกบั ชาติศตั รู

ภาพ 2 พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ ัว
(ภาพจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาต)ิ
ที่มา : https://www.silpa-
mag.com/history/article_22647
สบื ค้นเมอื่ : 24 เมษายน 2562

อย่างไรก็ตามหลังจากที่สยามได้ประกาศเข้าร่วมสงครามรฐั บาลสยามได้พยายามแสดงให้เห็นว่าการเขา้
ร่วมสงครามในครั้งนี้มีความประสงค์ที่จะให้การช่วยเหลือชาติฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างแท้จริง มิใช่การเข้าร่วมแต่
เพยี งในนามเทา่ นน้ั ดว้ ยเหตุนก้ี ระทรวงการต่างประเทศจึงมีหนังสือแจง้ แกร่ ัฐบาลของชาติสัมพนั ธมิตรเพ่ือให้แจ้ง
ความประสงคข์ องชาติต่างๆ วา่ ต้องการให้รัฐบาลสยามชว่ ยเหลือส่ิงใดบ้างทางรัฐบาลอังกฤษจงึ ตดิ ต่อกลับมาทาง
รัฐบาลสยามเพื่อขอเช่าเรือกลไฟจำนวน 7 ลำซึ่งรัฐบาลสยามได้ยึดมาจากศัตรู นอกจากนี้ทางรัฐบาลฝรั่งเศสได้
ขอให้สยามจัดส่งน้ำมันละหุง่ ข้อเรียกร้องทั้งสองข้อดูเหมอื นจะไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใดสำหรับรัฐบาลสยามซึง่ ได้
ดำเนินการจดั สง่ เรือ และน้ำมันละหุ่งใหต้ ามท่ีทั้งสองชาติไดร้ ้องขอมา แตข่ ้อเรียกรอ้ งทก่ี ลายเปน็ ประเด็นสำคัญใน
เวลาคือขอ้ เรยี กร้องของฝรงั่ เศสท่ีต้องการให้สยามจัดสง่ หนว่ ยพยาบาล คนขบั รถยนต์ และนกั บินไปช่วยเหลือฝ่าย
สัมพันธมติ ร

แม้ว่าท่าทีในตอนแรกของรัฐบาลสยามจะลังเลกับการส่งทหารเข้าร่วมรบในครั้งนี้ โดยเฉพาะหน่วย
พยาบาล และคนขับรถยนตซ์ ่งึ ทางสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถทรงมพี ระดำรวิ า่ คงไม่สามารถส่ง
กำลังทหารในส่วนนี้เข้าไปช่วยฝ่ายสัมพันธมิตรได้ คงมีแต่นักบินที่ทางรัฐบาลสยามจะสามารถจัดหาคนให้แก่ทาง
กองทัพฝรั่งเศสเพ่ือให้ทางกองทัพฝรั่งเศสทำการฝึกทหารเหล่านี้เป็นนักบินอีกทีหนึ่ง อย่างไรก็ตามทางสยามจะ
รับผิดชอบในส่วนเบี้ยเลี้ยง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของทหารในขณะที่ประจำการอยู่ในยุโรป แต่ทางรัฐบาลฝรั่งเศส
จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฝึกทหารเหล่านี้เพื่อเป็นนักบินเอง รวมทั้งยุทโธปกรณ์ต่างๆ ซึ่งทางกองทัพ
ฝรั่งเศสต้องจดั หาใหแ้ กท่ หารสยามทีจ่ ะเดินทางไปรบ ในขณะเดียวกันนั้น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะ
วงศว์ โรปการกลบั ทรงไมเ่ ห็นดว้ ยกบั พระดำรขิ องสมเด็จเจ้าฟา้ ฯ กรมหลวงพษิ ณุโลกประชานาถ โดยพระองคท์ รงมี
พระดำริว่าควรทำตามข้อเสนอขอทางรัฐบาลฝรัง่ เศส พร้อมกันนี้ก็ได้ทรงตกปากรับคำกับทางทูตฝร่ังเศสวา่ จะทำ
ตามความต้องการของทางฝรั่งเศสทุกประการ จึงเป็นเหตุให้สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถทรง
ยนิ ยอมให้กองทพั สยามส่งแพทย์ทหาร และคนขบั รถยนต์เข้าร่วมสงครามในครัง้ นี้ แม้สุดท้ายแล้วสงครามโลกกลับ
ยุติลงก่อนที่นักบินไทยจะสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนการบินของฝรั่งเศส ทำให้ฝรั่งเศสไม่มีโอกาสทีจ่ ะใช้ทหาร

ไทยเหล่านี้ในการรว่ มทำสงคราม แต่สำหรับทหารราบสยามท่ีทำหนา้ ที่ขนส่งยุทโธปกรณ์ให้กองทัพชาติพันธมติ ร
พวกเขาเหล่านี้ได้เป็นส่วนหน่ึงของการประกาศเกียรติภูมิของกองทัพสยามให้ปรากฏแต่สายตาชาวโลก สำหรับ
กองทัพสยามแลว้ นั้น สิ่งท่ีสำคญั นอกเหนือไปกวา่ เกียรติภูมิท่ไี ด้รับจากการสง่ ทหารเข้าร่วมสงครามในคราวน้ีแล้ว
ก็คือกจิ การการบินของสยามท่ีก้าวหนา้ อย่างรวดเรว็ ในชว่ งหลังสงครามโลก อนั เปน็ ผลผลิตของนักบินที่ได้รับการ
ฝึกจากฝรัง่ เศสในระหว่างสงครามโลกคร้ังที่ 1 ก่อนที่สยามจะเข้าร่วมสงครามนัน้ กองทัพสยามมีนักบินเพียงไม่กี่
นายที่สำเร็จจากโรงเรียนการบินของกองทัพฝรั่งเศส เช่น พล.อ.ท.พระยาเฉลิมอากาศ (สุนี สุวรรณประทีบ)
น.อ.หลวงทยานพิฆาฏ (ทพิ ย์ เกตุทตั ) และ น.อ. พระยาเวหาสยานศลิ ปสิทธิ์ (หลง สนิ ศุข) แต่เมอ่ื สงครามครงั้ ท่ี 1
ยตุ ลิ ง ปรากฎว่ามีทหารไทยทถ่ี ูกสง่ ไปฝึกกับโรงเรยี นการบินของฝรง่ั เศสสำเรจ็ การศึกษา 94 นาย และได้กลายเป็น
กำลังสำคัญของกิจการการบินของสยามในเวลาต่อมาการส่งทหารเขา้ รว่ มสงครามโลกครั้งท่ี 1 ของกองทัพสยาม
อาจไมไ่ ด้เรม่ิ จากความเตม็ ใจของผู้บังคับบัญชาในขณะนัน้ แตส่ ุดทา้ ยแลว้ การส่งทหารเข้าร่วมสงครามในคราวน้ีได้
ทำให้สยามมีโอกาสยกเลิกสนธสิ ัญญาทีไ่ ม่เป็นธรรมกับชาติผู้แพ้สงคราม และได้เป็นสมาชิกสนั นิบาตชาติในเวลา
ต่อมา

ภาพ 3 การทหารอาสาไทย ร่วมในการสวน
สนามฉลองชัยชนะ กรุงลอนดอน ประเทศ
อังกฤษ
ทมี่ า : http://rach1968.blogspot.com/
2014/11/blog-post_11.html
สืบคน้ เมอ่ื : 2 พฤษภาคม 2562

ภาพ 4 กองทหารบกรถยนตรใ์ นพธิ รี บั ธงชัยเฉลมิ พลท่สี ถานีรถไฟเมอื งนอยสตัดต์ ประเทศเยอรมนี
วันที่ 17 มีนาคม 2461 (ภาพจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาต)ิ

ทีม่ า : https://www.silpa-mag.com/history/article_22647
สบื คน้ เมื่อ : 2 พฤษภาคม 2562

ภาพ 5 รชั กาลท่ี 6 พระราชทานเหรยี ญท่รี ะลกึ แก่ทหาร ซงึ่ กลับจากราชการสงครามในทวีปยโุ รป
ท่มี า : https://www.silpa-mag.com/history/article_45521
สบื ค้นเม่อื : 2 พฤษภาคม 2562

ผลทไี่ ทยได้รับจากการเข้ารว่ มสงครามโลกคร้งั ท่ี 1 มดี งั น้ี
1. ทำให้ประเทศไทยเปน็ ท่ีรู้จักของนานาประเทศ โดยเฉพาะประเทศในทวีปยุโรป
2. ทำใหไ้ ด้รบั การยกยอ่ งว่ามฐี านะและสิทธเิ ท่าเทียมกับอารยประเทศ

3. ทำใหไ้ ทยมีโอกาสเรียกน้องขอแก้สนธิสัญญาทีไ่ มเ่ ปน็ ธรรมไดส้ ำเรจ็ โดยไดร้ บั ความช่วยเหลอื จาก
สหรฐั อเมรกิ า ซ่ึงยอมยกเลิกสนธิสญั ญาที่ไม่เป็นธรรมกบั ไทยเปน็ ประเทศแรก

4. จากประสบการณ์ในการสงคราม ทำใหไ้ ทยสามารถนำมาปรับปรุงวิชาการทหารให้เจรญิ กา้ วหนา้ มาก
ขน้ึ

5. ตง้ั แต่วันท่ี 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 เยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการี ไดย้ กเลกิ สนธิสญั ญาท่ที ำไวก้ บั
ประเทศไทยและอำนาจศาลกงสุล

6. ไทยได้ผลประโยชนจ์ ากการยึดทรพั ยส์ ินและหา้ งรา้ นของเชลย
7. ไทยได้เขา้ รว่ มเป็นสมาชิกผู้ริเริ่มในองคก์ ารสนั นิบาตชาติ


Click to View FlipBook Version