The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงาน การเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาเครื่องจักรในอุตสาหกรรม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by cnattapongntp, 2022-11-13 08:39:48

รายงาน การเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาเครื่องจักรในอุตสาหกรรม

รายงาน การเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาเครื่องจักรในอุตสาหกรรม

รายงาน การเพิ่มประสิทธิภาพการบำรงุ รกั ษาเครอื่ งจักรในอุตสาหกรรม

เสนอ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กณุ ฑล ทองศรี

จดั ทำโดย กล่มุ ที่ 6

วา่ ที่รอ้ ยตรี นพเกา้ ศรีใส รหัสนักศกึ ษา 650407300523

นาย สิรวิ งศ์ พลพชิ ยั รหสั นักศึกษา 650407300531

นาย ณัฐพงศ์ จนั ทรท์ รงกลด รหัสนกั ศกึ ษา 650407300607

นาย กฤษณะ ลดั ดี รหสั นักศกึ ษา 650407300608

นาย ธีระชัย เข่งสมุทร รหัสนกั ศกึ ษา 650407300617

นาย นนทป์ วิธ โตสงวน รหสั นักศึกษา 650407300720

นาย ศภุ วชิ ช์ ประทมุ มา รหสั นกั ศึกษา 650407300818

นาย อานนท์ การด รหัสนกั ศกึ ษา 650407300821

นาย รัฐวกิ รณ์ ทรัพยเ์ กิด รหัสนักศึกษา 650407301121

นาย ธนภทั ร บญุ ผาย รหสั นักศึกษา 650407301122

นาย ธวชั ชยั ไวเจริญ รหสั นักศึกษา 650407301193

…………………………………………………………………………………………………………………………

รายงานฉบบั นเี้ ปน� สว่ นหน่ึงของรายวิชา ทอ.375 เทคโนโลยวี ศิ วกรรมการซ่อมบำรุง

โครงการภาคพิเศษ รนุ่ ท่ี 21/2 สาขาวิชาเทคโนโลยีวศิ วกรรมอุตสาหการ

คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษมบณั ฑิต

ภาคเรียนที่ 2 ป�การศกึ ษา 2565

E-BOOK Power Point PDF Word Presentation



กิตติกรรมประกาศ

การค้นคว้าอิสระฉบับนี้เสร็จสมบูรณ์ได้โดยรับความอนุเคราะห์จาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.

กุณฑล ทองศรี อาจารย์ที่ปรึกษาการค้นคว้าอิสระ ที่สละเวลาให้คำแนะนำ ปรึกษา แก้ไข และให้

แนวทางในการศึกษาค้นคว้าข้อมูลลดความร้อนสะสมของ Condensing Unit ที่ให้คำแนะนำและ

ข้อเสนอแนะที่เป�นประโยชน์ต่องานวิจัยทำให้งานวิจัยนี้ มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ขอขอบคุณ

คุณทวีศักดิ์ ทามณี ที่คอยให้ความช่วยเหลือในการติดต่อ ประสานงาน และให้คำแนะนำในการจัด

รูปเลม่ การคน้ คว้าอสิ ระ

สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณบิดา มารดา เพื่อนๆ สาขาการพัฒนางานอุตสาหกรรม วิชาเอกการ
จัดการทางวิศวกรรมทุกท่านที่คอยให้กำลังใจ และความช่วยเหลือในทุกๆด้านตลอดมา จนงานวิจัยสา
เร็จลุล่วงไปด้วยดีและผู้วิจัยหวังว่าการคน้ คว้าอิสระฉบับนี้จะเป�นประโยชนต์ ่อผูท้ ี่สนใจในการศึกษาหรือ
เป�นแนวทางในการศึกษาตอ่ ไป

คณะผเู้ รยี บเรยี ง กลมุ่ ท่ี 6
กรณศี กึ ษาบริษัท เอ เอน็ อนิ เตอร์ พลัส จำกัด
วชิ า เทคโนโลยีวศิ วกรรมการซอ่ มบารุง ( IET 375 )



คำนำ

รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป�นส่วนหนึ่งของรายวิชา ทอ.375 เทคโนโลยีวิศวกรรมการซ่อม
บำรุง เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาเครื่องจักรในอุตสาหกรรม
กรณีศึกษา บริษัท เอ เอ็น อินเตอร์ พลัส จำกัด และได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อประโยชน์กับการเรียน
คณะผู้จัดทำหวังว่า รายงานฉบับนี้จะเป�นประโยชน์กับผู้อ่าน หรือนักเรียน นักศึกษา ที่กำลังหาข้อมูล
เรื่องนีอ้ ยู่ หากมีข้อแนะนำหรือขอ้ ผดิ พลาดประการใด ผู้จัดทำขอนอ้ มรบั ไว้และขออภยั มา ณ ที่นด้ี ว้ ย

โครงงานการเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาเชิงป้องกันเครื่องจักรและอุปกรณ์(PM) นี้ เป�น
โครงงานประกอบการศึกษาวิชา IET 375 เทคโนโลยีการซ่อมบำรุงในอุตสาหกรรม (Maintenance
Engineering Technology) ซึ่งเป�นโครงงานที่จัดทำขึ้นเพื่อเป�นแนวทาง ในการวางแผน ในเรื่อง การ
บำรุงรกั ษาเชิงปอ้ งกันในหมวดวิชาของหลกั สูตร เทคโนโลยีวิศวกรรมการซ่อมบำรุง สาขาวิชาเทคโนโลยี
วิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต โดยคณะผูเ้ รียบเรียงไดจ้ ัดทำขึ้น
เพื่อใช้ในการศึกษา วิเคราะห์ควบคู่กับการศึกษาของวิชาเทคโนโลยีการซ่อมบำรุงในอุตสาหกรรม และ
เป�นประโยชน์ตอ่ ผอู้ นื่ ทีจ่ ะไดศ้ กึ ษาและเรยี นร้กู ับโครงงานนี้อกี ดว้ ย

โครงงานเล่มนี้ประกอบด้วยความรู้เกี่ยวกับ การจัดทำงานบำรุงรักษา การวางแผนการ
บำรุงรักษา การวิเคราะห์และควบคุมข้อบกพร่อง นอกจากนี้ ยังควบคุมถึงการวัดผลงาน การรายงาน
บำรงุ รกั ษา อีกด้วย

คณะผู้เรียบเรียงจัดทำโครงงาน หวังว่าโครงงานเล่มนี้จะเป�นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ ศึกษา
วิเคราะห์เป�นอย่างมาก และจะเป�นส่วนช่วยในการพัฒนาการเรียนและการศึกษา ของวิชาเทคโนโลยี
การซ่อมบำรุงในอตุ สาหกรรม ใหม้ ีประสิทธิภาพสูงขนึ้ ไดอ้ ีกทางหนึ่ง

คณะผู้เรยี บเรียง กล่มุ ท่ี 6
กรณีศกึ ษาบริษทั เอ เอ็น อนิ เตอร์ พลัส จำกัด
วิชา เทคโนโลยีวศิ วกรรมการซ่อมบารุง ( IET 375 )

สารบญั ค

เรอ่ื ง หน้า
กิตตกิ รรมประกาศ ก
คำนา ข
สารบัญ ค

บทท่ี 1. บทนำ 1
1.1 ความหมายของการบำรงุ รกั ษา 1
1.2 ความสำคัญของการบำรงุ รกั ษา 4
1.3 วัตถุประสงค์ของการบํารุงรกั ษา 6
1.4 ขอบเขตของโครงการ 7
1.5 ระยะเวลาในการดาํ เนินการ 8
1.6 ประโยชน์ของการบำรงุ รกั ษา 8

บทท่ี 2. แนวคิด ทฤษฎี และงานวเิ คราะห์/วจิ ัยทเี่ กย่ี วข้อง 10

2.1 แนวคิด ทฤษฎี ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง 10
2.2 งานวิเคราะห/์ วจิ ัยทเี่ กีย่ วข้อง 19

บทที่ 3 วิธีการดำเนินงาน 22
3.1 ศกึ ษาข้อมลู และวเิ คราะห์ข้อมูล 22
3.2 กระบวนการดําเนนิ การ 22

บทที่ 4 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู 27
4.1 บันทกึ ขอ้ มูลการขดั ขอ้ งหลังจากทำการตดิ ต้ัง
ระบบนำ้ หลอ่ เย็นให้กับ Condensing Unit 27
4.2 วดั ผลก่อนและหลัง 28

บทท่ี 5 สรุปและข้อเสนอแนะ 30

1

บทที่ 1
บทนำ

1.1 ความหมายของการบำรุงรกั ษา

การบำรงุ รักษา (Maintenance) หมายถึง : “การพยายามรักษาสภาพของเครอื่ งมอื เครอื่ งจักรตา่ งๆ
ให้มีสภาพที่พร้อมจะใช้งานอยู่ตลอดเวลา” การบำรุงรักษานั้นครอบคลุมไปถึงการซ่อมแซม (Repair)
เครอ่ื งดว้ ย และ เปน� การทำงานที่ทำให้สนิ ทรัพย์ (อปุ กรณ์ เครื่องจักร ระบบ ยุทโธปกรณ์)

ในงานบริหารการผลิตหรอื การบริการ มักจะหลกี เลีย่ งงานเพ่ิมเตมิ ที่สำคัญงานหน่งึ คือ การซ่อมและ
บำรุงรักษาไปไม่ได้ ถึงแม้ว่างานซ่อมและบำรุงรักษาไม่ใช่งานผลิตโดยตรง แต่งานซ่อมและบำรุงรักษาก็
มีบทบาทช่วยให้การผลิตและการบริการขององค์กรนั้นเป�นไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลก
ป�จจุบันที่การผลิตและการบริการจำเป�นที่จะต้องอาศัยอุปกรณ์และเครื่องจักรมากขึ้น การที่เครื่องจักร
เกิดขัดข้องข้ึนมากะทันหันหรือไม่สามารถใช้งานได้ จะทำให้มีผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพการ
ผลติ และการบรกิ ารนน้ั ๆ การท่จี ะไดม้ าซึง่ เครื่องจักรท่ีมคี ณุ ภาพนน้ั
1) มีการออกแบบที่ดีและตรงตามความประสงค์ต่อการใช้งานมีความเที่ยงตรงแม่นยำ รวมทั้ง สามารถ
ทำงานได้เต็มกำลงั ความสามารถท่ีออกแบบไว้
(2) มีการผลติ (หรอื สร้าง) ทีใ่ ห้ความแข็งแรงทนทานสามารถทำงานไดน้ านทส่ี ดุ และ ตลอดเวลา
(3) มีการตดิ ตง้ั ในสถานท่ที ่เี หมาะสมและสะดวกตอ่ การใชง้ าน
(4) มกี ารใช้เป�นไปตามคุณสมบัติและสมรรถนะของเคร่อื ง
(5) มีระบบการบำรุงรักษาทดี่ ีเนื่องจากเครื่องมอื เครื่องใช้เม่ือถกู ใช้งานไปนาน ๆ ก็ต้องมีการเสื่อมสภาพ
ชำรุด สึกหรอ เสียหายขัดข้อง ดังนั้น เพื่อให้อายุการใช้งานเครื่องมือเครื่องใช้ยืนยาวสามารถใช้งานได้
ตามความต้องการของผู้ใช้ไม่ชำรุดหรือเสียบ่อยๆต้องมี “การบำรุงรักษา” เครื่องจักรเครื่องมือเครื่องใช้
ในระบบการดำเนินงานด้วยจึงจะสามารถควบคุมการทำงานของเครื่องมือได้อย่างมีประสิทธิภาพต้อง
ประกอบด้วยสามารถทำงานได้ตามความประสงคข์ องเจ้าของหรอื ผู้ใช้
การบำรุงรกั ษาจะแบง่ เปน� 6 ประเภท ดังตอ่ ไปนี้

1. การบำรงุ รักษาเชิงแกไ้ ข
การบำรุงรักษาแบบแก้ไข (Breakdown Maintenance :BM) หรือบ้างก็เรียกว่าการบำรุงรักษา
หลังเกิดการเสียหายหรือใช้งานจนกระทั่งเสียหายเป�นเทคนิคการบำรุงรักษาที่ง่ายที่สุด แต่ในทุก
อุตสาหกรรมยังใช้เทคนิคการบำรุงรักษาแบบนี้อยู่ โดยจะดำเนินการแก้ไขหรือซ่อมแซมสินทรัพย์ก็
ต่อเมื่อสินทรัพย์เสียหายจึงทำให้ต้องหยุดการใช้งานสินทรัพย์ เช่น หลอดไฟแสงสว่าง เครื่องจักรใน

2

โรงงาน ข้อดี ได้ใช้ประโยชน์จากอายุการใช้งานของเครื่องจักรอย่างคุ้มค่า ไม่ต้องเสียกำลังคนและ
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ข้อสังเกต เราไม่สามารถวางแผนและกำหนดเวลาในการซ่อมแซมหรือ
เปลี่ยนชิ้นส่วนได้บางครั้งจำเป�นต้องรีบทำงานให้เสร็จจึงทำให้คุณภาพของการซ่อมแซมไม่ดีพอ โดย
ปกติเมื่อเกิดการเสียหายแล้วมักจะทำให้การเสียหายอย่างรุนแรงเป�นผลให้การซ่อมแซมหรือแก้ไขจะมี
ค่าใช้จ่ายสูงมาก มากไปกว่านั้นความเสียหายท่ีเกิดขึ้นอาจจะมีผลกระทบกับ ความปลอดภัย สุขภาพ
และสิง่ แวดลอ้ ม

2.การบำรงุ รักษาเชิงป้องกัน

การบำรุงรักษาเพื่อป้องกัน (Preventive Maintenance : PM) จะเป�นการวางแผนโดยกำหนด
ระยะเวลาในการเปล่ียนช้ินส่วนอะไหล่หรือการโอเวอร์ฮอลเพ่ือป้องกันความเสยี หายทจี่ ะเกิดข้ึน จะเป�น
การวางแผนการป้องกันไว้ล่วงหน้าทำให้ไม่ต้องหยุดการใช้งานสินทรัพย์หรืออุปกรณ์แบบฉุกเฉิน
โดยทั่วไประยะเวลาในการทำงานสามารถหาข้อมูลอ้างอิงได้จากคู่มือของผู้ผลิตหรือจากแผนการ
บำรงุ รักษาทใ่ี ชง้ านอยู่ เช่น การเปลี่ยนถา่ ยนำ้ มันเครอื่ งและกรองน้ำมนั , การเปล่ยี นกรองอากาศรถยนต์
ข้อดี สามารถทำการวางแผนการบำรุงรักษาและแผนการใช้สินทรัพย์ได้ง่าย โดยทั่วไปมักจะปฏิบัติตาม
คู่มือผู้ผลิต ทำให้สามารถใช้งานสินทรัพย์ได้มากกว่าการบำรุงรักษาแบบแก้ไข ข้อสังเกต โดยทั่วไปไม่
สามารถรู้หรือขาดข้อมูลที่จะประมาณอายุการใช้งานสินทรัพย์ เพิ่มความเสี่ยงความเสียหายที่เกิดขึ้น
หลังงานบำรุงรักษา (ถ้าไม่ทำการบำรุงรักษาสินทรัพย์ก็จะไม่ชำรุด หรืออาจกล่าวได้ว่าการบำรุงรักษา
เป�นสาเหตุที่ทำให้เกิดการชำรุดของสินทรัพย์) ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของแผนการบำรุงรักษา
ตามคมู่ ือผู้ผลิต

3.การบำรงุ รกั ษาตามสภาพ

การบำรุงรักษาตามสภาพ (Condition Based Maintenance : CBM) หรือบ้างก็เรียกว่า การ
บำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ (Predictive Maintenance) จะเป�นวิธีบำรุงรักษาอุปกรณ์หรือสินทรัพย์ตาม
สภาพของสินทรัพย์ การบำรุงรักษาตามสภาพจะใช้หลักการที่ว่าโดยทั่วไปเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้น
อุปกรณ์หรือสินทรัพย์จะแสดงสัญญาณบางอย่างออกมา ดังนั้นถ้าหากเราสามารถทำการตรวจจับ
สัญญาณที่แสดงออกมาได้ เราก็สามารถทำการบำรุงรักษาก่อนที่สินทรัพย์จะเสียหาย เช่น ความร้อน,
เสียง, การสั่นสะเทือน เศษผงโลหะต่าง ๆ การตรวจสอบสภาพสามารถทำได้ โดยการใช้ประสาทสัมผัส
ของมนุษย์ เชน่ ใช้มือสัมผัสความรอ้ น ใชต้ าตรวจดกู ารรว่ ซึม ใชห้ ูฟ�งเสียง ใชจ้ มูกดมกลิ่น
- เครื่องมือวัดที่มีอยู่ในสินทรัพย์ เช่น เกจวัดความความดัน ทรานสมิตเตอร์วัดอุณหภูมิ เครื่อง

บันทึกอัตรการไหล

- การใช้เทคนิคการตรวจสอบแบบไม่ทำลาย เช่น การวัดความหนาของท่อหรือถัง การตรวจสอบรอย

แยกหรือรอยแตก

3

- การใช้เครื่องมือพิเศษในการตรวจสอบสภาพ เช่น เครื่องวัดการสั่นสะเทือน กล้องถ่ายภาพความร้อน

การวเิ คราะหน์ ้ำมนั หล่อลื่น

ตัวอย่างการบำรุงรักษาตามสภาพ เช่น การเปลี่ยนยางรถยนต์โดยดูตามสภาพของดอกยางว่าสึก
มากน้อยแคไ่ หน แล้วจงึ ตดั สนิ ใจเปลย่ี น การวเิ คราะห์สัญญาญสนั่ สะเทอื นของเคร่อื งจักร การตรวจสอบ
ความดนั ท่ีแตกต่างของตัวกรองอากาศหรือน้ำมนั การตรวจวดั อณุ หภูมิของเครอ่ื งจักร

ข้อดี ทำให้สามารถใช้งานสินทรัพย์ได้ถึงปลายอายุที่ใช้งานได้ สามารถบริหารและจัดการงาน
บำรุงรักษาได้ง่ายกว่าการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน เนื่องจากโดยทั่วสามารถทำการตรวจสอบขณะใช้งาน
สินทรัพย์ ช่วยลดความเสี่ยงจากการเสียหายหลังงานบำรุงรักษา โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษาจะ
ต่ำกว่าการบำรุงรักษาเชิงแก้ไข ข้อสังเกต โดยทั่วไปจะต้องลงทุนซื้อเครื่องพิเศษหรือจ้างแรงงานจาก
ภายนอกสำหรับการตรวจสอบสภาพ ต้องลงทุนในการอบรมพนักงานในการใช้เครื่องมือพิเศษ ต้อง
ระมัดระวังความผิดพลาดในการวิเคราะห์สภาพจากการใช้เครื่องมือพิเศษ คนมีปราสาทสัมผัสที่ไม่
เหมอื นกนั ซ่ึงจะเป�นข้อจำกัดในการตรวจสอบสภาพ

4.การบำรงุ รักษาเชิงรกุ

การบำรุงรักษาเชิงรุก (Proactive Maintenance) จะเป�นการบำรุงรักษาที่ทำก่อนที่จะเกิดการ
เสียหายของสินทรัพย์ โดยทั่วไปจะเป�นการทำการบำรุงรักษาเชิงป้องกันหรือการบำรุงรักษาตามสภาพ
อย่างไรก็ตามการบำรุงรักษาเชิงรุกในฐานความรู้หรือมุมมองแบบอื่นจะหมายถึงการวิเคราะห์รากของ
ป�ญหาเพอ่ื หาสาเหตทุ ีแ่ ท้จริงของปญ� หา เพอ่ื กำหนดวิธกี ารบำรงุ รกั ษาหรอื มาตรการอ่นื เพื่อปอ้ งกันไม่ให้
ป�ญหาเกิดขึ้นมาอีกในอนาคต ข้อดี ลดข้อจำกัดของการบำรุงรักษาเชิงป้องกันและการบำรุงรักษาตาม
สภาพ ทำให้สามารถแก้ไขป�ญหาได้ที่รากของป�ญหา ข้อสังเกต ป�ญหาในการพิจารณาการบำรุงรักษาว่า
ควรจะทำแบบเชิงป้องกันหรือแบบตามสภาพ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการวิเคราะห์รากของ
ป�ญหา

5.การปอ้ งกนั การบำรงุ รักษา

การป้องกันการบำรุงรักษา (Maintenance Prevention) จะเป�นการแก้ป�ญหาที่รากของป�ญหา
เพ่อื ลดโอกาสการชำรุดเสยี หายและลดงานบำรุงรักษาซ่งึ จะทำให้สนิ ทรพั ย์มอี ายุการใช้งานท่ยี าวนานข้ึน
เช่น การแกป้ ญ� หาทอ่ นำ้ ทเี่ ปน� เหลก็ ร่ัวเน่ืองจากผแุ ละเป�นสนมิ โดยการเปลี่ยนเป�นทอ่ พลาสติกหรือท่อส
แตนเลส อย่างไรก็ตามในฐานความรู้หรือมุมมองแบบอื่นจะพิจารณาว่าการเปลี่ยนท่อเป�นท่อพลาสติก
หรือท่อสแตนเลสจะเป�นการออกแบบใหม่ (ไม่ใช่การบำรุงรักษา) ข้อดี เพ่ิมอายุการใช้งานของสินทรัพย์
ช่วยลดงานบำรงุ รกั ษาและค่าใชจ้ ่ายในการซอ่ มบำรุง ข้อสังเกต โดยทวั่ ไปอาจจะต้องใช้ทรัพยากรในการ
รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์เพื่อทำการปรับปรุง ข้อเสนอแนะที่ได้จากวิเคราะห์ป�ญหาอาจจะมีต้นทุนท่ี
สูงมากและอาจจะไม่คุม้ ค่ากับการลงทนุ

4

6.การบำรุงรักษาเนน้ ความเชอ่ื ถือได้

การบำรุงรักษาเน้นความเชื่อถือได้ (Reliability Centered Maintenance : RCM) เป�นวิธีการ
กระบวนการ หรือ กรอบการทำงานที่เป�นมาตรฐานนานาชาติ ที่ใช้กำหนดแผนการบำรุงรักษาเพื่อเพ่ิม
ระดับความเชื่อถือได้ ความพร้อมใช้ และช่วยลดค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษาสินทรัพย์ การบำรุงรักษาเน้น
ความเชื่อถือได้ถือกำเนิดในอุตสาหกรรมการบินกว่าสี่สิบป�มาแล้ว หลังนั้นหน่วยงานความมั่นคง
อุตสาหกรรมการผลิตและบริการทั่วโลกก็ได้นำการบำรุงรักษาเน้นความเชื่อถือได้ไปใช้ การบำรุงรักษา
เนน้ ความเช่อื ถอื ได้จะประกอบไปด้วย

1) การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน 2) การบำรุงรักษาตามสภาพ 3) การค้นหาความเสียหาย 4) การ
บำรุงรักษาเชิงแก้ไข และกลยุทธ์อื่นๆที่อยู่นอกเหนือการบำรุงรักษา ข้อดี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและ
ประสิทธิผลของแผนการบำรุงรักษา โดยทั่วไปสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาได้ 40-70%
กำหนดกรอบการพิจารณาที่ชัดเจนในการเลือกเทคนิคการบำรุงรักษา เป�นมาตรฐานนานาประเทศ
ข้อสงั เกต ตอ้ งลงทุนในการอบรมพนกั งาน และตอ้ งการทรัพยากรมากในชว่ งเริ่มตน้ มวี ธิ ีการจำนวนมาก
กล่าวอ้างว่าเปน� การบำรุงรกั ษาเน้นความเชอื่ ถือได้แต่แท้จรงิ แลว้

1.2 ความสำคญั ของการบำรุงรกั ษา

มนุษย์เราเริ่มรู้จักการบำรุงรักษาเมื่อเจริญเติบโตขึ้นจนกระทั่งเริ่มช่วยเหลือตนเองได้ใช้อุปกรณ์
เครื่องมือ ทำความสะอาดร่างกายประจำวันเป�นเช่น แปรงสีฟ�น หวี ขันน้ำ แก้วน้ำ กล่องสบู่ ฯลฯ ซึ่ง
อุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้จำเป�นต้องใช้เป�นประจำทุกวันจึงต้องมีการจัดเก็บ ทำความสะอาด ให้มีความ
พร้อมใช้งานอยู่เสมอไม่เช่นนั้นต้องค้นหาและจัดเตรียมกันใหม่อยู่เรื่อยหรือการที่เราไปหาหมอตรวจ
สุขภาพประจำป�ก็เพ่ือให้ร้วู ่าสภาพร่างกายของเราป�จจุบันนี้ยังคงปกติอย่หู รอื ไม่ มสี มรรถนะความพร้อม
ของร่างกายดีอยู่ หรือเปล่าซึ่งเราเรียกกันว่า การตรวจเช็คเพื่อการรักษาสุขภาพที่ดีให้คงอยู่กับตัวเราไว้
น่ันเอง

ในการปฏิบัติงาน การใช้อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร เป�นป�จจัยสำคัญ 1 ใน 4 อย่าง(4M ซึ่ง
ประกอบด้วย คน เครื่องจักร วัตถุดิบ และวิธีการ) ของการทำงานเพื่อให้ได้ผลผลิตออกมาดี ตามความ
ต้องการ สมรรถนะความพรอ้ มในการใช้งานของ อุปกรณ์ เคร่ืองมอื เครอื่ งจกั ร จงึ มีความจำเป�นต้องมี
การบำรุงรักษาอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าเครื่องมือบกพร่องหรือใช้ไม่ได้นั่นก็คือองค์ ประกอบในการ
ทำงานไม่สมบรู ณ์หรือไมค่ รบ ผลผลิตกจ็ ะไม่สามารถผลิตออกมาได้หรือไดก้ ไ็ ม่ดี

การบำรุงรักษาทดี่ ี เมื่อมีการใช้งานอุปกรณ์ แล้วก็จะต้องทำความสะอาด ตรวจสอบสภาพหลังการ
ใช้งานคืนสภาพให้มีความพร้อมในการใช้งานตลอดเวลา และจัดเก็บให้เป�นระเบียบด้วย แต่ในทาง
ปฏิบัติจริง ผู้คนส่วนใหญ่มักไม่ปฏิบัติตามนี้ ทั้งงานส่วนตัว เช่น บ้านพักอาศัย รถยนต์ หรืออุปกรณ์
เครื่องมือเครื่องใช้ส่วนตัว และงานส่วนรวมเช่น สถานที่ราชการ อาคาร บริษัท โรงงาน เครื่องจักรจึง
ทำให้เกิดสภาพไมพ่ ร้อมใช้งานเกิดขน้ึ กันบ่อยๆ

5

การแก้ไขป�ญหาสภาพไม่พร้อมใช้งานของอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร ซึ่งเป�นเครื่องใช้ส่วนตัว
เมื่อเกิดเหตุขัดข้อง หรือผิดปกติจากสภาพการใช้งานเดิมที่เคยใช้อยู่ซึ่งมีหลายลักษณะเช่น ใช้งานไม่ได้
เลยซึ่งเราเรียกว่าเสีย ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างซึ่งเราเรียกว่า เดิน ๆ หยุด ๆ หรือการหยุด ชะงัก ใช้ได้เพียง
บางหน้าท่ีเทา่ นัน้ ทำงานไมเ่ ต็มความสามรถท่ีกำหนดไว้ ใชง้ านไดแ้ ตค่ ุณภาพของงาน ไมส่ มำ่ เสมอดีบ้าง
เสียบ้าง ใช้ได้แต่ช้ากว่าเดิมมาก ฯลฯ เราก็จะทำการแก้ไขให้กลับสู่สภาพเดิม ซึ่งเราเรียกกันว่า ซ่อม
นน่ั เอง

การซ่อมอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้หรือ เครื่องจักร ซึ่งเป�นของใช้ส่วนตัว ของใช้ประจำบ้านเม่ือ
เกิดเหตุขัดข้อง หรือผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเครื่องมืออุปกรณ์อำนวยความ
สะดวกต่าง ๆ แม้แต่จักรยาน จักรยายนต์ รถยนต์ก็เช่นเดียวกัน เครื่องใช้ประจำบ้านส่วนใหญ่ จะใช้
วิธีการซ่อม แบบเสียแล้วจึงซ่อม (Break down) เช่นหลอดไฟฟ้า วิทยุ โทรทัศน์ หม้อหุงข้าว
ไฟฟ้า นา�ิกา ไมโครเวฟ พัดลม แอร์ คอมพิวเตอร์ เครื่องเขียน โทรศัพท์ ฯลฯ ไม่มีใครใช้วิธีซ่อมก่อน
เสยี (Preventive) เหมือนกับรถยนต์ เพราะรถยนตถ์ า้ ปล่อย ให้รถถึงกับเสยี วิ่งไมไ่ ด้กจ็ ะต้องเดินกันไป
ทำงานเลยทีเดียว แตข่ องใชส้ ่วนรวม อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ เคร่ืองจักร ในบริษัทหรือโรงงานเราจะ
ใช้วิธีการซ่อมแบบเครื่องใช้ประจำบ้านไม้ได้เพราะในระหว่างการปฏิบัติงานอยู่ ถ้าหากเครื่องมือ
เครื่องใช้ เกิดเหตุขัดข้องใช้งานไม่ได้หรือสภาพไม่พร้อมใช้งาน นั่นก็คือปฏิบัติงานไม่ได้นั่นเอง จะไม่มี
ผลผลิตหรือบริการออกมา ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะเป�นเฉพาะบุคคลหรือหน่วยงานเดียวเท่านั้น แต่มัน
เชื่อมโยงกันทั้งองค์การ เพราะงานมันต่อเนื่องกัน ตัวอย่าง เช่น ถ้าเครื่องจักรเสียช่วงใด ช่วงหนึ่งของ
กระบวนการ ก็ไม่มีผลผลิตหรือบริการออกมาเลย มันสร้างความเสียหายเป�นอย่างมากต่อองค์กรหรือ
โรงงาน ดังนั้น จึงมีแนวคิดซ่อมก่อนเสียเกิดขึ้น ในสถานที่ทำงาน อาคาร โรงงาน ซึ่งต่อมาเราเรียกกัน
วา่ การบำรงุ รกั ษาเชิงปอ้ งกัน ( Preventive maintenance ) น่ันเอง

ทำไมเมื่อมกี ารบำรุงรักษา เชิงป้องกันแล้วรถยนต์ ยังเสียหายระหว่างการใช้งานอยู่เลย ผู้ที่ขับรถไป
ทำงาน ใช้รถมานาน ๆ ก็จะเข้าใจได้ดี ว่าเราดูแลบำรุงรักษารถ ตามกำหนดระยะเวลาที่บริษัทผู้ผลิต
กำหนดมาให้เป�นประจำ นำรถไปเข้าศูนย์บริการตรวจเช็กตามระยะทางและซ่อมเชิงป้องกันด้วยการ
เปล่ียนอะไหล่ก่อน การชำรุดเสียหายจะเกดิ ข้ึนทุกครงั้ ยอมเสยี คา่ ใช้จา่ ยมากมาย แต่รถยนต์กย็ ังมีป�ญหา
ในระหว่างการใช้งาน เสยี ระหว่างการเดนิ ทาง เช่น เคร่อื งยนตข์ ดั ขอ้ ง แบตเตอร่ีไฟหมด ระบบส่งกำลงั
เกียร์ เพลา คลัช ขัดข้อง ยางรั่ว ซึม แตก ระบบเบรค ศูนย์ล้อ น้ำหล่อเย็น หม้อน้ำตัน แอร์เสีย ฯลฯ
ทำไมเกดิ เหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ เหลา่ นข้ี ้นึ

การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน ที่ทำไปช่วยอะไรไม่ได้เลยหรือ เครื่องจักรในโรงงานก็เช่นเดียวกันทำไม
จึงยังมีการเสียหายระหว่างทำการผลิต (Beak down) ทั้ง ๆ นี้มีการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน กันอย่างดี
บางโรงงานเครื่องจักรยังใหมอ่ ยู่เลย บางโรงงานเพิ่งจะซอ่ มไปเมือ่ สัปดาห์ทีผ่ ่านมานี่เอง บางโรงงานโชค
ดีหน่อย 6 เดือนแล้วเครื่องจักรยังไม่เสียเลย ทำไมจึงไม่มีความแน่นอนเลย ทุกวันนี้ทำงานอยู่บนความ
เสี่ยงตลอดเวลา ถ้าวันไหนเครื่องจักรเสีย คนงานก็จะไม่มีอะไรทำ นั่งรอนอนรอกันว่าเมื่อไร ช่างจะ
ซ่อมเสร็จ สินค้าก็ส่งลูกค้าไม่ได้ รายได้ก็ไม่มีแต่ก็ต้องจ่ายค่าแรง ให้คนงานเต็มวัน ความเสียหายที่
เกิดขึ้นมองเห็นได้ทันที ด้วยเหตุนี้กระมังผู้บริหารโรงงานจึงอยู่เฉยไม่ได้ พยายามหาวิธีดูแลเครื่องจักร

6

ไม่ยอมให้เครื่องจักรเสียหาย ระหว่างการผลิต เพราะรู้ฤทธิ์ เดชของ Break down ดี มีวิธีการหนึ่งที่
โรงงานหลายแห่งค้นพบ และนำไปทดลองใช้ จนประสบผลสำเร็จมาแล้ว หลายโรงงานแต่เป�นกิจกรรม
สไตลญ์ ่ีปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นนำระบบการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน( Preventive Maintenance : PM ) มาจาก
ประเทศสหรัฐอเมริกาพร้อมๆกับการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมกระบวนการซึ่งจะใช้งานเครื่องจักร
เป�นหลกั PM จงึ มีบทบาทสำคัญยง่ิ ต่อการเพ่มิ ข้นึ ของคุณภาพและผลผลิตของผลิตภณั ฑ์

ต่อมาเมื่อมีความต้องการลดแรงงานในอุตสาหกรรมประกอบและแปรรูปจึงได้มีการใช้เครื่องจักร
ทดแทนคนงานมากขึ้นนั่นคือทำให้มีการพัฒนาเครื่องจักรเป�นระบบอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพสูงมาก
ขนึ้ จนเปน� หุ่นยนต์ (ROBOT) ทำใหม้ คี วามสนใจพัฒนา PM เพม่ิ ข้นึ โดยใหม้ ลี กั ษณะเฉพาะในสไตล์ญ่ีปุ่น
ซึ่งเรียกกันว่า การบำรุงรักษาทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วม (TOTAL PRODUCTIVE MAINTENANCE) หรือ
เรยี กกนั ง่าย ๆ วา่ TPM นน่ั เอง

การบำรุงรักษา เป�นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดคุณสามารถเพิ่มอายุการใช้งานและอายุของอุปกรณ์ของ
โรงงานคือการปฏิบัติงานบำรุงรักษา. เป้าหมายของชนิดของการบำรุงรักษานี้จะล่าช้า, หรือในบางกรณี
ทัง้ หมดปอ้ งกนั , การลดประสทิ ธิภาพของเครอื่ งมืออุตสาหกรรม. มีการบำรงุ รกั ษาปกต,ิ คุณสามารถเพิม่
ลักษณะของเครื่องจักรอย่างมาก, ประหยัดเงินและเวลาในการตรวจสอบบำรุงรักษาปกติเกี่ยวข้องกับ
งานทีห่ ลากหลาย, รวมทัง้ สว่ นตวั , ซอ่ มแซม, การปรับปรงุ , และเพมิ่ เตมิ

แม้ว่ามาตรการป้องกันแน่นอนมากกว่าที่จะต้องใช้เวลาเป�นส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับชนิดของโรงงาน คุณ
ทำงานใน, สถาบันมาตรฐานแห่งชาติอเมริกันได้มีแนวทาง รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับชนิดและความถ่ี
ของการตรวจสอบคุณควรดำเนินการบนอุปกรณ์ที่ตั้งของอุตสาหกรรมเฉพาะ.ในขณะที่บำรุงรักษาอาจ
ปรากฏ เป�นถ้าคุณกำลังมองหาป�ญหาไม่ มีอยู่, เป�นวิธีที่จะช่วยให้คุณประหยัดป�ญหาในอนาคต
เหมาะสมดูแลเครื่องของคุณ ด้วยในขณะน้ี, มีโอกาสลดลงมากว่า สิ่งที่จะไปผิดเดือนพวกเขา, หรือ
กระทั่งหลายป,� ตงั้ แต่วนั นี้ ถา้ คุณต้องการเคล็ดลบั เพ่ิมเตมิ เก่ียวกับการบำรุงรกั ษา, รกั ษาตรวจสอบกลับ
กับอตุ สาหกรรม

1.3 วัตถปุ ระสงคข์ องการบํารงุ รักษา

การบำรุงรักษามวี ตั ถุประสงคห์ ลกั ทส่ี ำคญั ดงั นี้
1. เพื่อให้ระบบและบริภัณฑ์ไฟฟ้าทำงานอย่างมีประสิทธผิ ลเป�นไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ สามารถใช้
งานไดเ้ ต็มกำลงั ความสามารถและตรงกบั ความต้องการท่ตี ิดตงั้ มากท่ีสดุ
2. เพื่อให้ระบบและบริภัณฑ์ไฟฟ้ามีสมรรถนะการทำงานสูงการบำรุงรักษาที่ดีจะช่วยให้ระบบและ
บริภัณฑ์ไฟฟ้ามีขีดความสมารถสูง อายุการใช้งานยาวนาน ระบบและบริภัณฑ์ไฟฟ้าถ้าใช้งานไป
ระยะเวลาหนึ่ง จะเกิดความชำรุด สึกหรอ ถ้าหากไม่มีการปรับแต่งหรือทำการซ่อมบำรุงแล้วอาจเกิด
การขัดขอ้ ง ชำรุดเสยี หาย ทำงานผิดพลาด และขดี ความสามารถในการใชง้ านลดลง

7

3. เพื่อให้ระบบและบริภัณฑ์ไฟฟ้ามีความเชื่อถือได้ระบบและบริภัณฑ์ไฟฟ้านอกจากจะต้องมีคุณภาพที่
ดีแล้ว จะต้องมีความเชื่อถือได้สูง ทำ งานได้ต่อเนื่อง เที่ยงตรง แม่นยำ ไม่มีความคลาดเคลื่อนใด ๆ ซ่ึง
ตอ้ งมีโปรแกรมการบำรุงรกั ษาทด่ี ีด้วย
4. มีความปลอดภัยป�จจุบันความปลอดภัยถือเป�นหัวใจสำคัญและเป�นเป้าหมายที่สำคัญของสถาน
ประกอบการที่จะรักษาไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ การจัดการความปลอดภัยป�จจุบันนี้ถือว่า อุบัติเหตุเป�นความ
สูญเสยี ของสถานประกอบการดังน้ันระบบและบรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้าจะต้องมีความปลอดภัยเพียงพอต่อผู้ใช้งาน
และผู้
5. เพอ่ื ให้อปุ กรณอ์ ยู่ในสภาพพรอ้ มใชง้ านตลอดเวลา คอื การบำรุงรกั ษาที่กระทำก่อนท่ีอปุ กรณจ์ ะชำรุด
6. เพ่ือแก้ไขซ่อมแซมอปุ กรณ์ท่ชี ำรดุ ให้ กลบั มาอย่ใู นสภาพพรอ้ มใชง้ าน
7. เพอื่ เพิ่มความไว้วางใจหรือความนา่ เชื่อถอื (Reliability) ในการใชอ้ ปุ กรณเ์ คร่อื งจักรนัน้
8. เพื่อให้ระบบและบริภัณฑ์ไฟฟ้าทำงานอย่างมีประสิทธิผลเป�นไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้สามารถใช้
งานไดเ้ ต็มกำลงั ความสามารถและตรงกับความต้องการที่ติดตงั้ มากทสี่ ดุ
9.เพื่อให้ระบบและบริภัณฑ์ไฟฟ้ามีสมรรถนะการทำงานสูงการบำรุงรักษาที่ดีจะช่วยให้ระบบและ
บริภัณฑ์ไฟฟ้ามีขีดความสมารถสูง อายุการใช้งานยาวนาน ระบบและบริภัณฑ์ไฟฟ้าถ้าใช้งานไป
ระยะเวลาหนึ่ง จะเกิดความชำรุด สึกหรอ ถ้าหากไม่มีการปรับแต่งหรือทำการซ่อมบำรุงแล้วอาจเกิด
การขัดข้อง ชำรุดเสียหาย ทำงานผิดพลาด และขีดความสามารถในการใช้งานลดลง
10. เพื่อให้ระบบและบริภัณฑ์ไฟฟ้ามีความเชื่อถือได้ระบบและบริภัณฑ์ไฟฟ้านอกจากจะต้องมีคุณภาพ
ท่ีดแี ล้ว จะต้องมีความเชื่อถอื ได้สูง ทำ งานไดต้ ่อเนื่อง เทย่ี งตรง แมน่ ยำ ไม่มคี วามคลาดเคลอื่ นใด ๆ ซึ่ง
ต้องมโี ปรแกรมการบำรงุ รกั ษาทดี่ ีด้วย
11. มีความปลอดภัยป�จจุบันความปลอดภัยถือเป�นหัวใจสำคัญและเป�นเป้าหมายที่สำคัญของสถาน
ประกอบการที่จะรักษาไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ การจัดการความปลอดภัยป�จจุบันนี้ถือว่า อุบัติเหตุเป�นความ
สูญเสยี ของสถานประกอบการดังนั้นระบบและบรภิ ณั ฑ์ไฟฟา้ จะต้องมีความปลอดภัยเพยี งพอต่อผู้ใช้งาน
และผู้ปฎบิ ตั งิ าน

1.4 ขอบเขตของโครงการ

การศึกษาครั้งนี้เป�นการศึกษาการจัดทาระบบบำรุงรักษาเชิงป้องกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ
ทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ภายในบริษัท เอ เอ็น อินเตอร์ พลัส จำกัด โดยมุ่งเน้นทำการศึกษาที่
ไลน์การผลิตงานรีดเย็น (Cold Rolling Process) โดยพิจารณาจากเครื่องจักรในพื้นท่ี ว่ามีสถิติ
เคร่อื งจักรหยดุ ทำงานและใชเ้ วลาในการซ่อมบำรงุ คดิ เป�นเวลาเฉลย่ี เท่าไหร่

8

1.5 ระยะเวลาในการดําเนินการ ระยะเวลาในการดําเนนิ การ

หัวขอ้ ดำเนนิ การ Jan-22 Feb-22 Mar-22

จดั ตัง้ กลุ่มกิจกรรม Week Week Week
สำรวจสภาพป�จจบุ ันและตงั้ เปา้ หมาย
123412341234
จดั ทำแผนกจิ กรรม
การวิเคราะห์สาเหตุ
การดำเนนิ การแกไ้ ข
การตดิ ตามและทวนสอบผลการแกไ้ ข
สรปุ ผลการดำเนินการ

1.6 ประโยชน์ของการบำรุงรักษา.

เพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร และเพิ่มผลผลิต และ เพื่อให้ผู้คนและทรัพย์สินปลอดภัย
จากอันตรายจากอปุ กรณต์ ่างๆ ผู้จดั การฝ่ายซ่อมบำรุงและทมี สามารถใชห้ ลักการของการบำรุงรักษาเชิง
ป้องกันเพือ่ ใหเ้ กิดประโยชนต์ ่างๆ ดังตอ่ ไปนี้

1. เพื่อให้เครื่องมือใช้ทำงานได้อย่างมีประสทิ ธิผล (Effectiveness) คือ สามารถใช้เครื่องมอื
เครอ่ื งใช้ได้เต็มความสามารถและตรงกบั วัตถปุ ระสงค์ทจี่ ดั หามามากทีส่ ดุ

2. เพื่อให้เครื่องมือเครื่องใช้มีสมรรถนะการทำงานสูง (Performance) และช่วยให้เครื่องมือ
เครอื่ งใช้มีอายุการใช้งานยาวนาน เพราะเมือ่ เครือ่ งมือได้ใช้งานไประยะเวลาหนึ่งจะเกิดการสึกหรอ ถ้า
หากไม่มีการปรับแต่งหรือซ่อมแซมแล้ว เครื่องมืออาจเกิดการขัดข้อง ชำรุดเสียหายหรือ ทำงาน
ผดิ พลาด

3. เพื่อให้เครื่องมือเครื่องใช้มีความเที่ยงตรงน่าเชื่อถือ (Reliability) คือ การทำให้เครื่องมือ
เครือ่ งใชม้ ีมาตรฐาน ไมม่ คี วามคลาดเคลือ่ นใด ๆ เกิดขึ้น

4. เพื่อความปลอดภัย (Safety) ซึ่งเป�นจุดมุ่งหมายที่สำคัญ เครื่องมือเครื่องใช้จะต้องมีความ
ปลอดภัยเพียงพอต่อผู้ใช้งาน ถ้าเครื่องมือเครื่องใช้ทำงานผิดพลาด ชำรุดเสียหาย ไม่สามารถทำงานได้
ตามปกติ อาจจะก่อให้เกดิ อุบัติเหตุ และการบาดเจ็บตอ่ ผใู้ ชง้ านได้ การบำรุงรักษาที่ดีจะช่วยควบคุมการ
ผิดพลาด

5. เพื่อลดมลภาวะของสิ่งแวดล้อม เพราะเครื่องมือเครื่องใช้ที่ชำรุดเสียหาย เก่าแก่ ขาดการ
บำรุงรักษา จะทำให้เกิดป�ญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น มีฝุ่นละอองหรือไอของสารเคมีออกมา มีเสียง
ดัง เป�นต้น ซง่ึ จะเป�นอันตรายต่อผู้ปฏบิ ตั งิ านและผู้ที่เกยี่ วข้อง

9

6. เพื่อประหยัดพลังงาน เพราะเครื่องมือเครื่องใช้ส่วนมากจะทำงานได้ต้องอาศัย
พลังงาน เช่น ไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง ถ้าหากเครื่องมือเครื่องใช้ได้รับการดูแลให้อยู่ในสภาพดี เดิน
ราบเรียบไม่มีการรวั่ ไหลของน้ำมนั การเผาไหมส้ มบูรณ์ ก็จะส้นิ เปลืองพลังงานนอ้ ยลง ทำให้ประหยัด
คา่ ใช้จ่ายลงได้

7. ประหยดั เงินโดยการยดื อายุการใชง้ านใหน้ านขึ้น
8. เพิ่มความปลอดภยั และลดโอกาสบาดเจ็บของพนกั งาน
9. ลดค่าเส่อื มสภาพทไี่ มจ่ ำเป�นของอปุ กรณ์ตา่ งๆลง
10. ปอ้ งกันอปุ กรณห์ ลักพงั กอ่ นเวลาอันควร
11. ลดข้ันตอนการตรวจสอบและตรวจจับทไี่ ม่จำเปน� ลง
12. พรอ้ มรับมอื และปอ้ งกันปญ� หาทอ่ี าจจะเกิดขึ้นในอนาคต
13. ลดขอ้ ผดิ พลาดในการดำเนินงานประจำวันลง
14. ปรบั ปรงุ ความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์ (Machine Reliability)

10

บทที่ 2
แนวคดิ ทฤษฎี และงานวเิ คราะห์/วจิ ยั ทเี่ ก่ียวข้อง

2.1 แนวคิด ทฤษฎี ท่ีเกย่ี วข้อง
ในบทนี้ ผู้วิเคราะห์ได้ศึกษาหลักการ แนวคิด ระเบียบ นโยบาย และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

กับการศึกษาค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงเครื่องปรับอากาศ เพื่อเป�นพื้นฐานและแนวคิดในการกำหนดแนว
ทางการวเิ คราะห์ ดงั น้ี

1. ความหมายของเครือ่ งปรับอากาศ
2. การดูแลบำรุงรกั ษาเครื่องปรบั อากาศ
3. การซอ่ มบำรุงรกั ษาพสั ดุ
4. การตรวจสอบพัสดุประจำป�
5. การจำหนา่ ย
6. ราคามาตรฐานครุภัณฑ์ และคณุ ลักษณะเฉพาะครุภณั ฑ์
7. หลักเกณฑก์ ารคำนวณค่าเสอื่ มราคา

1. ความหมายของเครอ่ื งปรบั อากาศ
เครื่องปรับอากาศ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้สำหรับปรับอุณหภูมิของอากาศในเคหะสถาน

เพื่อให้มนุษย์ได้อาศัยอยู่ในที่ที่ไม่ร้อนหรือไม่เย็นจนเกินไป หรือใช้รักษาภาวะอากาศให้คงที่เพ่ือ
จุดประสงค์อื่น เคหสถานในเขตศูนย์สูตรหรือเขตร้อนชื้นมักมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อลด
อุณหภูมิให้เย็นลง ตรงข้ามกับในเขตอบอุ่นหรือเขตขั้วโลกใช้เพื่อเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้น (อาจเรียกว่า
เครื่องทำความร้อน) เครื่องปรับอากาศมีทั้งแบบตั้งพื้น ติดผนัง และแขวนเพดาน ทำงานด้วยหลักการ
การถ่ายเทความร้อน กล่าวคือ เมื่อความร้อนถ่ายเทออกไปข้างนอก อากาศภายในห้องจะมีอุณหภูมิ
ลดลง เป�นต้น และเครื่องปรับอากาศอาจมีความสามารถในการลดความชื้นหรือการฟอกอากาศให้
บรสิ ุทธ์ดิ ว้ ย (วกิ ิพีเดยี สารานุกรมเสร,ี 2556)

ขนาดของเครื่องปรับอากาศ มีหน่วยเป�น บีทียู ต่อ ชั่วโมง (BTU/hr) (บีทียู เป�นหน่วย
ของความร้อน) เป�นค่าความสามารถในการลดพลังงานความร้อนของเครื่องปรับอากาศ โดยการลด
พลังงานความร้อน 1 บีทียู จะทำให้น้ำบริสุทธิ์ที่หนัก 1 ปอนด์ (ประมาณ 453.6 มิลลิลิตร) เย็นลง 1
องศาฟาเรนไฮต์ (5/9 องศาเซลเซียส) (วกิ ิพเี ดีย สารานุกรมเสรี, 2556)

เคร่ืองปรบั อากาศทใ่ี ช้ตามบ้าน แบ่งตามลักษณะโครงสร้างและการติดต้ัง ได้เปน� 2 แบบ
ใหญ่ๆ คือ เครื่องปรับอากาศแบบติดหน้าต่าง (window type) เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน (split
type) (สมศกั ดิ์ สโุ มตยกลุ , 2544, หนา้ 305-318)

1) เครอื่ งปรับอากาศแบบตดิ หน้าต่าง

11

เครื่องปรับอากาศแบบติดหน้าต่างเป�นเครื่องที่เคยนิยมใช้กันมากตามบ้านพักอาศัย
ในป�จจุบันก็ยังมีใช้กันอยู่เพราะง่ายต่อการติดตั้งและซ่อมบำรุง ภายในตัวเครื่องประกอบด้วยวงจรการ
ทำความเย็นและวงจรการหมุนเวียนของอากาศสมบูรณ์ในตัว โดยมีผนังกั้นระหว่างส่วนที่หมุนเวียนของ
อากาศภายในห้องทางด้านคอยล์เย็นหรืออีวาพอเรเตอร์ และส่วนที่ระบายความร้อนออกภายนอกห้อง
ทางด้านคอนเดนเซอร์ ขนาดของเครื่องปรับอากาศแบบติดหน้าต่างนี้มีขนาดเล็ก ตั้งแต่ 6,000 บีทียู/
ชั่วโมง (1,666 กิโลแคลอรี/ชั่วโมง) ขึ้นไป จนถึงขนาด 36,000 บีทียู/ชั่วโมง (10,000 กิโลแคลอรี/
ชว่ั โมง)

2) เครอ่ื งปรับอากาศแบบแยกส่วน
เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนเป�นแบบที่นิยมใช้กันมากตามบ้านพักอาศัย และ

สำนักงานในป�จจุบันเพราะเสียงเงียบกว่าและการติดตั้งสะดวกกว่า เนื่องจากไม่ต้องรื้อหน้าต่างออก
เช่นเดียวกับแบบติดหน้าต่าง เพียงแต่เจาะผนังเป�นรูสำหรับร้อยท่อซักชั่น ท่อลิควิด และสายไฟ เพียง
เลก็ นอ้ ยเทา่ นั้น เครอ่ื งปรับอากาศแบบแยกส่วนนจี้ ะแบง่ ระบบวงจรน้ำยาของเคร่ืองออกเป�น 2 สว่ น คอื

- ชุดคอยล์เย็นหรือชุดอีวาพอเรเตอร์ เป�นส่วนที่ติดตั้งอยู่ภายในห้องปรับอากาศ ซ่ึง
สามารถแบง่ ตามลักษณะการตดิ ตง้ั ไดเ้ ป�น 3 แบบ คือ แบบติดผนัง แบบต้ังพืน้ แบบแขวนเพดาน

- ชดุ ระบายความร้อนเป�นส่วนท่ีติดตง้ั อยูน่ อกหอ้ งปรบั อากาศ ระบายความร้อนออก
จากน้ำยาเพ่ือให้นำ้ ยาในสถานะแก๊สกลั่นตัวกลบั เป�นนำ้ ยาเหลวอกี คร้ังหน่ึง รปู แบบของชุดระบายความ
รอ้ น จะออกแบบแตกต่างกนั ไปตามแตล่ ะบริษัทผู้ผลิต

2. การดูแลบำรงุ รักษาเครือ่ งปรบั อากาศ
แตล่ ะปย� อดการจำหน่ายเครอื่ งปรับอากาศสำหรบั ครัวเรอื นมี ไม่ต่ำกวา่ 4 แสนเครือ่ ง ซ่ึง

หากคำนวณอัตราการใช้ไฟฟ้าของเคร่ืองปรับอากาศ 1 เคร่ือง ที่มีขนาดไม่เกิน 20,000 บีทียู หรือ
เครอื่ งปรบั อากาศท่ใี ช้ไฟฟ้าประมาณ 1,500 วัตต์ ซ่งึ ทำใหป้ ระเทศไทยมีความต้องการใชไ้ ฟฟ้าเพ่ิม 600
เมกะวัตต์ต่อป� ดังนั้นเพื่อประหยัดเงินของตนเอง และช่วยประเทศชาติลดภาระค่าไฟฟ้า จึงขอแนะนำ
ให้ ประชาชนใช้เคร่ืองปรับอากาศอย่างประหยัด และรู้วิธีการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศด้วยตนเอง
โดยหมั่นล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้มีฝุ่นเกาะ ซึ่งหากแผ่นกรองอากาศ
สกปรกหรืออุดตันจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนัก ห้องไม่เย็น และสิ้นเปลืองค่าไฟฟ้า การทำ
ความสะอาดเครื่องปรบั อากาศมขี ้ันตอนงา่ ยๆ ดงั นี้ (วารสารนโยบายพลังงาน, 2549)

1) ถอดหรือเป�ดตะแกรงพลาสติกด้านหน้าชุดจ่ายลมเย็น ซึ่งด้านในจะพบแผ่นกรอง
อากาศที่อาจทำด้วยพลาสติกสังเคราะห์หรือใยสงั เคราะห์ และอาจมีชิ้นเดยี วหรือหลายช้ินตามความยาว
ของเคร่ืองปรบั อากาศออกมา

2) เป่าด้วยลมหรอื ลา้ งด้วยน้ำสะอาด
3) ผึ่งให้แหง้ เมอ่ื แห้งจงึ ใสแ่ ผน่ กรองอากาศทที่ ำความสะอาดแลว้ ตามเดมิ
4) ควรล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศอย่างน้อยเดือนละ1 ครั้ง เพื่อให้
เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลงั งาน ทั้งนีก้ ารหมัน่ ล้างทำความสะอาด

12

แผน่ กรองอากาศนอกจากจะทำใหป้ ระหยดั พลังงานและยืดอายุการใช้งานของเคร่ืองปรบั อากาศแล้ว ยัง
ทำให้สุขอนามัยในห้องปรับอากาศดีขึ้น เนื่องจากไม่มีการหมักหมมของกลิ่นและเชื้อโรคต่างๆ ที่สะสม
ในแผ่นกรองอากาศ

สำหรับการดูแลและบำรุงรักษาชุดระบายความร้อน (Condensing Unit) ที่อยู่ภายนอก
อาคารทำไดง้ า่ ยๆ ดงั น้ี (วารสารนโยบายพลงั งาน, 2549)

1) ควรติดตั้งไว้ในบริเวณที่โปร่งโล่ง ให้อากาศภายนอกหมุนเวียนได้สะดวก ควร
หลกี เลย่ี งการติดตงั้ ในตำแหนง่ ท่ีอบั ลม เช่น ใตถ้ ุนอาคาร หรือใตร้ าวบันได เป�นตน้

2) หลีกเลี่ยงการนำสิ่งของ เช่น ถัง ลัง หรือของเก่าไปวางสุมไว้บริเวณรอบๆ ชุดระบาย
ความร้อน ทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนได้สะดวก จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักและใช้
ไฟฟา้ มากขนึ้

3) อย่าติดตั้งชุดระบายความร้อนใกล้ผนังจนเกินไปเพราะจะทำให้การระบายความร้อน
ไม่สะดวก และทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักและใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ควรติดตั้งห่างจากผนังไม่น้อย
กวา่ 15 ซม.

4) ทำความสะอาดแผงท่อของชุดระบายความร้อนโดยการใช้แปรงนิ่มๆ และฉีดน้ำล้าง
เพ่ือทำความสะอาดบริเวณแผงอะลูมิเนียมและคลีบระบายความร้อนทุกๆ 6 เดือน จะช่วยทำให้
เครื่องปรับอากาศสามารถระบายความร้อนไดด้ ขี น้ึ และช่วยใหป้ ระหยัดค่าไฟฟา้

5) ตรวจสอบฉนวนหมุ้ ทอ่ น้ำเย็นอย่างสม่ำเสมออย่าให้ฉกี ขาด อยา่ งไรกต็ าม ควรว่าจ้าง
ช่างผู้ชำนาญตรวจเช็คและล้างเครื่องปรับอากาศ ส่วนที่นอกเหนือจากที่สามารถทำความสะอาดได้ด้วย
ตนเองอย่างน้อยปล� ะ 1 ครง้ั ดว้ ย

การใช้เครื่องปรับอากาศให้มีความเย็นที่สบายต่อร่างกาย จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าอย่าง
ได้ผล ซึง่ ควรปฏิบัตดิ งั น้ี (การไฟฟ้าสว่ นภูมิภาค, ม.ป.ป.)

ควรเลือกใช้เครื่องขนาดเหมาะสมกับขนาดห้อง ควรใช้ผ้าม่านกั้นประตูหน้าต่าง เพื่อ
ป้องกันความร้อนจากภายนอก ป�ดเครื่องทุกครั้งเมื่อไม่อยู่ ป�ดประตูหน้าต่างและผ้าม่านกันความร้อน
จากภายนอก ต้งั อุณหภูมิไม่ควรตำ่ กว่า 26 องศาเซลเซียส ควรเลอื กเครอ่ื งปรับอากาศท่ีมปี ระสทิ ธิภาพ
สูง ควรติดตั้งเครื่องระดับสูงพอเหมาะ และให้อากาศร้อนระบายออกด้านหลังเครื่องได้สะดวก ควรบุ
ผนงั หอ้ ง และหลงั คาด้วยฉนวนกนั ความร้อน ควรบำรงุ รักษาเคร่ืองใหม้ สี ภาพดีตลอดเวลา ควรหมั่นทำ
ความสะอาดแผ่นกรองอากาศ และแผงระบายความร้อน ในฤดูหนาวขณะที่อากาศไม่ร้อนมากเกินไป
ไม่ควรเป�ดเครื่องปรับอากาศ ป�ดประตู หน้าต่างให้มิดชิดไม่ให้ความเย็นรั่วไหล พิจารณาติดตั้งบังแสง
หรือกนั แดด เพือ่ ลดภาระการทำงานของเคร่ือง และปฏบิ ัตติ ามคำแนะนำทแ่ี นบมากบั เครื่องปรบั อากาศ

3. การซอ่ มบำรุงรักษาพสั ดุ
การซ่อมบำรุง หมายถึง การซ่อมบำรุงรักษาพัสดุในครอบครองให้มีสภาพเรียบร้อยใช้

การได้ดีอยู่เสมอโดยการตรวจตราประจำวัน ตรวจตราประจำงวด ตามคู่มือและซ่อมบำรุงแบบป้องกัน
เสียหรือซ่อมบำรุง แบบแก้ไขแล้วแต่กรณี รวมทั้งการจัดทำประมาณการซ่อมบำรุงพัสดุที่อยู่ในความ

13

รับผิดชอบ เพื่อเสนอของบประมาณการซ่อมบำรุงเม่ือได้จ้างซ่อมบำรุงหรือดำเนินการซ่อมบำรุงเองแลว้
บันทึกประวัติการซ่อมบำรุงไว้เพื่อเป�นข้อมูลประกอบการพิจารณาการซ่อมบำรุงครั้งต่อไปหรือการ
จำหน่าย เมื่อปรากฏว่าซ่อมบำรุงต่อไปไม่คุ้มค่า (สมาคมนักบริหารพัสดุแห่งประเทศไทย, 2547, หน้า
315)

การบำรุงรักษาเป�นการบริหารอีกส่วนหนึ่งของวงจรบริหารพัสดุ แบ่งค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ
การบรหิ ารพัสดุ เป�น 2 ชนิด (ปรชี า จำปารัตน์ และไพศาล ชยั มงคล, 2520 , หนา้ 262) คือ

1) ค่าใช้จ่ายในการได้มาซึ่งพัสดุ (Acquisition Cost) คือ ค่าใช้จ่ายในเรื่องการกำหนด
ความต้องการพสั ดุ การออกแบบ การผลติ การทดสอบ การควบคุมคุณภาพ การขนส่ง รวมทั้งค่าใช้จ่าย
ทางธุรการในการสงั่ พสั ดุ และการเก็บรักษาพสั ดุในคลงั เพื่อรอการแจกจา่ ย

2) ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานและการบำรุงรักษา (Operation and Maintenance
Cost) คือ ค่าใช้จ่ายในการนำพัสดุมาใช้งานจริงๆ นับตั้งแต่การติดตั้ง การฝ�กคนงานเพื่อควบคุม
เคร่ืองจักรกล และการบำรุงรักษา ซึ่งได้การถนอมรักษาพัสดุและการซ่อมแซมเมื่อพัสดุชำรุดเสียหาย
ค่าใช้จ่ายชนิดนี้โดยปกติจะมีจำนวนมากกว่าค่าใช้จ่ายชนิดแรก โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในด้านการ
บำรงุ รักษาซงึ่ จะต้องมอี ยู่ตลอดเวลาจนกวา่ พัสดหุ รือเคร่ืองจักรกลชิ้นนน้ั จะหมดสภาพการใช้งาน

การบำรงุ รักษาน้ี ถึงแมจ้ ะเป�นเรื่องที่มไิ ดอ้ ยู่ในส่วนของการบรหิ ารพสั ดโุ ดยตรง แต่ก็มีผล
เกี่ยวพันไปยังขั้นตอนต่างๆ ของการบริหารพัสดุอย่างมาก ตัวอย่าง เช่น ถ้าหน่วยงานใดไม่มีการ
บำรุงรักษาพัสดุหรืออุปกรณ์เครื่องมอื เครื่องใช้อย่างมีประสิทธภิ าพแล้ว ก็จะมีผลต่อการดำเนินงานด้าน
จัดซื้อของหน่วยงานนั้น คือ เมื่อพัสดุมีการเสียหายเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ก็จะต้องมีการจัดซื้อหรือ
จัดหาของใหม่มาเพม่ิ เติมทดแทนมากข้นึ และเม่อื งานด้านจัดซอื้ มมี ากข้นึ กม็ ผี ลกระทบกระเทือนถงึ งาน
ด้านการควบคมุ เก็บรกั ษาและแจกจ่ายพสั ดดุ ้วย

การกำหนดนโยบายในการแยกประเภท การเปลี่ยน และการสำรองเคร่ืองจักรกล เครื่อง
อุปกรณ์ และพัสดุประเภทที่มีความสำคัญอื่นๆ มีดังนี้ (ปรีชา จำปารัตน์ และไพศาล ชัยมงคล, 2520 ,
หน้า 268-269)

1) จะต้องมีการวางแผนแยกประเภทของพัสดุ เพื่อจุดประสงค์ในการวางระบบงาน
บำรุงรักษา เช่น พัสดุหรือเครื่องจักรกลบางชนิด มีอัตราการบำรุงรักษาต่ำ เนื่องจากสภาพของพัสดุไม่
ต้องการบำรุงรักษาประจำ หรือเป�นพสั ดปุ ระเภทที่ไม่สำคัญต่อการบริหารงานนัก หรือเป�นพัสดุราคาถูก
พัสดุหรือเครื่องจักรกลประเภทนี้ไม่ต้องมีการตรวจตรากันมากนัก อาจใช้จนเกิดการขัดข้องหรือเสีย จึง
จะส่งไปซอ่ มแกไ้ ข อย่างดกี อ็ าจมีการตรวจสภาพทกุ ๆ 6 เดือนหรอื 1 ป� สว่ นพัสดบุ างประเภททเี่ ปน� ของ
จำเป�นในการบริหารงาน ราคาแพง และสภาพเครื่องประกอบจำเป�นต้องได้รับการตรวจตราหรือ
ให้บริการหลอ่ ลืน่ เชน่ ยานพาหนะ เคร่ืองมือผา่ ตัด เคร่ืองเอกซเรย์ ฯลฯ ก็ตอ้ งมกี ารวางนโยบายกำหนด
ตารางการตรวจสอบและการให้บริการไว้ เนื่องจากในการตรวจสอบและให้บริการต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง
การตรวจเพื่อการบำรุงรักษาแบบกันเสีย ดังกล่าวจึงต้องกะประมาณเทียบเคียงค่าใช้จ่าย อัตราการสึก
หรอ และการเสย่ี งต่อการทเี่ คร่อื งจกั รขดั ข้อง ให้อยใู่ นอตั ราทพี่ อเหมาะสมกัน

14

2) พัสดุบางรายการที่ใช้มากจนเก่ามากๆ และปรากฏว่าค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาไม่
คุ้ม ก็ควรพิจาณาจัดซื้อใหม่ การวางแผนในการใช้และการจัดซื้อดังกล่าว ควรมีการศึกษาและวิเคราะห์
จากสถิติที่รวบรวมไว้ เพ่ือหาต้นทุนค่าใช้จ่ายในการใช้พัสดุชนิดหนึ่งในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น รถยนต์
เสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเมื่อใช้ได้ 1 ป� 2 ป� 3 ป� 4 ป� 5 ป� ฯลฯ ประมาณกิโลเมตรละกี่บาท ถ้า
ปรากฏว่าใช้ไป 5 ป� ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมแก้ไขเกินครึ่งหนึ่งของราคารถ ก็ควรพิจารณาให้เปลี่ยน
ใหม่ เป�นตน้

3) การสำรองเครื่องจักรกลไว้เพื่อหมุนเวียนออกมาใช้ เป�นวิธีการอีกอย่างหนึ่งที่จะต้อง
วางแผนไว้ล่วงหน้า โดยการเก็บสำรองหรือกันเครื่องจักรกลที่ใช้อยู่ออกเสียจำนวนหนึ่ง (โดยปกติ
ประมาณ 10%) แต่ไม่ได้เป�นการสำรองไว้เฉยๆ หรือเพื่อจะนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือขาดแคลนอย่าง
เดียว พัสดุจำนวนนี้จะถูกนำเอามาใช้อยู่ตลอดเวลาเพื่อทดแทนเครื่องจักรที่ใช้อยู่ในกรณีที่ต้องหยุด
ทำงาน เพื่อรบั การบำรุงรักษา

4. การตรวจสอบพสั ดปุ ระจำป�
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ เกี่ยวกับการตรวจสอบพัสดปุ ระจำป� มีดังนี้

(ระเบยี บสำนักนายกรฐั มนตรวี า่ ดว้ ยการพัสดุ พ.ศ. 2535, 20 มกราคม 2535, หนา้ 67 – 68)
ข้อ 155 วรรค 1 ก่อนสิ้นเดือนกันยายนทุกป� ให้หัวหน้าส่วนราชการ หรือหัวหน้า

หน่วยงานซึ่งมีพัสดุไว้จ่าย แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในส่วนราชการหรือหน่วยงานนั้น ซึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่พัสดุ คน
หนึ่งหรือหลายคนตามความจำเป�น เพื่อตรวจสอบการรับจ่ายพัสดุงวดตั้งตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคมป�ก่อน
จนถงึ วนั ท่ี 30 กันยายน ปป� �จจุบัน และตรวจนับพัสดปุ ระเภททค่ี งเหลืออยูเ่ พียงวนั สิ้นงวดนั้น

ในการตรวจสอบตามวรรค 1 ให้เริ่มดำเนินการตรวจสอบพัสดุในวันเป�ดทำการวันแรก
ของเดือนตุลาคมเป�นต้นไป ว่าการรับจา่ ยถูกต้องหรือไม่ พัสดุคงเหลอื มีตัวอยู่ตรงตามบญั ชีหรือทะเบยี น
หรือไม่ มีพัสดุใดชำรุด เสื่อมคุณภาพ หรือสูญไป เพราะเหตุใด หรือพัสดุใดไม่จำเป�นต้องใช้ในราชการ
ต่อไป แล้วให้เสนอรายงานผลการตรวจสอบดังกล่าวต่อผู้แต่งตั้งภายใน 30 วันทำการ นับแต่วันเร่ิม
ดำเนนิ การตรวจสอบพสั ดุนน้ั

เมื่อผู้แต่งตั้งได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบแล้ว ให้ส่งรายงานเสนตามลำดับช้ัน
จนถึงหัวหน้าส่วนราชการ 1 ชุด และส่งสำเนารายงานเสนอตามลำดับชั้นจนถึงหัวหน้าส่วนราชการ 1
ชุด และส่งสำเนารายงานไปยังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินหรือสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาค
แลว้ แต่กรณี 1 ชดุ สำหรับหนว่ ยงานในราชการบรหิ ารส่วนภมู ิภาคใหส้ ง่ สำเนารายงานไปยังสว่ นราชการ
ตน้ สงั กัดอีก 1 ชุด ด้วย

ข้อ 156 เมือ่ หวั หน้าส่วนราชการไดร้ บั รายงานดังกล่าวตามข้อ 155 และปรากฏว่ามีพัสดุ
ชำรุด เสื่อมสภาพ หรือสูญไป หรือไม่จำเป�นต้องใช้ในราชการต่อไป ก็ให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบหา
ขอ้ เท็จจริงขน้ึ คณะหน่ึง โดยใหน้ ำความในข้อ 35 และขอ้ 36 มาใช้โดยอนโุ ลม เว้นแต่กรณีท่เี ห็นได้อย่าง
ชัดเจนว่า เป�นการเสื่อมสภาพเนื่องมาจากการใช้งานตามปกติ หรือสูญไปตามธรรมชาติ ให้หัวหน้าส่วน
ราชการพจิ ารณาส่งั การใหด้ ำเนินการจำหนา่ ยต่อไปได้

15

ถา้ ผลการพจิ ารณาปรากฎว่า จะตอ้ งหาตัวผรู้ บั ผดิ ดว้ ย ให้หวั หนา้ สว่ นราชการดำเนินการ
ตามระเบียบกระทรวงการคลังวา่ ด้วยการรับผดิ ทางแพ่งของเจ้าหนา้ ที่ส่วนราชการตอ่ ไป

5. การจำหนา่ ย
สาะสำคัญจากระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ เกี่ยวกับการจำหน่าย มีดังนี้

(ระเบยี บสำนกั นายกรฐั มนตรวี ่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535, 20 มกราคม 2535, หน้า 68)
หลังจากการตรวจสอบพสั ดปุ ระจำป�แล้ว พัสดใุ ดหมดความจำเปน� หรอื หากใช้ในราชการ

ต่อไปจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก ให้เจ้าหน้าทีพ่ ัสดุเสนอรายงานต่อหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อพิจารณาสง่ั
ให้ดำเนินการตามวธิ ีการอยา่ งหน่ึงอยา่ งใดดงั ตอ่ ไปนี้

1) ขาย
2) แลกเปลย่ี น
3) โอน
4) แปรสภาพหรือทำลาย

6. ราคามาตรฐานครภุ ณั ฑ์ และคณุ ลกั ษณะเฉพาะครุภณั ฑ์
สำนักงบประมาณ จัดทำเอกสารราคามาตรฐานครุภัณฑ์ และคุณลักษณะเฉพาะของ

ครุภัณฑ์ ขึ้นเพื่อใช้เป�นแนวทางในการจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำป� เพื่อให้เจ้าหน้าที่ในส่วน
ราชการมีแนวทางปฏิบัติงานให้เป�นมาตรฐานเดียวกันสำหรับการจัดหาภายในประเทศ ซึ่งฉบับที่ใช้

อา้ งองิ นีป้ รบั ปรุงเม่อื กุมภาพันธ์ 2556

ตาราง 1 ราคามาตรฐานครุภัณฑ์สำนกั งาน ประเภทเครอ่ื งปรบั อากาศ

ลำดับ ประเภท/รายการ/ขนาดครุภณั ฑ์ หน่วยนับ ราคาตอ่ หนว่ ย หมายเหตุ
ท่ี เคร่ือง (บาท)
1 เคร่อื งปรบั อากาศ ราคารวมคา่ ตดิ ต้งั
22,500 ราคารวมภาษมี ลู ค่าเพ่ิมแลว้
แบบแยกส่วน 26,000 ค่าตดิ ตัง้ ดูคุณลักษณะเฉพาะ
ชนดิ ตั้งพืน้ หรอื ชนิดแขวน 28,400 ครภุ ณั ฑ์
(มีระบบฟอกอากาศ) 33,400 ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5
1.1 ขนาด 13,000 บีทียู 37,300 ฉลากประหยดั ไฟฟ้าเบอร์ 5
1.2 ขนาด 15,000 บีทยี ู ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5
1.3 ขนาด 18,000 บีทยี ู ฉลากประหยัดไฟฟา้ เบอร์ 5
1.4 ขนาด 24,000 บที ียู ฉลากประหยดั ไฟฟา้ เบอร์ 5
1.5 ขนาด 30,000 บที ียู

16

ตาราง 1 (ต่อ)

1.6 ขนาด 36,000 บที ยี ู 43,500 ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5
1.7 ขนาด 40,000 บที ยี ู 50,800
1.8 ขนาด 44,000 บที ยี ู 52,000 สูงกวา่ 53,000 บที ยี ูเป�น
1.9 ขนาด 48,000 บที ียู 55,900 นอกมาตรฐาน
1.10 ขนาด 50,000 บที ียู 57,000 ราคารวมคา่ ตดิ ตงั้
ราคารวมภาษีมูลคา่ เพมิ่ แลว้
เคร่ืองปรับอากาศ เครื่อง 44,900
แบบแยกสว่ น 46,000 สูงกวา่ 60,000 บที ียูเปน�
ชนิดตูต้ ง้ั พ้นื (ไม่มรี ะบบฟอกอากาศ) 50,500 นอกมาตรฐาน
1.11 ขนาด 33,000 บที ยี ู 58,400
1.12 ขนาด 38,000 บที ียู ฉลากประหยดั ไฟฟา้ เบอร์ 5
1.13 ขนาด 42,000 บที ยี ู 17,900 ฉลากประหยดั ไฟฟา้ เบอร์ 5
1.14 ขนาด 56,000 บที ยี ู 21,500 ฉลากประหยัดไฟฟา้ เบอร์ 5
23,200 สูงกว่า 26,000 บที ยี ูเป�น
ชนดิ ตดิ ผนงั (มรี ะบบฟอกอากาศ) 28,000 นอกมาตรฐาน
1.15 ขนาด 12,000 บีทียู
1.16 ขนาด 16,000 บีทียู
1.17ขนาด 18,000 บีทยี ู
1.18 ขนาด 24,000 บที ยี ู

ทีม่ า: สำนักงบประมาณ, 2556, หนา้ 20 – 21

ตาราง 2 คณุ ลกั ษณะเฉพาะครภุ ณั ฑ์

ช่ือครภุ ณั ฑ์ รายละเอยี ด
เครือ่ งปรับอากาศ
1. ขนาดทก่ี ำหนดเป�นขนาดท่ีไมต่ ่ำกวา่
2. ราคาทก่ี ำหนดเปน� ราคาทร่ี วมค่าติดตง้ั
3. เครื่องปรับอากาศที่มีความสามารถในการทำความเย็น ขนาดไม่เกิน
40,000 บีทียู ต้องได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.
2134 – 2545 และฉลากประหยัดไฟฟา้ เบอร์ 5

17

ตาราง 2 (ต่อ) รายละเอยี ด
ชอื่ ครุภัณฑ์

เคร่อื งปรบั อากาศ 4. ต้องเป�นเครื่องปรับอากาศที่ประกอบสำเร็จรูปทั้งชุด ทั้งหน่วยส่งความ
เย็น และหน่วยระบายความรอ้ นจากโรงงานเดยี วกัน
5. เครื่องปรับอากาศที่มีระบบฟอกอากาศ ที่สามารถดักจับอนุภาคฝุ่น
ละอองและสามารถถอดลา้ งทำความสะอาดได้

- ชนิดตงั้ พื้นหรือแขวน
- ชนดิ ติดผนัง
สำหรบั ชนดิ ตูต้ ัง้ พน้ื เปน� เครอ่ื งปรับอากาศทไี่ มม่ รี ะบบฟอกอากาศ
6. มคี วามหน่วงเวลาการทำงานของคอมเพรสเซอร์
7. การจัดซื้อเครื่องปรับอากาศขนาดอื่นๆ ให้เป�นไปตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2533 แจ้งตามหนังสือสำนกั เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่
นร 0202/ว 4 ลงวันที่ 11 มกราคม 2533 และตามมตคิ ณะกรรมการนโยบาย
พลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2559 (ครั้งที่ 57) เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2539
เกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน โดยให้พิจารณาจัดซื้อเครื่องปรับอากาศที่มี
ประสิทธภิ าพสูง (EER) นอกเหนอื จากการพิจารณาด้านราคา โดยใช้หลักการ
เปรียบเทยี บคุณสมบตั ิ คือ
- ถ้าจำนวน บที ียู เทา่ กัน ให้พิจารณาเปรยี บเทียบจำนวนวตั ตท์ ่นี อ้ ยกวา่
- ถ้าจำนวน บีทียู ไม่เท่ากัน ให้นำจำนวน บีทียูหารด้วยจำนวนวัตต์
(บที ียู ต่อ วตั ต)์
ผลที่ได้คือค่า EER ถ้าค่าของ EER สูง ถือว่าเครื่องปรับอากาศมี
ประสทิ ธิภาพสูงสามารถประหยัดพลังงานไดด้ ีกว่า
8. การตดิ ตงั้ เครื่องปรับอากาศ

(1) แบบแยกส่วน ประกอบด้วยอุปกรณด์ ังน้ี
1.1 สวิตช์ 1 ตวั
1.2 ทอ่ ทองแดงไปกลับหุ้มฉนวนยาว 5 เมตร
1.3 สายไฟยาวไมเ่ กนิ 15 เมตร

ท่มี า: สำนักงบประมาณ, 2556, หนา้ 81 – 82

18

7. หลักเกณฑก์ ารคำนวณค่าเส่อื มราคา
มหาวิทยาลัยนเรศวร กำหนดอายุการใช้งาน และอัตราค่าเสื่อมราคาทรัพย์สิน (อาคาร

สิ่งก่อสร้าง และครุภัณฑ์) ตามหลักเกณฑ์ของกรมบัญชีกลาง (กรมบัญชีกลาง, วันที่ 16 พฤศจิกายน
2544) ดงั นี้

ตาราง 3 แสดงอายุการใชง้ านและอัตราค่าเส่อื มราคาทรพั ย์สินของมหาวิทยาลยั นเรศวร

ประเภททรัพยส์ นิ อายกุ ารใช้งาน อัตราค่าเสื่อมราคา/ป�
(ป)� (รอ้ ยละ)
1. อาคารถาวร 25 4
2. อาคารชวั่ คราว/โรงเรือน 10 10
3. สิ่งก่อสรา้ ง
20 5
3.1 ใช้คอนกรีตเสริมเหลก็ หรือโครงเหลก็ เปน�
ส่วนประกอบหลกั 10 10
10 10
3.2 ใชไ้ ม้หรือวสั ดอุ ่นื ๆ เป�นส่วนประกอบหลัก 8 12.5
4. ครภุ ณั ฑ์สำนักงาน 8 12.5
5. ครุภณั ฑ์ยานพาหนะและขนสง่
6. ครภุ ัณฑ์ไฟฟ้าและวทิ ยุ (ยกเว้นเครื่องกำเนิด 8 12.5
ไฟฟา้ ใหม้ อี ายกุ ารใช้งาน 15-20 ป�)
7. ครุภณั ฑ์โฆษณาและเผยแพร่ 4 25
8. ครุภณั ฑ์การเกษตร 8 12.5

8.1 เครอ่ื งมอื และอปุ กรณ์ 4 25
8.2 เครอ่ื งจักรกล 8 12.5
9. ครุภณั ฑ์โรงงาน
9.1 เครือ่ งมือและอุปกรณ์ 4 25
9.2 เครอื่ งจกั รกล 8 12.5
10. ครภุ ณั ฑก์ อ่ สร้าง
10.1 เคร่อื งมอื และอุปกรณ์ 5 20
10.2 เคร่ืองจกั รกล 4 25
11. ครภุ ัณฑ์สำรวจ
12. ครภุ ณั ฑ์วทิ ยาศาสตร์และการแพทย์
13. ครภุ ณั ฑ์คอมพวิ เตอร์

19

หลกั เกณฑ์ทใ่ี ชใ้ นการคดิ คา่ เสื่อมราคาทรัพยส์ นิ ที่ไม่ใช่ประเภทอาคารและส่งิ ก่อสรา้ ง
1) ทรัพย์สินมีอายุการใช้งานตั้งแต่ป� พ.ศ.2540 เป�นต้นไป และทรัพย์สินนั้นมีราคาตั้งแต่
30,000 บาทขึน้ ไป
2) ทรัพย์สินมีอายุการใช้งานตั้งแต่ป� พ.ศ.2545 เป�นต้นไป และทรัพย์สินนั้นมีราคาตั้งแต่
5,000 บาทข้นึ ไป

การคำนวณคา่ เสื่อมราคาทรัพยส์ ิน ดว้ ยวธิ เี สน้ ตรง ตามสตู รการคำนวณ ดงั น้ี

1) คา่ เส่ือมราคาทรัพย์สนิ / ป� = ราคาทุนของทรัพยส์ ิน
อายกุ ารใช้งานอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ

2) คา่ เสอ่ื มราคาสะสม = ค่าเสอื่ มราคาทรพั ยส์ นิ /ป� X อายกุ ารใชง้ านทผี่ ่านมา

3) มูลค่าทรัพยส์ ินสทุ ธิ = ราคาทนุ – ค่าเสอื่ มราคาสะสม

2.2 งานวิเคราะห/์ วจิ ยั ทเี่ กยี่ วขอ้ ง
จากการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงเครื่องปรบั อากาศ พบ

งานวจิ ยั ท่เี กี่ยวข้องดงั นี้
อำพล เทศดี (2550) ได้ทำการศึกษาเรื่อง การลดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงเครื่องปรับอากาศ

โดยแนวทาง PM (แนวทางการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน) ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนคร
เหนอื มีวตั ถุประสงค์ เพื่อลดคา่ ใช้จ่ายในการบำรุงรกั ษาเคร่ืองปรับอากาศลง 20% โดยทำการศึกษาการ
บำรุงรกั ษาเครอ่ื งปรบั อากาศของคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั ราชภัฏวไลยอลกรณ์ ในพระ
บรมชูปถัมภ์ ซึ่งเป�นการบำรุงรักษาแบบเสียแล้วซ่อม และนำข้อมูลค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุง
เครื่องปรับอากาศ ย้อนหลัง 6 เดือน (มกราคม – มิถุนายน 2549) ซึ่งเป�นข้อมูลค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุง
เครื่องปรับอากาศก่อนทำการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน จากนั้นนำขั้นตอนของการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
(PM) มาแก้ป�ญหา มีระยะเวลาในการบำรุงรักษาเชิงปอ้ งกัน 6 เดือน (มกราคม – มิถุนายน 2550) และ
ทำการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงก่อนและหลังทำ PM ผลการวิจัยพบว่า ป�จจุบัน
เครอื่ งปรับอากาศเป�นสง่ิ ที่จำเป�นอยา่ งหน่ึง สำหรบั ปรบั บรรยากาศใหเ้ หมาะสมกบั การทำงานของมนุษย์
เรา ทำให้อากาศมีการถ่ายเทและสะอาดมากขึ้น เพราะป�จจุบันอากาศโดยทั่วไปมีสิ่งสกปรกฝุ่นละออง
มากมายทำให้มนุษย์เราเป�นโรคภูมิแพ้ เครื่องปรับอากาศเป�นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องมีการบำรุงดูแลรักษา
เพื่อยดื อายกุ ารใช้งาน ลดการเส่ือมสภาพก่อนเวลาและลดการสญู เสียจากการขดั ข้อง เคร่ืองปรับอากาศ
ของคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ซึ่งเป�นสถาบันการศึกษาที่
ให้บริการแก่นักศึกษา อาจารย์ และเจ้าหน้าที่โดยติดตั้งตามสถานที่ต่างๆ ภายในคณะ จำนวน 67
เครื่อง ซึ่งเดิมที่ผ่านมาเครื่องปรับอากาศดังกล่าวไม่มีระบบการซ่อมบำรุงเชิงรุกใช้วิธีเสียแล้วถึงซ่อม

20

งบประมาณในการซ่อมก็ไม่สามารถกำหนดได้ จากการศึกษาข้อมูลพบว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนไม่
เท่ากันบางเดือนสูงบางเดือนต่ำ ตามสภาพการใช้งาน จากตารางสรุปรายละเอียดของป�ญหาการเสีย
เช่น ความถี่ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมเครื่องปรับอากาศ ย้อนหลัง 12 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม 2549 ถึง
เดือนธันวาคม 2549 สรุปได้ว่าความถี่ในการซ่อมตลอด 1 ป� เท่ากับ 108 ครั้ง ค่าใช้จ่ายในการซ่อม
บำรุงเป�นเงิน 256,900 บาท แต่ในการเปรียบเทียบข้อมูลจะใช้เพียง 6 เดือนก่อนทำ PM และหลังทำ
PM ซึ่งพบว่าก่อนทำ PM ค่าใช้จ่าย 121,600 บาท หลังทำ PM เสียค่าใช้จ่าย 98,800 บาท สามารถลด
ค่าใชจ้ า่ ยลงไปได้ 22,800 บาท คิดเป�น 23 % ซึง่ เป�นไปตามวตั ถุประสงค์ทต่ี งั้ ไว้

นิพนธ์ วัฒนาพูนชัย (2551) ได้ทำการศึกษาเรื่อง การลดค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษา
เครื่องปรับอากาศด้วยการพัฒนาระบบการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอม
เกล้าพระนครเหนอื มีวัตถุประสงค์ เพ่ือพฒั นาและกำหนดแผนงานเพ่ือเพมิ่ ประสิทธิภาพการบำรุงรักษา
เครื่องปรับอากาศ และเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาโดยรวมลงประมาณ 15% โดยทำการศึกษา
การบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศของบริษัท เอช.ซี.สตาร์ค จำกัด จำนวน 150 ชุด ด้วยการเก็บข้อมูล
ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากงานซ่อมที่ไม่ได้วางแผนจากระบบการบำรุงรักษาเชิงป้องกันในระบบ
เครื่องปรับอากาศแบบเดิม เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายที่เกิดจากงานซ่อมที่ไม่ได้วางแผนจากระบบการ
บำรุงรักษาเชิงป้องกันในระบบเครื่องปรับอากาศที่พัฒนาในรูปแบบใหม่ ผลการวิจัยพบว่า ระบบการ
บำรุงรักษาเชิงป้องกันในระบบเครื่องปรับอากาศเดิม มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดจากงานซ่อมที่ไม่ได้
วางแผนเป�น 3.2 เท่าของสัญญาบริการ คิดเป�นเงิน 633,970 บาท การศึกษาข้อมูลเดิมพบว่า ค่าใช้จ่าย
ท่เี กิดขึ้นมีสาเหตมุ าจากรอบการให้บริการในแผนการซ่อมบำรุงเชงิ ป้องกนั เดิมไม่สอดคล้องกบั สภาพการ
ใชง้ านของเครื่องปรับอากาศนัน้ ๆ ขนั้ ตอนการปฏิบัติงานและแผ่นตรวจสอบเดมิ มีรายละเอียดท่ีต้องให้มี
การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน และตรวจสอบน้อยเกินไปไม่ครอบคลุมงานที่จำเป�นต้องดูแล
เครื่องปรับอากาศได้ทั้งหมด การพัฒนาระบบการบำรุงรักษากระทำโดยการประยุกต์แนวทางการ
วิเคราะห์ข้อบกพร่อง และผลที่จะได้รับกับข้อมูลการชำรุดในส่วนประกอบต่างๆ ค้นหาสาเหตุ และหา
มาตรการป้องกัน เพื่อให้ครอบคลุมการทำงานมากขึ้น อัตราการเกิดข้อขัดข้องลดลง ความเสียหายถูก
จำกัดลง และค่าใช้จ่ายที่เกิดจากงานซ่อมที่ไม่ได้วางแผนลดลงไม่น้อยกว่า 15% การวิจัยได้ดำเนินการ
พัฒนาไปจากแผนเดิม โดยการปรับรอบเวลาการให้บริการ จัดทำแผนปฏิบัติงานใหม่ และเพิ่มการ
ตรวจสอบความเป�นฉนวน ความต้านทานขดลวด ในแผ่นตรวจสอบผลที่ได้จากการปฏิบัติงาน 4 เดือน
พบว่า อัตราการเกิดข้อขัดข้องลดลง 73.63% ทำให้ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากงานซ่อมที่ไม่ได้วางแผนลดลง
90.75% นั่นหมายความว่า ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาโดยรวมลดลงจาก 299,910 บาท เป�น
140,557.24 บาท หรือลดลง 53.13%

ปรุงศักดิ์ อัตพุฒ (2548) ได้ทำการศึกษาเรื่อง การประเมินหารูปแบบการจัดการบำรุงรักษา
เครื่องปรับอากาศในมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มี
วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือประเมนิ หารปู แบบการจดั การบำรงุ รักษาเครอ่ื งปรบั อากาศ ในมหาวทิ ยาลัยราชภัฏ
สวนสุนันทา โดยมุ่งเน้นทำการศึกษา ในส่วนของเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน เนื่องจากอาคารและ
สำนักงานในมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาจะมีเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนเป�นจำนวนมากและ

21

มักจะประสบป�ญหาในการบำรุงรักษามากที่สุด ซึ่งถ้าไม่มีการจัดการบำรุงรักษาที่ดีแล้วจะทำให้เกิด
ป�ญหาตามมา และป�จจัยที่เกี่ยวข้องกับการประเมินหารูปแบบการจัดการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ
แบ่งออกเป�น 2 ส่วนคือ ส่วนท่ี 1 จะเป�นการศึกษาจัดการบำรุงรักษาระบบปรับอากาศของฝ่ายอาคาร
และสถานที่ ที่ปฏิบัติอยู่ในป�จจุบัน และส่วนที่ 2 จะเป�นการสำรวจเพื่อให้ทราบถึงการให้ลำดับคววาม
สำคัญในการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ ซึ่งมีป�จจัยที่ทำการสำรวจ 4 ป�จจัย คือ 1. ประสิทธิภาพของ
เครื่องปรับอากาศ 2. ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา 3. ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน และ4. ความยากง่ายในการ
บำรุงรักษา โดยสามารถนำผลการวิจัยนี้ใช้ประกอบพิจารณาในการจัดลำดับของงานในการทำการ
บำรุงรักษาของเครื่องปรับอากาศ แต่ละเคร่ืองทีม่ จี ำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ กลุ่มประชากรที่ใช้
ศึกษาครั้งนี้ คือ กลุ่มผู้บริหารและกลุ่มผู้ดูแลระบบปรับอากาศ ในฝ่ายอาคารและสถานท่ี ใน
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จำนวน 10 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องปรับอากาศ จำนวน 10 คน
ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามและสถิติที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ,
ฐานนิยม และค่าเฉลยี่ ผลการวิจยั พบวา่ การประเมินหารปู แบบการจัดการบำรงุ รกั ษาเครื่องปรบั อากาศ
ได้ผลที่สะท้อนถึงพฤติกรรมในการจัดการและการปฏิบัติการบำรุงรักษาระบบปรับอากาศในอาคาร ซ่ึง
จะเห็นได้ว่า เมื่อเปรียบเทียบกับทฤษฎีต่าง ๆ ในการจัดการและการปฏิบัติการบำรุงรักษานั้น ผู้บริหาร
อาคารส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้และการให้ความสำคัญในส่วนนี้มากเท่าที่ควร ซึ่งในส่วนของระบบปรับ
อากาศนั้นเป�นส่วนที่มีความสำคัญส่วนหนึ่งในการบริหารอาคาร โดยจะมีผลกระทบโดยตรงกับผู้ใช้งาน
ถ้ามีการจัดการและบำรุงรักษาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับวิธีการและเครือ่ งมือที่ใช้เข้ามาช่วย
ในการจดั การเพอื่ ใหเ้ กิดประสิทธิภาพมากท่สี ุด

22

บทท3่ี
วิธกี ารดำเนนิ งานโครงการ

เนื้อหาในบทนี้จะกล่าวถึงขั้นตอนในการดำเนินงานต่างๆของโครงงานฉบับนี้ที่เกี่ยวข้องกับ
ระบบ ของเครื่องปรับอากาศ คือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ปรับอุณหภูมิของอากาศในเคหสถาน เพื่อไม่ให้ร้อน
หรือไม่ใหเ้ ยน็ จนเกนิ ไป

3.1 ศกึ ษาข้อมูลและวเิ คราะห์ข้อมลู

งานวิจัยในทำการศึกษาและทดสอบเครื่องปรบั อากาศ ซึ่งได้ทำการปรับปรุงในส่วนของชุดคอน
เคนเซอร์ (Condensing Unit)

โดยอาศัยหลักการทำงานของการระบายความร้อนในคอนเคนเซอร์ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์หล่อ
เย็นให้กับ (Condensing Unit) และหลักการการระบายความร้อนโดยระบบน้ำหล่อเย็นให้กับ
(Condensing Unit)

3.2 กระบวนการดาํ เนนิ การ
กระบวนการดําเนินงาน ศึกษา วิเคราะห์และค้นหาป�ญหาที่เกิดเพื่อปรับปรุง แก้ไขให้มี

ประสทิ ธิภาพมากยิง่ ข้นึ

รูปท่ี 3.2 แสดงแผนภาพการทำงานของระบบปรับอากาศแบบระบายความรอ้ นด้วยอากาศ

23

3.2.1 การสำรวจสภาพปญ� หาปจ� จุบนั
สำรวจสภาพป�ญหาป�จจุบันที่ทำให้เกิดป�ญหา พบป�ญหาคือ Condensing มีความร้อนสูง

ตรวจสอบหาสาเหตขุ องป�ญหาทเ่ี กิดข้ึนคือ อณุ หภูมขิ อง Condensing บนชัน้ ลอย W/H มอี ณุ หภูมทิ ี่สงู

ตาราง อุณหภมู ิ Condensing เฉลีย่ ชว่ งเวลา 12.00-16.00น.

เดือน อณุ หภูมิเฉลย่ี
Jan-22 57-60 c◦
Feb-22 55-58 c◦
Mar-22 53-55 c◦

3.2.2 วเิ คราะห์หาสาเหตทุ ที่ ำใหเ้ กิดปญ� หา
วิเคราะหห์ าสาเหตทุ ่ที ำให้เกดิ ปญ� หาโดยใช้ 4M 1E ในการวเิ คราะหห์ าสาเหตกุ ารเกดิ ป�ญหา

24

3.2.3 บนั ทึกขอ้ มลู การขัดขอ้ ง

เน่อื งจาก Condensing มอี ณุ หภมู ิความร้อนสงู จึงทำให้ Condensing เสยี บอ่ ย จงึ ส่งผล

กระทบทำใหแ้ อรไ์ มส่ ามารถทำงานได้เตม็ ประสิทธภิ าพ

ตารางบนั ทกึ ข้อมูลการขดั ขอ้ ง ตั้งแต่เดือน มกราคม 2022- มีนาคม 2022

เดอื น มกราคม ช่วงเวลา จาํ นวนชว�ั โมง MTBF = 24 ℎ 31 −19.5 ℎ
วนั เดอื น ปี 09.10 – 12.50 4 5
5/1/2022 16.00 - 20.30 4.5
12/1/2022 08.00 – 11.00 3 = 144.90 hrs/time
18/01/2022 14.30 – 17.00 3.5
26/01/2022 MTTR = 19.5 ℎ
5

30/01/2022 15.00 – 19.30 4.5 = 3.90 hrs/time

เดอื น กมุ ภาพันธ์ ชว่ งเวลา จํานวนช�วั โมง MTBF = 24 ℎ 28 −15 ℎ
วัน เดือน ปี 14.00 – 18.00 4 4
5/2/2022 07.40 – 11.40 4
10/2/2022 09.00 – 12.00 3 = 108.66 hrs/time
14/02/2022 15.00 – 18.00 3
19/02/2022 08.30 - 11.30 3 MTTR = 23.0 ℎ
22/02/2022 10.00 - 13.00 3 6
28/02/2022
= 3.33 hrs/time

เดือน มีนาคม ชว่ งเวลา จาํ นวนช�ัวโมง MTBF = 24 ℎ 31 −19ℎ
วนั เดอื น ปี 14.00 – 18.00 4 5
2/3/2022 07.00 – 11.30 4.5
7/3/2022 09.00 – 13.30 4.5 = 102.00 hrs/time
13/03/2022 10.00 – 14.00 4
17/03/2022 13.00 – 17.30 4.5 MTTR = 19 ℎ
23/03/2022 13.00 – 16.00 4 5
25/03/2022 15.00 – 18.30 4.5
31/03/2022 = 4.28 hrs/time

25

ตารางสถานะการทำการของแอร์ ตัง้ แตเ่ ดอื น มกราคม 2022- มนี าคม 2022

สถานะการทาํ งาน ปี 2022
ม.ค. ก.พ. มี.ค.

เวลาเดินเครื�องทงั� หมด (ชั�วโมง) 744 672 744

เวลาใชง้ านเคร�ือง (ชวั� โมง) 724.5 652 714

เวลาเคร�ืองเสยี (ชว�ั โมง) 19.5 20 30

จํานวนครั�งทีเ� คร�อื งหยดุ (ครงั� ) 567

สถานะการทํางาน ปี 2022
กอ่ นดําเนินการ
MTBF (ชว�ั โมง/คร�ัง) ม.ค. ก.พ. มี.ค.
MTTR (ชัว� โมง/ครงั� ) 144.9 131.4 145.0
% Machine Availability
3.9 3.33 4.3

97.38 97.02 95.97

3.2.4 สรุปสาเหตุ
สาเหตุที่อาจเปน� ไปได้ของป�ญหาคอื Condensing ระบายความร้อนได้ไม่สะดวก

รปู ท่ี 3.2.4 สถานท่ี ท่ีเกิดปญ� หา

26

3.2.5 การดำเนนิ กิจกรรมการแกไ้ ขป�ญหา
1. ทำการ ติดตั้งสายนำ้ หล่อเยน็ ให้กับคอยส์รอ้ น หรือ CDU โดยใช้ Timer เปน� ตัวส่งั

Solenoid valve ให้ปล่อยนำ้ มาหลอ่ เย็นคอยสร์ อ้ น ช่วงเวลา12.00-16.00

รปู ที่ 3.2.5 ทำการติดต้ังอุปกรณ์หลอ่ เย็นใหก้ ับ (Condensing Unit)

2.การดำเนินกจิ กรรมแกไ้ ขปญ� หา AFTER
BEFORE

27

บทที่ 4
ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู

หลังจากทำการติดตั้ง ระบบน้ำหล่อเย็นให้กับ Condensing Unit เช็คอุณหภูมิบนชั้นลอย
W/H อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ท่ี 45-48องศา ลดอุณหภูมิได้ประมาณ 27-30องศา หรือประมาณ 50 %ของ
อณุ หภูมโิ ดยรวมของ Condensing Unit (ในชว่ งเวลา 12.00-16.00)

4.1 บันทกึ ข้อมลู การขัดข้องหลังจากทำการติดตง้ั ระบบนำ้ หลอ่ เย็นใหก้ บั Condensing Unit

ตารางบันทกึ ข้อมลู การขัดข้องหลังจากทำการตดิ ตั้งระบบน้ำหลอ่ เยน็ ใหก้ ับ Condensing Unit
ต้งั แตเ่ ดือน เมษายน 2022- มถิ ุนายน 2022

เดือน เมษายน ชว่ งเวลา จาํ นวนชว�ั โมง MTBF = 24 ℎ 30 −2.5ℎ
วัน เดือน ปี 10.00 - 11.30 1.5 2
8/4/2022 15.20 - 16.20 1.5
17/4/2022 09.30 - 10.30 1 = 238.66 hrs/time
30/4/2022
MTTR = 3.5 ℎ
3

= 1.33 hrs/time

เดอื น พฤษภาคม ชว่ งเวลา จาํ นวนชว�ั โมง MTBF = 24 ℎ 31 −1ℎ
วนั เดอื น ปี 08.30 - 09.30 1.5 1
10/5/2022 14.00 - 15.00 1
= 370.75 hrs/time
26/5/2022

MTTR = 2 ℎ
2

= 1.25 hrs/time

เดอื น มถิ นุ ายน ช่วงเวลา จํานวนชัว� โมง MTBF = 24 ℎ 30 −0.5ℎ
วัน เดอื น ปี 14.00 - 14.30 0.5 1

29/6/2022

= 719.50 hrs/time

MTTR = 0.5 ℎ
1

= 0.50 hrs/time

28

4.2 วดั ผลก่อนและหลงั
ตารางสถานะการทำการของแอร์ ตง้ั แต่เดือน มกราคม 2022- มนี าคม 2022 กอ่ นทำการแก้ไข

และหลังจากทำการติดตั้งระบบน้ำหล่อเย็นให้กับ Condensing Unit ตั้งแต่เดือน เมษายน 2022 -
มิถุนายน 2022

สถานะการทาํ งาน ม.ค. ก.พ. ปี 2022
744 672 มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย.
เวลาเดนิ เครอ�ื งทงั� หมด (ช�ัวโมง) 724.5 652 744 720 744 720
เวลาใชง้ านเครอ�ื ง (ชั�วโมง) 19.5 20 714 716 741.5 719.5
เวลาเครือ� งเสยี (ช�ัวโมง) 56 30 4 2.5 0.5
จํานวนคร�ังทเี� คร�ืองหยุด (คร�ัง) 7321

ปี 2022

สถานะการทาํ งาน ก่อนดาํ เนินการ หลงั ดาํ เนินการ

MTBF (ชั�วโมง/ครงั� ) ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย.
MTTR (ช�วั โมง/ครัง� )
% Machine Availability 144.9 131.4 145.0 143.5 148.6 149.9

3.9 3.33 4.3 1.16 1 0.5

97.38 97.02 95.97 99.44 99.66 99.93

4.2.1 กราฟขอ้ มลู การขัดขอ้ งของเคร่ือง ก่อนและหลังจากทำการตดิ ต้งั ระบบน้ำหล่อเยน็
ให้กบั Condensing Unit

29

จากกราฟแสดงขอ้ มูลการขัดขอ้ งของเครื่อง จะเห็นได้จากจำนวนครง้ั ท่เี ครือ่ งขัดขอ้ งลดลง
หลงั จากทำการติดต้ังระบบน้ำหลอ่ เยน็ ใหก้ บั Condensing Unit

4.2.2 กราฟสถานะการทำงานของเครอ่ื ง กอ่ นและหลงั จากทำการติดต้งั ระบบน้ำหล่อเยน็
ใหก้ ับ Condensing Unit

4.3ข้อมลู อณุ หภมู ทิ ีล่ ดลง ลดอณุ หภูมิ condensing
ได้ 50 %ในช่วงเวลลาทก่ี าํ หนด
ผลการดาํ เนินกจิ กรรม
70 After
เช็คอณุ หภูมบิ น+ช้ันลอย W/H 60
อุณหภูมิโดยรอบ 45-48องศา 50
40
ทาํ การตดิ ต้งั ระบบนํา้ หล่อเยน็ ให้กบั Condensing Unit 30
20
* ลดอุณหภูมิได้ประมาณ 27-30องศา หรือประมาณ 50 10
%ของอุณหภูมิโดยรวมของ Condensing Unit(ในช่วง 0
เวลา 12.00-16.00)
Target

Series1

30

บทที่ 5

สรปุ ผลและข้อเสนอแนะ

5.1 สรุปผลการดำเนินงาน

จากการเก็บข้อมูลการขัดข้องของตารางหัวข้อ 3.2.3 บันทึกข้อมูลการขัดข้องเทียบกับตาราง
หัวข้อ 4.1 บันทึกข้อมูลการขัดข้องหลังจากทำการติดตั้ง ระบบน้ำหล่อเย็นให้กับ Condensing Unit
สามารถบ่งบอกได้ว่า จำนวนครั้งและจำนวนชั่วโมงครั้งในการแก้ไขป�ญหาในการซ่อมบำรุง
Condensing Unit ลดลงอยา่ งเห็นไดช้ ดั และสามารถลดจำนวนครัง้ ในการซ่อมบำรงุ รกั ษาได้ สอดคลอ้ ง
กับวัตถุประสงค์ที่” เพื่อให้ระบบและบริภัณฑ์ไฟฟ้าทำงานอย่างมีประสิทธิผล” จากการเก็บข้อมูลมา
วิเคราะห์ ดังตารางหัวข้อที่ 4.2 แสดงให้เห็นว่าค่าข้อมูลที่ทำการวิเคราะห์ระยะเวลาเฉลี่ยก่อนการเสีย
หาแต่ละครั้ง(MTBF) เป�นระยะเวลา3เดือน จะเห็นได้ว่าค่าMTBF มากขึ้น และค่าเฉลี่ยของเวลาในการ
ซอ่ มแตล่ ะคร้งั (MTTR) จะลดดลง และ การทำงานได(้ % Availability) เพ่มิ ขนึ้ อย่างเหน็ ไดช้ ดั ดงั ตาราง
หัวข้อ 4.2.2 ซึ่งสามารถบ่งบอกได้ว่าเปอร์เซนการทำงานเพิ่มมากยิ่งขึ้น และหลังทำโครงการลดความ
ร้อนสะสมของ Condensing Unit อุณหภูมิลดลงได้ถึง 50% จากก่อนทำโครงการ 45-48 องศา
เหลือ 27-30 องศา


Click to View FlipBook Version