การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 44 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 รหัสผลงาน B088 การพัฒนาแนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เขตอ าเภอเมืองจังหวัดยโสธร Development of Stroke Patient Care Guidelines, Yasothon District ทรงฤทธิ์ ธารีราช ศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการงานอุบัติเหตุฉุกเฉิน โรงพยาบาลยโสธร บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: โรคหลอดเลือดสมองเป็นปัญหาสาธารณสุขที่ส าคัญของประเทศ สถิติโรงพยาบาลยโสธร พบว่า ผู้ป่วย โรคหลอดเลือดสมองที่เข้ามารับบริการมีจ านวนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัญหาการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองส่วนใหญ่การใช้ ระบบบริการระบบการแพทย์ฉุกเฉินต่ ามากเพียงร้อยละ 30 มีการน าส่งที่ล่าช้าเกินเวลาที่ก าหนดและไม่มีอุปกรณ์การ ช่วยเหลือเบื้องต้น ผู้วิจัยจึงได้พัฒนาแนวทางการดูแลผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง เขตอ าเภอเมือง จังหวัดยโสธร วัตถุประสงค์: (1) เพื่อศึกษาบริบทหรือสภาพปัญหาและพัฒนาแนวทางการดูแลผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) และ (2) เพื่อประเมินผลแนวทางการดูแลผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ต่อประสิทธิภาพการ เข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินของผู้สูงอายุในกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองเขตอ าเภอเมือง จังหวัดยโสธร วิธีด าเนินการวิธีวิจัย: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา แบ่งการวิจัย ออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 การศึกษาเชิง พรรณนา ศึกษาสภาพปัญหาการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ระยะที่ 2 พัฒนาแนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือด สมอง (Stroke) ประกอบด้วย (1) การออกแบบและพัฒนาแนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง และ (2) ทดลองใช้ และน าแนวทางที่พัฒนาขึ้นไปปฏิบัติ ระยะที่ 3 ประเมินผลการน าแนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เป็นการวิจัย กึ่งทดลอง กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เขตอ าเภอเมือง จังหวัดยโสธร จ านวน 70 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทดลอง จ านวน 35 คน และกลุ่มควบคุม จ านวน 35 คน เครื่องมือที่ใชในการวิจัยประกอบด้วย แบบประเมิน ความรู้และทักษะการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง แบบบันทึกข้อมูลการรายงานการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยโรคหลอด เลือดสมอง และจ านวนร้อยละได้รับยาในการรักษาระหว่างการเดินทางมาเอง และการใช้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน การ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ จ านวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน paired t-test และ independent t-test ก าหนดระดับนัยส าคัญทางสถิติที่ 0.05 ผลการศึกษา: (1) แนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่พัฒนาขึ้นเป็นโปรแกรมส าหรับผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือด สมอง ประกอบด้วย 3 โปรแกรม 7 สัปดาห์ ดังนี้ (1) โปรแกรมที่ 1 (ระยะเวลา 2 สัปดาห์) ให้ความรู้ในการดูแลผู้สูงอายุโรค หลอดเลือดสมองสัญญาณและอาการเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง (2) โปรแกรมที่ 2 (ระยะเวลา 2 สัปดาห์) ฝึกทักษะใน การดูแลผู้สูงอายุโรคหลอดเลือดสมอง (3) โปรแกรมที่ 3 (ระยะเวลา 3 สัปดาห์) ให้ความรู้และทักษะในการแจ้งเหตุเพื่อขอ ความช่วยเหลือผ่านทางหมายเลข 1669 และระบบการแพทย์ฉุกเฉินเมื่อพบสัญญาณและอาการเตือนของโรคหลอดเลือด สมอง 2. การประเมินผลการพัฒนาแนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) พบว่า หลังการใช้โปรแกรมแนว ทางการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ผู้ดูแลมีความรู้เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมอง (8.33, 5.34, p < 0.001) ความรู้ เกี่ยวกับการเข้าถึงระบบแพทย์ฉุกเฉิน (8.28, 5.43, p < 0.001) และมีทักษะเกี่ยวกับการดูแลโรคหลอดเลือดสมอง (8.76, 5.11, p < 0.001) สูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ ร้อยละการน าส่งผู้ป่วยโดยระบบการแพทย์ฉุกเฉินมีแนวโน้ม สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และร้อยละการได้รับยายาละลายลิ่มเลือด (rt-PA) ขณะน าส่งด้วยระบบการแพทย์ฉุกเฉิน (ร้อยละ 71- 89) สูงกว่าการเดินทางมาเองของผู้ป่วย (ร้อยละ 23-33) การน าไปใช้: น าโปรแกรมพัฒนาทักษะผู้ดูแลผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองมาใช้ เป็นแนวทางการพัฒนาความรู้ และทักษะของผู้ดูแลผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองในการเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ค าส าคัญ : ผู้ป่วยโรคสมองขาดเลือดเฉียบพลัน,การบริการการแพทย์ฉุกเฉิน, รถปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉิน
การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 45 รหัสผลงาน B089 การพัฒนารูปแบบการบริการพยาบาลผู้ป่วยเบาหวานที่มีแผลที่เท้า ตามกรอบมาตรฐานคุณภาพบริการ พยาบาลในโรงพยาบาลสู่ความเป็นเลิศ The care model for diabetic foot patients according to the quality standards of nursing services in hospitals towards excellence ลัดดา อะโนศรี พยาบาลวิชาชีพช านาญการพิเศษ โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: ผู้ป่วยเบาหวานที่มีระดับน้ าตาลในเลือดสูงกว่าปกติจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลที่เท้า และเมื่อมีแผล หากได้รับการดูแลที่ไม่เหมาะสมอาจเกิดการลุกลามของแผลจนต้องตัดเท้าหรืออวัยวะที่เท้าได้ จากสถิติของโรงพยาบาล กาฬสินธุ์ ในปี 2562, 2563 และ 2564 มี ผู้ป่วยมีแผลที่เท้าจ านวน 32, 38 และ 43 รายตามล าดับ และได้รับการตัดเท้า/ อวัยวะที่เท้า จ านวน 12, 15 และ 22 รายตามล าดับ จากการสอบถามผู้ป่วยและบุคลากรที่ให้บริการพบว่า ผู้ป่วยรู้สึกเบื่อ หน่ายที่ต้องล้างแผลทุกวัน ระยะเวลารับบริการนาน หลายขั้นตอน ผู้ป่วยหลายรายจะล้างแผลไม่สม่ าเสมอ จากปัญหาที่ เกิดขึ้นผู้วิจัยและคณะจึงมีแนวคิดในการยกระดับคุณภาพบริการพยาบาลผู้ป่วยเบาหวานที่มีแผลที่เท้าให้ได้มาตรฐาน วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนารูปแบบการบริการพยาบาลผู้ป่วยเบาหวานที่มีแผลที่เท้า ตามกรอบมาตรฐานคุณภาพบริการ พยาบาลในโรงพยาบาลสู่ความเป็นเลิศ วิธีด าเนินการวิธีวิจัย: การวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลที่ปฏิบัติงานใน รพ.สต. พยาบาลผู้ป่วยนอกและพยาบาลหอผู้ป่วยใน จ านวน 86 คน ระยะเวลา ตุลาคม 2564 – กันยายน 2565 มีขั้นตอน การวิจัย 4 ระยะ คือ (1) การวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหา สืบค้นหลักฐานเชิงประจักษ์และประชุมบุคลากรเครือข่ายอ าเภอ เมืองที่เกี่ยวข้องในการดูแลผู้ป่วย (2) พัฒนารูปแบบการบริการพยาบาลผู้ป่วยเบาหวานที่มีแผลที่เท้า ตามกรอบมาตรฐาน คุณภาพบริการพยาบาลในโรงพยาบาลสู่ความเป็นเลิศ (3) การน ารูปแบบที่พัฒนาสู่การปฏิบัติ (4) การประเมินผลลัพธ์การ พัฒนาบริการพยาบาล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ย ของตัวแปรภายในกลุ่มโดยใช้ paired t-test ก าหนดนัยส าคัญที่ระดับ .05 วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษา: ระยะที่ 1 การวิเคราะห์สถานการณ์ พบว่า ด้านบุคลากร การคัดกรองเท้ายังไม่ครอบคลุม ขาดแนวทางการ พยาบาลผู้ป่วยที่มีแผลที่เท้าร่วมกัน ขั้นตอนบริการนาน ผู้ป่วยหลายรายขนาดใหญ่ไม่ยินยอม debridement หรือ Amputation และไม่สมัครรักษา ด้านผู้ป่วย พบว่า แผลขนาดเล็กจะท าแผลเองที่บ้าน ท าแผลไม่ถูกวิธี ระดับน้ าตาลในเลือด สูง HbA1c > 8 เป็นระยะเวลานาน และแผลอักเสบติดเชื้อมากขึ้นจึงมารับการรักษา ระยะที่ 2 รูปแบบการบริพยาบาล ผู้ป่วยเบาหวานแบบไร้รอยต่อ ที่มุ่งให้ผู้รับบริการสามารถเข้าถึงการบริการได้ง่าย ปลอดภัย รวดเร็วและเป็นไปตามมาตรฐาน คุณภาพการบริการพยาบาล 9 มาตรฐาน ประกอบด้วย ก่อนการรักษา การตรวจรักษา หลังการรักษา การดูแลต่อเนื่อง คุ้มครองภาวะสุขภาพ ให้ข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพ พิทักษ์สิทธิ์ผู้ป่วยและการบันทึกทางการพยาบาล ระยะที่ 3 การน า รูปแบบสู่การปฏิบัติพบว่า พยาบาลสามารถให้บริการพยาบาลตามรูปแบบที่พัฒนาขึ้นได้ทุกขั้นตอน และระยะที่ 4 ค่าเฉลี่ย การปฏิบัติของพยาบาลตามแนวทางที่ก าหนดเพิ่มขึ้น ค่าเฉลี่ยความรู้ของผู้ป่วยในการดูแลตนเองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส าคัญทาง สถิติ (p < .001) ระดับความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างอยู่ในระดับมากที่สุด และคลินิกเท้าได้รับการประเมินและยกระดับ เป็น Excellence Clinic การน าไปใช้: รูปแบบที่พัฒนาขึ้นน าใช้ได้จริงเหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ ลดขั้นตอนบริการ และสามารถยกระดับคุณภาพ การบริการพยาบาลผู้ป่วยสู่ความเป็นเลิศได้จริง ค าส าคัญ : แผลที่เท้าเบาหวาน, การบริการพยาบาล, การยกระดับคุณภาพบริการพยาบาลสู่ความเป็นเลิศ
การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 46 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 รหัสผลงาน B090 ประสิทธิผลของโปรแกรมการดูแลระยะเปลี่ยนผ่านโดยพยาบาลเฉพาะทางโรคหลอดเลือดสมองร่วมกับ การใช้ Tele-nursing ต่อความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจ าวันในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาด เลือดครั้งแรก Effectiveness of stroke nurse specialist led-transitional care program combined with Telenursing on activity daily of living score among the first episode ischemic stroke patients and primary care-givers พิกุล โกวิทพัฒนา พยาบาลวิชาชีพช านาญการพิเศษ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา นิพนธ์ วาตาดา พยาบาลวิชาชีพ ช านาญการ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา วนิดา บรรจงปรุ พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ดร.ศกุนตลา อนุเรือง อาจารย์พยาบาล คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อุมาพร บุญกองชาติ พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: โรคหลอดเลือดสมอง อาจท าให้เกิดความบกพร่องของระบบประสาทสั่งการ การท างานของร่างกาย ประสาทรับสัมผัส ความจ า การสื่อสาร มีการสูญเสียความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจ าวัน ซึ่งอาจเป็นชั่วคราว หรือ สูญเสียอย่างถาวร ช่วงเวลาการรักษาระยะเฉียบพลันที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเป็นระยะเปลี่ยนผ่านที่ส าคัญในการ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น การวางแผนการดูแลรักษาต่อเนื่อง การเตรียมความพร้อมผู้ป่วยเพื่อส่งเสริมการฟื้น หายจากการเจ็บป่วยจนกลับมาใกล้เคียงปกติ สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจ าวันได้ ลดการพึ่งพิง ลดการกลับเข้ารักษาใน โรงพยาบาลซ้ า ลดการกลับมาเป็นโรคซ้ า และลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ตลอดจนส่งเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี วัตถุประสงค์การวิจัย: เพื่อเปรียบเทียบคะแนนความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจ าวัน ในระยะจ าหน่าย และ 1 เดือน ของโปรแกรมการดูแลระยะเปลี่ยนผ่านโดยพยาบาลเฉพาะทางโรคหลอดเลือดสมองร่วมกับการใช้ Tele-nursing วิธีด าเนินการวิจัย: เป็นการวิจัยแบบทดลอง มีกลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบ วัดผลก่อนและหลังการทดลอง ผู้เข้าร่วม การวิจัยคือผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดครั้งแรก ที่รักษา ณ หอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ทั้งเพศชายและเพศหญิง ที่อายุตั้งแต่ 50 ปี ขึ้นไป คัดเลือกแบบเจาะจง จ านวน 70 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ๆ ละ 35 คน กลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมการดูแลระยะเปลี่ยนผ่านโดยพยาบาลเฉพาะทางโรคหลอดเลือดสมองโดยประยุกต์ แนวคิดการดูแลระยะเปลี่ยนผ่านตามกรอบแนวคิดทฤษฎีการเปลี่ยนผ่านของ Meleis (2010) ร่วมกับการใช้ Tele-nursing ติดตามเยี่ยมให้ค าปรึกษา (7 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 30 นาที) และกลุ่มเปรียบเทียบได้รับการพยาบาลตามปกติ จะได้รับการดูแล ตามมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองของโรงพยาบาล โดยมีการโทรศัพท์ตามเยี่ยมปกติโดย พยาบาลที่ดูแล ต่อเนื่องหรือพยาบาลในโรงพยาบาลชุมชน เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ โปรแกรมการดูแลระยะเปลี่ยนผ่านโดย พยาบาลเฉพาะทางโรคหลอดเลือดสมองร่วมกับการใช้ Tele-nursing และเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ (1) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล (2) แบบประเมินความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจ าวันและ งานวิจัยนี้ใช้สถิติเชิง พรรณนา ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ Repeated Measures ANOVA ผลการวิจัย: หลังการทดลอง และระยะติดตาม กลุ่มทดลอง มีค่าเฉลี่ยคะแนนความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจ าวันของ ผู้ป่วยสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ ในระยะ 1 สัปดาห์ และ 1 เดือน อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ F(1.66, 112.98) 65.07, p < .001) การน าไปใช้: โปรแกรมการดูแลระยะเปลี่ยนผ่านโดยพยาบาลเฉพาะทางโรคหลอดเลือดสมองร่วมกับการใช้ Tele-nursing นี้ แนวโน้มส่งเสริมความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจ าวันของผู้ป่วยดีขึ้น จึงควรสนับสนุนให้มีการน าไปใช้อย่างต่อเนื่อง และขยายผลไปใช้ในหน่วยงานอื่นที่มีผู้ป่วยลักษณะคล้ายคลึงกันต่อไป ค าส าคัญ : การดูแลระยะเปลี่ยนผ่าน, โรคหลอดเลือดสมอง, Tele-nursing
การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 47 รหัสผลงาน C001 การมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่ 1-5 ต าบลบางกระสอ อ าเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี Local people participation for protecting and resolving drug problem of Moo. 1- 5 T.Bangkraso A.Maung Nonthaburi province ภัทรา ยุ้งเกี้ยว พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: สถานการณ์ ปัญหายาเสพติด ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาในชุมชน ต าบลบางกระสอ อ าเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี เป็นอย่างมาก หากไม่ได้รับการแก้ไขหรือหาแนวทางป้องกันอย่างเหมาะสมแล้ว จะท าให้เกิดความ ยากล าบากในการแก้ไขปัญหาในอนาคต การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องใช้ศักยภาพและพลังของชุมชนในการร่วม คิดร่วมท า การที่ชุมชนร่วมกันหาหนทางของเขาเป็นสิ่งที่การศึกษานี้ต้องการที่จะได้ค าตอบและแนวทางปฏิบัติที่เห็นผลอย่าง เป็นรูปธรรม ผู้วิจัยจึงได้ศึกษาวิธีการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยใช้ศักยภาพและพลังของชุมชน วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด หมู่ที่ 1-5 ต าบลบางกระสอ อ าเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี และเพื่อส่งเสริมการประชาสังคมและผลของการมีส่วนร่วมด าเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของ ชุมชน วิธีด าเนินการวิธีวิจัย: วิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research: PAR) ของกลุ่มองค์กรชุมชน และประชาชน กลุ่มเป้าหมายคือ ประชาชนในหมู่1-5 ต าบลบางกระสอ อ าเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี จ านวน 199 คน เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสอบถามเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่1-5 ต าบล บางกระสอ อ าเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี สถิติที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test, ANOVA (F-test) ผลการศึกษา: พบว่าจ านวนประชากรกลุ่มตัวอย่างเพศหญิงมากกว่าเพศชายคิดเป็นร้อยละ 56.00 และร้อยละ 44.00 ตามล าดับ การมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ในด้านการมีส่วนร่วมในการลงทุนและปฏิบัติงาน แตกต่าง กันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ไม่ แตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 การมีส่วนร่วมในการค้นปัญหา สาเหตุ การวางแผนด าเนินกิจกรรม การ ลงทุนและปฏิบัติงาน ในภาพรวมอยู่ในระดับการมีส่วนร่วมน้อย เมื่อท าการเปรียบเทียบกับปัจจัยส่วนบุคคล พบว่าปัจจัย ด้านเพศ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษาและปัจจัยด้านอาชีพมีระดับการมีส่วนร่วมไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.05 การน าไปใช้: ชุมชน มีศักยภาพในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และเป็นข้อมูลพื้นฐานและความรู้ส าหรับการ ด าเนินงานการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด ค าส าคัญ : การมีส่วนร่วม, การป้องกันและแก้ไข, ยาเสพติด
การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 48 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 รหัสผลงาน C002 ผลของการใช้นวัตกรรมวันฮาร์ทวันดอทหนึ่งหัวใจต่อหนึ่งการดูแลในผู้ป่วยสุขภาพจิตในชุมชน Effects of innovative use of One Heart One Dot One Heart Per Care in mental health patients in the community. สมพิศ วิริยม พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลวังทรายพูน มานิตย์ชาติวรรณ พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลวังทรายพูน เรืองศิลป์เตชะบุญญะ พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านหนองยาง บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: ผู้ป่วยสุขภาพจิตและจิตเวชสามารถอยู่ร่วมกับคนในชุมชนได้ ให้การวินิจฉัย common disease ได้ ทั้ง 10 โรค กรมสุขภาพจิต ตามบริบทของโรงพยาบาล สถิติปี 2562 ผู้ป่วยซึมเศร้า 13 คน ผู้ที่มีปัญหาจากการใช้สารเสพติด จ านวน 1 คน จากการด าเนินงานของคลินิกสุขภาพจิตของโรงพยาบาลวังทรายพูน พบปัญหาการฆ่าตัวตายส าเร็จและอัตรา การพยายามฆ่าตัวตายเป็นปัญหาที่ส าคัญซึ่งพบได้ในทุกกลุ่ม ภาระการดูแลของอสม.ก่อให้เกิดความเครียด ความเหนื่อยล้า เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้สะดวก ครอบคลุมในประเด็นการตรวจวินิจฉัย การให้ค าปรึกษา การรับยา และการส่งเสริม ป้องกันด้านสุขภาพจิตอย่างมีมาตรฐาน หนึ่งหัวใจต่อหนึ่งการดูแลผู้ป่วยสุขภาพจิตและจิตเวช (ONE HEART ONE DOT) สามารถคัดกรอง ส่งต่ออย่างเหมาะสมและติดตามดูแลเมื่อผู้ป่วยกลับมาอยู่ในชุมชน รวมถึงให้การส่งเสริมป้องกันและเฝ้า ระวังด้านสุขภาพจิตในชุมชนมีการจัดการงานส่งเสริมป้องกันด้านสุขภาพจิตให้แก่ ผู้ป่วยจิตเวช ญาติผู้ป่วย ประชาชนที่เป็น กลุ่มเสี่ยงและประชาชนที่จัดอยู่ในกลุ่มปกติ ให้อยู่ร่วมกันได้ วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลของการใช้นวัตกรรมวันฮาร์ทวันดอท (ONE HEART ONE DOT) หนึ่งหัวใจต่อหนึ่งการดูแลใน ผู้ป่วยสุขภาพจิตในชุมชน วิธีด าเนินการวิธีวิจัย: กลุ่มตัวอย่างแบบจ าเพาะเจาะจง เครื่องมือเก็บรวบรวม ข้อมูล ประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูล ทั่วไป แบบประเมินให้ผู้ป่วยจิตเวชได้รับการตรวจคัดกรองภาวะฉุกเฉิน แบบประเมินผู้ป่วยโรคจิตเรื้อรังกลุ่มเสี่ยงในชุมชน ให้ครอบคลุมประเด็นความจ าเป็นในการดูแลผู้ป่วย 10 ด้าน แบบประเมินปัจจัยเสี่ยงอาการทางจิตก าเริบ (5 Red flags) แบบประเมินระดับความสามารถเกี่ยวกับทักษะที่จ าเป็นพื้นฐานในการด ารงชีวิตประจ าวัน วิเคราะห์ข้อมูล การปรียบเทียบ เป็นค่าเฉลี่ยร้อยละ แบบประเมินความพึงพอใจการลดภาระงานอสม.ในการดูแลสุขภาพ ผู้ป่วยจิตเวชในชุมชนได้เข้าถึง บริการ ระหว่างก่อนและหลังใช้นวัตกรรม (ONE HEART ONE DOT) ผลการศึกษา: ผลการวิเคราะห์พบว่านวัตกรรมฯต่อการติดตามอาการฉุกเฉินทางจิตเวชทุกเดือนลดความเสียหายต่อชุมชน และความพึงพอใจการลดภาระงานอสม.ในการดูแลสุขภาพผู้ป่วยจิตเวชฯ พบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ ที่ .01 การน าไปใช้: เพื่อให้มีข้อมูลพื้นฐานของผู้ป่วยทีใช้ยาจิตเวชในชุมชนและเขตรับผิดชอบ มีการส่งต่อข้อมูลส าคัญระหว่าง โรงพยาบาลกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และชุมชนเพื่อการดูแลรักษาผู้ป่วยร่วมกันของคนในชุมชน ค าส าคัญ : หนึ่งหัวใจหนึ่งการดูแล, ผู้ป่วยสุขภาพจิต, ชุมชน
การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 49 รหัสผลงาน C003 การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมของผู้ป่วยเบาหวานในเขตพื้นที่รับผิดชอบ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบ้านท้อแท้ Development a Holistic Health Promotion Model for Diabetic Patients of Ban Thoita Sub-district Health Promoting Hospital พิชญ์ทิภา จันทร์บรรจง พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านท้อแท้ บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: การศึกษาข้อมูลผู้ป่วยเบาหวานในเขตพื้นที่รับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบ้านท้อแท้ พบ ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ าตาลได้ร้อยละ 42.11 โดยพบปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้แก่ การรับประทานอาหารที่ไม่จ ากัด ปริมาณ การใช้ยาไม่ถูกต้อง ขาดการออกก าลังกาย มีความเครียดวิตกกังวลเป็นต้น ผู้วิจัยตระหนักถึงความส าคัญดังกล่าวจึง ได้ พัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมของผู้ป่วยเบาหวานโดยอาศัยความร่วมมือกับครอบครัวและชุมชนในการ ควบคุมโรคและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนเพื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสามารถด าเนินชีวิตได้ตามปกติ วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาและศึกษาผลลัพธ์ของการพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมของผู้ป่วยเบาหวานใน เขตพื้นที่รับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบ้านท้อแท้ วิธีด าเนินการวิธีวิจัย: เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ศึกษาในผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับ น้ าตาลในเลือด ไม่ได้ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบ้านท้อแท้ โดยมีระดับน้ าตาลสะสมในเลือด > 7% จ านวน 27 คน ขั้นตอนการวิจัย (1) การวิเคราะห์สถานการณ์ (2) พัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมของ ผู้ป่วยเบาหวาน (3) การ ประเมินผลลัพธ์ วิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์เปรียบเทียบระดับน้ าตาลสะสมในเลือด และค่าเฉลี่ยความรู้ ทัศนคติ พฤติกรรม สุขภาพก่อนและหลังฝึกอบรม ด้วยการ แจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ สถิติ ทดสอบ Paired T-test ผลการศึกษา: (1) การวิเคราะห์สถานการณ์ พบปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่ไม่เหมาะสมและปัจจัยที่เป็น อุปสรรค ส่งผลให้กลุ่มตัวอย่างมีภาวะน้ าตาลในเลือดสูง (2) การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมของผู้ป่วย เบาหวาน ที่ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้นในพฤติกรรม 7 ด้วยการมีส่วนร่วมชองผู้ป่วย ครอบครัว และชุมชน จัดอบรมเชิงปฏิบัติการใน กลุ่ม ตัวอย่าง เดือนละ 2 ครั้งๆละ 3 ชั่วโมง ในสัปดาห์ที่ 1,3,5,7,9,11 (3) การประเมินผลลัพธ์ เมื่อสิ้นสุดสัปดาห์ที่ 12 พบว่า คะแนนเฉลี่ยความรู้และคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่างหลังได้รับรูปแบบฯสูงกว่าก่อนได้รับรูปแบบฯอย่างมี นัยส าคัญทาง สถิติ (P < 0.001), คะแนนเฉลี่ยทัศนคติของกลุ่มตัวอย่างหลังได้รับรูปแบบฯสูงกว่าก่อนได้รับรูปแบบฯอย่างมี นัยส าคัญทางสถิติ (P < 0.040), ระดับน้ าตาลสะสมในเลือดของกลุ่มตัวอย่างดีขึ้นทุกคน โดยพบว่าระดับน้ าตาลสะสมใน เลือดที่ควบคุมได้ดี (HbA1C < 7%) เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 59.26 ผลคะแนนความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่เข้าร่วม โครงการในชุดกิจกรรมการ พัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมของผู้ป่วยเบาหวานในชุมชนบ้านท้อแท้ พบว่ามี ระดับความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ ในระดับมากที่สุด (Mean 4.89) การน าไปใช้: สามารถน าไปเป็นแนวทางในการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานและน าไปประยุกต์ใช้กับผู้ป่วยโรคเรื้อรังอื่น ๆ ที่มี บริบท ใกล้เคียงกันได้ และควรมีการติดตามในระยะยาว เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้องและเหมาะสม ต่อไป ค าส าคัญ : พัฒนารูปแบบ, ส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม, ผู้ป่วยเบาหวาน
การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 50 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 รหัสผลงาน C009 ประสิทธิผลของการพัฒนารูปแบบนัดวัคซีนเด็กอายุ 0-5 ปี ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ The Effectiveness of the Developed Vaccine Appointment for Children Aged 0-5 years using a computer program ศุภนิตย์ ปิ่นค า พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลทับทิมสยาม ๐๗ บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: การนัดวันฉีดวัคซีนเด็กอายุ 0-5 ปี ใช้วิธีการเปิดปฏิทินแล้วนับทีละเดือนให้ตรงตามช่วงอายุและเขียน ลงตารางนัดในสมุดสุขภาพเด็กดี การนัดด้วยวิธีการนี้พบว่า มีความล่าช้าในการให้บริการ การนัดวันผิด การเขียนวันนัดด้วย ลายมือที่ไม่ชัดเจนท าให้ผู้ปกครองสับสน และการนัดด้วยการเปิดปฏิทินจะนัดได้เฉพาะช่วงอายุถัดไปเท่านั้นท าให้ผู้ปกครอง เด็ก ไม่สามารถวางแผนการพาเด็กมารับบริการล่วงหน้าได้ ผู้ศึกษาจึงพัฒนารูปแบบการนัดวัคซีนเด็กอายุ 0-5 ปีขึ้น โดย การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ส าเร็จรูป ตัวโปรแกรมสามารถนัดวันฉีดวัคซีนทั้งหมดทุกช่วงอายุของเด็ก สามารถเลือกวัน นัดเฉพาะของสถานบริการ มีปฏิทินดิจิตอล 5 ปี พร้อมทั้งพิมพ์ออกมาทางเครื่องพิมพ์ได้ และศึกษาประสิทธิผลการใช้งาน รูปแบบการนัดวัคซีนเด็กด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ วัตถุประสงค์: (1) เพื่อพัฒนารูปแบบการนัดวัคซีนและพัฒนาการเด็กอายุ 0-5 ปี(2) เพื่อเปรียบเทียบความถูกต้องในการนัด วัคซีนแต่ละช่วงอายุระหว่างกลุ่มเปรียบเทียบและกลุ่มที่ใช้รูปแบบการนัดวัคซีนและพัฒนาการเด็กอายุ 0-5 ปี ด้วยโปรแกรม คอมพิวเตอร์ วิธีด าเนินการวิธีวิจัย: พัฒนารูปแบบการนัดวัคซีนและพัฒนาการเด็กอายุ 0-5 ปี โดยสร้างโปรแกรมใน Microsoft Visual C# ออกมาเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ส าเร็จรูป ค านวณวันนัดและพิมพ์เป็นกระดาษติดในสมุดสุขภาพเด็กดี จากนั้นศึกษา ประสิทธิผลของการใช้งานโปรแกรมด้วยการวิจัยแบบกึ่งทดลอง เปรียบเทียบความถูกต้องในการนัดวัคซีนแต่ละช่วงอายุ ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบ กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กอายุ 0-5 ปี ที่ได้รับการนัดวัคซีนพื้นที่อ าเภอขุนหาญ จังหวัด ศรีสะเกษ ช่วงอายุละ 80 คน แบ่งเป็นกลุ่มเปรียบเทียบ 40 คน และกลุ่มทดลอง 40 คน เลือกกลุ่มตัวอย่างโดยการสุ่มอย่าง เป็นระบบจนครบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนาได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษา: ช่วงอายุ 2, 4, 6, 9 และ 12 เดือน กลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบนัดวัคซีนถูกต้องร้อยละ 100 ทุกช่วงอายุ ช่วงอายุ 1 ปี 6 เดือน, 2 ปี 6 เดือน และ 4 ปี กลุ่มทดลองนัดวัคซีนถูกต้องร้อยละ 100 ทุกช่วงอายุ กลุ่มเปรียบเทียบนัด วัคซีนถูกต้องร้อยละ 92.50, 90.00 และ 87.50 ตามล าดับ การน าไปใช้: รูปแบบการนัดวัคซีนเด็กอายุ 0-5 ปี ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สามารถน าไปใช้ในการนัดวัคซีนเด็กอายุ 0-5 ปี ในคลินิกสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคได้ทุกสถานบริการ เนื่องจากผู้ใช้สามารถก าหนดวันนัดตามวันของคลินิกสร้างเสริม ภูมิคุ้มกันโรคของสถานบริการได้ เช่น สั่งให้นัดทุกวัน พุธ ที่ 3 ของเดือน หรือ ทุกวัน อังคาร ที่ 2 ของเดือน เป็นต้น โดย อ าเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ น าไปใช้ร้อยละ 100 ค าส าคัญ : นัดวัคซีนเด็ก, เด็ก 0-5 ปี, โปรแกรมคอมพิวเตอร์
การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 51 รหัสผลงาน C010 การพัฒนาโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ในกลุ่มวัยท างานที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรม อ าเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช The Development of Behavioral Modification Program among The Working Age with Metabolic Syndrome in Phromkhiri district, Nakhon Si Thammarat province. เกสราวรรณ ประดับพจน์ พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลพรหมคีรี กาญจนาภรณ์ ไกรนรา พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลทุ่งใหญ่ บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: ภาวะเมตาบอลิกซินโดรม เป็นปัจจัยเสี่ยงส าคัญต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุการ ตายอันดับหนึ่งของประชากรในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งพบอัตราการเสียชีวิตมี แนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อ เนื่อง จากรายงานข้อมูลของงานควบคุมโรคไม่ติดต่อส านักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ย้อนหลัง 3 ปี (พ.ศ. 2561-2563) พบว่าประชากรกลุ่มวัยท างานของอ าเภอพรหมคีรี มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรมติดอันดับ 1 ใน 5 ของจังหวัดนครศรีธรรมราช วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มวัยท างานที่มีภาวะเมตาโบลิกซินโดรม อ าเภอ พรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยการน าแนวคิดการจัดการตนเอง และการได้รับการสนับสนุนจากบุคลากรด้านสุขภาพ มาประยุกต์ใช้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดระดับน้ าตาลในเลือด ความดันโลหิต และเส้นรอบเอว วิธีด าเนินการวิธีวิจัย: เป็นการวิจัยและพัฒนา แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน คือ (1) การศึกษาสภาพปัญหาในการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมสุขภาพกลุ่มวัยท างานที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรม (2) ออกแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพโดยการน า แนวคิดการสนับสนุนการจัดการตนเอง และการได้รับการสนับสนุนจากบุคลากรด้านสุขภาพ มาประยุกต์ใช้ร่วมกันออกแบบ ระหว่าง ผู้แทนของกลุ่มที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรม อสม. นักโภชนากร พยาบาลงานสุขภาพจิต นักกายภาพ บ าบัด ประเมิน ความเหมาะสมของรูปแบบโดยแพทย์ด้านเวชปฏิบัติ พยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน และทีมที่เกี่ยวข้อง ได้กิจกรรม คือ (2.1) ประเมินสภาพปัญหาตามความต้องการโดยตั้งเป้าหมายร่วมกัน (2.2) ให้ความรู้ (2.3) ฝึกทักษะ และจัดการกับความเครียด (2.4) สร้างแรงจูงใจ และติด ตามเยี่ยมโดยทีมสุขภาพ (3) ประเมินประสิทธิผลของโปรแกรม โดยใช้การศึกษาแบบกึ่งทดลอง มี กลุ่มเปรียบเทียบโดยวัดผลลัพธ์ก่อนและหลังการจัดโปรแกรมสุขภาพครบ 16 สัปดาห์ (4) การเผยแพร่ขยายผลการวิจัยและ การประเมินผล วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปโดยใช้สถิติพรรณนา และสถิติการทดสอบ Paired t-test เปรียบเทียบผลการทดลอง ภายในกลุ่มก่อนหลังจัดโปรแกรม และใช้ Independent Simple t-test เพื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่ม ผลการศึกษา: พบว่าภายหลังการใช้โปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มวัยท างานที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรมที่ พัฒนาขึ้นในสัปดาห์ที่ 16 กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยระดับน้ าตาลในเลือด ระดับความดันโลหิต และเส้นรอบเอวลดลงกว่าก่อน การทดลองอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ (p < .05) เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมพบว่า ค่าเฉลี่ยระดับ น้ าตาลในเลือดและระดับความดันโลหิตของกลุ่มทดลองลดลงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ (p < .05) ส่วน ค่าเฉลี่ยของเส้นรอบเอวพบว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ (p > 0.05) การน าไปใช้: เป็นข้อมูลสุขภาพของสถานบริการ ท าให้เข้าใจถึงสถานการณ์ปัญหาของกลุ่มวัยท างานที่มีภาวะเมตาบอลิกซิน โดรม เพื่อให้ทีมเวชปฏิบัติชุมชนที่ดูแลกลุ่มโรคเรื้อรังในหน่วยบริการปฐมภูมิ น าไปใช้ในการวางแผนการจัดการความเสี่ยง การวางแผนการรักษา การจัดกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการส่งต่อไปพบแพทย์ เพื่อชะลอการด าเนินของโรค และ อัตราการตายจากภาวะแทรกซ้อนของโรค และการวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาสุขภาพของชุมชนในปีต่อไป ค าส าคัญ : โปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ, กลุ่มวัยท างาน, ภาวะเมตาบอลิกซินโดรม
การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 52 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 รหัสผลงาน C011 การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังในวิถีปกติใหม่โดยบูรณาการนโยบาย 3 หมอ: กรณีศึกษา อ าเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี Development of a new normal care model for chronic disease patients by integrating 3 doctors' policy: Case Study of Buntharik District Ubon Ratchathani Province นวรัตน์ สิงห์ค า พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลบุณฑริก บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: กลุ่มบริการปฐมภูมิและองค์รวม โรงพยาบาลบุณฑริกรับผิดชอบประชากรทั้งหมด 15 หมู่บ้านมี ประชากรทั้งหมด 11,027 ราย มีผู้ป่วยโรคเรื้อรังจ านวน 1,057 ราย โดยมีทั้งผู้ป่วยโรคเบาหวานจ านวน 197 ราย โรคความ ดันโลหิตสูงจ านวน 436 ราย โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงจ านวน 348 ราย และโรคอื่น ๆ จ านวน 54 ราย ผู้ป่วยรับ บริการตรวจรักษาทั้งที่โรงพยาบาลบุณฑริกและศูนย์สุขภาพชุมชนโพนงาม โดยในเดือนเมษายน 2563 จากสถานการณ์การ ระบาดของโรคโควิด 19 โรงพยาบาลบุณฑริกมีนโยบายปรับรูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังโดยการน าส่งยาที่บ้านโดยทีม สุขภาพประจ าหน่วยบริการปฐมภูมิในพื้นที่เพื่อเป็นการลดการแพร่กระจายเชื้อของโรคโควิด 19 แต่กระบวนการดังกล่าวท า ให้ผู้ป่วยไม่มีโอกาสได้รับการตรวจรักษาโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาวะสุขภาพและการควบคุม ภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วย ดังนั้น ทีมผู้วิจัยจึงพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังในวิถีปกติใหม่โดยบูรณาการนโยบาย 3 หมอ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับบริการที่ปลอดภัย วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังในวิถีปกติใหม่โดยบูรณาการนโยบาย 3 หมอ วิธีด าเนินการวิธีวิจัย: รูปแบบการวิจัย Action Research ประกอบด้วย 3 ระยะ คือ (1) การศึกษาบริบทของชุมชน (2) พัฒนารูปแบบโดยการมีส่วนร่วมของทีม (3) การประเมินผลการพัฒนา โดยมีผู้ร่วมวิจัยในระยะที่ 1 และ 2 จ านวน 61 คน ประชากรที่ศึกษาในการประเมินในระยะที่ 3 คือ ประชาชนบ้านห้วยปอ บ้านห้วยปอเจริญ บ้านหัวแข้ บ้านศรีสมุทรที่ได้รับ การวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงที่รับบริการตามรูปแบบการดูแล ผู้ป่วยโรคเรื้อรังในวิถีปกติใหม่จ านวน 179 คน โดยผู้วิจัยได้ยื่นขอจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์จากส านักงานสาธารณสุขจังหวัด อุบลราชธานี ได้เลขจริยธรรม SSJ.UB 2564-042 ลงวันที่ 24 เมษายน 2564 วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติเชิงพรรณา ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงวิเคราะห์ T-test ผลการศึกษา: รูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังในวิถีปกติใหม่โดยบูรณาการนโยบาย 3 หมอ เป็นการจัดบริการตรวจรักษาใน ชุมชน โดยหมอคนที่ 1 คือ อสม. ท าหน้าที่ตรวจระดับน้ าตาล ความดันโลหิต และสอมถามอาการผู้ป่วยก่อนถึงวันนัดพร้อม ลงบันทึกในแบบฟอร์มส่งให้หมอคนที่ 2 คือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขผ่านระบบ Tele med ซึ่งจะท าหน้าที่ประเมินวางแผนการ รักษาตามแนวทางเวชปฏิบัติที่ทีมสหสาขาวิชาชีพก าหนดร่วมกับการปรึกษาหมอคนที่ 3 การประเมินผลก่อนและหลังการ พัฒนา พบว่า ก่อนกระบวนการพัฒนาผู้ป่วยควบคุมระดับน้ าตาลในเลือดไม่ได้ ร้อยละ 45.37 ผู้ป่วยไม่ได้รับการตรวจน้ าตาล สะสม ร้อยละ 45.37 และผู้ป่วยควบคุมระดับน้ าตาลในเลือดได้ ร้อยละ 9.25 หลังกระบวนการพัฒนาผู้ป่วยควบคุมระดับ น้ าตาลในเลือดไม่ได้ ร้อยละ 56.48 ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ าตาลในเลือดได้ ร้อยละ 29.52 ผู้ป่วยไม่ได้รับการตรวจน้ าตาล สะสม ร้อยละ13.88 และพบว่าหลังกระบวนการพัฒนาผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้ าตาลในเลือดได้ดีกว่าก่อน กระบวนการพัฒนา โดยพบค่าเฉลี่ยของน้ าตาลสะสมลดลงอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ (p < 0.05) การน าไปใช้: ทีมสหสาขาวิชาชีพและทีมในชุมชนมีแนวทางที่ชัดเจนในการดูแลป่วยโรคเรื้อรังในสถานการณ์ที่ยังต้องเฝ้า ระวังการระบาดของโรคอุบัติใหม่ เป็นแนวทางที่สามารถไปปรับใช้ในการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังในพื้นที่อื่นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ได้รับการดูแลตามมาตรฐานวิชาชีพและสามารถควบคุมระดับของโรคได้ในภาวะปกติ ค าส าคัญ : ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง, วิถีปกติใหม่, นโยบาย 3 หมอ
การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 53 รหัสผลงาน C016 ประสิทธิผลของการพัฒนาระบบดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองที่บ้านเชิงรุกโดยชุมชนมีส่วนร่วม คปสอ.บ้านดุง The effectiveness of the development of a proactive home palliative care system with community participation, Ban Dung District Coordinating Committee. สรารัตน์ สุมาศรี พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชบ้านดุง บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: การให้บริการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองที่บ้านของรพร.บ้านดุง เป็นการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยตาม รายชื่อในระบบ Smart COC ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยประคับประคองที่จ าหน่ายออกจากรพร.บ้านดุง หรือได้รับการส่งต่อผ่าน ระบบ Smart COC จากโรงพยาบาลอื่น การเยี่ยมด้วยวิธีนี้พบว่า ขาดความครอบคลุมในการให้บริการโดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วย รายใหม่ในชุมชน เนื่องจากผู้ป่วยไม่ได้รักษาในโรงพยาบาลจึงไม่มีรายชื่อในระบบ ท าให้ไม่ได้รับการเยี่ยมอย่างเหมาะสมตาม ช่วงเวลา ผู้ศึกษาจึงพัฒนาระบบดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองที่บ้านเชิงรุกโดยชุมชนมีส่วนร่วมขึ้นโดยใช้กระบวนการ PAOR วัตถุประสงค์: (1) เพื่อพัฒนาระบบดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองที่บ้านเชิงรุกโดยชุมชนมีส่วนร่วม (2) เพื่อเปรียบเทียบ จ านวนผู้ป่วยประคับประคองในชุมชนได้ส่งข้อมูลมายังศูนย์ดูแลต่อเนื่องก่อนและหลังใช้โปรแกรม (3) เปรียบเทียบจ านวน ผู้ป่วยประคับประคองในชุมชนที่ได้รับการเยี่ยมบ้านก่อนและหลังใช้โปรแกรม (4) เปรียบเทียบความทันเวลาในการเยี่ยม ผู้ป่วยประคับประคองก่อนและหลังใช้โปรแกรม วิธีด าเนินการวิธีวิจัย: พัฒนาระบบดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองที่บ้านเชิงรุกโดยชุมชนมีส่วนร่วมด้วยกระบวนการ PAOR ดังนี้ (1) Planning ส ารวจปัญหาพบว่า ขาดความครอบคลุมการเยี่ยมบ้านกลุ่มผู้ป่วยในชุมชน เนื่องจากไม่มีระบบค้นหา และส่งต่อข้อมูล (2) Action ร่วมกับสหวิชาชีพจัดท าระบบเยี่ยมบ้านเชิงรุกโดยท า Google Form แบบคัดกรองผู้ป่วย ประคับประคองในชุมชนให้เจ้าหน้าที่รพ.สต. และอสม.ใช้ส าหรับค้นหาและคัดกรองผู้ป่วย พร้อมกับน าระบบไลน์แจ้งเตือน อัตโนมัติมาใช้เพื่อให้การส่งต่อข้อมูลได้ครบถ้วนเป็นปัจจุบัน จากนั้นด าเนินการเยี่ยมผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ตามข้อมูลที่ได้รับ (3) Observation น าระบบไปทดลองใช้ในพื้นที่ (4) Reflection สะท้อนผลด าเนินการ พบว่า จากนั้นศึกษาประสิทธิผลของ การพัฒนาระบบ (1) เปรียบเทียบจ านวนผู้ป่วยในชุมชนที่มีการส่งข้อมูลมายังศูนย์ดูแลต่อเนื่องก่อนและหลังใช้โปรแกรม (2) เปรียบเทียบจ านวนผู้ป่วยในชุมชนได้รับการเยี่ยมก่อนและหลังใช้โปรแกรม (3) เปรียบเทียบความทันเวลาในการเยี่ยม ผู้ป่วยก่อนและหลังใช้โปรแกรม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนาได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย เก็บข้อมูลระหว่างเดือนตุลาคม 2565 ถึง้ดือนมีนาคม 2566 ผลการศึกษา: (1) หลังใช้โปรแกรมมีการส่งข้อมูลผู้ป่วยในชุมชนมายังศูนย์ดูแลต่อเนื่อง จ านวน 32 คน มากกว่าก่อนใช้ โปรแกรมจ านวน 11 คน (2) หลังใช้โปรแกรมผู้ป่วยในชุมชนได้รับการเยี่ยม จ านวน 32 คน มากกว่าก่อนใช้โปรแกรม จ านวน 13 คน (3) หลังใช้โปรแกรมผู้ป่วยได้รับการเยี่ยมทันเวลานับจากเริ่มป่วย จ านวน 28 ราย มากกว่าก่อนใช้โปรแกรม จ านวน 5 ราย การน าไปใช้: ได้น าระบบดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองที่บ้านเชิงรุกโดยชุมชนมีส่วนร่วมไปใช้ในพื้นที่ คป.สอ.บ้านดุง ในการ คัดกรองและค้นหาผู้ป่วยประคับประคองในชุมชนที่ยังไม่เข้าสู่ระบบบริการส่งผลให้การจัดบริการมีความครอบคลุม มากขึ้น และการส่งข้อมูลในรูปแบบ Google Form ท าให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนในการวางแผนเยี่ยมร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ค าส าคัญ : ผู้ป่วยประคับประคอง, การพัฒนาระบบ, เชิงรุก
การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 54 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 รหัสผลงาน C017 การพัฒนาระบบการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในชุมชนอ าเภอเมือง จ. สุราษฎร์ธานี The Development System to Prevention of Antimicrobial Resistance infection Spread in Community in Urban area of Suratthani Province ศจีรัตน์ โกศล พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีศรีสุดา มุสิกวงศ์ พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางใบไม้เนติมา ปริวัฒนกิจ พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต าบลบางไทร สุจินดา ศรีฟ้า โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลคลองฉนาก บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: การติดเชื้อดื้อยาจากชุมชนมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลให้การเจ็บป่วยรุนแรง และเสียค่าใช้จ่ายในการรักษา สูงขึ้น ปัจจุบันพบว่า ระบบการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในชุมชนยังไม่ชัดเจน ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการ แพร่กระจายเชื้อดื้อยาในชุมชน หากมีระบบการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยามีประสิทธิภาพจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ ดื้อยาในชุมชนได้ วัตถุประสงค์การวิจัย: (1) เพื่อพัฒนาระบบการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในชุมชนอ าเภอเมือง จ.สุราษฎร์ธานี (2) เพื่อประเมินผลลัพธ์ของระบบการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาที่พัฒนาขึ้น วิธีด าเนินการวิจัย: เป็นการวิจัยและพัฒนา ด าเนินการวิจัย 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 ศึกษาสถานการณ์และวิเคราะห์ปัญหา โดยใช้วิจัยเชิงคุณภาพ เลือกกลุ่มเป้าหมายแบบเจาะจง 30 คน เครื่องมือได้แก่แบบสัมภาษณ์ แบบสังเกต วิเคราะห์ข้อมูล โดยการวิเคราะห์เนื้อหา ระยะที่ 2 ระยะพัฒนาและทดลองใช้ (D1) โดยการน าร่างระบบฯที่พัฒนาขึ้นมาทดลองใช้ และ ปรับปรุงตามข้อเสนอแนะ ระยะที่ 3 การศึกษาประสิทธิผลของระบบที่พัฒนาขึ้น โดยใช้การวิจัยกึ่งทดลอง กลุ่มตัวอย่าง คือ (1) ผู้ให้บริการ ค านวณขนาดกลุ่มตัวอย่างจากตาราง เครซีย์และมอร์แกน ได้แก่ พยาบาล 30 คน และ อสม. 132 คน และ (2) กลุ่มผู้รับบริการ ได้แก่ ผู้ดูแลผู้ป่วย คัดเลือกแบบเจาะจง จ านวน 10 คน เครื่องมือวิจัย ได้แก่ (1) ร่างระบบฯ (2) แผน สอนสุขศึกษา (3) แบบทดสอบความรู้ อสม. (4) แบบสังเกตการปฏิบัติของบุคลากร (5) แบบสังเกตพฤติกรรมของผู้ดูแล (6) แบบประเมินความพึงพอใจของผู้ดูแล ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ (1) ความตรงเชิงเนื้อหา ค่า IOC 1.0 (2) ความเชื่อมั่น ได้แก่ แบบทดสอบความรู้ อสม. ค่า KR 20 0.8 แบบสังเกต ค่า Inter rater 0.9 แบบประเมินความพึงพอใจค่าอัลฟ่า ของครอนบาค 0.90 การวิเคราะห์ข้อมูล (1) สถิติเชิงพรรณนา ใช้ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และ SD (2) สถิติอ้างอิง วัดกลุ่มเดียว ก่อน หลัง เพื่อเปรียบเทียบความรู้ของ อสม. ใช้สถิติ Wilcoxon Sign Rank test และพฤติกรรมของผู้ดูแล ใช้สถิติ Pair ttest ระยะที่ 4 การน าระบบฯ ที่พัฒนาขึ้นไปใช้และประเมินผล (D2) และปรับปรุงให้เหมาะสมตามบริบท ผลการวิจัย: ระบบที่พัฒนาขึ้นมีชื่อว่า AP-CET Model ประกอบด้วย (1) A: Access & Assessment การเข้าถึงและประเมิน ปัญหา (2) P: Planning วางแผนดูแลร่วมกับทีม (3) C: Care & Continue การให้ความรู้ ดูแล ต่อเนื่อง (4) E: Evaluation การ ติดตาม และประเมินผล (5) T: Technology Digital ใช้ระบบ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการท างาน ผลลัพธ์การใช้ระบบฯ ได้แก่ (1) บุคลากรปฏิบัติตามแนวทาง ได้ร้อยละ 96.25 (2) อสม. มีความรู้หลังการสอนสูงกว่าก่อนสอนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติp < .01 (3) พฤติกรรมการดูแลผู้ป่วยของผู้ดูแลหลังการใช้ระบบฯ สูงกว่าก่อนการใช้ระบบฯ อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ p < .01 และ (4) ความพึงพอใจของผู้ดูแลต่อระบบที่พัฒนาขึ้นอยู่ในระดับมากที่สุด (Mean 3.65, SD 0.49) การน าไปใช้: ควรน า AP CET Model ไปใช้ในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในชุมชนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และต่อ ยอดในการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาลโรคติดเชื้ออื่น ๆ ในชุมชนต่อไป ค าส าคัญ : เชื้อดื้อยา, ชุมชน, การพัฒนาระบบ
การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 55 รหัสผลงาน C021 การพัฒนาระบบการด าเนินงานการสร้างเสริมสุขภาพวัยท างาน โรงพยาบาลยางตลาด Development health promotion system development working age people in Yangtalad hospital เอกชัย ภูผาใจ พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลยางตลาด วราภรณ์ พงภักดิ์ขวัญ พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลยางตลาด จิราภรณ์ ภูโอบ พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลยางตลาด บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: โรงพยาบาลยางตลาด มีการสร้างเสริมสุขภาพประชาชนวัยท างานอย่างต่อเนื่อง นอกจากการดูแลกลุ่ม เสี่ยงและกลุ่มป่วย ยังมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพในกลุ่มเสี่ยงแต่ยังไม่มีปัญหาสุขภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มปกติการกลายเป็น กลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มเสี่ยงกลายเป็นกลุ่มป่วย ด าเนินการในบุคลากรโรงพยาบาล และประชาชนวัยท างาน ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง วัตถุประสงค์: (1) เพื่อพัฒนาระบบการด าเนินงานการส่งเสริมสุขภาพวัยท างาน ของโรงพยาบาลยางตลาด และ (2) เพื่อ ประเมินผลระบบการด าเนินงานการส่งเสริมสุขภาพวัยท างานที่พัฒนาขึ้น วิธีด าเนินการวิธีวิจัย: เป็นวิจัยเชิงปฏิบัติการ แบบ PAOR ประกอบด้วยขั้นตอน วิเคราะห์สภาพปัญหา การวางแผน การ ปฏิบัติตามแผน การสังเกตตรวจสอบผลจากการปฏิบัติ และการสะท้อนกลับ บูรณาการ 3 แนวคิด มาประยุกต์ในการพัฒนา กรอบกระบวนการ เพื่อให้เกิดกระบวนการด าเนินด าเนินงานที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ ได้แก่ แนวคิดอาชีวอนามัย แนวคิด การพยาบาลชุมชน และแนวคิดกระบวนการคุณภาพ การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลด้วยแบบสอบถาม และการสนทนากลุ่ม เพื่อออกแบบระบบงานร่วมกัน โดยผู้รับผิดชอบงานด้านอาชีวอนามัย และผู้เกี่ยวข้อง การปฏิบัติตามระบบงานที่ได้พัฒนาขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติเชิงพรรณนา และข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษา: ได้รูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพวัยท างานในโรงพยาบาลยางตลาด (Health & Wellness Promotion Yangtalad Hospital; 1A2S3I) ประกอบด้วย (1) โครงสร้าง (2) ข้อมูลสารสนเทศ (3) สร้างความตระหนัก และการสร้าง บุคคลต้นแบบด้านสุขภาพ (4) การบริการ ตรวจสุขภาพประจ าปีบุคลากรได้รับการตรวจเพิ่มมากขึ้นจากร้อยละ 60.5 เป็น ร้อยละ 96.3 การออกตรวจสุขภาพเชิงรุกในสถานประกอบการเพิ่มขึ้น 35 แห่ง จาก 164 แห่งคิดเป็นร้อยละ 21.3 การ ส ารวจฝุ่นละอองขนาดเล็กในโรงพยาบาลและในชุมชน ด าเนินงานอาชีวอนามัย ด าเนินงานสุขศึกษา ด าเนินงานคลินิก สุขภาพดีวัยท างาน การให้สุขศึกษาโปรแกรมควบคุมน้ าหนักแก่ประชาชน และด าเนินงานด้วยแนวคิดการยศาสตร์ (5) กิจกรรม การอบรมความรู้ด้านสุขภาพแก่บุคลากร ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพสถานประกอบการ และ (6) การพัฒนาให้ดี ขึ้น วิจัย ติดตามผล ปรับปรุง อย่างต่อเนื่อง การน าไปใช้: ระบบการด าเนินงานการสร้างเสริมสุขภาพวัยท างาน สามารถใช้ได้จริงเหมาะสมกับบริบทพื้นที่ สามารถท าให้ เกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้นทั้งในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและป้องกันไม่ให้กลุ่มปกติการกลายเป็นกลุ่มเสี่ยง มีการด าเนินงาน อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ ตรวจสุขภาพเชิงรุกในกลุ่มสิทธิประกันสังคม ทั้งในหน่วยงานราชการ และ สถานประกอบการ ในเขตอ าเภอยางตลาด งานคลินิกสุขภาพดีวัยท างาน ให้ความรู้โปรแกรมสูตรอาหาร ออกก าลังกาย คัด กรอง ประเมินภาวะเสี่ยงสุขภาพ แก่บุคลากรและประชาชนวัยท างานในโรงพยาบาล การสื่อสารข่าวสารความรู้สุขภาพใน เพจโรงพยาบาล และก าลังเริ่มด าเนินงานเปิดคลินิกอาชีวอนามัยในโรงพยาบาล ค าส าคัญ : การส่งเสริมสุขภาพ, การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ, วัยท างาน
การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 56 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 รหัสผลงาน C027 การพัฒนารูปแบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดที่อยู่ในภาวะอันตรายก่อนถึง โรงพยาบาล The development of an emergency medical service model in pre- hospital dangerous psychiatric and narcotic patients สมาพร จิตบุณยเกษม พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลเก้าเลี้ยว จันทิมา นวมะวัฒน์ อาจารย์พยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สวรรค์ประชารักษ์ นครสวรรค์ บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: ปัญหาสุขภาพจิตของประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยจิตเวชที่ใช้สารเสพติดที่มีอาการ ประสาทหลอน คลุ้มคลั่ง ซึ่งมีโอกาสก่อความรุนแรงต่อตนเอง ครอบครัว สังคม บุคลากรที่ออกปฏิบัติหน้าที่เกิดความเสี่ยง ด้านความปลอดภัย รูปแบบการจัดบริการของโรงพยาบาลเก้าเลี้ยวที่ผ่านมาพบว่า เมื่อมีผู้ป่วยจิตเวชที่มีอาการคลุ้มคลั่ง ผู้ ประสบเหตุจะร้องขอความช่วยเหลือไปที่ศูนย์สั่งการ 1669 เพื่อรับผู้ป่วยมารักษา ณ จุดเกิดเหตุ พบปัญหาผู้ป่วยจะท าร้าย เจ้าหน้าที่ ต ารวจเข้าระงับเหตุพลาดพลั้งผู้ป่วยบาดเจ็บ จากเหตุการณ์ดังกล่าว ท าให้ชุดปฏิบัติการ หวาดกลัว ไม่สามารถ เข้าถึงตัวผู้ป่วยได้ จึงจ าเป็นต้องมี ทีมงานด่านหน้าเพื่อระงับเหตุ แต่ที่ผ่านมา ยังขาดการจัดการความร่วมมือในบทบาท หน้าที่ของแต่ละหน่วยงานอย่างชัดเจน ท าให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาที่ล่าช้า การพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินส าหรับการ รับผู้ป่วยจิตเวชฉุกเฉินก่อนถึงโรงพยาบาล การคัดแยก และการรักษาที่จุดเกิดเหตุจึงส าคัญ เพื่อให้ทีมปฏิบัติการร่วมระหว่าง หน่วยงานมีการท างานร่วมกัน ในการออกรับผู้ป่วยอย่างเหมาะสม และปลอดภัย วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาและประเมินประสิทธิผลของรูปแบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดที่อยู่ใน ภาวะอันตรายก่อนถึงโรงพยาบาล วิธีด าเนินการวิธีวิจัย: เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (PAR) เพื่อมุ่งเน้นการแก้ปัญหาด้านบริการการแพทย์ฉุกเฉิน แบบเฉพาะเจาะจงในผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดที่อยู่ในภาวะอันตราย ในบริบทพื้นที่อ าเภอเก้าเลี้ยว กลุ่มตัวอย่างมี 2 กลุ่ม คือ (1) กลุ่มร่างรูปแบบการแพทย์ฉุกเฉิน ประกอบด้วยทีมสุขภาพโรงพยาบาลเก้าเลี้ยว ทีมรพ.สต. ฝ่ายปกครอง คัดเลือกแบบ เฉพาะเจาะจง ในกลุ่มที่มีคุณสมบัติที่ก าหนด และ (2) กลุ่มทดลองใช้รูปแบบ คือ ทีมชุดปฏิบัติการ ประกอบด้วย ทีม โรงพยาบาล ต ารวจ ฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น ผู้น าชุมชน รพ.สต. อสม. เครื่องมือที่ใช้คือ แนวประเด็นค าถามในการสนทนากลุ่ม และแบบบันทึกทางการพยาบาล ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือโดยตรวจความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ตรวจสอบความ เหมาะสมและความเป็นไปได้ของรูปแบบโดยผู้เชี่ยวชาญและทีมปฏิบัติการ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสนทนากลุ่ม และการ สังเกตในสถานการณ์จริง วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์สรุปเนื้อหา และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติ เชิงพรรณนา ผลการศึกษา: การศึกษาประสิทธิผลของการน ารูปแบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดที่อยู่ในภาวะ อันตรายก่อนถึงโรงพยาบาลไปใช้ พบว่า ผู้ป่วยทุกคนได้รับการรักษาตามเกณฑ์มาตรฐาน และไม่มีผลกระทบหรือ ภาวะแทรกซ้อนขณะรับตัวมารักษาและส่งต่อไปรักษาที่ รพ.จิตเวชนครสวรรค์ ทีมปฏิบัติการร่วมได้รับการประสานงานและ มาถึงจุดเกิดเหตุทันเวลา ท าให้ทีมรักษาพยาบาลเข้าถึงผู้ป่วยได้รวดเร็ว ชุดปฏิบัติการไม่ได้รับอันตรายขณะปฏิบัติหน้าที่ ญาติผู้ป่วยและประชาชนในพื้นที่ ให้ความร่วมมือและมีความพึงพอใจต่อการปฏิบัติงานของทีมชุดปฏิบัติการ การน าไปใช้: ปัจจุบันโรงพยาบาลเก้าเลี้ยวได้น ามาใช้ในการจัดบริการของโรงพยาบาล และเผยแพร่ให้ความรู้และน าเสนอ รูปแบบบริการไปยังทุกอ าเภอในจังหวัดนครสวรรค์ จนเป็นต้นแบบของการดูแลผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดที่อยู่ในภาวะ อันตรายของจังหวัดนครสวรรค์ ค าส าคัญ : 5 กัลยาณมิตร, ขวัญใจ, ชุดปฏิบัติการ, การคัดแยก
การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 57 รหัสผลงาน C028 ประสิทธิผลของโปรแกรมการชะลอความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎี วงล้อพฤติกรรม : การวิจัยแบบผสานวิธี EFFECTIVENESS OF DELAY KNEE OSTEOARTHRITIS PROGRESSION PROGRAM BASED ON BEHAVIOUR CHANGE WHEEL FOR OLDER ADULT: A MIXED-METHODS STUDY ฐิฉัฐญา นพคุณ พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลหัวหิน ดร.อารยา เชียงของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์เกื้อการุณย์ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นภาวะเจ็บป่วยเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขอีกปัญหาหนึ่งของโลก ซึ่ง พบมากในผู้สูงอายุ1 ในประเทศไทยพบอัตราการเกิดโรคข้อเสื่อมเท่ากับ 57.10 ต่อประชาชน 1 แสนคน ถึงแม้ว่าโรคข้อเข่า เสื่อมเป็นโรคที่ไม่เป็นอันตรายคุกคามจนถึงแก่ชีวิตแต่โรคข้อเข่าเสื่อมส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต อย่างไรก็ตามการชะลอความเสื่อมของโรคข้อเข่าเสื่อมสามารถชะลอได้โดยการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมเพื่อชะลอการเสื่อมของข้อเข่า วัตถุประสงค์: (1) เพื่อศึกษาประสบการณ์ด้านอุปสรรคและสิ่งสนับสนุน ที่ส่งเสริมพฤติกรรมป้องกันความรุนแรง ของโรคข้อเข่า เสื่อม ของผู้สูงอายุตามกรอบแนวคิดวงล้อพฤติกรรม (2) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมการชะลอความรุนแรงของโรคข้อ เข่าเสื่อมที่มีผลต่อพฤติกรรมป้องกันความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อม และระดับความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ วิธีด าเนินการวิธีวิจัย: ใช้รูปแบบการวิจัยผสานวิธีด้วยรูปแบบขั้นสูง: การวิจัยเชิงทดลอง (mixed methods research: intervention design) ศึกษาข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้สูงอายุที่มีประสบการณ์เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมที่มี พฤติกรรมการดูแลที่ดีและไม่ดี จ านวนกลุ่มละ 5 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา เมื่อน าข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการ พัฒนาโปรแกรมการชะลอความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อมโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีวงล้อพฤติกรรม และศึกษาประสิทธิผลของ โปรแกรมโดยการวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้รูปแบบการวิจัยกึ่งทดลองแบบสองกลุ่มวัดผลก่อน-หลังการทดลอง และติดตามหลัง การทดลอง 1 เดือน กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้สูงอายุโรคข้อเข่าเลื่อมระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 24 คน ที่เข้า ร่วมกิจกรรมตามโปรแกรม และกลุ่มควบคุมจ านวน 24 คน ที่ได้รับการดูแลตามปกติ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยแบบวัดวัด พฤติกรรมป้องกันความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อม และระดับความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการ วิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ า (Repeated Measure ANOVA) ผลการศึกษา: การวิจัยเชิงคุณภาพ พบว่า อุปสรรคของการชะลอการเสื่อมของข้อเข่า ได้แก่ ระดับความรุนแรงของโรค, การ ขาดแรงจูงใจ, การจัดการเวลา, สภาพแวดล้อมในชีวิตประจ าวันไม่เอื้ออ านวย, ส่วนสิ่งสนับสนุนชะลอการเสื่อมของข้อเข่า ได้แก่ ความรู้, การช่วยเหลือจากสังคม, การมีความหวังเพื่อการมีสุขภาพดี, สร้างโอกาสในชีวิตประจ าวันเพื่อออกก าลังกาย การวิจัยเชิงปริมาณ พบว่า ปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มทดลองกับช่วงเวลาต่อพฤติกรรมความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อม (F 114.46, p < .01) และ ระดับความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อม (F 15.29, p < .01) โดยพบว่าเมื่อวัดในช่วงเวลาหลังการ ทดลองสัปดาห์ที่ 8 และติดตามผลสัปดาห์ที่ 12 พฤติกรรมป้องกันความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อม และคะแนนวัดระดับ ความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อมของกลุ่มทดลองสูงขึ้นมากกว่ากลุ่มควบคุม ซึ่งแสดงว่าโปรแกรมมีประสิทธิภาพในการ ป้องกันความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อม การน าไปใช้: พยาบาลวิชาชีพและทีมสุขภาพในหน่วยบริการระดับปฐมภูมิสามารถน ารูปแบบ และแนวทางการพยาบาลของ โปรแกรมทฤษฎีวงล้อพฤติกรรม ไปประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมของผู้สูงอายุ ค าส าคัญ : โปรแกรมการชะลอความรุนแรงโรคข้อเข่าเสื่อม, ผู้สูงอายุ, วงล้อพฤติกรรม
การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 58 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 รหัสผลงาน C030 ผลของโปรแกรมการจัดการอาหารร่วมกับกิจกรรมทางกายต่อระดับน้ าตาลในเลือดของกลุ่มเสี่ยง โรคเบาหวาน อ าเภอทุ่งใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช The Effectiveness of Dietary Management with Physical Activity Program among Blood Sugar Level of Pre-Diabetic Mellitus in Thung Yai Distric, Nakhon Si Thammarat Province กาญจนาภรณ์ ไกรนรา พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลทุ่งใหญ่ บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถน าเอาน้ าตาลที่ได้จากกการรับประทานอาหารไปใช้ได้ อย่างปกติจึงท าให้มีระดับน้ าตาลในเลือดสูงขึ้น หากระดับน้ าตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานจะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ การปรับพฤติกรรมสุขภาพเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานกลายเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานรายใหม่เป็นวิธีการควบคุม โรคเรื้อรังในประชาชนที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามการปรับพฤติกรรมสุขภาพต้องอาศัยความรู้ ทักษะและความสม่ าเสมอ ในการปฏิบัติตัวซึ่งโปรแกรมการจัดการอาหารร่วมกับกิจกรรมทางกายออกแบบโปรแกรมตามแนวคิดการจัดการตนเอง (self-management) เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานควบคุมอาหาร (diet control) เน้นการรับประทานอาหารให้สอดคล้อง กับความต้องการพลังงานของร่างกายและลดปริมาณอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตและไขมันร่วมกับการเพิ่มกิจกรรมทางกาย (physical activities) เพื่อให้มีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นจะช่วยลดการสะสมของไขมัน วิธีการดังกล่าวท าให้เกิดสมดุลการใช้ พลังงานในร่างกายจึงส่งผลในการควบคุมระดับน้ าตาลในเลือดและสามารถลดการเกิดโรคเบาหวานรายใหม่ในประชาชน กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานได้ วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการจัดการอาหารร่วมกับกิจกรรมทางกายต่อระดับน้ าตาลในเลือดของกลุ่มเสี่ยง โรคเบาหวาน อ าเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช วิธีด าเนินการวิธีวิจัย: วิจัยกึ่งทดลองแบบสองกลุ่มวัดผลก่อนและหลังการทดลอง (quasi-experimental, two group pretest-posttest design) กลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานมีค่าระดับน้ าตาลในเลือดแบบอดอาหารระหว่าง 100- 125 มก./ดล. ใช้การสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Muti-Stage Random Sampling) จ านวน 70 คน แบ่งเป็นกลุ่ม ทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 35 คน ด าเนินการระหว่างเดือนตุลาคม 2565 ถึงเดือนมกราคม 2566 กลุ่มทดลองเข้าร่วม โปรแกรมเป็นเวลา 12 สัปดาห์ กลุ่มควบคุมได้รับการดูแลตามแนวทางปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบ สัมภาษณ์จ านวน 5 ส่วน และเครื่องมือที่ใช้ในการทดลองคือโปรแกรมการจัดการอาหารร่วมกับกิจกรรมทางกาย แบ่งการ ทดลองเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ (1) ขั้นเตรียมการ ผู้วิจัยชี้แจงข้อมูลเพื่อขอความร่วมมือและด าเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล (2) ขั้น ด าเนินการ กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการจัดการอาหารร่วมกับกิจกรรมทางกายเป็นเวลา 12 สัปดาห์ และ (3) ขั้นประเมินผล เมื่อครบ 12 สัปดาห์ท าการตรวจวัดระดับน้ าตาลในเลือดหลังการทดลอง ผลการศึกษา: กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยระดับน้ าตาลในเลือดลดลงจาก 116.40 (SD 5.27) เป็น 101.91 (SD 4.21) มก./ดล. ซึ่งแตกต่างอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ (p < .05) ในขณะที่กลุ่มควบคุมมีค่าเฉลี่ยระดับน้ าตาลในเลือดจาก 116.11 (SD 5.61) เป็น 115.77 (SD 6.06) มก./ดล. ซึ่งไม่แตกต่างอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ (p > .05) และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มพบว่า ค่าเฉลี่ยระดับน้ าตาลในเลือดของกลุ่มทดลองน้อยกว่ากลุ่มควบคุมแตกต่างกัน 13.857 มก./ดล. อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ (p < .05) การน าไปใช้: ผลการวิจัยสามารถน ามาใช้เป็นแนวปฏิบัติส าหรับกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สุขภาพเพื่อป้องกันการเกิดโรคเบาหวานรายใหม่ได้ และสามารถขยายผลการใช้โปรแกรมให้ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่และ นอกพื้นที่ได้ ค าส าคัญ : การจัดการอาหาร, กิจกรรมทางกาย, กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน
การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 59 รหัสผลงาน C032 กระบวนการและผลลัพธ์ของการพัฒนางานพัฒนาการเด็กปฐมวัย Process and Outcomes of Development with Early Childhood Development ปุณณดา ผลาทิพย์ พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า 100 ปี บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: เด็กแรกเกิดถึงอายุ 5 ปีแรกเป็นช่วงส าคัญที่มีพัฒนาการและการเจริญเติบโตเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เด็ก ที่มีพัฒนาการล่าช้าจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางร่างกาย สติปัญญา การเรียนรู้ ปัญหาสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิต หาก ได้รับการคัดกรองพัฒนาการจะพบปัญหาในระยะแรกท าให้ส่งเสริมแก้ไขและเฝ้าระวังส่งผลให้เด็กเจริญเติบโตและมี พัฒนาการสมวัยเป็นก าลังส าคัญในการพัฒนาประเทศชาติ จากรายงานองค์การอนามัยโลกพบเด็กทั่วโลกประมาณร้อยละ 15-20 มีพัฒนาการผิดปกติ ส่วนประเทศไทยพบเด็กมีพัฒนาการไม่สมวัยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ ก าหนดยุทธศาสตร์ชาติระยะ20 ปี(ด้านสาธารณสุข) พ.ศ.2559 - 2579 ในการดูแลสุขภาพประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มวัยเด็ก 0 - 5 ปีเน้นให้ได้รับการเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการที่ถูกต้อง จากการด าเนินงานของรพ.เฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า 100 ปี อ.เมืองยาง จ.นครราชสีมาปีงบประมาณ 2561-2563 มีอัตราความครอบคลุมของการคัดกรองพัฒนาการเด็กช่วงวัย 9,18,30,42 และ 60 เดือนร้อยละ 81.7, 88 และ 81 ตามล าดับ(เป้าหมาย > ร้อยละ 90) และเด็ก 0-5 ปี มีพัฒนาการสมวัย ร้อยละ 80, 82 และ 78 ตามล าดับ (เป้าหมาย > ร้อยละ 85) วัตถุประสงค์: เพื่อเพิ่มอัตราความครอบคลุมของการคัดกรองพัฒนาการเด็ก 0-5 ปี(ช่วงอายุ 9,18,30,42 และ 60 เดือน) และเพื่อให้เด็ก 0-5 ปีมีพัฒนาการสมวัยเพิ่มขึ้น วิธีด าเนินการวิธีวิจัย: จัดระบบการให้บริการคัดกรองและด าเนินงานพัฒนาการเด็ก ดังนี้ (1) สร้างความตระหนักโดยให้ ความรู้เรื่องพัฒนาการแก่ผู้ปกครอง (2) สอนการใช้คู่มือการตรวจพัฒนาการ DSPM หรือ DAIM ส าหรับผู้ปกครองให้สามารถ ประเมินพัฒนาการเบื้องต้นและกระตุ้นพัฒนาการบุตรหลานตามวัยได้พร้อมทั้งช่องทางปรึกษาเจ้าหน้าที่สาธารณสุข (3) มี แนวทางในการปฏิบัติงาน (CPG) แนวทางเฝ้าระวัง/ส่งต่อที่พัฒนาร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพ (4) ให้บริการคัดกรองพัฒนาการ แยกวันกับวันฉีดวัคซีนสัปดาห์ละ 1 ครั้งทุกวันจันทร์ เฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กตามช่วงวัยอย่างต่อเนื่อง ส่งต่อราย ผิดปกติ (5) ประชาสัมพันธ์ตารางการให้บริการตรวจคัดกรองพัฒนาการเด็กในคลินิก ลงสื่อความรู้การส่งเสริมคัดกรอง พัฒนาการทางสื่อโซเชียลและประชาสัมพันธ์เสียงตามสายในชุมชน (6) มีระบบนัด ควบคุม ก ากับและติดตามโดยนัดเด็กเข้า คลินิกตรงวันเปิดให้บริการ, ติดใบนัดหมายหน้าสมุดสีชมพูอย่างชัดเจน, ให้ข้อมูลผู้ปกครองน าเด็กมารับบริการตามนัด, แจ้ง รายชื่อนัดผ่านทาง อสม. และหอกระจายข่าวล่วงหน้า 1 วัน, ตรวจสอบรายชื่อในวันให้บริการท าการโทรติดตามในรายที่ไม่มา (7) แต่งตั้งอาสาสมัครสาธารณสุขดูแลประจ าครัวเรือน ในการแจ้งเตือนนัดและตามมารับบริการ ผลการศึกษา: พบการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ (1) ผู้ปกครองน าเด็กมารับการตรวจคัดกรองพัฒนาการเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อัตรา ความครอบคลุมของการคัดกรองพัฒนาการเด็ก 0-5 ปี (ช่วงอายุ 9,18,30,42 และ 60 เดือน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 95.3 ใน ปีงบประมาณ 2564 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น ร้อยละ 100 ในปีงบประมาณ 2565 (2) เด็ก 0-5 ปี มีพัฒนาการสมวัย เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 91.51 ในปีงบประมาณ 2564 และเป็นร้อยละ 95 ในปีงบประมาณ 2565 การน าไปใช้: (1) ขยายผลการด าเนินงานและเผยแพร่ CPG พร้อมทั้งเป็นพี่เลี้ยงในการด าเนินงานของ รพ.สต. ท าให้ผ่าน เกณฑ์ตัวชี้วัดทุกแห่ง ส่งผลให้งานพัฒนาการ คปสอ.เมืองยางมีการด าเนินงานร้อยละ 100 (2) เกิดภาคีเครือข่ายที่ส าคัญ คือ อสม.ช่วยในการด าเนินงานในชุมชนให้ส าเร็จ (3) น ารูปแบบของการพัฒนางานไปปรับใช้กับงานอื่นเพื่อการด าเนินงานที่เกิด ความส าเร็จและมีคุณภาพ ค าส าคัญ : พัฒนาการเด็ก, เด็กปฐมวัย, การคัดกรองพัฒนาการ
การประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาลย์ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่า พยาบาลไทย ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 60 น าเสนอผลงานวิจัยทางวาจา วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 รหัสผลงาน C033 ผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวานเชิงรุกโรงพยาบาลศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี The Effects of behaviors modification to reduce risk factors of diabetes in Sriprachan hospital Suphanburi ทรงศรีพลเสน พยาบาลวิชาชีพช านาญการ โรงพยาบาลศรีประจันต์ บทคัดย่อ หลักการและเหตุผล: อ าเภอศรีประจันต์ มีจ านวนผู้ป่วยเบาหวานเพิ่มขึ้น โดยพบผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่จากกลุ่มเสี่ยง ปี 2563 ร้อยละ 2.81 (HDC จังหวัดสุพรรณบุรี 2563) ได้วิเคราะห์สาเหตุของปัญหาร่วมชุมชน ด้วยการใช้ Mind map ร่วมกับ Swot Analysis สาเหตุของการเกิดผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่เกิดจาก (1) การบริโภคอาหารที่มีปริมาณน้ าตาลสูง ไขมันสูง และบริโภคเกินปริมาณที่ร่างกายใช้พลังงานร้อยละ 80.75 (2) มีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ 52.75 (3) ขาดความรอบรู้ด้าน สุขภาพ (Health Literacy) ในการป้องการโรคเบาหวาน ที่จะน าไปสู่การรับรู้ เข้าใจ ตัดสินใจ บอกต่อ และการน าไปใช้ ร้อยละ 65.75 (4) ไม่สามารถจัดการความเสี่ยงของตนเองได้ ขาดแรงจูงใจ โรคเบาหวาน เป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบให้เกิด ความพิการ และตายก่อนวัยอันควรของประชาชน โรงพยาบาลศรีประจันต์ จึงได้พัฒนาการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในรูปแบบ สร้างแรงจูงใจที่ป้องกันการเกิดโรคเบาหวานเชิงรุกในชุมชน วัตถุประสงค์: เพื่อลดการเกิดโรคเบาหวานรายใหม่และพัฒนาการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันการเกิดโรคเบาหวานเชิงรุก วิธีด าเนินการวิธีวิจัย: วิจัยกึ่งทดลองชนิดศึกษากลุ่มเดียว วัดผลก่อนและหลัง กลุ่มตัวอย่างคือประชากรในเขตพื้นที่ รับผิดชอบโรงพยาบาลศรีประจันต์ ที่มีค่าระดับน้ าตาลในเลือดหลังอดอาหาร (FBS) ตั้งแต่ 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จ านวน 50 คน เข้าร่วมโปรมแกรมสนทนาสร้างสุขซึ่งพัฒนาขึ้นตามแนวคิดของ Miller & Rollnick ร่วมกับจิตสังคม (Behavioral and Psychosocial Care) “ชม ถาม แนะ กินดีมีสติ” จ านวน 5 ครั้ง ระยะเวลา 6 เดือน เครื่องมือที่ใช้ในการด าเนินงาน (1) แบบรับรู้เข้าใจความเสี่ยงโรคเบาหวาน“ระเบิดเวลา นาฬิกาชีวิต”พัฒนาจาก Diabetic Risk Score (2) ประเมินความ พร้อมด้วยไม้บรรทัดวัดใจ: stage of Change (3) แบบบันทึกสุขภาพดี (4) แบบติดตามเสริมพลังและ Health Coaching (5) แบบสอบถามการดูแลสุขภาพของตนเองในการลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวาน วิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความ แตกต่างของพฤติกรรมการดูแลตนเอง และระดับน้ าตาลในเลือดหลังอดอาหาร ก่อนและหลังการทดลอง ผลการศึกษา: หลังเข้าร่วมโปรมแกรมสนทนาสร้างสุข “ชม ถาม แนะ กินดีมีสติ” กลุ่มตัวอย่างไม่ป่วยด้วยโรคเบาหวานราย ใหม่ ระดับน้ าตาล (FBS,FPG) กลับมาเป็นกลุ่มปกติ ร้อยละ 90 และมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดปัจจัยเสี่ยงโรคเบาหวานสูง กว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมได้แก่การมีกิจกรรมทางกาย ร้อยละ 84 หลีกเลี่ยงอาหารแป้งและน้ าตาล ร้อยละ 80 และบริโภคผัก เพิ่มขึ้น ร้อยละ 82 จากผลการศึกษาพบว่าการสร้างการรับรู้ที่ชัดเจนของกลุ่มเสี่ยง จะน าไปสู่การตั้งเป้าหมายของตนเองที่จะ จัดการความเสี่ยง ได้อย่างตรงประเด็น การเยี่ยมเสริมพลัง โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. เป็นเพื่อนร่วมทางชื่นชม ให้ ก าลังใจ ร่วมจัดการอุปสรรคเพิ่มทักษะ สนับสนุนส่วนขาด สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) อาหาร ออกก าลัง กาย ฝึกสมาธิ สติ ท าให้กลุ่มเสี่ยงมีพลังชีวิตสามารถปฏิบัติกิจกรรมสร้างสุขภาพอย่างต่อเนื่อง มีความเครียดลดลง ร้อยละ76 การน าไปใช้: รูปแบบสร้างแรงจูงใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสนทนาสร้างสุขรับรู้ความเสี่ยงของตนเอง “ระเบิดเวลา นาฬิกา ชีวิต” และ“ชม ถาม แนะ กินดีมีสติ” สามารถน าไปประยุกต์ใช้ได้ในกลุ่มที่มีปัญหาน้ าหนักเกิน ผู้ป่วยโรคเรื้อรังในโรงเรียน ในชุมชนที่มีกลุ่มเสี่ยงจ านวนมาก โดยสามารถปรับรูปแบบการรับรู้เข้าใจความเสี่ยงของกลุ่มเป้าหมายเป็น ฐานการเรียนรู้ ร่วมกับรายกลุ่ม รายเดี่ยว ตามสภาพปัญหาของผู้รับบริการ โดยผู้น าใช้ควรผ่านการอบรม ค าส าคัญ : ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม, ปัจจัยเสี่ยงโรคเบาหวาน, เชิงรุก
ภำคผนวก
รำยนำมคณะผู้จัดท ำ ที่ปรึกษำ นางอัมราภัสร์ อรรถชัยวัจน์ ผู้อ านวยการกองการพยาบาล นางสาวอุไรพร จันทะอุ่มเม้า รองผู้อ านวยการกองการพยาบาล นางสาวสมจิตต์ วงศ์สุวรรณสิริ รองผู้อ านวยการกองการพยาบาล บรรณำธิกำร ดร.ศศมน ศรีสุทธิศักดิ์ นายชัชนน เทพวงค์ ผู้เรียบเรียง คณะกรรมการกลั่นกรองผลงานวิชาการกองการพยาบาล 1. ดร.กนกพร แจ่มสมบูรณ์ 2. นางสาวโศภิษฐ์ สุวรรณเกษาวงษ์ 3. ดร.ศศมน ศรีสุทธิศักดิ์ 4. ดร.อรรถยา อมรพรหมภักดี 5. นางสาวพัชรีย์ กลัดจอมพงษ์ 6. นางสาวขวัญนภา ขวัญสถาพรกุล 7. นายวชิรา โพธิ์ใส 8. นายชัชนน เทพวงค์ จัดท ำโดย กองการพยาบาล ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ก ำหนดกำรน ำเสนอผลงำนแบบปำกเปล่ำ ในกำรประชุมเชิงปฏิบัติกำร รำงวัลศรีสังวำลย์ “ผลงำนดี วิชำกำรเด่น สมคุณค่ำ พยำบำลไทย ครั้งที่ 6: ยกระดับคุณภำพ เพิ่มคุณค่ำงำนกำรพยำบำลเพื่อองค์กรสมรรถนะสูง” วันที่ 11 พฤษภำคม 2566 ณ โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี วันที่ 08.00 – 09.00 09.00 – 10.30 10.30 – 12.00 12.00 – 13.00 13.00 – 14.30 14.30 – 16.00 11 พฤษภาคม 2566 (ห้องย่อย) ชมเกียรติคุณของผู้รับรางวัล ห้อง Diamond Grand Ballroom 2 การบริหารทางการพยาบาล และการบริการพยาบาล ในโรงพยาบาล รหัสผลงาน A002 A003 B050 B051 B053 B055 B056 B057 B058 B059 ผู้วิพากษ์ ผศ.ดร.ดนุลดา จามจุรี นักวิชาการอิสระ ดร. จุฬารัตน์ ห้าวหาญ วพบ.นนทบุรี ดร.กนกพร แจ่มสมบูรณ์ กองการพยาบาล ทีมงาน คุณรสรินทร์ บุญเหลี่ยม คุณนันท์นภัส คงบุญ พักรับประทานอาหารกลางวัน ห้อง Diamond Grand Ballroom 2 การบริหารทางการพยาบาล และการบริการ พยาบาลในโรงพยาบาล รหัสผลงาน B061 B065 B070 B073 B079 B083 B088 B089 B090 C033 ผู้วิพากษ์ ผศ. ดร.ดนุลดา จามจุรี นักวิชาการอิสระ ดร. จุฬารัตน์ ห้าวหาญ วพบ.นนทบุรี อ.พัชรีย์ กลัดจอมพงษ์กองการพยาบาล ทีมงาน คุณรสรินทร์ บุญเหลี่ยม คุณนันท์นภัส คงบุญ ห้อง Sapphire 2 การบริการพยาบาลในโรงพยาบาล รหัสผลงาน B002 B004 0B06 B009 B010 B012 B013 B014 B015 B016 ผู้วิพากษ์ ดร.ณิชาภา ยนจอหอ มหาวิทยาลัยเมธารัถย์ ดร.ผ่องพรรณ ภะโว วพบ.นนทบุรี อ.โศภิษฐ์ สุวรรณเกศาวงษ์ กองการพยาบาล ทีมงาน คุณกนกอร บุญมาก คุณจารุวรรณ จันทา ห้อง Sapphire 2 การบริการพยาบาลในโรงพยาบาล รหัสผลงาน B017 B018 B019 B022 B025 B026 B028 B029 B032 B033 ผู้วิพากษ์ ดร.ณิชาภา ยนจอหอ มหาวิทยาลัยเมธารัถย์ ดร.ผ่องพรรณ ภะโว วพบ.นนทบุรี ดร.อรรถยา อมรพรหมภักดีกองการพยาบาล ทีมงาน คุณกนกอร บุญมาก คุณจารุวรรณ จันทา ห้อง Sapphire 3 การบริการพยาบาลในชุมชน/ปฐมภูมิ และในโรงพยาบาล รหัสผลงาน C001 C002 C003 C009 C010 C011 C016 C017 C021 C027 ผู้วิพากษ์ ดร.สุวิมล พนาวัฒนกุล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ดร.มัสลิน ศุกลปักษ์ วพบ.นนทบุรี อ.ขวัญนภา ขวัญสถาพรกุล กองการพยาบาล ทีมงาน คุณอัจฉรียา ยมรัตน์ คุณอาทิตยา บุญทา ห้อง Sapphire 3 การบริการพยาบาลในชุมชน/ปฐมภูมิ และในโรงพยาบาล รหัสผลงาน C028 C030 C032 B035 B038 B042 B044 B045 B048 B049 ผู้วิพากษ์ ดร.สุวิมล พนาวัฒนกุล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ดร.มัสลิน ศุกลปักษ์ วพบ.นนทบุรี อ.อุไรพร จันทะอุ่มเม้า กองการพยาบาล ทีมงาน คุณอัจฉรียา ยมรัตน์ คุณอาทิตยา บุญทา
ประกาศผลการคัดเลือก หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 5 หน้า ล าดับ รหัสผลงาน ชื่อผลงาน ค าน าหน้านาม ชื่อและนามสกุลผู้น าเสนอ ชื่อหน่วยงาน ผลการพิจารณา ประเภทผลงาน 1 C001 การมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและแก้ไขปัยหายาเสพติด หมู่1-5 ต าบลบาง กระสอ อ าเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี นาง ภัทรา ยุ้งเกี้ยว โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ผ่าน บริการพยาบาลในชุมชน 2 C002 วันฮาร์ทวันดอทหนึ่งหัวใจต่อหนึ่งการดูแลในผู้ป่วยสุขภาพจิตในชุมชน นาง สมพิศ วิริยม โรงพยาบาลวังทรายพูน ผ่าน บริการพยาบาลในชุมชน 3 C003 การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมของผู้ป่วยเบาหวานในเขตพื้นที่ รับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบ้านท้อแท้ นาง พิชญ์ทิภา จันทร์บรรจง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบ้านท้อแท้ ผ่าน บริการพยาบาลในชุมชน 4 A002 ผลของการพัฒนาสมรรถนะด้านการบริหารยาของพยาบาลวิชาชีพต่ออุบัติการณ์ความ คลาดเคลื่อนในการบริหารยา โรงพยาบาลร้องกวาง จังหวัดแพร่ นาง จินนา รสเข้ม โรงพยาบาลร้องกวาง จ.แพร่ ผ่าน บริหารทางการพยาบาล 5 A003 การพัฒนาแนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิด STEMIที่ ได้รับยา Streptokinase ขณะส่งต่อของโรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย นางสาว ดวงใจ มีชัย โรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย ผ่าน บริหารทางการพยาบาล 6 B002 การพัฒนาและประเมินประสิทธิผลแนวปฏิบัติทางคลินิกในการดูแลสุขภาพช่องปากผู้ป่วย สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพา หอผู้ป่วยอายุรกรรมชาย 3 โรงพยาบาลล าปาง นาง สุกัญญา เลาหธนาคม โรงพยาบาลล าปาง ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 7 B004 ประสิทธิผลการพัฒนาระบบทางด่วนในผู้ป่วยบาดเจ็บที่ศีรษะ โรงพยาบาลหนองคาย นางสาว พัชรริดา เคณาภูมิ โรงพยาบาลหนองคาย ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 8 C009 ประสิทธิผลของการพัฒนารูปแบบการนัดวัคซีนเด็กอายุ 0-5 ปี ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ นาย ศุภนิตย์ ปิ่นค า โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลทับทิมสยาม ผ่าน บริการพยาบาลในชุมชน 9 C010 การพัฒนาโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ในกลุ่มวัยท างานที่มีภาวะเมตา บอลิกซินโดรม อ าเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช นาง เกสราวรรณ ประดับพจน์ โรงพยาบาลพรหมคีรี ผ่าน บริการพยาบาลในชุมชน 10 C011 การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังในวิถีปกติใหม่โดยบูรณาการนโยบาย 3 หมอ กรณีศึกษาอ าเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี นางสาว นวรัตน์ สิงห์ค า โรงพยาบาลบุณฑริก ผ่าน บริการพยาบาลในชุมชน 11 B006 ผลของการพัฒนาแบบประเมินการท าความสะอาดล าไส้ใหญ่เพื่อส่องกล้องล าไส้ใหญ่ นางสาว สายรุ้ง ประกอบจิตร โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 12 B009 การพัฒนาระบบบริการพยาบาล ผู้ป่วยผ่าตัดแบบวันเดียวกลับ ในโรงพยาบาลยโสธร นาง ศรีวิไล วิลัยศรี โรงพยาบาลยโสธร ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 13 B010 การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองในวิถีปกติใหม่ของเครือข่ายบริการ โรงพยาบาล 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ นางสาว ธัญญาภรณ์ จันทราช โรงพยาบาล 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 14 B012 ผลโปรแกรมการจัดการตนเองของบุคคลและครอบครัวต่อพฤติกรรมการเตรียมล าไส้เพื่อ การส่องกล้องตรวจล าไส้ใหญ่ โรงพยาบาลอุดรธานี นาง พรณภา ราญมีชัย โรงพยาบาลอุดรธานี ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 15 B013 ความตรงและความเที่ยงของแบบประเมินสัมพันธภาพในครอบครัวส าหรับใช้ในเยาวชนไทย นาง สุนทรี ศรีโกไสย สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 16 C016 ประสิทธิผลของการพัฒนาระบบดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองที่บ้านเชิงรุกโดยชุมชนมี ส่วนร่วม คปสอ.บ้านดุง นาง สรารัตน์ สุมาศรี โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชบ้านดุง ผ่าน บริการพยาบาลในชุมชน ผลงานวิชาการที่ได้น าเสนอในงานประชุมเชิงปฏิบัติการรางวัลศรีสังวาลย์ “ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่าพยาบาลไทย ครั้งที่ 6 : ยกระดับคุณภาพเพิ่มคุณค่างานการพยาบาลเพื่อองค์กรสมรรถนะสูง” น าเสนอระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566
ประกาศผลการคัดเลือก หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 5 หน้า ล าดับ รหัสผลงาน ชื่อผลงาน ค าน าหน้านาม ชื่อและนามสกุลผู้น าเสนอ ชื่อหน่วยงาน ผลการพิจารณา ประเภทผลงาน ผลงานวิชาการที่ได้น าเสนอในงานประชุมเชิงปฏิบัติการรางวัลศรีสังวาลย์ “ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่าพยาบาลไทย ครั้งที่ 6 : ยกระดับคุณภาพเพิ่มคุณค่างานการพยาบาลเพื่อองค์กรสมรรถนะสูง” น าเสนอระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 17 B014 ผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการตนเอง อัตราการ กรองของไตและระดับความดันโลหิตของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง นาง ชญาน์ณินท์ รัศมีมาสเมือง โรงพยาบาลอุดรธานี ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 18 C017 การพัฒนาระบบการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในชุมชนอ าเภอเมือง จ. สุราษฎร์ ธานี นาง ศจีรัตน์ โกศล โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ผ่าน บริการพยาบาลในชุมชน 19 B015 ประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลทางคลินิกในการส่งต่อผู้ป่วยคาท่อช่วย หายใจหลังได้ยาระงับความรู้สึกทั่วร่างกายในโรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ นาง ประภัสสร คอนศรี โรงพยาบาลนครพิงค์ ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 20 B016 การพัฒนารูปแบบการให้ค าปรึกษาพันธุกรรมโรคมะเร็ง โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี นาง ชลิยา วามะลุน โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 21 B017 การศึกษาผลสรุปการให้รหัสค าวินิจฉัยโรคหัตถการและการผ่าตัดค่ารักษาพยาบาลตาม ระบบกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม โรงพยาบาลเขวาสินรินทร์ นาง จันทร์เพ็ญ ค าแหง โรงพยาบาลเขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์ ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 22 B018 ผลการพัฒนาการประเมินสัญญาณเตือนหลังผ่าตัดหัวใจในระยะวิกฤต นางสาว อุทุมพร ศรีสถาพร โรงพยาบาลขอนแก่น ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 23 B019 การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยไตวายเฉียบพลันที่ได้รับการบ าบัดรักษาด้วย เครื่องฟอกไตแบบต่อเนื่อง (CRRT) หอผู้ป่วยหนักอายุรกรรม โรงพยาบาลขอนแก่น นาง ยุวดี บุญลอย โรงพยาบาลขอนแก่น ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 24 B022 ผลการพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการเลิกบุหรี่ในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลขอนแก่น นาง อัมพวัน สีหวัฒนะ โรงพยาบาลขอนแก่น ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 25 B025 การบ าบัดทางความคิดและพฤติกรรมผู้ป่วยสุราในโรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลง กรณ จังหวัดอุบลราชธานี นาง รุ่งรัตน์ สายทอง โรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกร ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 26 B026 การพัฒนานวัตกรรมทางการพยาบาลโดยใช้บัตรภาพและบัตรค าเพื่อกระตุ้นพัฒนาการ ทางภาษา ในเด็ก 0-5 ปีพื้นที่อ าเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี นางสาว ฮาลาวาตี สนิหวี โรงพยาบาลหนองจิก จังหวัดปัตตานี ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 27 B028 การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองที่มารับการผ่าตัดด้วยวิธี หนีบหลอดเลือดสมองที่โป่งพอง นาง สุมาลี ธรรมะ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 28 B029 ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอ านาจและการตั้งเป้าหมายร่วมกัน ต่อระดับน้ าตาลใน เลือด ในผู้ป่วยเบาหวานซับซ้อน นาง พรวิภา ยาสมุทร์ โรงพยาบาลบ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ล าพูน ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 29 B032 พัฒนาระบบดูแลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดจากชุมชนสู่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่มี ทรัพยากรอย่างจ ากัด จังหวัดพัทลุง นาง เยาวภา พงศ์พุ่ม โรงพยาบาลศรีนครินทร์(ปัญญานันทภิกขุ) ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 30 B033 ผลการใช้โปรแกรมการวางแผนจ าหน่ายโดยการประยุกต์ใช้แนวคิดทฤษฎีโอเร็มต่อ ความสามารถของมารดาในการดูแลทารกเกิดก่อนก าหนด นางสาว สิริลักษณ์ คุณกมลกาญจน์ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ
ประกาศผลการคัดเลือก หน้าที่ 3 จากทั้งหมด 5 หน้า ล าดับ รหัสผลงาน ชื่อผลงาน ค าน าหน้านาม ชื่อและนามสกุลผู้น าเสนอ ชื่อหน่วยงาน ผลการพิจารณา ประเภทผลงาน ผลงานวิชาการที่ได้น าเสนอในงานประชุมเชิงปฏิบัติการรางวัลศรีสังวาลย์ “ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่าพยาบาลไทย ครั้งที่ 6 : ยกระดับคุณภาพเพิ่มคุณค่างานการพยาบาลเพื่อองค์กรสมรรถนะสูง” น าเสนอระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 31 B035 การพัฒนารูปแบบวางแผนการจ าหน่ายทารกคลอดก่อนก าหนดในมารดาวัยรุ่นแบบมีส่วน ร่วม นางสาว สุภาพร สุขส าราญ โรงพยาบาลบางละมุง ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 32 B038 ผลของโปรแกรมการจัดการความปวดสองภาษา(ไทย-มลายู) ต่อระดับความปวดและ ความพึงพอใจของหญิงตั้งครรภ์ผ่าตัดคลอดบุตรทางหน้าท้องที่ได้รับการฉีดยาชาเข้าช่อง น้ าไขสันหลัง นางสาว กุลธลีย์ ชายเกตุ วิสัญญี โรงพยาบาลสตูล ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 33 C021 การพัฒนาระบบการด าเนินงานการสร้างเสริมสุขภาพวัยท างาน โรงพยาบาลยางตลาด นาย เอกชัย ภูผาใจ โรงพยาบาลยางตลาด ผ่าน บริการพยาบาลในชุมชน 34 B042 ผลของโปรแกรมการฝึกสติบ าบัดต่อความเหนื่อยล้าและความสุขสบายในผู้สูงอายุมะเร็ง ศีรษะและคอที่ได้รับรังสีรักษาร่วมกับยาเคมีบ าบัด นาง พิมลวรรณ พรหมสุวรรณ์ โรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 35 B044 ผลของโปรแกรมเสริมแรงจูงใจให้ความรู้เบาหวานประสานการมีส่วนร่วมอ าเภอค้อวัง นาง สุมาลี คมข า โรงพยาบาลค้อวัง ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 36 B045 การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดในห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม นางสาว อรทัย อารมย์ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 37 B048 การพัฒนารูปแบบและเฝ้าระวังผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจ 3 Step STEMI Alert นางสาว ดวงใจ มีชัย โรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 38 B049 ผลของโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพ (NERSD) ต่อระดับน้ าตาลสะสมที่เกาะติดเม็ดเลือด แดงและภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมน้ าตาลไม่ได้ โรงพยาบาลเวียง เชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย นางสาว สุฑาทิพย์ สารใจ โรงพยาบาลเวียงเชียงรุ้ง ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 39 B050 ประสิทธิผลของสื่อมัลติมีเดียในการให้ข้อมูลการระงับความรู้สึกต่อความวิตกกังวลก่อน การผ่าตัด: การศึกษากึ่งทดลองในโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิและการวิเคราะห์ความ แปรปรวน นาง บุปผา พาโคกทม โรงพยาบาลแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 40 B051 ผลของโปรแกรมการเตรียมความพร้อมก่อนให้ยาระงับความรู้สึก ต่อการฟื้นตัวหลังผ่าตัด ในผู้ป่วยโรคมะเร็งศีรษะและล าคอ นางสาว สุภัทรา เฟื่องคอน โรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 41 B053 การพัฒนารูปแบบการให้ค าปรึกษาเพื่อตัดสินใจเลือกรับการบ าบัดทดแทนไต นางสาว จันทนา ชูเกษร โรงพยาบาลเสนา ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 42 B055 ผลของการให้ค าแนะน าผ่านโมบายแอปพลิเคชันต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองเพื่อป้องกัน การติดเชื้อของผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบ าบัด นางสาว พรรณทิพา ข าโพธิ์ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 43 B056 ผลโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในคลินิกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเสมือน จริง นางสาว กนกศรี จาดเงิน โรงพยาบาลบางปะกง ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 44 B057 ผลการพัฒนาสมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพในการใช้ High flow Nasal Cannula (HFNC) ในผู้ป่วยเด็กที่มีภาวะหายใจล าบาก โรงพยาบาลบางปะกง นางสาว เฌอฟ้า จันทรสาขา โรงพยาบาลบางปะกง ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ
ประกาศผลการคัดเลือก หน้าที่ 4 จากทั้งหมด 5 หน้า ล าดับ รหัสผลงาน ชื่อผลงาน ค าน าหน้านาม ชื่อและนามสกุลผู้น าเสนอ ชื่อหน่วยงาน ผลการพิจารณา ประเภทผลงาน ผลงานวิชาการที่ได้น าเสนอในงานประชุมเชิงปฏิบัติการรางวัลศรีสังวาลย์ “ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่าพยาบาลไทย ครั้งที่ 6 : ยกระดับคุณภาพเพิ่มคุณค่างานการพยาบาลเพื่อองค์กรสมรรถนะสูง” น าเสนอระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 45 B058 การพัฒนากระบวนการพยาบาลผู้ป่วยตามระดับความรุนแรง งานอุบัติเหตุฉุกเฉินและ นิติเวช นางสาว วรวลัญช์ เภตรา โรงพยาบาลบางปะกง ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 46 B059 ประสิทธิผลของSmart ODS Care Application การป้องกันภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด ในผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดไส้เลื่อนขาหนีบแบบวันเดียวกลับของโรงพยาบาลล าปาง นาง อภินภัส ประจวบ โรงพยาบาลล าปาง ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 47 C027 การพัฒนารูปแบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดที่อยู่ในภาวะ อันตรายก่อนถึงโรงพยาบาล นาง สมาพร จิตบุณยเกษม โรงพยาบาลเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์ ผ่าน บริการพยาบาลในชุมชน 48 B061 ผลของการโคชต่อการปฏิบัติตัวในการบีบเก็บน้ านมแม่ความพึงพอใจ และปริมาณน้ านม แม่ในทารกแรกเกิดป่วย นาง ชนิตา แป๊ะสกุล โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 49 C028 ประสิทธิผลของโปรแกรมการชะลอความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ โดย ประยุกต์ใช้ทฤษฎีวงล้อพฤติกรรม : การวิจัยแบบผสานวิธี นาย ฐิฉัฐญา นพคุณ โรงพยาบาลหัวหิน (สถานที่ศึกษา คณะพยาบาลศาสตร์เกื้อการุณย์ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช) ผ่าน บริการพยาบาลในชุมชน 50 B065 การพัฒนาระบบบริการงานคลินิกผู้สูงอายุคุณภาพ โรงพยาบาลสิชล จังหวัด นครศรีธรรมราช นางสาว ฌกัญยา จู้ทิ่น โรงพยาบาลสิชล ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 51 B070 ประสิทธิผลของโปรแกรมการบ าบัดทางปัญญาบนพื้นฐานของสติเพื่อลดภาวะเครียด ภาวะวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้าในผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ที่รับการรักษาด้วยการผ่าตัดใน โรงพยาบาล มะเร็งอุบลราชธานี นาง โสภิต ทับทิมหิน โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 52 C030 ผลของโปรแกรมการจัดการอาหารร่วมกับกิจกรรมทางกายต่อระดับน้ าตาลในเลือดของ กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน อ าเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช นาง กาญจนาภรณ์ ไกรนรา โรงพยาบาลทุ่งใหญ่ ผ่าน บริการพยาบาลในชุมชน 53 B073 ผลของการให้ความรู้การบริโภคเกลือโซเดียมและการใช้เครื่องตรวจวัดโซเดียมคลอไรด์ใน อาหาร (salt meter)ด้วยตนเองต่อการเปลี่ยนแปลงของความดันโลหิตและปริมาณ โซเดียมในปัสสาวะของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในโรงพยาบาลท่าหลวง นางสาว พรโสภา แก้วแดงดี โรงพยาบาลท่าหลวง จ.ลพบุรี ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 54 C032 กระบวนการและผลลัพธ์ของการพัฒนางานพัฒนาการเด็กปฐมวัย นางสาว ปุณณดา ผลาทิพย์ โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า 100 ปี ผ่าน บริการพยาบาลในชุมชน 55 B079 ผลของโปรแกรมการวางแผนจ าหน่ายต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยที่เข้ารับการ ผ่าตัดต้อกระจก โรงพยาบาลน้ าพอง นาง เพ็ญลักษณ์ ธรรมแสง โรงพยาบาลน้ าพอง ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 56 B088 การพัฒนาแนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เขตอ าเภอเมือง จังหวัดยโสธร นาย ทรงฤทธิ์ ธารีราช โรงพยาบาลยโสธร ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ
ประกาศผลการคัดเลือก หน้าที่ 5 จากทั้งหมด 5 หน้า ล าดับ รหัสผลงาน ชื่อผลงาน ค าน าหน้านาม ชื่อและนามสกุลผู้น าเสนอ ชื่อหน่วยงาน ผลการพิจารณา ประเภทผลงาน ผลงานวิชาการที่ได้น าเสนอในงานประชุมเชิงปฏิบัติการรางวัลศรีสังวาลย์ “ผลงานดี วิชาการเด่น สมคุณค่าพยาบาลไทย ครั้งที่ 6 : ยกระดับคุณภาพเพิ่มคุณค่างานการพยาบาลเพื่อองค์กรสมรรถนะสูง” น าเสนอระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2566 57 B083 ผลของการจัดการรายกรณีต่อผลลัพธ์ด้านผู้ป่วยของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่2ที่ใช้อินซูลิน โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส นาง ปราณี จุลกศิลป์ โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 58 C033 ผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวานเชิงรุกโรงพยาบาลศรี ประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี นาง ทรงศรี พลเสน โรงพยาบาลศรีประจันต์ ผ่าน บริการพยาบาลในชุมชน 59 B089 การพัฒนารูปแบบการบริการพยาบาลผู้ป่วยเบาหวานที่มีแผลที่เท้า ตามกรอบมาตรฐาน คุณภาพบริการพยาบาลในโรงพยาบาลสู่ความเป็นเลิศ นาง ลัดดา อะโนศรี โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ 60 B090 ประสิทธิผลของโปรแกรมการดูแลระยะเปลี่ยนผ่านโดยพยาบาลเฉพาะทางโรคหลอดเลือด สมองร่วมกับการใช้ Tele-nursing ในผู้ป่วยและผู้ดูแลโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดครั้ง แรก นาง นางพิกุล โกวิทพัฒนา โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ผ่าน บริการพยาบาลในสถานบริการ ตอบรับการน าเสนอและลงทะเบียนเข้าร่วมงาน กดที่นี่ ค าแนะน าและแบบฟอร์มบทคัดย่อ กดที่นี่ หรือเว็บไซต์ http://203.157.104.139/srisangwan/?page_id=353 Template Slide กดที่นี่ ผู้ผ่านการคัดเลือกโปรดเข้าร่วมกลุ่ม Line https://line.me/R/ti/g/UoieDAUJM1 หากพบข้อมูลผิดพลาด โปรดติดต่อ อ.ชัชนน เทพวงค์ IDLine: mo_eng Email: [email protected] ประกาศ ณ วันที่ 15 เมษายน 2566 เวลา 16.00 น. • ขอให้ผู้น าเสนอผลงานวิชาการทุกท่าน ท าสไลด์ประกอบการน าเสนอผลงานวิชาการ ตาม Template ที่ก าหนด • ขอให้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้น าเสนอผลงานวิชาการทุกท่าน ลงทะเบียนยืนยันการเข้าร่วม ภายในวันที่ 30 เมษายน 2566 เวลา 16.00 น. มิฉะนั้นถือว่าสละสิทธิ์ • ขอให้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้น าเสนอผลงานวิชาการทุกท่าน แก้ไขไฟล์ผลงานวิชาการของท่านให้เป็นไปตามค าแนะน าการน าเสนอผลงานจัดส่งมาที่อีเมล [email protected] เพื่อน าไปจัดท ารูปเล่มรวบรวม ผลงานวิชาการ ในการประชุมต่อไป ภายในวันที่ 28 เมษายน 2566 เวลา 16.00 น. หากไม่เป็นไปตามที่ก าหนดถือว่าสละสิทธิ์ ติดต่อ อาจารย์ศศมน ศรีสุทธิศักดิ์ โทรศัพท์ 092 239 1662
รำยนำมผู้ทรงคุณวุฒิกลั่นกรองผลงำนบทคัดย่อ 1. ดร.กนกพร แจ่มสมบูรณ์ กองการพยาบาล 2. ดร.ศศมน ศรีสุทธิศักดิ์ กองการพยาบาล 3. ดร.อรรถยา อมรพรหมภักดี กองการพยาบาล 4. นางสาวโศภิษฐ์ สุวรรณเกศาวงษ์ กองการพยาบาล 5. นางสาวพัชรีย์ กลัดจอมพงษ์ กองการพยาบาล 6. นางสาวขวัญนภา ขวัญสถาพรกุล กองการพยาบาล 7. นายวชิรา โพธิ์ใส กองการพยาบาล รำยนำมผู้ทรงคุณวุฒิวิพำกษ์กำรน ำเสนอผลงำนแบบปำกเปล่ำ 1. ผศ.ดร.ดนุลดา จามจุรี นักวิชาการอิสระ 2. ดร. จุฬารัตน์ ห้าวหาญ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จังหวัดนนทบุรี 3. ดร.กนกพร แจ่มสมบูรณ์ กองการพยาบาล 4. ดร.ณิชาภา ยนจอหอ มหาวิทยาลัยเมธารัถย์ 5. ดร.ผ่องพรรณ ภะโว วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จังหวัดนนทบุรี 6. ดร.สุวิมล พนาวัฒนกุล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี 7. ดร.มัสลิน ศุกลปักษ์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จังหวัดนนทบุรี 8. ดร.อรรถยา อมรพรหมภักดี กองการพยาบาล 9. นางสาวอุไรพร จันทะอุ่มเม้า กองการพยาบาล 10. นางสาวโศภิษฐ์ สุวรรณเกศาวงษ์ กองการพยาบาล 11. นางสาวพัชรีย์ กลัดจอมพงษ์ กองการพยาบาล 12. ขนางสาววัญนภา ขวัญสถาพรกุล กองการพยาบาล