The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สรุปบทเรียน เรื่องระบบในร่างกายของมนุษย์ ม.2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by non119490890406478, 2021-07-24 05:34:01

สรุปบทเรียน เรื่องระบบในร่างกายของมนุษย์ ม.2

สรุปบทเรียน เรื่องระบบในร่างกายของมนุษย์ ม.2

สรปุ บทเรียน
เร่อื ง ระบบในรา่ งกายของมนษุ ย์

ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2

ระบบหายใจ

ระบบหายใจ ระบบแลกเปล่ยี นแก๊สของร่างกายกบั สิ่งแวดล้อม

หายใจเข้า หายใจออก

แกส๊ ออกซเิ จน (O2) แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)

อวยั วะในระบบหายใจ อวัยวะทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับระบบหายใจ

จมูก กระดกู ซ่โี ครง

• ทางผ่านเขา้ – ออกของอากาศ • ทางานร่วมกับกล้ามเน้ือยึดกระดูกซี่โครง
• มขี นทาหน้าท่ีกรองเชือ้ โรคและสง่ิ แปลกปลอม ในการเปลีย่ นแปลงปริมาตรช่องอกระหว่าง
• โพรงจมูกช่วยควบคุมอุญหภูมิและความช้ืน หายใจเข้าและออก

ของอากาศกอ่ นเข้าสู่ทอ่ ลมและปอด กะบงั ลม

ท่อลม • ช่วยรั้งปอดลงขณะหายใจเข้า
และดันปอดข้ึนขณะหายใจออก
• ท่อกลวงทป่ี ระกอบดว้ ยกระดกู อ่อนรูปเกือกม้า
ช่วยป้องกันการยุบตัวขณะหายใจเขา้ และออก ถุงลมมีผนังบาง มีหลอดเลือดฝอย
มาห่อหุ้ม ทาหน้าที่แลกเปลีย่ นแก๊ส
ปอด

• มี 2 ขา้ ง
• ประกอบดว้ ยถงุ ลมจานวนมาก

กลไกการหายใจ การหายใจมี 2 รปู แบบ

การหายใจเขา้ อากาศเข้า การหายใจออก

อากาศออก

• กล้ามเนอื้ ยึดกระดูกซ่โี ครงหดตัว ทาใหก้ ระดกู ซโี่ ครงเล่ือนสูงขน้ึ • กล้ามเนือ้ ยึดกระดูกซโ่ี ครงคลายตวั ทาใหก้ ระดูกซโ่ี ครงเลือ่ นต่าลง
• กลา้ มเนอ้ื กะบังลมหดตัว ทาให้กะบังลมเลอื่ นตา่ ลง • กลา้ มเนอ้ื กะบงั ลมคลายตัว ทาให้กะบงั ลมเลื่อนสงู ขนึ้
• ปรมิ าตรช่องอกเพม่ิ ข้นึ ความดันอากาศในชอ่ งอกลดลง • ปริมาตรชอ่ งอกลดลง ความดนั อากาศในช่องอกเพ่มิ ข้ึน

การแลกเปล่ยี นแก๊ส

ปอด CO2

- แก๊สออกซิเจนแพร่จากถุงลมเข้า O2
สหู่ ลอดเลอื ดฝอย
เซลล์
- แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์แพรจ่ าก
หลอดเลือดฝอยเขา้ สู่ถงุ ลม - แกส๊ ออกซิเจนแพรจ่ าก
หลอดเลือดฝอยเข้าสู่เซลล์
O2CO2 OC2 O2
- แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์แพร่จาก
เซลล์เขา้ สหู่ ลอดเลอื ดฝอย

การดแู ลรกั ษาอวยั วะ
ในระบบหายใจ

ระบบขับถา่ ย

ระบบขับถา่ ย ระบบกาจัดของเสียออกจากรา่ งกาย

การขบั ถา่ ยของเสียของมนุษย์

CO2

แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ เหง่อื และ ปสั สาวะ
จากการหายใจออก
อจุ จาระ

อวยั วะในระบบขบั ถา่ ยปสั สาวะ • มี 2 ขา้ ง รปู ร่างคล้ายเมล็ดถว่ั
• ภายในมีหน่วยไตทาหน้าท่ีกรองของเสียและสารต่าง ๆ ออก
ไต
ท่อไต จากเลอื ด

• ทอ่ ขนาดเลก็ และยาวทต่ี ่อมาจากไตท้ัง 2 ข้าง ไปเชื่อมต่อกับ
กระเพาะปัสสาวะ

• ลาเลียงปัสสาวะจากไตไปสู่กระเพาะปัสสาวะ

กระเพาะปสั สาวะ • อวัยวะทีส่ ามารถยืดหยุ่นได้
• ทาหน้าทเ่ี กบ็ ปัสสาวะที่มาจากไต

ทอ่ ปัสสาวะ • นาปสั สาวะจากกระเพาะปสั สาวะออกสภู่ ายนอกร่างกาย

การกาจดั ของเสียของไต

ภายในไต ประกอบด้วยหน่วยไตจานวนมาก ทาหนา้ ที่กรองของเสียและสารต่างๆออกจากเลอื ดและดูดสารท่มี ีประโยชนก์ ลับ

ส่วนท่ีทาหนา้ ที่กรองของเสยี
สารทผ่ี ่านการกรองเป็นสารทีม่ ขี นาดเลก็ เชน่ น้า
กลโู คส ยูเรยี สว่ นสารทีม่ ขี นาดใหญ่ เชน่ โปรตนี
เซลล์เมด็ เลอื ด จะไมผ่ า่ นการกรอง

หลอดเลอื ดฝอย บริเวณดดู กลับสาร

หลอดเลือดอาร์เตอรี สารที่มปี ระโยชน์ เชน่ นา้ กลูโคส จะถูก
หลอดเลอื ดเวน ดดู กลับเข้าสหู่ ลอดเลอื ดฝอย

ของเสียและสารอ่นื ๆ ท่ีไม่ถูกดดู กลับกลายเปน็ “ปสั สาวะ”

การดแู ลรกั ษาอวัยวะ
ในระบบขบั ถา่ ย

ระบบหมนุ เวยี นเลอื ด

ระบบหมุนเวยี นเลอื ด

ระบบขนส่งสารตา่ ง ๆ เชน่ สารอาหาร แกส๊ ออกซเิ จน ไปยงั เซลลท์ ัว่ ร่างกาย และนาของเสยี ท่เี กิดจากกิจกรรมของเซลล์
เชน่ ยูเรีย แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ มากาจัดออกจากรา่ งกาย

อวยั วะในระบบหมนุ เวียนเลือด

หวั ใจ
หลอดเลือด
เลอื ด

หวั ใจ หวั ใจห้องบนซา้ ย
ซรา้ับยเลอื ดทีม่ ีแกส๊ ออกซเิ จนสงู
หวั ใจห้องบนขวา จากปอดทง้ั 2 ข้าง
รบั เลือดทม่ี แี กส๊ ออกซเิ จนต่า
จากอวัยวะตา่ งๆของร่างกาย หวั ใจหอ้ งล่างซ้าย
ซสา้่งยเลือดท่ีมีแก๊สออกซิเจนสงู ไป
หวั ใจหอ้ งล่างขวา ยงั อวัยวะต่าง ๆ ของรา่ งกาย
สง่ เลือดทมี่ แี กส๊ ออกซิเจนต่า
ไปยงั ปอดทงั้ 2 ข้าง ลนิ้ หวั ใจ
เพอ่ื แลกเปล่ยี นแก๊ส กัน้ หัวใจห้องบนและห้องลา่ ง
ปอ้ งกนั การไหลย้อนกลับของเลอื ด

หลอดเลือด

หลอดเลอื ดอารเ์ ตอรี (artery)

- นาเลือดท่มี ี O2 สูงไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย (ยกเว้นหลอดเลือดอาร์เตอรี
ไปยงั ปอด)

- ผนงั หนาและยดื หยนุ่ ดี มแี รงดันเลือดสูงและคงท่ี

หลอดเลือดเวน (vein)

- นาเลอื ดทมี่ ี O2 ตา่ กลบั เขา้ สูห่ วั ใจ (ยกเวน้ หลอดเลอื ดเวนจากปอด)
- ผนงั บาง ความดันต่ากว่าหลอดเลอื ดอารเ์ ตอรี มลี ้นิ กัน้ ภายใน

หลอดเลอื ดฝอย (capillary)

- แลกเปลี่ยนแกส๊ และสารต่าง ๆ ระหวา่ งเซลลก์ ับเลอื ด
- มผี นงั บางมาก ประกอบด้วยเซลล์เพยี งช้ันเดียว

เลือด สว่ นทเ่ี ปน็ ของเหลว

น้าเลือดหรือพลาสมา
• ประกอบด้วยน้า สารอาหาร เอนไซม์ ฮอรโ์ มน

แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และของเสยี ต่าง ๆ
• ทาหนา้ ทลี่ าเลียงสารไปยงั ส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกาย

ส่วนทเ่ี ปน็ เซลลเ์ มด็ เลือด

เซลล์เมด็ เลือดแดง (erythrocyte)
• รปู ร่างกลมแบน ตรงกลางบุ่ม ไมม่ นี วิ เคลียส
• มีเฮโมโกลบินเป็นองคป์ ระกอบ
• ทาหนา้ ทลี่ าเลียงแกส๊ ออกซเิ จนไปยงั เซลลท์ ัว่ รา่ งกาย

เซลล์เม็ดเลือดขาว (leucocyte)
• มขี นาดใหญ่กว่าเซลลเ์ มด็ เลอื ดแดง และมีนิวเคลียสอยู่ภายในเซลล์
• ทาหน้าท่ที าลายเชือ้ โรคและสง่ิ แปลกปลอม โดยการสรา้ งแอนติบอดี

หรือการกลืนกินของเซลล์

เกลด็ เลือด (plateles)
• มีรปู รา่ งไม่แน่นอน ไม่มีนิวเคลยี ส
• ชว่ ยการแข็งตวั ของเลอื ดเม่ือเกิดบาดแผล

การดแู ลรกั ษาอวยั วะ
ในระบบหมุนเวียนเลอื ด

ระบบประสาท

ระบบประสาท

ระบบควบคมุ และประสานการทางานของระบบอวยั วะต่าง ๆ เพ่ือรกั ษาสมดลุ ของรา่ งกาย
รวมถงึ ควบคุมการแสดงพฤติกรรมต่างๆของมนุษย์

อวัยวะในระบบประสาท

สมอง
ไขสนั หลัง
เส้นประสาท

สมอง เซรีเบลลมั
ควบคุมการเคลอ่ื นไหว
เซรีบรมั และการทรงตวั ของรา่ งกาย
ควบคุบความคิด ความจา สติปัญญา
และเป็นศูนย์ควบคุมการทางาน เช่น พอนส์
การสัมผัส การมองเห็น การได้ยิน ควบคุมการหารใจ การเคี้ยว
การรับรส การดมกลิ่น การทางาน การหลั่งนา้ ลาย การเคลอื่ นไหว
ของกล้ามเนอ้ื ของใบหน้า

ไฮโพทาลามสั เมดลั ลา ออบลองกาตา
ควบคมุ อุณหภมู ิของร่างกาย การเต้น ควบคุมการเตน้ ของหวั ใจ
ของหัวใจ ความดนั และความตอ้ งการ การหายใจ ความดันเลอื ด
พืน้ ฐาน เชน่ น้า อาหาร การจาม การอาเจียน การกลนื

ทาลามัส
ศูนย์รวบรวมกระแสประสาทเข้าและ
ออกจากสมองสว่ นต่างๆ

ไขสันหลงั และเสน้ ประสาท

ไขสนั หลงั
สว่ นทตี่ ่อจากสมอง อยู่ภายในกระดูกสนั หลงั ขอ้ แรกถงึ กระดกู บ้ันเอว มีหน้าทห่ี ลัก

• สง่ ผ่านกระแสประสาทจากหนว่ ยรับความรูส้ ึกไปสูส่ มอง
• ส่งผา่ นกระแสประสาทจากสมองไปสู่หนว่ ยปฏบิ ตั ิงานต่าง ๆของรา่ งกาย
• เปน็ ศนู ย์รเี ฟลก็ ซค์ วบคุมการทางานภายนอกอานาจจิตใจ

ใยประสาท

เส้นประสาท
ใยประสาทหลายอันมารวมกันเป็นมัด ทาหน้าที่ส่งกระแสประสาท
จากสมองและไขสันหลังไปยังอวัยวะต่าง ๆ หรือรับกระแสประสาท
จากอวัยวะต่างๆมายังไขสันหลงั และสมอง

เซลล์ประสาท เดนไดรต์
แอกซอน
ตัวเซลล์
• ประกอบด้วยนิวเคลียสและไซโทพลาซึมท่ีมีออร์แกเนลล์ต่าง ๆ

อย่ภู ายใน
• ทาหน้าท่ีสังเคราะห์สารที่จาเป็นต่อเซลล์ประสาทและส่งสารไป

ยังเซลล์ประสาทอน่ื ๆ

ใยประสาท
• แขนงทีแ่ ยกออกมาจากตวั เซลล์
• ประกอบด้วยเดนไดรต์ทาหนา้ ท่นี ากระแสประสาทเข้าสตู่ ัวเซลล์

และแอกซอนทาหนา้ ทน่ี ากระแสประสาทออกจากตัวเซลล์

การทางานของระบบประสาท

การทางานประสานกันของสมอง ไขสนั หลงั และเสน้ ประสาท เม่อื มสี ง่ิ เรา้ มากระตุ้นอวัยวะความรสู้ ึกตา่ ง ๆของรา่ งกาย

1 เม่ือถูกหนามท่ิม หน่วยรับความรู้สึกใต้ผิวหนัง
บรเิ วณปลายน้วิ จะไดร้ ับการกระต้นุ
1
5 2 2 กระแสประสาทถูกส่งผ่านเซลล์ประสาทจาก
3 ปลายนว้ิ ไปยงั ไขสันหลัง

4 3 กระแสประสาทถูกสง่ จากไขสันหลงั ต่อไปยงั สมอง
ทาใหร้ ู้สึกเจบ็ ปวดทีบ่ ริเวณปลายนิ้ว

ศนู ย์ประสาทสัง่ การในสมองจะส่ังการลงมายัง

4 ไขสันหลัง แล้วสั่งการต่อไปยังหน่วยปฏิบัติงาน

คอื กล้ามเนื้อทีโ่ คนแขน

5 กล้ามเนือ้ ทีโ่ คนแขนจะหดตวั ทาให้แขนพับงอและ
ยกปลายนิว้ ออกจากหนาม

การดูแลรักษาอวัยวะ
ในระบบประสาท

ระบบสืบพนั ธ์ุ

ระบบสืบพนั ธุ์

มนุษย์มกี ารสืบพนั ธุ์แบบอาศยั เพศ เกิดจากการปฏสิ นธขิ องเซลลส์ ืบพนั ธ์ุเพศชาย คือ เซลล์อสุจิ กบั เซลล์สบื พนั ธ์ุเพศหญงิ
คือ เซลล์ไข่ เมือ่ เซลล์สืบพนั ธท์ุ ั้ง 2 เพศ ปฏิสนธกิ ันจะได้ไซโกต แบง่ เซลลเ์ ปน็ เอ็มบรโิ อ และเจรญิ เติบโตเปน็ ทารก

เซลลอ์ สุจิ

เซลลไ์ ข่

ปฏสิ นธิ

ระบบสืบพันธ์ุเพศชาย ต่อมสร้างน้าเล้ียงอสจุ ิ
มสี ภาพเปน็ เบสออ่ น ๆประกอบด้วยน้า
อณั ฑะ สารเมอื ก กรดอะมิโน และน้าตาล
มี 1 คู่ อยภู่ ายในถุงอณั ฑะ ทาหนา้ ทผี่ ลิต โมเลกุลเดย่ี ว (ฟรักโทส) ทีเ่ ป็นอาหาร
ฮอรโ์ มนเพศชายและสร้างเซลล์อสจุ ิ ของเซลล์อสจุ ิ

ถุงอณั ฑะ ตอ่ มลูกหมาก
หอ่ หมุ้ อณั ฑะและปรับอณุ หภูมขิ องอณั ฑะ หล่ังสารทมี่ สี มบัตเิ ป็นเบสเพ่อื ลดความ
ให้ต่ากวา่ อณุ หภูมิปกตขิ องร่างกาย เปน็ กรดในชอ่ งคลอดของเพศหญิง
ประมาณ 3 องศาเซลเซยี ส
ต่อมคาวเปอร์
หลอดเกบ็ อสุจิ สรา้ งสารหลอ่ ลื่นช่วยใหเ้ ซลล์อสจุ ิ
อยดู่ ้านบนของอณั ฑะ ทาหนา้ ท่ี เคล่ือนทไ่ี ด้เรว็ ข้นึ
เก็บอสจุ ิทสี่ รา้ งมาจากอัณฑะ
องคชาต
หลอดนาอสจุ ิ เป็นอวัยวะสืบพันธภ์ุ ายนอกร่างกาย
เป็นทางผา่ นของเซลลอ์ สุจิท่สี ร้างจาก ซึ่งเปน็ ทางผ่านของอสจุ ิออกจากรา่ งกาย
อณั ฑะ

การสรา้ งเซลลอ์ สุจิ

• เซลลอ์ สจุ ถิ กู สรา้ งจากอัณฑะและเคลือ่ นที่มายงั หลอดเกบ็ อสจุ ซิ ง่ึ เปน็ แหล่งพัฒนาเซลลอ์ สจุ ิ
• เมอ่ื มีการหลัง่ อสจุ ิ เซลล์อสจุ ิถกู ลาเลยี งตามหลอดนาอสุจไิ ปยังทอ่ ปัสสาวะ ซ่งึ มีการหลง่ั ของเหลวจากตอ่ มต่าง ๆ มารวม เรียกวา่ นา้ อสจุ ิ
• เพศชายเร่ิมสรา้ งเซลลอ์ สุจิเม่อื อายุ 12-13 ปี และสร้างตลอดชวี ติ

สว่ นหวั
มนี วิ เคลียสที่บรรจสุ ารพันธุกรรม ซ่ึงถูกห่อหุ้มด้วยถุงอะโครโซมที่
ประกอบด้วยเอนไซมส์ าหรบั เจาะเยือ่ หุม้ เซลลไ์ ข่

ส่วนลาตัว
มีไมโทคอนเดรียทาหนา้ ท่ีสร้างพลงั งานสาหรบั การเคลื่อนที่

ส่วนหาง
ประกอบด้วยแฟลเจลลัมช่วยในการเคล่ือนท่ี

ระบบสืบพนั ธ์เุ พศหญงิ

รงั ไข่
• มี 2 อัน อย่ดู า้ นข้างมดลกู
• ทาหนา้ ท่ผี ลติ เซลลไ์ ขแ่ ละฮอร์โมนเพศหญงิ

ท่อนาไข่ หรอื ปีกมดลูก
• ทางเชื่อมระหวา่ งรงั ไข่กับมดลกู
• เปน็ บรเิ วณที่เกดิ การปฏิสนธิของเซลล์อสจุ กิ บั เซลล์ไข่

มดลูก
• อยู่บรเิ วณองุ้ เชิงกรานระหวา่ งกระเพาะปสั สาวะกบั ทวารหนกั
• เปน็ บรเิ วณฝงั ตวั ของเอม็ บรโิ อและเจริญเติบโตของทารก

ชอ่ งคลอด
• อยูต่ อ่ จากมดลูก ประกอบดว้ ยกลา้ มเนื้อเรียบ จึงยืดหยุ่นได้
• เป็นทางผ่านของเซลล์อสุจิเข้าสู่มดลูกและเป็นทางออกของ

ทารกเม่ือครบกาหนดคลอด

การสรา้ งเซลลไ์ ข่

เซลล์ไข่ท่ีเจรญิ เติบโตเตม็ ท่ีและพรอ้ มที่จะไดร้ ับการผสม เรยี กวา่ ไข่สกุ
ซ่ึงจะเคลือ่ นทจี่ ากรังไข่เข้าสปู่ ีกมดลกู เรยี กกระบวนการนว้ี ่า การตกไข่

1 เซลล์ไข่เจริญและพัฒนาอยใู่ นรังไข่ 1 2 3
4
2 เมอ่ื เซลล์ไขส่ ุกจะตกจากรังไข่เขา้ สทู่ ่อนาไข่

3 เซลล์ไข่เคล่ือนไปยังผนังมดลูกท่ีหนาตัว

เพ่ือเตรียมพรอ้ มรับการฝงั ตวั

4 หากเซลล์ไข่ไม่ถูกปฏิสนธิจะสลายตัว

ผนังมดลูกและหลอดเลือดหลุดกลายเป็น
ประจาเดอื น

ฮอรโ์ มนเพศ สารเคมีท่ีร่างกายสร้างข้ึน ทาหน้าที่ควบคุมการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ รวมทั้ง
ควบคุมการเปล่ียนแปลงลกั ษณะทางร่างกายเม่ือเจริญเขา้ สู่วัยหนมุ่ สาว

ฮอร์โมนเพศชาย : เทสโทสเทอโรน ฮอรโ์ มนเพศหญิง : โพรเจสเทอโรนและอีสโทรเจน
• สร้างจากอณั ฑะ • สร้างจากรงั ไข่
• ควบคุมการสรา้ งเซลลอ์ สุจแิ ละการเกดิ ลกั ษณะขั้นที่ 2 • ฮอร์โมนท้ัง 2 ชนิด ทาหนา้ ทีร่ ่วมกันกระตนุ้ การเจริญของ

ของเพศชาย เช่น มีหนวดเครา ขนบรเิ วณรักแร้ หน้าแข้ง ผนังมดลกู เพื่อรองรับการฝงั ตวั ของเอม็ บริโอ และอีสโทรเจน
และอวยั วะเพศ หัวนมแข็ง เสียงแหบและห้าว มีมดั กลา้ มเนื้อ ยังควบคุมการเกิดลกั ษณะข้ึนท่ี 2 ของเพศหญิง เช่น
สะโพกแคบและไหลกวา้ ง อวัยวะเพศโต หลัง่ นา้ อสจุ ขิ ณะหลับ เสียงเล็กแหลม สะโพกผาย หน้าอกและอวยั วะเพศใหญ่
ขนขึ้นบรเิ วณรกั แร้และอวยั วะเพศ

การคมุ กาเนิด การป้องกนั การตง้ั ครรภ์ โดยการปอ้ งกนั การปฏสิ นธหิ รอื ป้องกนั การฝั่งตัวของเอม็ บริโอท่ผี นงั มดลกู

1. วิธีธรรมชาติ

การนับวันมีเพศสัมพนั ธ์ คือ ก่อนมีประจาเดือน 7 วัน
และหลงั จากมีประจาเดือนวนั แรก 7 วัน

ขอ้ ดี : สามารถคานวณระยะเวลาในการมเี พศสัมพันธไ์ ด้ดว้ ยตนเอง
ข้อเสยี : ไม่สามารถป้องกันการติดเช้อื จากโรคติดตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์

2. การคมุ กาเนิดโดยใชอ้ ุปกรณ์
การใช้ถงุ ยางอนามยั ในเพศชาย
การใชห้ ว่ งคมุ กาเนดิ ในเพศหญิง

ข้อดี : สามารถปอ้ งกนั การติดเชื้อจากโรคตดิ ต่อทางเพศสมั พันธ์ได้
ข้อเสีย : ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภไ์ ดอ้ ย่างแนน่ อน

THANK YOU


Click to View FlipBook Version