The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ศศินา อภัยศรี, 2024-04-11 03:12:09

คู่มือ โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม

สมบูรณ์1

พระบรมราโชวาท “ ….ความเพียรนั้น เป็นประธานของการงานทุกอย่าง การงานใดๆ ไม่ว่าเล็ก ใหญ่ ง่าย ยาก ถ้าย่อหย่อนจากความเพียรแล้ว ยากที่จะให้สำเร็จเรียบร้อยทันเวลาได้ การฝึกฝนความเพียรถึงหากแรกๆ จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ลำบากแต่พอได้เพียรจนเป็น นิสัยแล้ว ก็จะกลับเป็นพลังงานอย่างสำคัญที่คอยกระตุ้นเตือนให้ทำงานอย่างจริงจัง ด้วยใจร่าเริง และเมื่อใดพลังของความเพียรนี้เกิดขึ้นเมื่อนั้นการงานทั้งหลายก็สำเร็จ ได้โดยง่ายดายและรวดเร็ว” พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ณ สวนอัมพร วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน 2522


คู่มือครู นักเรียน และผู้ปกครอง โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม (ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี) ประจำปีการศึกษา 2567


คำนำ คู่มือครู นักเรียน และผู้ปกครอง โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม (ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี) ประจำปีการศึกษา 2567 จัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบในการปฏิบัติงาน การจัดกิจกรรม การเรียนการสอนจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือและความ มีวินัยของบุคลากรในโรงเรียนที่เกี่ยวข้อง เมื่อทุกฝ่ายได้ศึกษากฎเกณฑ์ ระเบียบและ แนวปฏิบัติ ข้อบังคับให้ถือเป็นแนวทางเพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน มุ่งให้นักเรียนเป็น ผู้มีความรู้ ความสามารถ มีคุณธรรม จริยธรรม มีความรับผิดชอบ รู้จักสิทธิและ หน้าที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคม ส่วนผู้ปกครองเมื่อได้ทำความเข้าใจ เอกสารแล้วกรุณาให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียนในการดูแล ช่วยเหลือนักเรียน นำไปสู่การปฏิบัติงานที่เป็นรูปธรรมตามนโยบายของโรงเรียน ขอขอบพระคุณผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ ครูและผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ให้ข้อชี้แนะและข้อมูลในการจัดทำรายละเอียดในส่วนต่าง ๆ ที่ส่งเสริม สนับสนุน ให้การจัดทำเอกสารสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารฉบับนี้จะ เป็นประโยชน์กับครู นักเรียน ผู้ปกครอง และบุคลากรของโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม ในการปฏิบัติงานต่อไป คณะผู้จัดทำคู่มือ


สารบัญ คำนำ ประวัติโรงเรียน 1 ปรัชญาของโรงเรียน 4 วิสัยทัศน์ของโรงเรียน 4 คำขวัญของโรงเรียน 4 สีประจำโรงเรียน 5 ตราสัญลักษณ์ประจำโรงเรียน 5 ดอกไม้ประจำโรงเรียน 6 คณะผู้บริหารโรงเรียน 7 โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 8 การแต่งกายของนักเรียน 13 การวัดและประเมินผลคามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 18 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน 37 ระเบียบโรงเรียน 47 คณะผู้จัดทำคู่มือ 55


1 ประวัติโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนราม ที่มาของโรงเรียน “ถ้าวัดศรีอุบลรัตนารามจะได้จัดตั้งโรงเรียนประถมศึกษาขึ้นให้พระสงฆ์ ได้บำเพ็ญประโยชน์ในทางอบรมสั่งสอนกุลบุตรกุลธิดาก็จะเป็นการดี” พระราชดำรัสกับอธิบดีกรมศาสนา ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงยกช่อฟ้า อุโบสถวัดศรีอุบลรัตนาราม จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ ๒๕๑๑ หลังจากได้รับพระราชดำรัสเหนือเกล้าฯ แล้ว อธิบดีกรมการศาสนาได้อัญเชิญพระ ราชดำรัสดังกล่าวไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าอาวาส พระเถระผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้างอันมี สมเด็จพระมหาวีรวงศ์เป็นประธาน รวมทั้งนางตุ่น โกศัลวิตร (ในสมัยนั้น) คหบดีผู้ อุปถัมภ์วัด เพื่อร่วมกันดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ ในส่วนที่อัญเชิญ กระแสพระราชดำรัสไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นได้เน้นเป็นพระราชกระแสรับสั่งแก่ อธิบดีกรมการศาสนาใจความน่า “พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้ตั้งโรงเรียน สำหรับเด็กเป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งของวัดศรีอุบลรัตนาราม” การดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ เริ่มต้นขึ้นเมื่อนางตุ่น โกศัลวิตร ได้เข้าพบและแจ้งต่ออธิบดีกรมการศาสนาว่า ตนพร้อมที่จะดำเนินจัดสร้างโรงเรียน วัดศรีอุบลรัตนารามให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ และจะตั้งมูลนิธิบำรุงโรงเรียนนั้น ไว้ให้ถาวร ทั้งพระครูวิจิตรธรรม ภาณี (เขโม เล็ง) เจ้าอาวาสวัดขณะนั้นร่วมให้ ดำเนินการจัดตั้ง ต่อมาจึงได้มีการนำความกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาต ถวายมูลนิธิฯ นั้นไว้ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญาฯ เป็นองค์อุปถัมภ์มูลนิธิฯ พร้อม พระราชทานทุนทรัพย์ให้กับมูลนิธิฯ ทั้งให้การก่อสร้างและจัดซื้ออุปกรณ์การศึกษา โดยเสด็จมาทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๒ พระราชททานนามโรงเรียนว่า “โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม”


2 วันสถาปนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิตติวัฒนาดุลโสภาคย์ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ทรงเปิดป้ายอาคารเรียน เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๔ จึงถือวันนี้เป็นวันเกิดโรงเรียน “วันสถาปนา โรงเรียน” โดยมีนายระงับ วัฒนสิงห์ เป็นผู้บริหารคนแรกในตำแหน่งครูใหญ่ ดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ นามบริบูรณ์ของโรงเรียน คือ “โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม (ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้า อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี)” โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของวัด อาคารหลัง แรก ชื่อ “อาคารรัชดาภิเษก” เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ ๓ ชั้น หลังคามุงด้วย กระเบื้อง มีหลังคาหน้าจั่วซ้อนกัน ๒ ชั้น หน้าบาน ทำลวดลายปูนปั้นรูปดอกบัวบาน ภายในดอกบัวมีจารึกอักษรพระนามาภิไธยย่อ “อร” อาคารหลังนี้สิ้นค่าก่อสร้าง 1,854,000 บาท และได้รับการต่อเติมด้านทิศใต้เป็นรูปแบบทรงเดียวกันโดยกรม สามัญศึกษาได้อนุมัติเงินงบประมาณ 2,500,000 บาท ประกอบด้วย 34 ห้อง ห้องสมุด ห้องประชุม และห้องจริยศึกษา ห้องดนตรี ห้องนาฎศิลป์ และห้องสหกรณ์ บนเนื้อที่ 4 ไร่ 2 งาน 87 ตารางวา ในปีพ.ศ. 2530 มูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนารามได้ซื้อที่ดินติดที่เดิมทางทิศใต้ให้ วัด เนื้อที่ 243 ตารางวา สิ้นเงิน 550,000 บาท เพื่อโรงเรียนจะได้ใช้เป็นที่ ก่อสร้างอาคารเรียนแบบ สปช. 2/28 สูง 3 ชั้น จำนวน 12 ห้อง จำนวนเงิน 2,514,000 บาท ในปีงบประมาณ 2531 และให้ชื่อว่า “อาคารรัชมังคลาภิเษก” ในวันที่ 22 ธันวาคม 2538 นายสุขวิช รังสิตพล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขณะนั้น ได้มาตรวจเยี่ยมโรงเรียน เห็นสภาพนักเรียนอยู่อย่างแออัด เพราะโรงเรียนห้องเรียน ไม่เพียงพอ จึงได้สั่งการให้นายประสิทธิ์ บุตรวงศ์ผู้อำนวยการโรงเรียนในขณะนั้น เสนอ โครงการ เพื่อของบประมาณสร้างอาคารเรียน พร้อมเสนอแบบแปลพิเศษให้ สอดคล้องกับอาคารเรียนที่มีอยู่ที่เดิม ในปี พ.ศ. 2539 โรงเรียนได้รับงบประมาณ สร้างอาคารเรียนแบบพิเศษ ลักษณะทรงไทยสูง 4 ชั้น 18 ห้องเรียน และห้อง


3 ประกอบอื่นๆ เช่น ห้องประชุม ห้องเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ห้องเสริมทักษะ วิทยาศาสตร์ ห้องคอมพิวเตอร์ สิ้นงบประมาณการก่อสร้างทั้งสิ้น 21,185,000 บาท อาคารนี้สร้างเสร็จในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2540 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ทางโรงเรียนจึงตั้งชื่ออาคารว่า “อาคารกาญจนาภิเษก” ปี พ.ศ. 2544 นายอาทิตย์ กรุณา ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ได้พัฒนาระบบเทคโนโลยี โดยจัดทำห้องคอมพิวเตอร์ 1 ห้องเรียน จัดทำพัฒนา ระบบห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ ปี พ.ศ. 2546 นายประศาสน์ สายลุน ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ได้พัฒนาสถานศึกษาด้านเทคโนโลยี จัดทำห้องคอมพิวเตอร์เพิ่มอีก 2 ห้อง ให้นักเรียนได้เรียนคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ระดับอนุบาล ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จัดทำ แหล่งเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ตเพื่อสนับสนุนการศึกษาค้นคว้าของนักเรียนและ ปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในโรงเรียน ปี พ.ศ. 2553 ก่อสร้างอาคารเรียนแบบ สปช. 2/28 สูง 3 ชั้น จำนวน 12 ห้อง ในปีงบประมาณ 2553 และให้ชื่อว่า “อาคารศรีอุบลรัตน์” ปี พ.ศ. 2559 ได้ก่อสร้างโดมอเนกประสงค์ขนาดกว้าง 32 X 50 เมตร ยาว 33 X 50 เมตร ค่าก่อสร้าง 3,850,000 บาท โดยงบประมาณก่อสร้างที่ได้รับ จากกิจกรรมผ้าป่า จึงให้ชื่อว่า “โดมรวมใจ สามัคคี 44 ปี ศรีอุบลรัตน์” วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2566 จนถึงปัจจุบัน นายสุริยัน พรมจำปา ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียน


4 สถานะของโรงเรียน โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม (ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี) สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต ๑ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ เปิดสอนตั้งแต่ชั้นก่อนประถมศึกษาถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ มีนักเรียน 2,495 คน มีผู้บริหาร จำนวน 5 คน ข้าราชการครูและบุคลากรทาง การศึกษา จำนวน 161 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2567) เป็นโรงเรียนชั้นนำในระดับประถมศึกษาของจังหวัดอุบลราชธานี ผู้ปกครองนิยมส่ง บุตรหลานมาเรียน มีการสร้างอาคารเรียนเพื่อรับรองนักเรียน และขยายห้องเรียน เพิ่มขึ้น โรงเรียนได้รับรางวัลสถานศึกษารางวัลพระราชทาน นักเรียนได้รับรางวัล นักเรียนพระราชทาน และได้รับรางวัลต่าง ๆ อาทิ ชนะเลิศการบรรยายธรรม รางวัล ชนะเลิศการจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านดีเด่นระดับประเทศ รางวัลชนะเลิศ การจัดประกวดดนตรีไทยวงเครื่องสายระดับประเทศ เป็นต้น ปรัชญาของโรงเรียน สุวิชฺชา นรานํ โชติ ความรู้ดีเป็นปมเด่นของนรชน สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) 20 พฤศจิกายน 2514 วิสัยทัศน์ของโรงเรียน “น้อมนำแนวพระราชดำริเพื่อพัฒนาศักยภาพมนุษย์ในศตวรรษที่ 21” คำขวัญโรงเรียน รักษ์ศักดิ์ศรี มีคุณธรรม นำวิชาการ สืบสานงานพระราชดำริ


5 สีประจำโรงเรียน สีขาว หมายถึง สีที่บริสุทธิ์ ซึ่งหมายถึงพระพุทธศาสนาและสถานที่ตั้ง ของโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนารามที่ตั้งอยู่ภายใน บริเวณวัดศรีอุบลรัตนาราม พระอารามหลวง สีม่วง หมายถึง เป็นสีประจำวันเสาร์ เป็นวันที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดป้ายนาม โรงเรียนเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ.2514 จึงถือเอา สีม่วงเป็นสีประจำวันเกิดโรงเรียน ดังนั้นโรงเรียนจึง นำเอาสิ่งที่เป็นมงคลทั้งสองอย่างมากำหนดให้เป็นสีธง ประจำโรงเรียน ตราสัญลักษณ์ประจำโรงเรียน องค์ประกอบของตราสัญลักษณ์ประจำโรงเรียน อักษรย่อ ศ.อ.ร. อยู่ภายใต้ฉัตร 5 ชั้น และอยู่ภายในการโอบล้อมของกลีบดอกบัว ความหมาย โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนารามเป็นโรงเรียนที่เกิดจากพระราชปรารภ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นโรงเรียนที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามให้แก่โรงเรียน อักษรย่อ ศ.อ.ร. อยู่ภายในการโอบล้อมของกลีบ ดอกบัวจึงหมายถึง โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนารามเป็นโรงเรียนที่อยู่ในพระ อุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี


6 ดอกไม้ประจำโรงเรียน ความหมาย โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม เป็นโรงเรียนที่อยู่ในพระอุปถัมภ์ของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ซึ่งดอกบัวถือ เป็นสัญลักษณ์แทนพระองค์ โรงเรียนจึงถือเอาดอกบัวเป็นสัญลักษณ์มงคลประจำ โรงเรียนสืบมา


7 ผู้บริหารโรงเรียน นายสุริยัน พรมจำปา ผู้อำนวยการโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม (ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี) นางประไพรวัลย์ คชพรหม นางสาวอนุรักษ์ คำภริยา นางสนธิยา อารยาวิชานนท์ นางพิมพ์นภา เกตุมาตย์ รองผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียน ฝ่ายบริหารงานบุคคล ฝ่ายบริหารแผนงานและงาน งบประมาณ ฝ่ายบริหารงานทั่วไป ฝ่ายบริหารงานวิชาการ


8 โครงสร้างหลักสูตรโรงเรียนมาตรฐานสากล (World Class Standard School : WCS) กลุ่มสาระการเรียนรู้/กิจกรรม ระดับประถมศึกษา ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ๑. สาระการเรียนรู้พื้นฐานตามหลักสูตร ๘๔๐(21) 840(21) ภาษาไทย 200(5) 200(5) 200(5) 160(4) 160(4) 160(4) คณิตศาสตร์ 200(5) 200(5) 200(5) 160(4) 160(4) 160(4) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 120(3) 120(3) 120(3) 120(3) 120(3) 120(3) สังคมศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม 40(1) 40(1) 40(1) 80(2) 80(2) 80(2) ประวัติศาสตร์ 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) สุขศึกษาและพลศึกษา 40(1) 40(1) 40(1) 80(2) 80(2) 80(2) ศิลปะ 40(1) 40(1) 40(1) 80(2) 80(2) 80(2) การงานอาชีพ 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) ภาษาอังกฤษ 120(3) 120(3) 120(3) 80(2) 80(2) 80(2) ๒. รายวิชาเพิ่มเติมตามจุดเน้น/สู่สากล 240(6) 2๔0(๖) คณิตศาสตร์สร้างสรรค์ 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) วิทยาศาสตร์สร้างสรรค์ 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) English Language for Communication 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) Independent Study 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) ภาษาจีน 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) ๓.กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนบังคับตามหลักสูตร 120(3) 120(3) - กิจกรรมแนะแนว 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) - กิจกรรมนักเรียน - ลูกเสือ/เนตรนารี/ยุวกาชาด - ชุมนุม/ชมรม 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) - กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 10(0.25) 10(0.25) 10(0.25) 10(0.25) 10(0.25) 10(0.25) รวมเวลาเรียนตลอดปี 1,200(30) 1,200(30) 1,200(30) 1,200(30) 1,200(30) 1,200(30) หมายเหตุ 1. รายวิชาการป้องกันการทุจริตบูรณาการกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 2. กิจกรรม เพิ่มเวลารู้เสรี บูรณาการใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้


9 โครงการส่งเสริมความเป็นเลิศทางวิชาการห้องเรียนคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์ (Gifted Education project : GEP) กลุ่มสาระการเรียนรู้/กิจกรรม ระดับประถมศึกษา ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ๑. สาระการเรียนรู้พื้นฐานตามหลักสูตร 840(21) 840(21) ภาษาไทย 200(5) 200(5) 160(4) 160(4) 160(4) คณิตศาสตร์ 200(5) 200(5) 160(4) 160(4) 160(4) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 120(3) 120(3) 120(3) 120(3) 120(3) สังคมศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม 40(1) 40(1) 80(2) 80(2) 80(2) ประวัติศาสตร์ 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) สุขศึกษาและพลศึกษา 40(1) 40(1) 80(2) 80(2) 80(2) ศิลปะ 40(1) 40(1) 80(2) 80(2) 80(2) การงานอาชีพ 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) ภาษาต่างประเทศ 120(3) 120(3) 80(2) 80(2) 80(2) ๒. รายวิชาเพิ่มเติมตามจุดเน้น/สู่สากล 440(11) 440(11) Advanced :Math 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) Advanced : science 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) English Language for Communication 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) Independent Study 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) คณิตศาสตร์สร้างสรรค์ 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) วิทยาศาสตร์สร้างสรรค์ 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) การเขียนเชิงสร้างสรรค์ 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) ภาษาจีน 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) ๓.กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนบังคับตามหลักสูตร 120(3) 120(3) - กิจกรรมแนะแนว 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) - กิจกรรมนักเรียน - ลูกเสือ/เนตรนารี/ยุวกาชาด - ชุมนุม/ชมรม 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) - กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 10(0.25) 10(0.25) 10(0.25) 10(0.25) 10(0.25) รวมเวลาเรียนตลอดปี 1,400(35) 1,400(35) 1,400(35) 1,400(35) 1,400(35) หมายเหตุ 1. รายวิชาการป้องกันการทุจริตบูรณาการกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 2. กิจกรรม เพิ่มเวลารู้เสรี บูรณาการใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้


10 โครงการส่งเสริมความเป็นเลิศทางวิชาการห้องเรียนพิเศษคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีบูรณาการสอนกับภาษาอังกฤษ (English for integrated study : EIS) กลุ่มสาระการเรียนรู้/กิจกรรม ระดับประถมศึกษา ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ๑. สาระการเรียนรู้พื้นฐานตามหลักสูตร 840(21) 840(21) ภาษาไทย 200(5) 200(5) 160(4) 160(4) 160(4) คณิตศาสตร์ 200(5) 200(5) 160(4) 160(4) 160(4) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 120(3) 120(3) 120(3) 120(3) 120(3) สังคมศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม 40(1) 40(1) 80(2) 80(2) 80(2) ประวัติศาสตร์ 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) สุขศึกษาและพลศึกษา 40(1) 40(1) 80(2) 80(2) 80(2) ศิลปะ 40(1) 40(1) 80(2) 80(2) 80(2) การงานอาชีพ 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) ภาษาต่างประเทศ 120(3) 120(3) 80(2) 80(2) 80(2) ๒. รายวิชาเพิ่มเติมตามจุดเน้น/สู่สากล 440(11) 440(11) English integrated study math (EIS) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) English integrated study science (EIS) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) Write an essay in English : (EIS) เขียนเรียงความภาษาอังกฤษ 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) การเขียนเชิงสร้างสรรค์ 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) English Language for Communication 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) Independent Study 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) ภาษาจีน 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) ๓.กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนบังคับตามหลักสูตร 120(3) 120(3) - กิจกรรมแนะแนว 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) - กิจกรรมนักเรียน - ลูกเสือ/เนตรนารี/ยุวกาชาด - ชุมนุม/ชมรม 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) - กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 10(0.25) 10(0.25) 10(0.25) 10(0.25) 10(0.25) รวมเวลาเรียนตลอดปี 1,400(35) 1,400(35) 1,400(35) 1,400(35) 1,400(35) หมายเหตุ 1. รายวิชาการป้องกันการทุจริตบูรณาการกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 2. กิจกรรม เพิ่มเวลารู้เสรี บูรณาการใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้


11 โครงการส่งเสริมความเป็นเลิศทางวิชาการห้องเรียนพิเศษคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดนตรีสากล ( Musical aesthetics Program : MAP) กลุ่มสาระการเรียนรู้/กิจกรรม ระดับประถมศึกษา ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ๑. สาระการเรียนรู้พื้นฐานตามหลักสูตร 840(21) 840(21) ภาษาไทย 200(5) 200(5) 160(4) 160(4) 160(4) คณิตศาสตร์ 200(5) 200(5) 160(4) 160(4) 160(4) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 120(3) 120(3) 120(3) 120(3) 120(3) สังคมศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม 40(1) 40(1) 80(2) 80(2) 80(2) ประวัติศาสตร์ 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) สุขศึกษาและพลศึกษา 40(1) 40(1) 80(2) 80(2) 80(2) ศิลปะ 40(1) 40(1) 80(2) 80(2) 80(2) การงานอาชีพ 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) ภาษาต่างประเทศ 120(3) 120(3) 80(2) 80(2) 80(2) ๒. รายวิชาเพิ่มเติมตามจุดเน้น/สู่สากล 440(11) 440(11) พื้นฐานทางดนตรีสากล 1 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) เปียโน Step 1-2 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) เปียโน Step 3-4 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) เปียโน Step 5-6 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) English Language for Communication 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) 80(2) การเขียนเชิงสร้างสรรค์ 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) Independent Study 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) ภาษาจีน 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) ๓.กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนบังคับตามหลักสูตร 120(3) 120(3) - กิจกรรมแนะแนว 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) 40(1) - กิจกรรมนักเรียน - ลูกเสือ/เนตรนารี/ยุวกาชาด - ชุมนุม/ชมรม 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) 40(1) 30(0.75) - กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 10(0.25) 10(0.25) 10(0.25) 10(0.25) 10(0.25) รวมเวลาเรียนตลอดปี 1,400(35) 1,400(35) 1,400(35) 1,400(35) 1,400(35) หมายเหตุ 1. รายวิชาการป้องกันการทุจริตบูรณาการกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 2. กิจกรรม เพิ่มเวลารู้เสรี บูรณาการใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้


12 ประกาศโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม เรื่อง ให้ใช้ระเบียบการวัดและประเมินผลโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2563) ............................................................................ ระเบียบวัดผลประเมินผลโรงเรียน พุทธศักราช 2561 เป็นระเบียบวัดผลประเมินผล ที่มีความสอดคล้องกับหลักสูตร สถานศึกษาโรงเรียนบ้านมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2563) และได้ดำเนินการตามคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ 1239/2560 ลงวันที่ 25 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2563 เรื่องให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยระเบียบนี้กำหนดให้ใช้ควบคู่กับหลักสูตร สถานศึกษา โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2563) คณะกรรมการการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานได้มีมติเห็นชอบให้ใช้ระเบียบวัดผลประเมินผลโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนา รามพุทธศักราช 2563 ในระดับประถมศึกษา โดยเริ่มใช้ในปีการศึกษา 2563 เมื่อวันที่ 25 เดือน ธันวาคม พ.ศ.2563 จึงประกาศให้ใช้ระเบียบ วัดผลประเมินผลโรงเรียนบ้านมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม พุทธศักราช 2563 ประกาศ ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2563 (นายอุดร พิสุทธิ์) (นายสุริยัน พรมจำปา) ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้อำนวยการโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม


13 การแต่งกายของนักเรียนโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม (ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี) การแต่งกายของนักเรียนสายชั้นก่อนประถมศึกษา (อนุบาล 1 -3 ) ชุดนักเรียนชาย – หญิง ชุดกาบบัวชาย-หญิง ชุดพละชาย – หญิง


14 การแต่งกายของนักเรียนสายชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง 3 ชุดนักเรียนชาย – หญิง ชุดเสื้อประจำโรงเรียน ชุดลูกเสือชาย - หญิง


15 ชุดพลศึกษา นักเรียนสายชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง 3 ห้องเรียนที่ 1 ห้องเรียนที่ 2 ห้องเรียนที่ 3 ห้องเรียนที่ 4 ห้องเรียนที่ 5 ห้องเรียนที่ 6 ห้องเรียนที่ 7 / EIS ห้องเรียนที่ 8 / GEP ห้องเรียนที่ 9 /MAP


16 การแต่งกายของนักเรียนสายชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึง 6 ชุดนักเรียน ชุดเสื้อประจำโรงเรียน ชุดลูกเสือ


17 ชุดพลศึกษา นักเรียนสายชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึง 6 ห้องเรียนที่ 1 ห้องเรียนที่ 2 ห้องเรียนที่ 3 ห้องเรียนที่ 4 ห้องเรียนที่ 5 ห้องเรียนที่ 6 ห้องเรียน EIS ห้องเรียน GEP ห้องเรียน MAP


18 ระเบียบโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม ว่าด้วยการวัดผลและประเมินผลการเรียน ระดับประถมศึกษา พุทธศักราช 2567 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2563) ------------------------------------------------------------------- ตามที่โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม ได้ประกาศใช้หลักสูตแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2563) ตามคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ 1239/2560 ลงวันที่ 8 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2560 เรื่องให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2563) จึงเป็นการสมควรที่กำหนดระเบียบโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม ว่าด้วยการวัดผลและประเมินผลการเรียนตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2563) เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้อง กับคำสั่งดังกล่าว ฉะนั้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ คณะกรรมการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโดยความเห็นขอบของคระกรรมการสถานศึกษาขั้น พื้นฐาน จึงวางระเบียบ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม ว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียน ระดับประถมศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2563) ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ปีการศึกษา 2561 เป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบ ข้อบังคับ ที่ขัดแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ 4 ให้ใช้ระเบียบนี้ควบคู่กับหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม พุทธศักราช 2563 ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2563) ข้อ 5 ให้ผู้บริหารสถานศึกษารักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ หมวด 1 หลักการในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ข้อ 5 หลักการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและและประเมินผลการเรียนรู้ของโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม พุทธศักราช 25๖3 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นกระบวนการเก็บรวบรวม ตรวจสอบ ตีความผลการเรียนรู้ และพัฒนาการด้านต่างๆ ของผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดของหลักสูตร นำผลไปปรับปรุงพัฒนาการจัดการเรียนรู้และใช้เป็น ข้อมูลสำหรับการตัดสินผลการเรียน สถานศึกษาจึงมีกระบวนการจัดการที่เป็นระบบ เพื่อให้การดำเนินการวัดและประเมินผลการ เรียนรู้เป็นไปอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ ผลการประเมินตรงตามสภาพการเรียนรู้ ความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน ถูกต้องตาม หลักการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ รวมทั้งสามารถรองรับการประเมินภายในและการประเมินภายนอก ตามระบบประกันคุณภาพ การศึกษาได้ สถานศึกษาจึงกำหนดหลักการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจเกี่ยวกับการวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ของสถานศึกษา ดังนี้ 5.1 การประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วม 5.2 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดตามกลุ่ม สาระการเรียนรู้ที่กำหนดในหลักสูตร และจัดให้มีการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตลอดจน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 5.3 การประเมินผู้เรียนพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการ เรียนรู้ การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอนตามความเหมาะสมของแต่ละระดับ


19 5.4 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนการสอนต้องดำเนินการ ด้วยเทคนิควิธีการที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถวัดและประเมินผลผู้เรียนได้อย่างรอบด้าน ทั้งด้านความรู้ ความคิด กระบวนการ พฤติกรรมและเจตคติ เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการวัด ธรรมชาติวิชา และระดับชั้นของผู้เรียนโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานความเที่ยงตรง ยุติธรรม และเชื่อถือได้ 5.5 การประเมินผลการเรียนรู้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงพัฒนาผู้เรียน พัฒนาการจัดการเรียนรู้และ ตัดสินผลการเรียน 5.6 เปิดโอกาสให้ผู้เรียนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบผลการประเมินผลการเรียนรู้ 5.7 มีการเทียบโอนผลการเรียนระหว่างสถานศึกษาและรูปแบบการศึกษาต่าง ๆ 5.8 จัดทำเอกสารหลักฐานการศึกษา เพื่อเป็นหลักฐานการประเมินผลการเรียนรู้ รายงานผลการเรียน แสดงวุฒิการศึกษาและรับรองผลการเรียนของผู้เรียน หมวด 2 องค์ประกอบของการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ข้อ 6 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ หลักสูตรโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดจุดหมาย สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน และมาตรฐาน การเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางในการ พัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระดับโลก กำหนดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่กำหนดในกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ มีความสามารถด้านการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์และเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ มีองค์ประกอบดังนี้ 6.1 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามรายกลุ่มสาระการเรียนรู้ ผู้สอนทำการวัดและประเมินผลการ เรียนรู้ผู้เรียนเป็นรายวิชาตามตัวชี้วัดที่กำหนดในหน่วยการเรียนรู้ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ให้ได้ผลการประเมินตามความสามารถที่ แท้จริงของผู้เรียน โดยทำการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ไปพร้อมกับการจัดการเรียนการสอน ได้แก่ การสังเกตพัฒนาการและความ ประพฤติของผู้เรียน การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรมและการทดสอบ ซึ่งผู้สอนต้องนำนวัตกรรมการวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น การประเมินสภาพจริง การประเมินการปฏิบัติงาน การประเมินจากโครงงานและการ ประเมินจากแฟ้มสะสมผลงาน ไปใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ควบคู่ไปกับการใช้แบบทดสอบแบบต่าง ๆ และให้ความสำคัญกับการ ประเมินระหว่างปีมากกว่าการประเมินปลายปี 6.2 การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน เป็นการประเมินศักยภาพของผู้เรียนในการอ่าน การฟัง การดูและการรับรู้ จากหนังสือ เอกสารและสื่อต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง แล้วนำมาคิดวิเคราะห์เนื้อหาสาระที่นำไปสู่การแสดงความ คิดเห็น การสังเคราะห์สร้างสรรค์ในเรื่องต่าง ๆ และถ่ายทอดความคิดนั้นด้วยการเขียนซึ่งสะท้อนถึงสติปัญญา ความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และสร้างสรรค์จินตนาการอย่างเหมาะสมและมีคุณค่าแก่ตนเอง สังคม และประเทศชาติ พร้อมด้วยประสบการณ์และทักษะในการเขียนที่มีสำนวนภาษาถูกต้อง มีเหตุผลและลำดับขั้นตอนในการนำเสนอ สามารถสร้างความ เข้าใจแก่ผู้อ่านได้อย่างชัดเจนตามระดับความสามารถในแต่ละระดับชั้น การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน สรุปผลเป็นราย ปี เพื่อวินิจฉัยและใช้เป็นข้อมูลเพื่อประเมินการเลื่อนชั้นเรียนและการจบการศึกษา 6.3 การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นการประเมินรายคุณลักษณะ แล้วรวบรวมผลการประเมินจากผู้ประเมินทุกฝ่ายนำมาพิจารณาสรุปผลเป็นรายปี เพื่อใช้เป็น ข้อมูลประเมินการเลื่อนชั้นเรียนและการจบการศึกษา 6.4 การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นการประเมินการปฏิบัติกิจกรรมตามจุดประสงค์และเวลาใน การเข้าร่วมกิจกรรมตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในแต่ละกิจกรรมและใช้เป็นข้อมูลประเมินการเลื่อนชั้นเรียนและการจบการศึกษา


20 หมวด 3 วิธีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ข้อ 7 การประเมินผลเพื่อปรับปรุงพัฒนาการเรียนรู้ 7.1 การจัดการเรียนรู้ 7.1.1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ครูผู้สอนแจ้งให้นักเรียนทราบดังนี้ 1) มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดชั้นปี 2) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 3) การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน 4) วิธีการวัดและประเมินผล ข้อ 1) , 2) และ 3) 5) เกณฑ์การผ่านข้อ 1), 2) และ 3) และการผ่านกลุ่มสาระการเรียนรู้ 7.1.2 การจัดการเรียนรู้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนครูผู้สอนแจ้งให้นักเรียนทราบดังนี้ 1) จุดประสงค์การเรียนรู้ 2) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 3) วิธีการวัดและประเมินผลข้อ 1) และ 2) 4) เกณฑ์การผ่าน ข้อ 1) และ 2) และการผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 7.2 ก่อนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้สอนต้องประเมินผลก่อนเรียนเพื่อตรวจสอบความรู้พื้นฐานและทักษะ เบื้องต้นของนักเรียน 7.3 ระหว่างเรียน ผู้สอนประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นระยะ ๆ ดังนี้ 7.3.1 ประเมินผลตามตัวชี้วัดชั้นปีของรายวิชาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนและเพื่อการผ่านตัวชี้วัดชั้นปี 7.3.2 ประเมินผลตามมาตรฐานการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และการ ผ่านการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน 7.3.3 ประเมินผลตามตัวบ่งชี้แต่ละคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อประเมินวินิจฉัยและปรับเปลี่ยน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และการผ่านการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 7.3.4 ประเมินผลตามจุดประสงค์การเรียนรู้ของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของ ผู้เรียนและเพื่อผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 7.4 ปลายปี เมื่อจบกระบวนการเรียนรู้ มีการประเมินผลการเรียนรู้ปลายปี โดยเลือกประเมินเฉพาะตัวชี้วัด ชั้นปีที่สำคัญให้ครอบคลุมทั้ง ความรู้ ทักษะกระบวนการ และการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อ ตรวจสอบคุณภาพตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ข้อ 8 การประเมินผลเพื่อปรับปรุงการเรียนรู้ ตามข้อ 7.2 ก่อนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อ 7.3 ระหว่างเรียน และข้อ 7.4 ปลายปี ถ้านักเรียนมีความรู้ความสามารถต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ให้ผู้สอนสอนซ่อมเสริม ให้สอดคล้องกับลักษณะการเรียนรู้ของนักเรียน ข้อ 9 ให้ใช้ผลการประเมินตามข้อ 7 ในการตัดสินผลดังนี้ 9.1 ตามข้อ 7.3.1 ตัดสินผลการผ่านตัวชี้วัดชั้นปีของรายวิชาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อผ่านตัวชี้วัดชั้นปี ใช้ตัดสินผลการผ่านตัวชี้วัดชั้นปี 9.2 ตามข้อ 7.3.1 การประเมินผลตัวชี้วัดชั้นปีของรายวิชาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนและ เพื่อผ่านตัวชี้วัดชั้นปี กับ 7.4 การประเมินผลปลายปี เมื่อจบกระบวนการเรียนรู้ ใช้ตัดสินผลการผ่านกลุ่มสาระการเรียนรู้ 9.3 ตามข้อ 7.3.2 การประเมินผลตามมาตรฐานการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน กับการ ประเมินผลปลายปี ใช้ตัดสินผลการผ่านการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน 9.4 ตามข้อ 7.3.3 ตัดสินผลการผ่านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 9.5 ตามข้อ 7.3.4 ตัดสินผลการผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน


21 หมวด 4 เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ข้อ 10 การตัดสินผลการเรียน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำหนดโครงสร้างเวลาเรียน มาตรฐานการ เรียนรู้/ตัวชี้วัด การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ที่สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้ มีคุณภาพเต็มตามศักยภาพ สถานศึกษาจึงกำหนดเกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อตัดสินผลการเรียนของ ผู้เรียน ดังนี้ 10.1 ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมด 10.2 ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัดชั้นปี และผ่านร้อยละ 100 ของตัวชี้วัดชั้นปีรายวิชา 10.3 ผู้เรียนต้องได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชา 10.4 ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ข้อ 11 การกำหนดคะแนนระหว่างเรียนและปลายปี เพื่อใช้ตัดสินผลการเรียน กำหนดดังนี้ 11.1 รายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้นำคะแนนระหว่างเรียนรวมกับปลายภาคเรียน แล้วนำมาตัดสิน ผลการเรียน ดังนี้ 11.1.1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย, คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี , สังคม ศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม และภาษาต่างประเทศ กำหนดดังนี้ คะแนนระหว่างปี / ภาค 70 คะแนน คะแนนปลายปี / ภาค 30 คะแนน รวม 100 คะแนน 11.1.2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ และการงานอาชีพ กำหนดดังนี้ คะแนนระหว่างปี / ภาค 70 คะแนน คะแนนปลายปี / ภาค 30 คะแนน รวม 100 คะแนน 11.2 การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เพื่อการเลื่อนระดับชั้นและจบการศึกษา กำหนด เกณฑ์การตัดสินเป็น 4 ระดับ และความหมายของแต่ละระดับ ดังนี้ ดีเยี่ยม หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนที่มี คุณภาพที่ดีเลิศอยู่เสมอ ดี หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนที่มี คุณภาพเป็นที่ยอมรับ ผ่าน หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนที่มี คุณภาพเป็นที่ยอมรับ แต่ยังมีข้อบกพร่องบางประการ ไม่ผ่าน หมายถึง ไม่มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน หรือถ้ามีผลงาน ผลงานนั้นยังมีข้อบกพร่องที่ต้องได้รับการปรับปรุง แก้ไขหลายประการ 11.3 การสรุปผลประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รวมทุกคุณลักษณะ เพื่อการเลื่อนระดับชั้นและจบการศึกษา กำหนดเกณฑ์การตัดสินเป็น 4 ระดับ และความหมายของแต่ละระดับ ดังนี้ ดีเยี่ยม หมายถึง นักเรียนปฏิบัติตามคุณลักษณะจนเป็นนิสัยและนำไปใช้ใน ชีวิตประจำวันเพื่อประโยชน์สุขของตนเองและสังคมโดยพิจารณาจาก ผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จำนวน ๖ -๑๐ คุณลักษณะ และไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับดี


22 ดี หมายถึง นักเรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามเกณฑ์ เพื่อให้เป็นการยอมรับของสังคมโดยพิจารณาจาก (1) ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยมจำนวน 1-๕ คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดที่ได้ผลการการประเมินต่ำกว่าระดับดีหรือ (2) ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยมจำนวน ๖ คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดที่ได้ผลการการประเมินต่ำกว่าระดับดีหรือ (3) ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยมจำนวน ๗-๑๐ คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดที่ได้ผลการการประเมินต่ำกว่าระดับดี ผ่าน หมายถึง นักเรียนรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่โรงเรียนกำหนดโดยพิจารณาจาก (1) ได้ผลการประเมินระดับผ่านจำนวน ๖-๑๐ คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดที่ได้ผลการการประเมินต่ำกว่าระดับผ่านหรือ (2) ได้ผลการประเมินระดับดีจำนวน ๖ คุณลักษณะและไม่มีคุณลักษณะ ใดที่ได้ผลการการประเมินต่ำกว่าระดับผ่าน ไม่ผ่าน หมายถึง นักเรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่โรงเรียนกำหนด โดยพิจารณาจากมีผล การประเมินระดับไม่ผ่าน ตั้งแต่ 1 คุณลักษณะ 11.4 การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรมอย่างน้อย ร้อยละ80 การปฏิบัติกิจกรรม และผลงานของนักเรียน ต้องผ่านร้อยละ ๕0 และให้ผลการประเมินเป็นผ่านและไม่ผ่าน กิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน มี๓ ลักษณะ คือ ๑) กิจกรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรียน ซึ่งประกอบด้วย (๑) กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี (๒) กิจกรรมชุมนุมหรือชมรม ทั้งนี้ผู้เรียนทั้งระดับประถมศึกษาจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมทั้งข้อ (๑) และ (๒) (๓) กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ให้ใช้ตัวอักษรแสดงผลการประเมิน ดังนี้ “ผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงานตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด “มผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงานไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด ในกรณีที่ผู้เรียนได้ผลการเรียน “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทำกิจกรรมในส่วนที่ผู้เรียนไม่ได้เข้าร่วม หรือไม่ได้ทำจนครบถ้วน แล้วจึงเปลี่ยนผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ทั้งนี้ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา 11.5 การสอนซ่อมเสริม การสอนซ่อมเสริม เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนรู้และเป็นการให้โอกาสแก่ผู้เรียนได้มีเวลาเรียนรู้ สิ่งต่างๆ เพิ่มขึ้น จนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ การสอนซ่อมเสริมเป็นการสอนกรณีพิเศษ นอกเหนือไปจากการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ปกติ เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องที่พบในผู้เรียน โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย และคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน การสอนซ่อมเสริมสามารถดำเนินการได้ในกรณีดังต่อไปนี้ 11.1 ผู้เรียนมีความรู้/ทักษะพื้นฐานไม่เพียงพอที่จะศึกษาในแต่ละรายวิชานั้น จะจัดการสอนซ่อมเสริม ปรับความรู้/ทักษะพื้นฐาน 11.2 การประเมินระหว่างเรียน ผู้เรียนไม่สามารถแสดงความรู้ ทักษะกระบวนการหรือเจตคติ/ คุณลักษณะ ที่กำหนดไว้ตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด 11.3 ผลการเรียนไม่ถึงเกณฑ์และ/หรือต่ำกว่าเกณฑ์การประเมิน ต้องจัดการสอนซ่อมเสริมก่อนจะให้ ผู้เรียนสอบแก้ตัว


23 ข้อ 12 การประเมินผลการเรียนรู้และให้ระดับผลการเรียน สถานศึกษากำหนดเกณฑ์การตัดสินผลการเรียน ซึ่งสามารถอธิบายผลการเรียนว่าผู้เรียนต้องมีความรู้ ทักษะและ คุณลักษณะโดยรวม ดังนี้ 12.1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ กำหนดผลการเรียนเป็น 8 ระดับ คือ ระดับผลการเรียน ความหมาย ช่วงคะแนนร้อยละ 4 3.5 3 2.5 2 1.5 1 0 ผลการเรียนดีเยี่ยม ผลการเรียนดีมาก ผลการเรียนดี ผลการเรียนค่อนข้างดี ผลการเรียนปานกลาง ผลการเรียนพอใช้ ผลการเรียนผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ ผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ 80 - 100 75 - 79 70 - 74 65 - 69 60 - 64 55 - 59 50 - 54 0 - 49 12.2 การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน กำหนดเกณฑ์การตัดสินเป็น ๔ ระดับ และ ความหมายของแต่ละระดับ ดังนี้ ดีเยี่ยม หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนที่มีคุณภาพดีเลิศอยู่เสมอ ดีหมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนที่มี คุณภาพเป็นที่ยอมรับ ผ่าน หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนที่มีคุณภาพเป็นที่ ยอมรับ แต่ยังมีข้อบกพร่องบางประการ ไม่ผ่าน หมายถึง ไม่มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนหรือถ้ามีผลงาน ผลงานนั้นยังมีข้อบกพร่องที่ต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขหลายประการ 12.3 การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ การสรุปผลประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รวมทุก คุณลักษณะ เพื่อการเลื่อนระดับชั้นและจบการศึกษา กำหนดเกณฑ์การตัดสินเป็น 4 ระดับ และความหมายของแต่ละระดับ ดังนี้ ดีเยี่ยม หมายถึง นักเรียนปฏิบัติตามคุณลักษณะจนเป็นนิสัยและนำไปใช้ใน ชีวิตประจำวันเพื่อประโยชน์สุขของตนเองและสังคมโดยพิจารณาจาก ผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จำนวน ๖ -๑๐ คุณลักษณะ และไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับดี ดี หมายถึง นักเรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามเกณฑ์ เพื่อให้เป็นการยอมรับของสังคมโดยพิจารณาจาก (1) ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยมจำนวน 1-๕ คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดที่ได้ผลการการประเมินต่ำกว่าระดับดีหรือ (2) ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยมจำนวน ๖ คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดที่ได้ผลการการประเมินต่ำกว่าระดับดีหรือ (3) ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยมจำนวน ๗-๑๐ คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดที่ได้ผลการการประเมินต่ำกว่าระดับดี ผ่าน หมายถึง นักเรียนรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่โรงเรียนกำหนดโดยพิจารณาจาก (1) ได้ผลการประเมินระดับผ่านจำนวน ๖-๑๐ คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดที่ได้ผลการการประเมินต่ำกว่าระดับผ่านหรือ


24 (2) ได้ผลการประเมินระดับดีจำนวน ๖ คุณลักษณะและไม่มีคุณลักษณะ ใดที่ได้ผลการการประเมินต่ำกว่าระดับผ่าน ไม่ผ่าน หมายถึง นักเรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่โรงเรียนกำหนด โดยพิจารณาจากมี ผลการประเมินระดับไม่ผ่าน ตั้งแต่ 1 คุณลักษณะ 12.4 การประเมินการเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียน กำหนดการประเมินเป็น 2 ระดับ ดังนี้คือ ผ่าน หมายถึง ผ่านเกณฑ์ ไม่ผ่าน หมายถึง ไม่ผ่านเกณฑ์ ข้อ 13 การเลื่อนชั้น สถานศึกษากำหนดกฎเกณฑ์การเลื่อนชั้น โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับเกณฑ์การตัดสินผลการเรียน ตลอดจน กำหนดเกณฑ์เกี่ยวกับการผ่านตัวชี้วัดที่ชัดเจนและประกาศให้ทราบทั่วกัน ดังนี้ 13.1 ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดปีการศึกษาไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมด 13.2 ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัดและต้องผ่านทุกตัวชี้วัดของแต่ละรายวิชา 13.3 ผู้เรียนต้องได้รับการตัดสินผลการเรียน และผ่านทุกรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ โดยมีเกณฑ์การผ่าน ดังนี้ 13.3.1 เวลาเรียนในแต่ละรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมด 13.3.2 ต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัด และผ่านตัวชี้วัดชั้นปีไม่น้อยกว่าร้อยละ 100ของตัวชี้วัดในรายวิชา 13.3.3 ระดับผลการเรียนตั้งแต่ระดับ 1 ขึ้นไป 13.2 การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ผู้เรียนต้องได้ระดับผลการเรียนตั้งแต่ระดับผ่าน เกณฑ์การประเมินขึ้นไป 13.4 การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผู้เรียนต้องได้ผลการประเมินระดับผ่านเกณฑ์การประเมินขึ้นไป 13.5 การประเมิน การเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ผู้เรียนต้องได้ผลการประเมินระดับผ่าน โดยมีเกณฑ์การผ่าน ดังนี้ 13.5.1 ผู้เรียนต้องมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมแต่ละปีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียน 13.5.2 ผู้เรียนผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 100 ของจุดประสงค์การเรียนรู้ ในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 13.5.3 ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ตามเวลาที่กำหนดไว้ใน โครงสร้างของหลักสูตร ดังนี้ 1) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 10 ชั่วโมง 2) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 10 ชั่วโมง 3) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 10 ชั่วโมง 4) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 10 ชั่วโมง 5) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 10 ชั่วโมง 6) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 10 ชั่วโมง การพิจารณาเลื่อนชั้น ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงบางตัวชี้วัด ซึ่งพิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและสอนซ่อม เสริมได้ ก็ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการที่จะผ่อนผันให้เลื่อนชั้นได้ ในกรณีที่ผู้เรียนมีสติปัญญาและความสามารถดีเลิศ สามารถเรียนรู้ได้เร็วเป็นพิเศษ สถานศึกษาจะให้โอกาส ผู้เรียนเลื่อนชั้นระหว่างปีการศึกษา โดยสถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการประกอบด้วยคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการและ ผู้แทนของเขตพื้นที่การศึกษาอย่างน้อย 1 คน เมื่อผู้เรียนมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขทั้ง 3 ประการ ต่อไปนี้ 1) มีผลการเรียนปีการศึกษาที่ผ่านมาและมีผลการเรียนระหว่างปีอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม 2) มีวุฒิภาวะเหมาะสมที่จะเรียนในชั้นที่สูงขึ้น 3) ผ่านการประเมินผลความรู้ความสามารถตามตัวชี้วัดรายปีทั้งหมดในภาคเรียนที่ 2 ปีปัจจุบันและภาค เรียนที่ 1 ของปีการศึกษาถัดไป


25 การอนุมัติให้เลื่อนไปเรียนชั้นสูงได้ 1 ระดับชั้นนี้ ต้องได้รับการยินยอมจากนักเรียนและผู้ปกครองและ ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 1 กันยายนของปีการศึกษานั้น สำหรับในกรณีที่พบว่ามีผู้เรียนกลุ่มพิเศษประเภทต่าง ๆ ที่มีปัญหาในการเรียนรู้สถานศึกษาจะดำเนินงาน ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหาแนวทางการแก้ไขและพัฒนา ข้อ 14 การเรียนซ้ำชั้น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดว่า หากผู้เรียนไม่ผ่านรายวิชาจำนวน มากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น สถานศึกษาอาจตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นได้ ทั้งนี้ให้ คำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ความสามารถของนักเรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนที่ไม่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์การอนุมัติเลื่อนชั้นเรียน จะต้องจัดให้เรียนซ้ำชั้น ในกรณีที่ผู้เรียนขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง คณะกรรมการอาจใช้ดุลพินิจให้เลื่อนชั้นได้ หากพิจารณาเห็นว่า 1) ผู้เรียนมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ 80 อันเนื่องจากสาเหตุจำเป็น หรือเหตุสุดวิสัย แต่มีคุณสมบัติ ตามข้ออื่น ๆ ครบถ้วน 2) ผู้เรียนผ่านมาตรฐานและตัวชี้วัดไม่ถึงเกณฑ์ตามที่กำหนดในแต่ละรายวิชา และเห็นว่าสามารถ สอนซ่อมเสริมได้ในปีการศึกษาถัดไปและมีคุณสมบัติข้ออื่น ๆ ครบถ้วน 3) ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 มีผลการประเมินกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทยและคณิตศาสตร์ อยู่ในเกณฑ์พอใช้ และผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 มีผลการประเมินกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมอยู่ในเกณฑ์ผ่าน ข้อ 15 การสอนซ่อมเสริม การสอนซ่อมเสริม เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนรู้และเป็นการให้โอกาสแก่ผู้เรียนได้มีเวลาเรียนรู้ สิ่งต่างๆ เพิ่มขึ้น จนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ การสอนซ่อมเสริมเป็นการสอนกรณีพิเศษ นอกเหนือไปจากการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ปกติ เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องที่พบในผู้เรียน โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย และคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน การสอนซ่อมเสริมสามารถดำเนินการได้ในกรณีดังต่อไปนี้ 15.1 ผู้เรียนมีความรู้/ทักษะพื้นฐานไม่เพียงพอที่จะศึกษาในแต่ละรายวิชานั้น จะจัดการสอนซ่อมเสริม ปรับความรู้/ทักษะพื้นฐาน 15.2 การประเมินระหว่างเรียน ผู้เรียนไม่สามารถแสดงความรู้ ทักษะกระบวนการหรือเจตคติ/ คุณลักษณะ ที่กำหนดไว้ตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด 15.3 ผลการเรียนไม่ถึงเกณฑ์และ/หรือต่ำกว่าเกณฑ์การประเมิน ต้องจัดการสอนซ่อมเสริมก่อนจะให้ ผู้เรียนสอบแก้ตัว ข้อ 16 เกณฑ์การจบ ระดับประถมศึกษา 1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน จำนวน 5,040 ชั่วโมง และรายวิชาเพิ่มเติม/กิจกรรมเพิ่มเติม จำนวน 240 ชั่วโมง และมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐานระดับ 1 ขึ้นไปทุกรายวิชา 2) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ระดับ “ผ่าน” ขึ้นไป 3) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับ “ผ่าน” ขึ้นไป 4) ผู้เรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และได้รับการตัดสินผลการเรียน ”ผ่าน” ทุกกิจกรรม


26 หมวด 5 การเทียบโอนผลการเรียน ข้อ 18 การเทียบโอนผลการเรียนของนักเรียนที่เรียนรู้กรณีย้ายสถานศึกษา การเปลี่ยน รูปแบบการศึกษา การ ย้ายหลักสูตร การละทิ้งการศึกษาและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจากต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ เทียบ โอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จากแหล่งการเรียนรู้อื่น ๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันทางศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชีพ การศึกษาโดยครอบครัว การเทียบโอนผลการเรียนดำเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรกของโรงเรียน นักเรียนที่ได้รับการเทียบโอน ผลการเรียนต้องศึกษาต่อเนื่อง ในสถานศึกษานี้อย่างน้อย 1 ภาคเรียน โดยสถานศึกษากำหนดรายวิชา จำนวนหน่วยกิตที่จะรับเทียบ โอนตามความเหมาะสม การพิจารณาการเทียบโอน ดำเนินการดังนี้ 18.1 พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา 18.2 พิจารณาจากความรู้ ประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติจริง การทดสอบ การสัมภาษณ์ เป็นต้น 18.3 พิจารณาจากความสามารถและการปฏิบัติจริง 18.4 ในกรณีมีเหตุผลจำเป็นระหว่างเรียน นักเรียนสามารถแจ้งความจำนงขอไปศึกษาบางรายวิชาใน สถานศึกษา/สถานประกอบการอื่น แล้วนำมาเทียบโอนได้ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา 18.5 การเทียบโอนผลการเรียนให้ดำเนินการในรูปของคณะกรรมการ การเทียบโอนจำนวน 3 – 5 คน 18.6 การเทียบโอนดำเนินการดังนี้ 18.6.1 กรณีผู้ขอเทียบโอนมีผลการเรียนมาจากหลักสูตรอื่น นำรายวิชาที่มีตัวชี้วัด/มาตรฐาน การเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง/จุดประสงค์/เนื้อหาที่สอดคล้องกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 มาเทียบโอนผลการเรียนและพิจารณา ให้ระดับผลการเรียนให้สอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษา 18.6.2 กรณีการเทียบโอนความรู้ ทักษะและประสบการณ์ พิจารณาจากเอกสารหลักฐาน (ถ้ามี) โดยให้มีการประเมินด้วยเครื่องมือที่หลากหลายและให้ระดับผลให้สอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษา 18.6.3 กรณีการเทียบโอนที่นักเรียนเข้าโครงการแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ดำเนินการตาม ประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรื่องหลักการและแนวปฏิบัติการเทียบชั้นการศึกษาสำหรับนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน ทั้งนี้วิธีการเทียบโอนผลการเรียนให้เป็นไปตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง


แนวปฏิบัติการเทียบโอนผลการเรียนรู้เข้าสู่กแนวทาง การพิจารณา การเทียบโอนจากการศึกษา ในระบบเข้าสู่การศึกษาในระบบ การเทียบโอนจากการศึกษานอกระบบ เข้าสู่การศึกษาในระบบ วิธีปฏิบัติในการจัด เข้าชั้นเรียน ๑.เทียบโอนรายวิชา/สาระกิจกรรมที่ผ่าน การตัดสินผลการเรียนจากสถานศึกษาเดิมได้ ทั้งหมดและจัดเข้าชั้นเรียนต่อเนื่องจากที่เข้า เรียนอยู่เดิม เช่น จบ ป.๑ จัดเข้าเรียน ป.๒ สถานศึกษาอาจประเมินบางรายวิชาที่ จำเป็นเพื่อการตรวจสอบความรู้พื้นฐาน เทียบโอนหมวดวิชาสาระกิจกรรมที่ผ่านการ ตัดสินผลการเรียนจากสถานศึกษาเดิม ๑. เรียนผ่านอย่างน้อย ๓ หมวดวิชา จัดให้ เรียนปีที่ ๒ ของระดับชั้นและลงทะเบียนเรียน ต่อไปตามปกติ ๒. เรียนผ่านอย่างน้อย ๒.รายวิชา/สาระ/กิจกรรมที่ยังไม่ได้ตัดสินผล การเรียนให้ประเมินตามเกณฑ์ ที่สถานศึกษากำหนดหากไม่ผ่านตามเกณฑ์ให้ ลงทะเบียนเรียนเพิ่มเติม ๖ หมวดวิชา จัดให้เรียนปีที่ ๓ ของระดับชั้น และลงทะเบียนเรียนต่อในรายวิชาที่จำเป็น ต้อง เรียนให้ครบตามเกณฑ์การจบระดับชั้นตาม หลักสูตรของสถานศึกษาใหม่ที่รับเข้าเรียน จำนวน/หน่วยการ เรียน/หน่วย น้ำหนัก พิจารณาแล้วเห็นว่าเทียบโอนผลการเรียนได้ จำนวนหน่วยให้เป็นไปตามโครง ผลการเรียน/ ผลการประเมิน ยอมรับผลการเรียนของสถาน ศึกษาเดิม ไม่ต้องให้ผลการเรียนในรายวิชา/สาระ/กิจกรรม ที่ได้จากการเทียบโอน การบันทึกผลการ เรียนในแสดงผล การเรียน ๑. ไม่ต้องนำรายวิชาและผลการเรียนเดิม กรอกในใบแสดงผลการเรียนของสถานศึกษา ใหม่ แต่ให้แนบแสดงผลการเรียนเดิมไว้กับใบ แสดงผลการเรียนใหม่และบันทึกจำนวน ไม่ต้องนำหมวดวิชาและผลการเรียนเดิมกรอกใน ใบแสดงผลการเรียนของสถาน ศึกษาใหม่ แต่ให้แนบใบแสดงผลการเรียนเดิมไว้ กับแสดงผลการเรียนใหม่และบันทึก


27 การศึกษาในระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การเทียบโอนจากการจัดการศึกษา โดยครอบครัวเข้าสู่การศึกษา ในระบบ การเทียบโอนจากการจัดการศึกษาโดยศูนย์การ เรียนการศึกษาตามหลัก สูตรระยะสั้นหลักสูตร เฉพาะประสบการณ์ การทำงานการฝึกอาชีพเข้าสู่การศึกษาในระบบ การเทียบโอน จากการศึกษา ตามหลักสูตรต่างประเทศ เข้าสู่การศึกษา ในระบบ ๑.ให้นำผลการวัดและประเมินเขตพื้นที่ การศึกษามาประกอบการพิจารณา ๒.ให้สถานศึกษา ประเมินความรู้ ทักษะประสบการณ์เพื่อการ จัดเข้าชั้นเรียน พิจารณาความรู้ ทักษะประสบการณ์ที่ขอเทียบ โอนว่าตรงกับรายวิชา/สาระ/กิจกรรม ใด จึงทำ การประเมิน หากปรากฏว่าชื่อไม่ตรงกับที่ปรากฏ ในโครงสร้างหลักสูตรให้กำหนดและบรรจุชื่อนั้น ไว้ในหลักสูตร ๑. สำเร็จการ ศึกษาภาคเรียนใดชั้นปีใดให้ พิจารณาเทียบโอนภาคเรียน ต่อภาคเรียนปีต่อปี โดยนำพื้น ความรู้สามัญเดิมมาประกอบ การพิจารณาหรืออาจประเมิน เพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบ ความรู้พื้นฐาน จำนวน/หน่วยการเรียน/หน่วยน้ำหนัก พิจารณาแล้วเห็นว่าเทียบโอน ผลการเรียนได้จำนวนหน่วยให้ เป็นไปตามโครง ยอมรับผลการประเมินของเขตพื้นที่ มาเป็น ส่วนประกอบในการพิจารณา ผลการประเมินความรู้ ทักษะประสบการณ์ให้ เป็นไปตามที่สถานศึกษาใหม่กำหนด ผลการประเมินเพิ่ม เติมให้ เป็นไปตามที่สถาน ศึกษาที่ รับเข้าเรียนกำหนด ไม่ต้องนำรายวิชาผลการเรียน/ผลการวัดและ ประเมินเดิมของเขตพื้นที่กรอกในใบแสดงผล การเรียนของสถานศึกษาใหม่ แต่ให้แนบ เอกสารเดิมไว้กับใบ นำผลการประเมินความรู้ ทักษะประสบการณ์ กรอกในใบแสดงผลการเรียน ๑. ให้กรอรรายชื่อและจำนวน หน่วยตามรายวิชาของ สถานศึกษาที่รับเข้าเรียนในใบ แสดงผลการเรียนของสถาน ศึกษาที่รับเข้าเรียน


แนวทาง การพิจารณา การเทียบโอนจากการศึกษา ในระบบเข้าสู่การศึกษาในระบบ การเทียบโอนจากการศึกษานอกระบบ เข้าสู่การศึกษาในระบบ หน่วยที่ได้รับการ เทียบโอนตาม โครงสร้างหลักสูตร ของสถานศึกษา เดิมไว้ในช่องหมาย เหตุ ๒. รายวิชา/ สาระ/กิจกรรมที่ ยังไม่ได้ตัดสินผล การเรียนและได้รับ การประเมินให้นำ ผลการประเมิน กรอกในช่องหมาย เหตุ จำนวนหน่วยที่ได้รับการเทียบโอนตาม โครงสร้างหลักสูตรใหม่ไว้ในช่องหมายเหตุ แสดงผลการเรียนใหม่ และบันทึกข้อมูลและ จำนวนหน่วยที่ได้รับการเทียบโอนไว้ในช่อง หมายเหตุ การคิดผล การเรียนเฉลี่ย การคิดผลการเรียนเฉลี่ยให้นำผลการเรียน และจำนวนหน่วยจาก สถานศึกษาเดิมมาคิดรวมกับผลการเรียนและ จำนวนหน่วยที่ได้จากการเรียนในสถานศึกษา ใหม่และคิดผลเรียนเฉลี่ยรวมตลอดระดับชั้น การคิดผลการเรียนเฉลี่ยให้คิดจากรายวิชาที่มี จำนวนหน่วยและระดับผลการเรียนที่ได้เรียนใน สถานศึกษาใหม่


28 การเทียบโอนจากการจัดการศึกษา โดยครอบครัวเข้าสู่การศึกษา ในระบบ การเทียบโอนจากการจัดการศึกษาโดยศูนย์การ เรียนการศึกษาตามหลัก สูตรระยะสั้นหลักสูตร เฉพาะประสบการณ์ การทำงานการฝึกอาชีพเข้าสู่การศึกษาในระบบ การเทียบโอน จากการศึกษา ตามหลักสูตรต่างประเทศ เข้าสู่การศึกษา ในระบบ โดยไม่ต้องกรอกผลการเรียนและแนบใบแสดงผล การเรียนจาก สถานศึกษาเดิมและสถานศึกษาที่รับเข้าเรียนไว้ ด้วยกัน และบันทึกผลการเทียบโอนไว้ในช่อง หมายเหตุ ๒. รายวิชาที่ยังไม่ได้ตัดสินผลการเรียนและ สถานศึกษาที่รับเข้าเรียนได้ประเมินผลการเรียน แล้วให้นำผลการประเมิน กรอกไว้ในช่องหมายเหตุ การคิดผลการเรียนเฉลี่ยให้คิดจากรายวิชาที่ ได้จากเรียนในสถานศึกษาใหม่ โดยนำผลการ ประเมินของเขตพื้นที่ที่มีระดับผลการเรียนมา คิดรวม การคิดผลการเรียนเฉลี่ยให้คิด จากรายวิชาที่ได้จากการเรียนในสถานศึกษาใหม่ โดยไม่ต้องนำผลการประเมินความรู้ ทักษะ ประสบการณ์มาคิดรวม ได้ตัดสินผลการเรียนจาก หลักสูตรต่างประเทศที่ สถานศึกษาที่รับเข้าเรียนได้ ประเมินแล้วและได้ระดับผล การเรียน ให้นำมาคิดผลการ เรียนเฉลี่ยรวมกับผลการเรียน ที่ได้จากการเรียนใน สถานศึกษาที่รับเข้าเรียน ตลอดระดับชั้น


29 หมวด 6 การรายงานผลการเรียน การรายงานผลการเรียน เป็นการแจ้งผลการเรียนรู้และพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ซึ่งเป็นความก้าวหน้าของ ผู้เรียนให้ผู้เรียนและผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบอย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้ง เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไขและส่งเสริม พัฒนาการของผู้เรียนให้ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งใช้เป็นข้อมูลสำหรับออกเอกสารหลักฐานการศึกษา การตรวจสอบ ยืนยัน การรับรองผลการเรียนและวุฒิการศึกษาของผู้เรียน ข้อ 19 จุดมุ่งหมายการรายงานผลการเรียน 19.1 เพื่อแจ้งให้ผู้เรียน ผู้เกี่ยวข้องทราบความก้าวหน้าของผู้เรียน 19.2 เพื่อให้ผู้เรียน ผู้เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนของผู้เรียน 19.3 เพื่อให้ผู้เรียน ผู้เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการเรียน กำหนดแนวทางา การศึกษาและการเลือกอาชีพ 19.4 เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ใช้ดำเนินการออกเอกสารหลักฐานการศึกษา ตรวจสอบและรับรองผลการเรียน หรือวุฒิทางการศึกษาของผู้เรียน 19.5 เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับสถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัดใช้ ประกอบในการกำหนดนโยบาย วางแผนในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ข้อ 20 ข้อมูลในการรายงานผลการเรียน 20.1 ข้อมูลระดับชั้นเรียน ประกอบด้วย ผลการประเมินความรู้ ความสามารถ พฤติกรรม การเรียน ความประพฤติและผลงานในการเรียนของผู้เรียน เป็นข้อมูลสำหรับรายงานให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้เรียน ผู้สอนและผู้ปกครอง ได้รับทราบความก้าวหน้า ความสำเร็จในการเรียนของผู้เรียนเพื่อนำไปใช้ในการวางแผนกำหนด เป้าหมายและวิธีการในการพัฒนาผู้เรียน 20.2 ข้อมูลระดับสถานศึกษา ประกอบด้วย ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่ม สาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนรายปี/รายภาค ผลการประเมินความก้าวหน้าในการเรียนรู้รายปี/รายภาคโดยรวมของ สถานศึกษา เพื่อใช้เป็นข้อมูลและสารสนเทศในการพัฒนาการเรียนการสอนและคุณภาพของผู้เรียน ให้เป็นไปตามมาตรฐาน การเรียนรู้/ตัวชี้วัด การตัดสินการเลื่อนชั้นและการซ่อมเสริมผู้เรียนที่มีข้อบกพร่องให้ผ่านระดับชั้นและเป็นข้อมูลในการออก เอกสารหลักฐานการศึกษา 20.3 ข้อมูลการประเมินคุณภาพระดับเขตพื้นที่การศึกษา ได้แก่ ผลการประเมิน คุณภาพ ของผู้เรียนด้วยแบบประเมินที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจัดทำขึ้นในกลุ่มสาระการเรียนรู้สำคัญในระดับชั้นที่นอกเหนือ จากการประเมินคุณภาพระดับชาติ เป็นข้อมูลที่ผู้เกี่ยวข้องใช้วางแผนและดำเนินการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา เพื่อให้เกิดการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของผู้เรียนและสถานศึกษา 20.4 ข้อมูลผลการประเมินคุณภาพระดับชาติ ได้แก่ ผลการประเมินคุณภาพของผู้เรียนด้วยแบบ ประเมินที่เป็นมาตรฐานระดับชาติ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (NT) การประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียนชั้น ประถมศึกษาชั้นปีที่ 1 (RT) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (O net) ผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพ การศึกษาในระดับต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ซึ่งดำเนินการโดยหน่วยงาน ระดับชาติ เป็นข้อมูลที่ผู้เกี่ยวข้องใช้วางแผนและดำเนินการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพื่อให้เกิดการยกระดับคุณภาพและ มาตรฐานการศึกษาของผู้เรียน สถานศึกษา และนำไปรายงานในเอกสารหลักฐานการศึกษาของผู้เรียน 20.5 ข้อมูลพัฒนาการของผู้เรียนด้านอื่น ๆ ประกอบด้วย ข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการ ทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและพฤติกรรมต่าง ๆ เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งของการแนะแนวและจัดระบบการดูแล ช่วยเหลือเพื่อแจ้งให้ผู้เรียน ผู้สอน ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบข้อมูล โดยผู้มีหน้าที่รับผิดชอบแต่ละฝ่ายนำไปใช้ ปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาผู้เรียนให้เกิดพัฒนาการอย่างถูกต้อง เหมาะสม รวมทั้งนำไปจัดทำเอกสารหลักฐานแสดงพัฒนาการของผู้เรียน ข้อ 21 ลักษณะข้อมูลสำหรับการรายงาน การรายงานผลการเรียน สถานศึกษารายงานผลการเรียนดังนี้ 21.1 ผลการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้รายงานเป็นระดับผลการเรียน “0 – 4” ( 8 ระดับ)


30 21.2 ผลการประเมินการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียน รายงานผลการประเมินคุณภาพเป็น ดี เยี่ยม ดี ผ่าน และไม่ผ่าน 21.3 ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รายงานผลการประเมินคุณภาพเป็น ดีเยี่ยม ดี ผ่าน และไม่ผ่าน 21.4 ผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนรายงานผลการประเมินคุณภาพเป็น ผ่าน และ ไม่ผ่าน ข้อ 22 เป้าหมายการรายงาน การดำเนินการจัดการศึกษา ประกอบด้วยบุคลากรหลายฝ่ายร่วมมือประสานงานกันพัฒนา ผู้เรียนทั้งทางตรงและทางอ้อม ให้ความรู้ความสามารถ คุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมอันพึงประสงค์ โดยมีผู้มีส่วน เกี่ยวข้องควรได้รับการรายงานผลการประเมินของผู้เรียนเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานดังนี้ กลุ่มเป้าหมาย การใช้ข้อมูล ผู้เรียน - ปรับปรุง แก้ไขและพัฒนาการเรียน รวมทั้งพัฒนาร่างกาย อารมณ์ สังคมและพฤติกรรมต่างๆ ของคน - วางแผนการเรียน การเลือกแนวทางการศึกษา และอาชีพในอนาคต - แสดงผลการเรียน ความรู้ ความสามารถ และวุฒิการศึกษาของตน ผู้สอน - วางแผนและดำเนินการปรับปรุง แก้ไขและพัฒนาผู้เรียน - ปรับปรุง แก้ไขและพัฒนาการจัดการเรียนการสอน ครูวัดผล - ตรวจสอบความถูกต้องในการประเมินผลของผู้สอน/ผู้เรียน - พัฒนาระบบ ระเบียบและแนวทางการประเมินผลการเรียน นายทะเบียน - จัดทำเอกสารหลักฐานการศึกษา ครูแนะแนว - ให้คำแนะนำผู้เรียนในด้านต่าง ๆ คณะกรรมการบริหารหลักสูตร และวิชาการของสถานศึกษา - พิจารณาให้ความเห็นชอบผลการเรียนของผู้เรียน - พัฒนาแนวทางการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา - พิจารณาตัดสิน และอนุมัติผลการเรียนของผู้เรียน - พัฒนากระบวนการจัดการเรียนของสถานศึกษา - วางแผนการบริหารจัดการศึกษาด้านต่าง ๆ ผู้ปกครอง - รับทราบผลการเรียนและพัฒนาการของผู้เรียน - ปรับปรุง แก้ไขและพัฒนาการเรียนของผู้เรียน รวมทั้งการดูแล สุขภาพอนามัย ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและพฤติกรรมต่าง ๆ ของผู้เรียน - พิจารณาวางแผนและส่งเสรมการเรียน การเลือกแนวทางการศึกษา และอาชีพในอนาคตของผู้เรียน ฝ่าย/หน่วยงานที่มีหน้าที่ ตรวจสอบรับรองความรู้และ วุฒิการศึกษา/สถานศึกษา - ตรวจสอบ และรับรองผลการเรียนและวุฒิการศึกษาของผู้เรียน - เทียบระดับ/วุฒิการศึกษาของผู้เรียน - เทียบโอนผลการเรียน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา/ หน่วยงานต้นสังกัด - ยกระดับและพัฒนาการศึกษาของสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา - นิเทศ ติดตาม และให้ความช่วยเหลือการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ของสถานศึกษาที่มีผลการประเมินต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษา ข้อ 23 วิธีการรายงาน การรายงานผลการเรียนให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบ ดำเนินการดังนี้ 23.1 การรายงานผลการเรียนในเอกสารหลักฐานการศึกษา ได้แก่ 23.1.1 ๒๓.๑.๒ ระเบียบแสดงผลการเรียน (ปพ.1) ประกาศนียบัตร (ปพ.๒)


31 23.1.๓ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ.3) 23.1.๔ แบบบันทึกผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน (ปพ.5) 23.1.๕ สมุดรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคล (ปพ.6) 23.1.6 แบบใบรับรองผลการเรียน (ปพ.7) 23.1.7 ระเบียนสะสม (ปพ.8) 23.2 การรายงานคุณภาพการศึกษาให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ รายงานหลายวิธี เช่น 23.2.1 รายงานคุณภาพการศึกษาประจำปี 23.2.2 วารสาร/จุลสารของสถานศึกษา 23.2.3 จดหมายส่วนตัว 23.2.4 การให้คำปรึกษาหารือเป็นรายบุคคล 23.2.5 การให้พบครูที่ปรึกษาหรือการประชุมผู้ปกครอง ข้อ 24 การกำหนดระยะเวลาในการรายงาน ดังนี้ 24.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะรายงานหลังจาก ประเมินผลปลายปีแล้วเสร็จภายใน 15 วัน 24.2 ผลการประเมินคุณภาพระดับเขตพื้นที่การศึกษา จะรายงานผลหลังจากได้รับทราบผลภายใน 7 วัน 24.3 ผลการประเมินคุณภาพระดับชาติ จะรายงานผลหลังจากได้รับทราบภายใน 7 วัน 24.4 ข้อมูลพัฒนาการของนักเรียนประกอบด้วย ข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการทางด้าน ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และพฤติกรรมต่าง ๆ จะรายงานให้ทราบพร้อมกับการรายงานผลในข้อ 1 หมวด 7 เอกสารหลักฐานการศึกษา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดให้มีเอกสารหลักฐานทางการศึกษา 2 ประเภท คือ เอกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด และเอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษา กำหนด รายละเอียด ดังนี้ ข้อ 25 เอกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดเป็นเอกสารควบคุมและบังคับแบบ เรียกว่า แบบประเมินผลตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปพ.) จัดทำขึ้นเพื่อตัดสิน รับรองผลการเรียน ของผู้เรียนตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่ใช้เป็นหลักฐานสำหรับการตรวจสอบ ยืนยัน และรับรอง คุณสมบัติทางการศึกษาของผู้เรียนได้ตลอดไป สถานศึกษาต้องใช้แบบพิมพ์และดำเนินการจัดทำตามที่กระทรวงศึกษาธิการ กำหนดไว้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ดังนี้ ข้อ 26.1 เอกสารหลักฐานการศึกษาควบคุมและบังคับแบบ มีดังนี้ 26.1.1 ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) เป็นหลักฐานเพื่อแสดงผลการเรียนและ รับรองผลการเรียนของผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูล และออกเอกสารนี้ให้ ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เมื่อผู้เรียนจบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6) หรือเมื่อลาออกจากสถานศึกษา ในทุกกรณี ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) นำไปใช้ประโยชน์ ดังนี้ - แสดงผลการเรียนของผู้เรียนตามโครงสร้างหลักสูตรของสถานศึกษา - รับรองผลการเรียนของผู้เรียนตามข้อมูลที่บันทึกในเอกสาร - ตรวจสอบผลการเรียนและวุฒิการศึกษาของผู้เรียน - ใช้เป็นหลักฐานการศึกษาเพื่อสมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครงานหรือ ขอรับสิทธิประโยชน์อื่นใดที่พึงมีได้ตามวุฒิการศึกษานั้น


32 26.1.2 ประกาศนียบัตร (ปพ.๒) หลักฐานแสดงวุฒิการศึกษา สำหรับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มี ๒ แบบ คือ ๒.๑ ประกาศนียบัตร สำหรับนักเรียนที่สำเร็จหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับ จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ (ปพ.๒: บ) ๒.๒ ประกาศนียบัตร สำหรับนักเรียนที่สำเร็จหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน จบชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๖ (ปพ.๒ : พ) สถานศึกษาจะต้องออกประกาศนีบัตร (ปพ.๒) ให้กับนักเรียนที่จบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ทุกคน โดยใช้แบบที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด สถานศึกษาจะต้อง ควบคุมการจัดทำการออกเอกสาร ให้ถูกต้อง และเก็บรักษาให้ปลอดภัย อย่าให้เกิดชำรุด เสียหาย สูญหาย หรือมีการนำไปออก ให้กับนักเรียนในทางมิชอบ กรณีที่นักเรียนรับเอกสารไปแล้วมีความประสงค์จะขอรับเอกสารนี้ใหม่ สถานศึกษาจะต้องออกใบแทนให้ โดยใช้แบบฟอร์มใบแทนประกาศนียบัตรที่มีลักษณะแตกต่างจากเอกสารจริงตามรูปแบบที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ทั้งนี้ใน การออกประกาศนียบัตรต้องปฏิบัติ ดังนี้ ๑. ให้สถานศึกษาออกประกาศนียบัตรให้ผู้จบการศึกษาภาคบังคับและผู้จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกคนที่สำเร็จการศึกษา พร้อมกำหนดวัน เวลา ในการรับประกาศนียบัตร ๒. ให้ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ/อาจารย์ใหญ่/ครูใหญ่ และประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้น พื้นฐาน เป็นผู้ลงนามในประกาศนียบัตรร่วมกัน ๓. กรณีผู้สำเร็จการศึกษาไม่ได้รับประกาศนียบัตรตามกำหนดเวลาที่สถานศึกษากำหนด ผู้สำเร็จ การศึกษาต้องยื่นคำขอรับประกาศนียบัตรด้วยตนเองตามแบบคำร้อง การขอใบแทนประกาศนียบัตรกรณีสูญหายหรือเสียหาย ประกาศนียบัตรที่ผู้สำเร็จการศึกษารับไปแล้ว เกิดชำรุดหรือสูญหายให้สถานศึกษา ออกใบแทน ประกาศนียบัตรให้ โดยผู้สำเร็จการศึกษาเป็นผู้ยื่นคำร้องและขอรับใบแทนด้วยตนเอง ที่สถานศึกษา ตามแต่ละกรณีดังนี้ - กรณีสูญหายให้ไปแจ้งความต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แล้วนำใบแจ้งความไปประกอบ คำร้องขอรับใบแทน - กรณีชำรุดให้นำประกาศนียบัตรที่ชำรุดไปยื่นประกอบคำร้องขอรับใบแทนประกาศนียบัตรให้ใช้แบบพิมพ์ที่ กระทรวงศึกษาธิการจัดพิมพ์ (ดังตัวอย่างภาคผนวก) สำหรับสถานศึกษาที่เลิกกิจการให้ยื่นคำร้องที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ที่สถานศึกษาแห่งนั้นเคยตั้งอยู่ พร้อมเอกสารหลักฐานประกอบคำร้อง ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ –ชื่อสกุล (ถ้ามี) การออกใบแทนประกาศนียบัตรให้เก็บค่าธรรมเนียมฉบับละ ๒๐ บาท ถ้าผู้สำเร็จการศึกษาขอรับเมื่อพ้น กำหนด ๑๐ ปี นับแต่วันที่ออกประกาศนียบัตร ให้เก็บค่าธรรมเนียมฉบับละ ๓๐ บาท และการออกใบแทนประกาศนียบัตรให้ ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับประกาศนียบัตร 26.1.๓ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ. 3) เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตร โดยบันทึกรายชื่อและ ข้อมูลของผู้จบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6) แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ.3) นำไปใช้ประโยชน์ ดังนี้ - ใช้ตัดสินและอนุมัติผลการเรียนของผู้เรียน - แสดงรายชื่อผู้จบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่ละ ระดับการศึกษาที่ได้รับการรับรองวุฒิจากกระทรวงศึกษาธิการ - ใช้สำหรับตรวจสอบ ค้นหา พิสูจน์ ยืนยันและรับรองวุฒิหรือผล การศึกษาของผู้จบหลักสูตรการศึกษา 26.๒ เอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษาดำเนินการเอง เอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษากำหนด เป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นเพื่อบันทึก พัฒนาการผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผู้เรียน เช่น แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา แบบรายงาน ประจำตัวนักเรียน ระเบียนสะสม ใบรับรองผลการเรียน และเอกสารอื่น ๆ ตามวัตถุประสงค์ของการนำเอกสารไปใช้ 26.2.๑ แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัด ทำขึ้น เพื่อให้ครูผู้สอน ใช้บันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน สำหรับการพิจารณาตัดสินผลการเรียนแต่ละรายวิชาเป็นรายห้องเรียน


33 เอกสารบันทึกผลการเรียนรายวิชา นำไปใช้ประโยชน์ ดังนี้ - ใช้บันทึกพัฒนาการผลการเรียนรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้เรียนแต่ละรายวิชา - ใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบ รายงาน และรับรองข้อมูลเกี่ยวกับ พัฒนาการ และผลการเรียนรู้ของผู้เรียน เอกสารบันทึกผลการเรียนรายวิชา นำไปใช้ประโยชน์ ดังนี้ - ใช้บันทึกพัฒนาการผลการเรียนรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้เรียนแต่ละรายวิชา - ใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบ รายงาน และรับรองข้อมูลเกี่ยวกับ พัฒนาการ และผลการเรียนรู้ของผู้เรียน 26.2.๒ แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล(ปพ.6) เป็นเอกสารที่สถานศึกษา จัดทำขึ้นเพื่อบันทึกข้อมูลผลการเรียนรายวิชา และพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนแต่ละคน ตามเกณฑ์การตัดสินผ่าน ระดับชั้นของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมทั้งข้อมูลด้านอื่น ๆ ของผู้เรียนที่บ้านและสถานศึกษา โดยจัดทำ เป็นเอกสารรายบุคคล เพื่อใช้สำหรับสื่อสารให้ผู้ปกครองของผู้เรียนแต่ละคนได้รับทราบผลการเรียนและพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง แบบรายงานประจำตัวนักเรียน นำไปใช้ประโยชน์ ดังนี้ - รายงานผลการเรียน ความประพฤติ และพัฒนาการของผู้เรียนให้ผู้แกครองได้รับทราบ - ใช้เป็นเอกสารสื่อสาร ประสานงาน เพื่อความร่วมมือในการพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขผู้เรียน - เป็นเอกสารสำหรับตรวจสอบ ยืนยัน และรับรองผลการเรียนและพัฒนาการต่าง ๆ ของผู้เรียน 26.2.๓ ใบรับรองผลการเรียน เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นเอกสาร สำหรับรับรองความเป็นนักเรียนของผู้เรียนเป็นการชั่วคราวตามที่ผู้เรียนร้องขอ ทั้งกรณีที่ผู้เรียนกำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษา และเมื่อจบการศึกษาไปแล้ว ใบรับรองผลการเรียน นำไปใช้ประโยชน์ ดังนี้ - รับรองความเป็นนักเรียนของสถานศึกษาที่เรียนหรือที่เคยเรียน - รับรองและแสดงความรู้ วุฒิการศึกษาของผู้เรียน - ใช้เป็นหลักฐานแสดงคุณสมบัติของผู้เรียนในการสมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครเข้าทำงาน หรือมีกรณี อื่นใดที่ผู้เรียนแสดงคุณสมบัติเกี่ยวกับวุฒิความรู้ หรือสถานการณ์เป็นผู้เรียนของตน - เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบ รับรอง ยืนยันการใช้สิทธิ์ความเป็นผู้เรียน หรือการได้รับการ รับรองจากสถานศึกษา 26.2.๔ แบบบันทึกผลการประเมินมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดชั้นปี /ผลการเรียนรู้ / จุดประสงค์การ เรียนรู้ เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้น เพื่อใช้เป็นเอกสารหลักฐานสำหรับแสดงผลการเรียนตามมาตรฐาน/ตัวชี้วัดชั้นปี โดยแสดงผลการประเมินมาตรฐาน/ตัวชี้วัดชั้นปี ที่ผู้เรียนได้ประเมินไปแล้วในระดับชั้นที่ผู้เรียนกำลังศึกษาอยู่ สถานศึกษาจะ ออกเอกสารหลักฐานแบบบันทึกผลการประเมินมาตรฐาน/ตัวชี้วัดชั้นปี เมื่อผู้เรียนย้ายที่เรียนไปยังสถานศึกษาอื่นในขณะที่ยัง ไม่ได้รับการประเมินผลปลายปีการศึกษานั้น


34 หมวด 8 การย้ายที่เรียน ข้อ 27. นักเรียนคนใดจำเป็นต้องย้ายที่เรียน โรงเรียนจัดทำเอกสารหลักฐานการเรียนของนักเรียนไปให้ โรงเรียนใหม่ ดังนี้ คือ 27.1 ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) 27.2 แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล (ปพ.6) 27.3 ระเบียนสะสม(ปพ.8) 27.4 แบบบันทึกผลการประเมินมาตรฐานการเรียนรู้ /ตัวชี้วัด / ผลการเรียนรู้ / จุดประสงค์ การเรียนรู้ ประกาศ ณ วันที่ 25 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2566 (นายสุริยัน พรมจำปา) ผู้อำนวยการโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม


35 บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ..(2553)..หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน..พุทธศักราช 2551... พิมพ์ครั้งที่ 3..กรุงเทพฯ.:.โรงพิมพ์ชุมนุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.จำกัด. (2553) แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้..ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร แห่งประเทศไทย จำกัด.


36 ภาคผนวก ก คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551


37 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ทั้ง 8 ประการ ได้แก่ 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ การนำคุณลักษณะอันพึงประสงค์ทั้ง 8 ประการดังกล่าว ไปพัฒนาผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพและ เกิดประสิทธิผลนั้น สถานศึกษาต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์อย่างชัดเจนโดยพิจารณาจาก นิยาม ตัวชี้วัดพฤติกรรมบ่งชี้ และเกณฑ์การให้คะแนนของคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ ข้อที่ 1 รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ นิยาม รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการเป็นพลเมืองดีของชาติ ธำรงไว้ซึ่งความเป็น ชาติไทย ศรัทธา ยึดมั่นในศาสนา และเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้ที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ คือ ผู้ที่มีลักษณะซึ่งแสดงออกถึงการเป็นพลเมืองดีของชาติ มีความ สามัคคีปรองดอง ภูมิใจ เชิดชูความเป็นชาติไทย ปฏิบัติตนตามหลักศาสนาที่ตนนับถือ และแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบัน พระมหากษัตริย์ ตัวชี้วัด 1.1 เป็นพลเมืองดีของชาติ 1.2 ธำรงไว้ซึ่งความเป็นชาติไทย 1.3 ศรัทธา ยึดมั่นและปฏิบัติตนตามหลักศาสนา 1.4 เคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ตัวชี้วัดและพฤติกรรมบ่งชี้ ตัวชี้วัด พฤติกรรมบ่งชี้ 1.1 เป็นพลเมืองดีของชาติ 1.1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ ร้องเพลงชาติ และอธิบายความหมาย ของเพลงชาติได้ถูกต้อง 1.1.2 ปฏิบัติตนตามสิทธิ และหน้าที่พลเมืองดีของชาติ 1.1.3 มีความสามัคคี ปรองดอง 1.2 ธำรงไว้ซึ่งความเป็น ชาติไทย 1.2.1 เข้าร่วม ส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี ปรองดอง ที่เป็น ประโยชน์ต่อโรงเรียน ชุมชนและสังคม 1.2.2 หวงแหน ปกป้อง ยกย่องความเป็นชาติไทย ตัวชี้วัด พฤติกรรมบ่งชี้ 1.3 ศรัทธา ยึดมั่นและปฏิบัติตน ตามหลักของศาสนา 1.3.1 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ 1.3.2 ปฏิบัติตนตามหลักของศาสนาที่ตนนับถือ 1.3.3 เป็นแบบอย่างที่ดีของศาสนิกชน 1.4 เคารพเทิดทูนสถาบัน พระมหากษัตริย์ 1.4.1 เข้าร่วมและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ 1.4.2 แสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ 1.4.3 แสดงออกซึ่งความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์


38 เกณฑ์การให้คะแนน ระดับประถมศึกษา ตัวชี้วัดที่ 1.1 เป็นพลเมืองดีของชาติ พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยี่ยม(3) 1.1.1 ยืนตรง เคารพธงชาติ ร้อง เพลงชาติ และ อธิบายความหมาย ของเพลงชาติ ได้ถูกต้อง 1.1.2 ปฏิบัติ ตนตามสิทธิ หน้าที่ พลเมืองดีของชาติ 1.1.3 มีความ สามัคคีปรองดอง ไม่ยืนตรงเคารพธงชาติ ยืนตรงเมื่อได้ยินเพลง ชาติ ร้องเพลงชาติและ อธิบายความหมายของ เพลงชาติได้ถูกต้อง ปฏิบัติตนตามสิทธิและ หน้าที่ของนักเรียน และให้ความร่วมมือ ร่วมใจในการทำ กิจกรรมกับสมาชิกใน ชั้นเรียน ยืนตรงเมื่อได้ยินเพลง ชาติ ร้องเพลงชาติ และอธิบาย ความหมายของเพลง ชาติได้ถูกต้อง ปฏิบัติ ตนตามสิทธิและหน้าที่ ของนักเรียนและให้ ความร่วมมือร่วมใจใน การทำกิจกรรมกับ สมาชิกในโรงเรียน ยืนตรงเมื่อได้ยินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติ และอธิบาย ความหมายของเพลงชาติ ได้ถูกต้อง ปฏิบัติตนตาม สิทธิและหน้าที่ของ พลเมืองดี และให้ความ ร่วมมือร่วมใจในการทำ กิจกรรมกับสมาชิกใน โรงเรียนและชุมชน ตัวชี้วัดที่ 1.2 ธำรงไว้ซึ่งความเป็นชาติไทย พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยี่ยม(3) 1.2.1 เข้าร่วม ส่งเสริมสนับสนุน กิจกรรมที่สร้าง ความสามัคคี ปรองดอง ที่เป็นประโยชน์ ต่อโรงเรียน ชุมชนและสังคม 1.2.2 หวงแหน ปกป้อง ยกย่อง ความ เป็นชาติไทย ไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่ สร้างความสามัคคี เข้าร่วมกิจกรรมที่สร้าง ความสามัคคี ปรองดอง และเป็น ประโยชน์ต่อโรงเรียน และชุมชน เข้าร่วมกิจกรรม และมี ส่วนร่วมในการจัด กิจกรรมที่สร้างความ สามัคคี ปรองดองและเป็น ประโยชน์ต่อโรงเรียน และชุมชน เข้าร่วมกิจกรรม และมี ส่วนร่วมในการจัด กิจกรรมที่สร้างความ สามัคคี ปรองดองและ เป็นประโยชน์ต่อ โรงเรียน ชุมชน และ สังคม ชื่นชมในความ เป็นชาติไทย ตัวชี้วัดที่ 1.3 ศรัทธา ยึดมั่น และปฏิบัติตนตามหลักของศาสนา พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยี่ยม(3) 1.3.1 เข้าร่วม กิจกรรมทางศาสนา ที่ตนนับถือ 1.3.2 ปฏิบัติตน ตามหลักของศาสนา ที่ตนนับถือ 1.3.3 เป็นแบบอย่างที่ ดีของศาสนิกชน ไม่เข้าร่วมกิจกรรม ทางศาสนาที่ตน นับถือ เข้าร่วมกิจกรรม ทางศาสนาที่ตนนับถือ และปฏิบัติตนตามหลัก ของศาสนาตามโอกาส เข้าร่วมกิจกรรมทาง ศาสนาที่ตนนับถือและ ปฏิบัติตนตามหลักของ ศาสนาอย่างสม่ำเสมอ เข้าร่วมกิจกรรม ทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตนตามหลักของ ศาสนาอย่างสม่ำเสมอ และเป็นแบบอย่างที่ดี ของศาสนิกชน


39 ตัวชี้วัดที่ 1.4 เคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยี่ยม(3) 1.4.1 เข้าร่วม และมีส่วนร่วม ในการจัดกิจกรรมที่ เกี่ยวกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ 1.4.2 แสดง ความสำนึกใน พระมหากรุณาธิคุณ ขอพระมหากษัตริย์ 1.4.3 แสดงออกซึ่งความ จงรักภักดีต่อสถาบัน พระมหากษัตริย์ ไม่เข้าร่วมกิจกรรม ที่เกี่ยวกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ เข้าร่วมกิจกรรมที่ เกี่ยวกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ ตามที่โรงเรียนและ ชุมชนจัดขึ้น เข้าร่วมกิจกรรม และมี ส่วนร่วมในการจัด กิจกรรมที่เกี่ยวกับ สถาบันพระมหากษัตริย์ ตามที่โรงเรียนและ ชุมชนจัดขึ้น เข้าร่วมกิจกรรมและมี ส่วนร่วมในการจัด กิจกรรมที่เกี่ยวกับ สถาบัน พระมหากษัตริย์ ตามที่โรงเรียนและ ชุมชนจัดขึ้นชื่นชมใน พระราชกรณียกิจ พระปรีชาสามารถของ พระมหากษัตริย์ และพระราชวงศ์ ข้อที่ 2 ซื่อสัตย์สุจริต นิยาม ซื่อสัตย์สุจริต หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการยึดมั่นในความถูกต้องประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อ ตนเองและผู้อื่นทั้งทางกาย วาจา ใจผู้ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต คือ ผู้ที่ประพฤติตรงตามความเป็นจริงทั้งทางกาย วาจา ใจ และยึด หลักความจริง ความถูกต้องในการดำเนินชีวิตมีความละอายและเกรงกลัวต่อการกระทำผิด ตัวชี้วัด 2.1 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อตนเองทั้งทางกาย วาจา ใจ 2.2 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อผู้อื่นทั้งทางกาย วาจา ใจ ตัวชี้วัดและพฤติกรรมบ่งชี้ ตัวชี้วัด พฤติกรรมบ่งชี้ 2.1 ประพฤติตรงตาม ความเป็นจริงต่อตนเองทั้งทางกาย วาจา ใจ 2.1.1 ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริง 2.1.2 ปฏิบัติตนโดยคำนึงถึงความถูกต้องละอายและเกรงกลัว ต่อการกระทำผิด 2.1.3 ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา 2.2 ประพฤติตรงตาม ความเป็นจริงต่อผู้อื่นทั้งทางกาย วาจา ใจ 2.2.1 ไม่ถือเอาสิ่งของหรือผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง 2.2.2 ปฏิบัติตนต่อผู้อื่นด้วยความซื่อตรง 2.2.3 ไม่หาประโยชน์ในทางที่ไม่ถูกต้อง เกณฑ์การให้คะแนน ระดับประถมศึกษา ตัวชี้วัดที่ 2.1 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อตนเองทั้งทางกาย วาจา ใจ พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยี่ยม(3) 2.1.1 ให้ข้อมูลที่ ถูกต้องและเป็นจริง 2.1.2 ปฏิบัติตน โดยคำนึงถึงความ ถูกต้องละอายและ เกรงกลัวต่อการ กระทำผิด 2.1.3 ปฏิบัติตาม คำมั่นสัญญา ไม่ให้ข้อมูลที่ ถูกต้องและเป็นจริง ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจริง ปฏิบัติในสิ่งที่ ถูกต้อง ทำตาม สัญญาที่ตนให้ไว้ กับเพื่อน พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และครู ละอาย และเกรงกลัว ที่จะทำความผิด ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริง ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องทำตามสัญญา ที่ตนให้ไว้กับเพื่อนพ่อแม่ หรือ ผู้ปกครอง และครู ละอายและเกรง กลัวที่จะทำความผิด ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและ เป็นจริง ปฏิบัติในสิ่งที่ ถูกต้อง ทำตามสัญญาที่ ตนให้ไว้กับเพื่อน พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และครู ละอายและ เกรงกลัวที่ จะทำความผิดเป็นแบบ อย่างที่ดีด้านความ ซื่อสัตย์


40 ตัวชี้วัดที่ 2.2 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อผู้อื่นทั้งทางกาย วาจา ใจ พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยี่ยม(3) 2.2.1 ไม่ถือเอาสิ่งของหรือ ผลงานของผู้อื่นมาเป็นของ ตนเอง 2.2.2 ปฏิบัติตนต่อ ผู้อื่นด้วยความซื่อตรง 2.2.3 ไม่หาประโยชน์ นำสิ่งของของ คนอื่นมาเป็น ของตนเอง ไม่นำสิ่งของ และ ผลงานของผู้อื่นมาเป็น ของตนเอง ปฏิบัติตน ต่อผู้อื่นด้วยความ ซื่อตรง ไม่นำสิ่งของ และผลงานของ ผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ปฏิบัติ ตนต่อผู้อื่นด้วยความซื่อตรง ไม่หา ไม่นำสิ่งของ และผลงานของ ผู้อื่นมาเป็นของตนเองปฏิบัติ ตนต่อผู้อื่นด้วยความซื่อตรง ข้อที่ 3 มีวินัย นิยาม มีวินัย หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการยึดมั่นในข้อตกลง กฎเกณฑ์ และระเบียบข้อบังคับ ของครอบครัว โรงเรียน และสังคม ผู้ที่มีวินัย คือ ผู้ที่ปฏิบัติตนตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว โรงเรียน และสังคมเป็นปกติวิสัย ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ตัวชี้วัด 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบังคับของครอบครัว โรงเรียน และสังคม ตัวชี้วัดและพฤติกรรมบ่งชี้ ตัวชี้วัด พฤติกรรมบ่งชี้ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ระเบียบ ข้อบังคับ ของครอบครัว โรงเรียน และสังคม 3.1.1 ปฏิบัติตน ตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ ของครอบครัว โรงเรียนและสังคม ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น 3.1.2 ตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน และ รับผิดชอบในการทำงาน เกณฑ์การให้คะแนน ระดับประถมศึกษา ตัวชี้วัดที่ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว โรงเรียนและสังคม พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยี่ยม(3) 3.1.1 ปฏิบัติตนตาม ข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบังคับของ ครอบครัว โรงเรียน และสังคม ไม่ละเมิด สิทธิของผู้อื่น 3.1.2 ตรงต่อเวลาใน การปฏิบัติกิจกรรม ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และ รับผิดชอบในการทำงาน ไม่ปฏิบัติตนตาม ข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ ของครอบครัวและ โรงเรียน ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว และโรงเรียน ตรงต่อ เวลาในการปฏิบัติ กิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิต ประจำวัน ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ ของครอบครัว และโรงเรียน ตรงต่อ เวลาในการปฏิบัติ กิจกรรมต่างๆ ใน ชีวิตประจำวัน และ รับผิดชอบในการทำงาน ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว โรงเรียนและสังคม ไม่ ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ตรงต่อเวลาในการ ปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และ รับผิดชอบในการทำงาน ข้อที่ 4 ใฝ่เรียนรู้ นิยาม ใฝ่เรียนรู้ หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงความตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียน แสวงหา ความรู้จากแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ผู้ที่ใฝ่เรียนรู้ คือ ผู้ที่มีลักษณะซึ่งแสดงออกถึงความตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้าร่วม กิจกรรมการเรียนรู้ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการเลือกใช้สื่ออย่าง เหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ายทอด เผยแพร่ และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้


41 ตัวชี้วัด 4.1 ตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ 4.2 แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ด้วยการเลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม สรุปเป็นองค์ความรู้ และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ตัวชี้วัดและพฤติกรรมบ่งชี้ ตัวชี้วัด พฤติกรรมบ่งชี้ 4.1 ตั้งใจ เพียรพยายาม ในการเรียนและเข้าร่วมกิจกรรม การเรียนรู้ 4.1.1 ตั้งใจเรียน 4.1.2 เอาใจใส่และมีความเพียรพยายามในการเรียนรู้ 4.1.3 สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ 4.2 แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ด้วยการเลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม สรุปเป็นองค์ความรู้และสามารถ นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ 4.2.1 ศึกษาค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ สื่อ เทคโนโลยีต่างๆ แหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน และ เลือกใช้สื่อได้อย่างเหมาะสม 4.2.2 บันทึกความรู้วิเคราะห์ตรวจสอบ จากสิ่งที่เรียนรู้สรุปเป็นองค์ความรู้ 4.2.3 แลกเปลี่ยนความรู้ ด้วยวิธีการต่างๆ และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เกณฑ์การให้คะแนน ระดับประถมศึกษา ตัวชี้วัดที่ 4.1 ตั้งใจ เพียรพยายาม ในการเรียนและเข้าร่วม กิจกรรม พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยี่ยม(3) 4.1.1 ตั้งใจเรียน 4.1.2 เอาใจใส่และมี ความเพียรพยายามใน การเรียนรู้ 4.1.3 เข้าร่วมกิจกรรม การเรียนรู้ต่างๆ ไม่ตั้งใจเรียน เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจ เรียน เอาใจใส่ในการ เรียน มีส่วนร่วมในการ เรียนรู้และเข้าร่วม กิจกรรมการเรียนรู้ ต่างๆ เป็นบางครั้ง เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน เอาใจใส่ และมีความเพียร พยายามในการเรียนรู้ มีส่วนร่วมในการ เรียนรู้และเข้าร่วม กิจกรรมการเรียนรู้ ต่างๆ บ่อยครั้ง เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจ เรียน เอาใจใส่ และมีความ เพียรพยายามใน การเรียนรู้ มีส่วนร่วมใน การเรียนรู้และเข้าร่วม กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก โรงเรียนเป็นประจำ ตัวชี้วัดที่ 4.2 แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ ต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ด้วยการเลือกใช้สื่อ อย่างเหมาะสม สรุปเป็นองค์ความรู้ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยี่ยม(3) 4.2.1 ศึกษาค้นคว้า หาความรู้จากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ สื่อ เทคโนโลยีต่าง ๆแหล่ง เรียนรู้ทั้งภายในและ ภายนอกโรงเรียน และเลือกใช้สื่อ ได้อย่างเหมาะสม 4.2.2 บันทึกความรู้ วิเคราะห์ข้อมูล จากสิ่งที่ เรียนรู้สรุปเป็นองค์ ความรู้ 4.2.3 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้วยวิธีการต่าง ๆและ นำไปใช้ใน ชีวิตประจำวัน ไม่ศึกษาค้นคว้าหา ความรู้ ศึกษาค้นคว้าความรู้จาก หนังสือเอกสาร สิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี แหล่งเรียนรู้ ทั้งภายในและภายนอก โรงเรียน เลือกใช้สื่อ ได้อย่างเหมาะสม และมี การ บันทึกความรู้ ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ จากหนังสือเอกสาร สิ่งพิมพ์ สื่อ เทคโนโลยี และสารสนเทศแหล่ง เรียนรู้ ทั้งภายในและ ภายนอกโรงเรียน และเลือกใช้สื่อได้ อย่างเหมาะสม มีการบันทึกความรู้ วิเคราะห์ข้อมูล สรุป เป็นองค์ความรู้ และ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ ผู้อื่นได้ ศึกษาค้นคว้าหาความรู้จาก หนังสือเอกสาร สิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และ สารสนเทศ แหล่งเรียนรู้ ทั้งภายในและภายนอก โรงเรียน เลือกใช้สื่อได้ อย่างเหมาะสม มีการ บันทึกความรู้ วิเคราะห์ ข้อมูล สรุปเป็นองค์ความรู้ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้วยวิธีการที่หลากหลาย และนำไปใช้ใน ชีวิตประจำวัน


42 ข้อที่ 5 อยู่อย่างพอเพียง นิยาม อยู่อย่างพอเพียง หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการดำเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี และปรับตัวเพื่ออยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ผู้ที่อยู่อย่างพอเพียง คือ ผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างประมาณตน มีเหตุผล รอบคอบ ระมัดระวัง อยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วย ความรับผิดชอบ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เห็นคุณค่าของทรัพยากรต่างๆ มีการวางแผนป้องกันความเสี่ยงและพร้อมรับการ เปลี่ยนแปลง ตัวชี้วัด 5.1. ดำเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม 5.2 มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ปรับตัวเพื่ออยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ตัวชี้วัดและพฤติกรรมบ่งชี้ ตัวชี้วัด พฤติกรรมบ่งชี้ 5.1 ดำเนินชีวิตอย่าง พอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม 5.1.1ใช้ทรัพย์สินของตนเอง เช่น เงิน สิ่งของ เครื่องใช้ ฯลฯ อย่างประหยัดคุ้มค่าและเก็บรักษาดูแลอย่างดีรวมทั้งการใช้เวลาอย่างเหมาะสม 5.1.2 ใช้ทรัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยัดคุ้มค่าและเก็บรักษาดูแลอย่างดี 5.1.3 ปฏิบัติตนและตัดสินใจด้วยความรอบคอบ มีเหตุผล 5.1.4ไม่เอาเปรียบผู้อื่นและไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน พร้อมให้อภัย เมื่อผู้อื่นกระทำผิดพลาด 5.2 มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ปรับตัวเพื่ออยู่ใน สังคมได้อย่างมีความสุข 5.2.1วางแผนการเรียน การทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันบนพื้นฐานของความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร 5.2.2 รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม ยอมรับและปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข เกณฑ์การให้คะแนน ระดับประถมศึกษา ตัวชี้วัดที่ 5.1 ดำเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยี่ยม(3) 5.1.1ใช้ทรัพย์สินของ ตนเอง เช่น เงิน สิ่งของเครื่องใช้ ฯลฯ อย่าง ประหยัด คุ้มค่าและเก็บ รักษาดูแลอย่างดีรวมทั้งการใช้เวลาอย่าง เหมาะสม 5.1.2 ใช้ทรัพยากรของ ส่วนรวมอย่างประหยัดคุ้มค่าและเก็บ รักษาดูแล อย่างดี 5.1.3 ปฏิบัติตนและตัดสินใจด้วย ความรอบคอบ มีเหตุผล 5.1.4 ไม่เอาเปรียบผู้อื่นและไม่ทำ ให้ผู้อื่นเดือดร้อน พร้อมให้อภัย เมื่อ ผู้อื่นกระทำผิดพลาด ใช้เงินและของใช้ ส่วนตัวอย่างไม่ ประหยัด ใช้ทรัพย์สินของ ตนเองและ ทรัพยากรของ ส่วนรวมอย่าง ประหยัด คุ้มค่า เก็บรักษาดูแล อย่างดีรอบคอบ มีเหตุผล ใช้ทรัพย์สินของ ตนเองและ ทรัพยากรของ ส่วนรวม อย่าง ประหยัด คุ้มค่า เก็บรักษาดูแล อย่างดี รอบคอบ มีเหตุผล ไม่เอาเปรียบผู้อื่น และไม่ทำให้ผู้อื่น เดือดร้อน ใช้ทรัพย์สินของ ตนเองและ ทรัพยากรของ ส่วนรวม อย่าง ประหยัด คุ้มค่า เก็บรักษาดูแล อย่างดี รอบคอบ มีเหตุผล ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ไม่ทำให้ผู้อื่น เดือดร้อน และให้ อภัยเมื่อผู้อื่น กระทำผิดพลาด


43 ตัวชี้วัดที่ 5.2 มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ปรับตัวเพื่ออยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยี่ยม(3) 5.2.1 วางแผนการเรียน การทำงานและการใช้ ชีวิตประจำวันบนพื้นฐานของ ความรู้ ข้อมูลข่าวสาร 5.2.2 รู้เท่าทันการ เปลี่ยนแปลงของสังคม และสภาพแวดล้อม ยอมรับ และปรับตัวอยู่ ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมี ความสุข ไม่วางแผนการ เรียนและการใช้ ชีวิตประจำวัน ใช้ ความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ในการวาง แผนการเรียน การทำงานและใช้ ในชีวิตประจำวัน รับรู้การ เปลี่ยนแปลงของ ครอบครัว ชุมชนและ สภาพแวดล้อม ใช้ ความรู้ ข้อมูล ข่าวสารในการวาง แผนการเรียน การทำงานและ ใช้ในชีวิตประจำวัน ยอมรับการ เปลี่ยนแปลงของ ครอบครัวชุมชน สังคม และ สภาพแวดล้อม ใช้ ความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ในการวางแผนการเรียน การทำงานและใช้ใน ชีวิตประจำวัน ยอมรับ การเปลี่ยนแปลงของ ครอบครัว ชุมชน สังคม สภาพแวดล้อม และ ปรับตัวอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ อย่างมีความสุข ข้อที่ 6 มุ่งมั่นในการทำงาน นิยาม มุ่งมั่นในการทำงาน หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงความตั้งใจและรับผิดชอบในการทำ หน้าที่การงาน ด้วยความเพียรพยายาม อดทน เพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย ผู้ที่มุ่งมั่นในการทำงาน คือ ผู้ที่มีลักษณะซึ่งแสดงออกถึงความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับ มอบหมายด้วยความเพียรพยายาม ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วง ตามเป้าหมายที่ กำหนดด้วยความรับผิดชอบ และมีความภาคภูมิใจในผลงาน ตัวชี้วัด 6 .1 ตั้งใจและรับผิดชอบในหน้าที่การงาน 6 .2 ทำงานด้วย ความเพียรพยายาม และ อดทนเพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย ตัวชี้วัดและพฤติกรรมบ่งชี้ ตัวชี้วัด พฤติกรรมบ่งชี้ 6 .1 ตั้งใจและรับผิดชอบ ในการปฏิบัติหน้าที่ การงาน 6 .1.1 เอาใจใส่ต่อการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 6 .1.2 ตั้งใจและรับผิดชอบในการทำงานให้สำเร็จ 6 .1.3 ปรับปรุงและพัฒนาการทำงานด้วยตนเอง 6 .2 ทำงานด้วย ความ เพียร พยายาม และ อดทนเพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย 6 .2.1 ทุ่มเททำงาน อดทน ไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน 6 .2.2 พยายามแก้ปัญหาและอุปสรรคในการทำงานให้สำเร็จ 6 .2.3 ชื่นชมผลงานด้วยความภาคภูมิใจ เกณฑ์การให้คะแนน ระดับประถมศึกษา ตัวชี้วัดที่ 6 .1 ตั้งใจและรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่การงาน พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยี่ยม(3) 6.1.1 เอาใจใส่ ต่อการปฏิบัติหน้าที่ที่ ได้รับมอบหมาย 6.1.2 ตั้งใจและ รับผิดชอบในการ ทำงานให้สำเร็จ 6.1.3 ปรับปรุง และพัฒนาการ ทำงานด้วยตนเอง ไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ การงาน ตั้งใจและรับผิดชอบใน การปฏิบัติหน้าที่ที่ ได้รับมอบหมายให้ สำเร็จ มีการปรับปรุง การทำงานให้ดีขึ้น ตั้งใจและรับผิดชอบใน การปฏิบัติหน้าที่ที่ ได้รับมอบหมายให้ สำเร็จ มีการปรับปรุง และพัฒนาการทำงาน ให้ดีขึ้น ตั้งใจและรับผิดชอบ ในการปฏิบัติหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายให้ สำเร็จ มีการปรับปรุงและ พัฒนาการทำงานให้ ดีขึ้นด้วยตนเอง


Click to View FlipBook Version