The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทเรียนออนไลน์ หน่วยที่ 3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Seetee Neenie, 2021-05-25 01:19:58

บทเรียนออนไลน์ หน่วยที่ 3

บทเรียนออนไลน์ หน่วยที่ 3

บทเรียนออนไลน์ หน่วยท่ี 3
วิชา ววิ ัฒนาการเครื่องแต่งกาย

การแตง่ กายประจาภาคของไทย

ภาคเหนอื
มีภาษาพดู และภาษาเขียนเปน็ ของตนเอง หรือที่เรียกว่า “คาเมือง” จะใชก้ ันแพรห่ ลายใน

ภาคเหนอื ตอนบน ส่วยภาคเหนอื ตอนลา่ งเคยอยู่ร่วมกบั สุโขทยั อยุธยาทาให้ประเพณี และวัฒนธรรมมี
ลกั ษณะคล้ายกับภาคกลาง ภาษาพดู จะมีลักษณะช้าและนุ่มนวล เชน่ อู้ (พดู ) เจ้า (ค่ะ) แอ่ว (เทย่ี ว) กดิ๊ ฮอด
(คดิ ถึง) การแตง่ กายภาคเหนือ ชาวพน้ื เมืองจะแต่งกายตามเช้ือชาตโิ ดยทั่วไป ลักษณะการแตง่ กายของคน
ภาคเหนือการแตง่ กาย เป็นสง่ิ สาคัญส่งิ หน่ึง ทบี่ ่งบอกเอกลักษณ์ของคนแตล่ ะพืน้ ถิน่ สาหรบั ในเขต
ภาคเหนือหรอื ดินแดนล้านนาในอดตี ปัจจุบันการแต่งกายแบบพืน้ เมืองได้รบั ความสนใจมากขน้ึ แตเ่ น่ืองจาก
ในทอ้ งถิน่ นมี้ ีผคู้ นหลากหลายชาตพิ ันธ์ุอาศยั อยู่ เช่น ไทยวน ไทลอื้ ไทเขนิ ไทใหญ่ และอิทธพิ ลจากละคร
โทรทศั น์ ทาให้การแตง่ กายแบบพ้นื เมืองมีความสับสนเกดิ ข้ึน ดงั นนั้ คณะทางานทานุบารงุ ศิลปวฒั นธรรม
กลมุ่ สถาบันอุดมศึกษาภาคเหนือ จึงได้ระบุข้อไม่ควรกระทาในการแต่งกายชดุ พนื้ เมือง ของ “แมญ่ ิงล้านนา”
เอาไวว้ า่

1.ไมค่ วรใช้ผ้าโพกศีรษะ ในกรณีท่ีไม่ใช่ชดุ แบบไทล้ือ
2. ไม่ควรเสยี บดอกไม้ไหวจนเต็มศรี ษะ
3. ไม่ควรใชผ้ า้ พาดบ่าลากหางยาว หรือคาดเข็มขัดทบั และผา้ พาดท่ีประยกุ ต์มาจาก ผา้ ตีนซ่ินและ
ผา้ “ตงุ ” ไม่ควรนามาพาด
4. ตวั ซ่ินลายทางตง้ั เปน็ ซิน่ แบบลาว ไมค่ วรนามาต่อกบั ตีนจกไทยวน

การแต่งกายประจาภาคอสี าน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอสี าน)
ภาษาภาคนส้ี าเนยี งคลา้ ยภาษาลาว ซง่ึ เรามกั จะเรยี กวา่ เป็นภาษา “อสี าน” ภาษาอีสานเช่น เวา้

(พดู ) แซบ (อร่อย) เคียด (โกรธ) นา (ดว้ ย)การแตง่ กายส่วนใหญใ่ ช้ผา้ ทอมือ ซึง่ ทาจากเส้นใยธรรมชาติ เชน่ ผา้
ฝ้าย และผา้ ไหมผ้าพ้ืนเมืองอีสาน ชาวอีสานถอื วา่ การทอผ้าเป็นกิจกรรมยามว่างหลงั จากฤดกู ารทานาหรือวา่ ง
จากงานประจาอ่ืนๆ ใต้ถนุ บ้านแต่ละบา้ นจะกางหูกทอผ้ากันแทบทกุ ครวั เรือน โดยผ้หู ญิงในวัยต่างๆ จะสบื
ทอดกนั มาผ่านการจดจาและปฏบิ ัตจิ ากวัยเด็กท้ังลวดลายสีสนั การย้อมและการทอ ผ้าที่ทอดว้ ยมือจะนาไปใช้
ตัดเยบ็ ทาเป็นเคร่ืองนงุ่ ห่ม หมอน ท่ีนอน ผ้าห่ม และการทอผ้ายงั เปน็ การเตรียมผ้าสาหรับการออกเรือน
สาหรับหญิงวัยสาว ทงั้ การเตรยี มสาหรับตนเองและเจา้ บา่ ว ทง้ั ยังเปน็ การวดั ถึงความเป็นกลุ สตรี เปน็ แมเ่ หย้า
แมเ่ รือนของหญงิ ชาวอีสานอีกดว้ ย ผ้าที่ทอขนึ้ จาแนกออกเป็น 2 ชนิด คือ

1. ผา้ ทอสาหรับใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั จะเปน็ ผ้าพืน้ ไม่มีลวดลาย เพราะต้องการความทนทานจึงทอ
ดว้ ยฝา้ ยย้อมสีตามต้องการ

2. ผ้าทอสาหรับโอกาสพเิ ศษ เช่น ใช้ในงานบุญประเพณีต่างๆ งานแต่งงาน งานฟอ้ นรา ผ้าท่ีทอจึง
มกั มีลวดลายทส่ี วยงามวจิ ิตรพสิ ดาร มหี ลากหลายสสี ัน
ประเพณที ี่คู่กนั มากับการทอผา้ คอื การลงข่วง โดยบรรดาสาวๆ ในหมู่บ้านจะพากันมารวมกลุ่มก่อกองไฟ บา้ งก็
สาวไหม บา้ งก็ป่ันฝ้าย กรอฝา้ ย ฝ่ายชายก็ถือโอกาสมาเก้ียวพาราสีและน่ังคยุ เป็นเพอื่ น บางครง้ั ก็มกี ารนา
ดนตรพี น้ื บา้ นอย่างพณิ แคน โหวต มาบรรเลงจา่ ยผญาโต้ตอบกัน เนื่องจากอีสานมีชนอยูห่ ลายกลุ่มวฒั นธรรม
การผลิตผ้าพน้ื เมืองจึงแตกตา่ งกนั ไปตามกลมุ่ วฒั นธรรม
กลมุ่ อสี านใต้ คือ กลุ่มคนไทยเชอ้ื สายเขมรท่ีกระจดั กระจายต้งั ถน่ิ ฐานอยู่ในแถบจังหวัดสรุ นิ ทร์ ศรสี ะเกษ
และบุรรี ัมย์ เป็นกลุ่มท่มี ีการทอผา้ ท่ีมเี อกลกั ษณโ์ ดยเฉพาะของตนเอง มสี ีสันทีแตกต่างจากกล่มุ ไทยลาว

การแต่งกายประจาภาคกลางภาคกลาง

ภาษาภาคกลาง
สว่ นใหญ่ใชภ้ าษาไทยกลางที่เปน็ ภาษาราชการ ยกเว้นคนบางกลมุ่ ท่ีมบี รรพบุรุษเปน็ ชาวจีน ชาว
มอญ หรือชาวลาวพวน ซ่งึ มสี าเนยี งภาษาทีแ่ ตกต่างออกไป
การแต่งกายภาคกลาง การแต่งกายในชวี ิตประจาวันทว่ั ไป ชายนุ่งกางเกงครงึ่ น่อง สวมเสอ้ื แขนสัน้ คาด
ผ้าขาวมา้ ส่วนหญิง จะนุง่ ซน่ิ ยาว สวมเสือ้ แขนสน้ั หรือยาว
ลกั ษณะการแต่งกาย

ผชู้ าย สมยั ก่อนการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง นยิ มสวมใส่โจงกระเบนสวมเส้ือสีขาว
ติดกระดุม 5 เมด็ ทเี่ รยี กวา่ "ราชประแตน" ไวผ้ มส้ันขา้ งๆตดั เกรยี นถึงหนงั ศรี ษะขา้ งบนหวแี สกกลาง

ผ้หู ญิง สมยั กอ่ นการเปล่ียนแปลงระบอบการปกครอง นิยมสวมใสผ่ ้าซ่ินยาวคร่งึ แข้ง หม่ สไบ
เฉียงตามสมัยอยุธยา ทรงผมเกลา้ เปน็ มวย และสวมใสเ่ คร่ืองประดบั เพอื่ ความสวยงาม

การแต่งกายประจาภาคใต้

ภาคใต้
ภาคใต้ มีภาษาพูดประจาถิ่นทห่ี ว้ นๆ สนั้ ๆ เปน็ เอกลักษณ์ เรยี กว่า “ภาษาใตห้ รือแหลงใต้”
สว่ นกลมุ่ คนทีอ่ ยู่แถบชายแดนไทย-มาเลเซีย นยิ มพดู ภาษายาวี หรือภาษามาเลเซยี
ตัวอยา่ งภาษาพูดภาคใต้ เชน่ แหลง (พดู ) หร๋อย (อร่อย) ทาไหร๋ (ทาอะไร) บางท้องถ่นิ ใช้ภาษายาวี เพราะนบั
ถอื ศาสนาอสิ ลาม การแต่งกายภาคใต้ ภาคนมี้ ีการแตง่ กายต่างกันตามเช้อื ชาติ ถา้ เชื้อสายจีนจะแต่งแบบจนี
ถา้ เป็นชาวมสุ ลิม ก็จะแต่งคล้ายกับชาวมาเลเซีย ปัจจุบันแหล่งทาผ้าแบบดั้งเดิมน้ันเกือบจะสญู หายไป คงพบ
ได้เฉพาะ 4 แหลง่ เท่าน้นั คือ ท่ีตาบลพมุ เรย้ี ง จังหวดั สุราษฎร์ธานี , อาเภอเมือง จังหวัดนครศรธี รรมราช ,
เกาะยอ จังหวัดสงขลา และตาบลนาหมืน่ ศรี จังหวดั ตรังการแตง่ กายของชาวใต้
การแตง่ กายนน้ั แตกต่างกนั ในการใช้วสั ดุ และรูปแบบโดยมีเอกลักษณ์ไปตามเชื้อชาติ ของผคู้ นอนั หลากหลาย
ท่เี ข้ามาอยู่อาศัยในดินแดนอันเกา่ แก่แห่งนพ้ี อจาแนกเปน็
กลมุ่ ใหญๆ่ ได้ดงั น้ี
1. กลุ่มเชอ้ื สายจนี – มาลายู เรียกชนกลุม่ นว้ี ่ายะหยา หรือ ยอนยา่ เปน็ กลุ่มชาวจีน เชอ้ื สายฮกเก๊ยี น
ที่มาสมรสกบั ชนพน้ื เมืองเช้ือสายมาลายู ชาวยะหยาจงึ มีการแต่งกายอันสวยงาม ท่ผี สมผสาน รูปแบบของชาว
จนี และมาลายเู ข้าดว้ ยกนั อย่างงดงาม ฝ่ายหญงิ ใสเ่ สือ้ ฉลุลายดอกไม้ รอบคอ,เอว และปลายแขนอย่างงดงาม
นิยมนุ่งผา้ ซิน่ ปาเต๊ะ ฝ่ายชายยงั คงแตง่ กาย คลา้ ยรปู แบบจีนดงั้ เดิมอยู่

2. กลมุ่ ชาวไทยมสุ ลิม ชนดัง้ เดิม ของดนิ แดนน้นี บั ถอื ศาสนาอสิ ลาม และมี เช้ือสายมาลายู ยังคง
แตง่ กายตามประเพณี อันเก่าแกฝ่ ่ายหญงิ มีผ้าคลุมศรี ษะ ใส่เสื้อผ้ามัสลิน หรอื ลูกไมต้ ัวยาวแบบมลายูนุ่งซน่ิ
ปาเตะ๊ หรือ ซิน่ ทอแบบมาลายู ฝ่ายชายใส่เส้ือคอต้ัง สวมกางเกงขายาว และมีผา้ โสรง่ ผืนสัน้ ทเ่ี รียกวา่ ผา้ ซอง
เกต็ พันรอบเอวถ้าอยู่ บา้ นหรือลาลองจะใส่โสรง่ ลา12ยตารางทอดว้ ยฝ้าย และสวมหมวกถกั หรอื เย็บด้วยผา้
กามะหย่ี

3.กลุ่มชาวไทยพทุ ธ ชนพืน้ บ้าน แตง่ กายคล้ายชาวไทยภาคกลาง ฝา่ ยหญงิ นิยมนุ่งโจงกระเบน หรอื
ผา้ ซิ่นด้วย ผา้ ยกอันสวยงาม ใสเ่ สอื้ สีออ่ นคอกลม แขนสามสว่ น สว่ นฝ่ายชายน่งุ กางเกงชาวเล หรอื โจง
กระเบนเชน่ กนั สวมเสื้อผา้ ฝา้ ยและ มผี ้าขาวมา้ ผูกเอว หรือพาดบา่ เวลาออกนอกบ้านหรือไปงานพิธี


Click to View FlipBook Version