The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ittiruth kullertpittaya, 2020-11-06 04:06:36

drums set

drums set

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

แผ่นพลาสติกก่อน น�ำไม้ตีกลองเล็กเคาะลงบนแผ่นพลาสติก เพื่อฟังเสียง
กลองเล็ก วิธีการปรับเสียงกลองเล็กโดยการใช้ที่หมุนมีลักษณะกลมเป็นโพรง

มีท่ีจับส�ำหรับหมุนกลองเล็กบางชนิดใช้ไขด้วยสกรู การปรับเสียงต้องน�ำวิธี
การปรับเสียงกลองใหญ่มาใช้ คือ ปรับจุดท่ีหน่ึงใกล้ตัว แล้วย้ายไปปรับจุด
ที่สองซ่ึงอยู่ตรงกันข้ามและจุดท่ีสามปรับด้านบนแล้วย้ายไปปรับจุดท่ี 4 อยู่
ตรงกันข้ามคือด้านล่าง เหมือนกับเข็มทิศปรับทิศเหนือแล้วย้ายลงใต้ ปรับทิศ

49

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

ตะวันออกแล้วย้ายไปปรับทิศตะวันตก ดังนี้เรื่อยไปทุกจุด อย่าปรับทุกจุด
ตามล�ำดับเรียงกันเป็นวงรอบ เพราะจะท�ำให้ด้านแต่ละด้านไม่เท่ากัน เม่ือ
ปรับจุดใดจุดหนึ่งและด้านตรงกันข้ามเรียบร้อยแล้ว ใช้ไม้ตีกลองเล็กเคาะ
ลงบนแผ่นพลาสติกเพื่อฟังเสียง ถ้าเสียงสูงแสดงว่าตึง ถ้าเสียงต่�ำแสดงว่า
หย่อน ต้องปรับท้ังสองด้านใหม่ให้ระดับเสียงเท่ากันส่วนการปรับเสียงทอม
และทอมใหญ่ ใหใ้ ชว้ ธิ กี ารปรบั เสยี งเหมอื นกบั กลองเลก็ ระดบั เสยี งกลองทอม
ทั้งสามใบมีระดับเสียงไม่เท่ากัน ควรตั้งระดับเสียงกลองทอม ด้านซ้ายมือให้
เสียงสูง ทอมด้านขวามือเสียงกลาง และทอมใหญ่เสียงต่�ำ ระดับเสียงกลอง
ทอมสามใบ จะมีระดับเสียงต่อเนื่องกัน คือ สูง กลาง และต�่ำ

การปรับเสียงกลองอีกลักษณะหน่ึงที่นิยมโดยท่ัวไป คือ การป้องกัน
เสียงก้องกังวานของหางเสียงกลองขณะบรรเลงจังหวะเร็วๆ ท�ำให้เสียงถี่
กระช้ันของหางเสียงกลองท่ีไม่ต้องการปะปนกันกับเสียงกลอง ท�ำให้ได้ยิน

50

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

เสียงกลองท่ีต้องการไม่ถนัดชัดเจน ควรน�ำวัสดุท่ีมีน้�ำหนักเบา เล่น ส�ำลี นุ่น
หรือเศษผ้าวางลงบนแผ่นพลาสติก แล้วใช้ผ้าขนาดหน่ึงฝ่ามือ รูปส่ีเหล่ียม
ผืนผ้าหรือใหญ่กว่าเล็กน้อยปิดทับบนวัสดุ น�ำกาวเทปหรือกระดาษกาว หรือ
วสั ดพุ นั สายไฟปดิ ทบั ทง้ั สดี่ า้ น เสยี งของหางกลองจะลดนอ้ ยลงมาก สามารถ
บรรเลงจังหวะเร็วๆ ตามถนัดได้ตามความต้องการ โดยจะได้ยินเสียงกลอง
เป็นจังหวะๆ ตามตัวโน้ตอย่างชัดเจน บางคร้ังผู้บรรเลงจะไม่นิยมปิดเศษผ้า
กับแผ่นพลาสติก จะใช้วิธีถอดแผ่นพลาสติกออกแล้วน�ำเศษผ้าใส่ในกลอง
แลว้ ปดิ แผน่ พลาสตกิ สามารถกระทำ� ไดเ้ ปน็ อกี วธิ หี นงึ่ ทปี่ อ้ งกนั หางเสยี งกลอง

วงแหวนซับเสียงกลอง

เคร่อื งต้ังเสียงกลอง

51

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

การบรรเลงกลองชุด มีขั้นตอนดังนี้
1. การนั่ง
ผู้บรรเลงกลองชุดต้องน่ังบรรเลง เพ่ือใช้เท้าท้ังสองข้างให้เป็น
ประโยชน์ ก่อนน่ังควรเลือกเก้าอ้ีส�ำหรับนั่งตีกลอง เม่ือน่ังแล้วรู้สึกสบาย
ไม่เจ็บก้นเพราะเก้าอ้ีน่ังมีหลายชนิด บางชนิดสามารถปรับเลื่อนให้สูงข้ึน
หรอื ตำ่� ลงไดต้ ามตอ้ งการ การนงั่ ควรนงั่ ตามสบาย เทา้ และหวั เขา่ ทง้ั สองแยก
ออกจากกัน เพื่อให้กลองเล็กอยู่ระหว่างหัวเข่าท้ังสอง เท้าข้างขวาวางลง
บนกระเดื่องกลองใหญ่ เท้าข้างซ้ายวางลงบนกระเด่ืองไฮ-แฮท หลังต้อง
ไม่งอโค้ง ควรตั้งให้ตรงอยู่เสมอเพ่ือให้อาการปวดหลังมีน้อยมาก หายใจ
สะดวกปลอดโปร่ง (ส่วนมากเมื่อบรรเลงไประยะหน่ึงหลังจะงอโค้งเป็นส่วน
ใหญ่) คอต้ังตรง ใบหน้าตั้งตรงไม่ก้มต่�ำ สายตามองดูบทเพลงและเพ่ือน
ร่วมบรรเลง เพราะผู้บรรเลงกลองชุดจะเป็นผู้ให้สัญญาณจังหวะ กรณีท่ี
ไม่มีผู้อ�ำนวยเพลง

52

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

2. การจับไม้กลอง
การจับไม้กลองนั้น ถือว่าเป็นเบสิคท่ีต้องศึกษาตั้งแต่เร่ิมต้น หากท�ำไม่
ถูกตั้งแต่แรก อาจจะท�ำให้ต้องเสียเวลามาน่ังรื้อ นั่งแก้ในภายหลัง ซ่ึงไม่เป็น
ผลดกี บั การพฒั นาการเลน่ ของเราในตอนน้ี จงึ ขอแนะนำ� การจบั ไมก้ ลองทเี่ ปน็
ที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน เพ่ือเป็นแนวทางให้กับผู้เล่นทุกท่านครับ
การจับไม้กลองที่นิยมกันมีอยู่ 2 แบบ คือ
Match Grip และ Traditional Grip

Match Grip - การจับแบบนี้สองข้างจะจับเหมือนกันดังรูป

53

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

วิธีการจับไม้แบบ Match Grip
ข้ันท่ี 1 ใช้น้ิวโป้งกับนิ้วช้ี จับท่ี “จุดสมดุล” ของไม้ (Focal point)
วิธีการหาก็คือลองจับเบาๆแล้วปล่อยไปที่ snare ตรงไหนเด้งได้พอดีๆ
ก็คือตรงน้ันล่ะครับ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ต�ำแหน่ง 1 ใน 3 ของความยาวไม้
ขั้นท่ี 2 นิ้วอ่ืนๆ ก็ก�ำตามมาหลวมๆ

54

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

Traditional Grip - การจับแบบนี้ส่วนใหญ่นักดนตรีแจ๊สจะชอบ
(rocker บางคนก็ใช้เช่น Virgil Donati)
เหตุผลก็เพราะเวลาเล่น จะตีดับเบิ้ลได้เร็วและง่าย ควบคุมน�้ำหนักได้ดี
ซ่ึงถ้าฝึกไว้ท้ัง 2 แบบได้ก็จะดีมาก ท�ำให้มีลูกเล่นเพ่ิมขึ้น
วิธีจับไม้แบบ Traditional Grip
ขั้นที่ 1 - คีบไม้ท่ีจุด ” Focal point “ด้วยซอกระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับน้ิวช้ี

55

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

ขั้นท่ี 2 - งอน้ิวโป้ง น้ิวนางและนิ้วก้อย เข้ามาพยุงไม้ไว้
ขั้นที่ 3 - งอน้ิวชี้เข้ามาช่วยจับอีกทีหน่ึง
การจับแบบน้ีจุดหมุนจะอยู่ที่ซอกนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ อย่าก�ำแน่นมาก และ
ไม่หลวมจนเกินไป

56

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

เปลี่ยนจากเคาะโต๊ะมาตีกลองชุดจริง
หากคณุ ไดล้ องทำ� ตามขนั้ ตอน เรอื่ งการฝกึ นบั จงั หวะการตกี ลองไปแลว้
คร้ังน้ีคุณจะเปลี่ยนมาจับไม้กลอง มาตีกลองชุดกันจริง ๆ ซักที เริ่มต้นดังนี้
เล่นโน๊ตเขบ็ตด้วยไฮ-แฮท กลองสแนร์ในจังหวะ 2 และ 4 ในจังหวะ
1 และ 3 ให้เล่นกลองเบสด้วยกระเด่ืองเท้า
ขณะเล่น พยายามออกเสียงจังหวะด้วย จริง ๆ คุณอาจจะคิดว่าไม่
จ�ำเป็นต้องท�ำแบบนี้ แต่คุณลองท�ำดูในขณะเรียนรู้และฝึกซ้อมตีกลอง มัน
ช่วยได้จริง ๆ
หลังจากฝึกตีกลองจนคล่องแล้ว ให้เร่ิมเปลี่ยนชิ้นเล่น เช่น ในจังหวะ
ที่ 2 และ 4 จากที่เล่นกลองสแนร์ ให้ลองสลับไปเล่นช้ินอ่ืนแทนเช่นกลอง
ทอมต่าง ๆ หรือฉาบไรด์ก็ได้
พอคุณรู้จักกลองชุดครบทุกช้ินแล้ว ลองขยับไปฟังเพลงแล้วลองตีเข้า
จังหวะดู ไม่ต้องเป๊ะ แค่อยากให้คุณได้เร่ิมรู้สึกถึงการตีประกอบจังหวะเท่านั้น
หากยังรู้สึกว่ายังไม่ค่อยตรง ให้ลองเล่นเปล่า ๆ กับเคร่ืองนับดูก็ได้ ฝึกไป
ซักพัก เด๋ียวก็เข้าจังหวะได้เอง

57

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

การฝึกเล่นโน้ตตัวด�ำ
ในการฝึกตีกลองโดยการฝึกนับจังหวะ quarter notes จะใช้ time
signature แบบ 4 /4 ซ่ึงจะสามารถไปต่อได้กับการฝึกตีกลองกับ eighth
notes, sixteenth notes และ 32th notes ซึ่งเป็นการย่อยจังหวะให้สั้นลง
ไปเร่ือย ๆ พื้นฐานการตีกลองจะเหมือน ๆ กัน
ในรูปด้านล่างจะแสดงให้เห็นโน้ตด�ำท้ังส่ีตัวในหน่ึงห้อง ซ่ึงบนตัวโน้ต
จะแสดงตัวเลขในการฝึกนับจังหวะในการตีกลอง ดังนั้นเราจะนับจังหวะตาม
ตัวโน๊ตในหนึ่งห้องเป็น หนึ่ง-สอง-สาม-สี่ พอถึงห้องใหม่ เราก็จะเริ่มต้นนับท่ี
หนึ่ง เหมือนเดิม

โน้ตตัวด�ำ 4 ตัว

หลังจากท�ำความเข้าใจกับภาพด้านบนได้แล้ว ลองดูภาพด้านล่าง จะ
แสดงตัวโน๊ตตัวด�ำท้ังสองห้อง ซึ่งถูกแบ่งด้วยเส้นก้ันห้อง โดยแสดงให้เห็นว่า
ในหน่ึงห้องจะมีโน้ตตัวด�ำทั้งหมดเพียงส่ีตัวเท่านั้น หมายถึงในหน่ึงห้อง จะตี
กลองเพียงส่ีจังหวะ โดยไม่ได้ข้ึนอยู่กับว่า ในหน่ึงจังหวะเราจะตีก่ีชิ้น ( หาก
ฝึกตีกลองกับกลองชุด) ถึงตรงน้ีจ�ำเป็นต้องท�ำความเข้าใจถึงความแตกต่าง
ระหว่างจังหวะ กับ ห้อง ให้ดี ในการฝึกตีกลองด้วยการนับ หน่ึง-สอง-สาม-
ส่ี เราจะโฟกัสไปทีละห้อง ออกจากกัน

โน้ตตัวด�ำ 2 ห้อง

58

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

รูปด้านล่างจะแสดงโน้ตด�ำทั้งหมดสี่ห้อง ซึ่งลักษณะของการฝึกนับ
จังหวะในการตีกลองก็เหมือนกับรูปท่ีผ่าน ๆ มา แต่จะมีความแตกต่างตรงท่ี
โน้ตท่ีแสดงในรูปด้านล่างจะใช้เล่นกลองหลากหลายช้ินในกลองชุดน่ันเอง ซึ่ง
โน้ตแต่ละตัวจะเล่นต่างชิ้นกัน

โน้ตตัวด�ำ 4 ห้อง

ถึงแม้ว่าแต่ละตัวโน้ตจะอยู่ต่างต�ำแหน่งกัน แต่อย่างไรก็ตามก็ยังเป็น
โน้ตตัวด�ำ (quarter notes) เราจะได้รู้จักบทเรียนเกี่ยวกับการฝึกนับจังหวะ
ท่ีมากขึ้นในล�ำดับถัด ๆ ไป
เวลาฝึกตีกลองจริง ๆ ให้สลับขวาและซ้าย ดังตัวอย่างคือ จังหวะ 1
ให้ใช้มือขวาตีกลอง จังหวะ 2 ให้ใช้มือซ้ายตีกลองสลับกันไป โดยพยายามให้
แต่ละจังหวะใช้มือเดิมตีเสมอ และหลังจากเราฝึกตีกลองด้วยการนับจังหวะ
กับโน้ตตัวด�ำกันจนคล่องแล้ว ให้ลองเร่งความเร็วดู อาจจะใช้ Metronome
มาช่วยก�ำกับความเร็วในการฝึกซ้อม (แนะน�ำให้มีทุกครั้ง) ผู้ฝึกจะสามารถ
เร่ิมไปฝึกในส่วนต่อ ๆ ไปท่ียากขึ้น เช่น การฝึกตีกลองกับโน้ตตัวเขบ็ต 1 ชั้น
2 ช้ัน และมากกว่านั้นได้อีก

59

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

การฝึกเล่นตัวโน้ตเขบ็ต 1 ชั้นและเขบ็ต 2 ช้ัน

จากภาพแสดงค่าของจังหวะในโน้ตแต่ละตัว เร่ิมจาก โน้ตตัวกลม ตัว
ขาว ตัวด�ำ เขบ็ต1 ช้ัน และเขบ็ต 2 ช้ัน ตามล�ำดับ ส่วนวิธีการนับ
โน้ตตัวด�ำนั้นเป็นตัวท่ีใช้ก�ำหนดความเร็วของเพลง เช่น ตัวด�ำเท่ากับ 60
หมายถึง ใน 1 นาที มี 60 Beat หรือ 60 ตัวด�ำ เขบ็ต 1 ชั้น น้ันคือแบ่งตัว
ด�ำเป็น 2 จังหวะให้นับเป็น 1 and 2 and 3 and 4 and และเขบ็ต 2 ช้ัน
คือแบ่งเขบ็ต 1 ช้ันไปอีกเท่าตัวคือให้นับเป็น 1 eh and a 2eh and a 3 eh
and a 4 eh and a ดังนั้น ถ้าใน 1 นาที มี 60 Beat หรือ 60 ตัวด�ำ จะมี
โน้ตเขบ็ต 1 ช้ัน 120 ตัว มีเขบ็ต 2 ชั้น 240 ตัว

60

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

CHAPTER 6
เริ่มฝึกตีกลอง Snare Drum

61

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

เร่ิมฝึกตีกลอง Snare Drum

การตีกลอง Snare ให้ดีนั้นผู้เล่น จะต้องเรียนรู้จัก การควบคุมน�้ำหนัก
การตี และควบคุมจังหวะ การกระดอน (Rebound) ของไม้ ท้ังมือซ้าย และ
มือขวา ให้ช�ำนาญ และ เกิดความคล่องตัว ไม่เกรง ก็จะท�ำให้ ตีกลองได้ดี
ข้อส�ำคัญเราต้องฝึก แบบฝึกหัดพื้นฐาน เป็นประจ�ำ กับเคร่ืองก�ำหนดจังหวะ
พร้อมท้ังฟังเสียง และควบคุมน้�ำหนัก การตีทั้งดังเบา ให้คมชัดตลอดเวลา
แล้วค่อย ๆ เพ่ิมความเร็ว ข้ึนเร่ือย ๆ จนช�ำนาญ แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่า
ต้องควบคุมน�้ำหนัก และ การ Rebound ของทั้งสองมือ ให้ดีเสมอ

62

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง
แบบฝึกหัดแนะน�ำพื้นฐานการตี Snare Drum เพ่ือควบคุมการใช้มือท้ังสองข้าง

การเล่นแสนร์ให้ล่ืนไหล ด้วย Dynamic
แสนร์น้ัน เป็นกลองที่มีความส�ำคัญมากของคนเล่นกลองชุด และหาก
แสนร์ทใ่ี ชม้ เี สียงที่ดแี ลว้ ก็จะทำ� ให้การเล่นออกมาดีดว้ ย แต่ว่าสง่ิ ส�ำคญั นัน้ ก็
อยู่ท่ีผู้เล่นของเรานั่นเองว่า ต้องการให้เสียงแสนร์ออกมาส�ำเนียงอย่างไร มี
น้�ำหนัก ความหนัก ความเบา ความดัง เท่าไร ซึ่งก็จะขอแนะน�ำเทคนิคการ
เล่นแสนร์ในแบบต่างๆ ครับ
ส�ำหรับค�ำว่า Dynamic นั้น ก็คือการเล่นให้มีความหนักเบาท่ีต่างกัน
ออกไปในเพลงท่ีเราเล่น ท�ำให้เพลงออกมาน่าฟัง ไม่ใช่แข็งทื่อ ฟังแล้วไม่ได้
อารมณ์ หรืออาจจะอัดแสนร์อย่างเดียว ท�ำให้คนฟังร�ำคาญหูก็เป็นได้
ดังน้ันเมื่อเราเปล่ียนรูปแบบการเล่นแสนร์ ก็จะท�ำให้เสียงท่ีออกมา
แตกต่างออกไปมากทีเดียว เราลองมาดูกันนะครับว่า เราสามารถเล่นแบบ
ไหนได้บ้าง

63

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

Rim shot – คอื การตีทหี่ นงั แสนร์ และขอบแสนรไ์ ปพร้อมๆ กัน เสียง
ท่ีได้ก็จะเน้นหนัก ชัดเจน โดยเฉพาะเพลงจังหวะเร็วๆ เล่นแบบน้ีเต้นกันมันส์
เลยทีเดียว
Normal Note – อันนี้คือการตีตามปกติที่หนังแสนร์เพียงอย่างเดียว
ก่อนตีไม้กลองอยู่ห่าง จากหนังประมาณ 4 – 6 น้ิว ซ่ึง อันนี้ก็ยังมีการเล่น
แบ่งออกไปอีก เช่น Full stroke, Half stroke

64

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

Ghost Note – อันนี้คือการตีเบาๆ ท่ีหนังแสนร์ โดยก่อนตีไม้กลอง
จะห่างจากหนังประมาณซัก 1 น้ิว ส่วนใหญ่จะเล่นหลังจากท่ีเล่นจังหวะเน้น
ไปแล้ว ถ้าอธิบายง่ายๆ ก็เหมือนกับเสียง Eco ท่ีมันค่อยๆ เบาลง

Cross Stick หรือเรียกว่า Rim Click อันน้ีเป็นการวางไม้ลงที่หนัง
แสนร์ แล้วยกไม้เคาะกับขอบแสนร์ เชน่ เพลงเพือ่ นสนทิ ของ Endorphin ถา้
หาต�ำแหน่งได้ดีๆ ไม้กลองดีๆ แสนร์ดีๆ เสียงออกมาน่ีหวานใสมากเลยครับ

65

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

หลังจากได้วิธีการเล่นแสนร์เบ้ืองต้นไปแล้ว ก็ลองไปฝึกเล่นดูนะครับ
จะท�ำให้เพื่อนๆ เพิ่มลูกเล่น ส�ำเนียงแสนร์ได้มากทีเดียว

66

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

CHAPTER 7
การเหยียบกระเด่ือง Bass Drum

67

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

การเหยียบกระเด่ือง Bass Drum

วิธีการเหยียบกระเดื่องกลองใหญ่ ให้วางเท้าลงบนกระเด่ือง กดปลาย
เทา้ ลงบนกระเด่ืองแลว้ รีบ ยกปลายเท้าขน้ึ โดยใหส้ นั เท้าตดิ อย่กู ับที่ กระเดือ่ ง
จะเด้งติดตามปลายเท้ามาโดยอัตโนมัติ วิธีนี้ใช้ส�ำหรับการบรรเลงจังหวะ
ธรรมดา ต้ังแต่จังหวะช้าๆ จนถึงจังหวะค่อนข้างเร็ว ส่วนจังหวะเร็วและ
ต้องการเสียงกลองหนักแน่นให้ยกขาข้ึนแล้วใช้ปลายเท้ากดลงบนกระเดื่อง
โดยให้น�้ำหนักอยู่ท่ีปลายเท้า แล้วรีบยกขาข้ึนอย่างเร็ว ต้องการความเร็ว
ขนาดไหน ก็ให้ชักเท้าข้ึนและกดปลายเท้าลงตามท่ีต้องการ วิธีน้ียังใช้ส�ำหรับ
การรัวกลองใหญ่ได้อีกด้วย

68

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

CHAPTER 8
การเล่น Hi-Hat ให้ได้ Dynamic

69

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

การเล่น Hi-Hat ให้ได้ Dynamic

การเล่น Hi – Hat น้ัน มีผลต่อเสียงท่ีออกมาโดยรวมของกลองมาก
และบางครั้งก็แสดงอารมณ์ในช่วงของเพลงได้เป็นอย่างดี
การเล่น Hi – Hat ด้วยเทคนิคท่ีต่างออกไป เสียงท่ีออกมาก็จะแตก
ต่างไปด้วย และท�ำให้บทเพลงมีชีวิตชีวามากข้ึน
เราลองมาดูวิธีการเล่น Hi – Hat กันครับ

70

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

Closed Hi – Hat ; วิธีน้ีคือการเหยียบแป้นเหยียบของขาตั้ง Hi –
Hat ให้สุด ซ่ึงเหมาะกับการเล่นจังหวะธรรมดา หรือเบาๆ
Open Hi – Hat ; การเปิด Hi – Hat คือการปล่อยให้ Hi –Hat ทั้ง
บนและล่างแยกออกจากกัน โดยการยกเท้าขึ้นจากแป้นเหยียบของขา Hi –
Hat การเล่นแบบน้ีใช้กันบ่อย เช่น จังหวะส่ง, จังหวะยก (Upbeat) เป็นต้น
Sizzle – การเปิด Hi – Hat นิดหน่อย คือยังเหยียบแป้นเหยียบอยู่
แต่ปล่อยให้ Hi – Hat แยกกันนิดหน่อย เสียงท่ีได้จะยาว ส่วนใหญ่จะใช้ใน
ท่อน Hook หรือท่อนท่ีต้องการจังหวะสนุก
Alternating Hi – Hat การตีโดยใช้ปลายไม้สลับกับคอไม้ เทคนิค
น้ีถ้าฝึกได้จะตีกลองได้ไพเราะมากครับ เช่นจังหวะ 8 beat ปกติจะเล่น Hi
hat ปิดท้ังหมด 8 จังหวะ เราก็เปลี่ยนมาเป็น จังหวะแรกคอไม้ จังหวะที่สอง
ปลายไม้ … สลับกันไปเรื่อย เสียงท่ีได้ก็จะล่ืนไหล ได้ความหนักเบาครับ

71

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

ภาพท่ี 1 การตีโดยใช้คอไม้

ภาพท่ี 2 การตีโดยใช้ปลายไม้
72

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

CHAPTER 9
Stroke คืออะไร

73

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

Stroke คืออะไร ?

ตาม Dictionary แล้ว
Stroke อ่านว่า สะ - โตรก แปลว่า การตี การเฆี่ยน การตีลูกบอล
ถ้าใช้ในการเล่นกลอง stroke ก็คือ การตีไปที่กลองนั่นเอง
ดังนั้น การควบคุม Stroke จึงเป็นกุญแจส�ำคัญในการเล่นกลอง โดย
มีความสัมพันธ์กับอวัยวะของผู้เล่นดังนี้
แขน – การใช้แขนน้ัน เสียงที่เล่นออกมา จะมีความหนักหน่วง มีพลัง
รุนแรง และเสียงท่ีดัง
ข้อมือ – ให้เสียงที่ดัง แต่ไม่เท่ากับใช้ท้ังแขน แต่จะได้ความเร็วเพ่ิมข้ึน
น้ิว – จะได้ความเร็วในการเล่น แต่เสียงที่ได้จะเบา

74

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

ในการเล่นจริงๆ น้ัน ก็จะใช้ท้ัง 3 ส่วนผสมกัน ท้ังน้ิว ข้อมือ และแขน
แต่ถ้าหากต้องการความเร็ว
การเคลื่อนไหวของ แขน ก็จะลดลง และใช้กล้ามเน้ือที่เล็กลง คือ ข้อ
มือและนิ้ว ก็จะได้ ความเร็ว เพ่ิมข้ึนนั่นเอง
ดังน้ันผู้เล่นกลอง จึงต้องฝึกฝนการควบคุม Stroke ในแบบต่างๆ เพื่อ
ให้ได้เสียงท่ีออกมามีความหนักเบา
ในตอนน้ีก็จะมาเรียนรู้กันว่า Stroke ในการตีกลองนั้น มีก่ีแบบกันครับ
การใชแ้ ละควบคมุ ไมก้ ลองนนั้ เปน็ ศลิ ปะของผเู้ ลน่ กลองทกุ คน ทจ่ี ะตอ้ งศกึ ษา
ฝึกฝน เพื่อให้ได้เสียงที่ออกมาดีท่ีสุด ซึ่งการใช้ไม้กลองตีกลองลงไปนั้น ก็จะ
มีอยู่ 3 แบบในเบื้องต้นคือ
Full Stroke
ฟูล สโตรก (Full stroke ) นั้น เป็นการเล่นที่ให้ท้ังพลัง และเสียงที่ดัง
แต่ความเร็วจะลดลงเน่ืองจากต้องใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่
การหัด Full Stroke ท�ำได้ดังน้ี

75

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

จับไม้โดยใช้แบบ Match Grip หรือ Traditional Grip แล้วแต่ถนัด
อยู่ในท่าปกติ (ฝร่ังบางคนเรียกท่าเริ่มต้นว่า Home Position)

เหน่ียวไม้ข้ึนจนไม้เกือบต้ังฉากกับพ้ืน ให้กล้ามเน้ือข้อมือรู้สึกตึงๆ จาก
นั้นฟาดไม้ลงไปท่ีแป้นฝึก กลอง หรือหนังสือตรงหน้า แบบเต็มๆ ถ้าหากจับ
ไม้ที่จุดสมดุลและไม่แน่นหรือหลวมเกินไป ด้วย แรงสะท้อน (Rebound) จะ
ท�ำให้ไม้กลับมาอยู่ต�ำแหน่งเดิมได้
การทดสอบว่าท�ำถูกต้องหรือไม่ ?
การฝึกท่ีถูกต้องน้ัน ไม้ท่ีสะท้อนกลับ ต้องมาจากแรงสะท้อน (Re-
bound) ไม่ใช่มาจากการยกไม้ขึ้น พูดง่ายๆ ก็เหมือนกับการเลี้ยงลูกบาสเก็
ตบอล เราแค่ตีลูกบาสลงไป แล้วมันก็จะเด้งกลับมาเข้ามือเราเอง ปลายไม้
กลองก็เช่นกัน เราก็แค่โยนมันลงไปที่กลอง เด๋ียวมันก็จะเด้งกลับมาเอง

76

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

Half Stroke
ฮาฟ สโตรก (Half Stroke) น้ัน เป็นการเล่น ท่ีให้เสียงดังลดลงจาก
Full Stroke แต่จะเพ่ิมความเร็วขึ้น
การหัด Half Stroke ท�ำได้เหมือนกับ Full stroke ต่างกันท่ี จุดเร่ิม
ต้นของปลายไม้ จะห่างจากหนังกลอง ประมาณ 4 นิ้ว

Low Stroke
การเลน่ โลว สโตรก (Low stroke) เสยี งทไี่ ดจ้ ะเบาทส่ี ดุ แตจ่ ะไดค้ วามเรว็
ท่ีสุดด้วย
การหัด Low Stroke ก็ท�ำเช่นเดียวกับ Full Stroke แตกต่างกันเพียงจุด
เร่ิมต้นของปลายไม้ ท่ีจะห่างจากหนังกลองประมาณ 1- 2 น้ิวเท่าน้ัน

หลงั จากทไ่ี ดท้ ราบกนั ไปแลว้ ในเรอ่ื งการควบคมุ สโตรก กห็ วงั วา่ เพอื่ นๆ
คงน�ำไปหัดกันต่อไปนะครับ
ถ้าหากเราควบคุม stroke ของเราได้ดีแล้ว การเล่นก็จะดีตามไปด้วย
นักกอล์ฟ ก็ต้องหัดวงสวิงทุกวันถึงจะเก่ง มือกลองก็ต้องซ้อมหวดทุกวันเช่น
กันครับ

77

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

หัวใจของการเล่นกลอง
หากจะใหน้ ยิ ามคำ� วา่ ดนตรี คอื การแสดงออกของมนษุ ย์ ทจ่ี ะนำ� เสยี ง
ต่างๆ มาเรียงกันไว้ในเวลา ก็คงไม่ผิดนัก
ดังนั้นอาจจะพอสรุปได้ว่า ส่วนประกอบที่ส�ำคัญของดนตรี ก็คือ เสียง
(Tone) และเวลา (Time) ธรรมชาติของกลอง จัดเป็นเคร่ืองดนตรีประเภท
เครื่องเคาะ (Percussion) ท่ีมีความสัมพันธ์กับเวลาเป็นอย่างมาก คือ เป็น
เครื่องดนตรีที่ให้จังหวะ (Rhythm) กับเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ เพราะฉะนั้น
บางคนจึงบอกว่า
ถ้ามือกลองล่ม วงก็ล่มตามไปด้วย
ถ้าหากลองเปรียบเทียบการเล่นกลอง เป็นการเต้นของหัวใจ หรือ
ชีพจร (Pulse) จะพบว่า มนุษย์เรานี้ หากอยู่ในสภาวะปกติ อัตราการเต้น
ของชีพจร ก็จะสม�่ำเสมอ คือ ประมาณ 72 คร้ัง/นาที และมันก็รักษาระดับ
การเต้นไว้ได้อย่างดี

ดังน้ันมือกลองก็อาจจะเปรียบเสมือนหัวใจของ
วง (ขนาดเล็ก) ต้องเป็นผู้ควบคุมจังหวะการเล่นของ
ทุกคนในวงให้ออกมาสม�่ำเสมอเช่นเดียวกัน
ดังนั้นมือกลองที่ดี จะต้องฝึกการควบคุม
จังหวะให้ได้ ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องมือที่ใช้ฝึกอยู่
มากมาย โดยเฉพาะอย่างย่ิง เครื่องเคาะจังหวะ
(Metronome) เป็นเคร่ืองที่ช่วยเคาะจังหวะให้กับผู้
เล่นในอัตราเร็วที่คงที่ ท�ำให้มือกลองฝึกควบคุมจังหวะ
จนชนิ เมอ่ื ไม่ไดใ้ ช้เครอ่ื งกย็ งั สามารถจะควบคมุ จงั หวะ
ได้เหมือนกับมี เมทรอโนม, นาฬิกาอยู่ในตัวนั่นเอง

78

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

CHAPTER 10
ฝึกแยกประสาทการตีกลองชุด

79

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

ฝึกแยกประสาทการตีกลองชุด

ก่อนจะไปพูดถึงขั้นตอนการฝึก จะมาท�ำความเข้าใจกันก่อนว่า การฝึก
แยกประสาทหรือในวงการมือกลองอาชีพเค้าเรียกกันว่า Limb independ-
ence practice ซึ่งเกี่ยวกับการฝึกร่างกายให้แยกการท�ำงานออกเป็น 4 ส่วน
(ส�ำหรับการตีกลอง) ก็คือ เท้าขวาส�ำหรับเหยียบกระเด่ืองเพื่อเล่นกลองใหญ่
เท้าซ้ายส�ำหรับเหยียบ hi-hat pedal หรือกระเด่ืองอีกตัวส�ำหรับกลองชุด
ประเภท double bass และ สองมือส�ำหรับตีกลองชุด ชิ้นต่าง ๆ การฝึก
limb independence นั้นจะท�ำให้คุณตีกลองได้หลากหลายจังหวะ โดยไม่
จ�ำเป็นต้องโฟกัสไปที่การตีกลองชุดช้ินใดช้ินหน่ึงเป็นหลัก ท่ีน้ีไปดูกันทีละข้ัน
ตอนกันได้เลย

80

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

1. ฝึกพ้ินฐานของการตีกลองสแนร์
เคยจ�ำกันได้ม้ัยกับภาพยนตร์ไทยเรื่อง Season Change ในฉาก
ที่พระเอกหนุ่มผู้ชื่นชอบการตีกลองชุดก�ำลังสอบเข้าเรียนที่ วิทยาลัย
ดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล คุณครูบอกให้ตีแพทเทรินของ Single
Stroke Roll ไอเจ้า Single Stroke และ Double Stroke เป็นสิ่งท่ีก�ำลังจะ
พูดถึง ซึ่งมันเป็นพ้ืนฐานของการตีกลองเลยก็ว่าได้ หากคุณเข้าใจและฝึกได้
มันจะเป็นส่วนส�ำคัญในการฝึกแยกประสาทในการตีกลอง
SINGLE STROKE
Single Stroke คือการตีกลองโดยแต่ละมือจะลงไม้ 1 ครั้ง สลับกันไป
สามารถแยกได้เป็น 2 ลักษณะคือ Close Shot และ Open Shot ซึ่ง การ
ตีกลองแบบ Close Shot คือหลังการตี ให้กดข้อมือเพ่ือบังคับให้หัวไม้หยุด

81

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

ให้ไวที่สุด ไม่ปล่อยให้ไม้กลองเด้งข้ึนมา ส่วนใหญ่จะใช้ในการตีเพลง rock
ท่ัวๆ ไป การตีแบบ Open shot ก็คือการปล่อยให้ไม้กลองเด้งขึ้นมาและ
บงั คบั ใหไ้ มก้ ลองคา้ งไว้ วธิ กี าร single stroke ควรฝกึ จากชา้ ๆ กอ่ นแลว้ คอ่ ยๆ
ขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆ และควรมี Metronome ไว้ช่วยนับจังหวะให้
DOUBLE STROKE

Double Stroke คือการตีกลองท่ีลงน�้ำหนักเพียง 1 ครั้งแต่ได้เสียง
2 ครั้งจากการเด้งกลับของหัวไม้ การตี double stroke น้ันยากกว่า single
stroke ตรงท่ีคุณต้องบังคับให้ไม้กลองเด้งกลับไปท่ีหน้ากลองอีกครั้งหลังจาก
มันเด้งย้อนข้ึนมา เป็นการบังคับข้อมือให้กดไม้ลงหลังจากการเด้งคร้ังแรก
แนะน�ำว่าควรฝึกจากช้า ๆ และควรฝึกหลังจากตีกลองแบบ single stroke
คล่องแล้ว การตี double stroke ก็มี 2 ลักษณะคือ แบบ Close shot และ
Open shot เหมือนกับ single stroke เลย
หลักส�ำคัญคือการตีกลองทั้งสองลักษณะน้ี ควรฝึกจากช้าๆ แล้ว
ค่อยๆ เพ่ิมจังหวะขึ้น และควรมี Metronome ไม่คอยช่วยจับจังหวะให้ด้วย
หากคุณสามารถฝึกตีกลองท้ังสองรูปแบบได้จนคล่อง ในภายหลัง ไม่ว่าจะ
เป็นการตีกลองด้วยแพทเทินแบบไหน จะเป็น triple จะเป็น quadruple
stroke ก็สบายหมด

82

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

2. ฝึกแยกประสาทเท้าซ้ายจากมือ
มาถึงช่วงน้ี คุณคงรู้สึกเหมือนการเกาหลังไป เกาขาไป ซ่ึงเกายังไงก็
ไม่หายคัน เพราะเกาไม่ถึง การฝึกตีกลองก็เหมือนกัน มันคือการฝึกส่ิงที่ซับ
ซ้อน และท�ำหลายๆ สิ่งพร้อมกัน จากการตีกลองโดยแยกมือทั้ง 2 ออกจาก
กัน คราวน้ีคุณต้องแยกเป็น 3 ส่วน เป็น 4 ส่วน พร้อมๆ กัน ส่วนหน่ึงท�ำ
อย่างหน่ึง แล้วอีกหลายๆ ส่วนก็ท�ำหน้าที่ของมันไป นี่แหละการตีกลองชุด
การฝึกแยกประสาทเท้าออกจากกัน และแยกออกจากมือน้ัน ใช้ระยะ
เวลานาน แม้แต่มือกลองอาชีพกว่าจะ่ผ่านช่วงน้ีก็ใช้เวลาเช่นกัน คุณต้องใช้
ความอดทนมากๆ ส�ำหรับขั้นตอนน้ี วิธีการคือ การนับจากท่ีคุณคุ้นเคยก็คือ
การนบั ตวั โนต้ เขบต็ ซงึ่ ทจ่ี ะเพมิ่ มาในขนั้ ตอนนคี้ อื ทกุ ๆ ตวั โนต้ คณุ ตอ้ งใชเ้ ทา้
ซ้ายเหยียบ hi-hat pedal เพ่ือเล่น close hi-hat ส�ำหรับจังหวะลง และ เล่น
open hi-hat ตอนจังหวะยก แต่อย่าพ่ึงคิดว่าสบายไป มือขวาต้องพยายาม

83

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

ตีให้เข้ากับอย่างใดอย่างหน่ึงของจังหวะ hi-hat จะเป็น close หรือ open
ก็ได้ โดยที่ตัวโน้ตสุดท้ายของชุด 8th note ให้ลงท่ีฉาบไรด์ หรือฉาบแคลช
หากคุณมี

3. ฝึกตีกลองใหญ้ให้คล่อง
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายของการฝึกชุด limb independence แล้ว ก็คือ
เท้าขวา สิ่งท่ีคุณต้องท�ำก็คิอ พยายามฝึกเล่นเท้าขวาอย่างเดียวก่อน ด้วย
จังหวะหลายๆ แบบ หลังจากน้ันพยายามฝึกให้เข้ากับส่วนอ่ืนๆ ในจังหวะ
หลักๆ
ทริคท่ีง่ายท่ีสุดคือ ไม่ต้องไปกังวลว่าจะตีกลองผิดตีกลองถูก พยายาม
บงั คบั ส่วนอ่ืนๆ นอกจากเทา้ ขวาให้แมน่ กอ่ น ยิ่งคณุ ฝึกมากเท่าไหร่ คณุ จะเก่ง
ขนึ้ จะคลอ่ งขน้ึ เรอื่ ยๆ เอง ใหก้ ลา้ มเนอื้ มนั จดจำ� เพยี งแคค่ ณุ ไมถ่ อดใจไปกอ่ น
วันหน่ึงคุณจะรู้สึกว่า มาถึงจุดน้ีได้อย่างไร หากคุณยังคงไม่คล่อง พยายาม

84

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

แยกว่าแต่ละจังหวะ คุณต้องตีชิ้นไหนบ้าง ค่อยๆ ผสมเข้าไปทีละข้าง แค่นี้
คุณก็ฝึกไปได้ไกลกว่าคนอื่นแล้ว
จบกันไปอีกขั้นตอนส�ำหรับการตีกลองด้วยตนเอง ตอนหน้าจะเป็นขั้น
ตอนสุดท้ายในชุดน้ีแล้ว น่าจะเป็นตอนที่โหดที่สุดส�ำหรับการฝึกตีกลองชุด
ด้วยตนเอง ส�ำหรับมือใหม่แล้ว โปรดอย่าลืมว่าการตีกลองชุด เป็นทักษะ ซ่ึง
หมายความว่ามันฝึกได้ และไม่มีใครเป็นมาต้ังแต่เกิด คุณเองก็ตีกลองให้เก่ง
ได้ หมั่นฝึกบ่อยๆ นะครับ

85

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง
86

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

CHAPTER 11
ฝึกยากให้ง่าย

87

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

1. ฝึกตีกลองในจังหวะโน้ตสามพยางค์ (Triplets)
โน้ตสามพยางค์ คือ โน้ตท่ีมี 3 ตัว ถูกก�ำหนดให้มีจังหวะเท่าโน้ตสอง
พยางค์ ( 2 ตัว ) วิธีตีนับก็คือใน 1 ห้องจะเป็นการนับแบบ one-and-a-two-
and-a-three-and-a-four-and-a-one ไม่ว่าจะตีจังหวะโน้ตเขบ๊ต 1 ช้ัน (8th
note) หรือ 2 ช้ัน (16th note) ก็ไม่ต่างกันคือ ใน 1 ตัวโน้ต จะมี 3 พยางค์
การตีกลองในจังหวะโน้ต 3 พยางค์ จริงๆ แล้วมักไม่ค่อยพบในเพลง
ร็อคหรือป๊อปซักเท่าไหร่ การตีกลองลักษณะนี้มักพบในการเล่นวงดุริยางค์
หรือวงออเครสตร้าซะเป็นส่วนมาก แต่ก็มีบางเพลงที่ใช้อยู่เหมือนกัน การตี
ลักษณะนี้จึงจ�ำเป็นต้องรู้จักเป็นอย่างน้อย หากคุณเจอเพลงท่ีใช้การเล่นโน้ต
3 พยางค์ก็จะได้เข้าใจและฝึกตีได้ ถือเป็นพื้นฐานทางดนตรีอีกอย่างหน่ึงเช่น
กัน
ในช่วงแรกพยายามใช้ Metronome ช่วยนับจังหวะให้ก่อน เพราะโดย
ส่วนใหญ่ผู้ที่เร่ิมต้นมักจะงงกับจังหวะแบบนี้ เริ่มจากช้าๆ แล้วไปเร็ว

88

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

2. ฝึกตีกลองชุดกับโน้ตเขบ็ต 2 ชั้น (16th note)
การตีกลองกับโน้ตเขบ็ต 2 ช้ัน (16th note) ก็คือการตีกลอง 4 ครั้ง
ต่อ 1 จังหวะ หาก 1 ห้องมี 4 จังหวะ ก็คือการตีกลอง 16 คร้ังน่ันเอง จ�ำ
ง่าย ๆ คุณเองอาจเคยฝึกตีกลองในส่วนนี้อยู่แล้ว จากขั้นตอนท่ีผ่าน ๆ มา
แต่คร้ังน้ี จะให้คุณลองเล่นโน้ต 3 พยางค์กับโน้ตเบข็ต 2 ช้ัน ซึ่งการนับจะ
เป็น one-e-and-a-and-e- two-e-and-a-and-e- three-e-and-a-and-e-
four-e-and-a-and-e-one

3. ฝึกตีกลองกับโน้ตเบข็ต 3 ชั้น (32th note)
การตีกลองกับโน้ตเขบ็ต 3 ช้ัน (32th note) ก็คือการตีกลอง 8 ครั้ง
ต่อ 1 จังหวะ หาก 1 ห้องมี 4 จังหวะ ก็คือการตีกลอง 32 คร้ัง ฟังแล้วอาจ
ดเู หมอื นยาก วธิ กี ารฝกึ ตกี ลองแบบนเี้ รมิ่ ตน้ โดยทค่ี ณุ ตอ้ งคลอ่ งกบั การตเี ขบต็
2 ช้ันมาก่อนแล้ว การนับจะเป็นลักษณะนี้ (ทบทวนเขบ็ต 2 ช้ันก่อน) one-
e-and-a-two-e-and-a-three-e-and-a-four-e-and-a-one ให้คุณลองหัด
ตีกลองกับ hi-hat ก่อน เพราะจริง ๆ แล้วการตีจังหวะนี้พบในการตี hi-hat
ซะเป็นส่วนมาก รองลงก็คือกลองแต๊ก การฝึกตีคือ คุณฝึกตีจังหวะโน้ตเขบ็ต
2 ชั้นด้วยการใช้มือขวาอย่างเดียว พอเริ่มเข้าที่แล้ว ให้ลงไม้มือซ้ายเข้าไป
ตอนที่ยกมือขวาขึ้น ก็จะเป็นการเล่นโน๊ตเขบ็ต 3 ช้ันแล้ว

89

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

การตีกลองกับโน้ตเขบ็ต 3 ช้ันน้ันถือว่ายากพอสมควร แต่หากคุณ
เข้าใจได้ในตอนเร่ิมต้น มันจะช่วยให้คุณเรียนรู้การตีกลองในจังหวะที่ซับซ้อน
ได้ง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก ควรฝึกซ้อมให้คล่อง แล้วลองย้ายไปฝึกตีกลองกับ
กลองแต๊กดู คุณจะเริ่มจับน�้ำหนักได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม และส�ำคัญ อย่าลืมใช้
Metronome ช่วยนับจังหวะในตอนฝึกซ้อมทุกครั้ง

4. ฝึกปรับ Metronome ให้เข้ากับการฝึกซ้อม
จริงๆ แล้วข้อน้ีควรจะย้ายไปอยู่ในขั้นตอนแรกๆ แต่ไม่เป็นไร คิดว่า
คณุ คงเรม่ิ เขา้ ใจการใชม้ นั ในตอนแรกๆ อยแู่ ลว้ ดงั นนั้ ขอ้ นจี้ ะเปน็ การยำ้� เตอื น
ว่า ทุกๆ คร้ังที่คุณฝึกตีกลองชุด อย่าลืมใช้ Metronome ช่วยนับจังหวะ โดย
ทุกติ๊ก หมายถึง 1 จังหวะ การเล่ือนตัวถ่วงลงหมายถึงให้นับจังหวะไวขึ้น
เล่ือนข้ึนหมายถึงช้าลง การฝึกตีกลองทุกคร้ัง ต้องเริ่มจากช้าไปเร็วทุกครั้ง
และในข้อ 1 – 3 ของข้ันตอนนี้ จ�ำเป็นอย่างยิ่งท่ีคุณต้องมี Metronome ไว้
ช่วยนับ เพ่ือให้คุณแม่นจังหวะข้ึน

90

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

5. ท�ำความคุ้นเคยกับจังหวะเงียบเสียง (Rest)
จงั หวะเงยี บเสยี งหรอื Rest คอื การเงยี บเสยี งในดนตรี ดนตรไี มไ่ ดม้ แี ต่
เสียงหรือโน้ตท่ีเปล่งออกมาแค่อย่างเดียว ยังมีการเงียบเสียงท่ีมีความส�ำคัญ
มาก ๆ รวมอยู่ด้วย เพราะการเงียบเสียง หรือการไม่เล่นก็คือส่วนประกอบ
หลักของดนตรีเหมือนกัน ซ่ึง Rest ก็มีเหมือนโน้ตท่ัวไป ดูตามรูป (ใช้ time
signature เป็น 4/4)

Whole Rest : ม่ีค่าสัดส่วนเท่ากับ Whole Note คือ 4 Beat หรือ
4 จังหวะ น่ันคือการเงียบเสียง หรือ หยุดเล่นไป 4 จังหวะใน 1 ห้องน่ันเอง
(สัญลักษณ์ จะเป็นเส้นขีดทึบอยู่ใต้เส้นบรรทัดท่ี 4 ดังรูป)
Half Rest : มี่ค่าสัดส่วนเท่ากับ Half Note ครับ คือ 2 Beat หรือ
จังหวะ น่ันคือการเงียบเสียง หรือ หยุดเล่นไป 2 จังหวะ โดยท่ีใน 1 ห้อง
สามารถมี Half Rest ได้ 2 น่ันเอง (สัญลักษณ์ จะเป็นเส้นขีดทึบอยู่บนเส้น
บรรทัดท่ี 3 ดังรูป)
Quarter Rest : มี่ค่าสัดส่วนเท่ากับ Quarter Note ครับ คือ 1 ตัวมี
ค่า 1 Beat หรือ 1 จังหวะ นั่นคือการเงียบเสียง หรือ หยุดเล่นไป 1 จังหวะ

91

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

ใน 1 ห้องสามารถมี Quarter Rest ได้ 4 ตัว (สัญลักษณ์ จะเป็นดังรูป)
Eighth Rest : มี่ค่าสัดส่วนเท่ากับ Eighth Note ครับ คือ 1 ตัวมีค่า
คร่ง Beat หรือ ครึ่ง จังหวะ (2 ตัว = 1 บีท) นั่นคือการเงียบเสียง หรือ ใน
1 ห้องสามารถมี Eighth Rest ได้ 8 ตัว (สัญลักษณ์ จะเป็นดังรูป)
ในการฟังเพลง หากคุณลองฟังดี ๆ จะมีการหยุดตี หรือโน๊ต Rest อยู่
เป็นจ�ำนวนมาก ที่ค่ันอยู่ในจังหวะ fill in ของการเล่นกลองชุดบ่อย ๆ

6. ฝึกตีกลองจากการผสมผสานระหว่างโน้ตธรรมดากับโน้ต rest
จุดส�ำคัญที่คุณต้องฝึกให้ได้ก็คือ การตีกลองชุดท่ี ไม่ว่าจะใช้มือไหนตี
ก็ได้เสียงออกมาเหมือนกัน เพราะการมีโน้ต rest เข้ามาจะท�ำให้การใช้มือ
สลับกันบ่อยคร้ังในการเล่นกลองชุด ดังน้ัน คุณต้องเริ่มท�ำความเข้าใจกับการ
ตีกลองชุดขั้นตอนนี้ วิธีการฝึกน้ันไม่ยากจนเกินไป เวลาคุณตีกลองให้ลองหา
โน้ตกลองจากเพลงง่ายๆ ซัก 2 – 3 เพลงมาลองฝึก ย่ิงเพลงที่มีการใช้โน้ต
rest เยอะๆ ย่ิงดี แต่ต้องเป็นเพลงง่ายๆ ไม่งั้นคุณจะงงมาก ส�ำคัญสุด ย�้ำทุก
ครั้ง ต้องมี Metronome ช่วยนับจังหวะด้วย

92

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

7. รู้จักกับลูกส่งกลอง (Fill in)
ลูกส่งกลอง (Fill in) คือการมีลูกเล่นเพิ่มเติมจากจังหวะปกติ ก่อนจะ
สง่ หอ้ งถดั ไป วงึ่ จะชว่ ยใหเ้ พลงดมู มี ฟู เมน้ ตม์ ากขน้ึ ดงั นนั้ คณุ อาจตอ้ งลองฝกึ
ตีกลองชุดจังหวะ ifFill in ในหลายๆ รูปแบบ แต่คงเป็นส่วนท้ายๆ ของการ
ฝึกตีกลองชุดในช่วงเร่ิมต้น เพราะการตี ifFill in น้ันมักจะถูกใส่อยู่ในหลักสูตร
ขั้นกลาง หรือขั้นสูงข้ึน ในหลักสูตรตีกลองชุด ตามโรงเรียนมาตรฐานทั่วไป
ในข้ันตอนนี้ คุณแค่ท�ำความรู้จักไว้ แล้วลองตีตามเพลงท่ีคุณชอบดูก่อนก็ได้
ก่อนท่ีจะไปเรียนรู้ในระดับที่สูงข้ึน
สุดท้ายคงไม่มีอะไรจะมากกว่าไปกว่า ขออวยพรให้คุณ ส�ำเร็จในการ
เริ่มต้นตีกลองชุด หวังว่า บทความชุดน้ี จะช่วยย่นย่อระยะเวลาในการฝึกตี
กลองชุดของคุณให้ส้ันลง และสามารถเตรียมความพร้อมให้คุณไปสู้บทเรียน
ตีกลองท่ียากข้ึนไปได้

93

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง
94

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

CHAPTER 11
แบบฝึกหัดการ Warm Up

95

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

แบบฝึกหัดการ Warm Up

แบบฝึกหัดข้อ 1-5 เราจะเล่น Sixteenth Notes บนสแนร์พร้อมกับ
มีเน้นตามจังหวะต่างๆ โดยจุดท่ีน่าสนใจจะอยู่ที่ต�ำแหน่งของมือท่ีถูกก�ำหนด
มาให้ ซึ่งจะมีทั้ง Single Stroke, Double Stroke และ Paradiddle รวมอยู่

96

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

แบบฝึกหัดการ Warm Up

97

ฝึกกกาลรเอล่นงชุด ด้วยตนเอง

Diddle Warm Ups (ของ Owen Goldman) จริงๆ แล้วมันก็คือ
Double Stroke แหละครับ แต่มันไม่ได้เล่น Double ต่อเนื่องกันทุกโน้ต จะ
มีเพียงแค่บางจังหวะเท่าน้ัน โน้ตที่แบบฝึกหัดให้มาส่วนใหญ่จะเป็นโน้ตเขบ็ต
สองชั้น (Sixteenth Note) จะมีข้อ 9-11 ท่ีใช้โน้ตสามพยางค์ (Triplet Note)
ส่วนตรง Diddle นั้น ในข้อ 1-8 เป็นโน้ตเขบ็ตสามชั้น (Thirty Second
Note) และข้อ 9-11 ตรง Diddle เป็นโน้ตเขบ็ตสองช้ันของโน้ตสามพยางค์
ในการฝึกน้ันถ้าโน้ตเราเป็นเขบ็ตสองช้ันให้นับเหมือนเดิมคือ
1e&a2e&a3e&a4e&a ตรงไหนที่เป็น Diddle ก็ให้ตีลงไปแล้วปล่อยให้ไม้
กระเด้งให้ได้สองคร้ัง (Double Stroke) แต่ถ้าโน้ตเป็นสามพยางค์ก็ให้นับว่า
1&a2&a เป็นต้น
แบบฝึกหัดข้อ 1-4 แต่ละข้อให้ฝึกวนไปวนมาจนคล่อง โดยมี
เมโทรนอมเป็นตัวก�ำหนดความเร็ว 80-160
แบบฝกึ หดั ขอ้ 5-7 จะเปน็ หนงึ่ หอ้ งเตม็ วธิ ฝี กึ ใหเ้ ลน่ ซำ้� ไปมาจนกระทง่ั
เราควบคุมข้อมือและน้ิวจนคล่อง ใช้ความเร็วอยู่ระหว่าง 75-150
แบบฝึกหัดข้อ 8 ก็ฝึกเหมือนข้ออื่นๆ ใช้ Tempo 80-160 ส่วนข้อ
9-11 เป็นกลุ่มโน้ตสามพยางค์ แต่ละข้อจะมี Diddle อยู่ต่างที่กัน ก็ใช้การ
นับ 1&a2&a ซ้�ำไปซ้�ำมาจนม่ันใจ โดยควบคุมความเร็วท่ี 100-200
ส�ำคัญท่ีสุดอย่าลืมเคาะเท้าในจังหวะตัวด�ำไว้จะท�ำให้รู้ว่าเราก�ำลังเล่น
โน้ตอะไรอยู่ รับรองว่าเป็นแบบฝึกหัดการ Warm Up ที่ดีอย่างหน่ึง เพราะ
จะได้ฝึกทั้งข้อมือและนิ้วท้ังสองข้างและความเร็วของ Tempo จะช่วยให้
ข้อมือกับน้ิวแข็งแรงมากย่ิงข้ึน

98


Click to View FlipBook Version