ประเภทของพายุ
และ
การกำเนิดพายุ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book)
ผลงานนี้เป็นส่วนหนึ่งการศึกษา รายวิชา
ว30122 วิทยาการคำนวณและการออกแบบ
เทคโนโลยี และ ว30120 เคมีพื้นฐาน
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
คำนำ
E-book ย่อมาจากคำว่า Eletronic book หมายถึง หนังสือที่สร้างขึ้นจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์
มีลักษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ โดยปกติมักจะเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถอ่านเอกสารผ่านทาง
หน้าจอคอมพิวเตอร์ ทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์ นอกจากนั้นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถ
แทรกภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว แบบทดสอบ และสามารถสั่งพิมพ์เอกสารที่ต้องการออกทาง
เครื่องพิมพ์ได้ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถปรับปรุงให้ทันสมัยได้ตลอดเวลา
พายุ (Storm) คือ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ทำให้สภาพแวดล้อมและชั้นบรรยากาศถูกรบกวน
ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบโดยตรงต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งปลูกสร้าง และสิ่งมีชีวิตบนพื้นผิวโลก
พายุเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศที่รุนแรง ลูกเห็บตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ฝนตกหนัก รวมไปถึงการ
พัดพาสสารบางอย่างผ่านไปในชั้นบรรยากาศที่ก่อให้เกิดพายุฝุ่น พายุหิมะ และพายุทะเลทราย เป็นต้น
ดังนั้นคณะผู้จัดทำจึงศึกษาค้นคว้า รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของพายุและการกำเนิดพายุ
เพื่อนำมาจัดทำโครงงานประยุกต์โดยใช้สื่อ E-book นำเสนอให้ผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับ
ประเภทของพายุและการกำเนิดพายุ สามารถนำไปต่อยอดความรู้เพิ่มเติมได้
สารบัญ หน้ า
1
เรื่อง 2
1. ความหมายของพายุ 3
2. การกำเนิดพายุ 4
3. ประเภทของพายุ
3.1 พายุฝนฟ้ าคะนอง 5-7
3.2 พายุหมุนเขตร้อน 8-9
3.3 พายุทอร์นาโด 10-13
3.4 พายุลูกเห็บ 14-16
4. ข้อควรปฏิบัติเมื่อเกิดวาตภัย
บรรณานุกรม
สารบัญรูปภาพ
ภาพที่ พายุฝนฟ้ าคะนอง หน้ า
1 พายุหมุนเขตร้อน 3
2 พายุทอร์นาโด (1) 3
3 3
4 พายุทอร์นาโด (2) 9
5 9
6 พายุทอร์นาโด (3) 12
ก้อนลูกเห็บ
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้ า
1 ชื่อเรียกพายุตามแหล่งเกิดพายุ 7
ความหมายของพายุ
พายุ (Storm) คือ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ทำให้สภาพแวดล้อม
และชั้นบรรยากาศโลกถูกรบกวน ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบโดยตรงต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งปลูกสร้าง และสิ่งมีชีวิตบนพื้นผิวโลก พายุ
เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศที่รุนแรง โดยมักเกิดขึ้น
พร้อมกับการเกิดลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ฝนตกหนัก
รวมไปถึงการพัดพาสสารบางอย่างผ่านไปในชั้นบรรยากาศที่ก่อให้เกิด
พายุฝุ่น พายุหิมะ และพายุทราย เป็นต้น
1
การกำเนิดพายุ
พายุเกิดจากการเคลื่อนที่ของลม หรือมวลอากาศ
จากความแตกต่างของอุณหภูมิในบรรยากาศโดยรอบ ซึ่งพายุมักเกิด
ในพื้นที่ที่มีความกดอากาศต่ำ ทำให้เกิดกระแสลมพัดเข้าหา
จุดศูนย์กลางของบริเวณดังกล่าว เนื่องจากมวลอากาศร้อนจะลอยตัว
ขึ้นสูง ส่งผลให้มวลอากาศในแนวราบที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าเข้ามาแทนที่
ทำให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศ เกิดกระแสการเคลื่อนที่ของลม
และเกิดการก่อตัวขึ้นของเมฆ ก่อนพัฒนาไปเป็นพายุในรูปแบบต่างๆ
2
ประเภทของพายุ
พายุแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก
พายุฝนฟ้าคะนอง พายุหมุนเขตร้อน พายุทอร์นาโด
ภาพที่ 1 พายุฝนฟ้าคะนอง ภาพที่ 3 พายุทอร์นาโด (1)
ภาพที่ 2 พายุหมุนเขตร้อน 3
พายุฝนฟ้ าคะนอง
เป็นพายุที่มักเกิดในเขตร้อนชื้น (Tropical zone) โดยเฉพาะบริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร
เกิดจากเมฆขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นในแนวดิ่ง หรือ “เมฆคิวมูโลนิมบัส” (Cumulonimbus)
ซึ่งเกิดจากมวลอากาศร้อนลอยตัวขึ้นสูงก่อนเย็นตัวลง ทำให้เกิดการควบแน่นและกลั่นตัวเป็น
ไอน้ำ เกิดเป็นเมฆขนาดใหญ่ และความร้อนแฝงจากการกลั่นตัวของไอน้ำช่วยเร่งอัตราการลอยตัว
ของอากาศในก้อนเมฆ ทำให้เมฆมีขนาดใหญ่และสูงขึ้น และเมื่ออุณหภูมิภายในก้อนเมฆลดลง
มวลอากาศก็เคลื่อนที่ลงอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นพายุฝนฟ้าคะนอง มีลมกระโชกแรง ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง
และมีฝนตกหนัก หรืออาจมีลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่
ในประเทศไทยมักเกิดพายุฝนฟ้าคะนองเป็นประจำ โดยจะมีลมแรงและฝนตกหนักติดต่อ
กันหลายวัน โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม พายุฝนฟ้าคะนองสามารถพัฒนาจน
มีความรุนแรงมากขึ้น เรียกว่า “พายุฤดูร้อน” รวมไปถึง “พายุทอร์นาโด” ได้อีกด้วย
4
พายุหมุนเขตร้อน
พายุหมุนเขตร้อน (Tropical Cyclone) เป็นพายุขนาดใหญ่ที่ก่อตัว
ขึ้นในทะเลและมหาสมุทรแถบเส้นศูนย์สูตร โดยก่อตัวขึ้นบริเวณผิวน้ำทะเล
หรือมหาสมุทรที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 27 องศาเซลเซียส พายุในกลุ่มนี้จะมีขนาด
เส้นผ่านศูนย์กลางเกินกว่า 100 กิโลเมตร และมีความเร็วลมสูงสุดใกล้
จุดศูนย์กลางตั้งแต่ 50 ไปจนถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีทิศทาง
การหมุนของพายุตามแรงคอริออลิส (Coriolis Force) หรือแรงที่เกิดจาก
การหมุนรอบตัวเองของโลก โดยพายุหมุนเขตร้อนจะหมุนทวนเข็มนาฬิกา
ในซีกโลกเหนือและหมุนตามเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้
5
พายุหมุนเขตร้อนที่มีอิทธิพลต่อสภาพอากาศในประเทศไทย มีการแบ่งเกณฑ์ความรุนแรง
ของพายุตามความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางพายุเป็นเกณฑ์ ดังนี้
1 ดีเปรสชั่น (Tropical Depression) เป็นพายุที่มีความเร็วลมต่ำที่สุด โดยมีความเร็วลม
สูงสุดใกล้จุดศูนย์กลางไม่เกิน 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นเพียงกลุ่มเมฆหมุนวนที่ไม่มีตาพายุ
ที่ชัดเจน ก่อให้เกิดกระแสลมไม่แรงนัก แต่อาจทำให้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน
2 พายุโซนร้อน (Tropical Storm) เป็นพายุที่ก่อตัวขึ้นในทะเลก่อนเคลื่อนที่เข้าหาฝั่ง
โดยมีความเร็วลมไม่เกิน 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อให้เกิดลมกระโชกแรงและฝนตกหนัก
3 ไต้ฝุ่น (Typhoon) หรือ เฮอร์ริเคน (Hurricane) เป็นพายุที่มีความเร็วลมสูงกว่า 118 กิโลเมตร
ต่อชั่วโมง มีตาพายุชัดเจน ซึ่งบริเวณจุดศูนย์กลางของพายุ หรือ “ตาพายุ” จะมีสภาพอากาศโปร่งใส อาจมี
ฝนตกเพียงเล็กน้อยและกระแสลมสงบ ต่างกับสภาพรอบนอกของตาพายุ ซึ่งมีความรุนแรงมากถึงขั้นสร้าง
ความเสียหายต่อสิ่งปลูกสร้าง และเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตได้เลยทีเดียว
6
ชื่อเรียกพายุตามแหล่งเกิดพายุ
พื้นที่เกิดพายุ ชื่อ
มหาสมุทรแปซิฟิก ไต้ฝุ่น (Typhoon)
มหาสมุทรอินเดีย อ่าวเบงกอล ไซโคลน (Cyclone)
และทะเลอาหรับ
มหาสมุทรรอบออสเตรเลียและ วิลลี-วิลลี (Willy-Willy)
บริเวณหมู่เกาะต่างๆ
หมู่เกาะฟิลิปปินส์ บาเกียว (Baguio)
มหาสมุทรแอตแลนติก ทวีป เฮอร์ริเคน (Hurricane) 7
อเมริกา
พายุทอร์นาโด
พายุทอร์นาโด (Tornado) เป็นพายุที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางค่อนข้างเล็ก
แต่มีความเร็วลมตั้งแต่ 300 ไปจนถึง 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุทอร์นาโดเกิดจาก
การปะทะกันของมวลอากาศร้อนและมวลอากาศเย็น มักพบในทวีปอเมริกาเหนือ และ
มหาสมุทรแอตแลนติก เนื่องจากมีความแตกต่างของสภาพอากาศสูง โดยพายุทอร์นาโด
ส่วนมากเกิดขึ้นบนบก มีความเร็วลมสูงจนเกิดลมหมุนบิดเป็นเกลียวจากฐานเมฆลงสู่
พื้นดิน หรือที่เรียกกันว่า “ลมงวง” สามารถพัดพาเอาสิ่งปลูกสร้างลอยขึ้นไปในอากาศได้
เป็นพายุที่ก่อตัวรวดเร็วและคาดเดาได้ยาก
ถึงแม้พายุทอร์นาโดเป็นพายุที่คงตัวอยู่ได้ไม่นาน แต่ความรุนแรงของพายุ
และความไม่แน่นอนของการก่อตัว ส่งผลให้พายุทอร์นาโดเป็นพายุที่อันตรายที่สุด
8
ภาพที่ 4 พายุทอร์นาโด (2) ภาพที่ 5 พายุทอร์นาโด (3)
9
พายุลูกเห็บ
พายุลูกเห็บส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในขณะที่เกิดพายุฤดูร้อนจะสามารถคาดหมายได้
จากการวิเคราะห์ข้อมูลแผนที่อากาศผิวพื้น แผนที่ลมชั้นบน ผลการหยั่งอากาศ
ชั้นบน ภาพถ่ายดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาและผลการตรวจอากาศด้วยเรดาร์โดยจะ
พบสาเหตุของการเกิดพายุฤดูร้อนและพายุลูกเห็บ จากตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นที่
ดอยช้าง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ.2551 สืบเนื่องจาก
ความกดอากาศสูงที่แผ่เข้ามาปกคลุมประเทศไทยปะทะกับมวลอากาศร้อนและชื้น
ที่ปกคลุมภาคเหนือของประเทศไทยประกอบกับลมที่พัดเวียนเข้าสู่ศูนย์กลาง
(Cyclonic Vortex) ขณะเดียวกันจะมีแนวลมพัดสอบของลมใต้และ
ลมตะวันออกเฉียงใต้พาดผ่าน ประกอบกับมีกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนเข้ามา
พาดผ่านภาคเหนือจึงทำให้อากาศเกิดการยกตัวอย่างรุนแรงจึงเป็นสาเหตุทำให้
เกิดพายุฝนฟ้าคะนองที่รุนแรงและเกิดลูกเห็บตกเป็นจำนวนมาก 10
พายุลูกเห็บ
ซึ่งมักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ในเดือนเมษายน ทำให้เกิดความเสียหายต่อพืชไร่ที่ปลูก
และพืชเศรษฐกิจหลักในพื้นที่ดอยช้างในพื้นที่เกือบ 6,000 ไร่สาเหตุของการเกิด
พายุฝนฟ้าคะนองและเกิดลูกเห็บตกอาจเกิดขึ้นกับปัจจัยที่สำคัญ 3 ประการ คือ
การทรงตัวของอากาศต้องเป็นแบบไม่เสถียรภาพ อากาศยกตัวขึ้นในแนวดิ่ง และ
อากาศมีความชื้นสูง สถิติของลูกเห็บที่หนักที่สุดในโลกนั้น ตกที่เมืองคอฟฟีย์วิลล์
(Coffeyville) รัฐแคนซัส ในวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2513 โดยหนักถึง 770
กรัม (1.7 ปอนด์) มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 14.5 เซนติเมตร (5.7 นิ้ว) ส่วนลูกเห็บ
ที่ขนาดใหญ่ที่สุดนั้นตกที่ ออโรรา (Aurora) รัฐเนแบรสกา ในวันที่ 22
มิถุนายน พ.ศ. 2546 ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 17.8 เซนติเมตร (7 นิ้ว) แต่มีน้ำ
หนักน้อยกว่า อาจเนื่องมาจากมีบางส่วนแตกหลุดไปในระหว่างตกกระทบบ้าน
11
ลูกเห็บ (Hail) ก้อนลูกเห็บ (Hailstone)
คือ น้ำฟ้าที่ตกลงมาในลักษณะ คือ ก้อนหรือชิ้นน้ำแข็ง แต่ละก้อนมี
เป็นก้อนหรือชิ้นน้ำแข็ง มีเส้น เส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ระหว่าง 5-50
ผ่านศูนย์กลางอยู่ระหว่าง 5-50 มิลลิเมตร (0.2-2.0 นิ้ว) หรือบาง
มิลลิเมตร (0.2-2 นิ้ว) ครั้งอาจมีขนาดใหญ่กว่านี้ ส่วนใหญ่
แต่บางครั้งอาจมีขนาดใหญ่กว่านี้ มักเป็นก้อนน้ำแข็งใส ชิ้นน้ำแข็งใส
และอาจตกลงมาเป็นก้อนๆ หรือ หรือเป็นชั้นน้ำแข็งใสสลับกับชั้นน้ำ
เกาะรวมกันเป็นก้อนขรุขระ แข็งทึบแสง (น้ำแข็งฝ้า) แต่ละชั้น
หนาอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ส่วน
ภาพที่ 6 ก้อนลูกเห็บ ใหญ่มีรูปร่างต่างกัน
12
วิธีเตรียมพร้อมรับมือกับพายุลูกเห็บ
สำรวจที่อยู่อาศัยและรีบทำการซ่อมแซมวัสดุที่ไม่มั่นคงให้มีความแข็งแรงและ
ทนทานต่อพายุลูกเห็บได้
หาที่หลบในบ้านหรือเพดานและหลังคาที่แข็งแรง และปิดประตู หน้าต่างให้สนิท
เพื่อป้องกันการกระแทกและสิ่งของปลิวเข้ามาในบ้านเรือน
ห้ามหลบบริเวณหลังคากระจกหรืออยู่ใกล้ประตูและหน้าต่างที่เป็นกระจก
ดูแลเด็กไม่ให้ออกไปเก็บลูกเห็บเล่น เพราะอาจได้รับอันตรายจากลูกเห็บตกได้
อยู่ให้ห่างจากวัตถุที่เป็นสื่อนำไฟฟ้าทุกชนิด ไม่สวมใส่เครื่องประดับ เช่น ทองคำ
ทองแดง เงิน เป็นต้น งดเว้นการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดชั่วคราว เพราะในช่วงที่
เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง มักเกิดฟ้าผ่า อาจทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
13
ข้อควรปฏิบัติเมื่อเกิดวาตภัย
1 ก่อนเกิดวาตภัย
ติดตามข่าวและคำเตือนลักษณะอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา
ตรวจสอบสายไฟทั้งในและนอกบริเวณบ้านให้เรียบร้อย ถ้าไม่แข็งแรงให้ยึดไว้
ให้มั่นคง
ตัดต้นไม้ กิ่งไม้ในบริเวณบ้านที่อาจหักได้จากลมพายุ โดยเฉพาะกิ่งที่อาจหัก
ลงมาทับบ้าน ต้นไม้ยืนต้นตายควรจัดการโค่นลงเสีย
จัดเตรียมสิ่งของจำเป็นต่างๆ ไว้ในที่พักให้เรียบร้อย
สิ่งของที่สามารถแตก หัก เสียหายได้ ควรนำไว้ในที่ต่ำ
หากมีเรือ แพ ให้ลงสมอยึดตรึงให้มั่นคงแข็งแรง
14
ข้อควรปฏิบัติเมื่อเกิดวาตภัย
2 ขณะเกิดวาตภัย
อยู่ในที่พักที่มั่นคงแข็งแรง ไม่ควรออกมาที่โล่งแจ้ง เพราะกิ่งไม้รวมทั้งหลังคาสังกะสี
และกระเบื้องอาจหล่นลงมาทำอันตรายได้
ปิดประตูหน้าต่างรวมทั้งยึดให้มั่นคงแข็งแรงทุกบาน ปิดกั้นช่องทางลมต่างๆ ที่อาจจะ
ทำให้เกิดความเสียหาย
ห้ามนำเรือออกจากฝั่งหากเกิดพายุในบริเวณที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ไม่ว่า
กรณีใดก็ตาม
ออกให้พ้นชายฝั่งทันที เพราะอาจเป็นบริเวณที่ได้รับอันตรายจากคลื่นซัดฝั่งและควรอยู่
ในที่สูงที่ปลอดภัยจากน้ำท่วม
เมื่อลมสงบแล้วต้องรออย่างน้อย 3 ชั่วโมง ถ้าพ้นระยะนี้แล้วไม่มีลมแรงเกิดขึ้นอีกจึงจะ
วางใจได้ ทั้งนี้เมื่อศูนย์กลางพายุผ่านไปแล้วจะมีลมแรงฝนตกหนักอีกประมาณ 2 ชั่วโมง
15
ข้อควรปฏิบัติเมื่อเกิดวาตภัย
3 หลังเกิดวาตภัย
ช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและนำส่งโรงพยาบาลหรือ
สถานพยาบาลใกล้เคียงให้เร็วที่สุด
จัดการต้นไม้ที่ล้มบริเวณใกล้เคียงเพื่อป้องกันการโค่นล้มในภายหลัง
ตรวจสอบสายไฟฟ้าและเสาไฟฟ้า ถ้ามีความเสียหายควรแจ้งเจ้าหน้าที่และ
ทำเครื่องหมายบริเวณนั้นไว้ว่าไม่ควรเข้าใกล้
16
บรรณานุกรม
กลวัชร ทรัพย์ส่งสุข. (ม.ป.ป.). “คลังความรู้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ”. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (Online).
http://ndwc.disaster.go.th/cmsdetail.ndwc-9.283/26673/menu_7525/4214.3/%
E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B
8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81+%E0%B8%9
E%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8, 1 กรกฎาคม 2565.
คัดคณัฐ ชื่นวงศ์อรุณ. 2562. “ประเภทของพายุและการกำเนิดพายุ”. National Geographic (Online).
https://ngthai.com/science/24598/thunder-origin/, 1 กรกฎาคม 2565.
พัชนะ บุญประดิษฐ์. 2553. “เรื่องของพายุ”. สำนักงานราชบัณฑิตยสภา (Online).
http://legacy.orst.go.th/?knowledges=เรื่องของพายุ-๑๗-สิงหาคม, 1 กรกฎาคม 2565.
ศาสตร์และศิลป์แห่งร้อยกรองไทย. 2557. “ความสำคัญของโปรแกรม E-Book”. โครงการรักการอ่านผ่าน
E-Book (Online).
http://newprojectebook1122.blogspot.com/2014/11/2.html?m=1, 1 กรกฎาคม 2565.
คณะผู้จัดทำ
1. น.ส.พรปวีณ์ เบญจศิลารักษ์ ม.4/6 เลขที่ 16
2. น.ส.สิริรัช ปานน้อย ม.4/6 เลขที่ 29
3. น.ส.ศุลีย์ภัสร์ พันธ์นาม ม.4/6 เลขที่ 38