The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เสริมพลังคนเยียวยา สร้างคุณค่า เติมเต็มสุขที่ชายแดนใต้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by TPSO 11, 2024-05-26 21:56:37

CM to Empower

เสริมพลังคนเยียวยา สร้างคุณค่า เติมเต็มสุขที่ชายแดนใต้

CM to Empower เสริมพลังคนเย ี ยวยา สรางคณุคา เตมิเต ็ มสุขทช ี่ายแดนใต ปงบประมาน พ.ศ. 2567


คํานํา ทามกลางสภาพแวดลอม และปญหาทางสังคมที่มีความ ซับซอนและเปลี่ยนแปลงอยางรวดเร็ว ทุกคนจําเปนตองคิดและ ปฏิบัติงานในแนวทางที่ตางออกไป ซึ่งองคกรที่ปรับตัวไดอยาง รวดเร็วเทานั้นที่จะอยูรอดได ดังนั้นองคกรจะตองมีการสื่อสารที่ ชัดเจนและฝกอบรมพนักงานอยางสม่ําเสมอ เพื่อใหเจาหนาที่มี ความพรอมที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลง นอกจากนั้นการอบรม ก็เปนหัวใจสําคัญในการเตรียมพรอมเรื่องทักษะ ความรู ความสามารถ ใหกับเจาหนาที่ในการนําไปใชในการปฏิบัติงาน ซึ่งรัฐบาลชุดปจจุบันใหความสําคัญ การนําเทคโนโลยีดิจิทัลมาใชในหนวยงานของรัฐ การยกระดับการใหบริการโดยยึดความตองการของประชาชนเปน ศูนยกลาง ดวยเหตุนี้เครื่องมือทางการจัดการรายกรณี หลัก จิตวิทยาการปรึกษาและการใชเครื่องมือในงานสังคมสงเคราะหจึง ถูกนํามาเปนเครื่องมือสําคัญในการขับเคลื่อนงานของหนวย เคลื่อนที่เยียวยาทั้งการวางแผน ติดตาม พัฒนากลุมเปาหมายใหมี คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เสริมพลังใหผูใชบริการเขาใจตนเอง ยอมรับ ตนเอง มีความเขมแข็งพรอมจะพัฒนาและเปลี่ยนแปลงตนเองไป ในทางที่ดีขึ้น จนนําไปสูการคลี่คลายปญหาที่ซับซอนอื่นๆ ตอไปได กลุมการวิจัยและการพัฒนาระบบเครือขาย สํานักงานสงเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11


สารบัญ เร่อืง หนา บทนํา 1 การขับเคลื่อนงาน 3 เครื่องมือที่ใชในการดําเนินการ 4 เปรียบเทยีบวิธีการบริการกอน หลัง 5 การคดิวิเคราะหตามกระบวนการ 6 ผลการดําเนินงาน 10 ถอดบทเรียนเปนการเรียนรูเพื่อพัฒนา 12


การสังคมสงเคราะห” ไมใชเพียง แจกถุงยังชีพ แมนั่นจะเปนสวนหนึ่ง ของการชวยแกปญหาเฉพาะหนา แตหัวใจหลักของการทํางานสังคม สงเคราะห คือ “การทํางานรวมกับมนุษย” เพื่อ สนับสนุนใหเขาไดรับสวัสดิการสังคม ในสิ่งที่เขาพึงมี พึงได เชน สิทธิการ รักษาพยาบาล สิทธิในการศึกษา ตลอดสนับสนุนใหผูใชบริการ (เคส) ตระหนักถึงคุณคาความเปนมนุษย ทรูปลูกปญ


บทนํา เหตุการณความไมสงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต เริ่มตน เมื่อป พ.ศ. ๒๕๔๗ และตอเนื่องมาจนกระทั่งปจจุบันนับเปน เหตุการณที่ยืดเยื้อยาวนานกวา 20 ป มีจํานวนเหตุการณเกิดขึ้น ทั้งหมด ๑๓,๒๕๗ ครั้ง เปนเหตุการณความไมสงบ ๗,๗๒๕ ครั้ง เหตุการณอื่นๆ ๕,๕๓๒ ครั้ง สงผลใหมีผูไดรับผลกระทบถึง ๒๐,๗๔๗ ราย เสียชีวิต ๕,๒๑๗ ราย บาดเจ็บ ๑๔,๗๒๓ ราย และพิการ ๘๐๗ ราย ประชาชนในพื้นที่ไดรับผลกระทบ ทั้งดานรางกาย จิตใจ การใชชีวิต และทรัพยสิน (ที่มา : ศูนย ประสานงานวิชาการใหความชวยเหลือผูไดรับผลกระทบ จากเหตุความไมสงบจังหวัดชายแดนภาคใต ณ วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย มีกลุมเปาหมายที่อยูในความรับผิดชอบดูแล จํานวน ๑๑,๔๘๒ ราย จําแนกเปน ๔ ประเภท คือ เด็กกําพรา ๕,๔๙๕ ราย เด็กพอแมบาดเจ็บสาหัสหรือพิการ ๒,๔๑๗ ราย คนพิการ ๗๗๘ ราย และสตรีหมาย ๒,๗๙๒ ราย จากการชวยเหลือ เยียวยาที่ผานมาหลังจากที่มีการติดตามผลการใหความชวยเหลือ ครอบครัวผูไดรับผลกระทบฯ ผลจากการติดตามพบวาครอบครัว ดังกลาวมีปญหาที่แตกตางกันออกไป เชน ปญหาดานครอบครัว ปญหาดานรายได ดานสุขภาพ ดานการศึกษา และดานสังคม (ที่มา : ระบบรายงานผลการชวยเหลือเยียวยาผูไดรับผลกระทบ จากสถานการณความไมสงบในภาคใต ณ วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔) แมวารัฐบาลจะมีการกําหนดมาตรการตางๆ เพื่อให การชวยเหลือเยียวยา แตการใหความชวยเหลือดวยเงินสงเคราะห ๑


เพียงอยางเดียวอาจชวยเหลือไดเฉพาะในระยะสั้นและไมเพียง พอที่จะชวยใหผูเปราะบางมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้นจึงมีความ จําเปนตองมีกิจกรรมเพื่อไปสรางเสริมภูมิคุมกันใหกลุมเปาหมาย สามารถพึ่งพาตนเองไดอยางถาวร จากสถานการณทางสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยาง รวดเร็ว สงผลใหมีกลุมเปราะบางเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นเพื่อใหเทาทัน กับสถานการณที่เปลี่ยนแปลงไปจึงมีความจําเปนที่จะตองพัฒนา ศักยภาพบุคลากรอยางตอเนื่อง เพื่อเปนการเสริมสรางความรู และ เพิ่มทักษะการทํางานดานสังคมสงเคราะหแกบุคลากรหนวย เคลื่อนที่เยียวยาฯ โดยเฉพาะการลงพื้นท่ีใหความชวยเหลือ กลุมเปาหมาย จากเดิมเปนการใหคําปรึกษา แตในปจจุบันมี การพัฒนาศักยภาพเจาหนาที่ดวย หลักสูตร “การจัดการรายกรณี (Case Management : CM)” และหลักสูตรจิตวิทยาการปรึกษา และการใชเครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห ซึ่งหลักสูตรดังกลาว จะมุงเนนใหเกิดการเรียนรูสูการปฏิบัติงานจริง โดยเฉพาะการฝก การวิเคราะหเคสซึ่งจะทําใหเจาหนาที่เห็นสภาพปญหา ความตองการ การจัดการเคสไดอยางครบกระบวนการตามหลักการ สังคมสงเคราะหตั้งแตการชวยเหลือและประสานสงตอหนวยงาน ที่เกี่ยวของ เพื่อใหความชวยเหลือไดครบทุกมิติตามสภาพปญหา ที่ผูไดรับผลกระทบควรจะไดรับ ซึ่งการเพิ่มทักษะการทํางาน ดังกลาวทําใหการทํางานของเจาหนาที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การเพิ่มทักษะผานหลักสูตรทั้ง 2 หลักสูตรนั้นมีวัตถุประสงค เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผูที่ไดรับผลกระทบ และสงเสริมและ สนับสนุนใหเกิดกลไกความรวมมือเพื่อสรางสังคมแหงการแบงปน อันนําไปสูสังคมสันติสุขในพื้นที่ชายแดนใต 2


การขับเคลื่อนงาน ปงบประมาณ พ.ศ. 2565 หลักสูตร การจัดการรายกรณี (CM) ผูไดรับผลกระทบจาก สถานการณความไมสงบฯ และกลุมเปราะบางในพื้นที่จังหวัด ชายแดนภาคใต ปงบประมาณ พ.ศ. 2566 หลักสูตรจิตวิทยาการปรึกษาและการใชเครื่องมือในงาน สังคมสงเคราะห กลุมเปาหมาย เจาหนาที่ผูปฏิบัติงานหนวยเคลื่อนที่เยียวยาฯ ประจํา อําเภอ ๕๖ อําเภอในพื้นที่ 5 จังหวัด (ปตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา และสตูล) ผลลัพธ ผูปฏิบัติงานมีความรูเกี่ยวกับการจัดการรายกรณีและดาน จิตวิทยาการใหคําปรึกษาและการใชเครื่องมือในงานสังคมเคราะห และมีแนวทางการดําเนินงานที่สามารถนํามาประยุกตใชใน การปฏิบัติงาน 3


ถอดบทเรียนหลังปฏิบัติงาน เครื่องมือที่ใชในการดําเนินงาน เครื่องมือที่นํามาใชเปนเครื่องทางทางสังคมสงเคราะห โดยประยุกตใชรวมกับแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวของในการใหการปรึกษา (การฟง การสังเกต การตั้งคําถาม การสะทอนความรูสึก การทวนซ้ํา การเงียบ การใหกําลังใจ การใหขอมูล การสรุปความ ) ควบคูไปกับการใชเครื่องมือ Genogram, Ecomap,24 hours wheel,Timeline, Ecological Mapping, Sociometry, Satir Model , PANDORA BOX , Culturagram แบบประเมินครอบครัว ของ Bentovim รวมไปถึงการวางแผนรายบุคคล Life plan Contract plan การติดตามรายบุคคล Progress Note และการสง ตอ นําแนวคิดพัฒนาการ 5 ยุคของการใหคําปรึกษามาใช ประกอบดวย 4


วิธีการบริการกอนและหลัง การพัฒนาองคความรู ในอดีตรูปแบบการดําเนินงานของหนวยเคลื่อนที่เยียวยาคือ การใหความชวยเหลือเยียวยาตามหลักเกณฑอํานาจหนาที่ ของ กระทรวง พม. เชนการสงเคราะหเฉพาะหนา การใหความ ชวยเหลือดานเงินยังชีพรายเดือน เงินฟนฟูสมรรถภาพ จัดหนวย เคลื่อนที่ออกเยี่ยมบานผูไดรับผลกระทบฯ อยางตอเนื่อง เพื่อให กําลังใจและใหคําแนะนําปรึกษา พรอมทั้งรับทราบ ปญหาและ ความตองการ เพื่อจะไดพิจารณาใหการชวยเหลือที่เหมาะสม รวมถึงประสานงานสงตอหนวยงานที่เกี่ยวของ ในปจจุบัน สสว.11 เล็งเห็นถึงความสําคัญในการพัฒนา ศักยภาพบุคลากรเพื่อพัฒนาการบริการใหมีประสิทธิภาพและตรง กับความตองการของผูไดรับผลกระทบจึงไดนําการจัดหลักสูตรการ จัดการรายกรณีและกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาและการใช เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะหมาเสริมความเขมแข็งในการทํางาน เพื่อสงเสริมใหเกิดการคิด และการใหการชวยเหลือเชิงระบบ กําหนดแผนการใหความชวยเหลือแบบองครวมทั้งครอบครัว โดย บูรณาการความรวมมือกับหนวยงาน/ภาคสวนตางๆ ที่เกี่ยวของใน พื้นที่ และการติดตามผลการใหความชวยเหลือ โดยในระยะเวลา 2 ปที่ผานมา มีครัวเรือนที่ไดรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตผาน หลักสูตรดังกลาวจํานวน 178 ครัวเรือน 5


การคิดวิเคราะห ตามกระบวนการ วิธีการเก็บขอมูลเพื่อการวิเคราะหการจัดการรายกรณี (CM) เจาหนาที่ตองเขาไปดูแลตามความเหมาะสมของระดับปญหา ครัวเรือน เขาไปพูดคุย ซักถาม สังเกต โดยการซักถามจําเปนตอง ใชจิตวิทยาการสื่อสารเขามาชวยในการปฏิบัติงาน เนื่องจากขอ คําถามบางประการนั้นมีความเปราะบาง และความเสี่ยงที่สามารถ กระทบจิตใจของผูรับบริการ ดังนั้นการซักถามจะเปนการชวนพูด ชวนคุย เปนสวนใหญ ตั้งคําถามปลายเปดเพื่อใหผูรับบริการเลา เรื่องการใชชีวิต ความเปนอยู เพื่อเชื่อมโยงขอมูลไปหาบุคคลอื่นใน ครอบครัว รวมถึงสอบถามความตองการใหภาครัฐชวยสิ่งใด เพิ่มเติม เจาหนาที่ตองสังเกตสภาพแวดลอมบริเวณใกลเคียง สอบถามขอมูลเพิ่มเติมจากเพื่อนบาน แกนนําชุมชน เพื่อวิเคราะห ขอเท็จจริงที่เกิดขึ้น หาแนวทาง วิธีการในการใหความชวยเหลือ ทั้งครัวเรือน เนื่องจากการชวยเหลือเปนองครวมจะสามารถ ตอบสนองใหการดําเนินชีวิตภายใตเงื่อนไขสังคม เกิดประสิทธิภาพ มากกวาการชวยเหลือคนเพียงคนเดียว โดยการชวยเหลือจะถูก แบงเปนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว จัดระดับความเสี่ยงรวมไป ถึงความรุนแรงของปญหา ประเมินความเสี่ยงซ้ํา และสงตอ กลุมเปาหมายใหหนวยงานที่มีสวนเกี่ยวของเขามาชวยเหลือ ดานอื่นๆเพิ่มเติมตามสิทธิสวัสดิการที่ผูรับบริการพึงไดรับ และนอกจากการชวยเหลือตามสิทธิสวัสดิการของรัฐแลวเจาหนาที่ 6


ตองใหการชวยเหลือดานการดํารงชีพอื่นๆ และใหคําปรึกษาดาน การมีอาชีพ รายได ของผูรับบริการ โดยการวิเคราะหเชื่อมโยง และ แสวงหาทรัพยากรที่มีอยูในทองถิ่น หรือชุมชนนั้นๆ และจัด กิจกรรมสงเสริมอาชีพใหกับผูรับบริการสามารถนําไปประกอบ อาชีพเพื่อหาเลี้ยงตนเอง และครอบครัว เพราะเฉพาะเงิน สงเคราะห และเงินทุนการศึกษาที่แตละครอบครัวไดรับ อาจไม เพียงพอที่จะสามารถทําใหชีวิตของครอบครัวนั้นๆมั่นคงไดตลอดไป ดังนั้นมากกวาการจายเงิน เจาหนาที่ตองวิเคราะหขอมูลและ สงเสริมการชวยเหลือเพื่อใหชีวิตของกลุมเปาหมาย มั่นคงและ สามารถอยูไดถึงแมวาสภาพวะทางสังคมจะเปลี่ยนแปลงและ โหดรายกับกลุมเปราะบางเพียงไร 7


หัวใจสําคัญของการทํางานดานสังคม สงเคราะห คือ การเขาถึงผูรับบริการ โดยใชกลวิธีตาง ๆ เพื่อนําไปสูเปาหมายที่ตั้ง ไว เพราะการเขาถึงผูรับบริการไดทั้งโลก ภายในและโลกภายนอกจะทําใหนักสังคม สงเคราะห/ผูปฏิบัติงานทางสังคมสงเคราะห ไดรับขอมูลและเห็นภาพที่ชัดขึ้น ในการ จัดการรายกรณีหรือการใชกระบวนการทาง สังคมสงเคราะหเพื่อใหการชวยเหลือ ผูรับบริการ ดังนั้น การทํางานสังคม สงเคราะหจึงตองมีการคิดกลวิธีใหม ๆ หรือประยุกตใชความรูตาง ๆ วิธีการตาง ๆ เพื่อทําใหเขาถึง/เขาใจผูรับบริการใหมาก ที่สุด 8


การทํางานของ หนวยเคลื่อนที่เยียวยาคือ ไมเรงรัดในการเอาขอมูล ท ํ าให  เขาร ู  สก ึ ว  ามาเย ี่ยม มาแสดงความเสย ีใจ และเปนเพื่อนกับเขา ” ” 9


ผลการดําเนินงาน “หลักสูตรการจัดการรายกรณี (CM) ผูไดรับผลกระทบจาก สถานการณความไมสงบฯ และกลุมเปราะบางในพื้นที่ ๕ จังหวัด ชายแดนภาคใต” และ“หลักสูตร : จิตวิทยาการปรึกษาและการใช เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห” มีเปาหมายของการจัดอบรมคือ ตองการเชื่อมโยงผูใชบริการเขาสูระบบการใหบริการ และโอกาส การเขาถึงทรัพยากร โดยการเสริมสรางความสามารถในการใช บริการสังคมและการสนับสนุนทางสังคมตางๆ เสริมพลังอํานาจ เพิ่มพูนทักษะการแกไขปญหา และกลไกการจัดการกับปญหาของ ผูใชบริการ พิทักษสิทธิและสนับสนุนการจัดการระบบบริการที่มี ประสิทธิภาพดานการจัดสรรทรัพยากรและบริการแกผูใชบริการ การปรับปรุงและพัฒนาศักยภาพของระบบการใหบริการตลอดจน การปรับปรุงนโยบาย สวัสดิการสังคม การอบรมครั้งนี้มี กลุมเปาหมายในการอบรมคือผูปฏิบัติงานหนวยเคลื่อนที่เยียวยาผู ไดรับผลกระทบจากสถานการณความไมสงบในพื้นที่ ๕ จังหวัด ชายแดนภาคใต ผูประสานงานหนวยเคลื่อนที่เยียวยาประจําจังหวัด และเจาหนาที่ที่เกี่ยวของ รวมทั้งสิ้น ๑๐๐ คน ดําเนินงานในพื้นที่ รับผิดชอบ 5 จังหวัดไดแก จังหวัดสงขลา สตูล ปตตานี ยะลา และ นราธิวาส ซึ่งหลังการฝกอบรมตามหลักทฤษฎี มีการลงพื้นที่เพื่อฝก ปฏิบัติงานจริงใน 56 อําเภอ จํานวน 413 ตําบล ซึ่งได้ให้ความ ช่วยเหลือตามกระบวนการข้างต้น จำนวน ๑๗๘ ครอบครัว (อําเภอละ 3 ครอบครัว) ซึ่งภายหลังการลงพื้นที่ใหการชวยเหลือยัง มีการติดตามกลุมเปาหมายดังกลาวและจําแนกประเภทผูใชบริการ ออกเปน ๘ ประเภท คือ 10


๑) ผู้ประสบปัญหาทางสังคม จำนวน ๙๔ ครอบครัว ๒) สตรี หม้ายจากสถานการณ์ความไม่สงบฯ จำนวน ๓๐ ครอบครัว ๓) ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบฯ จำนวน ๒๐ ครอบครัว ๔) คนพิการจากสถานการณ์ความไม่สงบฯ จำนวน ๑๘ ครอบครัว ๕) ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสถานการณ์ ความไม่สงบฯ จำนวน ๖ ครอบครัว ๖) เด็กกำพร้าจาก สถานการณ์ความไม่สงบฯ จำนวน ๓ ครอบครัว ๗) ผู้ได้รับกระทบ จากเหตุการณ์โกดังพลุดอกไม้ไฟระเบิดมูโนะ จำนวน ๒ ครอบครัว ๘) เด็กได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบฯ จำนวน ๑ ครอบครัว ซึ่งปัญหาโดยส่วนใหญ่ที่ค้นพบคือ ความยากจน โรคประจำตัว คนพิการ บุคคลที่มีภาวะพึ่งพิง สภาพแวดล้อม ไม่เหมาะสม ยาเสพติด ตามลำดับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้การ ช่วยเหลือด้วยวิธีการที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาของ ครอบครัวนั้นๆ คือ ๑) การให้คำปรึกษา จำนวน ๑๓๘ คน ๒) มอบเงินสงเคราะห์ จำนวน ๑๑๔ คน ๓) เครื่องอุปโภค บริโภค จำนวน ๘๔ คน ๔) ส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๗๐ คน ๕) ทุนการศึกษา จำนวน ๕๐ คน ๖) ซ่อมแซมบ้าน จำนวน ๔๑ คน ๗) ทุนประกอบอาชีพ จำนวน ๓๐ คน ๘) เข้าร่วมกิจกรรม เสริมพลัง จำนวน ๒๕ คน ๙) พาไปโรงพยาบาล/โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวน ๑๕ คน 11


ถอดบทเรียนผู้ได้รับ ผลกระทบจากสถานการณ์ ความไม่สงบในพื้นที่ จังหวัดปัตตานี นายฮาซัน สาและ อายุ 29 ปี เล่าว่าในวันที่ 24 เมษายน 2554 ตนและครอบครัวได้รับข่าวร้ายเรื่องบิดาถูกลอบยิงจาก สถานการณ์ความไม่สงบฯ โดยต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเป็น เวลากว่า 6 เดือน ซึ่งในระยะเวลาดังกล่าวบิดาต้องเข้ารับการผ่าตัด ถึง 5 ครั้ง ทำให้ครอบครัวของเขาเคว้งคว้าง และทำให้ตัวเขาขาด โอกาสในการศึกษา แต่เนื่องด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่เยียวยา ประจำสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ปัตตานีเข้ามาแจ้งสิทธิทุนการศึกษาให้แก่เขาและครอบครัวจึงทำ ให้เขาและพี่น้องอีก 12 คน ไดร้ับทุนการศกึษาต่อจนจบปริญญาตรี และในปัจจุบันประกอบธุรกิจอาหารแปรรูปแห่งหนึ่งในจังหวัด ปัตตานี 12


ผู้ได้รับผลกระทบจาก สถานการณ์ความไม่สงบใน พื้นที่ จังหวัดยะลา พันจ่าเอกอดินัน สืบแต อายุ 37 ปี สูญเสียบิดาจาก สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้เมื่อปี พ.ศ. 2547 ซึ่งใน ขณะนั้นตนอายุได้เพียง 17 ปี สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เขาเสีย เสาร์หลักของบ้าน ผู้ซึ่งทำงานหาเลี้ยงครอบครัว แต่ในความโชค ร้ายอันมืดมิดยังมีแสงสว่างจากหน่วยงานของกระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในพื้นที่จังหวัดยะลา เข้ามาเยี่ยม เยียน ช่วยเหลือดูแลทั้งสภาพจิตใจและค่าใช้จ่าย ทั้งยังมอบ ทุนการศึกษา ทำให้เขามีพลัง มีกำลังใจในการต่อสู้เพื่อก้าวผ่าน ความเจ็บปวด และก้าวเดินได้อย่างมั่นคง จนสามารถบรรจุเข้ารับ ราชการทหารในปัจจุบัน และเขายังบอกต่ออีกว่าน้องสาวของเขาก็ ได้รับทุนการศึกษาจากกระทรวง พม. และจบการศึกษาจนปัจจุบัน รับราชการทหารเช่นกัน 13


ถอดบทเรียนคนทำงาน หลังจากการเข้าอบรมทั้ง 2 หลักสูตร เจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานจากทุกจังหวัดต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการลงพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคม มีขั้นตอนการดำเนินงาน ที่เปลี่ยนแปลงไป จากเดิมการลงพื้นที่ไปเพื่อให้กำลังใจและถาม ความเป็นอยู่ให้คำปรึกษาตามสภาพปัญหาที่เล็งเห็น แต่พอนำ เครื่องมือต่างๆเข้ามาใช้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานกลับพบว่าการมุ่งเน้น เพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาที่ตัวผู้ได้รับผลกระทบจาก สถานการณ์ความไม่สงบเพียงอย่างเดียวนั้นไม่อาจสามารถ ช่วยเหลือครอบครัวนั้นๆให้อยู่รอดในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็วและเปราะบาง ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงให้ความสำคัญ กับข้อมูลที่ได้จากบริบทรอบข้างของผู้ได้รับผลกระทบ ข้อมูล เหล่านั้นได้มาจากบุคคลในครอบครัว เพื่อนบ้าน แกนนำชุมชน และบุคคลใกล้ชิด ซึ่งการได้รับรู้ข้อมูลแบบองค์รวมของทั้ง ครอบครัวทำให้เจ้าหน้าที่สามารถวางแผนให้การช่วยเหลือ ครอบครัวของผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบได้ ทั้งครัวเรือน ไม่ว่าปัญหานั้นๆจะเกิดขึ้นกับบุคคลใดในครอบครัว หน่วยงาน พม. ก็สามารถช่วยเหลือให้คำปรึกษากลุ่มเป้าหมาย ได้ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ 14


เพราะครอบครัว คือ เส้นใยแห่งความสัมพันธ์ ความรัก ความผูกพันนั้น เปรียบเสมือนเส้นเลือดที่ หล่อเลี้ยงร่างกายและจิตใจ พ่อแม่ขาดลูกย่อมเจ็บปวด ลูกขาดพ่อแม่ย่อมสูญเสีย ที่พักพิง 15


ที่ปรึกษา นางณิชาพัชฌ เพ็ชรพันธุ ผูอํานวยการสํานักงานสงเสริม และสนับสนุนวิชาการ 11 คณะกรรมการจัดการความรู ๑) นางสาวพรปวีณ์ อุไรสวัสดิ์ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ๒) นางสาวสุวรรณา ไชยโยธา นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ๓) นางสาวจารุวรรณ แก้วทองราช นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ ๔) นายวรรธนันท์ ศักดิ์ตระกูล นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ ๕) นายนพดล ลาเฉลิม นักพัฒนาสังคม ๖) ว่าที่ ร.ต.หญิง ณัฐณิชา บุษบา นักพัฒนาสังคม ๗) นางสาวปาลิตา เจ๊ะหะ นักพัฒนาสังคม ๘) นางสาวอาอีดะห์ เจะอุมาร์ นักพัฒนาสังคม เขียน เรียบเรียง ออกแบบ นางสาวอังศุมาลี พึ่งผล นักพัฒนาสังคม นางสาวจารุณี แก้วห่อทอง นักพัฒนาสังคม จัดพิมพและเผยแพร สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๑๑


Click to View FlipBook Version