โรงเรียนกุศลศึกษา
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
โดย นางสาววราพร ชูเชิด นักศึกษาฝึกสอน
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รายละเอียดของบทเรียนสำเร็จรูป
บทเรียนสำเร็จรูปร่วมกับเทคนิค 5W1H เรื่อง พลังงานความร้อน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประกอบด้วย
ผังมโนทัศน์ของบทเรียนสำเร็จรูป
คำชี้แจงสำหรับครู
คำชี้แจงสำหรับนักเรียน
แผนผังลำดับการใช้บทเรียนสำเร็จรูป
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/สาระสำคัญ
แบบทดสอบก่อนเรียน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้
แบบทดสอบหลังเรียน
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน
เฉลยใบงาน
บรรณานุกรม
ผังมโนทัศน์ของบทเรียนสำเร็จรูป
บทเรียนสำเร็จรูปร่วมกับเทคนิค 5W1H เรื่อง พลังงานความร้อน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประกอบด้วย
บทเรีเยทนคสนิำคเร็5จWรูป1รH่วมกับ
เรื่อง พลังงานความร้อน
บทเรียนที่ 1 บทเรียนที่ 2 บทเรียนที่ 3 บทเรียนที่ 4
อุณหภูมิและการวัด ผลของความร้อนต่อ สมดุลความร้อน การถ่ายโอนความ
การเปลี่ยนแปลงของ ร้อน
สสาร
คำชี้แจงสำหรับครู
1. บทเรียนสำเร็จรูปร่วมกับเทคนิค 5W1H เรื่อง พลังงานความร้อน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 4 บทเรียน ดังนี้
บทเรียนที่ 1 เรื่อง อุณหภูมิและการวัด
บทเรียนที่ 2 เรื่อง ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงของสสาร
บทเรียนที่ 3 เรื่อง สมดุลความร้อน
บทเรียนที่ 4 เรื่องการถ่ายโอนความร้อน
2. ครูควรศึกษาคำแนะนำในการใช้บทเรียนสำเร็จรูปให้เข้าใจก่อนการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้
3. ครูควรชี้แจงขั้นตอนการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปให้นักเรียนเข้าใจบทบาท
ของตนเองทุกคนก่อนดำเนินกิจกรรมต่างๆในบทเรียนสำเร็จรูป
4. หลังจากนักเรียนทำกิจกรรมครบตามขั้นตอนแล้วครูควรสรุปและเฉลยกิจกรรม
ร่วมกับนักเรียน
5. ถ้านักเรียนศึกษาบทเรียนสำเร็จรูปแล้วไม่เข้าใจ ครูควรแนะนำเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้
ปัญหานั้นหมดไป ควรมีการกระตุ้นเสริมแรงบวก ให้กำลังใจและดูแลให้คำปรึกษา
นักเรียนอย่างใกล้ชิด
คำชี้แจงสำหรับนักเรียน
1. บทเรียนสำเร็จรูปร่วมกับเทคนิค 5W1H เรื่อง พลังงานความร้อน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 4 บทเรียน ดังนี้
บทเรียนที่ 1 เรื่อง อุณหภูมิและการวัด
บทเรียนที่ 2 เรื่อง ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงของสสาร
บทเรียนที่ 3 เรื่อง สมดุลความร้อน
บทเรียนที่ 4 เรื่องการถ่ายโอนความร้อน
ให้นักเรียนปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้
2. ให้นักเรียนศึกษามาตรฐานตัวชี้วัด จุดประสงค์การเรียนรู้ และขอบข่ายเนื้อหา
3. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน จำนวน 60 ข้อ จาก QR cord ที่ครูให้ เมื่อทำเสร็จแล้ว
ให้กดปุ่มส่งข้อสอบให้เรียบร้อย
4. นักเรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป
5. นักเรียนต้องตั้งใจศึกษาใบความรู้และดำเนินกิจกรรมตามลำดับ โดยไม่แอบดู
เฉลยคำตอบก่อน มีความตั้งใจในการทำกิจกรรมและฟังคำแนะนำจากครูผู้สอน
6. ทำใบงาน และตรวจคำตอบจากใบเฉลยและแนวคำตอบกิจกรรม
7. ทำแบบทดสอบหลังเรียน จำนวน 60 ข้อ จาก QR cord ที่ครูให้ เมื่อทำเสร็จแล้ว
ให้กดปุ่มส่งข้อสอบให้เรียบร้อย
แผนผังลำดับการใช้บทเรียนสำเร็จรูป
อ่านคำชี้แจง
ทดสอบก่อนเรียน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้
โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปร่วมกับเทคนิค 5W1H
ทดสอบหลังเรียน
ผ่านเกณฑ์ ไม่ผ่านเกณฑ์
ศึกษาชุดกิจกรรมชุดต่อไป
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/สาระสำคัญ
สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว. 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่าย
โอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน
ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และ
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชี้วัด ม.1/1
วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล และคำนวณปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิและ
เปลี่ยนสถานะ โดยใช้สมการ Q = MC∆T และ Q = ML
สาระสำคัญ
ความร้อนทำให้สสารขยายตัวหรือหดตัวได้ เนื่องจากเมื่อสสารได้รับความร้อนจะทำให้
อนุภาคเคลื่อนที่เร็วขึ้น ทำให้เกิดการขยายตัว แต่เมื่อสสารคายความร้อนจะทำให้อนุภาค
เคลื่อนที่ช้าลง ทำให้เกิดการหดตัว ความรู้เรื่องการหดและขยายตัวของสสารเนื่องจากความร้อน
นำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น การสร้างถนน การสร้างรางรถไฟ การทำเทอร์มอมิเตอร์
ตัวชี้วัด ม.1/2
ใช้เทอร์มอมิเตอร์ในการวัดอุณหภูมิของสสาร
สาระสำคัญ
ระดับความร้อนในวัตถุ เรียกว่า อุณหภูมิ เทอร์มอมิเตอร์เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดอุณหภูมิได้
ถูกต้องแม่นยำกว่าการสัมผัส หน่วยการวัดอุณหภูมิ มีหลายอย่างแตกต่างกันตามประเภทของ
เทอร์มอมิเตอร์ที่ใช้วัด ความสัมพันธ์ของ เทอร์มอมิเตอร์ใด ๆ ย่อมมีค่าคงที่เสมอ และพบว่า
อัตราส่วนของการวัดอุณหภูมิของเทอร์มอมิเตอร์ต่างชนิดกัน
ตัวชี้วัด ม.1/3
สร้างแบบจำลองที่อธิบายการขยายตัว หรือหดตัวของสสารเนื่องจากได้รับหรือสูญเสียความ
ร้อน
สาระสำคัญ
ความร้อนทำให้สสารขยายตัวหรือหดตัวได้ เนื่องจากเมื่อสสารได้รับความร้อนจะทำให้
อนุภาคเคลื่อนที่เร็วขึ้น ทำให้เกิดการขยายตัว แต่เมื่อสสารคายความร้อนจะทำให้อนุภาค
เคลื่อนที่ช้าลง ทำให้เกิดการหดตัว ความรู้เรื่องการหดและขยายตัวของสสารเนื่องจากความร้อน
นำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น การสร้างถนน การสร้างรางรถไฟ การทำเทอร์มอมิเตอร์
ตัวชี้วัด ม.1/4
ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการหดและขยายตัวของสสารเนื่องจากความร้อน โดย
วิเคราะห์สถานการณ์ปัญหา และเสนอแนะวิธีการนำความรู้มาแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน
สาระสำคัญ
ความร้อนทำให้สสารขยายตัวหรือหดตัวได้ เนื่องจากเมื่อสสารได้รับความร้อนจะทำให้
อนุภาคเคลื่อนที่เร็วขึ้น ทำให้เกิดการขยายตัว แต่เมื่อสสารคายความร้อนจะทำให้อนุภาค
เคลื่อนที่ช้าลง ทำให้เกิดการหดตัว ความรู้เรื่องการหดและขยายตัวของสสารเนื่องจากความร้อน
นำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น การสร้างถนน การสร้างรางรถไฟ การทำเทอร์มอมิเตอร์
ตัวชี้วัด ม.1/5
วิเคราะห์สถานการณ์การถ่ายโอนความร้อนและคำนวณปริมาณความร้อนที่ถ่ายโอนระหว่างสสาร
จนเกิดสมดุลความร้อนโดยใช้สมการ Qสูญเสีย = Qได้รับ
สาระสำคัญ
สมดุลความร้อน เมื่อนำวัตถุ 2 ชนิดอุณหภูมิต่างกันมาผสมเข้าด้วยกัน จะเกิดการถ่าย
โอนความร้อนจากวัตถุที่อุณหภูมิสูงกว่าไปสู่วัตถุที่อุณหภูมิต่ำกว่าจนมีอุณหภูมิเท่ากันเป็นสมดุล
ความร้อน อุณหภูมิผสม คือ อุณหภูมิของวัตถุที่เกิดสมดุลความร้อน
ตัวชี้วัด ม.1/6
สร้างแบบจำลองที่อธิบายการถ่ายโอนความร้อนโดยการนำความร้อน การพาความร้อน
การแผ่รังสีความร้อน
สาระสำคัญ
การนำความร้อน คือ การถ่ายโอนพลังงานความร้อนจากที่มีอุณหภูมิสูงไปยังที่มีอุณหภูมิ
ต่ำกว่าโดยอาศัยวัตถุตัวกลางซึ่งได้เคลื่อนที่ไปด้วย วัตถุตัวกลางที่ยอมให้พลังงานความร้อน
ผ่านได้ดี เรียกว่าตัวนำความร้อน ได้แก่ โลหะต่าง ๆ เช่น เหล็ก ทองแดง ดีบุก อะลูมิเนียม ส่วน
วัตถุตัวกลางที่ไม่ยอมให้พลังงานความร้อนผ่านได้ดี เรียกว่า ฉนวนความร้อน ได้แก่ อโลหะต่าง
ๆ เช่น ไม้ พลาสติก ไฟเบอร์
การพาความร้อน คือ การถ่ายโอนพลังงานความร้อนจากที่ที่มีอุณหภูมิสูงไปยังที่ที่มี
อุณหภูมิต่ำ โดยต้องอาศัยตัวกลางที่ได้รับความร้อนแล้วเคลื่อนที่มาเอาความร้อนนั้นไปด้วย
เรียกว่า ตัวพาความร้อน เช่น เมื่อเราต้มน้ำในส่วนล่างจะได้รับความร้อนเกิดการขยายตัวแล้ว
เคลื่อนที่ขึ้นไปข้างบนน้ำส่วนที่เย็นกว่าหนักกว่าก็จะจมลงมาแทนที่ ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของน้ำ
ไปทั่วภาชนะที่ใช้ต้มน้ำและมีการพาความร้อนเคลื่อนที่ไปด้วย
การแผ่รังสี คือ การถ่ายโอนพลังงานความร้อนออกไปโดยรอบ โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางใด ๆ
ทั้งสิ้น เช่น ความร้อนจากดวงอาทิตย์แผ่รังสีมายังโลก
ตัวชี้วัด ม.1/7
ออกแบบ เลือกใช้และสร้างอุปกรณ์เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันโดยใช้ความรู้เกี่ยวกับการถ่าย
โอนความร้อน
สาระสำคัญ
การนำความร้อน คือ การถ่ายโอนพลังงานความร้อนจากที่มีอุณหภูมิสูงไปยังที่มีอุณหภูมิ
ต่ำกว่าโดยอาศัยวัตถุตัวกลางซึ่งได้เคลื่อนที่ไปด้วย วัตถุตัวกลางที่ยอมให้พลังงานความร้อน
ผ่านได้ดี เรียกว่าตัวนำความร้อน ได้แก่ โลหะต่าง ๆ เช่น เหล็ก ทองแดง ดีบุก อะลูมิเนียม ส่วน
วัตถุตัวกลางที่ไม่ยอมให้พลังงานความร้อนผ่านได้ดี เรียกว่า ฉนวนความร้อน ได้แก่ อโลหะต่าง
ๆ เช่น ไม้ พลาสติก ไฟเบอร์
การพาความร้อน คือ การถ่ายโอนพลังงานความร้อนจากที่ที่มีอุณหภูมิสูงไปยังที่ที่มี
อุณหภูมิต่ำ โดยต้องอาศัยตัวกลางที่ได้รับความร้อนแล้วเคลื่อนที่มาเอาความร้อนนั้นไปด้วย
เรียกว่า ตัวพาความร้อน เช่น เมื่อเราต้มน้ำในส่วนล่างจะได้รับความร้อนเกิดการขยายตัวแล้ว
เคลื่อนที่ขึ้นไปข้างบนน้ำส่วนที่เย็นกว่าหนักกว่าก็จะจมลงมาแทนที่ ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของน้ำ
ไปทั่วภาชนะที่ใช้ต้มน้ำและมีการพาความร้อนเคลื่อนที่ไปด้วย
การแผ่รังสี คือ การถ่ายโอนพลังงานความร้อนออกไปโดยรอบ โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางใด ๆ
ทั้งสิ้น เช่น ความร้อนจากดวงอาทิตย์แผ่รังสีมายังโลก
สารบัญ
รายงาน หน้า
แบบทดสอบก่อนเรียน 1
เรื่องที่ 1 อุณหภูมิและการวัด
1. ใบความรู้ เรื่อง อุณหภูมิและการวัด 2
2. ใบงาน เรื่อง อุณหภูมิและการวัด 8
3. ใบงาน เรื่อง การเปลี่ยนหน่วยวัดอุณหภูมิ 9
เรื่องที่ 2 ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงของสสาร
1. ใบความรู้ เรื่อง ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลง 10
ของสสาร 13
2. ใบงาน เรื่อง ความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะ
เรื่องที่ 3 การถ่ายโอนความร้อน 14
1. ใบความรู้ เรื่อง การถ่ายโอนความร้อน 17
2. ใบงาน เรื่อง การถ่ายโอนความร้อน
เรื่องที่ 4 สมดุลความร้อน 18
1. ใบความรู้ เรื่อง สมดุลความร้อน 20
2. ใบงาน เรื่อง สมดุลความร้อน 21
22
แบบทดสอบหลังเรียน 23
แบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน 24
เฉลยใบงาน
บรรณานุกรม
แบบทดสอบก่อนเรียน
1
1เรื่องที่ อุณหภูมิและการวัด
ใบความรู้ เรื่อง อุณหภูมิและการวัด
พลังงานความร้อน
แหล่งกำเนิดพลังงานความร้อน มนุษย์เราได้พลังงานความร้อนมาจากหลายแห่งด้วยกัน เช่น
จากดวงอาทิตย์, พลังงานในของเหลวร้อนใต้พื้นพิภพ , การเผาไหม้ของเชื้อเพลิง, พลังงานไฟฟ้า,
พลังงานนิวเคลียร์, พลังงานน้ำในหม้อต้มน้ำ, พลังงานเปลวไฟ ผลของความร้อนทำให้สารเกิดการ
เปลี่ยนแปลง เช่น อุณหภูมิสูงขึ้น หรือมีการเปลี่ยนสถานะไป และนอกจากนี้แล้ว พลังงานความร้อน ยัง
สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีได้อีกด้วย หน่วยที่ใช้วัดปริมาณความร้อน คือ แคลอรี่ โดยใช้
เครื่องมือที่เรียกว่า แคลอรี่มิเตอร์
การที่สารมี 3 สถานะ ขึ้นอยู่กับ
1. การจัดเรียงอนุภาค
2. แรงยึดเหนี่ยวของอนุภาค
3. การเคลื่อนที่ของอนุภาค
แบบจำลองของแข็ง
- อนุภาคการจัดเรียงเป็นระเบียบ
– แรงยึดเหนี่ยวแข็งแรงมาก
- การเคลื่อนที่สั่นด้วยพลังงานต่ำ
แบบจำลองของเหลว
- อนุภาคการจัดเรียงไม่เป็นระเบียบ
– แรงยึดเหนี่ยวแข็งแรงน้อย
– การเคลื่อนที่สั่นตัว
ของเหลว = ของไหล สังเกตจากลักษณะการไหล
2
แบบจำลองแก๊ส
- อนุภาคการจัดเรียงแบบ
กระจัดกระจาย
– แรงยึดเหนี่ยวไม่แข็งแรง
– การเคลื่อนที่ระยะไกลสั่นตัว
- อนุภาคปะทะกัน กระจายไกล
ตารางเปรียบเทียบสถานะ
สถานะ รูปร่าง ปริมาตร พลังงาน
คงที่ ต่ำ
ของแข็ง คงที่ คงที่
มากกว่า
ของเหลว ไม่คงที่ ไม่คงที่ สูงมาก
แก๊ส ไม่คงที่
การเปลี่ยนสถานะ
อุณหภูมิ (TEMPERATURE) มีผลต่อการเปลี่ยนสถานะของสาร ทำให้
สารได้รับพลังงานความร้อนที่เปลี่ยนไปจากเดิม โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ
1. การดูดความร้อน คือ การถ่ายโอนความร้อนจากภายนอกไปยังตัวสาร
สิ่งแวดล้อมมีอุณหภูมิลดลง
2. การคายความร้อน คือ การถ่ายโอนความร้อนจากตัวสารไปยัง
ภายนอก สิ่งแวดล้อมมีอุณหภูมิสูงขึ้น
รูปที่ 1 การเปลี่ยนสถานะของสาร
ที่มา : HTTPS://1TH.ME/CBNDU
3
ของแข็ง (SOLID)
1. ของแข็งกลายเป็นของเหลว เรียกว่า การหลอมเหลว เกิดจาก
ของแข็งได้รับความร้อนอนุภาคมีพลังงานเพิ่มขึ้นทำให้เกิดการสั่นตัวและผลักกัน
อุณหภูมิที่ทำให้ของแข็งกลายเป็นของเหลว เรียกว่า จุดหลอมเหลว
2. ของแข็งกลายเป็นแก๊ส เรียกว่า การระเหิด เป็นสารประกอบที่ความ
ดันไอสูงแต่ถ้าเป็นสิ่งเจือปนความดันไอต่ำ อนุภาคของแข็งเกิดการสั่นและชนกับ
อนุภาคอื่น เกิดการถ่ายเทพลังงานจลน์ของอนุภาค
แก๊ส
ของเหลว (LIQUID)
1. ของเหลวกลายเป็นแก๊ส เรียกว่า การเดือด เกิดจากของเหลวได้รับ
ความร้อนอนุภาคมีพลังงานเพิ่มขึ้นเกิดแรงผลักกันและแรงยึดเหนี่ยว อุณหภูมิที่
ทำให้ของเหลวกลายเป็นแก๊ส เรียกว่า จุดเดือด
2. ของเหลวกลายเป็นของแข็ง เรียกว่า การเยือกแข็ง เกิดจากของเหลว
สูญเสียความร้อนอนุภาคเคลื่อนที่ช้าลง อนุภาคมีการจัดเรียงเป็นระเบียบรวมตัวก่อ
รูปเป็นของแข็ง
4
แก๊ส (GAS)
1. แก๊สกลายเป็นของเหลว เรียกว่า การควบแน่น เกิดจากแก๊สสูญ
เสียความร้อน อนุภาคสูญเสียพลังงาน เคลื่อนที่ช้าลง อุณหภูมิที่ทำให้แก๊สกลาย
เป็นของเหลว เรียกว่า จุดควบแน่น
2. แก๊สกลายเป็นของแข็ง เรียกว่า การระเหิดกลับ เกิดจากแก๊สสูญ
เสียความร้อนอนุภาคสูญเสียพลังงานต่ำ แก๊สเกิดการก่อตัวเป็นของแข็ง
แก๊ส
แก๊ส
TRICK สร้างคายสลายดูด
สร้าง = GAS LIQUID SOLID
สลาย = SOLID LIQUID GAS
เทอร์โมมิเตอร์ คือ เครื่องมือที่ใช้สำหรับวัดอุณหภูมิ ซึ่งจะประกอบด้วยสองส่วน
สำคัญ ได้แก่ ส่วนตรวจวัดอุณหภูมิและส่วนแสดงผล ซึ่งจะแปลงผลการวัดออก
มาเป็นค่าที่แสดงถึงอุณหภูมิ ของเทอร์โมมิเตอร์นั้นมีหลายชนิด แต่ที่เราคุ้นเคย
กันส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเทอร์โมมิเตอร์ ที่ประกอบด้วยกระเปาะของของเหลวดังรูป
ด้านบน การสร้างเทอร์มอมิเตอร์แบบนี้นั้นอาศัยคุณสมบัติของการขยายตัวของ
ของเหลวหรือแก๊ส เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น และหดตัวเมื่ออุณหภูมิลดลง
- เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดอุณหภูมิ
- มีหลายชนิด ยกตัวอย่าง เช่น
1. แบบธรรมดา
- แบบปรอท
- แบบแอลกอฮอล์
5
-เมื่อ-ชไ่ดว้รง2ับค.เควทแาวอม-า-บร์มยโแบแมรา้บบววอมัิขนบดบเตอจดไปงอิะขจเร้ปริก์ทอิใรดชัอ้ทลกหทาลทัรีก่ขขกยยาาารยยหตตััดวว/แบข่ลงยะบเากอยิดกตักอวุาณขรอเหคงภขูลืม่ออิขงนอเทีหง่ไลสปวาตรานัม้นหๆลอด
เทอร์โมมิเตอร์แบบวัดไข้จะมีอุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส – 42 องศา
เซลเซียส ค่าความละเอียดเท่ากับ 0.1 องศาเซลเซียส
เทอร์โมมิเตอร์ใช้หลักการ หด/ขยายตัวของของเหลว
-เมื่ อได้รับความร้อนจะเกิดการขยายตัวและเกิดการเคลื่ อนที่ไปตามหลอด
-ช่วงความยาวของปรอทที่ขยายตัว บ่งบอกอุณหภูมิของสารนั้นๆ
หลักปฏิบัติในการใช้เทอร์มอมิเตอร์วัดอุณหภูมิ
1. ใช้กระเปาะเทอร์มอมิเตอร์จุ่มหรือสัมผัสกับสิ่งที่ต้องการจะวัดอุณหภูมิ
เสมอ และระมัดระวังไม่ให้กระเปาะแตะด้านหลังหรือก้นภาชนะ
2. ให้ก้านเทอร์มอมิเตอร์ตั้งตรงในแนวดิ่ง
3. อ่านค่าอุณหภูมิเมื่อระดับของเหลวขึ้นไปจนหยุดนิ่งแล้ว
4. ขณะอ่านค่าอุณหภูมิต้องให้สายตาอยู่ในระดับของเหลวของเทอร์มอ
มิเตอร์ เพื่อให้อ่านค่าได้ถูกต้อง ไม่คลาดเคลื่อน
5. อ่านค่าอุณหภูมิขณะที่กระเปาะเทอร์มอมิเตอร์ยังสัมผัสสิ่งที่วัดอุณหภูมิ
ข้อควรระวังในการใช้เทอร์มอมิเตอร์
1. เนื่องจากกระเปาะของเทอร์มอมิเตอร์บางและแตกง่าย เวลาใช้จึงควร
ระมัดระวังไม่ให้กระเปาะไปกระทบกับของแข็ง ๆ แรง ๆ
2. ไม่ควรใช้เทอร์มอมิเตอร์วัดสิ่งที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันมาก ๆ ในเวลาต่อ
เนื่องกัน เพราะกระเปาะจะขยายตัวและหดตัวอย่างทันทีทำให้เกิดความเสียหายได้
3. เมื่อใช้เสร็จแล้วควรล้างทำความสะอาด เช็ดให้แห้ง แล้วเก็บรักษาไว้ในที่
ปลอดภัย
หน่วยวัดอุณหภูมิ
หน่วย จุดเยือกแข็ง จุดเดือด
1. องศาเซลเซียส 0 100
2. องศาฟาเรนไฮด์ 32 212
3. เคลวิน 373
4. องศาโรเมอร์ 273 80
0
ความสัมพันธ์แต่ละหน่วย C/5 = R/4 = F-32/9 = K-273/5
6
ตกีั่อวอง-ยศเ่มาืา่อง-ฟชไ่ดาว1้รเง1ัอรบค.ุเนณควทจาวอไามหาฮรก์มยโภดสมราู์ู้วมอตมิิขนเปรตอจกงอะเปรตก์ิิใรดชขอ้กหcอทาล/ทังรีก่ข5ขรก่ยยาา=าางรยยกfหตตั-ัดาวว3/ยแบ2ข่ลมง/ยะบนเ9ากุอยิษดกตักยอวุ์าณขเรทอเห่คงาภขูลกืม่ัออิบขงนอเท3ีหง่ไล7สปวาตรอานังม้นหศๆลาอเดซลเซียสเท่ากับ
2. แทน C = 37 = 37/5 = F-32/9
7.4 = F-32/9
7.4 x 9 = F-32
f = 67 + 32
F = 99 องศาฟาเรนไฮด์
ตอบ F = 98.6 องศาฟาเรนไฮด์
ตัวอย่าง 2 วัดอุณหภูมิน้ำอุ่นได้ 40 องศาเซลเซียสเท่ากับกี่องศาโรเมอร์
1. จากสูตร c/5 = R/4
2. แทน C = 40 = 40/5 = R/4
8 = R/4
R = 8X4
R = 32 องศาโรเมอร์
ตอบ R = 32 องศาโรเมอร์
7
ใบงาน
เรื่อง อุณหภูมิและการวัด
คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำตอบต่อไปนี้ให้สมบูรณ์และถูกต้อง
1. เครื่องมือที่ใช้ในการวัดอุณหภูมิ คือ........................................................................
2. เครื่องมือที่ใช้ในการวัดอุณหภูมิแบบมีของเหลวบรรจุภายในมีกี่ประเภท อะไร
บ้าง
.........................................................................................................................................
3. เทอร์มอมิเตอร์แบบวัดไข้แบบปรอทมีช่วงอุณหภูมิเท่าใด
.........................................................................................................................................
4. น้ำบริสุทธิ์มีจุดเยือกแข็ง และจุดเดือด เท่าไรในหน่วยองศาเซลเซียส ตาม
ลำดับ...............................................................................................................................
5. หน่วยวัดอุณหภูมิที่ใช้ในปัจจุบันมีกี่หน่วย อะไรบ้าง
.........................................................................................................................................
6. สมการที่ใช้ในการเปลี่ยนหน่วยองศาเซลเซียสเป็นองศาฟาเรนไฮต์
คือ...................................................................................................................................
7. ในประเทศไทยเราใช้หน่วยในการวัดอุณหภูมิเรียกว่าอะไร...................................
รูปที่ 3 เทอร์โมมิเตอร์
ที่มา : HTTPS://WWW.NEONICS.CO.TH/CATEGORY/THERMOMETER-KNOWLEDGE
หมายเหตุ นักเรียนสามารถเลือกทำลงสมุดหรือสแกน QR CORD เพื่อทำแบบออนไลน์ก็ได้ค่ะ
8
ใบงาน
เรื่อง การเปลี่ยนหน่วยวัดอุณหภูมิ
คำชี้แจง ให้นักเรียนแสดงวิธีการเปลี่ยนหน่วยวัดอุณหภูมิเดิมให้เป็นหน่วยวัด
อื่น ตามที่โจทย์กำหนด
1. ถ้าวัดอุณหภูมิได้ 35 °C อุณหภูมินี้จะมีค่าเท่าใดในหน่วยองศาฟาเรนไฮต์ (°F)
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
2. ถ้าวัดอุณหภูมิได้ 30 °C อุณหภูมินี้จะมีค่าเท่าใดในหน่วยองศาโรเมอร์ (°R)
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
3. ถ้าวัดอุณหภูมิได้ 90 °C อุณหภูมินี้จะมีค่าเท่าใดในหน่วยเคลวิน (°K)
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
รูปที่ 4 เทอร์โมมิเตอร์
หมายเหตุ นักเรียนสามารถเลืทอี่มกาท: ำHลTTงPสSม:ุ/ด/DหLรืIอNKส.แMกE/นH8QTRETCORD เพื่อทำแบบออนไลน์ก็ได้ค่ะ
9
2เรื่องที่ ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงของสสาร
ใบความรู้ เรื่อง ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงของสสาร
พลังงานกับการเปลี่ยนแปลงสถานะ
การเปลี่ยนสถานะของสารเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ การเปลี่ยน
สถานะของสารอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงประเภทดูดพลังงานหรือคาย
พลังงาน ดังภาพ
รูปที่ 5 การเปลี่ยนสถานะของสาร
ที่มา : HTTPS://1TH.ME/CBNDU
เมื่อสารได้รับความร้อนขณะที่มีการเปลี่ยนสถานะ อุณหภูมิของสารจะ
ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยจะนำความร้อนที่ได้รับไปใช้เปลี่ยนสถานะ ซึ่งเรียกค่า
พลังงานที่นำไปใช้ในการเปลี่ยนแปลงของสารว่า ความร้อนแฝงจำเพาะของ
สาร สารแต่ละชนิดจะมีค่าความร้อนแฝงจำเพาะ 2 ค่าด้วยกัน คือ
• ค่าความร้อนแฝงจำเพาะของการหลอมเหลว
เป็นค่าพลังงานความร้อนที่นำมาใช้เปลี่ยนสถานะจากของแข็ง
เป็นของเหลว
• ค่าความร้อนแฝงจำเพาะของการกลายเป็นไอ
เป็นค่าพลังงานความร้อนที่นำไปใช้ในการเปลี่ยนสถานะจาก
ของเหลวเป็นไอ
ตัวอย่าง
น้ำมีค่าความร้อนแฝงจำเพาะของการหลอมเหลว 80 แคลอรีต่อกรัม หมายความ
ว่า ในการทำน้ำแข็ง 1 กรัม ให้หลอมเหลวเป็นน้ำ ต้องใช้พลังงานความร้อน 80
แคลอรี
น้ำมีค่าความร้อนแฝงจำเพาะของการกลายเป็นไอ 540 แคลอรีต่อกรัม
หมายความว่า ในการทำน้ำ 1 กรัม อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ให้เปลี่ยนเป็นไอ
น้ำ 1 กรัม อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ต้องให้พลังงานความร้อน 540 แคลอรี
10
การคำนวณปริมาณความร้อนของสาร
การหาปริมาณความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอที่อุณหภูมิคงเดิม สามารถ
คำนวณได้จากผลคูณระหว่างมวลของสารกับความร้อนแฝงจำเพาะของการ
เป็นไอ สรุปเป็นสมการได้ ดังนี้
Q = ML
Q = ความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอ (แคลอรี)
M = มวลของสาร (กรัม)
L = ความร้อนแฝงจำเพาะของการกลายเป็นไอ (แคลอรี/กรัม)
ตัวอย่าง 1 น้ำเดือดมวล 1000 กรัม ที่ 100 องศาเซลเซียส ทำให้กลายเป็นไอน้ำ
ที่ 100 องศาเซลเซียส จะต้องใช้ปริมาณความร้อนกี่แคลอรี (กำหนดให้ความ
ร้อนแฝงจำเพาะของการกลายเป็นไอน้ำมีค่า 540 แคลอรี/กรัม)
วิธีทำ กำหนดให้ M = 1000 กรัม , L= 540 แคลอรี/กรัม , Q = ?
จากสูตร Q = ML
แทนค่า Q = 1000 X 540
= 540,000 แคลอรี
ตอบ Q = 540,000 แคลอรี
11
การหาปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ จากความ
สัมพันธ์ระหว่างมวล ความร้อนจำเพาะและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป มี
สมการดังนี้
Q = MCΔT
Q = ปริมาณความร้อน ( แคลอรี )
M = มวลของสาร ( กรัม )
C = ความร้อนจำเพาะของสาร ( แคลอรี/กรัม-องศาเซลเซียส )
ΔT = อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป
(อุณหภูมิสูงสุด T2 – อุณหภูมิต่ำสุด T1) ( องศาเซลเซียส)
ตัวอย่าง 1 น้ำ 500 กรัม ร้อนขึ้นจาก 5 องศาเซลเซียสเป็น 75 องศาเซลเซียส
จงคำนวณปริมาณความร้อนที่น้ำดูดกลืนเข้าไป
(กำหนดให้ความจุความร้อนจำเพาะของน้ำ = 1 จูล/กรัม-องศาเซลเซียส)
วิธีทำ จากสูตร Q = MCΔT
แทนค่า Q = 500 X 1 X (75 – 5)
Q = 35,000 แคลอรี
ตอบ Q = 35,000 แคลอรี
ตัวอย่าง 2 จงคำนวณหาปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำแข็งมวล 10 กรัม ที่ 0
องศาเซลเซียส กลายเป็นไอน้ำเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส
กำหนดให้ ความร้อนแฝงจำเพาะของการหลอมเหลว = 80 แคลอรี/กรัม
ความร้อนแฝงจำเพาะของการกลายเป็นไอ = 540 แคลอรี/กรัม
ความจุความร้อนจำเพาะของน้ำ = 1 แคลอรี/กรัม-อุณหภูมิ
น้ำแข็ง 0°C น้ำ 0°C น้ำ 100°C ไอน้ำ 100°C
Q1 = ML Q2 = MCΔT Q1 = ML
Q1 = 10 X 80 Q2 = 10 X 1 X (100 – 0) Q1 = 10 X 540
Q1 = 800 แคลอรี Q2 = 1000 แคลอรี Q1 = 5400 แคลอรี
ตอบ Q4 = Q1 + Q2 + Q3 = 800 + 1000 + 5400 = 7200 แคลอรี
12
ใบงาน
เรื่อง ความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะ
คำชี้แจง จงคำนวณหาพลังงานที่ใช้ในการเปลี่ยนสถานะให้ถูกต้อง
1. น้ำแข็ง 20 กรัมเปลี่ยนเป็นไอน้ำ 20 กรัม ใช้พลังงานความร้อนไปเท่าใด
กำหนดให้ ความร้อนแฝงจำเพาะของการหลอมเหลว = 80 แคลอรี/กรัม
ความร้อนแฝงจำเพาะของการกลายเป็นไอ = 540 แคลอรี/กรัม
ความจุความร้อนจำเพาะของน้ำ = 1 แคลอรี/กรัม-อุณหภูมิ
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
2. ทำให้น้ำ 100 กรัม ที่อุณหภูมิ 25 °C อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเป็น 60 °C จะต้องใช้
พลังงานความร้อนเท่าใด
กำหนดให้ ความจุความร้อนจำเพาะของน้ำ = 1 แคลอรี/กรัม-อุณหภูมิ
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
3. ทำให้น้ำ 48 กรัม ที่อุณหภูมิ 25 °C กลายเป็นไอน้ำ จะต้องใช้พลังงานความ
ร้อนเท่าใด
กำหนดให้ ความจุความร้อนจำเพาะของน้ำ = 1 แคลอรี/กรัม-อุณหภูมิ
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
รูปที่ 5 การเปลี่ยนสถานะของสาร
หมายเหตุ นักเรีทีย่มนา ส: HามTTาPรSถ:/เล/ืDอLกINทKำ.ลMงE/สYมCุดFPหGรือสแกน QR CORD เพื่อทำแบบออนไลน์ก็ได้ค่ะ
13
3เรื่องที่ การถ่ายโอนความร้อน
ใบความรู้ เรื่อง การถ่ายโอนความร้อน
การถ่ายโอนความร้อน คือ การที่พลังงานความร้อนถ่ายโอนจากวัตถุที่มี
อุณหภูมิสูงไปสู่วัตถุที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า พลังงานความร้อนจะหยุดถ่ายโอนเมื่อ
วัตถุมีอุณหภูมิเท่ากัน การถ่ายดอนความร้อนแบ่งออก 3 วิธี คือ
1. การนำความร้อน (CONDVCTION)
2. การพาความร้อน (CONVECTION)
3. การแผ่รังสีความร้อน (RADIATION)
สสารที่อุณหภูมิต่ำจะดูดความร้อนจากสิ่งแวดล้อมรอบๆทำให้
อุณหภูมิสูงขึ้นจนเท่ากับอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม
สสารที่อุณหภูมิสูงจะคายความร้อนสู่สิ่งแวดล้อมภายนอกทำให้
อุณหภูมิของสสารลดลงเท่ากับอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม
การนำความร้อน
การนำความร้อน หมายถึง อนุภาคภายในวัตถุสั่นตัวมากชนกับอนุ
ภาคอื่นๆ โดยอนุภาคของวัตถุนั้นไม่เคลื่อนที่ทำให้เกิดการถ่ายโอนความร้อน
จากวัตถุบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงไปยังอุณหภูมิต่ำ โดยอนุภาคภายในมีการสั่นต่อ
เนื่อง
วัตถุที่นำความร้อนได้ดี = ตัวนำความร้อน
ตัวอย่าง ส่วนใหญ่เป็นพวกโลหะ เช่น เงิน ทอง ทองแดง เหล็ก
วัตถุที่นำความร้อนไม่ดี = ฉนวนกันความร้อน
ตัวอย่าง ส่วนใหญ่เป็นพวกอโลหะ เช่น ไม้ พลาสติก แก้ว ผ้า ยางลบ
รูปที่ 6 การนำความร้อน
ที่มา : HTTPS://DLINK.ME/GSDVX
14
การนำมาประยุกต์ใช้ประโยชน์
1. หม้อหูที่มีด้ามจับ ตัวหม้อทำจากสแตนเลส หูด้ามจับทำจาก
พลาสติก
2. กระติกน้ำแข็ง ทำจากพลาสติกเป็นฉนวนกันความร้อน
โลหะ เป็นตัวนำความร้อนที่ดี เพราะมีอิเล็กตรอนเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ สามารถ
แพร่กระจายความร้อนได้รวดเร็ว
การพาความร้อน
การพาความร้อน หมายถึง การถ่ายโอนความร้อนโดยอนุภาคของ
สสารเคลื่อนที่ไปด้วย เกิดในของเหลวและก๊าซ (เคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ)
อนุภาคน้ำบริเวณก้นภาชนะขยายตัวและลอยตัวสูงขึ้น
รูปที่ 7 การพาความร้อน
ที่มา : HTTP://WWW.LESA.BIZ/EARTH/ATMOSPHERE/HEAT-TRANSFER
ตัวอย่าง การต้มน้ำในภาชนะ
น้ำได้รับความ ความร้อนจากก้น อนุภาคน้ำบริเวณก้น น้ำที่อยู่ด้านบนที่
ร้อนจากไฟที่ก้น หม้อจะถ่ายโอนไป ภาชนะขยายตัวและ อุณหภูมิต่ำกว่าจะ
ภาชนะ สู่ด้านบน ลอยตัวสูงขึ้น
จมลงมาแทนที่
ตัวอย่าง ลมบก ลมทะเล
ลมบก ลมทะเล เกิดจากความร้อนของอากาศที่แตกต่างกันระหว่างทะเล
กับพื้นดิน
ลมทะเล เกิดเวลากลางวันลมพัดจากทะเลไปยังบนบก
- พื้นดินได้รับความร้อนเร็วกว่าพื้นน้ำ
- อากาศเหนือพื้นดินหนาแน่นน้อย
- ความกดอากาศลด ลอยตัวสูงขึ้น อากาศเหนือพื้นน้ำจึงเข้ามาแทนที่
ลมบก เกิดเวลากลางคืนลมพัดจากบกไปยังทะเล
- พื้นน้ำคายความร้อนช้ากว่าพื้นดิน
- อากาศเหนือพื้นน้ำอุณหภูมิสูงกว่าพื้นดิน
- ความกดอากาศลด ลอยตัวสูงขึ้น อากาศเหนือพื้นดินจึงเข้ามา
แทนที่
15
การนำมาประยุกต์ใช้ประโยชน์
1. กาต้มน้ำ โดยการติดตัวทำความร้อนที่ก้นกา
2. เครื่องปรับอากาศ โดยอากาศเย็นจะลอยต่ำลง อากาศร้อนจะลอย
สูงขึ้น
การแผ่รังสีความร้อน
การแผ่รังสีความร้อน หมายถึง การถ่ายโอนความร้อนจากที่หนึ่งไป
ยังอีกที่หนึ่ง ความร้อนจะถูกปล่อยออกมาทุกทิศทาง โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง
พระอาทิตย์จะแผ่รังสีมายังโลกในรูปแบบคลื่ นแม่เหล็กไฟฟ้า
คุณสมบัติของรังสี
เมื่อแผ่รังสีไปกระทบกับพื้นผิวของวัตถุ ส่วนหนึ่งจะเกิดการสะท้อน
ส่วนหนึ่งจะถูกกลืนไว้ และอีกส่วนหนึ่งจะถูกส่งผ่อนวัตถุ
สีผิวของวัตถุ ดำ เทาดำ ขาว
การคายความร้อน ดีที่สุด ไม่ดี
การสะท้อน
การดูดกลืน ไม่ดี ดี
ดีที่สุด ไม่ดี
รูปที่ 8 การแผ่รังสีความร้อน
ที่มา : HTTP://WWW.LESA.BIZ/EARTH/ATMOSPHERE/HEAT-TRANSFER
16
ใบงาน
เรื่อง การถ่ายโอนความร้อน
คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำตอบต่อไปนี้ให้สมบูรณ์และถูกต้อง
1. การถ่ายโอนความร้อนหมายถึงอะไร
.......................................................................................................................................
.......................................................................................................................................
2. การถ่ายโอนความร้อนแบ่งออกเป็นกี่แบบและได้แก่แบบใดบ้าง
.......................................................................................................................................
.......................................................................................................................................
3. การนำความร้อนคืออะไร และนักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับการนำความ
ร้อนมาประยุกต์ใช้ได้อย่างไรบ้างจงอธิบาย
.......................................................................................................................................
.......................................................................................................................................
.......................................................................................................................................
.......................................................................................................................................
4. การพาความร้อนคืออะไร และนักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับการพา
ความร้อนมาประยุกต์ใช้ได้อย่างไรบ้างจงอธิบาย
.......................................................................................................................................
.......................................................................................................................................
.......................................................................................................................................
.......................................................................................................................................
4. การแผ่รังสีความร้อนคืออะไร และนักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับ
การแผ่รังสีความร้อนมาประยุกต์ใช้ได้อย่างไรบ้างจงอธิบาย
.......................................................................................................................................
.......................................................................................................................................
.......................................................................................................................................
.......................................................................................................................................
รูปที่ 9 การแผ่รังสีความร้อน รูปที่ 10 การนำความร้อน
ที่มา : HTTP://WWW.LESA.BIZ/EARTH/ ที่มา : HTTPS://DLINK.ME/GSDVX
ATMOSPHERE/HEAT-TRANSFER
หมายเหตุ นักเรียนส
ามารถเลือกทำลงสมุดหรือสแกน QR CORD เพื่อทำแบบออนไลน์ก็ได้ค่ะ
17
4เรื่องที่ สมดุลความร้อน
ใบความรู้ เรื่อง สมดุลความร้อน
สมดุลความร้อน หมายถึง ภาวะที่สารที่มีอุณหภูมิต่างกันสัมผัสกัน และถ่าย
โอนความร้อนจนกระทั่งสารทั้งสองมีอุณหภูมิเท่ากัน (และหยุดการถ่ายโอน
ความร้อน) เช่น การผสมน้ำร้อนกับน้ำเย็นเข้าด้วยกัน น้ำร้อนจะถ่ายโอน
พลังงานความร้อนให้กับน้ำเย็น และเมื่อน้ำที่ผสมมีอุณหภูมิเท่ากัน การถ่ายโอน
ความร้อนจึงหยุด
วัตถุทุกชนิดสามารถดูดกลืนพลังงานรังสี การดูดกลืนพลังงานรังสี
ของวัตถุเรียกว่า "การดูดกลืนความร้อน" จากการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์
พบว่า วัตถุที่มีผิวนอกสีดำทึบหรือสีเข้ม จะดูดกลืนความร้อนได้ดี วัตถุที่มีผิว
นอกสีขาวหรือสีอ่อนจะดูดกลืน ความร้อนได้ไม่ดี
ในทำนองตรงกันข้าม วัตถุที่มีความร้อนทุกชนิดสามารถคายความ
ร้อนได้ เช่นกัน โดยวัตถุที่มีผิวนอกสีดำจะคายความร้อนได้ดี และวัตถุที่มีผิว
นอกขาวจะคายความร้อนได้ไม่ดี
ในชีวิตประจำวันใช้ประโยชน์จากสมบัติของการดูดกลืนความร้อน
และการคายความร้อนของวัตถุในการเลือกสีทาอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ เช่น ชุด
นักดับเพลิงมีสีสว่างและแวววาวเพื่อไม่ให้รับพลังงานความร้อนมากเกินไป บ้าน
เรือนที่อยู่อาศัยในเขตร้อนนิยมทาด้วยสีขาว เป็นต้น
รูปที่ 11 สมการสมดุลความร้อน
ที่มา : HTTPS://DLINK.ME/OALVT
18
วัตถุบางชนิดจะขยายตัวเมื่อได้รับความร้อนและจะหดตัวเมื่อคายความ
ร้อน การขยายตัวของวัตถุเป็นสมบัติเฉพาะตัวของวัตถุ อัตราส่วนระหว่าง
ขนาดของวัตถุที่เปลี่ยนแปลงไปกับขนาดเดิมของวัตถุต่ออุณหภูมิที่
เปลี่ยนแปลง เรียกว่า "สัมประสิทธิ์ของการขยายตัว" วัตถุใดที่มีสัมประสิทธิ์
ของการขยายตัวมากจะขยายตัวได้มากกว่าวัตถุที่มีสัมประสิทธิ์การขยายตัว
น้อย เช่น ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส และความดันบรรยากาศเดียวกัน
สังกะสี ตะกั่ว อะลูมิเนียม จะขยายตัวได้มากไปน้อย ตามลำดับ
ความรู้เรื่องการขยายตัวของวัตถุเมื่อได้รับความร้อนถูกนำไปใช้ประโยชน์
อย่างกว้างขวาง เช่น การเว้นรอยต่อของรางรถไฟ การเว้นช่องว่างของหัว
สะพาน การประดิษฐ์เทอร์มอมิเตอร์ และการติดตั้งเทอร์มอสแตตไฟฟ้า เพื่อใช้
ควบคุมระดับอุณหภูมิของเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
ปริมาณความร้อน = ปริมาณความร้อนที่
ที่ลดลงของอีกสาร เพิ่มขึ้นของสาร
Qสูญเสีย = Qได้รับ
รูปที่ 12 สมดุลความร้อน
ที่มา : HTTPS://DLINK.ME/C3FT4
19
ใบงาน
เรื่อง สมดุลความร้อน
คำชี้แจง จงคำนวณหาพลังงานที่ใช้ในสมดุลความร้อนให้ถูกต้อง
1. วราทิพย์ใช้น้ำร้อนมวล 100 กรัม ที่อุณหภูมิ 90 °C ผสมกับน้ำเย็นมวล 200
กรัม ที่อุณหภูมิ 15 °C แล้วได้น้ำอุ่น จงหาอุณหภูมิของน้ำอุ่น
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
2. ยติภัทรใช้น้ำร้อนมวล 50 กรัม ที่อุณหภูมิ 100 °C ผสมกับน้ำเย็นมวล 100
กรัม ที่อุณหภูมิ 15 °C แล้วได้น้ำอุ่น จงหาอุณหภูมิของน้ำอุ่น
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
3. กิตติพงษ์ใช้น้ำร้อนมวล 80 กรัม ที่อุณหภูมิ 70 °C ผสมกับน้ำเย็นมวล 90
กรัม ที่อุณหภูมิ 10 °C แล้วได้น้ำอุ่น จงหาอุณหภูมิของน้ำอุ่น
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
รูปที่ 14 สมดุลความร้อน
หมายเหตุ นักเรียนสามารทีถ่มเาลื:อHกTทTำPลSง:/ส/มDุดLหINรืKอ.MสแE/กCน3FQTR4 CORD เพื่อทำแบบออนไลน์ก็ได้ค่ะ
20
แบบทดสอบหลังเรียน
21
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน
22
Your logo
เฉลยใบงาน
เรื่อง อุณหภูมิและการวัด เรื่อง การเปลี่ยนหน่วยวัดอุณหภูมิ
เรื่อง ความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะ
เรื่อง การถ่ายโอนความร้อน เรื่อง สมดุลความร้อน
23
บรรณานุกรม
ทีมงานทรูปลูกปัญญา.พลังงานความร้อน.สืบค้นเมื่อ 15 ตุลาคม, 2564, จาก HTTPS://WWW.TRUEPLOOK
PANYA.COM/LEARNING/DETAIL/31424
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ. (2564). หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พลังงานความร้อน.กรุงเทพฯ:
สำนักพิมพ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำกัด
ทีมงานทรูปลูกปัญญา.สมดุลความร้อน.สืบค้นเมื่อ 18 ตุลาคม, 2564, จาก HTTP://WWW.TRUEPLOOK
PANYA.COM/NEW/ASKTRUEPLOOKPANYA/QUESTIONDETAIL/15319
ณปภัช พิมพ์ดี. การถ่ายโอนความร้อน. สืบค้านเมื่อ 18 ตุลาคม, 2564, จาก HTTPS://WWW.SCIMATH
.ORG/LBESSeON-kSCiInENCdE/ITtEoM/71y07o-2u017r-06-04-06-30-35
บcทlเรaียนsอsอนmไลน์ aกรtะทeรวsงศึกaษาnธิกdาร. อุณหภูมิและการวัด.สืบค้นเมื่อ 19 ตุลาคม, 2564, จาก
HTTPS://WyWoW.YuOrUTUtBeE.CaOcM/hWAeTCrH.?V=-W4TX1Z9D9Q&T=59S
_____หน่วยในการวัดอุณหภูมิ.สืบค้นเมื่อ 19 ตุลาคม, 2564, จาก HTTPS://WWW.YOUTUBE.COM/WATCH?
V=E2PFNINQRK8
_____ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงของสาร ตอนที่ 1.สืบค้นเมื่อ 21 ตุลาคม, 2564, จาก HTTPS://WWW.YOU
TUBE.COM/WATCH?V=22D0RWBOS_8
_____.ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงของสาร ตอนที่ 2.สืบค้นเมื่อ 21 ตุลาคม, 2564, จาก HTTPS://WWW.YOU
TUBE.COM/WATCH?V=_XLQETLTJTY
_____.ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงของสาร ตอนที่ 3.สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม, 2564, จาก HTTPS://WWW.YOU
TUBE.COM/WATCH?V=I2_2RERNN6O&LIST=RDCMUCMYCWNWX7LWSAYCKZVJWP0Q&INDEX=1
_____.ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงของสาร ตอนที่ 4.สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม, 2564, จาก HTTPS://WWW.YOU
TUBE.COM/WATCH?V=ZOBP5YFXHZG
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. การถ่ายโอนความร้อนโดยการนำความร้อน ตอนที่ 1.
สืบค้นเมื่อ 23 ตุลาคม, 2564, จาก HTTPS://WWW.YOUTUBE.COM/WATCH?V=MUN0ZVNJP8Q
_____.การถ่ายโอนความร้อนโดยการพาความร้อนและการแผ่รังสีความร้อน ตอนที่ 2.สืบค้นเมื่อ 23 ตุลาคม, 2564, จาก
HTTPS://DLINK.ME/3DU8N
_____.สมดุลความร้อน.สืบค้นเมื่อ 24 ตุลาคม, 2564, จาก HTTPS://WWW.YOUTUBE.COM/WATCH?V=HURTARGY
V6S&LIST=RDCMUCK4CGALN7BIAJKZTAD0FLZG&INDEX=6
24