แบบฝึกทกั ษะ เร่ือง อตั ราส่วนตรีโกณมติ ิ
วิชาคณิตศาสตรพ์ ้นื ฐาน รหสั วิชา ค31102
ตรงตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551
ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4
8เล่มที่ การนาอัตราสว่ นตรโี กณมติ ิ
ไปประยกุ ตใ์ ช้
C
60 B
A 150 เมตร
นางภัคจิรา กิตตสิ ริ บิ ณั ฑิต
วิทยฐานะ ครูชานาญการ
โรงเรยี นวัชรวทิ ยา จังหวัดกาแพงเพชร
สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 41
สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เลมท่ี 8 การนําอัตราสวนตรีโกณมติ ไิ ปประยกุ ตใ ช ก
คาํ นํา
แบบฝก ทกั ษะ เร่ือง อตั ราสว นตรีโกณมติ ิ วิชาคณิตศาสตรพ นื้ ฐาน รหสั วชิ า ค31102
ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 4 โรงเรยี นวัชรวิทยา จังหวัดกาํ แพงเพชร สํานกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษา
มธั ยมศกึ ษา เขต 41 จดั ทาํ ขึ้นเพ่อื ใชใ นการเรียนการสอนวิชาคณติ ศาสตรพืน้ ฐาน มงุ เนนใหผ ูเรยี น
มคี วามรู มีทักษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร สามารถแกโจทยป ญ หาไดอ ยางถูกตอง พฒั นา
ทกั ษะ กระบวนการคดิ คดิ อยา งมีเหตุผลเชอื่ มโยงความรูไดอยางสรา งสรรค ซึ่งเปน พืน้ ฐาน
การคาํ นวณ และมที ักษะกระบวนการคิดในระดับช้ันท่สี ูงข้ึนไป แบบฝก ทักษะ เร่อื ง อตั ราสวน
ตรีโกณมติ ิ วิชาคณิตศาสตรพื้นฐาน รหสั วิชา ค 31102 ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 นีม้ ที ้ังหมด
8 เลม ไดแก
เลม ที่ 1 เรือ่ ง ความรูพื้นฐานเกยี่ วกับความคลายและทฤษฎบี ทปทาโกรัส
เลม ท่ี 2 เรอื่ ง อตั ราสว นตรีโกณมติ ิของรูปสามเหลย่ี มมมุ ฉาก
เลม ที่ 3 เรอ่ื ง อัตราสวนตรีโกณมติ ขิ องมมุ 30, 45 และ 60
เลม ที่ 4 เรือ่ ง อตั ราสวนกลับของอตั ราสว นตรโี กณมิติ
เลม ที่ 5 เรอ่ื ง การหาคาอัตราสว นตรโี กณมิตขิ องมมุ 0 90 จากตาราง
เลมที่ 6 เร่อื ง ความสัมพนั ธระหวางอตั ราสวนตรีโกณมติ ิ
เลมที่ 7 เร่อื ง การประยุกตของอัตราสว นตรีโกณมิตเิ พื่อแกปญ หาสามเหล่ียม
เลมที่ 8 เรอ่ื ง การนาํ อัตราสวนตรีโกณมติ ไิ ปประยกุ ตใช
สาํ หรับแบบฝก ทกั ษะ เลม ท่ี 8 เรอ่ื ง การนําอัตราสวนตรโี กณมติ ไิ ปประยกุ ตใ ช
ประกอบดวย คาํ แนะนาํ ในการใชแ บบฝกทกั ษะ ใบความรู แบบฝก ทกั ษะ แบบทดสอบกอนเรียน
และแบบทดสอบหลังเรียน เฉลยแบบฝก ทักษะ และเฉลยแบบทดสอบกอนเรียนและแบบทดสอบ
หลังเรียน ใชเวลาทัง้ หมด 3 ชวั่ โมง
หวงั วา แบบฝก ทกั ษะ เรื่อง อัตราสวนตรโี กณมติ ิ วิชาคณติ ศาสตรพ น้ื ฐาน
รหัสวชิ า ค31102 ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 4 จะเปน ประโยชนกบั ครูผูสอนวชิ าคณติ ศาสตร
ในการนาํ ไปใชเ ปนแบบฝก ทกั ษะในการเรยี นใหกับนักเรียนตอ ไป และมีสว นชว ยใหน ักเรียน
ไดเ กิดการเรียนรูอยางเปนระบบ เพอ่ื ยกระดบั คุณภาพการศึกษาใหมีประสทิ ธภิ าพย่งิ ข้นึ
ภัคจิรา กิตตสิ ริ บิ ณั ฑิต
เลม ท่ี 8 การนําอัตราสวนตรโี กณมติ ไิ ปประยกุ ตใ ช ข
สารบญั หนา
เรอ่ื ง ก
ข
คาํ นํา ค
สารบญั ง
คําช้ีแจงการใชแ บบฝก ทักษะสําหรบั ครู จ
คําชี้แจงการใชแ บบฝก ทักษะสาํ หรับนกั เรียน ฉ
เกณฑการใหคะแนนแบบฝก ทกั ษะ 1
มาตรฐานการเรยี นรู ตวั ช้ีวดั และจุดประสงคก ารเรียนรู 4
แบบทดสอบกอ นเรียน 10
ใบความรูท ี่ 8.1 15
แบบฝกทกั ษะท่ี 8.1.1 18
แบบฝก ทักษะที่ 8.1.2 23
แบบฝกทักษะท่ี 8.1.3 26
แบบฝกทักษะท่ี 8.1.4 29
แบบทดสอบหลังเรยี น 30
แบบบนั ทกึ คะแนน 31
บรรณานุกรม 32
เฉลยแบบฝก ทักษะ 32
36
เฉลยแบบทดสอบกอนเรยี น 38
เฉลยแบบฝกทักษะที่ 8.1.1 41
เฉลยแบบฝกทักษะท่ี 8.1.2 43
เฉลยแบบฝก ทักษะท่ี 8.1.3
เฉลยแบบฝก ทักษะที่ 8.1.4
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น
เลม ที่ 8 การนําอัตราสว นตรโี กณมติ ไิ ปประยกุ ตใ ช ค
คําช้แี จงการใชแบบฝกทกั ษะสาํ หรบั ครู
1. ครูเตรียมแบบฝกทักษะ เร่ือง อตั ราสวนตรีโกณมิติ สําหรบั นักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษา
ปที่ 4 ใหครบตามจาํ นวนนักเรียน
2. ศึกษาคมู อื ครกู ารใชแบบฝก ทักษะคณติ ศาสตรใ หเ ขา ใจ
3. ชแี้ จงขัน้ ตอนการเรยี นโดยใชแ บบฝก ทกั ษะคณติ ศาสตรนีใ้ หน ักเรียนเขาใจ
4. ใหนักเรียนทาํ แบบทดสอบกอ นเรียน กอนศึกษาเน้ือหาจากใบความรู ทาํ แบบฝก ทักษะ
และตรวจคําตอบตามเฉลยในภาคผนวกทีละแบบฝกทักษะ
5. ดแู ลนกั เรียนใหปฏบิ ตั ิตามขน้ั ตอนและใหคําแนะนาํ เมื่อนกั เรียนพบปญหา
6. ประเมินผลการเรียนของนกั เรียนอยางตอเนื่องและใหแ รงเสริมในการปฏบิ ัติกจิ กรรม
ของนกั เรยี น
7. ใหนกั เรยี นทาํ แบบทดสอบหลงั เรยี น เมอื่ ศึกษาเนื้อหาจากใบความรูและ
ทําแบบฝกทกั ษะเสรจ็ สิน้
8. บันทกึ ผลการประเมนิ หลังการจดั การเรียนรูโดยใชแ บบฝกทกั ษะทุกครงั้
9. แบบฝก ทกั ษะเลมนี้ สามารถใชกจิ กรรมการเรียนรู หรือใชสอนซอ มเสริมกับนักเรียน
ทเ่ี รยี นชา หรือเรยี นไมทนั เพ่ือน
10. ครอู าจปรับเปลย่ี นกจิ กรรมการเรยี นรไู ดตามเหมาะสมกบั นักเรยี นและสถานการณ
ทีน่ ําไปใช
เลม ที่ 8 การนําอตั ราสวนตรโี กณมติ ไิ ปประยุกตใ ช ง
คาํ ช้ีแจงการใชแบบฝกทักษะสาํ หรับนักเรียน
แบบฝก ทักษะ เรื่อง อัตราสวนตรโี กณมติ ิ สาํ หรับนักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 4 มีท้ังหมด
8 เลม และเลมนี้เปนเลม ที่ 8 เร่อื ง การนาํ อตั ราสวนตรโี กณมติ ิไปประยกุ ตใช เพ่อื ใชสําหรบั
ประกอบการเรียนรูในวชิ าคณิตศาสตรพ ้ืนฐาน รหสั วชิ า ค31102 นกั เรียนควรศกึ ษาและ
อา นคําชแี้ จงการใชแ บบฝกทักษะใหเ ขาใจและปฏิบตั ติ ามข้ันตอนดังตอ ไปนี้
1. แบบฝกทกั ษะเลม นี้ทําขน้ึ เพ่ือใหน ักเรียนไดพัฒนาการเรียนรขู องตนเองเพอื่ แกป ญ หา
การเรียนรู เรือ่ ง อัตราสว นตรีโกณมิติ
2. แบบฝกทักษะคณิตศาสตรแตล ะเลม ใหน ักเรียนปฏบิ ัติดังน้ี
2.1 ศึกษาขนั้ ตอนการใชแบบฝกทักษะใหเขาใจชัดเจน
2.2 นกั เรียนศกึ ษาจุดประสงคการเรยี นรใู หเ ขาใจกอนลงมือปฏิบัติ
2.3 นกั เรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน จํานวน 10 ขอ ตามความเขาใจ
ของตนเองดว ยความซ่อื สัตย แลว ตรวจคาํ ตอบจากเฉลยแบบทดสอบ
กอ นเรียนในภาคผนวกแลวบันทกึ คะแนนลงในแบบบันทึกคะแนน
2.4 นกั เรียนศกึ ษาและทาํ ความเขาใจใบความรแู ละทําแบบฝกทกั ษะดว ยตนเอง
และตรวจคําตอบจากเฉลยในภาคผนวกไปทลี ะแบบฝกทักษะตามลําดับ
เมอ่ื พบปญ หาใหขอคําแนะนําจากครทู นั ที
2.5 เมอื่ นกั เรียนศกึ ษาและฝก ทาํ กจิ กรรมเสร็จแลว ใหท ําแบบทดสอบหลังเรยี น
แลว ตรวจคาํ ตอบจากเฉลยแบบทดสอบหลงั เรียนในภาคผนวกแลวบนั ทึก
คะแนนลงในแบบบนั ทกึ คะแนน
3. การประเมนิ ผลการเรียน นักเรยี นจะตองทําถกู รอยละ 80 ข้นึ ไป ของจาํ นวนขอ
ทง้ั หมดในแตล ะแบบฝก ทักษะ จึงผา นเกณฑการประเมินของแตละแบบฝก ทักษะ
3.1 ผา นเกณฑการประเมนิ ใหศกึ ษาแบบฝกทักษะชดุ ตอไป
3.2 ไมผา นเกณฑการประเมินใหยอ นกลบั ไปศึกษาและทําความเขา ใจเน้ือหา
จากใบความรแู ละทําแบบฝกทักษะดวยตนเองใหม
ศึกษาแบบฝก ทักษะดวยความต้ังใจ
เพ่ือพฒั นาทักษะทางคณิตศาสตร
ใหด ีย่งิ ข้นึ ไป
เลมท่ี 8 การนําอัตราสวนตรีโกณมติ ิไปประยกุ ตใ ช จ
เกณฑการใหค ะแนนแบบฝก ทกั ษะ
1. แบบทดสอบกอนเรยี นและแบบทดสอบหลงั เรียน
แบบทดสอบกอ นเรียนและหลงั เรยี น เปนแบบเลอื กตอบ มี 4 ตัวเลือก โดยมเี กณฑ
การใหค ะแนน ดงั น้ี
- เลอื กคําตอบถูกได ขอละ 1 คะแนน
- เลือกคําตอบไมถูกตอ งหรือไมตอบได ขอละ 0 คะแนน
2. แบบฝก ทกั ษะ
แบบฝกทักษะในแตละขอมีการใหค ะแนนไมเทากนั ใหเ ลือกใชใ หถ ูกตอง ดังน้ี
ระดบั คะแนน เกณฑการใหคะแนน
1
คาํ ตอบถกู ตอง มีการแสดงวิธีทาํ ทมี่ ปี ระสิทธภิ าพ
0 โดยแสดงวิธีคดิ เปน ระบบและการคดิ วิเคราะห
คาํ ตอบไมถูกตอง มกี ารแสดงวธิ ที าํ แตไมสมบูรณ
หรอื แสดงวิธที ําไมถ กู ตอง
ระดบั คะแนน เกณฑการใหค ะแนน
2
1 คําตอบถูกตอง มีการแสดงวิธีทําที่มีประสิทธภิ าพ
0 โดยแสดงวิธคี ดิ เปน ระบบและการคดิ วิเคราะห
คาํ ตอบถูกตอง มีการแสดงวิธีทําแตไ มสมบรู ณ
คาํ ตอบไมถกู ตอง มีการแสดงวธิ ที าํ แตไ มสมบรู ณ
หรอื แสดงวธิ ที าํ ไมถ กู ตอ ง
เลม ท่ี 8 การนําอัตราสว นตรโี กณมติ ิไปประยุกตใ ช ฉ
มาตรฐานการเรยี นรู ตวั ชีว้ ัด และจดุ ประสงคการเรยี นรู
มาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชี้วัด
สาระท่ี 2 การวดั
มาตรฐาน ค 2.1 เขา ใจพนื้ ฐานเกย่ี วกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของ
สิ่งทตี่ องการวัด
ตวั ช้วี ัด ม.4-6/1 ใชค วามรูเรื่อง อัตราสวนตรีโกณมิติของมุมในการคาดคะเน
ระยะทางและความสูง
มาตรฐาน ค 2.2 แกปญหาเก่ยี วกับการวดั
ตัวชว้ี ัด ม.4-6/1 แกโ จทยป ญหาเกี่ยวกบั ระยะทางและความสงู โดยใช
อัตราสวนตรีโกณมติ ิ
จุดประสงคการเรียนรู
ดา นความรู (Knowledge)
1. นักเรยี นสามารถใชอ ัตราสว นตรีโกณมิติแกปญหาโจทยบ างอยา งเกี่ยวกบั
การหาความสูงและการหาระยะทางได
ดา นทักษะกระบวนการ (Process)
1. มคี วามสามารถในการแกป ญหา
2. มคี วามสามารถในการใหเ หตุผล
3. มีความสามารถในการส่ือสาร การส่อื ความหมายทางคณิตศาสตรแ ละการนําเสนอ
ดานคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค (Attitude) พรอมเรยี นแลว ครบั
1. ซอ่ื สตั ยส จุ ริต
2. มีวนิ ยั
3. ใฝเรยี นรู
4. มงุ ม่นั ในการทาํ งาน
เลมท่ี 8 การนําอตั ราสว นตรโี กณมิตไิ ปประยุกตใช 1
แบบทดสอบกอนเรยี น
คําชแี้ จง (1.) ใหน ักเรียนเลือกขอท่ีถูกทส่ี ดุ เพยี งคาํ ตอบเดียว แลวทําเคร่อื งหมายกากบาท ( × )
ลงในกระดาษคําตอบ
(2.) แบบทดสอบกอนเรียน มีจาํ นวน 10 ขอ ขอละ 1 คะแนน รวม 10 คะแนน
โดยมีเกณฑการใหคะแนน ดงั นี้
- เลือกคาํ ตอบถูกได ขอละ 1 คะแนน
- เลือกคาํ ตอบไมถูกตอ งหรือไมตอบได ขอละ 0 คะแนน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. สามเหลีย่ มมุมฉากรูปหน่งึ มมี มุ แหลมมมุ หนึง่ กาง 30 องศา และดานท่ยี าวท่ีสดุ ยาว 4 3
ขอ ใดเปนดานทสี่ ัน้ ทสี่ ุด
ก. 2 3 หนวย ข. 4 3 หนว ย
ค. 2 หนว ย ง. 4 หนวย
2. ชายคนหนึง่ ตองการวัดสว นกวา งของแมนํ้า เขายนื อยรู ิมฝงท่ีจุด A หลงั มองขามไปจุด B ซง่ึ อยูตรง
ขามเปน ระยะที่สัน้ ทส่ี ดุ แลวเขาเดินเลียบฝง แมน ํ้าไปเปน ระยะทาง 100 เมตร ซ่ึงก็หยุดอยทู จ่ี ุด C
วัดมุม ACB ได 40 องศา จงหาความกวางของแมนํ้า (กําหนด tan 40= 0.839)
ก. 0.839 เมตร ข. 8.390 เมตร
ค. 83.90 เมตร ง. 839 เมตร
3. สวุ ัฒนย นื อยูบนพ้ืนดิน ณ จดุ หนงึ่ มองดยู อดเสาธงเปนมมุ เงย 60 องศา ถาสุวฒั นย ืนอยูหางจากเสาธง
เปนระยะ 100 เมตร ขอ ใดเปนความสงู ของเสาธง ข. 100 เมตร
ก. 100 เมตร 3
ค. 100 3 เมตร ง. 3 เมตร
100
4. ณเดชยืนอยบู นหนาผาสงู 100 เมตร มองเห็นเรอื ลอยอยูในทะเลในแนวเดียวกบั เชงิ ผาเปนมมุ กม
30 องศา จงหาวาเรือลํานีอ้ ยหู างจากเชงิ ผากเี่ มตร ข. 100 เมตร
ก. 100 เมตร 3
ค. 100 3 เมตร ง. 3 เมตร
100
เลม ที่ 8 การนําอตั ราสว นตรโี กณมิติไปประยุกตใช 2
5. กปั ตนั นําบนั ไดยาว 60 ฟุต พาดเขา กับกําแพงใหป ลายบนของบนั ไดอยชู ดิ กบั ขอบบนของกําแพงพอดี
เขาสังเกตเหน็ วาบันไดทาํ มุม 30 องศา กบั พืน้ ราบ ขอ ใดเปนความสูงของกาํ แพง
ก. 30 ฟุต ข. 60 ฟุต
ค. 120 ฟตุ ง. 150 ฟตุ
6. เนตรนารีคนหนง่ึ สูง 170 เมตร ยนื หา งเสาธง 120 เมตร เธอมองดยู อดเสาธงเปน มุมเงย 45 องศา
ขอใดเปน ความสงู ของเสาธง
ก. 120 เมตร ข. 290 เมตร
ค. 320 เมตร ง. 490 เมตร
7. ฉันมองเห็นตน ไมซ ึ่งอยูบนฝง ตรงขามกบั แมน ้ํา เมือ่ ฉันเดินเลยี บฝง ไปไดทาง 150 เมตร กม็ องเห็นตน ไม
ตน เดิมทาํ มุมกบั ฝง 30 องศา ดังน้ันแมน ํ้ากวา งกเ่ี มตร
ก. 50 2 เมตร ข. 50 3 เมตร
ค. 60 2 เมตร ง. 60 3 เมตร
8. เม่อื ญาญายนื อยูบนดาดฟาตึกหลงั หนงึ่ มองเห็นรถยนตคันหนง่ึ จอดอยูริมถนนในแนวเดยี วกันกบั ตกึ และ
อยหู างจากตกึ 50 เมตร เปนมมุ กม 60 องศา จงหาความสูงของตึกหลังนี้
50
ก. 3 เมตร ข. 25 เมตร
ค. 25 3 เมตร ง. 50 3 เมตร
9. ถาเงาของเสาธงทอดไปยาว 5 3 เมตร และมุมเงยขึน้ ของดวงอาทิตยเปน 60 องศา แลว เสาธงสงู กเี่ มตร
ก. 5 เมตร ข. 15 เมตร
ค. 15 3 เมตร ง. 45 เมตร
10. ปลองไฟปลอ งหนึ่งสูงกวา อกี ปลอ งหนงึ่ 15 ฟุต ชายคนหนงึ่ ยนื อยหู า งจากปลองไฟปลอ งเต้ีย 50 ฟุต
สงั เกตเหน็ วา เสนตรงที่เชือ่ มระหวางยอดปลองไฟทั้งสองเอียงทํามมุ 27 องศา กับพนื้ ราบ จงหาความสูง
ของปลองไฟปลองทสี่ งู ที่สดุ ( tan 27 0.51)
ก. 25.5 เมตร ข. 30.5 เมตร
ค. 40.5 เมตร ง. 45.5 เมตร
****************************************
เลม ที่ 8 การนําอัตราสว นตรีโกณมติ ไิ ปประยุกตใ ช 3
กระดาษคําตอบแบบทดสอบกอนเรยี น
เลมท่ี 8 เรื่อง การนําอตั ราสว นตรีโกณมิตไิ ปประยุกตใ ช
คาํ ชี้แจง : (1.) ใหน ักเรยี นเลือกขอที่ถูกที่สุดเพยี งคาํ ตอบเดยี ว แลว ทาํ เครอื่ งหมายกากบาท ( × )
ลงในกระดาษคาํ ตอบ
(2.) แบบทดสอบกอนเรียน มจี าํ นวน 10 ขอ ขอละ 1 คะแนน รวม 10 คะแนน
ชือ่ เลขที่ ช้ัน
ขอ ที่ ก ข ค ง ผลการตรวจ
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
คะแนนที่ได 10 ลงช่อื ผูตรวจ
เกณฑการประเมิน 0 – 4 คะแนน 5 – 6 คะแนน 7 – 8 คะแนน 9 – 10 คะแนน
ระดับคะแนน ควรปรับปรงุ พอใช ดี ดมี าก
ระดับคุณภาพ
เลมที่ 8 การนําอตั ราสว นตรีโกณมิติไปประยุกตใ ช 4
ใบความรูท ี่ 8.1
ในการแกปญ หาเกี่ยวกับการหาระยะทางและความสงู ซึง่ บางครั้งใชเครื่องมือวัดโดยตรงไมได
เชน การวัดความสูงของภเู ขา การหาความกวางของแมนํ้า สามารถทาํ ไดโ ดยอาศัยความรูเรื่อง อัตราสว น
ตรีโกณมติ ิ ซึง่ มีขนาดของมมุ เขามาเกย่ี วของรวมท้ัง มุมกม (angle of depression) และ มมุ เงย
(angle of elevation)
มุมกม (angle of depression)
คอื มุมทเ่ี กดิ จาก แนวเสน ระดับสายตา กับแนวเสน จากตาไปยังวัตถุ โดยวตั ถอุ ยใู ตแ นวเสน
ระดบั สายตา ดังรปู ที่ 8.1
ตาของ แนวเสน ระดับ
ผูสงั เกต
มมุ กม
วตั ถุ
รูปที่ 8.1 มุมกม
1. มองวตั ถุจากจดุ A ไปยังพื้นดานลา งทจี่ ุด B เปน มุมกม 30 องศา ดังรปู ที่ 8.2
A 30
C 30 B
รปู ที่ 8.2 สามเหลย่ี มมุมฉาก ABC
2. จากยอดเขา มองเห็นรถยนต 2 คันบนพืน้ ราบดานลา งเปนมุมกม 30 องศา และ 60 องศา
ตามลาํ ดบั จะวาดรปู ไดด งั รูปท่ี 8.3
E 30
60
F HG
รูปท่ี 8.3 สามเหลี่ยมมุมฉาก EFG
เลมที่ 8 การนําอัตราสวนตรโี กณมิตไิ ปประยกุ ตใ ช 5
2.1 มมุ กม มขี นาดเล็ก วตั ถทุ ่มี องเห็นจะอยูไกลจากจุดสังเกต
มมุ กม มขี นาดใหญ วตั ถทุ ี่มองเหน็ จะอยูใกล
2.2 โจทยประเภทมมี ุมกม 2 ชุด หากเกรงวาจะสบั สน ใหว าดรปู แยกออกมาเปน 2 รูป
ดงั รูปท่ี 8.4 และรปู ที่ 8.5
E 60 E
30
F 60 H F 30 G
รปู ที่ 8.4 สามเหลีย่ มมุมฉาก EFH รูปที่ 8.5 สามเหลยี่ มมุมฉาก EFG มุม 30
มุมเงย (angle of elevation)
คอื มุมท่เี กดิ จาก แนวเสนสายตากบั แนวเสน จากตาไปยังวตั ถุ โดยวตั ถอุ ยเู หนือแนวเสน
ระดับสายตา ดงั รปู ท่ี 8.6
วัตถุ
ตาของ มมุ เงย
ผสู ังเกต แนวเสนระดับ
รปู ที่ 8.6 มมุ เงย
1. จากพ้ืนราบ ณ จุด A มองเหน็ ยอดเสาธงตน หนง่ึ เปนมุมเงย 60 องศา จะเขยี นรูปไดดงั รูปที่ 8.7
MM
หรือ O
O 60 N N 60
รปู ท่ี 8.7 รูปสามเหล่ียมมมุ ฉาก MON
เลม ที่ 8 การนําอตั ราสวนตรีโกณมติ ไิ ปประยุกตใ ช 6
2. จากพืน้ ราบ ณ จุด A มองเห็นชัน้ ท่ี 10 และช้นั ท่ี 17 ของคอนโดมเิ นียมหลังหน่งึ เปนมุมเงย
28 และ 42 ตามลาํ ดบั จะเขียนรปู ไดด งั รปู ที่ 8.8
J ชั้น 17
ช้ัน 10
L 42 28 K
รูปท่ี 8.8 สามเหลีย่ มมมุ ฉาก JKL
หรอื แยกเปน 2 รปู ดังรปู ที่ 8.9 และรูปท่ี 8.10 J ช้นั 17
J ช้ัน 10
28 L 42 K
LK รปู ท่ี 8.10 สามเหล่ียมมุมฉาก JKL มุม 42
รูปท่ี 8.9 สามเหล่ียมมมุ ฉาก JKL มุม 28
หลกั การทว่ั ไป... ในการทําโจทยเ ก่ยี วกับระยะทางและความสูง
1. เขียนรปู สามเหล่ยี มมุมฉาก แทนโจทยป ญหา
2. นาํ สงิ่ ทีโ่ จทยถ ามหา และสิ่งที่โจทยก ําหนดคาให มาสรา งใหเ ปนสมการในรูปฟงกช ัน sine ,
cosine และ tangent
3. แกส มการ หาสงิ่ ทต่ี องการ
ขอตกลง
1. ใหถอื วา วัตถทุ ีอ่ ยูในแนวด่ิง “ความสูงของวตั ถนุ ้ันตั้งฉากกบั พ้นื ราบเสมอ”
2. หากมิไดกําหนดความสูงของผสู ังเกต ใหถอื วา “ความสูงของผสู ังเกตเปน ศูนย”
3. ขนาดของมมุ กม และมมุ เงยเปน จาํ นวนบวกเสมอ
เลม ท่ี 8 การนําอัตราสว นตรโี กณมิตไิ ปประยกุ ตใช 7
ตวั อยางที่ 1 เอมอรยนื หางจากตกึ แหงหนึ่ง 150 เมตร เมื่อมองขน้ึ ไปบนยอดตกึ เปนมมุ เงยขนาด
36 องศา อยากทราบวา ตกึ นีส้ ูงประมาณก่ีเมตร โดยไมค ดิ ความสงู ของเอมอร
วิธที ํา ใหตกึ สงู h เมตร
จากรูป h = tan 36
h 150
36
จะได h = 150 tan 36
150 0.727
150 109
ดงั นน้ั ตกึ นี้สงู ประมาณ 109 เมตร ตอบ
ตัวอยางที่ 2 หน่งึ ยืนอยบู นฝง แมน ํ้าและอยากทราบวา แมน าํ้ ชวงนก้ี วา งเทาใด จึงใชต นไมท่ีอยูบนฝง
ตรงกันขามของแมน ้ํา (จุด C) เปนจุดสังเกต แลว จึงเดินจากจดุ B ซงึ่ อยูตรงขามกับตนไม
ไปตามแนวฝง แมนํา้ ถึงจุด A จะได ABC เปนรปู สามเหลีย่ มมมุ ฉากท่มี ีมมุ B เปน มมุ
ฉาก AB ยาว 50 เมตร และ CAˆB มีขนาด 25 องศา อยากทราบวา แมน ํ้ากวางก่ีเมตร
C
25 B
A 50 เมตร
วธิ ีทาํ จากรปู BC = tan 25 ตอบ
AB
BC = AB tan 25
BC = 50 0.466
BC = 23.30
นน่ั คอื แมนาํ้ กวางประมาณ 23.30 เมตร
เลมท่ี 8 การนําอตั ราสวนตรีโกณมิติไปประยกุ ตใช 8
ตัวอยางท่ี 3 นาวินยืนอยบู นหนาผาแหง หนึ่ง ซึ่งสงู จากระดับนํ้าทะเล 48.30 เมตร เม่ือเขามองลงไป
ยังเรอื ลําหนึ่ง โดยมุมที่แนวสายตาทํากบั แนวเสนระดับเปน มุมกม มขี นาด 60 องศา
ถา ตาของนาวินสงู จากพื้นของหนา ผา 1.70 เมตร เรอื ลาํ น้อี ยหู า งจากเชงิ หนา ผา
ประมาณกเี่ มตร
A Y 60
D แนวเสนระดับ
แนวสายตา
CB
วิธที ํา ให A เปน ตาํ แหนงทน่ี าวินยืน
AC เปนความสงู ของหนา ผาจากระดบั นํา้ ทะเลซ่งึ เทากบั 48.30 เมตร
YA เปน ความสูงจากพืน้ หนา ผาถึงตาของนาวินซึ่งเทากบั 1.70 เมตร
C เปน จุดทเ่ี ชิงหนา ผาทีร่ ะดับนา้ํ ทะเล และ ACˆB เปน มุมฉาก
BC เปน ระยะท่ีเรือ (B) อยหู างจากเชงิ หนา ผา
DYˆB มขี นาด 60 องศา
เนอื่ งจาก YD BC
ดังนนั้ DYˆB = YBˆC = 60
YC
จะได BC = tan 60
YC = YA + AC
= 48.30 + 1.70
50 = 50
BC
ดังน้ัน = 3
BC = 50
3
28.87
นน่ั คอื เรืออยูหางจากเชิงหนา ผาประมาณ 28.87 เมตร ตอบ
เลมที่ 8 การนําอตั ราสว นตรีโกณมติ ไิ ปประยกุ ตใ ช 9
ตัวอยา งที่ 4 นักทอ งเทย่ี วคนหนงึ่ ยืนอยบู นประภาคารสังเกตเห็นเรอื สองลาํ จอดอยใู นทะเลทาง
ทศิ ตะวนั ออกของประภาคารในแนวเสน ตรงเดียวกัน โดยทํามุมกมขนาด 30 องศา
และ 60 องศา กับแนวระดบั ประภาคารแหงนี้อยสู ูงจากระดบั นํา้ ทะเลประมาณเทาใด
ถาเรือท้ังสองลํานอี้ ยหู า งกัน 200 เมตร
A 30 E
60
C D
B
วธิ ที ํา ให A เปนตําแหนง ทน่ี ักทองเทีย่ ว
AB แทนความสูงของประภาคาร
C แทนเรือลาํ ท่ีหน่ึง
D แทนเรือลําท่ีสอง
EAˆD = 30
EAˆC = 60
CD = 200
เน่ืองจาก AE BD ACˆB = 60
ดงั นนั้ ADˆB = 30 และ AB tan 60
ABC จะได BC =
พิจารณา
AB = 3 BC
พิจารณา ABD จะได AB = tan 30
BC 200
1 BC 200
AB = 3
พจิ ารณาคาของ AB จะได 3 BC = 1 BC 200
3
3BC = BC + 200
2BC = 200
จะได BC = 100
ดงั นัน้ AB = 100 3
173.21 ตอบ
ดงั นั้น ประภาคารอยสู ูงจากระดบั นา้ํ ทะเลประมาณ 173.21 เมตร
เลมที่ 8 การนําอัตราสวนตรีโกณมิตไิ ปประยกุ ตใ ช 10
แบบฝกทกั ษะที่ จุดประสงคการเรยี นรู : สามารถใชอตั ราสว นตรโี กณมิตแิ กปญ หาโจทย
8.1.1 บางอยางเกี่ยวกบั การหาความสูงและการหาระยะทางได
มุมฉาก
จงแสดงวิธีการหาคาํ ตอบแตละขอ ตอ ไปนี้ (ขอละ 1 คะแนน)
ขอท่ี 1 เม่อื ดวงอาทติ ยทาํ มมุ 30 องศา กับแนวระนาบแลว ตึกสูง 150 เมตร
จะทอดเงายาวเทา กบั เทาใด
เขยี นรูปตามโจทย
ขอ ที่ 2 ตน ไมตน หนึง่ ทอดเงายาว 40 เมตร แนวของเสนตรงทล่ี ากผานจุดปลายของเงา
ตนไมและยอดตน ไมทาํ มุม 45 องศา กับเงาของตน ไม จงหาความสงู ของตนไม
ตนน้ี
เขยี นรปู ตามโจทย
เลมที่ 8 การนําอตั ราสวนตรีโกณมติ ิไปประยกุ ตใช 11
ขอที่ 3 ถามุมเงยของสายตาของสนุ ขั ท่ีมองนกซง่ึ เกาะอยูบนกิ่งไมเทากบั 30 องศา และ
สุนัขอยูหา งจากโคนตนไม 16 ฟตุ จงหาระยะหา งระหวางสุนัขตวั นี้กบั นกทเ่ี กาะ
อยูบนก่ิงไม
เขียนรูปตามโจทย
ขอที่ 4 สธุ ยี นื อยูห า งจากบานหลงั หน่ึงเปนระยะทาง 100 เมตร เขามองเห็น
เฮลคิ คอปเตอรเคร่ืองหนง่ึ บินอยูเหนอื หลงั คาบานพอดี และแนวท่ีเขามอง
เปนมุมเงย 60 องศา จงหาวา เฮลคิ คอปเตอรอ ยูสูงจากพน้ื ดินกี่เมตร
เขียนรูปตามโจทย
เลม ท่ี 8 การนําอตั ราสว นตรีโกณมิติไปประยุกตใ ช 12
ขอที่ 5 พทิ กั ษไทยยนื อยบู นหนาผารมิ ทะเล ซ่งึ สูงจากระดบั น้ําทะเล 75 เมตร
มองเหน็ เรือลาํ หนง่ึ เปนมมุ กม 30 องศา จงหาวาเรือลาํ นี้อยหู า งจากหนาผา
ประมาณก่ีเมตร
เขยี นรปู ตามโจทย
ขอที่ 6 เสาตนหนึ่งตัง้ อยูบนพน้ื ระนาบ จากจุดสงั เกตบนพืน้ ดินซ่งึ อยหู างจากเสาธง 30
ฟตุ มองเหน็ ยอดเสาธงเปนมุมเงย 60 องศา จงหาความสูงของเสาธง
เขยี นรูปตามโจทย
เลมที่ 8 การนําอัตราสวนตรีโกณมิตไิ ปประยกุ ตใ ช 13
ขอท่ี 7 พาดบันไดไวกบั กําแพงแหง หน่งึ โดยปลายบันไดตอนบนจรดกับขอบกําแพงพอดี
ถา บันไดยาว 45 ฟุต และมุมระหวางบันไดกับกาํ แพงเปน 60 องศา ความสูงของ
กาํ แพงมีคาเทา กับเทาใด
เขยี นรูปตามโจทย
ขอ ที่ 8 จากจุดหนง่ึ ซง่ึ สูงจากระดบั น้ําทะเล 16 เมตร มองเหน็ เรือลําหนึง่ ทาํ มมุ กม
30 องศา ดงั นั้นเรอื ลํานน้ั อยหู า งจากจดุ ดังกลาวเทากับเทาใด
เขยี นรปู ตามโจทย
เลม ท่ี 8 การนําอัตราสวนตรีโกณมิตไิ ปประยุกตใ ช 14
ขอท่ี 9 ณชั ชายนื หา งจากตกึ หลงั หน่งึ 18 เมตร มองเหน็ ยอดตึกและเสาอากาศซงึ่ อยูบน
ยอดตกึ เปนมุมเงย 30 องศา และ 60 องศา ตามลําดบั จงหาความสูงของ
เสาอากาศ
เขียนรปู ตามโจทย
ขอที่ 10 เครอ่ื งบนิ ลาํ หนงึ่ บนิ อยใู กลห อบงั คับการบนิ ถา มุมเงยจากระดบั สายตาของณเดช
ซึ่งมองจากหอเทา กับ 30 องศา เห็นเครื่องบินอยูไกลออกไป 2 กิโลเมตร อยาก
ทราบวาเครอ่ื งบนิ ลาํ นอ้ี ยสู ูงจากหอกีเ่ มตร
เขยี นรปู ตามโจทย
เลมที่ 8 การนําอตั ราสวนตรโี กณมิตไิ ปประยุกตใช 15
แบบฝกทกั ษะท่ี จดุ ประสงคก ารเรยี นรู : สามารถใชอตั ราสว นตรโี กณมติ แิ กปญ หาโจทย
8.1.2 บางอยา งเกยี่ วกับการหาความสงู และการหาระยะทางได
มมุ ฉาก
จงแสดงวธิ กี ารหาคําตอบแตล ะขอ ตอไปน้ี (ขอละ 2 คะแนน)
ขอที่ 1 กนกซง่ึ อยูบนยอดเสากระโดงเรือลําหนึง่ ซ่งึ สูง 160 ฟุต มองเห็นเรอื อีกลาํ หนงึ่ ที่
ลอยอยใู นทะเลเปนมุมกม 30 แลวระยะหางของเรือ 2 ลํา เทากับเทาใด
เขียนรปู ตามโจทย
ขอ ท่ี 2 ปลองไฟปลองหน่ึงสงู กวา อกี ปลองหนึ่ง 30 ฟุต ชายคนหน่ึงยืนอยูหางจากปลอง
เตี้ย 100 หลา เห็นแนวของเสน ตรงทล่ี ากผานปลองทั้ง 2 เอียงเปนมุม 27
กบั พืน้ ราบ จงหาผลบวกของความสูงของปลองไฟท้งั สอง (tan 27 = 0.51)
เขยี นรปู ตามโจทย
เลมท่ี 8 การนําอัตราสว นตรโี กณมติ ิไปประยุกตใ ช 16
ขอท่ี 3 เม่อื เวลา 14.00 น. แสงของดวงอาทิตยทาํ มุม 15กบั พนื้ ดิน เสาตน หนงึ่ ทอด
เงาลงพ้นื ดินยาว 30 เมตร ครั้นถึงเวลา 15.00 น. ลาํ แสงของดวงอาทิตยทํามมุ
10 กบั พนื้ ดิน จงหาวา เมื่อเวลา 15.00 น. เสาตน น้ีทอดเงาลงบนพ้ืนดินยาว
เทาใด (กําหนด sin 15 = 0.26 , cos 15 = 0.97 , tan 15 = 0.97 ,
tan 10 = 0.27 , sin 10 = 0.17 , cos 10 = 0.99 , tan 10 = 0.18)
เขียนรปู ตามโจทย
ขอท่ี 4 จากรปู ABCD เปนรปู สเี่ หล่ียมจัตรุ ัสมดี านยาวยาวดานละ 6 เซนติเมตร
D มมุ DAB ถูกแบงออกเปนสามมมุ ท่ีเทากนั ทุกประการดว ยเสนตรง AE และ AF
จงหาพ้ืนที่ของรูป AECF (กําหนด 3 = 1.732)
FC
E
AB
เลมที่ 8 การนําอัตราสวนตรีโกณมิติไปประยกุ ตใช 17
ขอท่ี 5 จากรปู จงหาวา ตึกสูงประมาณกเ่ี มตร
(กาํ หนด tan 35 = 0.70)
ตึก
35
150 ม.
เลมที่ 8 การนําอัตราสว นตรโี กณมติ ไิ ปประยกุ ตใช 18
แบบฝก ทกั ษะท่ี จดุ ประสงคการเรยี นรู : สามารถใชอัตราสวนตรโี กณมิติแกปญ หาโจทย
8.1.3 บางอยา งเกี่ยวกบั การหาความสงู และการหาระยะทางได
มมุ ฉาก
จงแสดงวธิ ีการหาคําตอบแตละขอตอ ไปน้ี (ขอละ 2 คะแนน)
ขอท่ี 1 ชายคนหน่ึงยนื อยูห า งจากเสาธงตน หน่งึ เปน ระยะทาง 100 ฟุต สงั เกตเห็น
มุมยกข้นึ ของยอดเสาธงเปน 30แตเ มอ่ื เดินตรงเขาไปใกลเ สาธงได 2 นาที
เขาเห็นมมุ ยกขน้ึ ของยอดเสาธงเปน 60จงหาวาชายผนู เ้ี ดินดว ยอตั ราเร็ว
กฟี่ ุตตอนาที
เขยี นรปู ตามโจทย
เลม ท่ี 8 การนําอัตราสว นตรีโกณมติ ไิ ปประยุกตใ ช 19
ขอที่ 2 เรอื ลําหนึ่งจอดอยใู นทะเล จากดาดฟาเรือซ่ึงอยูสูงในแนวต้งั ฉากกับพ้นื นํา้ 50
ฟุต มองเห็นเรอื 2 ลํา จอดอยใู นทะเลแนวเดยี วกันเปนมุมกม 30 และ 60
ตามลาํ ดับ เรอื 2 ลํา อยูห างกันเทาไร (กําหนด 3 = 1.732)
เขียนรปู ตามโจทย
เลม ท่ี 8 การนําอัตราสว นตรโี กณมติ ิไปประยุกตใช 20
ขอ ที่ 3 ชายคนหน่งึ มองตน ไมซึ่งอยูหา งจากบา นเปน ระยะทาง 38 เมตร ถา มุมกม
ซึ่งมองไปยังโคนตน ไม เทา กบั 60 และมมุ เงยซ่งึ มองไปยงั ยอดตนไม
เทากบั 45 จงหาความสงู ของตน ไมต นนี้ (กาํ หนด 3 = 1.732)
เขียนรปู ตามโจทย
เลม ท่ี 8 การนําอตั ราสวนตรโี กณมิตไิ ปประยกุ ตใ ช 21
ขอ ที่ 4 ชายคนหน่ึงยืนหางจากตึกหลังหนง่ึ 165 เมตร สงั เกตเห็นยอดตกึ เปนมุมเงย
30 เมอ่ื เขาเดนิ ไปอกี ระยะหนึ่ง แลว สงั เกตเหน็ ยอดตึกหลงั เดิมเปน มมุ เงย
60 จงหาวา เขาเดินเขาไปอีกประมาณก่เี มตร (กําหนด 3 = 1.732)
เขียนรปู ตามโจทย
เลมท่ี 8 การนําอตั ราสว นตรโี กณมิติไปประยุกตใ ช 22
ณ จดุ หนงึ่ ทอี่ ยูห า งจากโคนเสาไฟเปน ระยะทาง 86.6 ฟุต มองเหน็
ยอดเสาไฟฟาเปนมุมเงย 30 ถา
a เปนความสูงของเสาไฟฟา
b เปน ระยะหางระหวา งยอดเสาไฟฟากับผูส งั เกต
แลว a + b มคี าเทา กบั เทา ไร (กาํ หนด 3 = 1.732)
เลม ที่ 8 การนําอัตราสวนตรีโกณมติ ิไปประยุกตใช 23
จุดประสงคการเรียนรู : สามารถใชอตั ราสว นตรโี กณมติ แิ กปญหาโจทย
บางอยา งเกี่ยวกับการหาความสูงและการหาระยะทางได
มุมฉาก
จงแสดงวิธีการหาคําตอบแตละขอตอไปน้ี (ขอละ 2 คะแนน)
ขอที่ 1 เดก็ คนหนึง่ กาํ ลังเลน วา วอยมู ือทเ่ี ขาถือเชือกอยูส ูงจากพ้ืนดนิ 1.2 เมตร และ
เสนเชือกของวาวทาํ มุมกบั แนวระดับเทา กบั 59 โดยทีค่ วามยาวของเชอื ก
จากมือถึงวา ว เทากบั 10 เมตร อยากทราบวา วาวตัวนอี้ ยูสูงจากพนื้ ดินเทา ใด
(กําหนด tan 59 = 1.64)
เขียนรูปตามโจทย
ขอที่ 2 ลูกเสอื คนหนง่ึ สูง 170 เมตร ยืนหางเสาธง 120 เมตร เธอมองดูยอดเสาธงเปน
มมุ เงย 45 องศา จงหาความสูงของเสาธง
เลม ท่ี 8 การนําอตั ราสว นตรีโกณมติ ไิ ปประยกุ ตใช 24
ขอที่ 3 ชายคนหน่งึ สูง 1.64 เมตร ยืนอยูบ นพน้ื ระดบั เดียวกบั เสาธงตน หน่ึง สังเกตเหน็
ยอดเสาธงเปนมุมเงย 40 องศา เมื่อเขาเดินเขา หาเสาธงอีก 10 เมตร ปรากฎวา
เหน็ ยอดเสาธงเปนมมุ เงย 45 องศา จงหาความสงู ของเสาธง
(ให tan 40 = 0.84)
เขียนรูปตามโจทย
ขอที่ 4 เด็กคนหนึ่งสงู 150 เซนตเิ มตร ยืนหา งจากโคนเสาธงในแนวราบเปนระยะทาง
16 เมตร เขามองเห็นเสาธงเปนมมุ เงยจากระดับสายตาเปนขนาด 60 องศา
ความสูงของเสาธงมคี าเทา กบั เทา ใด (กําหนด 3 = 1.732)
เขยี นรปู ตามโจทย
เลมที่ 8 การนําอตั ราสว นตรโี กณมติ ิไปประยุกตใ ช 25
ขอที่ 5 เนตรนารีคนหนง่ึ ตองการหาความสงู ของเสาธงของคา ยพกั แรม ถาขณะทเ่ี ธอมอง
ยอดเสาธงเปน มุมเงยจากระดับสายตาไปยงั ยอดเสาธงเทา กับ 45 องศา เม่อื เธอ
ยืนหางจากเสาธงเปน ระยะทาง 12 เมตร และความสงู จากพื้นดนิ ถึงระดบั สายตา
ของเธอเปน 1.5 เมตร จงหาความสงู ของเสาธงเปนเทาใดจากพื้นดนิ
เขียนรปู ตามโจทย
เลมที่ 8 การนําอตั ราสว นตรีโกณมติ ไิ ปประยกุ ตใ ช 26
แบบทดสอบหลงั เรยี น
คาํ ชีแ้ จง (1.) ใหนักเรยี นเลือกขอท่ีถกู ทส่ี ดุ เพียงคําตอบเดียว แลวทําเคร่ืองหมายกากบาท ( × )
ลงในกระดาษคาํ ตอบ
(2.) แบบทดสอบหลงั เรียน มีจํานวน 10 ขอ ขอละ 1 คะแนน รวม 10 คะแนน
โดยมีเกณฑการใหคะแนน ดังนี้
- เลอื กคาํ ตอบถูกได ขอ ละ 1 คะแนน
- เลือกคาํ ตอบไมถูกตองหรือไมต อบได ขอละ 0 คะแนน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. ณเดชยืนอยบู นหนา ผาสงู 100 เมตร มองเหน็ เรอื ลอยอยูในทะเลในแนวเดยี วกบั เชงิ ผาเปนมุมกม
30 องศา จงหาวาเรือลํานอี้ ยหู า งจากเชิงผาก่เี มตร ข. 100 เมตร
ก. 100 เมตร 3
ค. 100 3 เมตร ง. 3 เมตร
100
2. กัปตนั นาํ บนั ไดยาว 60 ฟุต พาดเขากับกาํ แพงใหป ลายบนของบันไดอยูชดิ กับขอบบนของกาํ แพงพอดี
เขาสงั เกตเห็นวาบนั ไดทํามมุ 30 องศา กบั พน้ื ราบ ขอ ใดเปนความสงู ของกําแพง
ก. 30 ฟตุ ข. 60 ฟุต
ค. 120 ฟตุ ง. 150 ฟตุ
3. สามเหลีย่ มมมุ ฉากรูปหน่งึ มมี ุมแหลมมุมหน่งึ กาง 30 องศา และดานทีย่ าวที่สุดยาว 4 3
ขอใดเปนดา นท่สี ั้นท่สี ดุ
ก. 2 3 หนว ย ข. 4 3 หนวย
ค. 2 หนว ย ง. 4 หนวย
4. เนตรนารคี นหน่ึงสงู 170 เมตร ยนื หา งเสาธง 120 เมตร เธอมองดยู อดเสาธงเปนมุมเงย 45 องศา
ขอใดเปนความสงู ของเสาธง
ก. 120 เมตร ข. 290 เมตร
ค. 320 เมตร ง. 490 เมตร
5. ฉันมองเหน็ ตนไมซ่ึงอยูบนฝงตรงขามกบั แมนาํ้ เมื่อฉันเดินเลยี บฝงไปไดทาง 150 เมตร กม็ องเห็นตน ไม
ตนเดมิ ทาํ มุมกับฝง 30 องศา ดงั นน้ั แมน ้ํากวางกีเ่ มตร
ก. 50 2 เมตร ข. 50 3 เมตร
ค. 60 2 เมตร ง. 60 3 เมตร
เลม ท่ี 8 การนําอัตราสวนตรีโกณมิติไปประยุกตใช 27
6. เม่ือญาญายนื อยบู นดาดฟาตึกหลังหนึ่ง มองเห็นรถยนตคันหนง่ึ จอดอยูร ิมถนนในแนวเดียวกนั กบั ตึกและ
อยูห า งจากตกึ 50 เมตร เปนมมุ กม 60 องศา จงหาความสงู ของตึกหลงั น้ี
ก. 50 เมตร
3 ข. 25 เมตร
ค. 25 3 เมตร ง. 50 3 เมตร
7. ถา เงาของเสาธงทอดไปยาว 5 3 เมตร และมุมเงยขึน้ ของดวงอาทิตยเ ปน 60 องศา
แลวเสาธงสงู กีเ่ มตร
ก. 5 เมตร ข. 15 เมตร
ค. 15 3 เมตร ง. 45 เมตร
8. ชายคนหน่งึ ตองการวัดสว นกวา งของแมน ้าํ เขายนื อยูริมฝงทจ่ี ดุ A หลงั มองขา มไปจุด B ซึง่ อยตู รง
ขามเปน ระยะทส่ี ้นั ท่สี ดุ แลวเขาเดินเลียบฝงแมนํ้าไปเปนระยะทาง 100 เมตร ซึง่ กห็ ยดุ อยทู จ่ี ุด C
วดั มุม ACB ได 40 องศา จงหาความกวางของแมน ํา้ (กําหนด tan 40= 0.839)
ก. 0.839 เมตร ข. 8.390 เมตร
ค. 83.90 เมตร ง. 839 เมตร
9. สวุ ัฒนย ืนอยบู นพืน้ ดิน ณ จดุ หน่งึ มองดูยอดเสาธงเปน มุมเงย 60 องศา ถาสวุ ฒั นยืนอยูหา งจาก
เสาธงเปนระยะ 100 เมตร ขอ ใดเปน ความสงู ของเสาธง 100
3
ก. 100 เมตร ข. เมตร
ค. 100 3 เมตร ง. 3 เมตร
100
10. ปลองไฟปลองหนึ่งสงู กวาอีกปลอ งหนึ่ง 15 ฟุต ชายคนหนง่ึ ยืนอยูหางจากปลองไฟปลอ งเตี้ย 50 ฟุต
สังเกตเห็นวาเสน ตรงทเ่ี ชือ่ มระหวา งยอดปลองไฟท้ังสองเอียงทาํ มุม 27 องศา กบั พ้ืนราบ จงหาความสงู
ของปลองไฟปลองทีส่ ูงทส่ี ุด ( tan 27 0.51)
ก. 25.5 เมตร ข. 30.5 เมตร
ค. 40.5 เมตร ง. 45.5 เมตร
****************************************
เลม ที่ 8 การนําอัตราสว นตรีโกณมิติไปประยกุ ตใ ช 28
กระดาษคาํ ตอบแบบทดสอบหลังเรียน
เลมท่ี 8 เรือ่ ง การนําอตั ราสว นตรีโกณมติ ิไปประยุกตใ ช
คาํ ชีแ้ จง : (1.) ใหนักเรยี นเลือกขอที่ถกู ท่ีสุดเพียงคําตอบเดียว แลวทาํ เครื่องหมายกากบาท ( × )
ลงในกระดาษคําตอบ
(2.) แบบทดสอบหลังเรียน มจี ํานวน 10 ขอ ขอละ 1 คะแนน รวม 10 คะแนน
ช่อื เลขที่ ชัน้
ขอท่ี ก ข ค ง ผลการตรวจ
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
คะแนนที่ได 10 ลงชื่อ ผูตรวจ
เกณฑก ารประเมนิ 0 – 4 คะแนน 5 – 6 คะแนน 7 – 8 คะแนน 9 – 10 คะแนน
ระดับคะแนน ควรปรบั ปรงุ พอใช ดี ดมี าก
ระดับคุณภาพ
เลมที่ 8 การนําอตั ราสว นตรโี กณมิติไปประยุกตใช 29
ชอ่ื – นามสกุล แบบบันทึกคะแนน เลขที่
ชนั้
คาํ ช้แี จง 1. ใหนกั เรียนบนั ทึกผลการเรยี นจากการทาํ แบบทดสอบกอนเรยี น แบบฝก ทักษะ
และแบบทดสอบหลังเรียน เพอื่ ดูพัฒนาการเรียนรจู ากการเรียนดว ยแบบฝกทกั ษะ
2. ใหท ําเครอ่ื งหมาย √ ทีช่ อ งสรุปผล เม่อื นักเรียนผา นเกณฑก ารประเมนิ หรือ
ไมผ า นเกณฑก ารประเมนิ จากการทําแบบฝก ทกั ษะ แบบทดสอบกอนเรยี นและ
หลงั เรียน
ที่ รายการ คะแนน คะแนน ระดับ สรุปผล
เตม็ ที่ได คุณภาพ ผาน ไมผา น
1 แบบทดสอบกอ นเรยี น 10
2 แบบฝก ทักษะท่ี 8.1.1
3 แบบฝก ทกั ษะท่ี 8.1.2 10
4 แบบฝกทกั ษะท่ี 8.1.3 10
5 แบบฝก ทกั ษะท่ี 8.1.4 10
6 แบบทดสอบหลังเรียน 10
10
รวม
50
เกณฑการประเมนิ
9 – 10 คะแนน ระดบั คุณภาพ ดีมาก
7 – 8 คะแนน ระดบั คุณภาพ ดี
5 – 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ พอใช
0 – 4 คะแนน ระดับคุณภาพ ควรปรบั ปรุง
นักเรยี นจะผานเกณฑก ารประเมนิ เมอื่ ไดค ะแนนต้งั แต 7 คะแนนขน้ึ ไป
เลมท่ี 8 การนําอตั ราสวนตรีโกณมติ ิไปประยุกตใ ช 30
บรรณานุกรม
กวิยา เนาวประทีป. (2548). เทคนคิ การเรียนคณิตศาสตร : ตรโี กณมติ ิ. กรงุ เทพฯ :
ฟส ิกสเ ซน็ เตอร.
กลุมสาระการเรียนรูค ณิตศาสตร โรงเรยี นเตรยี มอุดมศกึ ษา. (2553). เอกสารประกอบการเรียน
คณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลขยกกําลังและอัตราสวนตรีโกณมิต.ิ กรงุ เทพฯ :
หจก. โรงพิมพวชั รนิ ทร พี.พ.ี
เจริญ ภภู ัทรพงศ และ ศรลี ดั ดา ภูภัทรพงศ. (มปป.). คมู ือคณติ คดิ ลดั และเทคนคิ ทําโจทยเ ร็ว
คณติ ศาสตรพน้ื ฐานเขม ม.4 เลม 2. กรุงเทพฯ : SCIENCE CENTER.
จักรินทร วรรณโพธิ์กลาง. (มปป.). สดุ ยอดคํานวณและเทคนคิ คดิ ลดั คมู อื สาระการเรยี นรู
พนื้ ฐานคณติ ศาสตร ม.4 เลม 2. กรุงเทพ ฯ : บรษิ ัท สาํ นักพมิ พ พ.ศ. พัฒนา จาํ กัด.
นพเกา เฉียวกลุ . (มปป.). แบบฝกทักษะการเรยี นรวู ชิ าคณติ ศาสตร เรือ่ ง อตั ราสวนตรีโกณมติ ิ
สําหรับนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 4 เลมที่ 3 เรือ่ ง อตั ราสวนตรโี กณมติ .ิ ชลบุรี :
โรงเรยี นเทศบาลแหลมฉบัง 3 สงั กดั เทศบาลนครแหลมฉบัง.
พรรณี ศิลปะวฒั นานนั ท. (2549). สาระการเรียนรพู ้ืนฐาน คณติ ศาสตร 3 เลม 2. กรุงทพ ฯ :
ฟสิกสเ ซ็นเตอร.
สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลย,ี สถาบนั . (2554). หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน
คณติ ศาสตร เลม 2 ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 4 – 6 กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551. พิมพครัง้ ท่ี 3.
กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ สกสค.ลาดพราว.
สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลย,ี สถาบัน. (2556). คูมือครรู ายวิชาพื้นฐาน
คณิตศาสตร เลม 2 ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 4 – 6 กลมุ สาระการเรยี นรูคณติ ศาสตร
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551. พมิ พค รง้ั ท่ี 2.
กรุงเทพฯ : โรงพิมพ สกสค.ลาดพราว.
สเุ ทพ จนั ทรส มบรู ณกุล. (2548). ส่ือเสริมทักษะการเรยี นรพู ้ืนฐาน คณิตศาสตร ม.3 เลม 2
(ชวงช้นั ที่ 3). กรุงเทพฯ : เดอะบุคส.
เลม ที่ 8 การนําอตั ราสว นตรีโกณมติ ิไปประยกุ ตใช 31
ภาคผนวก
เลม ท่ี 8 การนําอตั ราสวนตรีโกณมติ ิไปประยกุ ตใช 32
เฉลยแบบทดสอบกอนเรยี น (หนา 1) ขอ 6 ข
ขอ 1 ก ขอ 7 ข
ขอ 2 ก ขอ 8 ง
ขอ 3 ค ขอ 9 ข
ขอ 4 ค ขอ 10 ค
ขอ 5 ก
เฉลยแบบฝก ทักษะท่ี 8.1.1 (หนา 10)
ขอ 1 150 3 เมตร
วิธีทาํ จากโจทยว าดรูปไดด งั น้ี 150
จากรปู จะไดวา tan 30 = x
x = 150
tan 30
150 = 150 3
ดังนนั้ ตึกหลังนท้ี อดเงายาว 150 3 เมตร
30
x
ขอ 2 40 เมตร
วิธที ํา จากโจทยวาดรูปไดด ังน้ี x
จากรปู จะไดวา tan45 = 40
x = 40 tan 45
x = 401
ดังนนั้ ตน ไมต น น้สี งู 40 เมตร
45
40
เลมที่ 8 การนําอัตราสวนตรโี กณมติ ิไปประยุกตใ ช 33
ขอ 3 32 3 ฟุต
3
วิธีทาํ จากโจทยว าดรปู ไดด ังนี้
16
จากรปู จะไดวา cos 30 =
x
x = 16
cos 30
x
16
=
3
30 2
16
= 16 2
3
= 32
3
= 32 3
3
ดังนั้น ระยะหางระหวา งสนุ ัขตัวนี้กบั นกที่เกาะอยูบ นกงิ่ ไม เทากับ 32 3 ฟุต
3
ขอ 4 100 3 เมตร = x
วธิ ที ํา จากโจทยวาดรูปไดด งั นี้
จากรปู จะไดวา tan60 100
x = 100 tan 60
x = 100 3
60 ดังนนั้ เฮลคิ คอปเตอรอยสู ูงจากพนื้ ดิน 100 3 เมตร
100
เลม ท่ี 8 การนําอตั ราสว นตรโี กณมติ ิไปประยกุ ตใช 34
ขอ 5 75 3 เมตร
วิธที ํา จากโจทยว าดรปู ไดด ังน้ี 75
จากรปู จะไดวา tan 30 = x
30 x = 75
30 tan 30
x = 75
1
3
= 75 3
ดงั นน้ั เรือลํานีอ้ ยหู างจากหนาผาประมาณ 75 3 เมตร
ขอ 6 30 3 เมตร
วิธีทาํ จากโจทยว าดรูปไดด ังน้ี x
จากรูปจะไดว า tan 60 = 30
x = 30 tan60
x = 30 3
60 = 30 3
ดงั นน้ั ความสงู ของเสาธง เทากับ 30 3 เมตร
30
ขอ 7 22.5 เมตร
วิธีทาํ จากโจทยว าดรปู ไดด งั นี้ x
จากรูปจะไดวา cos 60 = 45
60 x = 45 cos60
45 = 45 1
2
x
= 22.5
ดังนน้ั ความสงู ของกําแพง เทา กับ 22.5 เมตร
เลมท่ี 8 การนําอตั ราสว นตรีโกณมติ ไิ ปประยกุ ตใช 35
ขอ 8 16 3 เมตร
วธิ ที ํา จากโจทยวาดรปู ไดดงั น้ี 16
จากรูปจะไดว า tan 30 = x
30 x = 16
tan 30
16 = 16 3
30 ดงั นั้น เรือลาํ น้นั อยหู างจากจุดดงั กลา ว เทากบั 16 3 เมตร
x
ขอ 9 12 3 เมตร
วิธที ํา จากโจทยว าดรูปไดด งั น้ี h
18
จากรปู จะไดวา tan 60 =
x h = 18 tan 60
B h = 18 3
60 30 = 18 3
AB
18 A และ tan 30 = 18
AB = 18 tan 30
= 18
3
จะได x = 18 3 – 18 3
= 18318
3
36
= 3
= 12 3
ดังนั้น ความสูงของเสาอากาศ เทากับ 12 3 เมตร
เลม ที่ 8 การนําอัตราสวนตรโี กณมิติไปประยกุ ตใ ช 36
ขอ 10 1,000 เมตร = x
วิธีทาํ จากโจทยว าดรูปไดดงั นี้
จากรปู จะไดวา sin30 2
x = 2 sin 30
2x = 2 1
2
30 = 1
ดงั น้ัน เคร่อื งบนิ ลําน้ีอยูส งู จากหอ เทา กบั 1,000 เมตร
เฉลยแบบฝกทักษะที่ 8.1.2 (หนา 15)
ขอ 1 160 3 เมตร
วิธีทํา จากโจทยว าดรปู ไดดังน้ี 160
จากรปู จะไดว า tan 30 = x
30 x = 160
tan 30
160
= 160 3
30 ดงั นัน้ ระยะหางของเรอื 2 ลาํ เทา กับ 160 3 เมตร
x
ขอ 2 132 ฟตุ
วธิ ีทํา จากโจทยว าดรูปไดด งั น้ี x
จากรปู จะไดวา tan27 = 100
x = 100 tan27
x x +3 = 1000.51
27 = 51
จะได ปลองไฟเต้ยี สงู 51 ฟตุ
100
ปลอ งไฟสูง สงู 51 + 30 เทากบั 81 ฟุตเมตร
ดังนน้ั ผลบวกของความสูงของปลองไฟทัง้ สอง เทา กบั 51 + 81 = 132 ฟุต
เลมที่ 8 การนําอตั ราสวนตรีโกณมติ ไิ ปประยกุ ตใ ช 37
ขอ 3 11.17 เมตร
วธิ ีทาํ จากโจทยว าดรปู ไดด งั นี้ h
30
จากรูปจะไดวา tan 15 =
h = 30 tan 15
15 10 h = 300.97
และจะได tan 10 =
30 2.01
x =
h
x=
x
=
h
tan10
2.01
0.18
= 11.17
ดงั นั้น เม่ือเวลา 15.00 น. เสาตน นี้ทอดเงาลงบนพน้ื ดินยาว เทา กับ 11.17 เมตร
ขอ 4 15.12 ตารางเซนตเิ มตร ดด
วิธีทํา จากโจทยจะไดว า พืน้ ท่ีของ พท. จัตรุ สั =
D F C= 66
2 6
= 36 ตารางเซนตเิ มตร
6 6 E และ tan 30 = EB
6
A 303030 6 1 EB = 6 tan30
=
B 6 1
3
= 6 1
3
=
= 6 0.58
จะไดว า DF =
3.48
3.48
เลมท่ี 8 การนําอัตราสวนตรีโกณมติ ไิ ปประยกุ ตใช 38
พื้นที่ของ พท. 1 และ 2 = 1 ฐาน สูง 2
2
= 1 6 3.48 2
2
= 20.88 ตารางเซนตเิ มตร
ดังน้ัน พ้นื ทีข่ องรูป AECF = 36 – 20.88
= 15.12 ตารางเซนตเิ มตร
ขอ 5 105 เมตร
วิธที าํ จากโจทยว าดรูปไดดงั น้ี h
150
จากรปู จะไดว า tan 35 =
ตกึ
h = 150 tan 35
35 = 1500.70
150 ม. = 105
ดังน้ัน ตึกนสี้ ูงประมาณ 105 เมตร
เฉลยแบบฝกทักษะท่ี 8.1.3 (หนา 18)
ขอ 1 33.34 ฟตุ ตอนาที
วธิ ที าํ จากโจทยว าดรูปไดด ังน้ี h
100
จากรูปจะไดวา tan 30 =
h = 100 tan 30
h = 100 1
3
= 100 ฟุต
30 60 3
100
yx
เลมที่ 8 การนําอัตราสว นตรีโกณมิติไปประยุกตใช 39
และจะได tan 60 = 100
x= 3
x
100
3
tan 60
= 100 1
3 3
100
= 3
= 33.33 ฟุต
และ จะได y = 100 – 33.33
= 66.67 ฟุต
ดังนน้ั ชายผนู เี้ ดนิ ดว ยอตั ราเร็ว 33.34 ฟุตตอนาที
ขอ 2 57.73 ฟตุ
วิธีทาํ จากโจทยวาดรูปไดด ังนี้ 50
CB
จากรปู จะไดวา tan 30 =
A CB = 50
tan 30
30 60 50 = 50 3
C xD = 50 3
B = 86.6 ฟตุ
50
และ tan 60 = DB
DB = 50
tan 60
= 50
3
= 28.87 ฟุต
ดังนน้ั เรือ 2 ลํา อยูหา งกัน = 86.6 – 28.87
= 57.73 ฟตุ
เลมที่ 8 การนําอตั ราสวนตรโี กณมิตไิ ปประยุกตใ ช 40
ขอ 3 103.82 เมตร = BC
วธิ ที ํา จากโจทยว าดรูปไดด ังน้ี 38
จากรปู จะไดว า tan 45 = 38 tan 45
=
B BC 38
C 38 4650 A และ tan 60 = CD
D BC 38
= 38 tan 60
= 38 3
=
65.82
ดังน้นั ความสงู ของตนไมต น นี้ = 38 + 65.82
= 103.82 เมตร
ขอ 4 110 เมตร = AB
วิธที ํา จากโจทยวาดรปู ไดด งั น้ี = 165
จากรูปจะไดว า tan 30 = 165 tan 30
AB =
165 1
3
95.27 เมตร
และ tan 60 = 95.27
BD = BD
= 95.27
= tan 60
ดังน้ัน เขาเดินเขา ไปอีกประมาณ = 95.27
= 3
55
165 – 55
110 เมตร
เลม ที่ 8 การนําอัตราสวนตรีโกณมติ ไิ ปประยุกตใ ช 41
ขอ 5 150 = a
วิธีทาํ จากโจทยว าดรปู ไดดงั น้ี 86.6
C จากรูปจะไดวา tan30
= 86.6 tan 30
a
= 86.6 1
ba 3
A 30 B = 50 ฟุต
86.6 86.6
และ cos 30 = b
b = 86.6
cos 30
= 86.6 2
3
ดงั น้ัน a + b = 100 ฟตุ
= 50 + 100
= 150
เฉลยแบบฝกทักษะท่ี 8.1.4 (หนา 23) = h
10
ขอ 1 17.6 เมตร
วิธีทาํ จากโจทยว าดรูปไดด ังนี้ = 10 sin 59
จากรูปจะไดว า sin 59
C BC
10 h = 10 1.64
A 59 = 16.4 เมตร
1.2
B ดงั นน้ั ความสงู ของเสาธง = 16.4 + 1.2
1.2 = 17.6 เมตร
D
เลมท่ี 8 การนําอตั ราสว นตรโี กณมติ ิไปประยุกตใ ช 42
ขอ 2 290 เมตร
วิธีทาํ จากโจทยว าดรปู ไดดงั น้ี BC
120
จากรูปจะไดว า tan 45 =
C BC = 120 tan 45
A 45 C h = 120 เมตร
ดงั น้นั ความสูงของเสาธง = 120 + 170
170
E 120 B = 290 เมตร
170
D
ขอ 3 54.14 เมตร
วิธีทํา จากโจทยว าดรูปไดดงั นี้ AB
DB
จากรูปจะไดวา tan40 =
A 0.84 = x
10 x
D 40 C 45 x 8.4 + 0.84 x = x
1.64
x = 52.5 เมตร
10 x B ดงั นน้ั ความสงู ของเสาธง = 52.5 + 1.64
1.64 = 54.14 เมตร
E
เลม ที่ 8 การนําอตั ราสวนตรีโกณมติ ไิ ปประยกุ ตใ ช 43
ขอ 4 29.21 เมตร = BC
วิธีทํา จากโจทยว าดรูปไดด ังนี้ 16
จากรปู จะไดวา tan60
= 16tan60
C BC
h = 16 3
= 27.71 เมตร
A 60 B ดังนัน้ ความสงู ของเสาธง = 27.71 + 1.5
1.5 = 29.21 เมตร
1.5
E 16 D
ขอ 5 13.5 เมตร
วิธีทํา จากโจทยวาดรูปไดดงั นี้ BC
12
จากรูปจะไดวา tan 45 =
C BC = 12tan 45
A 45 C h = 12 เมตร
ดงั นน้ั ความสงู ของเสาธง = 12 + 1.5
1.5
E 12 B = 13.5 เมตร
1.5
D
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น (หนา 26) ขอ 6 ง
ขอ 1 ค ขอ 7 ข
ขอ 2 ก ขอ 8 ค
ขอ 3 ก ขอ 9 ค
ขอ 4 ข ขอ 10 ค
ขอ 5 ข