ใบความรู้เรอ่ื ง การเขียนย่อความ
รายวิชาภาษาไทยพืน้ ฐาน รหัสวชิ า ท๒๑๑๐๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑
ภาคเรียนที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕
การเขยี นยอ่ ความ
การเขียนย่อความ คือ การอ่านทผ่ี อู้ ่านต้องจบั ใจความสาคัญของเร่ืองแตล่ ะย่อหนา้ แล้วนามาเรยี งใหม่
ใหส้ ้ัน กระชับ แต่ยงั คงมีเนื้อเรือ่ งเดิมอยู่ โดยไม่ใหค้ วามหมายเปล่ียนแปลงไปจากเดิม
หลกั การเขยี นย่อความ
การเขียนย่อความ ควรมีหลักในการเขยี น ดังน้ี
๑. อา่ นเนอื้ เร่ืองที่จะย่อใหเ้ ข้าใจ โดยอา่ นมากกว่า ๑ เทยี่ ว ให้จบั ใจความให้ไดว้ ่า เรือ่ งอะไร หรือ ใคร
ทาอะไร ท่ีไหน อยา่ งไร และพจิ ารณาว่าอะไรเปน็ ใจความสาคัญ อะไรเป็นความประกอบ
๒. เมอ่ื เขา้ ใจเรื่องแล้ว จึงจับใจความสาคัญทีละย่อหน้า เพราะในหนีง่ ย่อหน้า จะมีใจความสาคัญอยูเ่ พยี ง
ใจความเดยี ว
๓. นาใจความสาคญั แต่ละยอ่ หนา้ มาเขยี นใหม่ด้วยภาษาของตนเอง โคยคานงึ ถงึ สง่ิ ตา่ ง ๆ ดังนี้
๓.๑ ตอ้ งมคี านาย่อความตามรปู แบบ
๓.๒ เปลยี่ นสรรพนามบรุ ุษท่ี ๑ และ ๒ ให้เปน็ สรรพนามบุรษุ ท่ี ๓
๓.๓ ไมใ่ ชอ้ ักษรย่อในข้อความทย่ี ่อ
๓.๔ ถา้ มคี าราชาศัพท์ใหค้ งไว้ ไมต่ ้องแปลเป็นคาสามัญ
๓.๕ ไมใ่ ช้เครือ่ งหมายตา่ ง ๆ ในข้อความทยี่ ่อแล้ว เชน่ "..." (อญั ประกาศ) หรือ วงเลบ็ ฯลฯ
๓.๖ เขียนเนอื้ เรื่องท่ยี ่อแลว้ เปน็ ยอ่ หนา้ เดียว มคี วามยาวประมาณ ๑ ใน ๔ ของเน้ือเร่อื งเดิม
ทง้ั นข้ี น้ึ อยู่กับสาระสาคญั ของเรื่อง และเปล่ยี นสานวนโวหารให้เป็นของผยู้ ่อเอง หา้ มยกข้อความเดิมลงมา
โดยไม่ได้แก้ไข
ส่วนประกอบของย่อความ
ยอ่ ความประกอบด้วยสว่ นสาคญั ๒ สว่ น ไดแ้ ก่ สว่ นนา และส่วนใจความสาคัญของเรอ่ื ง
๑. ส่วนนาเป็นแบบขน้ึ ต้นยอ่ ความเพ่ือบอกท่ีมาของเร่ืองใหผ้ อู้ ่านทราบ
๒. สว่ นเนอ้ื เร่ือง เป็นส่วนเนื้อหาท่ีเรยี บเรยี งแลว้ มีย่อหนา้ เดยี ว
ประเภทของการย่อความ
การยอ่ ความอาจแบง่ ได้ ๒ แบบ ดงั นี้
๑. แบ่งตามรูปแบบของบทความท่นี ามาย่อ ได้ ๒ ประเภท คอื
๑.๑ การยอ่ บทความที่เปน็ ร้อยแกว้
๑.๒ การยอ่ บทความที่เปน็ ร้อยกรอง
ชื่อ-สกลุ .................................................................................................. ชั้น ม. ๑/............. เลขท่ี .................
๒. แบ่งตามลกั ษณะของเน้ือเร่ืองที่ย่อ ได้ ๒ ประเภท คอื
๒.๑. การย่อความอย่างธรรมดา คือ การย่อที่นาเอาเฉพาะเนือ้ หาทสี่ าคัญหรอื ท่ีเรียกวา่ ใจความ
และพลความท่สี าคัญ ทเ่ี ดน่ ในแต่ละยอ่ หน้ามาเรยี บเรยี งด้วยถ้อยคาสานวนของผ้ยู อ่ เอง
ประโยชน์ของการยอ่ ความแบบธรรมดา
- การเกบ็ ข้อมลู เพอื่ เขียนเรยี งความและเขียนรายงานวชิ าการ
- การบันทึกทางวชิ าการ เพื่อทบทวนความคิด ความจาในการเตรียมสอบ
๒.๒ การย่อความอย่างสน้ั ที่สุด หรือท่เี รียกวา่ การสรุปความ คือ การยอ่ อย่างสั้นที่สดุ จะกล่าว
เฉพาะความคิดทสี่ าคัญทีส่ ุด โดยไม่ต้องนาพลความท่ีสาคญั มาประกอบแล้วนามาเรียบเรียงใหม่
ด้วยถอ้ ยคาสานวนของผู้ย่อเอง ผู้ยอ่ ตอ้ งตีความหรือจบั ความคิดของผ้เู ขียนใหไ้ ด้วา่ ต้องการเสนอ
เรอ่ื งใดเป็นสาคัญ
ประโยชน์ของการสรปุ ความ
- เม่อื ตอ้ งการกลา่ วเฉพาะประเดน็ ความคดิ ทส่ี าคญั ทีส่ ดุ
- เปน็ ประโยชน์ในการสรุปเรียงความ และการตอบข้อสอบท่ีต้องการใหต้ อบสน้ั ๆ
ประโยชนข์ องการย่อความ
สามารถนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั บางครงั้ เราใชป้ ระโยชนใ์ นส่วนนี้โดยไมร่ ู้ตวั การย่อความน้นั มคี วาม
เกย่ี วขอ้ งกบั บุคคลทกุ ฝา่ ย ทุกอาชพี ทกุ วยั ดงั น้ัน การย่อความ จึงมปี ระโยชน์ในการฝกึ หัดอา่ นในใจหรอื ฟงั เพือ่
เก็บข้อความสาคัญ ตลอดจนการฝกึ หดั ในการใช้ภาษาการเขยี นให้กระชับ รู้จกั แยกแยะใจความสาคัญที่เปน็ แก่น
ของเร่ือง คือจะกลา่ วแต่สงิ่ ที่สาคัญทสี่ ดุ เท่านน้ั
รปู แบบการเขยี นย่อความ
๑. งานเขียนประเภทบทร้อยกรองต่าง ๆ เช่น โคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอน รา่ ย ต้องบอกประเภทของ
บทร้อยกรอง ช่ือเร่ือง ผูแ้ ต่ง ท่มี า ว่ามาจากหนังสอื อะไร หนา้ ใด
ยอ่ .....ประเภทของบทรอ้ ยกรอง.......เรอ่ื ง......(ชอื่ บทรอ้ ยกรอง,ชอ่ื เรือ่ ง).......ของ....
(ชือ่ ผแู้ ตง่ ).....ตอน.....(ชอ่ื ตอน)......จาก......(ชือ่ หนังสือ)......หนา้ .......(เลขหนา้ ).......ความวา่
(ใจความ)………………………………………………………………………………………………………
ตัวอยา่ ง
ยอ่ นทิ านคากลอน เรื่อง พระอภัยมณี ของ สนุ ทรภู่ ตอน พระอภัยมณีหนผี เี ส้อื สมทุ ร จาก
หนงั สอื เรอ่ื งพระอภยั มณี หนา้ ๑๔๕- ๑๖๐ ความวา่
พระอภัยมณีอยู่กบั ผีเส้ือสมทุ รจนมีลูกอยูด่ ว้ ยกนั คอื สนิ สมุทร………
๒. งานเขยี นประเภทรอ้ ยแก้ว เชน่ นิทาน ตานาน บทความ สารคดี ตอ้ งบอก ประเภทของความเรยี ง
ร้อยแก้ว ช่ือเร่ือง ผูแ้ ตง่ ชอื่ หนังสือ หนา้ ใด
ย่อ.....(ประเภทของความเรยี งรอ้ ยเแก้ว).......เร่ือง........(ชอื่ เรื่อง)……..ของ......(ชือ่ ผ้แู ตง่ ).............
จาก......(ชอื่ หนังสอื ).......หน้า…….(เลขหน้า).......ความวา่
(ใจความ)………………………………………………………………………………………………………………………
ตวั อย่าง
ยอ่ บทความ เรื่อง กรุงเทพฯ เมอื งสีเขียว ปลอดขยะ ของ สนุ ิรนิ ธน์ จริ ะตวยั ภพ
จากเนชนั่ สุดสัปดาห์ ปที ่ี ๑๗ ฉบบั ท่ี ๘๕๙ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ หน้า ๑๕ ความวา่
กรุงเทพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเปน็ เมืองท่ีตดิ อนั ดับนา่ ท่องเที่ยว………………….
๓. งานเขยี นประเภท ประกาศ แถลงการณ์ กาหนดการณ์ ระเบียบคาสง่ั ใหบ้ อกชื่อ ประเภท ชอ่ื เร่อื ง
ผแู้ ตง่ วนั เดอื น ปี
ยอ่ .....(ประเภทของงานเขียน).......เรื่อง......(ชอ่ื เรื่อง)…………..ของ…………(ช่ือผู้แตง่ )...........
วัน เดอื น ปี ............... ความวา่
(ใจความ).........................................................................................................................
ตวั อย่าง
ย่อ กาหนดการ เร่ือง พระราชพธิ พี ระราชทานเพลงิ พระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟา้
กัลยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร์ ของ สานกั พระราชวัง (วนั เตือน ปี) ระหวา่ งวันท่ี
๑๔-๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ความว่า
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั และสมเดจ็ พระราชินเี สด็จพระราชดาเนนิ ยังพิธเี พื่อ.............
๔. งานเขียนประเภท พระราชดารัส พระบรมราโชวาท โอวาท ปาฐกถา สุนทรพจน์ คาปราศรยั
ใหร้ ะบวุ า่ พระราชดารัส พระบรมราโชวาท โอวาท ฯลฯ เป็นของใคร แสคงแก่ใคร ช่ือเรื่อง โอกาส สถานท่ี
วนั เดอื น ปี
ย่อ.....(ประเภทของงานเขียน).......ของ.......(ชอ่ื ผู้แต่ง)........พระราชทานแก่…………….เรอื่ ง........
(ชื่อเรื่อง).............ในโอกาส................ณ........เมื่อวนั ที่............ความวา่
(ใจความ)..................................................................................................................... ....
ตัวอยา่ ง
ย่อ พระราโชวาท ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาส พิธี
พระราชทานปริญญาบตั รแก่ผู้สาเรจ็ การศกึ ษาจากมหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ ประจาปี
การศึกษา ๒๕๔๙ ณ มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วทิ ยาเขตองครักษ์ จงั หวัดนครนายก เมอ่ื
วนั จนั ทร์ ที่ ๑๒ ธนั วาคม ๒๕๔๙ ความวา่
ขอให้ผ้ทู ีส่ าเร็จการศึกษาพึงตระหนกั ไว้วา่ ทุกท่านเป็นผซู้ ่ึง............................................
4. งานเขยี นประเภทจดหมาย ให้ระบุว่าเป็นจดหมายของใคร ถงึ ใคร ชอื่ เร่ือง วัน เดือน ปี
ยอ่ จดหมายของ.......(ผ้เู ขยี น)......ถึง......(ผู้รบั ).......เรือ่ ง.......(ชอื่ เรื่อง)....... วนั เดอื นปี………...
ความวา่
(ใจความ)…………………………………………………………………………………………………………………
ตัวอยา่ ง
ย่อจดหมายของ นายแพทย์ประเวศ วะสี ถงึ บรรณาธิการหนังสอื พิมพ์มติชน เรอ่ื ง การ
ดารงชีวติ ตามแนวพระราชดารัสเศรษฐกจิ พอเพยี ง วนั ที่ ๑6 พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ความว่า
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวทรงมีพระอจั ฉริยภาพและทรงห่วงใยพสกนิกร…………….
6. หนังสอื ราชการ ใหร้ ะบวุ า่ เปน็ หนังสอื ราชการของใคร ถงึ ใคร ช่อื เรื่อง เลขที่หนังสอื วนั เดอื น ปี
ยอ่ หนงั สือราชการของ.......(ผเู้ ขยี น).........ถึง......(ผู้รับ)......เรอื่ ง.....(ชอื่ เร่ือง)..............
เลขท่ี......(เลขที่หนังสอี ).......วนั เดือน ปี…………….ความว่า
(ใจความ)..........................................................................................................................
ตัวอย่าง
ย่อหนังสือราชการของ กระทรวงศึกษาธกิ าร ถงึ มหาวทิ ยาลัยหวั เฉยี วเฉลิมพระเกียรติ
เร่อื ง ขอเชิญสัมมนาเรื่อง "แนวโน้มการพัฒนามหาวทิ ยาลัยในอกี ๒0 ปขี า้ งหน้า"
เลขที่ ศธ ๒๕๕๑/๒๓๔ ลงวนั ที่ ๑๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๑ ความวา่
จากการพฒั นาทางดา้ นการศึกษาเพือ่ กา้ วเขา้ สูค่ วามเป็นสากล...................................
ตัวอย่างการเขียนย่อความ
นทิ านเร่ือง เกา้ หรือสิบ
กาลครั้งหนงึ่ ในทะเลทรายอันแห้งแล้งชายผู้หนง่ึ กาลังต้อนฝงู อฐู สิบตัวเดนิ ทางไปยัง บ่อน้าข้างหน้า เดินไป
ได้สักสองสามไมล์เขาก็ข้ึนข่หี ลังอฐู ตัวหน่ึงแลว้ กน็ ับอฐู ที่เหลือนับไดเ้ ก้าตัว เขากต็ ะลตี ะลานลงจากหลงั อูฐเดินกลับ
หลังไปหาเจ้าตัวท่ีหายไป หาเท่าใดไม่เห็นร่องรอยของมันเลย ใจคิดว่าอูฐหายไปตัวหนึ่งเสียแล้วแน่ ๆ จึงเลิกหา
แล้วหันหน้าเดินไปยังฝูงอูฐข้างหน้าอย่างรีบเร่งด้วยความเสียดายและกลัดกลุ้ม แต่แล้วกลับดีใจลิงโลดโน่นไง...อฐู
ท้ังสิบตัวเดินอยู่ข้างหน้าโน่นเอง เขาข้ึนขี่หลังอูฐตัวหน่ึง เดินไปได้สักพักก็ลองนบั จานวนอูฐดูใหม่อีกครั้งหน่ึงเหลือ
เก้าตัวอีกแล้ว เขารีบตะกายลงจากหลังอูฐพิศวงงงวยเต็มทีหันหลังกลับไปเดินหาตัวท่ีหายอย่างอิดหนา ระอาใจ
หาเท่าใดก็ไม่พบก็รีบว่ิงทะเล่ิกทะล่ักกลับไปยังฝูงอูฐข้างหน้าแล้วก็นับดูแสนประหลาดใจนักท่ีเห็นอูฐสิบตัวเดิน
เออื่ ยเฉื่อยอยา่ งเกียจคร้านอยูท่ ้ังฝงู เขาเลยโทษความร้อนแรงของทะเลทราย แลว้ ก็ขนึ้ ขอี่ ฐู ตัวท่ีเดินท้ายสดุ แล้วลง
มือนับจานวนดอู ีกเป็นครง้ั ทีส่ าม ไมเ่ ข้าใจเอาเลยจริง ๆ ว่า ทาไมมนั ถงึ หายไปตัวหน่ึงอกี แลว้ เขาโดดลงจากหลังอูฐ
แช่งด่าซาตานไปพลาง นับจานวนอูฐไปพลางอย่างเหน่ือยเต็มทน อ้าว....นับได้สิบตัวอีกแล้ว "ดีละ...ไอผีร้ายเจ้า
เล่ห"์ เขาบน่ อุบอิบ "ขาเดินไปเองแลว้ มีอฐู อย่คู รบฝงู ดกี ว่าจะข่มี ันไปแลว้ ก็ต้องหายไปอีกตัวหน่งึ "
ทมี่ า : (สมโรจน์ สวสั ดิกลุ ณ อยุธยา. ท่านผ้หู ญิง. หนงั สือสง่ เสริมการอ่านระดบั ประถมศกึ ษา เรื่อง
มาหัวเราะกนั เถดิ . กรมวชิ าการ. กระทรวงศึกษาธิการ. ๒๕๓๑ หน้า ๑๕-๑๖)
จากนทิ านเรอ่ื งดังกล่าว สามารถเขียนยอ่ ความได้ดงั นี้
ย่อความ นทิ าน เรื่อง เก้าหรอื สิบ ของสมโรจน์ สวสั ดิกลุ ณ อยธุ ยา จากหนงั สือสง่ เสรมิ การอ่านระดบั
ประถมศกึ ษา เรื่อง มาหวั เราะกนั เถิด หน้า ๑๕-๑๖ ความว่า
ในทะเลทราย มีชายเลี้ยงอฐู สิบตวั เดนิ ทางไปด่ืมน้า เมื่อเขาข้ึนขี่หลังอูฐ เขานับอฐู เหลอื เกา้ ตวั เมื่อเขาลง
จากหลังอฐู กน็ ับไดส้ ิบตวั เหมือนเดิม เปน็ เช่นนถ้ี งึ ๓ ครั้ง เขาโทษว่าผรี ้ายทะเลทรายบนั ดาลให้เปน็ ไป เขาจึงไม่
ยอมขี่หลังอฐู อีกเลย (ที่แทเ้ ขาลืมนับตวั ท่เี ขาขี่)
ใบงานเรอื่ ง การเขียนย่อความ
รายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๑
ภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕
คาช้แี จง : ให้นักเรยี นอ่านเรื่องท่ีกาหนดให้ แลว้ ยอ่ ความตามรูปแบบการเขยี นย่อความ
อาหารเช้า อาหารม้ือสาคญั
เด็ก ๆ ต้องการอาหารมากกว่าผู้ใหญ่ เมื่อเปรียบเทยี บกับขนาดของรา่ งกาย เด็กออกกาลงั กายมาก
และรา่ งกายยังเจรญิ เตบิ โตอยู่ ถ้าได้กินดีท้ังสมองและรา่ งกายจะเจริญเตบิ โตดี มีแรงทากิจกรรมทง้ั เร่ืองเรียน
และเร่อื งเล่น นักเรยี นที่มภี าวะโภชนาการดี ตอ้ งไดก้ นิ อาหารหลกั ๕ หมู่ ทุกวนั กนิ อาหารอย่างนอ้ ยวันละ ๓
มอ้ื เป็นอาหารท่ีมผี กั และผลไม้มาก ๆ มเี นือ้ สตั ว์ ไข่ ถว่ั เมล็ดแห้ง นมทุกมอ้ื มีข้าวพอใหอ้ ่มิ สบาย และมีไขมนั
อาหารเชา้ เปน็ มอ้ื ทีส่ าคญั มากทส่ี ุด เพราะเราอดอาหารเป็นเวลานานนับต้งั แต่ ได้กนิ อาหารมอื้ เยน็
สาหรับม้ืออืน่ ๆ ไมต่ อ้ งอดอาหารนานเท่านี้ นักเรียนยังต้องทากจิ กรรมมากในชว่ งเวลาเช้า ตอ้ งเรยี นหลายวชิ า
ก่อนจะถงึ เวลาอาหารกลางวนั ถ้าไมไ่ ดก้ นิ อาหารเช้าจะหวิ ไม่มแี รง และเขยี นไม่รูเ้ รอ่ื ง ฉะนั้นอาหารมื้อเชา้
ตอ้ งเป็นอาหารที่มเี น้อื สัตวห์ รอื ผลติ ภณั ฑจ์ ากสตั ว์ ขา้ ว ผกั ผลไม้ และควรไดด้ ื่มนมดว้ ย
คนทไ่ี ด้กนิ อาหารเช้าดี จะสามารถทางานและเรียนไดเ้ ปน็ อย่างดี ไมก่ ระวนกระวาย หวิ อาหารก่อน
เวลาอาหารกลางวัน และจะไมก่ นิ อาหารกลางวนั มากเกนิ ไป จนง่วงตอนบ่ายเรียนไม่รูเร่ือง อาหารเชอาที่ดีควร
เป็นอาหารท่กี ินได้ง่ายและเร็ว ขา้ วผัด ไข่ตม้ ไขเ่ จยี ว ไขพ่ ะโล้ ขนมปงั กล้วยนา้ วา้ และกลว้ ยเหล่านล้ี ว้ นเปน็
ตวั อยา่ งอาหารที่กนิ ได้เร็วและทาง่าย คนทไี่ ม่มเี วลาอาจกนิ อาหารท่ีเก็บค้างคนื ไว้ เชา้ ขน้ึ อนุ่ ใหร้ ้อนรบี กินรบี ไป
โรงเรียนได้
(จากหนงั สอื โภชนาการเด็กวยั เรียน ของ ศ. ดร.อมรรัตน์ เจรญิ ชัย หน้า ๒-๓)
คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นย่อความจากเร่อื งที่อา่ นตามรปู แบบการเขยี นย่อความท่ีกาหนด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………..
.………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
.……………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
.
สมาชกิ ในกลุ่ม
ชื่อ-สกุล................................................................................................ ช้นั ม. ๑/............. เลขที่ .................
ชื่อ-สกุล................................................................................................ ช้ัน ม. ๑/............. เลขท่ี .................
ชอ่ื -สกุล................................................................................................ ชั้น ม. ๑/............. เลขที่ .................
ชื่อ-สกลุ ................................................................................................ ชน้ั ม. ๑/............. เลขที่ .................
ชอื่ -สกุล................................................................................................ ช้นั ม. ๑/............. เลขท่ี .................