โรงเรียนนันทนวรวิทย์
การปฐมนิเทศผู้ปกครองนกั เรียนใหม่
ประจำปีการศึกษา 2565
วนั เสารท์ ี่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2565
ณ ห้องประชมุ อาคาร C
คำขวัญ
ความรู้ คู่ คณุ ธรรม
ปรชั ญาโรงเรียน
“จงงามเมื่อเข้ามา จงงามยิง่ เมื่อจากไป”
1
โรงเรียนนันทนวรวิทย์ ได้จัดทำคู่มือนักเรียนข้ึน โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือเป็นสื่อในการสร้างความ
เขา้ ใจอนั ดรี ะหว่างโรงเรียน นกั เรยี น และผปู้ กครอง รวมทงั้ ผู้เกยี่ วข้องทกุ ฝ่าย เกี่ยวกบั การจัดการเรยี นการ
สอน กิจกรรม กฎระเบียบ ข้อปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินงานสำเร็จผลเป็นอย่างดี ทั้งนี้ เพ่ือให้
สอดคล้องกบั ปรัชญาของโรงเรยี น คือ “จงงามเมื่อเข้ามา จงงามยิ่งเม่ือจากไป” และคำขวญั ของโรงเรยี น
คอื “ความรู้ คู่ คุณธรรม”
ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาของการดำเนินกิจการ ได้มีการปรับปรุงแก้ไขส่วนบกพร่องต่าง ๆ พร้อมกับ
การพัฒนาอาคารสถานที่มาโดยลำดับ ในปัจจุบันเรามีอาคารเรียนที่โอ่โถงสะดวกสบาย อุปกรณ์การเรียน
การสอนที่ทันสมัย มีห้องคอมพิวเตอร์ ห้องปฏิบัติการทางภาษา ห้องศูนย์พัฒนาการเรียน ห้องศูนย์
วัฒนธรรม ห้องกิจกรรม ห้องสมุด ห้องพยาบาล เป็นต้น นอกจากน้ียังมีการปลูกต้นไม้ จัดสวนหย่อม
ซง่ึ ทำให้บรเิ วณหนา้ อาคารมคี วามร่มรื่น และสวยงาม
ถึงแม้โรงเรยี นจะมุ่งม่ันในการพัฒนา แตส่ ่ิงสำคญั ที่สดุ ท่โี รงเรียนมุ่งหวังอยู่เสมอ คือ ตอ้ งการเหน็ ลูก
ศิษยท์ กุ คนเปน็ “คนดี” ของสงั คมและเปน็ กำลงั สำคญั ในการพัฒนาประเทศชาตติ ่อไป
โรงเรียนนันทนวรวิทย์ ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2491 ณ ตำบลโสนลอย อำเภอ
บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี โดยมีท่านอาจารย์เพ้ียน สุวรรณมาลิก เป็นผู้รับใบอนุญาต เพื่อให้เป็น
สถานศึกษาสำหรับชาวบางบัวทอง ซ่ึงขณะนั้นผู้ท่ีจบการศึกษาประถมศึกษาปีท่ี 4 ยังไม่มีสถานศึกษาใน
อำเภอ ใหเ้ รยี นต่อในระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษา ซ่งึ ในระยะแรกน้ี โรงเรียนนันทนวรวิทย์ประกอบด้วยอาคารเรอื น
ไม้ช้ันเดียว 1 หลัง ต่อมาในปีพุทธศักราช 2502 ได้มีการจัดสร้างอาคารเรียนไม้หลังใหม่ 2 ช้ัน
เพ่ิมเติมอีก 1 หลัง เพ่อื รองรบั ต่อปริมาณนักเรยี นทมี่ มี ากขน้ึ ตามลำดบั
ในปีพุทธศักราช 2532 ด้วยเล็งเห็นและเช่ือมั่นในความสามารถการบริหารจัดการ และพัฒนา
คุณภาพการศึกษา ท่านอาจารย์เพ้ียน สุวรรณมาลิก จึงได้ขอและมอบให้ ท่านอาจารย์ประชุม และ
ท่านอาจารย์วิจิตรา รัตนเพียร ดำเนินกิจการของโรงเรียนนันทนวรวิทย์ต่อไป โดยมุ่งหวังท่ีจะให้ทั้งสอง
ท่านพัฒนากิจการของโรงเรียนให้เป็นปึกแผ่นมั่นคงย่ิงขึ้น เช่นเดียวกับโรงเรียนดุสิตพณิชยการ
มหาวทิ ยาลัยรตั นบณั ฑติ (RBAC)
ดังน้ัน เม่ือท่านอาจารย์ประชุม และท่านอาจารย์วิจิตรา รัตนเพียร ได้เข้าดำเนินการ จึงได้เริ่ม
ดำเนินการตามแผนเป็นระยะ ๆ ตลอดมา
ปพี ุทธศักราช 2534 อาคารเรยี นคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 4 ชนั้ จำนวน 40 ห้องเรียน ได้ถูก
สร้างขึ้นเพื่อรองรับการเตบิ โตของจำนวนนกั เรยี นจาก 800 คน เป็น 1,200 คน
2
ปีพุทธศักราช 2534 – 2536 โรงเรียนนันทนวรวิทย์ได้รับการไว้วางใจจากท่านผู้ปกครองมากขึ้น
เป็นลำดับ ซึ่งจำนวนนักเรียนเพิ่มจาก 1,200 คนเป็น 1,400 คน ท่านอาจารย์ประชุม รัตนเพียร จึงได้
พิจารณาก่อสร้างอาคารเรียนคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 4 ชั้น จำนวน 36 ห้องเรียน ขึ้นอีก 1 หลัง และ
ในปีพุทธศักราช 2537 ภายหลงั การดำเนินกิจการโรงเรยี นนันทนวรวิทยม์ าได้ระยะหนง่ึ ทา่ นอาจารย์ประชุม
และท่านอาจารย์วิจิตรา รัตนเพียร ได้ขยายโอกาสทางการศึกษาให้ชาวบางบัวทอง โดยก่อตั้งโรงเรียน
ดสุ ิตพณิชยการ นนทบุรี ซึง่ เปน็ โรงเรยี นพณิชยการแห่งแรกของอำเภอ เพอื่ ลดภาระค่าใชจ้ ่ายในการเดนิ ทาง
ของผู้ปกครองและนักเรียน
ปัจจุบันโรงเรียนนันทนวรวิทย์ มีนักเรียนจำนวนประมาณ 1,110 คน และวิทยาลัย
อาชีวศึกษาดุสิตพณิชยการ นนทบุรี จำนวนประมาณ 1,000 คน มีครู – อาจารย์ เจ้าหน้าท่ีรวมกัน
110 คน โดยมี
อาจารยป์ ระชุม รัตนเพยี ร ผกู้ ่อตั้ง
ดร.วาชิต รตั นเพยี ร ผูร้ บั ใบอนญุ าต
ครสู มชาย ประสิทธิชัย ผอู้ ำนวยการ
ปรัชญา / อดุ มการณ์
“จงงามเม่ือเข้ามา จงงามย่ิงเม่ือจากไป” เป็นปรัชญาประจำโรงเรียน อันนำไปสู่คำขวัญที่ว่า
“ความรู้ คู่ คุณธรรม” ซ่ึงโรงเรียนยึดเป็นหลักมุ่งมั่นท่ีจะพัฒนาคุณภาพของนักเรียนให้เป็นผู้ที่มีความรู้ดี
มีคุณธรรมนำไปส่พู ัฒนาการทางดา้ นร่างกาย อารมณ์ สงั คม และสตปิ ัญญา เพ่ือฝึกฝนใหน้ ักเรียนเป็นผู้มีวนิ ัย
ในตนเอง มีความมั่นใจ เห็นคุณค่าของตนเองและของผู้อื่น เป็นผู้มีความรอบรู้ มีทักษะ มีความคิด
สร้างสรรค์ สามารถปฏิบัติตามบทบาทและหน้าท่ีในฐานะพลเมืองดีของสังคม ตามระบอบประชาธิปไตย
อนั มีองคพ์ ระมหากษัตรยิ ์เปน็ ประมขุ
ในอนาคต โรงเรียนมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนานักเรียนให้มีองค์ประกอบท่ีมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์
4 ประการ คือ มีความรู้ มีคุณธรรม มีความสามารถ และมีความสุข โดยมีวิสัยทัศน์ (Vision) คือ มุ่งสู่
ความเป็นเลิศ โดยกำหนดนโยบายหลัก 6 ประการ ได้แก่ สร้างวิสัยทัศน์ พัฒนาองค์การ สร้างสรรค์
ส่ิงแวดล้อม เพยี บพร้อมคุณธรรม เลศิ ลำ้ วิชาการ ประสานชุมชน
ชอื่ ภาษาไทย 3
ช่ือภาษาอังกฤษ
เปิดสอน เคร่ืองหมายสถาบัน
สญั ลกั ษณ์ โรงเรยี นนันทนวรวิทย์
อักษรย่อ NANTHANAWORAWIT SCHOOL
สีประจำสถาบัน ตงั้ แตร่ ะดับอนุบาลปีที่ 1 – มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3
ปรชั ญา มาตรฐานเดยี วกับ ดสุ ติ พณิชยการ และมหาวทิ ยาลัยรัตนบัณฑติ (RBAC)
คำขวัญ พระวษิ ณุ
นำ้ เงิน – เหลอื ง
“จงงามเม่ือเขา้ มา จงงามย่งิ เมือ่ จากไป”
“ความรู้ คู่ คุณธรรม”
ความหมายของสีประจำโรงเรียน
สนี ้ำเงิน หมายถึง ผู้มคี วามรู้ เคร่งครัดในหน้าที่ มีระเบียบวนิ ัย
สีเหลือง หมายถึง คณุ ธรรมสีแห่งความดีงาม
นำ้ เงนิ – เหลือง หมายถงึ แนวทางของโรงเรยี นนนั ทนวรวิทย์ท่มี ุ่งเน้นการจัด
การเรยี นการสอนตามปรัชญาของโรงเรียน
“จงงามเมอื่ เขา้ มา จงงามย่ิงเมอื่ จากไป”
เพลงประจำโรงเรยี น
มาร์ชโรงเรียน
นำ้ เงนิ เหลืองรุง่ เรอื งฟเู ฟื่องวิไล รว่ มจิตร่วมใจรว่ มรักสมคั รสมาน นันทนวรวทิ ยศ์ ิษยส์ ัมพันธ์
เราหน่งึ เดยี วกนั มน่ั อยู่ในสามคั คี นันทนฯ ต้องเดนิ ก้าวหนา้ เราเชิดชูตรา น้ำเงินเหลืองประเทอื งศรี
สถาบนั การศึกษาเกยี รติเรามี เรามงุ่ ทำดีศกั ดศ์ิ รีนันทนวรวทิ ย์
4
ระดบั อนบุ าล
จดุ มงุ่ หมาย
ฝา่ ยอนบุ าลของโรงเรียนนันทนวรวิทยม์ ุ่งอบรมนกั เรยี นให้มีคณุ สมบตั ิดังน้ี
มีคุณธรรม โดยยดึ หลกั คุณธรรมเบื้องตน้ คอื กตัญญู ซอื่ สัตย์ และมนี ้ำใจ เอ้อื เฟื้อเผ่ือแผ่
มเี มตตา
มีรสนยิ มดี โดยสร้างส่ิงแวดลอ้ มทด่ี ีใหม้ ีโอกาสพบเหน็ ส่ิงท่ีสวยงามเปน็ สนุ ทรี ฝกึ ฝนให้
ซาบซง้ึ ในศลิ ปกรรม
มคี วามเปน็ ไทย ใหร้ ู้จักศลิ ปวฒั นธรรมของชาตใิ หซ้ าบซึ้งในคุณค่าและศกั ดิศ์ รขี องชนชาวไทย
ใหม้ คี วามออ่ นน้อม ร้มู ารยาทไทย มีทกั ษะในการใช้ภาษาไทยเบ้ืองตน้ ไดด้ ี
มใี จรกั เรยี น มีทศั นคตทิ ่ดี ีตอ่ การเรียน รูจ้ กั คดิ หาเหตุผล รกั การอา่ น
มพี ื้นฐานความรดู้ ี มุ่งอบรมให้มคี วามรู้ และความเขา้ ใจในพนื้ ฐานเพอื่ เปน็ รากฐานในการศกึ ษา
ขน้ั ตอ่ ไป โดยส่งเสรมิ การฟังเปน็ สงั เกตเปน็ คดิ เปน็ พดู เปน็ และแก้ปญั หาเปน็
มีระเบยี บวนิ ยั ให้นักเรยี นมีอิสระในขอบเขตทกี่ ำหนดตามมาตรฐานของสังคมไทย อยู่ในระเบยี บ
ของโรงเรียน เชือ่ ฟงั และเคารพบิดา มารดา ในฐานะผใู้ หก้ ำเนิด ผ้มู พี ระคุณ
มคี วามประพฤติดี ไมป่ ฏบิ ตั ิใหเ้ สือ่ มเสีย หรอื โนม้ เอยี งไปในทางเสือ่ มเสีย
มีการสมาคมดี ให้สามารถอยูร่ ว่ มเปน็ หมูค่ ณะได้ รู้จักทำงานรว่ มกันและรจู้ กั การใหอ้ ภยั
มกี ารเตบิ โตท่ดี ี ให้เจรญิ เติบโตครบทกุ ด้าน
ด้านรา่ งกาย โดยรบั ประทานอาหารให้ครบถว้ น ออกกำลังกาย
อย่างสม่ำเสมอ พกั ผ่อนให้เพียงพอ
ดา้ นจิตใจ อารมณ์ สังคม ใหม้ ีสุขภาพจติ ทดี่ ี โดยให้รับความรกั
และความเอาใจใสจ่ ากครโู ดยท่วั ถึงเทา่ เทยี มกัน
มีสงั คมทดี่ มี ีโอกาสประสบความสำเร็จในกจิ กรรมท่ีถนดั
ด้านสตปิ ัญญา ไดร้ บั การอบรมและสง่ั สอนที่ถกู หลักการอนุบาล
ศึกษาเพื่อเสรมิ สรา้ งเชาวนป์ ัญญา มอี ปุ กรณก์ ารเรียน
การสอนทีไ่ ดม้ าตรฐานเพยี งพอกับกจิ กรรมของนกั เรียน
และมกี ิจกรรมท่ีน่าสนใจเหมาะสมกบั วยั และวุฒภิ าวะ
ของนกั เรยี น
5
ภาคเรยี น
แบง่ ออกเป็น 2 ภาคเรียน ในแตล่ ะปีการศกึ ษา
ภาคตน้ เปิดเรียนต้ังแต่เดือนพฤษภาคม ถงึ เดือนกันยายน
ภาคปลาย เปดิ เรียนตงั้ แต่เดือนพฤศจกิ ายน ถงึ เดือนกมุ ภาพนั ธ์
ระเบยี บข้อบังคบั สำหรบั นักเรยี นระดับอนุบาล
1. นกั เรียนมาถึงโรงเรียนกอ่ นเวลา 07.50 น. และกลบั บา้ นเวลา 14.30 น.
2. ขอให้ท่านผู้ปกครอง รับ – ส่งนักเรียนที่ครูเวรประจำวัน บริเวณทางข้ึนบันได 1 , บันได 2 ไม่อนุญาตให้
ผูป้ กครองขน้ึ บนอาคารเรียน หากมกี ิจธุระใหต้ ิดต่อที่ฝา่ ยธรุ การ เม่อื มารบั นกั เรียนกลับบา้ นก่อนเวลาผมู้ ารับ จะต้องนำบัตร
ประจำตวั นักเรียน หรือบัตรประจำตวั ประชาชนของผู้มารับมาแสดงทกุ ครงั้
3. นกั เรยี นตอ้ งเคารพเชื่อฟงั และปฏิบัตติ ามคำสง่ั สอนของครูทกุ คน
4. ในการตดิ ตอ่ กบั โรงเรียน นกั เรียนต้องสวมเครื่องแบบนกั เรียนทกุ ครั้ง
5. นักเรียนไม่พึงนำเงินมาโรงเรียน ยกเวน้ นักเรียนที่ต้องคอยผู้ปกครองมารับกลับบ้านหลังเวลา 14.30 น.
จงึ อนุญาตให้นำเงนิ มาซอ้ื ขนมในเวลาเย็นได้
6. นักเรียนที่ไวผ้ มส้ัน จะต้องไม่ยาวเกินคอปกเส้ือ หากไว้ยาว จะต้องรวบผม หรือถักเปียให้เรียบรอ้ ย ไม่ดัดผม
ย้อมสีผม ถ้าเป็นผมม้าจะต้องยาวเพียงเหนือคิ้ว นักเรียนชายไว้ผมรองทรง ด้านข้างและด้านหลังสูง ผมด้านบนและ
ด้านหนา้ ยาวไมเ่ กิน 5 ซม. ไมห่ วแี สกกลาง ไมก่ ันจอน ไม่ใสน่ ำ้ มนั หรอื เคร่ืองสำอางแตง่ ผมทกุ ชนิด ไม่ดัดผม
7. สวมรองเท้านักเรียนสีดำ ตามแบบนักเรียนทั่วไป ไม่มีลวดลาย และสวมถุงเท้าขาวเรียบ ไม่มลี วดลาย หรือ
ปักฉลุ กรณวี ันมกี ิจกรรมพลศกึ ษา ใหส้ วมรองเทา้ ผ้าใบสีขาวไมม่ ีลวดลายหรือสีอื่นปน
8. ของใช้ทกุ ชนิ้ ทน่ี ำมาโรงเรยี น ขอใหเ้ ขียนชื่อนักเรยี นใหช้ ัดเจน
9. มิให้นกั เรียนนำของเล่นมาโรงเรยี นโดยเดด็ ขาด
10. ใหน้ ำชดุ ลำลอง 1 ชดุ รองเท้าฟองนำ้ 1 คู่ มาไว้ที่โรงเรียน
11. โรงเรียนไมอ่ นญุ าตให้ทา่ นผู้ปกครองอยู่กบั นักเรยี นในเวลาเรยี น หากมธี ุระกรณุ าติดตอ่ ทฝ่ี า่ ยธรุ การ
12. ทางโรงเรยี นจะถือว่า ผู้ถอื บตั รรับนกั เรียนมสี ิทธิในการรับนกั เรียนอย่างถกู ตอ้ ง ดงั นนั้ ขอใหท้ า่ นผ้ปู กครอง
เก็บบตั รนักเรียน และเห็นความสำคัญของบตั รนักเรียน เพื่อความปลอดภยั แก่นักเรียนในปกครองของท่าน
13. เมื่อนักเรียนขาดเรียน ขอให้ท่านผู้ปกครองเขียนใบลาถึงครูประจำชั้น และให้นักเรียนนำมาในวันแรก
ทม่ี าเรียน ในกรณลี ากจิ กรุณาแจง้ ลว่ งหน้า และถา้ ปว่ ยจำเป็นตอ้ งหยดุ เรยี นหลายวนั กรุณาโทรศัพทแ์ จง้ ใหโ้ รงเรียนทราบด้วย
14. ให้นักเรยี นสวมชุดพละของโรงเรียนในวันทม่ี กี ิจกรรมพลศึกษา
- ระดบั ชัน้ อนบุ าลปีท่ี 1 สวมชดุ พละในวนั พธุ
- ระดบั ช้นั อนุบาลปที ี่ 2 สวมชุดพละในวันพฤหัสบดี
- ระดบั ชัน้ อนบุ าลปที ี่ 3 สวมชุดพละในวันศกุ ร์
15. ให้นกั เรยี นระดับชน้ั อนบุ าลปีที่ 1 – 3 สวมชุดลกู เสือนอ้ ยในวันอังคาร
16. ระดบั ชั้นอนุบาล 3 ไมม่ กี ารนอนกลางวัน
6
หลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั พุทธศกั ราช 2560
มงุ่ เน้นการจัดการศึกษาปฐมวัยทีต่ ้องพัฒนาเด็กต้งั แต่แรกเกดิ – 6 ปี ใหม้ พี ัฒนาการดา้ นรา่ งกาย
อารมณ์ จติ ใจ สังคมและสติปญั ญาที่เหมาะสมกบั วัย ความสามารถและความแตกตา่ งระหว่างบุคคล
เปน็ การเตรยี มความพร้อมทีจ่ ะเรยี นรู้ และสร้างรากฐานคุณภาพชวี ิตใหเ้ ด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ท่ี
สมบรู ณ์ เปน็ คนดี มวี ินัย ภมู ใิ จในชาตแิ ละมีความรบั ผิดชอบตอ่ ตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน สังคมและ
ประเทศชาติ
ในหลักสูตรปฐมวัย 2560
สาระทคี่ วรรู้
1. ตัวเดก็
2. บุคคลและสถานท่แี วดล้อมเดก็
3. ธรรมชาตริ อบตวั
4. ส่ิงตา่ ง ๆ รอบตัว
และจะมีการบรู ณาการเพมิ่ เติมวิชา ภาษาไทย วทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ
หลักการ
เพื่อให้เดก็ ทุกคนมโี อกาสพัฒนาตนเอง ตามลำดบั ขนั้ ของพัฒนาการทุกด้านอยา่ งเป็นองคร์ วม มี
คณุ ภาพและเตมิ ศกั ยภาพโดยกำหนดหลกั การ ดังนี้
1. สง่ เสริมกระบวนการเรียนรแู้ ละพฒั นาการท่ีครอบคลมุ เด็กปฐมวัยทุกคน
2. ยึดหลกั การอบรมเลี้ยงดู และใหก้ ารศกึ ษาทีเ่ น้นเด็กเป็นสำคญั โดยคำนึงถงึ ความแตกต่างระหวา่ ง
บุคคลและวิถชี วี ิตของเด็กตามบริบทของชมุ ชน สังคม และวัฒนธรรมไทย
3. ยึดพัฒนาการและการพฒั นาเด็กโดยองคร์ วม ผา่ นการเล่นอย่างมคี วามหมายและมีกิจกรรมที่
หลากหลาย ได้ลงมอื กระทำในสภาพแวดล้อมทเ่ี อ้ือตอ่ การเรียนรู้ เหมาะสมกับวัย และมีการ
พกั ผ่อนเพียงพอ
4. จัดประสบการณก์ ารเรยี นรใู้ ห้เด็กมที ักษะชวี ติ และสามารถปฏิบัตติ นตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพียง เป็นคนดี มีวนิ ยั และมคี วามสุข
5. สร้างความรู้ ความเข้าใจ และประสานความร่วมมือในการพฒั นาเด็กระหวา่ งสถานศึกษากับ
พอ่ แม่ ครอบครวั ชุมชน และทุกฝ่ายทเ่ี กีย่ วข้องกบั การพฒั นาเด็กปฐมวัย
7
กิจกรรมเสริมหลกั สูตรพิเศษ
นอกจากจัดประสบการณ์การเรียนการสอนด้านวิชาการ และมุ่งอบรมจริยธรรมแล้ว โรงเรียนจัด
เสริมกิจกรรมพิเศษให้กับนักเรียน ตามความสามารถความสนใจของนักเรียน และเป็นการสร้างความ
สนุกสนานเพลิดเพลินบันเทิงใจอีกด้วย โดยจัดห้องศูนย์พัฒนาการเรียน ประกอบไปด้วย การชมวีดีโอ
มมุ ประสบการณต์ า่ ง ๆ ซง่ึ ก่อใหเ้ กดิ การเรียนรทู้ ดี่ ี และจัดกจิ กรรมอิสระคอมพวิ เตอร์
โรงเรียนนันทนวรวทิ ย์
ตารางกจิ กรรมประจำวนั อนุบาล
เวลา กจิ กรรม
07.00 – 07.50 น. รับเดก็ เป็นรายบคุ คล
07.50 – 08.10 น. เขา้ แถวเคารพธงชาติ
08.10 – 08.30 น. ตรวจสขุ ภาพ , ไปหอ้ งนำ้
08.30 – 08.50 น. กิจกรรมเคลอื่ นไหวและจังหวะ
08.50 – 09.20 น. กิจกรรมสร้างสรรค์
09.20 – 09.45 น. กิจกรรมเสริมประสบการณ์
09.45 – 10.10 น. กจิ กรรมเสรี
10.10 – 10.45 น. กิจกรรมกลางแจง้
10.45 – 11.10 น. รับประทานอาหารกลางวัน
11.10 – 11.30 น. เดนิ ยอ่ ยอาหาร
11.30 – 11.40 น. แปรงฟนั และการใชห้ ้องน้ำ
11.40 – 13.30 น. พกั ผอ่ นกลางวนั
13.30 – 13.40 น. ลา้ งหนา้ หวผี ม
13.40 – 14.00 น. รบั ประทานอาหารวา่ ง
14.00 – 14.20 น. เกมการศึกษา
14.20 – 14.30 น. สวดมนต์ / เตรยี มตวั กลบั บา้ น
8
ระดบั การศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551
วิสัยทศั น์
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรยี นทกุ คน ซ่ึงเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ทมี่ ีความสมดุล
ทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดม่ันในการปกครองตามระบอบ
ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมท้ัง เจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อ
การประกอบอาชีพและการศกึ ษาตลอดชวี ติ โดยมงุ่ เน้นผู้เรียนเปน็ สำคญั บนพ้ืนฐานความเชอ่ื วา่ ทกุ คนสามารถเรยี นรู้
และพฒั นาตนเองไดเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ
หลกั การ
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน มหี ลกั การท่สี ำคญั ดังน้ี
1. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมาย
สำหรับพัฒนาเดก็ และเยาวชนให้มีความรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคณุ ธรรมบนพ้นื ฐานของความเปน็ ไทยควบคูก่ บั ความเป็นสากล
2. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาต่อ อย่างเสมอภาค และมี
คุณภาพ
3. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่ีสนองการกระจายอำนาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ให้สอดคล้องกับ
สภาพและความต้องการของทอ้ งถน่ิ
4. เป็นหลักสตู รการศกึ ษาทีม่ ีโครงสร้างยดื หย่นุ ทง้ั ด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการจัดการเรยี นรู้
5. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่เี น้นผู้เรยี นเปน็ สำคัญ
6. เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุกกลุ่มเปา้ หมาย
สามารถเทยี บโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์
จุดหมาย
หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน มุ่งพฒั นาผ้เู รยี นใหเ้ ป็นคนดี มปี ัญญา มคี วามสขุ มศี ักยภาพในการศกึ ษาต่อ
และประกอบอาชีพ จึงกำหนดเป็นจดุ หมายเพ่อื ใหเ้ กิดกบั ผู้เรียน เมอื่ จบการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน ดงั น้ี
1. มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบตั ิตนตามหลักธรรมของ
พระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถอื ยดึ หลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
2. มีความรู้ ความสามารถในการสือ่ สาร การคดิ การแก้ปญั หา การใชเ้ ทคโนโลยี และมีทกั ษะชีวิต
3. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มสี ุขนสิ ยั และรักการออกกำลังกาย
4. มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดม่ันในวิถีชีวิตและการปกครองตามระบอบ
ประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
5. มีจิตสำนึกในการอนุรกั ษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรกั ษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่ง
ทำประโยชนแ์ ละสร้างสง่ิ ท่ดี งี ามในสังคม และอยู่รว่ มกันในสังคมอย่างมีความสุข
10
เกณฑก์ ารตดั สินผลการเรียน
ในการตัดสนิ ผลการเรียนของกล่มุ สาระการเรียนร้กู ารอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขยี นคณุ ลักษณะ
อันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนนัน้ ผสู้ อนต้องคำนงึ ถงึ การพัฒนาผู้เรยี นแต่ละคนเปน็ หลัก และตอ้ ง
เกบ็ ข้อมูลของผู้เรียนทุกดา้ นอยา่ งสมำ่ เสมอ และต่อเน่ืองในแต่ละภาคเรยี น รวมทง้ั สอนซ่อมเสริมผู้เรียนให้
เกดิ การพฒั นาจนเต็มตามศักยภาพ
ระดับประถมศึกษา
1) ผเู้ รียนตอ้ งมเี วลาเรยี นไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนท้ังหมด
2) ผ้เู รียนตอ้ งไดร้ บั การประเมินทุกตัวชี้วดั และผ่านตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากำหนด
3) ผู้เรยี นตอ้ งไดร้ บั การตดั สนิ ผลการเรยี นทกุ รายวชิ า
4) ผู้เรยี นตอ้ งไดร้ ับการประเมินและมผี ลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากำหนด
ในการอ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี นสือ่ ความ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และกิจกรรม
พฒั นาผูเ้ รียน
ระดับมัธยมศกึ ษา
1) ตัดสนิ ผลการเรียนเป็นรายวชิ า ผูเ้ รียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรยี นไม่น้อยกวา่ ร้อยละ
80 ของเวลาเรียนท้งั หมดในรายวชิ านนั้ ๆ
2) ผเู้ รยี นต้องได้รบั การประเมินทกุ ตัวชี้วัด และผา่ นตามเกณฑท์ ีส่ ถานศกึ ษากำหนด
3) ผูเ้ รียนต้องไดร้ ับการตัดสินผลการเรยี นทกุ รายวชิ า
4) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมนิ และมผี ลการประเมินผา่ นตามเกณฑ์ทีส่ ถานศกึ ษากำหนด
ในการอ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียนสื่อความ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ และกจิ กรรม
พัฒนาผู้เรียน
การพิจารณาเลือ่ นช้นั ทั้งระดับประถมศกึ ษาและมัธยมศึกษา ถา้ ผู้เรียนมขี ้อบกพรอ่ งเพียงเลก็ น้อย
และให้โรงเรยี นพิจารณาเห็นวา่ สามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสรมิ ได้ ให้อยู่ในดลุ พนิ จิ ของโรงเรียนทจี่ ะผ่อน
ผันใหเ้ ลอ่ื นชัน้ ได้ แตห่ ากผู้เรยี นไม่ผ่านรายวชิ าจำนวนมาก และมแี นวโน้มว่า จะเป็นปัญหาตอ่ การเรยี นใน
ระดบั ชน้ั ที่สูงข้นึ โรงเรียนอาจตง้ั คณะกรรมการพจิ ารณาใหเ้ รียนซ้ำชน้ั ได้ ทง้ั น้ี ใหค้ ำนึงถึงวุฒภิ าวะ
และความรู้ความสามารถของผเู้ รียนเปน็ สำคญั
11
การประเมินผลการเรียนรู้ โดยประเมินจากคา่ คะแนนการประเมินระหว่างเรียน และประเมินผล
รายปี/รายภาค
จากการวัดและประเมนิ ความรู้ความเข้าใจ เจตคติ และการประเมนิ ของผู้เรียนสาระการเรียนรดู้ งั น้ี
กลมุ่ สาระ แฟ้มพฒั นา ทด สอบ
การเรยี นรู้ งานช้ินงาน สอบ
คะแนนระหวา่ งเรียน คุณ รวม ปลาย รวม
ลกั ษณะ ภาค /
ปลายปี
ภาษาไทย ฟัง พดู อ่าน ลายมือ เขยี น
ประถมศึกษาปที ี่ 1–6 ๕ ๑๐ ๑๐ ๕ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๗๐ ๓๐ ๑๐๐
มัธยมศึกษาปที ี่ 1–3 ๑๐ ๑๐ ๑๐ - ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๗๐ ๓๐ ๑๐๐
ภาษาอังกฤษ ๑๐ ๑๐ ๑๐ - ๑๐ ๒๐ ๑๐ ๑๐ ๘๐ ๒๐ ๑๐๐
ภาษาเพอ่ื การสือ่ สาร ๑๐ ๑๐ ๑๐ - ๑๐ ๒๐ ๑๐ ๑๐ ๘๐ ๒๐ ๑๐๐
ภาษาจีน ๑๐ ๑๐ ๑๐ - ๑๐ ๒๐ ๑๐ ๑๐ ๘๐ ๒๐ ๑๐๐
กล่มุ สาระ ก่อนกลาง กลางภาค หลงั กลาง ชน้ิ งาน สอบ คุณ รวม สอบ รวม
การเรยี นรู้ ภาค ภาค ปฏิบัติ ลกั ษณะ ปลายภาค
คณติ ศาสตร์ ๒๐ ๑๐ ๒๐ ๑๐ - ๑๐ ๗๐ ๓๐ ๑๐๐
วิทยาศาสตร์ ๑๕ ๑๕ ๑๕ ๑๕ - ๑๐ ๗๐ ๓๐ ๑๐๐
วทิ ยาการคำนวณ ๑๕ ๑๕ ๑๕ ๑๕ - ๑๐ ๗๐ ๓๐ ๑๐๐
การออกแบบและ ๑๕ ๑๕ ๑๕ ๑๕ - ๑๐ ๗๐ ๓๐ ๑๐๐
เทคโนโลยี
สังคมศาสนา และ ๑๕ ๒๐ ๑๕ ๒๐ - ๑๐ ๘๐ ๒๐ ๑๐๐
วฒั นธรรม
สุขศึกษาและ ๑๐ ๒๐ ๑๐ ๑๐ ๒๐ ๑๐ ๘๐ ๒๐ ๑๐๐
พลศกึ ษา
การงานอาชีพ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๓๐ ๒๐ ๑๐ ๙๐ ๑๐ ๑๐๐
ศิลปะ/นาฏศลิ ป์ ดนตร/ี นาฏศลิ ป์ ทัศนศิลป์ ชนิ้ งาน คุณลกั ษณะ รวม ปลายภาค รวม
(ประถม) ๘๐ ๒๐ ๑๐๐
๓๐ ๓๐ ๑๐ ๑๐ รวม รวม
ศลิ ปะ/นาฏศลิ ป์ ๘๐ ปลายภาค ๑๐๐
(มัธยม) โครงงาน/รายงาน ภาคปฏิบตั ิ ชิน้ งาน คุณลักษณะ ๒๐
๒๐ ๔๐ ๑๐ ๑๐
12
เกณฑ์การใหร้ ะดับผลการเรยี น
ระดบั ประถมศึกษาและระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้
การให้ระดับผลการเรยี น ประเมนิ ผู้เรียนเป็นรายบุคคลทางด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะ
โดยรวมเปน็ คะแนนเปรียบเทียบระดบั ผลการเรียนดังนี้
ระดบั ผลการเรยี น ชว่ งคะแนนเป็นรอ้ ยละ ความหมาย
4 80 – 100 ผลการเรียนดเี ยย่ี ม
3.5 75 – 79 ผลการเรียนดมี าก
3 70 – 74 ผลการเรยี นดี
2.5 65 – 69 ผลการเรยี นค่อนข้างดี
2 60 – 64 ผลการเรียนน่าพอใจ
1.5 55 – 59 ผลการเรียนพอใช้
1 50 – 54 ผลการเรียนผา่ นเกณฑข์ ั้นต่ำ
0 0 – 49 ผลการเรยี นตำ่ กว่าเกณฑ์ข้ันตำ่ ทก่ี ำหนด
- พจิ ารณาตดั สินว่าผเู้ รยี น “ ผ่าน ” สาระการเรียนรรู้ ายปี/รายภาค เฉพาะผู้ทสี่ อบได้
ระดับผลการเรียน 1 ถึง 4 เทา่ นั้น
- การประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์ เขยี นสอื่ ความ คุณลักษณะอันพึงประสงค์น้นั ใหม้ ีระดบั
ผลการประเมนิ เป็นดีเย่ียม ดี ผ่าน และไมผ่ ่าน
- การประเมินกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น จะต้องพิจารณา ทั้งเวลาการเข้ารว่ มกิจกรรม การ
ปฏิบัติกิจกรรมและผลงานของผเู้ รยี น ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด และใหผ้ ลการเขา้ รว่ มกิจกรรมเป็น
ผา่ น และไมผ่ ่าน
13
การเลอ่ื นชัน้
โรงเรียนกำหนดเกณฑก์ ารเล่อื นช้ัน โดยพิจารณาให้สอดคลอ้ งกับเกณฑก์ ารตดั สนิ ผลการเรยี น ตลอดจน
กำหนดเกณฑ์เกย่ี วกบั การผา่ นตวั ชี้วัดให้ชัดเจน และประกาศใหท้ ราบท่วั กนั ไดด้ งั นี้
1) ผูเ้ รียนต้องมีเวลาเรยี นไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 80 ของเวลาเรยี นทัง้ หมด
2) ผเู้ รยี นต้องไดร้ บั การประเมินทกุ ตวั ช้วี ดั และผ่านตามเกณฑท์ ่สี ถานศกึ ษากำหนด
3) ผู้เรียนตอ้ งไดร้ บั การตดั สินผลการเรียนทุกรายวิชา
4) ผู้เรียนตอ้ งได้รบั การประเมนิ และมีผลการประเมินผา่ นตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากำหนด ในการ
อ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียนส่ือความ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น
การกำหนดเกณฑก์ ารผา่ นรายวชิ าพน้ื ฐานและเพ่ิมเติม ใหโ้ รงเรยี นกำหนดจำนวนตัวช้วี ดั ทต่ี อ้ งผ่าน ซงึ่ ตอ้ ง
ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 60 ของแตล่ ะรายวชิ า
การพิจารณาเล่อื นชน้ั ถ้าผู้เรยี นมขี อ้ บกพรอ่ งเพยี งบางตัวช้ีวดั ซง่ึ โรงเรียนพิจารณาเหน็ ว่า สามารถพฒั นา
และสอนซอ่ มเสริมได้ กใ็ หอ้ ยูใ่ นดุลยพนิ ิจของโรงเรียนที่จะผ่อนผนั ใหเ้ ลอื่ นชนั้ ได้
การเรียนซ้ำชัน้ ระดบั ประถมศึกษา
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดว่า หากผู้เรยี นไมผ่ ่านรายวชิ า
จำนวนมาก และมีแนวโนม้ วา่ จะเป็นปญั หาตอ่ การเรียนในระดบั ชั้นที่สงู ขน้ึ โรงเรยี นอาจต้งั คณะกรรมการพจิ ารณาให้
เรยี นซำ้ ชน้ั ได้ ทง้ั น้ี ให้คำนงึ ถงึ วุฒภิ าวะและความรคู้ วามสามารถของผเู้ รียนเป็นสำคัญ
ผู้เรยี นท่ไี ม่มีคณุ สมบตั ิตามเกณฑก์ ารอนุมตั เิ ล่อื นชน้ั เรียน โรงเรียนจะต้องจัดให้เรยี นซำ้ ชนั้
1) ผู้เรียนไมผ่ า่ นรายวชิ าเกนิ ครงึ่ หน่ึงของรายวชิ าทเ่ี รียนตามโครงสร้างเวลาเรียนของสถานศกึ ษา
2) ผู้เรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 – 2 เมอื่ ได้รบั การประเมินแลว้ ยงั อา่ นหนงั สอื ไมอ่ อก เขยี นไม่ได้
คดิ เลขไม่ได้
ในกรณที ่ผี เู้ รียนขาดคณุ สมบัตขิ อ้ ใดขอ้ หนึง่ โรงเรียนอาจใช้ดลุ พนิ จิ ให้เลือ่ นชน้ั ได้ หากพจิ ารณาเห็นว่า
1) ผูเ้ รียนมเี วลาเรียนไมถ่ ึงร้อยละ 80 อันเนื่องจากสาเหตจุ ำเปน็ หรือเหตสุ ุดวิสยั แตม่ ีคณุ สมบตั ิ
ตามข้ออ่นื ๆ ครบถ้วน
2) ผู้เรยี นผา่ นมาตรฐาน และตวั ชว้ี ัดไม่ถึงเกณฑ์ตามที่สถานศกึ ษากำหนด ในแต่ละรายวชิ า
และเห็นว่าสามารถสอนซ่อมเสริมได้ในปีการศกึ ษาถดั ไปและมคี ณุ สมบัตขิ ้ออน่ื ๆ ครบถ้วน
3) ผ้เู รยี นชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 1 – 3 มีผลการประเมินกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทยและคณติ ศาสตร์
อยู่ในเกณฑ์พอใช้ และผูเ้ รยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 – 6 มีผลการประเมนิ กลุ่มสาระการ
เรยี นรูภ้ าษาไทย คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อย่ใู น
เกณฑผ์ ่าน
14
การสอนซอ่ มเสริม
การสอนซ่อมเสริม เปน็ ส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรยี นรแู้ ละเป็นการให้โอกาสแก่ผเู้ รยี นไดม้ ี
เวลาเรยี นรู้สง่ิ ต่าง ๆ เพิม่ ขน้ึ จนสามารถบรรลตุ ามมาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วดั ท่กี ำหนดไว้ การสอนซ่อม
เสริมเป็นการสอนกรณีพิเศษ นอกเหนือไปจากการสอนตามแผนจดั การเรยี นรู้ปกติ เพ่ือแก้ไขข้อบกพร่องที่
พบในผเู้ รียน โดยจัดกระบวนการเรยี นรูห้ ลากหลายและคำนงึ ถึงความแตกตา่ งระหว่างบคุ คลของผเู้ รียน
การสอนซ่อมเสริมสามารถดำเนินการได้ในกรณีดังต่อไปนี้
1) ผเู้ รยี นมีความรู/้ ทกั ษะพ้ืนฐานไมเ่ พียงพอท่จี ะศึกษาในแต่ละรายวชิ านน้ั ควรจัดการ
สอนซอ่ มเสริม ปรบั ความร/ู้ ทกั ษะพืน้ ฐาน
2) การประเมนิ ระหวา่ งเรียน ผ้เู รยี นไม่สามารถแสดงความรู้ ทกั ษะกระบวนการหรือเจต
คติ / คุณลักษณะทีก่ ำหนดไว้ตามมาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชี้วัด
3) ผลการเรยี นไมถ่ ึงเกณฑ์และ / หรือต่ำกวา่ เกณฑก์ ารประเมนิ ต้องจัดการสอนซ่อม
เสริมก่อนจะให้ผเู้ รียนสอบแก้ตัว
4) ผเู้ รียนมผี ลการเรียนไม่ผ่าน สามารถจดั สอนซ่อมเสริมในภาคฤดรู ้อน ท้ังนี้ ให้อยู่ใน
ดลุ ยพินจิ ของโรงเรียน
การเปลยี่ นระดับผลการเรยี นให้ถอื ปฏิบัตดิ ังน้ี
1. การเปลี่ยนผลการเรียน “0”
โรงเรียนจัดให้มกี ารสอนซอ่ มเสรมิ ในตวั ชว้ี ดั ทีผ่ ู้เรยี นสอบไมผ่ า่ นก่อน แลว้ จึงสอบ
แก้วตัวให้และใหส้ อบแกต้ ัวได้ไม่เกิน 2 ครัง้ ทง้ั นี้ ต้องดำเนินการใหเ้ สรจ็ ส้นิ ภายในปีการศึกษาน้นั
ถา้ ผ้เู รยี นไมด่ ำเนินการสอบแก้ตวั ตามระยะเวลาท่ีกำหนดไวน้ ้ี ให้อยู่ในดุลยพินจิ
ของโรงเรียน ท่ีจะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีกไมเ่ กนิ 1 ภาคเรยี น
ถา้ สอบแก้ตัว 2 คร้ังแล้ว ยังได้ระดบั ผลการเรียน “0” อกี ให้โรงเรียนแต่งต้ัง
คณะกรรมการดำเนนิ การเกย่ี วกบั การแก้ผลการเรยี นของผู้เรยี นโดยปฏบิ ัตดิ งั น้ี
1) ให้เรียนซำ้ รายวชิ าถา้ เป็นรายวิชาพ้ืนฐาน
2) ใหเ้ รยี นซำ้ หรอื เปลี่ยนรายวิชาเรยี นใหม่ ถา้ เปน็ รายวิชาเพ่มิ เติม โดยใหอ้ ยูใ่ น
ดลุ ยพินจิ ของสถานศึกษา
ในกรณีทเี่ ปลยี่ นรายวชิ าเรียนใหม่ ให้หมายเหตใุ นระเบยี นแสดงผลการเรยี นว่าเรียนแทนรายวชิ าใด
15
2. การเปล่ยี นผลการเรยี น “ร”
การเปลีย่ นผลการเรียน “ร” มี 2 กรณดี งั น้ี
1) มีเหตุสุดวิสยั ทำใหป้ ระเมนิ ผลการเรยี นไม่ได้ เช่น เจบ็ ป่วย เมอ่ื ผู้เรยี นได้เข้า
สอบหรือส่งผลงานที่ติดคา้ งอย่เู สร็จเรียบร้อย หรอื แก้ปัญหาเสร็จสนิ้ แลว้ ให้ไดร้ ะดบั ผลการเรียนตามปกติ
(ต้ังแต่ 0 – 4)
2) ถ้าโรงเรียนพจิ ารณาแล้วเห็นวา่ ไม่ใชเ่ หตุสดุ วสิ ยั เมอ่ื ผเู้ รียนได้เข้าสอบ หรือ
ส่งผลงานท่ีติดค้างอยเู่ สร็จเรยี บรอ้ ย หรอื แกป้ ญั หาเสรจ็ สนิ้ แลว้ ให้ไดร้ ะดบั ผลการเรียนไม่เกิน “1”
การเปลยี่ นแปลงผลการเรียน “ร” ใหด้ ำเนินการแก้ไขตามสาเหตุใหเ้ สร็จสิน้ ภายใน
ปกี ารศกึ ษาน้ัน ถา้ ผู้เรยี นไม่มาดำเนินการแก้ “ร” ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้เรยี นซำ้ รายวชิ า ยกเวน้ มี
เหตุสดุ วิสัย ให้อยู่ในดลุ ยพินิจของโรงเรียนทจ่ี ะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไมเ่ กนิ 1 ภาคเรียน แต่เม่ือ
พน้ กำหนดนี้แลว้ ใหป้ ฏบิ ตั ดิ งั นี้
1) ให้เรยี นซ้ำรายวชิ า ถ้าเป็นรายวชิ าพ้นื ฐาน
2) ใหเ้ รยี นซำ้ หรือเปลีย่ นรายวิชาเรียนใหม่ ถา้ เป็นรายวิชาเพิ่มเติม โดยให้อยู่ใน
ดุลยพินจิ ของสถานศึกษา
3. การเปลี่ยนผลการเรียน “มส”
การเปลย่ี นผลการเรียน “มส” มี 2 กรณีดงั น้ี
1) กรณีผ้เู รียนได้ผลการเรียน “มส” เพราะมเี วลาเรยี นไมถ่ งึ ร้อยละ 80 แต่มี
เวลาเรียนไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 60 ของเวลาเรยี นท้ังหมด ใหโ้ รงเรยี นจดั ให้เรยี นเพิม่ เติม โดยใชช้ ่ัวโมงสอน
ซอ่ มเสรมิ หรือเวลาวา่ ง หรอื วนั หยดุ หรือมอบหมายงานใหท้ ำ จนมเี วลาเรียนครบตามท่ีกำหนดไว้ สำหรับ
รายวชิ านั้นแลว้ จึงใหส้ อบเป็นกรณีพิเศษ ผลการสอบแก้ “มส” ให้ได้ระดับผลการเรยี นไม่เกนิ “1”
การแก้ “มส” กรณนี ใ้ี ห้กระทำให้เสรจ็ สนิ้ ในปีการศกึ ษาน้ัน ถา้ ผู้เรียนไม่มาดำเนินการแก้“มส”ตามระยะเวลา
ทก่ี ำหนดไว้นีใ้ หเ้ รยี นซ้ำ ยกเวน้ มเี หตุสดุ วสิ ัย ให้อยูใ่ นดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษาทจ่ี ะขยายเวลาการแก้ “มส”
ออกไปอกี ไมเ่ กิน 1 ภาคเรยี น แต่เมอื่ พน้ กำหนดนี้แล้ว ให้ปฏิบตั ดิ ังนี้
☺ ใหเ้ รยี นซำ้ รายวิชา ถ้าเปน็ รายวชิ าพืน้ ฐาน
☺ ใหเ้ รยี นซำ้ หรือเปลย่ี นรายวิชาเรยี นใหม่ ถ้าเปน็ รายวชิ าเพ่ิมเติม โดย
ใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของโรงเรยี น
2) กรณผี ูเ้ รียนไดผ้ ลการเรยี น “มส” และมเี วลาเรียนนอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 60 ของ
เวลาเรยี นทัง้ หมด ใหโ้ รงเรยี นจัดให้เรยี นซำ้ ในรายวิชาพนื้ ฐานและรายวิชาเพิม่ เติม หรือเปลี่ยนรายวิชาใหม่ได้
สำหรับรายวิชาเพม่ิ เตมิ เท่านั้น
ในกรณีที่เปล่ียนรายวชิ าเรียนใหม่ ให้หมายเหตใุ นระเบียนแสดงผลการเรยี นวา่
เรยี นแทนรายวิชาใด
16
ในกรณภี าคเรยี นท่ี 2 หากผู้เรยี นยงั มีผลการเรียน “0” , “ร” , “มส” ใหด้ ำเนินการใหเ้ สร็จสน้ิ
กอ่ นเปิดเรียนปีการศึกษาถัดไป โรงเรียนอาจเปิดการเรยี นการสอนในภาคฤดรู ้อน เพื่อแก้ไขผลการเรยี นของ
ผู้เรียนได้ ทั้งน้ี โดยผู้อำนวยการสถานศึกษา/ฝา่ ยวชิ าการเป็นผู้พจิ ารณาประสานใหม้ ีการดำเนินการเรยี นการ
สอนในภาคฤดูร้อน เพ่ือแกไ้ ขผลการเรยี นของผู้เรยี น
4. การเปล่ยี นผลการเรยี น “มผ”
หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดให้ผเู้ รียนเข้า
รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน 3 กิจกรรม คือ 1) กิจกรรมแนะแนว 2) กจิ กรรมนักเรียน ซึง่ ประกอบดว้ ย
กิจกรรมลกู เสือ เนตรนารี โดยผู้เรียนเลอื กอยา่ งใดอยา่ งหน่งึ 1. กจิ กรรมและเลอื กเข้าร่วม กจิ กรรมชมุ นมุ
หรือชมรมอีก 1 กจิ กรรม 3) กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์
ในกรณีที่ผเู้ รียนไดผ้ ลการเรียน “มผ” สถานศกึ ษาต้องจัดซ่อมเสรมิ ใหผ้ ูเ้ รยี นทำกจิ กรรมจน
ครบตามเวลาท่ีกำหนด หรอื ปฏิบัติกจิ กรรมเพื่อพัฒนาคุณลกั ษณะทตี่ ้องปรบั ปรุง แก้ไขแล้วจึงเปลี่ยนผลการ
เรยี นจาก “มผ” เป็น “ผ” ทัง้ น้ี ดำเนินการใหเ้ สร็จสนิ้ ภายในปกี ารศึกษาน้ัน ยกเว้นมีเหตสุ ุดวสิ ัยให้อยูใ่ น
ดลุ ยพินิจของสถานศึกษา
5. การเลอ่ื นช้นั
ผู้เรียนจะได้รับการตดั สินผลการเรยี นทุกภาคเรียนและได้รับการเลือ่ นชัน้ เมื่อส้ินปี
การศกึ ษา โดยมคี ุณสมบตั ิตามเกณฑ์ ดังน้ี
1) รายวชิ าพ้นื ฐาน ได้รับการตดั สนิ ผลการเรยี นผา่ นทุกรายวิชา
2) รายวชิ าเพ่มิ เติม ได้รับการตัดสนิ ผลการเรยี นผ่านตามเกณฑ์ทีโ่ รงเรยี นกำหนด
3) ผู้เรียนตอ้ งได้รับการประเมินและมีผลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑ์ท่ีโรงเรยี น
กำหนดในการอ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์และกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น
4) ระดับผลการเรยี นเฉล่ยี ในปกี ารศกึ ษานั้น ควรไดไ้ ม่ต่ำกว่า 1.00
ท้งั นี้ รายวชิ าใดท่ไี มผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ โรงเรียนสามารถซ่อมเสรมิ ผู้เรยี นให้ไดร้ ับการแก้ไขใน
ภาคเรยี นถดั ไป
6. การเรยี นซำ้
โรงเรยี นจะจดั ใหผ้ เู้ รียนซ้ำใน 2 กรณี ดังน้ี
กรณที ี่ 1 เรยี นซำ้ รายวิชา หากผเู้ รยี นไดร้ ับการสอนซ่อมเสริมและสอบแก้ตวั 2
คร้งั แลว้ ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ ใหเ้ รียนซ้ำรายวิชาน้ัน ทง้ั นี้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของผ้อู ำนวยการ
สถานศึกษาในการจดั ให้เรียนซ้ำในชว่ งใดชว่ งหนงึ่ ท่ีสถานศกึ ษาเหน็ ว่า เหมาะสม เชน่ พกั กลางวนั วนั หยุด
ชว่ั โมงวา่ งหลังเลกิ เรยี น ภาคฤดรู อ้ น เป็นต้น
17
กรณีที่ 2 เรียนซำ้ ช้ัน มี 2 ลกั ษณะ คอื
ผเู้ รยี นมีระดบั ผลการเรียนเฉล่ยี ในปกี ารศึกษาน้นั ตำ่ กวา่ 1.00 และ
มีแนวโน้มวา่ จะมีปัญหาต่อการเรียนในระดับชัน้ ท่สี ูงขึ้น
ผู้เรียนมผี ลการเรยี น 0 , ร , มส เกินคร่งึ หนึง่ ของรายวิชาการท่ี
ลงทะเบยี นเรยี นในปีการศึกษานั้น
ทัง้ น้ี หากเกิดลกั ษณะใดลักษณะหนึ่ง หรือท้งั 2 ลกั ษณะ ให้สถานศึกษา
แตง่ ตัง้ คณะกรรมการพจิ ารณา หากเหน็ ว่า ไม่มเี หตผุ ลอันสมควรกใ็ ห้ซำ้ ชนั้ โดยยกเลิกการเรียนเดมิ และให้
ใชผ้ ลการเรียนใหมแ่ ทน หากพจิ ารณาแล้วไมต่ ้องเรยี นซ้ำชั้น ใหอ้ ยใู่ นดุลยพินจิ ของผู้อำนวยการสถานศกึ ษา
ในการแกไ้ ขผลการเรียน
การจบระดับประถมศึกษา
1) ผเู้ รยี นเรียนรายวิชาพื้นฐานและรายวิชา / กิจกรรมเพ่ิมเติม ตามโครงสร้างเวลาเรียนท่ีหลกั สูตร
แกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐานกำหนด
2) ผู้เรยี นตอ้ งมผี ลการประเมินรายวิชาพนื้ ฐานผ่านเกณฑ์การประเมนิ ตามทโี่ รงเรียนกำหนด
3) ผเู้ รียนมีผลการประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขยี นสื่อความ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน
ตามทโ่ี รงเรียนกำหนด
4) ผู้เรยี นมผี ลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามทโ่ี รงเรยี น
กำหนด
5) ผเู้ รยี นเขา้ รว่ มกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่โรงเรียน
กำหนด
การจบระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้
1) ผเู้ รียนเรียนรายวชิ าพน้ื ฐานและเพ่มิ เตมิ ไมเ่ กิน 84 หน่วยกติ โดยเปน็ รายวิชาพ้นื ฐาน 66
หน่วยกติ และรายวชิ าเพม่ิ เติมตามทโ่ี รงเรียนกำหนด (18 หน่วยกติ )
2) ผเู้ รียนตอ้ งไดห้ น่วยกติ ตลอดหลกั สตู รไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต
3) ผูเ้ รียนมผี ลการประเมิน การอา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี นส่ือความ ในระดบั ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
ตามท่โี รงเรียนกำหนด
4) ผู้เรยี นมผี ลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมนิ ตามทโี่ รงเรียน
กำหนด
5) ผเู้ รียนเขา้ ร่วมกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนและมผี ลการประเมนิ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ตามทโี่ รงเรยี น
กำหนด
18
ผลการเรยี นท่ีมีเงอ่ื นไข
ผลการเรียนที่มเี ง่ือนไข ได้แก่ ไม่มีสิทธิเ์ ขา้ รบั การประเมินผลปลายภาคในรายวชิ า และรอการตัดสิน
ใหใ้ ชต้ ัวอกั ษรระบเุ งื่อนไขแสดงผลการเรยี น ประกอบด้วย
1) ตัวอกั ษรแสดงผลการเรยี นแต่ละรายวชิ าใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้
“มส” หมายถึง ไม่มีสิทธิ์เขา้ รับการประเมินผลปลายภาคเรยี น โดยผู้เรยี นท่มี ี
เวลาเรยี นไมถ่ ึงร้อยละ 80 ของเวลาเรยี นในแตล่ ะรายวิชา และไม่ได้รับการผอ่ นผนั ให้เข้ารบั การวัดผลปลาย
ภาคเรียน
“ร” หมายถึง รอการตดั สินและยงั ตัดสนิ ไมไ่ ด้ โดยผ้เู รียนไม่มีข้อมลู ผลการเรียน
รายวชิ านั้นครบถ้วน เชน่ ไมไ่ ดว้ ดั ผลกลางภาคเรียน/ปลายภาคเรียน ไมไ่ ด้ส่งงานท่ีมอบหมายให้ทำ ซ่งึ งาน
น้นั เป็นส่วนหนง่ึ ของการตดั สินผลการเรยี น หรือมเี หตสุ ดุ วิสัยทีท่ ำใหป้ ระเมนิ ผลการเรียนไมไ่ ด้
2) ตวั อกั ษรแสดงผลการเข้าร่วมกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น
“ผ” หมายถงึ ผ่านเกณฑ์ทโ่ี รงเรียนกำหนด
“มผ” หมายถงึ ไมผ่ า่ นเกณฑ์ทโี่ รงเรยี นกำหนด
ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ว่าด้วยการควบคุมความประพฤตนิ ักเรยี น พ.ศ. 2548
หมวดที่ 1 บททั่วไป
ขอ้ 1 ระเบยี บนีเ้ รยี กวา่ ระเบยี บการควบคุมความประพฤตินักเรียน พ.ศ. 2548
ข้อ 2 ให้ใช้ระเบยี บนีต้ ้ังแต่วนั ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 เปน็ ตน้ ไป
ขอ้ 3 ในระเบยี บนี้
3.1 นักเรียน หมายถงึ นกั เรยี นทกุ คนของโรงเรียนนนั ทนวรวทิ ย์
3.2 ครู – อาจารย์ หมายถงึ ครู – อาจารยท์ กุ ท่านของโรงเรียนนนั ทนวรวิทย์
3.3 คณะกรรมการฝ่ายปกครอง หมายถึง หัวหน้างานปกครอง หัวหน้าระดับช้ันและผู้ที่
ไดร้ ับคำสัง่ แตง่ ตั้งจากโรงเรยี น
หมวดท่ี 2 ประเภทความผดิ และระดับโทษ
ขอ้ 4 โทษสำหรบั นกั เรียนท่ที ำความผิดตอ่ ระเบียบวินัยมีดงั นี้
4.1 วา่ กลา่ วตกั เตือน 4.4 ทำทณั ฑ์บน
4.2 ทำกิจกรรม 4.5 พักการเรียน
4.3 ตามประชาพิจารณ์ 4.6 ให้ออก
ข้อ 5 ใหผ้ ้ชู ว่ ยผูอ้ ำนวยการฝา่ ยปกครอง รักษาการให้เปน็ ไปตามระเบยี บนี้
ข้อ 6 ประเภทการกระทำผิดและการพจิ ารณากำหนดโทษนักเรียนลกั ษณะความผิดต่อไปน้ี
19
นักเรียนต้องงดเวน้ กระทำเพราะถือว่าเป็นการขัดต่อระเบียบวินัยของโรงเรียน โดยแบ่งลักษณะความผิดและ
กำหนดโทษนกั เรียนไว้ 3 ระดับ คอื
1. ความผิดสถานเบา ได้แก่ ความผิดท่ีแสดงถึงการเปน็ ผูม้ อี ุปนสิ ยั ไม่ดี เช่น
- ในกระเป๋าไมม่ สี มดุ หนงั สอื ตามตารางสอน
- หลีกเลีย่ งการเรยี นตามตารางสอน หรอื ประชุมตามกำหนด
- มาโรงเรยี นสายโดยไมม่ ีเหตุผลสมควร
- แต่งกายผิดระเบียบการแต่งกายของโรงเรยี น
- ขัดคำส่งั ครู – อาจารยใ์ นเรื่องที่เกี่ยวกับการเรียน
- ไว้เลบ็ ยาวเกนิ สมควร
- แสดงกิรยิ าหยาบคาย
- ไม่ใหค้ วามรว่ มมือกบั หม่คู ณะหรือส่วนรว่ ม
- รับประทานอาหารกอ่ นเวลาท่โี รงเรยี นกำหนด
- หลีกเลีย่ งการเข้าแถว
- ไมร่ กั ษาความสงบเรยี บร้อยในท่ปี ระชมุ
- ไม่ช่วยกนั ดแู ลรกั ษาทรัพยส์ มบัตสิ ่วนรวม
การพิจารณากำหนดโทษนักเรียนสำหรับความผิดสถานเบา โทษว่ากล่าวตักเตือนทำ
กิจกรรม บันทึกเปน็ ลายลักษณอ์ กั ษรในแฟม้ ประวัติ แจ้งผปู้ กครองให้รับทราบเมอื่ ไดก้ ระทำผดิ ซ้ำอกี
2. ความผิดสถานกลาง ได้แก่ ความผิดที่อาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนร่วมแต่ไม่
รา้ ยแรงหรอื ความผดิ ท่อี าจเป็นสาเหตุให้เกดิ ความผดิ ขั้นร้ายแรงตอ่ ไปได้ เช่น
- เที่ยวกลางคืนหรืออยู่นอกบ้านยามวกิ าล ยกเว้นกรณพี ิเศษตามความจำเป็น
หรือได้รับมอบหมายจากผูป้ กครอง
- ประพฤตปิ ฏบิ ัตติ นในทางชูส้ าว แตไ่ มถ่ งึ ข้ันรา้ ยแรง
- ประพฤตติ นไม่สภุ าพเรียบร้อยต่อสาธารณชน
- แตง่ กายฝา่ ฝืนระเบียบทง้ั ในและนอกโรงเรยี น
- แจ้งความเทจ็ หรือปลอมแปลงลายเซ็นผู้ปกครอง ทำใหเ้ กิดความเข้าใจผดิ หรือทำให้
เกดิ ความเสยี หายตอ่ ส่วนรวม
- หนีโรงเรียนออกนอกบริเวณโรงเรยี นโดยไม่อยู่รว่ มกิจกรรมต่างๆ ท่ีโรงเรยี นกำหนดนัด
หมาย หรอื ออกนอกบ้านมาแลว้ ไมเ่ ข้าโรงเรยี น
- แสดงกิริยาไม่คารวะต่อครู หรอื ผู้ทีใ่ หก้ ารเคารพ แตไ่ มถ่ งึ ขั้นรา้ ยแรง
การพิจารณากำหนดโทษนักเรียนสำหรับความผิดสถานกลาง โรงเรียนอาจพิจารณาโทษ
เฆยี่ นหรือทำทณั ฑบ์ น ในกรณีที่นกั เรียนผู้กระทำผิดซำ้ อีกโดยไม่เขด็ หลาบ
20
3. ความผิดสถานหนัก ได้แก่ ความผิดทั้งหลายที่นำความเส่ือมเสียมาสู่ตัวนักเรียน
โรงเรียนและส่วนรวมอย่างร้ายแรง รวมท้ังความผิดตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญา กฎหมายต่าง ๆ
ท่เี กยี่ วกับนักเรียนหรือระเบยี บคำสั่งตา่ ง ๆ ของกระทรวงศึกษาธกิ าร เช่น
- เล่นการพนนั
- ลกั ทรัพย์
- ประพฤติตนในทางชูส้ าวอย่างร้ายแรง
- ทำรา้ ยร่างกาย ทะเลาะววิ าทกนั ภายในและภายนอกโรงเรียน
- นำอาวุธเข้ามาในโรงเรียน
- เสพสรุ า สิ่งเสพติด
- คบค้าสมาคมกับคนชั่ว หรือเข้าไปในสถานท่ีที่ไม่ควรสำหรับนักเรียน เช่น สถาน
เริงรมยต์ า่ งๆ สนกุ เกอร์คลับ เปน็ ต้น
- ทำลายทรัพย์สินอนั เป็นประโยชน์ของสว่ นรวม
- ประพฤตติ นเปน็ อันธพาล
- แสดงกิรยิ าลบหลแู่ ละก้าวรา้ วครู – อาจารย์
- ฝา่ ฝืนคำสง่ั ของโรงเรียนเกี่ยวกับระเบยี บวินัย
- กระทำความผิดอ่ืนๆ ที่มีลักษณะไม่สมควรท่ีนักเรียนจะพึงปฏิบัติ และมีผลเสียหาย
อยา่ งรา้ ยแรงต่อสงั คม
การพิจารณากำหนดโทษนักเรียน สำหรับความผิดสถานหนักโรงเรียนอาจพิจารณาให้
พักการเรยี น ใหอ้ อก หรืออืน่ ใดท่ีเห็นสมควร
ระเบยี บการมาเรียน
1. มาโรงเรียนใหท้ ันเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ
2. นกั เรยี นท่ีมาไม่ทนั หลังจากแถวนักเรียนขึ้นช้นั เรียนแลว้ ถือวา่ มาสาย
3. ถ้านักเรียนมีกิจกรรมที่จะต้องทำในวันหยุดเรียนท่ีโรงเรียน ทางโรงเรียนจะมีจดหมายแจ้งให้
ผู้ปกครองทราบทุกคร้งั และตอ้ งแตง่ กายชดุ นักเรียนหรือชดุ พละเท่าน้ัน
ระเบยี บการลา
1. การลาป่วย ลากิจ ให้ลาในวันแรกของการมาเรียนต่อครูประจำช้ัน ถ้าป่วยเกิน 3 วัน ต้องมี
ใบรับรองแพทยม์ าแสดงพรอ้ มใบลาตามแบบฟอรม์ ของโรงเรยี น
2. ผูป้ กครองตอ้ งเซ็นชือ่ รับรองในใบลาของโรงเรยี นทุกครั้ง วา่ รบั รองเปน็ ความจริง
3. การลากิจ การขาดเรียน และการลาป่วย มีผลเสียต่อการเรียน ถ้าวิชาใดเวลาเรียนไม่ถงึ รอ้ ยละ
80 นกั เรยี นจะไม่มีสทิ ธ์ิสอบปลายภาคเรยี นในวชิ าน้นั
21
4. นักเรียนที่ขาดเรียนโดยไม่แจ้งให้ทางโรงเรียนทราบเกิน 3 วัน โรงเรียนจะดำเนินการติดตาม
ผู้ปกครอง หากไม่ได้รับการตดิ ตอ่ ภายใน 15 วนั ทำการ โรงเรยี นจะทำการจำหน่ายนักเรยี นออก
5. การขาดเรียนของนักเรียนโดยมิได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง ทางโรงเรียนถือว่านักเรียนผู้น้ันหนี
เรียน โรงเรียนจะเชิญผู้ปกครองมาพบ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครอง นักเรียนจะไม่มีสิทธ์ิเข้าเรยี น
จนกวา่ ผู้ปกครองจะมาพบกบั ทางโรงเรียน
ระเบียบการขออนุญาตออกนอกบริเวณโรงเรยี น
ตามปกติโรงเรียนจะไม่อนุญาตให้นักเรียนออกนอกบริเวณโรงเรียนก่อนเลิกเรียน นักเรียนคนใดจะ
ออกบอกบรเิ วณโรงเรยี นด้วยเหตผุ ลใดกต็ ามต้องปฏบิ ัติ ดังน้ี
1. ถ้ามีผู้ปกครองมารับเองให้ผู้ปกครองแจ้งมาทางฝ่ายธุรการก่อนทุกครั้ง เพ่ือรับอนุญาตพร้อมทั้ง
เซ็นชื่อไว้เปน็ หลักฐาน ฝ่ายธุรการจะตามเดก็ ลงมาให้ ไม่อนญุ าตให้ผู้ปกครองไปรบั เดก็ เองทห่ี ้อง
2. นักเรียนที่เจ็บไข้ได้ป่วย ที่ขออนุญาตกลับบ้าน หรือไปพบแพทย์ต้องได้รับความเห็นชอบจากครู
พยาบาลก่อน
3. นักเรียนท่ีมีกิจธุระจำเป็นต้องขออนุญาตออกนอกบริเวณโรงเรียน ให้นำหลักฐานปฏิบัติตาม
ข้ันตอน ดงั น้ี
3.1 ขอแบบฟอร์มลาออกนอกบริเวณโรงเรียนที่ฝา่ ยธุรการ พรอ้ มทำการกรอกข้อความ
3.2 นำไปให้ฝา่ ยปกครองเซน็ อนุญาตอกี ครงั้
3.3 นกั เรียนเกบ็ ใบอนุญาตไวเ้ พอ่ื เปน็ หลักฐานแสดงแกค่ รเู วรหนา้ โรงเรียน
ระเบยี บวา่ ด้วยความประพฤติ
1. ใช้วาจาสภุ าพเรยี บร้อย ไม่พดู จาหยาบคาย
2. ไมล่ อ้ เลยี น หรือทำตวั เสมอครู มคี วามเคารพยำเกรงในครทู กุ ท่าน
3. ไมป่ ระพฤติตนในทางเส่อื มเสียชือ่ เสียง เชน่ มั่วสุมอบายมขุ การพนนั ยาเสพติด เท่ียวกลางคืน
ในสถานทีท่ ไี่ ม่เหมาะสม
4. ไม่คบเพ่อื นชายหรือเพื่อนหญิงในลกั ษณะทผี่ ิดศลี ธรรม
5. ไม่ว่ิงเล่น ตะโกน หรือส่งเสียงดัง ตามระเบียงและบันได ควบคุมกิริยาท่าทาง เสียง เม่ืออยู่ใน
หอ้ งเรยี น และเวลาเปล่ยี นช่ัวโมงเรยี น ต้งั ใจเรยี น ไม่พดู คุยในเวลาเรยี น
6. รับผิดชอบเก่ียวกับความสะอาดของโต๊ะเรียน ม้านั่ง กระดานดำและความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ของห้องเรียนทุกคร้ังที่เปล่ียนวิชาต้องลบกระดานให้สะอาด รักษาความสะอาดตามบริเวณต่างๆ ภายใน
โรงเรียนและรักษาสาธารณะสมบัติของโรงเรียนไม่ทำลายสูญเสียชำรุด หักพัง ถ้าทำเสียหายต้องชดใช้ใน
ราคาปัจจุบนั
22
7. ไม่นำอาหารทกุ ประเภทข้นึ ไปรับประทานบนอาคารเรียน นอกจากบริเวณทีก่ ำหนด หรือโรงเรยี น
อนุญาตเป็นครัง้ คราว
8. ไมเ่ ทีย่ วเตรก่ ับเพ่อื นในวันหยดุ โดยไมไ่ ด้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง
- ไมเ่ ขา้ ในสถานท่ที ีไ่ ม่เหมาะสมกบั ความเป็นนกั เรยี น
- ไม่จดั งานเลี้ยงฉลองในโอกาสต่างๆ ตามโรงเรยี นหรือบา้ นเพ่ือน
- ไม่จัดเที่ยวเปน็ กลมุ่ ในวันหยุดโดยไม่ไดร้ บั อนญุ าตจากทางโรงเรียน
9. ตอ้ งประพฤติตนให้เหมาะสมกับสภาพความเปน็ นักเรียน
10. เมื่อออกนอกบริเวณโรงเรียนควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ไม่ม่ัวสุมหรือแสดงกิริยาท่ีไม่
เหมาะสมในท่ตี า่ งๆ อนั อาจทำให้เส่อื มเสยี ชื่อเสียงของโรงเรียนและตนเอง
11. ให้ความร่วมมอื กบั โรงเรยี นในการทำกจิ กรรมต่างๆ
12. ไมจ่ งใจละเมิดระเบียบข้อหนึ่งขอ้ ใดของโรงเรยี น อนั นำมาซ่งึ ความเสือ่ มเสียสถาบนั
การปฏิบตั ิตนไมเ่ หมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรยี น
1. แสดงกริ ิยาก้าวรา้ วต่อครแู ละผู้อื่น
2. คบคนช่วั เป็นมิตร
3. เสพสงิ่ เสพตดิ หรือจำหนา่ ยและของมนึ เมาทกุ ประเภท
4. เลน่ การพนัน หรืออยา่ งอื่นที่คล้ายการพนัน
5. หนีโรงเรยี นไมท่ ำการบา้ นหรอื งานอน่ื ตามทีค่ รสู ั่ง
6. แสดงตนเปน็ นกั เลงอันธพาล ข่มขู่ รดี ไถ
7. ม่วั สมุ กันตามทีไ่ ม่เหมาะสม เช่น ตามสะพาน ตรอก ซอย ร้านกาแฟ
8. เท่ยี วตามสถานที่ที่ไม่เหมาะสมท้งั ในเวลากลางวนั และกลางคืน
9. ลักทรัพย์ หรือกระทำอย่างใดอย่างหน่ึง โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือศีลธรรม เพื่อให้ได้มาซ่ึง
ทรพั ยข์ องคนอื่น หรอื ของโรงเรียน
10. กอ่ การทะเลาะววิ าท หรอื การอันเป็นเหตนุ ำมาซงึ่ ความแตกสามคั คี ท้ังในและนอกโรงเรยี น
11. ประพฤติตนไปในทำนองช้สู าวท้งั ในและนอกโรงเรยี น
12. จับกลุ่มม่ัวสุมเอะอะสร้างความรำคาญ ความไม่สงบทั้งในและนอกโรงเรียน หรือสถานที่ที่ไม่
เหมาะสมกับสภาพนักเรยี น
13. มี หรอื พกอาวุธทุกชนิด และสิ่งทีส่ อ่ เจตนาใหเ้ ปน็ อาวธุ สอ่ื ลามกอนาจาร
14. ตกแตง่ แตง่ เติมร่างกาย หรือส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกาย เชน่ สกั เจาะ โกรก ยอ้ ม
ใส่เครือ่ งประดับทุกชนิด
15. กระทำการใดๆ อนั ขดั ตอ่ กฎหมาย หรอื ศลี ธรรมอันดีของสงั คม
23
สงิ่ ที่นักเรียนพงึ ปฏิบตั ิ
1. การทำความเคารพของนกั เรียนในโอกาสต่างๆ
1.1 การทำความเคารพในหอ้ งเรยี น
1.1.1 เม่ือผู้ควรเคารพเข้ามาในห้อง ให้หัวหน้าห้องเรียนเป็นผู้บอกทำความเคารพโดยใช้
คำบอกว่า “นักเรียน” (ให้ทุกคนหยุดทำงานท่ีกำลังทำอยู่น้ันทันที นั่งตัวตรง) แล้วบอกว่า “ทำความ
เคารพ” ให้นกั เรยี นตรงแล้วให้ไหว้ เมอ่ื ได้รับคำสง่ั จากผ้รู ับความเคารพใหน้ ่ังจงึ น่ังลง
1.1.2 นักเรียนพูดจากับครใู ห้ยืนตรง เมอ่ื ไปพบครู หรอื เมอื่ จะกลับมาทโี่ ต๊ะเรยี นใหใ้ ช้
วธิ ไี หว้
1.1.3 การเคารพผ้คู วรเคารพในทางศาสนา ใหก้ ระทำความเคารพตามประเพณนี ิยม
1.2 การทำความเคารพของนกั เรยี นนอกห้องเรยี น
1.2.1 นกั เรียนทงั้ ชายและหญงิ เมื่ออยใู่ นแถวใหใ้ ช้คำว่า “แถวตรง”
1.2.2 การเคารพผู้ควรเคารพในทางศาสนา ให้กระทำความเคารพตามประเพณนี ยิ ม
1.3 การทำความเคารพของนกั เรียนในโอกาสอื่น
1.3.1 เมอื่ อยู่กบั ทีม่ ผี ูค้ วรเคารพผ่านมา ให้ยนื ตรงแล้วไหว้
1.3.2 เมื่อเดินสวนกับผู้ควรเคารพ นักเรียนต้องหยุด หันหน้าไปทางผู้ควรเคารพ ยืนตรง
ไหว้แล้วจงึ เดนิ ต่อไป
1.3.3 เมื่อผูค้ วรเคารพอยกู่ ับท่ี นักเรียนจะเดินผ่านไป ให้หยุดยืนตรงแล้วไหว้ แล้วจึงเดิน
ผา่ นไปโดยก้มตัวเลก็ น้อย
1.3.4 หากนกั เรยี นพบผู้ควรเคารพคนเดยี วกันมากกวา่ หนงึ่ คร้งั ในวันน้ัน
ก. เม่ืออยู่กับท่ีมีผู้ควรเคารพผ่านมาหรือเดินสวนกับผู้ควรเคารพนักเรียนต้องหยุด
หันหน้าไปทางผู้ควรเคารพแลว้ ยืนตรงเปน็ การแสดงความเคารพ
ข. เม่อื ผคู้ วรเคารพอยูก่ บั นกั เรยี นจะเดนิ ผ่านไปใหเ้ ดินโดยกม้ ตัวเลก็ น้อย
1.4 การทำความเคารพของนักเรียนขณะอยู่ในยานพาหนะ เมื่อสวนกับพระบาทสมเด็จพระบรม
วงศานวุ งศ์ ธงมหาราช ธงราชินี ธงบรมวงศ์ ธงเยาวราช ธงประจำกองทหาร ธงประจำกองลูกเสือ
1.4.1 ถ้าอยู่ในยานพาหนะสาธารณะ เช่น รถโดยสารประจำทางหรือยานพาหนะที่ไม่
สะดวกแก่การออกมาทำความเคารพ เช่น รถยนต์ รถรับจา้ ง รถบรรทุกให้อยู่ในยานพาหนะนนั้ ด้วยอาการ
สำรวม
1.4.2 ถ้าอยู่ในยานพาหนะส่วนตัว ที่สามารถออกมาทำความเคารพได้สะดวก เช่น
รถจกั รยาน รถจกั รยานยนต์ ให้หยุดและออกจากยานพาหนะนัน้ และแสดงความเคารพ
24
1.5 นักเรียนไม่ตอ้ งแสดงความเคารพในโอกาสต่อไปนี้
1.5.1 เมื่อได้รับอนุญาต
1.5.2 เมอ่ื ขบั ขี่ยานพาหนะ หรอื อยูใ่ นที่คบั ขนั
1.6 นักเรียนท่ีเป็นลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด สมาชิกผู้บำเพ็ญประโยชน์ หรือนักศึกษาวิชา
ทหาร การแสดงความเคารพให้ปฏบิ ัติตามระเบียบว่าดว้ ยการนน้ั
1.7 การแสดงความเคารพ ตอ้ งให้เหมาะสมแก่เวลา สถานที่ และบุคคล
สรปุ หน้าทแี่ ละความรับผดิ ชอบของผูป้ กครอง
1. ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินของนักเรียนในความปกครอง เช่น ค่าเครื่องแต่งกาย แบบเรียน
สมุด อุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ ค่าบำรุงกิจกรรมของชุมชนต่าง ๆ การกุศล การชำระค่าบำรุงโรงเรียน
ค่าภาคปฏบิ ตั ิ ค่าเสยี หายทนี่ กั เรียนในความปกครองทำความเสียหาย หรือหนส้ี นิ ที่นักเรยี นเป็นผกู้ อ่
2. ดแู ลใหน้ กั เรยี นแตง่ กายให้ถูกระเบยี บ และไปโรงเรยี นทนั เวลา
3. ดแู ลช่วยเหลือเกยี่ วกับการทำการบา้ นของนกั เรยี น
4. ดแู ลการกลบั บ้านของนกั เรยี น ถ้านกั เรียนกลับบ้านผดิ ปกติ โปรดติดตอ่ ทางโรงเรียน
5. ลงนามรบั รองการลาหยุดเรยี น หรือใบลากิจ ไดโ้ ปรดหาทางติดตอ่ กบั โรงเรียนด้วย
6. ไม่ให้เงนิ กบั นักเรียนไปโรงเรยี นมากผดิ ปกติ หรือเกินความจำเปน็
7. ไมอ่ นุญาตใหน้ กั เรียนแตง่ กายดว้ ยของมคี า่ ไปโรงเรียน
8. ถ้าสังเกตเห็นความผิดปกติเก่ียวกับการเรียน ความประพฤติ ตลอดจนสุขภาพให้ติดต่อโรงเรียน
เพื่อหาทางชว่ ยเหลือแก้ไข
9. ถ้าไม่ประสงค์จะเป็นผปู้ กครองของนักเรียนคนใด โปรดแจง้ ทางโรงเรยี นเปน็ ลายลักษณอ์ ักษร
10. ถา้ โรงเรียนเชญิ ผู้ปกครองพบ โปรดตดิ ตอ่ ทางโรงเรียนตามวันเวลาที่เชิญทุกคร้งั
ถ้าท่านผู้ปกครองท้ังหลาย และทางโรงเรียนได้พร้อมกันช่วยเหลือสอดส่องเอาเป็นธุระที่จะควบคุม
แนะนำสั่งสอนนักเรียนแล้ว การเรียนและการดำรงตนของนักเรียนก็จะลุล่วงไปด้วยความราบร่ืนประสบ
ความสำเร็จในสงิ่ ทมี่ ุ่งหวัง จะเปน็ ผลนำมาซ่งึ เกยี รตแิ ก่วงศต์ ระกูล และเปน็ ประโยชนแ์ กป่ ระเทศชาติสืบไป
25
ระเบยี บวา่ ด้วยเคร่อื งแบบและการแตง่ กายของนกั เรียน
ช้นั ประถม – มธั ยม
เคร่ืองแต่งกายนักเรียนชาย
1. เสื้อ แบบเช้ิตคอต้ัง ผ้าขาวเกล้ียงไม่บางเกินสมควร (ผ้าโทเร) ผ่าอกตลอดมีสาบท่ีอกเส้ือ
ใช้กระดุมสีขาวกลมแบน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2 ซม. แขนส้ันเพียงข้อศอก และไหล่ไม่ตก
มีกระเป๋าติดแนวราวนมด้านซ้าย 1 ใบ ขนาดกว้างตั้งแต่ 8 – 12 ซม. และลึกตั้งแต่ 10 – 15 ซม.
พอเหมาะกับขนาดของเสือ้ ตดิ กระดุมเสื้อต้งั แตเ่ ม็ดทีส่ องจากคอลงมา
2. กางเกง ผ้าสีกรมท่าแบบกางเกงไทย (ผ้าโทเรไทย) ขาสั้นเหนือเข่า สูงจากกลางลูกสะบ้าไม่เกิน
5 ซม. ผ่าตรงส่วนหน้าใช้ซิป มีกระเป๋าตามแนวตะเข็บข้างละ 1 กระเป๋า มีจีบหน้าข้างละ 2 จีบ เวลา
สวมให้ทับชายเส้ือให้เรียบร้อย โดยให้มองเห็นเข็มขัด มีหูกางเกง 5 หรือ 7 หู ความกว้างของหูไม่เกิน
1.5 ซม. ขอบกางเกงกวา้ งไมเ่ กิน 4 ซม.
3. เข็มขัด ใชเ้ ขม็ ขัดของโรงเรียน หา้ มประดับตกแตง่ ใดๆ ที่เข็มขัด
4. รองเท้า ผ้าใบหุ้มส้นชนิดผูกสีดำทั้งหมด ท้ังเชือก และตาไก่ ไม่มีลวดลาย ใช้ประกอบกับ
ถุงเท้าส้ันแบบธรรมชาติสขี าวไม่ลวดลาย หรือย่ีห้อ ไม่ใชถ้ งุ เทา้ ลกู ฟูก ดึงสูงครง่ึ น่อง
5. ทรงผม ไว้ผมรองทรง ดา้ นขา้ งและดา้ นหลังสูง ผมด้านบนและด้านหน้ายาวไม่เกิน 5 ซม. ไม่
หวีแสกกลาง ไม่กนั จอน ไม่ใสน่ ำ้ มนั หรือเคร่ืองสำอางค์แตง่ ผมทกุ ชนดิ ไมด่ ดั ผม
เครื่องแต่งกายนกั เรยี นหญิง
1. เสื้อ เสื้อคอบัวผ่าตลอด ผ้าขาวเกล้ียงไม่บางไม่แนบตัว (ผ้าโทเร) หนาพอที่จะไม่เห็นเสื้อชั้นใน
ติดกระดมุ ขาวแนบตลอดแนว มีเสน้ ผา่ นศูนย์กลางไมเ่ กิน 2 ซม. แขนสั้นเพียงศอก และให้สวมเส้ือทับในสี
ขาวไมม่ ีลาย (ผูกโบวส์ กี รมท่า สำหรับระดับประถม) (ผูกเนคไทสกี รมทา่ สำหรับระดบั มัธยม)
2. กระโปรง ใช้ผ้าโทเร สีกรมท่า หันจีบไปด้านเดียวกันตลอด ตัวกระโปรงจีบลึกไม่น้อยกว่า
2.5 ซม. กระโปรงยาวเพยี งคลมุ เข่า โดยวัดจากกลางลูกสะบ้าลงไปประมาณ 7 – 10 ซม.
3. เขม็ ขดั ใชเ้ ข็มขดั ของโรงเรียน หา้ มประดบั ตกแต่งใด ๆ ทเ่ี ขม็ ขัด
4. รองเท้า ใช้รองเท้าหนังสีดำ หัวมน มีสายรัดหลังเท้า ไม่มีลวดลาย ส้นสูงไม่เกิน 2 ซม. ถุงเท้า-
ส้ันสีขาวแบบเรียบ ห้ามใช้ถุงเทา้ ทีท่ ำดว้ ยลูกฟูกชนดิ หนาหรอื บาง พับถุงเท้าเหนือขอ้ เท้ากวา้ ง 4–5 ซม.
5. ทรงผม ทรงผมเป็นทรงนักเรียน ตัดส้ันเหนือปกเส้ือด้านหลัง 2 ซม. ด้านข้างยาวพอดีติ่งหู
ไม่ดดั ไม่ทำทรงผมแปลก ๆ ไม่ซอย ไม่โกรก ไม่ยอ้ ม ไม่ปล่อยผมประหน้า หรือถ้าไว้ยาวจะต้องรวบ หรือ
ถักเปยี ให้เรยี บรอ้ ย และผูกโบว์สดี ำ สีน้ำเงิน สีนำ้ ตาล ไม่ปลอ่ ยผม
26
เคร่อื งแบบพลศกึ ษา
นักเรียนทุกคนต้องมีกางเกงกีฬาตามแบบกางเกงวอล์มขายาวสีกรมท่า แถบเหลือง และเส้ือกีฬา
ตามแบบของโรงเรยี นกำหนดให้ คนละ 1 ชุด เสอื้ กีฬาใหป้ ักเลขประจำตัว ชือ่ – นามสกุล ด้วยไหมสีแดง
ท่ีหนา้ อกด้านขวา วนั ใดมีเรียนพลศึกษาใหน้ ักเรียนแต่งเครื่องแบบพลศึกษามาจากบ้านท้ังชุด และใชร้ องเท้า
ผ้าใบสขี าวไม่มลี วดลายเท่านั้น
กระเป๋านกั เรยี น
นักเรียนทุกคนต้องถือกระเป๋าหนังสือมาโรงเรียน โดยใช้เป้สะพายหลังตามแบบและสีที่โรงเรียน
กำหนด
เคร่อื งหมายของโรงเรยี น
นักเรียนชายหน้าอกด้านขวาปักอักษร ตามขนาดที่โรงเรียนกำหนด (โดยป๊ัมแบบตัวอักษร
ได้ที่โรงเรียน) ปักเลขประจำตัวใต้ ตามแบบของโรงเรียน และปักชื่อท่ีด้านซ้ายเหนือกระเป๋าเสื้อ
สำหรับนักเรียนหญิง ด้านขวาของตัวเสื้อปักเลขประจำตัว และปักช่ือใต้เลขประจำตัวน้ัน ทั้งนี้ให้ใช้
ไหมสีแดงทัง้ หมด โดยมคี ำนำหน้า เด็กชาย , เดก็ หญงิ หรือ ด.ช. , ด.ญ.
หมายเหตุ เลขประจำตวั ของนกั เรยี น เป็นตัวเลขไทยตามแบบของโรงเรยี น
การป้องกันอุบตั ิเหตุ
โรงเรียนจัดทำการประกันอุบัติเหตุสำหรับนักเรียนทุกคน โดยคุ้มครองการบาดเจ็บอันเนื่องจาก
อุบัตเิ หตุ ซ่ึงอาจเกิดข้ึนได้ตลอด 24 ช่ัวโมง โดยมีทุนประกนั คา่ รักษาพยาบาลครั้งละไม่เกิน 10,000.- บาท
(ค่าห้องค่าอาหาร , ค่าเวชภัณฑ์ 2 , ค่าบริการทางการแพทย์อื่นๆ เกิน 100. บาท เบิกไม่ได้) หากสูญเสีย
ชีวิตจะได้รบั 100,000.- บาท อย่างไรก็ตาม ในการเบิกค่ารักษาพยาบาล ผู้ปกครองต้องนำใบเสร็จ
ค่ารักษาพยาบาล พรอ้ มใบรับรองแพทย์ไปติดต่อกับเจา้ หน้าที่ท่ีรบั ผิดชอบงานประกันอุบตั เิ หตุท่ีห้องธุรการ
27
การใชบ้ รกิ ารรถรับ – สง่
1. โรงเรยี นมีรถตูบ้ ริการ โดยสามารถรบั ได้จำนวนจำกัด
2. โรงเรียนจะรับนักเรียนท่ีอยู่ใกล้โรงเรียนทีหลังและส่งก่อน ทั้งน้ี เพ่ือให้นักเรียนส่วนใหญ่ได้รับ
ความสะดวกมากทสี่ ดุ
3. โรงเรยี นจัดให้มคี รูเป็นผ้ดู ูแลประจำรถ ทำหน้าท่รี ับ – ส่งนกั เรียน
4. อตั ราคา่ บรกิ ารเป็นไปตามท่ีโรงเรียนกำหนด
5. การทำสัญญารถ มีกำหนดระยะเวลา 1 ปีการศกึ ษา และต้องใชบ้ รกิ ารทง้ั ไปและกลับ
การชำระค่าใชจ้ า่ ยตา่ ง ๆ
ภาคเรยี นท่ี 1 วันลงทะเบยี นภาคเรียนที่ 1
ภาคเรยี นที่ 2 วันลงทะเบยี นภาคเรยี นที่ 2
ผปู้ กครองสามารถชำระเงนิ ไดท้ ี่เจ้าหน้าท่ีการเงนิ ห้องธรุ การของโรงเรยี น
การมาพบและเย่ียมนักเรียน
1. ผู้ปกครองมาพบหรือมาเย่ียมนักเรียนที่โรงเรียน ให้มาติดต่อที่ฝ่ายธุรการ ทางโรงเรียนจะติดต่อ
ให้นักเรียนมาพบตามสถานท่ีโรงเรียนกำหนด ไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองพบนักเรียนโดยลำพัง หรือตาม
หอ้ งเรียน
2. ถ้าผู้ปกครองนักเรยี น หรือบุคคลภายนอกต้องการติดต่อกับทางโรงเรียน ด้วยเรื่องอ่ืนท่ีไม่ใช่การ
มาพบนกั เรยี นใหแ้ จ้งความประสงค์กับฝา่ ยธรุ การกอ่ นทุกครง้ั
3. โรงเรียนเป็นสถานท่ีราชการ เม่ือนักเรียนมาติดต่อกับทางโรงเรียนทุกคร้ังต้องแต่งเคร่ืองแบบให้
เรียบร้อย บคุ คลภายนอกควรแตง่ กายสภุ าพ ไมส่ ่งเสียงดังเป็นทร่ี บกวนผูอ้ ืน่
โรงเรยี นนนั
ระเบียบว่าดว้ ยเรื่อง การขอหล
ทา่ นผปู้ กครองทปี่ ระสงคจ์ ะขอหลกั ฐานหรอื เอกสารต่าง ๆ ให้ตดิ ต่อฝา่ ยธรุ การเพื่อยน่ื คำร้อง โด
ประกอบตามท่ีโรงเรียนกำหนด ดงั น้ี
ที่ เร่อื ง หลกั ฐานประกอบ
ใบรบั รอง - ฉบบั ของโรงเรยี น รูปถา่ ยชดุ นักเรยี น หน้าตรง ไม่สวมแวน่
1
1. ถา่ ยมาแลว้ ไมเ่ กนิ 3 เดือน ขนาด 1 2 น้ิว 1 รูปต่อ 1 ชุด ผู้ป
- ฉบับเฉพาะหนว่ ยงาน ตามทห่ี นว่ ยงานกำหนด
2. บัตรประจำตัวนักเรยี น ผูป้
(หากสูญหาย)
3. สมุดรายงานประจำตวั นักเรยี น ผู้ป
แกไ้ ข/เปลยี่ นแปลงเอกสาร
4. ช่ือ – นามสกลุ ยศ ราชทินนาม เอกสารการแก้ไข/เปล่ียนแปลง 1 ชุด ผูป้
นักเรยี น/บิดา/มารดา/ผู้ปกครอง สำเนาทะเบยี นบา้ นฉบบั แกไ้ ข/เปลีย่ นแปลง
ทีอ่ ยู่ / หมายเลขโทรศพั ท์
5. การลาพักการเรยี น เอกสารท่ีเกีย่ วข้องกับกรณที ี่ขอลาพกั การเรียน
6. ขอสอบล่าชา้
7. ขอลาออก ใบรับรองแพทย์ (กรณีป่วย) / เอกสารอ่นื ๆ
8. ใบแทน ปพ.1 สำเนาทะเบียนบา้ นที่มชี อื่ นักเรยี น บดิ า มารดา
ประถม 1 – มธั ยม 2 นำรปู ถ่ายนักเรียน หน้าตรง บ
1 ผ
ไม่สวมแว่น ถ่ายมาแล้วไม่เกนิ 3 เดือน ขนาด 1 2 น้ิว
ผปู้
2 รูป
รายงานประจำวนั แจ้งเอกสารหาย
รูปถ่าย (สวมเสื้อเชติ๊ สีขาว) หน้าตรง ไม่สวมแวน่
1
ถา่ ยมาแล้วไม่เกิน 3 เดือน ขนาด 1 2 นว้ิ 2 รูป
นทนวรวิทย์
ลักฐานต่าง ๆ จากงานทะเบียน
ดยโรงเรยี นจะดำเนินการใหแ้ ลว้ เสร็จภายใน 3 วัน หลงั จากวันรบั คำรอ้ ง ทัง้ นี้ ผูป้ กครองต้องแนบหลกั ฐาน
ผ้ยู ่นื คำรอ้ ง คา่ ใช้จา่ ย หมายเหตุ
ปกครองหรอื นกั เรียน - ตอ้ งกรอกข้อมลู ทถี่ ูกต้องและชดั เจน
ปกครองหรือนกั เรยี น 100.-บาท บัตรใบแรกโรงเรยี นดำเนินการให้ ป้ายคลอ้ งคอสำหรบั ใส่บัตรนักเรียน
ปกครองหรอื นักเรียน มจี ำหนา่ ย ราคา 50.-บาท
30.-บาท
ปกครองหรอื นักเรยี น 28
ผ้ปู กครอง ตอ้ งชำระคา่ ธรรมเนียมการเรียน เพื่อคงสภาพนกั เรียน
ผูป้ กครอง กรณีขาดสอบต้องยน่ื เรอ่ื งภายใน 7 วัน หลงั สอบวันสุดทา้ ย
บดิ า / มารดา หรือ อนบุ าล 1 – 3 ไดร้ ับสมดุ พก , ประถม 1 – มัธยม 2 ไดร้ ับ ปพ.1
ผปู้ กครองที่ทำการ มธั ยม 3 จบหลักสตู รมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ได้รบั การยกเวน้ การย่ืนเรื่องขอลาออก
มอบตวั นกั เรียน หลักฐานจะไดร้ ับตามวันทีโ่ รงเรยี นกำหนด
ปกครองหรอื นกั เรยี น 15.-บาท รายงานประจำวันรบั แจ้งเอกสารหาย ออกโดยสำนกั งานตำรวจแหง่ ชาติ
โรงเรยี นนันทนวรวิทย์ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๑ โครงสร้างเวลาเรยี น หลกั ส
เวลาเรียน ตอ่ ปี ( ๔๐ สัปดาห)์
สาระการเรยี นร/ู้ กิจกรรม ระดบั ประถมศึกษา ระดับมัธยม
ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ม.๑ ม.๒
ภาษาไทย ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๒๐ ๑๒๐
คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๒๐ ๑๒๐
วทิ ยาศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐
ประวัติศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
สุขศึกษาและพลศกึ ษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
ศิลปะ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
การงานอาชพี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐
ภาษาตา่ งประเทศ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐
รวมเวลาเรยี น(พืน้ ฐาน) ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๘๐ ๘๘๐
กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน แนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
ลกู เสอื -เนตรนารี-กิจกรรมเพ่อื สงั คมและ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
สาธารณประโยชน์
ชมรม ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
รวมเวลาเรยี น(กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น) ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
รายวิชาเพิม่ เตมิ
เสรมิ ทักษะคณติ ศาสตร์ - - - - - - ๔๐ ๔๐
การออกแบบและเทคโนโลยี - - - - - - ๔๐ ๔๐
วทิ ยาการคำนวณ ๔๐ ๔๐ ๔๐ - - - ๔๐ ๔๐
หน้าที่พลเมอื ง ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
ภาษาเพอื่ การสอื่ สาร (องั กฤษ) - - - ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
ภาษาจนี - - - - - - ๔๐ ๔๐
รวมเวลาเรยี น(เพม่ิ เตมิ ) ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๒๔๐ ๒๔๐
รวมเวลาเรยี นทัง้ ส้ิน (ไม่เกิน) ๑,๐๔๐ ชว่ั โมง/ปี ๑,๒๔๐ ชวั่
สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ปรบั ปรุง ๒๕๖๐
เวลาเรียน ต่อ สัปดาห์
มศกึ ษา หมายเหตุ ระดับประถมศกึ ษา ระดบั มธั ยมศกึ ษา หมายเหตุ
๒ ม.๓ ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ม.๑ ม.๒ ม.๓
๐ ๑๒๐ ๕๕๕๔๔๔๓๓๓
๐ ๑๒๐ ๕๕๕๔๔๔๓๓๓
๐ ๑๒๐ ๑๑๑๓๓๓๓๓๓
๐ ๑๒๐ ๑๑๑๒๒๒๓๓๓
๐ ๔๐ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑
๐ ๘๐ ๑๑๑๒๒๒๒๒๒
๐ ๘๐ ๑๑๑๒๒๒๒๒๒
๐ ๘๐ ๑๑๑๑๑๑๒๒๒
๐ ๑๒๐ ๕๕๕๒๒๒๓๓๓
๐ ๘๘๐ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๒ ๒๒ ๒๒
๐ ๔๐ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑ 9
๐ ๔๐ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑
๐ ๔๐ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑
๐ ๑๒๐ ๓๓๓๓๓๓๓๓๓
๐ ๔๐ - - - - - - ๑๑๑
๐ ๔๐ - - - - - - ๑๑๑
๐ ๔๐ ๑๑๑ - - - ๑๑๑
๐ ๔๐ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑
๐ ๔๐ - - - ๑๑๑๑๑๑
๐ ๔๐ - - - - - - ๑๑๑
๐ ๒๔๐ ๒๒๒๒๒๒๖๖๖
วโมง/ปี ๒๖ ๒๖ ๒๖ ๒๖ ๒๖ ๒๖ ๓๑ ๓๑ ๓๑