The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การสร้างเครือข่าย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ณปภัช หนองหว้า, 2019-06-04 03:49:40

การสร้างเครือข่าย

การสร้างเครือข่าย

หน่วยท่ี 1

การสร้างเครือข่าย
(NETW[วนั ท่ี]ORKING)

การสรา้ งเครอื ขา่ ย (Networking)

ความหมาย
เครือข่าย (Network) คือ การเช่ือมโยงของกลุ่มของคนหรือกลุ่มองค์กรที่สมัครใจ ท่ีจะ

แลกเปลี่ยนข่าวสารร่วมกนั หรือทากิจกรรมร่วมกัน โดยมีการจดั ระเบียบโครงสรา้ งของคนใน

เครือข่ายดว้ ยความเป็ นอิสระ เท่าเทียมกนั ภายใตพ้ ้ ืนฐานของความเคารพสิทธิ เช่ือถือ เอ้ ืออาทร

ซ่ึงกนั และกนั

ประเด็นสาคญั ของนิยามขา้ งตน้ คือ
➢ ความสมั พนั ธต์ อ้ งเป็ นไปโดยสมคั รใจ
➢ กิจกรรมท่ีทาตอ้ งมีลกั ษณะเท่าเทียมหรือแลกเปลี่ยนซึ่งกนั และกนั
➢ การเป็ นสมาชิก ตอ้ งไม่มีผลกระทบต่อความเป็ นอิสระหรือความเป็ นตัวของตัวเองของคน

หรือองคก์ รน้ัน ๆ

การเชื่อมโยงในลกั ษณะของเครือข่าย จะตอ้ งพัฒนาไปสู่ระดับของการลงมือทากิจกรรม

ร่วมกันเพ่ือใหบ้ รรลุเป้ าหมายร่วมกนั ดว้ ย ดงั น้ัน เครือข่ายตอ้ งมีการจดั ระบบใหก้ ลุ่มบุคคลหรือ

องคก์ รที่เป็ นสมาชิกดาเนินกิจกรรมบางอยา่ งร่วมกนั เพื่อนาไปส่จู ุดหมายท่ีเห็นพอ้ งตอ้ งกนั ซ่ึงอาจ

เป็ นกิจกรรมเฉพาะกิจตามความจาเป็ น เม่ือภารกิจบรรลุเป้ าหมายแลว้ เครือขา่ ยก็อาจยุบสลายไป

แต่ถา้ มีความจาเป็ นหรือมีภารกิจใหม่อาจกลบั มารวมตัวกันไดใ้ หม่ หรือจะเป็ นเครือข่ายที่ดาเนิน

กิจกรรมอยา่ งต่อเน่ืองระยะยาวก็ได้

องคป์ ระกอบของเครอื ข่าย
เครือข่ายเทียม (Pseudo network) หมายถึงเครือข่ายชนิดท่ีเราหลงผิดคิดว่าเป็ นเครือข่าย

แต่แทจ้ ริงแลว้ เป็ นแค่การชุมนุมพบปะสงั สรรคร์ ะหวา่ งสมาชิก โดยที่ต่างคนต่างก็ไม่ไดม้ ีเป้ าหมาย

ร่วมกนั และไม่ไดต้ ้งั ใจท่ีจะทากิจกรรมร่วมกนั เป็ นการรวมกลุ่มแบบเฮโลสาระพา หรือรวมกนั ตาม

กระแสนิยมที่ไม่มีวตั ถุประสงคช์ ดั เจน ดงั น้ัน การทาความเขา้ ใจกบั องคป์ ระกอบของเครือข่ายจึงมี

ความสาคญั เพื่อชว่ ยใหส้ มาชิกสามารถสรา้ งเครือขา่ ยแทแ้ ทนการสรา้ งเครือขา่ ยเทียม
เครอื ข่าย (แท)้ มีองคป์ ระกอบสาคญั อยอู่ ยา่ งนอ้ ย 7 อยา่ งดว้ ยกนั คือ

1. มีการรบั รแู้ ละมุมมองท่ีเหมอื นกนั (common perception)
2. การมีวิสยั ทศั น์ร่วมกนั (common vision)
3. มีความสนใจหรือมผี ลประโยชน์ร่วมกนั (mutual interests/benefits)
4. การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกทุกคนในเครือขา่ ย (stakeholders participation)
5. มีการเสริมสรา้ งซ่ึงกนั และกนั (complementary relationship)
6. มีการเก้ ือหนุนพึ่งพากนั (interdependent)

7. มีปฏิสมั พนั ธก์ นั ในเชิงแลกเปลี่ยน (interaction)

มีการรบั รูม้ ุมมองทีเ่ หมือนกนั (common perception)
ตอ้ งมีความรสู้ ึกนึกคิดและการรบั รเู้ หมือนกนั ถึงเหตุผลในการเขา้ มาร่วมกนั เป็ นเครือข่าย เช่น

มีความเขา้ ใจในตวั ปัญหาและมีจิตสานึกในการแกไ้ ขปัญหาร่วมกนั ประสบกบั ปัญหาอย่างเดียวกนั
หรือตอ้ งการความช่วยเหลือในลักษณะที่คลา้ ยคลึงกัน ซึ่งจะส่งผลใหส้ มาชิกของเครือข่ายเกิด
ความรูส้ ึกผกู พนั ในการดาเนินกิจกรรมร่วมกนั เพื่อแกป้ ัญหาหรือลดความเดือดรอ้ นท่ีเกิดข้ นึ

การรบั รูร้ ่วมกนั ถือเป็ นหัวใจของเครือข่ายที่ทาใหเ้ ครือข่ายดาเนินไปอย่างต่อเน่ือง เพราะถา้
เริ่มตน้ ดว้ ยการรบั รทู้ ่ีต่างกนั มีมุมมองหรือแนวคิดที่ไม่เหมอื นกนั แลว้ จะประสานงานและขอความ
ร่วมมือยาก เพราะแต่ละคนจะติดอยู่ในกรอบความคิดของตัวเอง มองปัญหาหรือความตอ้ งการไป
คนละทิศละทาง แต่ท้ังน้ ีมิได้หมายความว่าสมาชิกของเครือข่ายจะมีความเห็นท่ีต่างกันไม่ได้
เพราะมุมมองท่ีแตกต่างช่วยใหเ้ กิดการสรา้ งสรรค์ ในการทางาน แต่ความแตกต่างน้ันตอ้ งอยู่ใน
ส่วนของกระบวนการ (process) ภายใต้การรับรูถ้ ึงปั ญหาท่ีสมาชิกทุกคนยอมรับแลว้ มิฉะน้ัน
ความเห็นท่ีต่างกนั จะนาไปสคู่ วามแตกแยกและแตกหกั ในท่ีสุด

การมีวิสยั ทศั นร์ ว่ มกนั (common vision)
วสิ ยั ทศั น์รว่ มกนั หมายถึงการที่สมาชิกมองเห็นจดุ มุ่งหมายในอนาคตทเี่ ป็ นภาพเดียวกนั มี

การรบั รูแ้ ละเขา้ ใจไปในทิศทางเดียวกนั และมีเป้ าหมายที่จะเดินทางไปดว้ ยกนั การมีวิสยั ทัศน์
ร่วมกันจะทาใหก้ ระบวนการขบั เคลื่อนเกิดพลัง มีความเป็ นเอกภาพ และช่วยผ่อนคลายความ
ขดั แยง้ อนั เนื่องมาจากความคิดเห็นท่ีแตกต่างกนั ในทางตรงกนั ขา้ ม ถา้ วิสยั ทัศน์หรือเป้ าหมาย
ของสมาชิกบางกลุ่มขดั แยง้ กบั วิสยั ทศั น์หรือเป้ าหมายของเครือขา่ ย พฤติกรรมของสมาชิกกลุ่มน้ัน
ก็จะเร่ิมแตกต่างจากแนวปฎิบตั ิท่ีสมาชิกเครือข่ายกระทาร่วมกนั ดงั น้ัน แมว้ ่าจะตอ้ งเสียเวลามาก
กบั ความพยายามในการสรา้ งวิสยั ทัศน์ร่วมกัน แต่ก็จาเป็ นจะตอ้ งทาใหเ้ กิดข้ ึน หรือถา้ สมาชิกมี
วิสยั ทัศน์ส่วนตัวอยู่แลว้ ก็ตอ้ งปรับใหส้ อดคลอ้ งกับวิสยั ทัศน์ของเครือข่ายใหม้ ากท่ีสุดแมจ้ ะไม่
ซอ้ นทบั กนั แนบสนิทจนเป็ นภาพเดียวกนั แต่อยา่ งนอ้ ยก็ควรสอดรบั ไปในทิศทางเดียวกนั

มีความสนใจหรอื ผลประโยชนร์ ่วมกนั ( mutual interests/benefits)
คาว่าผลประโยชน์ในท่ีน้ ีครอบคลุมท้งั ผลประโยชน์ที่เป็ นตัวเงินและผลประโยชน์ไม่ใช่ตัว

เงิน ถา้ การเขา้ ร่วมในเครือข่ายสามารถตอบสนองต่อความตอ้ งการของเขาหรือมีผลประโยชน์
รว่ มกนั ก็จะเป็ นแรงจงู ใจใหเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ มในเครือขา่ ยมากข้ ึน

ดงั น้ัน ในการที่จะดึงใครสกั คนเขา้ มามีส่วนร่วมในการดาเนินงานของเครือขา่ ย จาเป็ นตอ้ ง
คานึงถึงผลประโยชน์ที่เขาจะไดร้ บั จากการเขา้ ร่วม ถา้ จะใหด้ ีตอ้ งพิจารณาล่วงหน้าก่อนที่เขาจะรอ้ ง

ขอ ลกั ษณะของผลประโยชน์ท่ีสมาชิกแต่ละคนจะไดร้ บั อาจแตกต่างกัน แต่ควรตอ้ งใหท้ ุกคนและ
ตอ้ งเพียงพอที่จะเป็ นแรงจงู ใจใหเ้ ขาเขา้ มีส่วนร่วมในทางปฎิบตั ิไดจ้ ริง ไม่ใช่เป็ นเขา้ มาเป็ นเพียงไม้
ประดบั เน่ืองจากมีตาแหน่งในเครือข่าย แต่ไม่ไดร้ ่วมปฎิบตั ิภาระกิจ เมื่อใดก็ตามท่ีสมาชิกเห็นว่า
เขาเสียประโยชน์มากกวา่ ได้ หรือเมื่อเขาไดใ้ นสิ่งที่ตอ้ งการเพียงพอแลว้ สมาชิกเหล่าน้ันก็จะออก
จากเครือขา่ ยไปในท่ีสุด

การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกทุกคนในเครอื ข่าย (stakeholders participation)
การมีส่วนรว่ มของสมาชิกในเครือขา่ ย เป็ นกระบวนการท่ีสาคญั มากในการพฒั นาความเขม้ แข็ง

ของเครือขา่ ย เป็ นเง่ือนไขที่ทาใหเ้ กิดการรว่ มรบั รู้ ร่วมคิด ร่วมตดั สินใจ และร่วมลงมือกระทาอย่าง
เขม้ แข็ง ดงั น้ัน สถานะของสมาชิกในเครือข่ายควรมีความเท่าเทียมกนั ทุกคนอยู่ในฐานะ “หุน้ ส่วน
(partner)” ของเครือข่าย เป็ นความสัมพันธ์ในแนวราบ (horizontal relationship) คือความสัมพันธ์
ฉนั ทเ์ พื่อน มากกว่าความสมั พนั ธใ์ นแนวดิ่ง (vertical relationship) ในลกั ษณะเจา้ นายลกู น้อง ซึ่ง
บางคร้งั ก็ทาใดย้ ากในทางปฎิบตั ิเพราะตอ้ งเปลี่ยนกรอบความคิดของสมาชิกในเครือข่ายโดยการ
สรา้ งบริบทแวดลอ้ มอ่ืนๆ เขา้ มาประกอบ แต่ถา้ ทาไดจ้ ะสรา้ งความเขม้ แข็งใหก้ บั เครือขา่ ยมาก

มีการเสริมสรา้ งซึ่งกนั และกนั ( complementary relationship)
องคป์ ระกอบท่ีจะทาใหเ้ ครือข่ายดาเนินไปอย่างต่อเนื่อง คือ การท่ีสมาชิกของเครือข่ายต่างก็

สรา้ งความเขม้ แข็งใหก้ นั และกนั โดยนาจุดแข็งของฝ่ ายหน่ึงไปช่วยแกไ้ ขจุดอ่อนของอีกฝ่ ายหนึ่ง
แลว้ ทาใหไ้ ดผ้ ลลพั ธเ์ พ่ิมข้ ึนในลกั ษณะพลงั ทวีคูณ (1+1 > 2) มากกว่าผลลพั ธ์ที่เกิดข้ ึนเมื่อต่างคน
ต่างอยู่

การเก้ ือหนุนพงึ่ พากนั ( interdependence )
เป็ นองค์ประกอบที่ทาใหเ้ ครือข่ายดาเนินไปไดอ้ ย่างต่อเน่ืองเช่นเดียวกนั การที่สมาชิก

เครือขา่ ยตกอยใู่ นสภาวะจากดั ท้งั ดา้ นทรพั ยากร ความรู้ เงินทุน กาลงั คน ฯลฯ ไมส่ ามารถทางาน
ใหบ้ รรลุเป้ าหมายอย่างสมบรู ณ์ไดด้ ว้ ยตนเองโดยปราศจากเครือขา่ ย จาเป็ นตอ้ งพึ่งพาซึ่งกนั และ
กันระหว่างสมาชิกในเครือข่าย การทาให้หุ้นส่วนของเครือข่ายยึดโยงกันอย่างเหนี ยวแน่น
จาเป็ นตอ้ งทาใหห้ ุน้ ส่วนแต่ละคนรสู้ ึกว่าหากเอาหุน้ ส่วนคนใดคนหนึ่งออกไปจะทาใหเ้ ครือขา่ ยลม้
ลงได้ การดารงอยู่ของหุน้ ส่วนแต่ละคนจึงเป็ นสิ่งจาเป็ นสาหรับการดารงอยู่ของเครือข่าย การ
เก้ ือหนุนพ่ึงพากนั ในลกั ษณะน้ ีจะส่งผลใหส้ มาชิกมีปฎิสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั โดยอตั โนมตั ิ

มีปฎิสมั พนั ธใ์ นเชิงแลกเปลย่ี น ( interaction )
หากสมาชิกในเครือข่ายไม่มีการปฎิสมั พันธ์กนั แลว้ ก็ไม่ต่างอะไรกบั กอ้ นหินแต่ละกอ้ นที่

รวมกันอยู่ในถุง แต่ละกอ้ นก็อยู่ในถุงอย่างเป็ นอิสระ ดังน้ันสมาชิกในเครือข่ายตอ้ งทากิจกรรม
ร่วมกนั เพ่ือก่อใหเ้ กิดการปฎิสมั พนั ธร์ ะหว่างกนั เช่น มีการติดต่อกนั ผ่านทางการเขียน การพบปะ
พูดคุย การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกนั และกนั หรือมีกิจกรรมประชุมสมั มนาร่วมกนั โดยที่ผล
ของการปฎิสมั พนั ธน์ ้ ีตอ้ งกอ่ ใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงในเครือข่ายตามมาดว้ ย

ลกั ษณะของปฎิสมั พันธ์ระหว่างสมาชิกควรเป็ นการแลกเปลี่ยนกนั (reciprocal exchange)
มากกวา่ ท่ีจะเป็ นผูใ้ หห้ รือเป็ นผูร้ บั ฝ่ ายเดียว (unilateral exchange) ย่ิงสมาชิกมีปฎิสมั พนั ธ์กนั มาก
เท่าใดก็จะเกิดความผูกพันระหว่างกนั มากข้ ึนเท่าน้ัน ทาใหก้ ารเช่ือมโยงแน่นแฟ้ นมากข้ ึน มีการ
เรียนรรู้ ะหวา่ งกนั มากข้ นึ สรา้ งความเขม้ แขง็ ใหก้ บั เครือขา่ ย

องคป์ ระกอบขา้ งตน้ ไม่เพียงแต่จะเป็ นประโยชน์ในการนาไปช่วยจาแนกระหว่างเครือข่าย
แท้ กบั เครือข่ายเทียมเท่าน้ัน แต่ยงั แสดงใหเ้ ห็นถึงปัจจยั ที่จะมีผลต่อการเสริมสรา้ งความเขม้ แข็ง
ของเครือขา่ ยดว้ ย

การก่อเกิดของเครอื ข่าย
เครือขา่ ยแต่ละเครือขา่ ย ต่างมีจุดเร่ิมตน้ หรือถูกสรา้ งมาดว้ ยวธิ ีการต่างๆกนั แบ่งชนิดของ

เครือขา่ ยออกเป็ น 3 ลกั ษณะ คือ
1. เครอื ข่ายท่เี กิดโดยธรรมชาติ

เครือขา่ ยชนิดน้ ีมกั เกิดจากการท่ีผูค้ นมีใจตรงกนั ทางานคลา้ ยคลึงกนั หรือประสบกบั สภาพ
ปั ญหาเดียวกันมาก่อน เขา้ มารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์ ร่วมกัน
แสวงหาทางเลือกใหม่ท่ีดีกว่า การดารงอยู่ของกลุ่มสมาชิกในเครือข่ายเป็ นแรงกระตุน้ ที่เกิดข้ ึน
ภายในตวั สมาชิกเอง (ฉนั ทะ) เครือขา่ ยเชน่ น้ ีมกั เกิดข้ ึนในพ้ ืนที่ อาศยั ความเป็ นเครือญาติ เป็ นคน
ในชุมชนหรือมาจากภูมิลาเนาเดียวกนั ท่ีมีวฒั นธรรมความเป็ นอยคู่ ลา้ ยคลึงกนั มาอยูร่ วมกนั เป็ น
กลุ่มโดยจัดต้ังเป็ นชมรมที่มีกิจกรรมร่วมกันก่อน เม่ือมีสมาชิกเพ่ิมข้ ึนจึงขยายพ้ ืนท่ีดาเนินการ
ออกไป หรือมีการขยายเป้ าหมาย/วตั ถุประสงค์ ของกลุ่มมากข้ ึน ในท่ีสุดก็พฒั นาข้ ึนเป็ นเครือข่าย
เพื่อใหค้ รอบคลุมต่อความตอ้ งการของสมาชิกไดก้ วา้ งขวางข้ ึน

เครือขา่ ยประเภทน้ ี มกั ใชเ้ วลาก่อร่างสรา้ งตวั ที่ยาวนาน แต่เมื่อเกิดข้ ึนแลว้ มกั จะเขม้ แข็ง
ยงั่ ยนื และมแี นวโนม้ ท่ีจะขยายตวั เพิ่มข้ นึ
2. เครอื ข่ายจดั ต้งั

เครือข่ายจดั ต้งั มกั จะมีความเกี่ยวพนั กับนโยบายหรือการดาเนินงานของภาครฐั เป็ นส่วน
ใหญ่ การจดั ต้งั อยู่ในกรอบความคิดเดิมที่ใชก้ ลไกของรฐั ผลกั ดนั ใหเ้ กิดงานที่เป็ นรปู ธรรมโดยเร็ว
และสว่ นมากภาคีหรือสมาชิกท่ีเขา้ รว่ มเครือขา่ ยมกั จะไมไ่ ดม้ พี ้ ืนฐาน ความตอ้ งการ ความคิด ความ

เขา้ ใจ หรือมุมมองในการจัดต้ังเครือข่ายที่ตรงกันมาก่อนท่ีจะเขา้ มารวมตัวกัน เป็ นการทางาน
เฉพาะกิจชวั่ คราวท่ีไมม่ คี วามต่อเน่ือง และมกั จะจางหายไปในที่สุด เวน้ แต่วา่ เครือข่ายจะไดร้ บั การ
ช้ ีแนะท่ีดี ดาเนินงานเป็ นขน้ั ตอนจนสามารถสรา้ งความเขา้ ใจท่ีถูกตอ้ ง เกิดเป็ นความผกู พนั ระหว่าง
สมาชิกจนนาไปส่กู ารพฒั นาเป็ นเครือขา่ ยท่ีแทจ้ ริง อย่างไรก็ตาม แมว้ ่ากลุ่มสมาชิกจะยงั คงรกั ษา
สถานภาพของเครือขา่ ยไวไ้ ด้ แต่มีแนวโนม้ ท่ีจะลดขนาดของเครือขา่ ยลงเม่อื เปรียบเทียบระยะกอ่ ต้งั
3. เครอื ข่ายวิวฒั นาการ

เป็ นการถือกาเนิดโดยไม่ไดเ้ ป็ นไปตามธรรมชาติต้ังแต่แรก และไม่ไดเ้ กิดจากการจดั ต้ัง
โดยตรงแต่มีกระบวนการพัฒนาผสมผสานอยู่ โดยเร่ิมท่ีกลุ่มบุคคล/องค์กรมารวมกันด้วย
วตั ถุประสงค์กวา้ งๆ ในการสนับสนุนกันและเรียนรูไ้ ปดว้ ยกนั โดยยงั ไม่ไดส้ รา้ งเป้ าหมายหรือ
วตั ถุประสงคเ์ ฉพาะที่ชดั เจนนัก หรืออีกลกั ษณะหน่ึงคือถูกจุดประกายความคิดจากภายนอก ไม่วา่
จะเป็ นการไดร้ บั ฟัง หรือการไปไดเ้ ห็นการดาเนินงานของเครือข่ายอ่ืนๆมา แลว้ เกิดความคิดท่ีจะ
รวมตัวกนั สรา้ งพนั ธสญั ญาเป็ นเครือข่ายช่วยเหลือและพฒั นาตนเอง เครือข่ายที่ว่าน้ ีแมจ้ ะไม่ได้
เกิดจากแรงกระตุน้ ภายในโดยตรงต้งั แต่แรก แต่ถา้ สมาชิกมีความต้งั ใจจริงท่ีเกิดจากจิตสานึกท่ีดี
เมื่อไดร้ ับการกระตุน้ และสนับสนุน ก็จะสามารถพัฒนาต่อไปจนกลายเป็ นเครือข่ายท่ีเขม้ แข็ง
ทานองเดียวกนั กบั เครือขา่ ยที่เกิดข้ ึนโดยธรรมชาติ เครือขา่ ยในลกั ษณะน้ ีพบเห็นอยู่มากมาย เช่น
เครือขา่ ยผสู้ งู อายุ เครือขา่ ยโรงเรียนสรา้ งเสริมสุขภาพ เป็ นตน้

การสรา้ งเครอื ข่าย (Networking)
การสรา้ งเครือข่าย หมายถึงการทาใหม้ ีการติดต่อ สนับสนุนใหม้ ีการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ข่าวสาร

และการรว่ มมือกนั ดว้ ยความสมคั รใจ การสรา้ งเครือขา่ ยควรสนับสนุนและอานวยความสะดวก ให้
สมาชิกในเครือขา่ ยมีความพมั พนั ธก์ นั ฉันทเ์ พื่อน ท่ีต่างก็มีความเป็ นอิสระมากกว่าสรา้ งการคบคา้
สมาคมแบบพ่ึงพิง นอกจากน้ ีการสรา้ งเครือข่ายตอ้ งไม่ใช่การสรา้ งระบบติดต่อดว้ ยการเผยแพร่
ขา่ วสารแบบทางเดียว เชน่ การส่งจดหมายข่าวไปใหส้ มาชิกตามรายช่ือ แต่จะตอ้ งมีการแลกเปลี่ยน
ขอ้ มลู ขา่ วสารระหวา่ งกนั ดว้ ย

ความจาเป็ นที่ตอ้ งมีเครอื ข่าย
การพัฒนางานหรือการแกป้ ั ญหาใดๆที่ใชว้ ิธีดาเนินงานในรูปแบบท่ีสืบทอดกันเป็ น

วฒั นธรรมภายในกลุม่ คน หน่วยงาน หรือองคก์ รเดียวกนั จะมีลกั ษณะไมต่ ่างจากการปิ ดประเทศท่ี
ไม่มีการติดต่อส่ือสารกบั ภายนอก การดาเนินงานภายใตก้ รอบความคิดเดิม อาศยั ขอ้ มลู ข่าวสารท่ี
ไหลเวียนอยู่ภายใน ใชท้ รัพยากรหรือสิ่งอานวยความสะดวกที่พอจะหาได้ใกลม้ ือ หรือถ้าจะ
ออกแบบใหม่ก็ตอ้ งใชเ้ วลานานมาก จะเป็ นอุปสรรคต่อการพฒั นางานอย่างย่ิงและไมอ่ าจแกป้ ัญหา
ที่ซบั ซอ้ นได้

การสรา้ ง “เครือข่าย” สามารถช่วยแกป้ ั ญหาขา้ งตน้ ไดด้ ว้ ยการเปิ ดโอกาสใหบ้ ุคคลและ

องคก์ รไดแ้ ลกเปลี่ยนขอ้ มลู ขา่ วสารรวมท้งั บทเรียนและประสบการณก์ บั บุคคลหรือองคก์ รท่ีอยู่นอก

หน่วยงานของตน ลดความซ้าซอ้ นในการทางาน ใหค้ วามร่วมมือและทางานในลักษณะท่ีเอ้ ือ

ประโยชน์ซ่ึงกนั และกนั เสมือนการเปิ ดประตสู โู่ ลกภายนอก

ขอ้ เสนอแนะในการพฒั นาเครอื ข่าย เพือ่ ความยงั ่ ยนื
1. สมาชิกท่ีเขา้ ร่วม ต้องเขา้ ใจเป้ าหมายในการรวมตัวกันว่าจะก่อให้เกิดความสาเร็จใน
ภาพรวม
2. สรา้ งการยอมรบั ในความแตกต่างระหวา่ งสมาชิก ยอมรบั ในรปู แบบและวฒั นธรรมองคก์ ร
ของสมาชิก
3. มีกิจกรรมสมา่ เสมอและมากพอท่ีจะทาใหส้ มาชิกไดท้ างานร่วมกัน เป็ นกิจกรรมที่ตอ้ ง
แน่ใจว่าทาได้ และกระจายงานได้ทัว่ ถึง ควรเลือกกิจกรรมที่ง่ายและมีแนวโน้มประสบ

ผลสาเร็จ อย่าทากิจกรรมท่ียากโดยเฉพาะคร้ังแรกๆ เพราะถา้ ทาไม่สาเร็จอาจทาให้

เครือขา่ ยที่เริ่มก่อตวั เกิดการแตกสลายได้
4. จดั ใหม้ แี ละกระตุน้ ใหม้ กี ารส่ือสารระหวา่ งกนั อยา่ งทวั่ ถึง และสมา่ เสมอ
5. สนับสนุนสมาชิกทุกกลุ่ม และทุกดา้ นท่ีตอ้ งการความช่วยเหลือ เน้นการช่วยเหลือกลุ่ม

สมาชิกที่ยงั ออ่ นแอใหส้ ามารถชว่ ยตนเองได้
6. สรา้ งความสมั พนั ธข์ องบุคลากรในเครือขา่ ย
7. สนับสนุนใหส้ มาชิกไดพ้ ฒั นางานอยา่ งเต็มกาลงั ตามศกั ยภาพและความชานาญที่มีอยู่ โดย

รว่ มกนั ต้งั เป้ าหมายในการพฒั นางานใหก้ บั สมาชิกแต่ละกลุ่ม ส่งผลใหส้ มาชิกแต่ละกลุ่มมี

ความสามารถพิเศษเฉพาะดา้ น เป็ นพ้ ืนฐานในการสรา้ งความหลากหลายและเขม้ แข็ง

ใหก้ บั เครือขา่ ย
8. สรา้ งความสมั พนั ธท์ ่ีแน่นแฟ้ น ระหวา่ งบุคลากรทุกระดบั ของสมาชิกในเครือขา่ ยในลกั ษณะ

ความสมั พนั ธฉ์ นั ทเ์ พ่ือน
9. จดั กิจกรรมใหส้ มาชิกใหมข่ องเครือขา่ ย เพ่ือเชื่อมต่อคนรุ่นเก่ากบั คนรุ่นใหมใ่ นการสืบทอด

ความเป็ นเครือขา่ ยต่อไป
10. จัดใหม้ ีเวทีระหว่างคนทางานเพ่ือพัฒนาหรือแกป้ ั ญหาในการทางานดา้ นต่างๆ อย่าง

สมา่ เสมอ รวมท้งั การใหก้ าลงั ใจซ่ึงกนั และกนั
11. จดั ใหม้ ีช่องทางการทางานร่วมกนั การส่ือสารท่ีง่ายต่อการเขา้ ถึงท่ีทนั สมยั และเป็ นปัจจุบนั

เช่น สรา้ งระบบการสง่ ต่องาน และสรา้ งเวบ็ ไซตเ์ พ่ือเช่ือมโยงเครือขา่ ยเขา้ ดว้ ยกนั

ผูจ้ ดั การเครอื ข่าย
มหี นา้ ที่ในการดแู ลรกั ษาเครือขา่ ยดงั ต่อไปน้ ี

1. ช่วยสรา้ งแรงจูงใจและกระตุน้ สมาชิกรวมตัวกันทางาน โดยมีกิจกรรมเป็ นสื่อ เช่นการ
ประชุมประจาปี การจัดเวทีแลกเปล่ียนขอ้ มูล การแกป้ ั ญหาร่วมกัน การวางแผนและ
ดาเนินการจดั กิจกรรมใหม่

2. สมาชิกแกนนาตอ้ งเปิ ดโอกาสใหม้ ีการส่ือสารระหว่างกัน ส่งข่าวผ่านจดหมาย ข่าวของ
เครือข่าย มีการแลกเปล่ียนขอ้ มูลระหวา่ งกนั เก็บรวมรวมขอ้ มลู และต้งั เป็ นศูนยข์ อ้ มลู ของ
เครือขา่ ยเพื่อใหส้ มาชิกเขา้ ถึง

3. สรา้ งความรกั ความผูกพนั และความไวเ้ น้ ือเชื่อใจระหว่างคนในกลุ่มสมาชิก เร่ิมจดั กิจกรรม
ง่ายๆที่มีโอกาสประสบความสาเร็จร่วมกันก่อน มีกิจกรรมสรา้ งความสัมพันธ์ระหว่าง
บุคลากรในกลุ่มสมาชิกเป็ นประจา จดั เวทีใหม้ ีการพูดคุยกนั อย่างตรงไปตรงมาเม่ือเกิด
ปัญหาขดั แยง้ ระหวา่ งกลุม่ สมาชิก จดั กิจกรรมส่งต่องานที่เกี่ยวขอ้ ง

4. จดั ใหม้ ีกระบวนการตดั สินใจโดยใหส้ มาชิกทุกกลุม่ มีส่วนรว่ ม พยายามสรา้ งสภาพแวดลอ้ ม
ใหม้ ีการเสนอความคิดเห็นอย่างเป็ นอิสระ ไม่รวบอานาจ ควรแบ่งกนั เป็ นผูน้ าตามความ
ถนัด ทาการรวบรวมขอ้ มลู จากสมาชิกทุกกลุ่มก่อนการตดั สินใจเพื่อทาใหเ้ กิดการยอมรบั
และเต็มใจท่ีจะนาผลการตดั สินใจของเครือขา่ ยไปปฎิบตั ิ

5. วางแผนในการประสานงานระหว่างสมาชิก และเชื่อมต่อกบั เครือข่ายอ่ืนๆ จดั ระบบการ
ประสานงานใหค้ ล่องตวั และทวั่ ถึง การประสานงานถือเป็ นหน้าที่หลกั ของสมาชิกแกนนา
เป็ นเคร่ืองมอื ท่ีใชใ้ นการสนับสนุนทุกระดบั ใหส้ าเร็จลุลว่ งดว้ ยดี

คุณสมบตั ขิ องกล่มุ สมาชิกแกนนา
การพฒั นาสมาชิกแกนนาท่ีมีประสิทธิภาพ จะเป็ นตวั อย่างที่ดีใหแ้ ก่กลุ่มสมาชิกเครือขา่ ย

อ่ืนๆ เป็ นท่ียอมรบั และเช่ือถือจากคนภายนอก เป็ นสิ่งจงู ใจท่ีทาใหค้ นภายนอกอยากเขา้ มามีส่วน
รว่ มในกิจกรรมของเครือขา่ ยมากข้ ึน สมาชิกแกนนาจะตอ้ งมีการพฒั นากลุ่มเพื่อใหม้ ีความเขม้ แข็ง
มีวุฒิภาวะสงู มีความเป็ นทีม ประสิทธิภาพสงู มีการรวมตวั ของสมาชิกในกลุม่ สงู มีการสื่อสารทวั่ ถึง
และโปร่งใส มีความไวเ้ น้ ือเชื่อใจระหว่างสมาชิก ใชก้ ระบวนการการตัดสินใจแบบใหท้ ุกคนมีส่วน
ร่วม เคารพความคิดเห็นซึ่งกนั และกัน มีการประสานงานระหว่างสมาชิกใหค้ รบถว้ นไม่ตกหล่น
และเป็ นเอกภาพ ประสานงานกบั องคก์ รภายนอกเครือขา่ ยไดเ้ ป็ นอยา่ งดี

การรกั ษาเครอื ข่าย
ตราบใดที่ภารกิจเครือข่ายยังไม่สาเร็จย่อมมีความจาเป็ นที่จะต้องรักษาเครือข่ายไว้

ประคบั ประคองใหเ้ ครือข่ายสามารถดาเนินการต่อไปได้ และบางกรณีหลงั จากเครือขา่ ยไดบ้ รรลุผล

สาเร็จตามเป้ าหมายแลว้ ก็จาเป็ นตอ้ งรกั ษาความสาเร็จของเครือขา่ ยไว้ หลกั การรกั ษาความสาเร็จ

ของเครือขา่ ย มดี งั น้ ี
1.มีการจดั กิจกรรมร่วมท่ีดาเนินอยา่ งต่อเนื่อง
2.มีการรกั ษาสมั พนั ธภาพท่ีดีระหวา่ งสมาชิกเครือขา่ ย
3.กาหนดกลไกสรา้ งระบบจงู ใจ
4.จดั หาทรพั ยากรสนับสนุนเพียงพอ
5.ใหค้ วามช่วยเหลือและช่วยแกไ้ ขปัญหา
6.มกี ารสรา้ งผูน้ ารุ่นใหมอ่ ยา่ งต่อเน่ือง

1. การจดั กิจกรรมร่วมทีด่ าเนินการอยา่ งตอ่ เนื่อง

เครือขา่ ยจะกา้ วไปสู่ช่วงชีวิตที่ถดถอยหากไมม่ ีกิจกรรมใดๆท่ีสมาชิกของเครือข่ายสามารถ

กระทาร่วมกัน ท้ังน้ ีเนื่องจาก เม่ือไม่มีกิจกรรมก็ไม่มีกลไกท่ีจะดึงสมาชิกเขา้ หากัน สมาชิกของ

เครือขา่ ยก็จะไมม่ โี อกาสปฎิสมั พนั ธก์ นั เมือ่ การปฎิสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสมาชิดลดลงก็สง่ ผลใหเ้ ครือขา่ ย

เร่ิมอ่อนแอ สมาชิกจะเร่ิมสงสยั ในการคงอยู่ของเครือขา่ ย บางคนอาจพาลคิดไปว่าเครือข่ายลม้ เลิก

ไปแลว้

ความยงั่ ยืนของเครือขา่ ยจะเกิดข้ ึนก็ต่อเม่ือไดม้ ีการจดั กิจกรรมท่ีดาเนินการอย่างต่อเนื่อง
จนกระทัง่ กิจกรรมดังกล่าวกลายเป็ นแบบแผน (pattern) ของการกระทาที่สมาชิกของเครือข่าย

ยอมรบั โดยทวั่ กนั ดว้ ยเหตุน้ ี การที่จะรกั ษาเครือข่ายไวไ้ ดต้ อ้ งมีการกาหนดโครงสรา้ งและตาราง

กิจกรรมไวใ้ หช้ ดั เจน ท้งั ในแง่ของเวลา ความถี่ และตอ้ งเป็ นกิจกรรมท่ีน่าสนใจเพียงพอท่ีจะดึงดูด

สมาชิกใหเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรมดังกล่าว ไม่จาเป็ นตอ้ งเป็ นกิจกรรมเดียวที่ใชส้ าหรบั สมาชิกทุกคน ใน

สารวจดูความตอ้ งการเฉพาะของสมาชิกในระดบั ยอ่ ยลงไปในแต่ละคนและแต่ละกลุ่ม กล่าวคือควร

จะมีกิจกรรมย่อยท่ีหลากหลายเพียงพอท่ีจะตอบสนองความสนใจของสมาชิกกลุ่มย่อยในเครือข่าย

ดว้ ย โดยท่ีกิจกรรมเหล่าน้ ีก็ยงั ตอ้ งอยู่ในทิศทางที่จะทาใหบ้ รรลุเป้ าหมายของเครือข่าย กิจกรรม

เหล่าน้ ีอาจจดั ในรูปแบบท่ีเป็ นทางการ เช่น การวางแผนงานร่วมกัน การพบปะเพื่อประเมินผล

ร่วมกนั ประจาทุกเดือน ฯลฯ หรือจดั ในรปู แบบที่ไม่เป็ นทางการ เช่น จดั กีฬาสนั ทนาการระหวา่ ง

สมาชิก จดั งานประเพณีทอ้ งถ่ินร่วมกนั เป็ นตน้ ในกรณีท่ีเครือข่ายครอบคลุมพ้ ืนที่ท่ีกวา้ งขวางมาก

กิจกรรมไมค่ วรรวมศูนยอ์ ยู่เฉพาะส่วนกลาง ควรกระจายจุดพบปะสงั สรรค์หมุนเวียนกนั ไปเพื่อให้

สมาชิกเขา้ ร่วมไดโ้ ดยสะดวก
2. การรกั ษาสมั พนั ธภาพทีด่ ีระหว่างสมาชิกเครือข่าย

สัมพันธภาพท่ีดีเป็ นองค์ประกอบสาคัญยิ่งในการรักษาเครือข่ ายให้ยัง่ ยืนต่อไป

ความสัมพันธ์ที่ดีเป็ นเสมือนน้ามันท่ีคอยหล่อลื่นการทางานร่วมกันใหด้ าเนินไปอย่างราบร่ืน

เม่ือใดท่ีสมาชิกของเครือขา่ ยเกิดความรสู้ ึกบาดหมางไม่เขา้ ใจกนั หรือเกิดความขดั แยง้ ระหว่างกนั

โดยหาขอ้ ตกลงไม่ได้ สัมพันธ ภาพระหว่างสมาชิกก็จะเริ่มแตกรา้ ว ซ่ึงหากไม่มีการแกไ้ ขอย่าง

ทันท่วงที ก็จะนาไปสู่ความเสื่อมถอยและความส้ ินสุดลงของเครือข่ายได้ ดังน้ัน ควรมีการจัด
กิจกรรมท่ีมีจุดประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกโดยเฉพาะ และควรจัดอย่าง
สมา่ เสมอไมใ่ ช่จดั ในช่วงที่มีปัญหาเกิดข้ นึ เท่าน้ัน

นอกจากน้ ีสมาชิกของเครือข่ายพึงตระหนักถึงความสาคญั ของการรกั ษาสมั พนั ธภาพ เพื่อ
หลีกเล่ียงความขดั แยง้ หรือความไม่เขา้ ใจกนั ท่ีอาจเกิดข้ ึน สมาชิกควรแสดงความเป็ นมิตรต่อกัน
เม่ือเกิดความขดั แยง้ ตอ้ งรีบแกไ้ ขและดาเนินการไกล่เกล่ียใหเ้ กิดความเขา้ ใจกนั ใหม่ นอกจากน้ ีควร
มีมาตรการป้ องกนั ปัญหาก่อนท่ีจะเกิดความขดั แยง้ ระหว่างกนั เช่น ในการจดั โครงสรา้ งองคก์ ร
ควรแบ่งอานาจหน้าที่ใหช้ ดั เจน และไม่ซ้าซอ้ น การกาหนดเป้ าหมายการทางานท่ีสมาชิกยอมรบั
รว่ มกนั การจดั สรรทรพั ยากรอยา่ งเพียงพอ การกาหนดผูน้ าที่เหมาะสม การกาหนดกติกาอนั เป็ นที่
ยอมรบั ร่วมกนั เป็ นตน้
3. การกาหนดกลไกสรา้ งระบบจูงใจ

สมาชิกจะยงั เขา้ ร่วมกิจกรรมของเครือข่ายตราบเท่าท่ียงั มีส่ิงจงู ใจเพียงพอท่ีจะดึงดดู ใหเ้ ขา้
ไปมีส่วนร่วม ดงั น้ัน จึงจาเป็ นตอ้ งกาหนดกลไกบางประการที่จะช่วยจงู ใจใหส้ มาชิกเกิดความสนใจ
อยากเขา้ มีส่วนร่วม ซึ่งตามทฤษฎีแรงจูงใจแลว้ ปัจเจกต่างก็มีสิ่งจูงใจท่ีต่างกนั ดงั น้ันควรทาการ
วิเคราะหเ์ พ่ือบ่งช้ ีถึงแรงจงู ใจที่แตกต่างหลากหลายในแต่ละบุคคล แลว้ ทาการจดั กลุ่มของส่ิงจงู ใจที่
ใกลเ้ คียงกนั ออกเป็ นกลุ่ม ๆ อาทิ ค่าตอบแทน เกียรติยศชื่อเสียง การยอมรบั ฯลฯ อันจะนาไปสู่
มาตรการในการสรา้ งแรงจงู ใจสาหรบั บุคคลในแต่ละกลุ่มอยา่ งเฉพาะเจาะจง

ถา้ จาเป็ นจะตอ้ งใหค้ ่าตอบแทนเพ่ือเป็ นส่ิงจงู ใจ ควรเป็ นการแลกเปลี่ยนกบั ผลงานมากกว่า
การใหผ้ ลตอบแทนในลกั ษณะเหมาจ่าย กล่าวคือผูท้ ่ีรบั ค่าตอบแทนตอ้ งสรา้ งผลงานเพื่อเป็ นการ
แลกเปล่ียน โดยผลงานที่ไดต้ อ้ งสนับสนุนและสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคข์ องการพัฒนาเครือข่าย
และควรมีการทาสญั ญาเป็ นลายลกั ษณ์อกั ษรใหช้ ัดเจน เพ่ือสรา้ งทักษะผูกพนั ระหวา่ งผูร้ บั ทุนและ
ผูใ้ ชท้ ุน การใหค้ ่าตอบแทนก็ไม่ควรใหท้ ้งั หมดในงวดเดียว ท้งั น้ ีเพื่อใหม้ ีการปรบั ลดค่าตอบแทนได้
หากผูร้ บั ทุนไมด่ าเนินการตามสญั ญา

ในกรณีท่ีตอ้ งการใหเ้ กียรติยศและช่ือเสียงเป็ นส่ิงจูงใจโดยเฉพาะในงานพัฒนาสังคมท่ี
มกั จะไม่มีค่าตอบแทนการดาเนินงาน จาเป็ นตอ้ งหาสิ่งจงู ใจอ่ืนมาชดเชยส่ิงตอบแทนที่เป็ นตวั เงิน
ตามทฤษฎีของ Maslow ความตอ้ งการการยกย่องจากผูอ้ ื่น (esteem needs) ที่อยู่ในรูปของอานาจ
เกียรติยศชื่อเสียง หรือสถานะทางสังคม เป็ นสิ่งท่ีนามาใชจ้ ูงใจได้ อาจทาเป็ นรูป “สัญลักษณ์”
บางอยา่ ง ท่ีส่ือถึงการไดร้ บั เกียรติยศ การยกย่องและมคี ุณค่าทางสงั คม เช่น การประกาศเกียรติยศ
เข็มเชิดชูเกียรติ โล่เกียรติยศ เป็ นตน้ โดยสญั ลกั ษณ์เหล่าน้ ีตอ้ งมีคุณค่าเพียงพอใหเ้ ขาปรารถนา
อยากท่ีจะได้ และควรมีเกียรติยศหลายระดบั ที่จงู ใจสมาชิกเครือขา่ ยใหร้ ่วมมือลงแรงเพ่ือไต่เตา้ ไปสู่
ระดบั ท่ีสงู ข้ ึนต่อไป ซึ่งจะช่วยใหเ้ กิดความต่อเน่ือง และควรมีการประชาสมั พนั ธเ์ ผยแพร่รายชื่อคน
กลุม่ น้ ีอยา่ งกวา้ งขวาง
4. การจดั หาทรพั ยากรสนบั สนุนอยา่ งเพยี งพอ

หลายเครือข่ายต้องหยุดดาเนินการไป เน่ืองจากขาดแคลนทรัพยากรสนับสนุนการ
ดาเนินงานท่ีเพียงพอ ท้งั ดา้ นวสั ดุอุปกรณ์ เครื่องมือเคร่ืองใช้ และบุคลากร ที่สาคญั คือเงินทุนใน
การดาเนินงานซ่ึงเปรียบเสมือนเลือดที่ไหลเวียนหล่อเล้ ียงเครือข่ายใหส้ ามารถดาเนินการต่อไปได้
เม่ือขาดเงินทุนเพียงพอที่จะจุนเจือ เครือข่ายอาจตอ้ งปิ ดตัวลงในท่ีสุด หากไดร้ บั การสนับสนุน
จะตอ้ งมีระบบตรวจสอบการใชจ้ ่ายอย่างรดั กุม และมีการรายงานผลเป็ นระยะ หากการดาเนินงาน
ไมค่ ืบหนา้ อาจใหร้ ะงบั ทุนได้
5. การใหค้ วามช่วยเหลอื และช่วยแกไ้ ขปัญหา

เครือข่ายอาจเกิดปัญหาระหว่างการดาเนินงานได้ โดยเฉพาะอย่างย่ิงเครือข่ายที่เพิ่งเริ่ม
ดาเนินการใหม่ๆ การมีท่ีปรึกษาท่ีดีคอยใหค้ าแนะนาและคอยช่วยเหลือจะช่วยใหเ้ ครือข่ายสามารถ
ดาเนินการต่อไปได้ และช่วยหนุนเสริมใหค้ รือข่ายเกิดความเขม้ แข็งย่ิงข้ ึน ควรมีที่ปรึกษาเพ่ือทา
หน้าท่ีช่วยเหลือ ใหค้ าแนะนา เป็ นแหล่งขอ้ มูลใหศ้ ึกษาคน้ ควา้ และช่วยอบรมภาวะการเป็ นผูน้ า
ใหก้ บั สมาชิกเครือขา่ ย
6. การสรา้ งผูน้ ารุ่นใหม่อยา่ งตอ่ เนื่อง

องค์กรหรือเครือข่ายท่ีเคยประสบความสาเร็จกลับตอ้ งประสบกับความลม้ เหลวอย่าง
รุนแรงเมื่อเวลาผ่านไป เพราะไม่ได้“สรา้ งคน” ข้ ึนมารับไมผ้ ลัดต่อจากคนรุ่นก่อนเพ่ือสานต่อ
ภาระกิจของเครือข่าย จาเป็ นตอ้ งสรา้ งผูน้ ารุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง เครือข่ายต้องคัดเลือกคนที่มี
คุณสมบตั ิเหมาะสม ท้งั ดา้ นความรคู้ วามสามารถ การมีประสบการณร์ ่วมกบั เครือข่ายและท่ีสาคญั
คือเป็ นท่ียอมรบั นับถือและสามารถเป็ นศูนยร์ วมใจของคนในเครือข่ายได้ ดาเนินการใหค้ นเหล่าน้ ี
เขา้ ร่วมกิจกรรมเพื่อเพ่ิมประสบการณ์ในการทาหน้าท่ีเป็ นสมาชิกแกนหลัก เพื่อสืบสานหน้าท่ี
ต่อไปเมอื่ สมาชิกแกนหลกั ตอ้ งหมดวาระไป


Click to View FlipBook Version