The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

จิตวิทยาการปรืกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by TPSO 11, 2023-11-14 01:46:18

จิตวิทยาการปรืกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์

จิตวิทยาการปรืกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์

คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 36 ๓๕ วันที่ 30 กรกฎาคม 2566 พักอาศัยที่ศูนย์พักพิง ๒. ความเสี่ยง ครอบครัวมีภาวะความเครียดเรื่องที่อยู่อาศัย และความกังวลต่อสุขภาพของผู้ใช้บริการ ๓. จุดแข็ง/ศักยภาพ ครอบครัวมีความรัก และความอบอุ่นดูแลกันอย่างใกล้ชิด ๔. การนำกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาไปใช้กับผู้ใช้บริการ ๔.1) วิธีการที่นำไปใช้ กระบวนการให้คำปรึกษา เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ตลอดจน สามารถเผชิญปัญหา การตัดสินใจ การแก้ปัญหา การยอมรับปัญหา และมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น ๔.2) ทักษะและเทคนิคที่นำไปใช้ ลงพื้นที่ครั้งที่ 1 การสร้างสัมพันธภาพ โดยการทักทาย แนะนำตัว และสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้น ลงพื้นที่ครั้งที่ 2 สำรวจ รวบรวมเก็บข้อมูล รับฟัง สังเกต ตั้งคำถาม สะท้อนกลับ และให้กำลังใจ ๕. เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ที่นำไปใช้ Genogram (แผนผังครอบครัว) Time Line (ลำดับเหตุการณ์สำคัญในชีวิต) 29 กรกฎาคม 2566 เกิดเหตุโกดังระเบิด สมาชิกในครอบครัว 6 คนได้รับบาดเจ็บ 3 คน หลานชายคนโตรับการรักษา อย่างต่อเนื่องเนื่องจากแก้วหูทะลุ ได้บ้านเช่าบ้าน 141/4 หมู่ที่ 1 ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก 60 54 26 22 9 3


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 37 ๓๖ ๖. การประเมินสภาพปัญหาความเดือดร้อน 5 มิติ (ด้านที่อยู่อาศัย ด้านสุขภาพ ด้านรายได้ ด้านการศึกษา และด้านการเข้าถึงบริการของภาครัฐ) สภาพปัญหา 5 มิติ รายละเอียด ด้านที่อยู่อาศัย -บ้านตนเองพังได้รับความเสียหาย ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ปัจจุบันเช่าบ้านเดือนละ 2,000 บาท ภาครัฐออกค่าเช่าให้ 6 เดือน รอการซ่อมแซมบ้านจะกลับไปอาศัย ที่บ้านหลังเดิม ด้านสุขภาพ กาย -ผู้ใช้บริการ ได้รับบาดเจ็บแก้วหูทะลุทั้งสองข้าง พบแพทย์ตามนัดเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๖ และมีนัดอีกครั้งในวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๖ -ยาย มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง รับยาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพมูโนะ -ตา เป็นความดันโลหิตสูง ไม่พบแพทย์ ไม่ทานยา จิต -ตอนเกิดเหตุการณ์ใหม่ๆ นอนฝันว่าตัวเองโดนพลุเสียชีวิต -กลัวเสียงดัง แต่ไม่สะดุ้งตอนกลางคืน -ยังเห็นภาพติดตาคนได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ฝันร้าย -เห็นสภาพบ้านของตนเองจะรู้สึกเสียใจ ด้านรายได้ -ตาและยายมีอาชีพกรีดยาง -มารดา ประกอบอาชีพรับจ้าง (ขายแว่นตา) เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว -น้า ประกอบอาชีพเป็นผู้ช่วยพยาบาล ด้านการศึกษา -ผู้ใช้บริการ กำลังศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านมูโนะ ตอนนี้หยุดเรียนอยู่ระหว่างการพักรักษาตัว ด้านการเข้าถึง บริการของภาครัฐ -หน่วยงานภาครัฐซ่อมแซมบ้านให้ ผลการติดตามและนิเทศงานการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา ผู้ให้บริการ ๑) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดนราธิวาสทำกระบวนการให้คำปรึกษาได้ดีมาก โดยเฉพาะการสร้าง สัมพันธภาพ การเข้าถึงผู้ใช้บริการจนได้รับความไว้วางใจ 2) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดนราธิวาสมีการทำงานเป็นทีมดีมาก ผู้ใช้บริการ 1) ผลกระทบจากเหตุการณ์ที่มีความรุนแรง (พลุระเบิด) เด็กที่ได้รับผลกระทบหูอื้อจนทำให้ แก้วหูทะลุ ภาวะความเครียดลดลงเนื่องจากหูกลับมาได้ยินปกติ สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ 2) ตา เป็นโรคความดันโลหิตสูง ควรมีการประสานโรงพบาบาลส่งเสริมสุขภาพในพื้นที่ เพื่อเข้ารับ การรักษาตามระบบ


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 38 ๓๗ กรณีศึกษาที่ 3 นางสาวนา (นามสมมุติ) กลุ่มเปราะบางไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์ และพิการ ทางการเคลื่อนไหว อาศัยอยู่บ้านร้าง เพิ่งย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ได้ 2 วัน โดยมีเจ้าหน้าที่องค์กร NGO (First Priority Development) มาช่วยขนย้ายของ เป็นคนไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์ บิดาเป็นคน อเมริกา มารดาเป็นคนไทยภาคอีสาน ตอนเด็กมีผู้อุปการะแต่เลี้ยงดูไม่ดี เคยอาศัยอยู่กรุงเทพฯ ๑. การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ (ด้านกาย จิต สังคม และครอบครัว) การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ รายละเอียด กาย -รับยาต้านตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 จนถึงปัจจุบัน -7 มีนาคม 2560 ลื่นล้มจนทำให้สะโพกหัก จนต้องนอนพักรักษาตัว ที่โรงพยาบาลนาน 147 วัน -ปัจจุบันใช้ไม้เท้าเดิน จิต มีความกังวล -ด้านสุขภาพร่างกายมีอาการเครียดในบางครั้งเพราะต้องใช้ไม้เท้าเดิน -ด้านที่อยู่อาศัย -ด้านรายได้ เก็บของเก่าตามถังขยะขาย สังคม ไม่สามารถเข้าถึงได้ -ไม่ได้รับสวัสดิการและสิทธิ์ต่างๆ -ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์ -มี NGO คอยดูแลและช่วยเหลือ -มีเพื่อนบ้านคอยช่วยเหลือ ครอบครัว -ใช้ชีวิตตามลำพัง ผิดหวังกับชีวิตคู่ ๑๒ ครั้ง สามีคนล่าสุดอยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะแม่สามีชอบดุด่า และเคยแท้งลูกแล้วหลายครั้ง จึงออกจากบ้าน ๒. ความเสี่ยง มีภาวะพิการทางเคลื่อนไหว ใช้ไม้เท้าในการเดินและใช้ชีวิตประจำวัน อีกทั้งเก็บของเก่าจากถังขยะ ขายเพื่อหารายได้ รายได้ไม่แน่นอน ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง อาศัยบ้านร้างเป็นที่พักพิง ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ เสี่ยงต่ออันตรายรอบด้าน และไม่ถูกหลักอนามัย ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ๓. จุดแข็ง/ศักยภาพ ๓.๑) พ.ศ. 2561 ส่งต่อให้องค์กร NGO (First Priority Development) รับดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย การรักษาพยาบาล และการทำกิจกรรมต่างๆ ดังนี้.- -ด้านการรักษาพยาบาล ชำระค่ายาปีละ 1,600 บาท -ด้านอาหาร ดูแลเรื่องอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภคให้ยามต้องการ


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 39 ๓๘ พ.ศ.2554 รับยาต้าน 7 มีนาคม 2560 สะโพกหัก เนื่องจากลื่นล้ม จนต้อง นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนาน 147 วัน มิถุนายน 2566 ย้ายบ้านร้างหนึ่งไปอีกบ้านร้าง หนึ่ง (3 บ้านร้าง) -ด้านอื่นๆ พาไปพบแพทย์ยามเจ็บป่วย และช่วยเหลือด้านต่างๆ ที่ต้องการ เช่น ซ่อมประตู บ้าน ขนย้ายของ และการเข้าร่วมกิจกรรมที่โบสถ์ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-11.00 น. ๓.2) มีเพื่อนบ้านดีให้น้ำใช้วันละ 5 ลิตร ๓.๓) เลี้ยงแมวเป็นเพื่อน ไม่เหงา ที่ทำให้จิตใจสงบ และมีที่ยึดเหยี่ยวจิตใจ ๓.4) ผู้ใช้บริการเป็นเพื่อนบ้านกับเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดนราธิวาส สามารถติดตาม ผู้ใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ๔. การนำกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาไปใช้กับผู้ใช้บริการ ๔.1) วิธีการที่นำไปใช้ กระบวนการให้คำปรึกษา การส่งต่อ ตลอดจนการรวบรวมข้อมูล (คอยรับฟังและสังเกต) เนื่องจากผู้ใช้บริการเป็นเพื่อนบ้านกับเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดนราธิวาส จึงทำให้สามารถ เชื่อมโยงหรือขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างได้ ๔.2) ทักษะและเทคนิคที่นำไปใช้ การสร้างสัมพันธภาพ รวบรวมเก็บข้อมูล รับฟัง สังเกต ตั้งคำถาม สะท้อนกลับ และให้กำลังใจ ซึ่งเป็นกรณีที่ใช้ทักษะรอบด้าน ช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน จนมีความเป็นกันเอง สามารถพูดคุย แนะนำ แต่ผู้ใช้บริการยังไม่เปลี่ยนแนวคิด ยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ได้ ไม่ยอมไปอยู่สถานคุ้มครอง คนไร้ที่พึ่ง ๕. เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ที่นำไปใช้ Genogram (แผนผังครอบครัว) Time Line (ลำดับเหตุการณ์สำคัญในชีวิต) ปี 2561 ประสานเครือข่ายในพื้นที่ -สวัสดิการสังคม/นักสังคมรพ.และ Miss Kylie Hobern องค์กร NGO (First Priority Development) นักสังคมสงเคราะห์ประสาน ขอความช่วยเหลือ ด้านค่ารักษาพยาบาล


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 40 ๓๙ ๖. การประเมินสภาพปัญหาความเดือดร้อน 5 มิติ (ด้านที่อยู่อาศัย ด้านสุขภาพ ด้านรายได้ ด้านการศึกษา และด้านการเข้าถึงบริการของภาครัฐ) สภาพปัญหา 5 มิติ รายละเอียด ด้านที่อยู่อาศัย -อาศัยอยู่บ้านร้าง (ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง) มีห้องน้ำภายในบ้าน -ไม่มีไฟฟ้า ตอนกลางคืนใช้เทียนไข -ไม่มีน้ำใช้เพื่อนบ้านให้น้ำใช้วันละ ๕ ลิตร -ทำกับข้าวเองโดยใช้ไม้ฟืน ด้านสุขภาพ กาย -มีโรคประจำตัวรับยาต้านตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จนถึงปัจจุบัน -มีการลื่นล้ม 3 ครั้ง ทำให้ได้รับบาดเจ็บ แขนหัก ศีรษะได้รับความกระทบกระเทือน และกระดูกสะโพกหัก ปัจจุบันต้องใช้ไม้เท้าค้ำเดิน -ตอนนี้สะโพกหายเจ็บแล้ว แต่จะขอเบิกไม้เท้าจากโรงพยาบาลเพื่อป้องกันการหก ล้ม จิต -ตอนเด็กมีผู้อุปการะ แต่เลี้ยงดูไม่ดี -นับถือศาสนาคริสต์ ใช้ความเชื่อทางศาสนาในการดำเนินชีวิต -ไม่สมหวังในเรื่องความรัก 12 คน -เลี้ยงแมว 2 ตัว เป็นเพื่อน ด้านรายได้ -เก็บของเก่าขาย (รายได้ไม่แน่นอน) ด้านการศึกษา -ไม่ได้รับการศึกษา ด้านการเข้าถึง บริการของภาครัฐ -ไม่รับสวัสดิการจากภาครัฐ เนื่องจากเป็นคนไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์ -หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาเข้ามาช่วยเหลือ ติดตามอยู่ตลอด -องค์กร NGO (First Priority Development) ผลการติดตามและนิเทศงานการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา ผู้ให้บริการ ๑) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดนราธิวาสทำกระบวนการให้คำปรึกษาได้ดีมาก โดยเฉพาะการสร้าง สัมพันธภาพ การเข้าถึงผู้ใช้บริการจนได้รับความไว้วางใจ 2) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดนราธิวาสมีการทำงานเป็นทีมดีมาก 3) มีการประสานงานกับกองสวัสดิการเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ในการทำงานกับชุมชน และ NGO ที่ดูแลผู้ใช้บริการอยู่ ผู้ใช้บริการ ๑) ผู้ใช้บริการที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์ จากการได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นผู้ใช้บริการไม่ได้รับ ความรัก ความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็ก ชีวิตเจอแต่ความผิดหวัง สามารถยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น และใช้ความเชื่อ ทางศาสนาในการดำเนินชีวิต


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 41 ๔๐ กรณีที่ 4 นายบิ๊ก (นามสมมุติ) อายุ 49 ปีกลุ่มเปราะบางป่วยจิตเวช ผู้ใช้บริการเป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูด หัวเราะคนเดียว ไม่ชอบเจอคน บางครั้งจะอาละวาท ที่อยู่อาศัยเป็นบ้านเช่า บริเวณหน้าบ้าน ขายของชำ มีสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด 4 คน ผู้ใช้บริการ มารดา น้องสาว และหลาน ๑. การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ (ด้านกาย จิต สังคม และครอบครัว) การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ รายละเอียด กาย ครอบครัวสมาชิกทั้ง 4 คน -ผู้ใช้บริการเป็นผู้พิการจิตเวช มีเนื้องอกที่แก้มก้นทั้ง 2 ข้าง ปล่อยไว้ไม่ได้ รักษาจนกระทั่งเนื้องอกด้านขวาแตกเอง ตอนนี้เหลือด้านซ้ายข้างเดียว แต่มีขนาดโตขึ้นเรื่อย ๆ -มารดาเป็นโรคไทรอยด์โรคพิษสุราเรื้อรัง และสะโพกหักนอนพักรักษาตัวที่ โรงพยาบาล 20 วัน -น้องสาว เป็นทอม เข้าเรือนจำ 2 ครั้ง (คดียาเสพติด) โรคประจำตัว ความดันสูง - หลานสาว เคยเป็นโรคซึมเศร้า ปัจจุบันหายแล้ว เรียนจบ ม.6 แต่ไม่ได้ศึกษา ต่อ มีความฝันอยากสอบตำรวจ จิต ครอบครัวมีความวิตกกังวล -ด้านสุขภาพร่างกายของผู้ใช้บริการ ไม่พูด และมีอาการของผู้ป่วยจิตเวช -ด้านที่อยู่อาศัย -ด้านอาชีพ สังคม ครอบครัวสามารถเข้าถึงชุมชนได้ -เพื่อรับสวัสดิการและสิทธิ์ต่างๆ -หวาดระแวงต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้ผู้ใช้บริการเกิดอาการคุ้มคลั่ง ครอบครัว -ครอบครัวมีความใกล้ชิด สนิทสนม รักใคร่กัน -ไม่สามารถนำคนไข้ไปพบแพทย์ได้ (ผู้ใช้บริการและมารดาไม่ยอมพบแพทย์) ๒. ความเสี่ยง ๒.๑) มารดามีโรคประจำตัว แต่ไม่ยอมไปพบแพทย์ โดยจะให้บุตรชายคนเล็กไปรับยาตามแพทย์นัด แทน ๒.๒) ผู้ใช้บริการพิการจิตเวช ไม่ยอมทานยาตามแพทย์สั่ง ไม่ไปพบแพทย์ตามนัด และไม่ยอมเข้ารับ การผ่าตัดเนื้องอกที่แก้มก้นด้านซ้าย ๒.๓) น้องสาวมีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง และเข้าเรือนจำมาแล้ว ๒ ครั้ง คดียาเสพติด ๒.๔) น้องชายผิดหวังต่อชีวิตครอบครัวมาแล้ว ๓ ครั้ง มีภรรยา ๓ คน บุตร ๓ คน ต่างมารดา


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 42 ๔๑ ปี 2545 กลับมาอยู่บ้าน ๒.๕) มารดาประกอบอาชีพค้าขาย รายได้ของครอบครัวไม่แน่นอน รายได้หลักมาจากสวัสดิการของรัฐ ได้แก่ เบี้ยยังชีพผู้พิการ ๘๐๐ บาท/เดือน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ๗๐๐ บาท/เดือน ๒.๖) สภาพแวดล้อมทำให้มีผลต่อการกระตุ้นผู้ป่วยจิตเวชให้เกิดอาการคุ้มคลั่ง ๓. จุดแข็ง/ศักยภาพ ครอบครัวคอยดูแลซึ่งกันและกัน ๔. การนำกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาไปใช้กับผู้ใช้บริการ ๔.1) วิธีการที่นำไปใช้ -กระบวนการให้คำปรึกษา เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ตลอดจน สามารถเผชิญปัญหา การตัดสินใจ การแก้ปัญหา การยอมรับปัญหา และมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น -การเยี่ยมเยียนอย่างต่อเนื่องจนเกิดความสนิทสนม ๔.2) ทักษะและเทคนิคที่นำไปใช้ ลงพื้นที่ครั้งที่ 1 การสร้างสัมพันธภาพ (ทักทาย แนะนำตัว สอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น) ลงพื้นที่ครั้งที่ 2 สำรวจ รวบรวมเก็บข้อมูล รับฟัง สังเกต ตั้งคำถาม สะท้อนกลับ และให้กำลังใจ ๕. เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ที่นำไปใช้ Genogram (แผนผังครอบครัว) Time Line (ลำดับเหตุการณ์สำคัญในชีวิต) มีอาการตั้งแต่เรียนมหาลัย รามคำแหง ปี ๒ มีอาการก้นกบบวมทั้งสองข้าง แตกแล้วหนึ่งข้าง ไม่ยอมผ่าตัด ไม่ยอมพบแพทย์ ปี 2552 รักษาตัวที่ รพ.จิตเวชสงขลา เดือนกว่าดีขึ้น เริ่มกินยาจิตเวช ก่อน 2550 คุ้มคลั่ง 72 49 42 46 15 17 19


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 43 ๔๒ ๖. การประเมินสภาพปัญหาความเดือดร้อน 5 มิติ (ด้านที่อยู่อาศัย ด้านสุขภาพ ด้านรายได้ ด้านการศึกษา และด้านการเข้าถึงบริการของภาครัฐ) สภาพปัญหา 5 มิติ รายละเอียด ด้านที่อยู่อาศัย -อาศัยอยู่บ้านเช่า ด้านสุขภาพ กาย -มารดา มีอาการชามือและเท้า ดื่มเบียร์ตอนเย็น ทุกวันๆ ละ 1 กระป๋อง สูบยาเส้น ใบจาก -ผู้ใช้บริการมีเนื้องอกที่แก้มก้นทั้งสองข้าง ปล่อยไว้ไม่ได้รักษาจนเนื้องอกข้างขวา แตกเอง ส่วนข้างซ้ายมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ยอมเข้ารับการผ่าตัด ไม่ทานยา ตามแพทย์สั่ง ไม่ไปพบแพทย์ตามนัด มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง มารดาจะอาบน้ำให้ทุกวัน เนื่องจากถ้าปล่อยให้อาบน้ำเองจะไม่ค่อยอาบน้ำ ถ้ารอให้อาบน้ำเองก็ 2 วัน/ครั้ง กลางวันไม่ค่อยทานข้าว จะทานตอนกลางคืน นอนดึกประมาณ 02.00 น. ตื่น 10.00 น. -น้องสาว เป็นความดันโลหิตสูง สูบยาเส้นใบจาก จิต -ผู้ใช้บริการเคยผิดหวังเรื่องความรักตอนเรียนมหาวิทยาลัย ปี ๒ ป่วยเป็นจิตเวช ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 มีความคิดบิดเบือน ไม่ยอมทานยา มีความหวาดกลัวคิดว่า ถ้าหากทานยาเข้าไปจะทำให้ตนเองเสียชีวิต ช่วงที่มีอาการกำเริบถ้าหากไม่พอใจ จะกระทืบเท้าหรือเตะฝาบ้าน บางครั้งก็ทำร้ายแม่ (ใช้ศอก) -หลานสาว เคยเป็นโรคซึมเศร้า ทานยา 2 เดือน ไม่ได้บอกคนในครอบครัว (ปัจจุบันหายแล้ว) ด้านรายได้ -มารดาขายของชำรายได้ไม่แน่นอน และได้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ -น้องสาว มีอาชีพรับจ้างเฝ้าโรงแรมตอนกลางคืน -ผู้ใช้บริการ ได้รับเบี้ยยังชีพผู้พิการ ด้านการศึกษา -หลานสาว กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (กศน.) ด้านการเข้าถึง บริการของภาครัฐ -ได้มีการประสานกับทางผู้อำนวยการกองสวัสดิการเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ให้มารับผู้ใช้บริการไปรักษาที่โรงพยาบาล -หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาเข้ามาช่วยเหลือ ตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน 7. การประเมินพฤติกรรมผู้ใช้บริการ จากกิจกรรมวงล้อ 24 ชั่วโมง เวลา 10.00 น. -ตื่นนอน เวลา 11.00-1๘.00 น. -นอน/ดูโทรทัศน์/ร้อนอาบน้ำ/เดินเฉพาะ ภายในบ้านไม่ออกไปนอกบ้าน เวลา 18.00 น. -ทานข้าว เวลา 24.00 น. -ทานข้าว (ต้มมาม่า แก๊สไม่ปิด ประตูบ้านไม่ปิด) เวลา 02.00 น. -นอน *โรคประจำตัวเบาหวาน ความดัน ปัสสาวะมีน้ำตาล มดขึ้น *ยาปรับอารมณ์ (ไม่ทานยา) เคยมีอาการคุ้มคลั่ง *ความเสี่ยง (ถามทั้ง 3 คน) การนอน การกิน ผิดเวลา


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 44 ๔๓ ผลการติดตามและนิเทศงานการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยาผู้ให้บริการ ๑) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดนราธิวาสทำกระบวนการให้คำปรึกษาได้ดีมาก โดยเฉพาะการสร้าง สัมพันธภาพ การเข้าถึงผู้ใช้บริการจนได้รับความไว้วางใจ 2) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดนราธิวาสมีการทำงานเป็นทีมดีมาก 3) มีการประสานงานกับกองสวัสดิการเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ในการทำงานกับชุมชน ผู้ใช้บริการ 1) ผู้ใช้บริการที่มีความซับซ้อน อาทิ อาการทางจิตเวช การประเมินทำได้ยาก จึงได้เพิ่มเติมองค์ความรู้ ด้านนี้และปฏิบัติให้ดูเป็นแบบอย่าง สิ่งแรกที่ต้องทำคือต้องค้นหาข้อเท็จจริงก่อนว่าผู้ใช้บริการสนใจหรือชอบ อะไรเป็นพิเศษ กรณีนี้ผู้ใช้บริการชอบเล่นกีต้าร์ พอพูดถึงสิ่งที่เขาชอบเขาจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบ เปิดเพลงทำ กิจกรรมเขาก็ทำด้วย 2) อาการป่วยจิตเวชของผู้ใช้บริการ มีความคิดบิดเบือน และเนื้องอกที่แก้มก้นด้านซ้าย ต้องเข้าสู่ ระบบการรักษา ได้มีการประสานกับทางผู้อำนวยการกองสวัสดิการเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ให้มารับผู้ใช้บริการไปรักษาที่โรงพยาบาล 3) น้องสาวเคยติดคุกคดียาเสพติด 2 ครั้ง (มีความเสี่ยงจะกลับไปทำซ้ำอีกไหม) ภาพการประชุมถอดบทเรียน ณ สนง.พมจ.นราธิวาส


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 45 ๔๔ จังหวัดยะลา กรณีศึกษาที่ ๑ นายขุน (นามสมมุติ) อายุ 71 ปี ประสบปัญหาทางสังคม สภาพปัญหาคือต้องดูแล บุตรหลาน 4 คน เนื่องจากบิดาของหลานติดคุกคดียาเสพติด มารดามีครอบครัวใหม่ไม่ได้ติดต่อกลับมา ภาระการเลี้ยงดูหลานจึงตกมาอยู่ที่ยาย ซึ่งในครอบครัวยายทำงานคนเดียว หาเช้ากินค่ำ รายได้ไม่เพียงพอ ต่อการครองชีพ มีสภาพความเป็นอยู่ที่ลำบาก ทำอาหารวันละหนึ่งครั้งคือตอนเย็น จะเก็บอาหารตอนเย็น ไว้ให้หลานคนเล็กทานตอนเช้า ส่วนอีก2 คน โรงเรียนมีโครงการเลี้ยงอาหารเช้าเด็กนักเรียน สมาชิก ในครอบครัวมีทั้งหมด จำนวน 6 คน ประกอบด้วย ตา ยาย และหลาน 4 คน ๑. การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ (ด้านกาย จิต สังคม และครอบครัว) การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ รายละเอียด กาย -ผู้ใช้บริการมีโรคประจำตัวเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเก๊าท์ และโรคไต ระยะที่ 3 ต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรับยาที่ศูนย์บริการสาธารณสุข ระดับปฐมภูมิ ตำบลสะเตง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา -ภรรยาป่วยเป็นโรคหัวใจโต และกระเพาะอักเสบ จิต -ผู้ใช้บริการมีการแสดงออกด้านอารมณ์ อุปนิสัยใจคอเป็นคนใจเย็น พูดน้อย -ผู้ใช้บริการมีความเครียด (stress) ความวิตกกังวล (Anxiety) เรื่องการดูแล หลาน เนื่องจากผู้รับบริการ และภรรยา เป็นผู้สูงอายุ มีรายได้น้อย สังคม -ครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน -ผู้ใช้บริการมีสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อนบ้าน และคนในชุมชน จะให้ความ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ครอบครัว -ผู้ใช้บริการมีความสนิทสนมกับภรรยา และหลาน มีความสัมพันธ์ที่ดี ต่อสมาชิกในครอบครัว คอยให้ความช่วยเหลือ และให้กำลังใจกันในครอบครัว ๒. ความเสี่ยง ผู้ใช้บริการและภรรยามีโรคประจำตัว ทำให้ไม่สามารถทำงานหนักได้ ๓. จุดแข็ง/ศักยภาพ ครอบครัวมีความรักใคร่ ปรองดอง และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้าน และคนในชุมชน 4. การนำกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาไปใช้กับผู้ใช้บริการ 4.๑) วิธีการที่นำไปใช้ ให้คำปรึกษาแบบรายบุคคล


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 46 ๔๕ 4.2) ทักษะและเทคนิคที่นำไปใช้ -ทักษะในการสร้างสัมพันธภาพ ได้มีการสัมภาษณ์พูดคุย เพื่อสร้างความคุ้นเคย มีการสร้าง สัมพันธภาพกับผู้ใช้บริการและครอบครัวของผู้ใช้บริการในการค้นหาข้อเท็จจริง และทราบถึงปัญหา ที่เกิดขึ้น จึงทำให้ผู้ใช้บริการและครอบครัวเล่าถึงเหตุการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้นให้นักสังคมสงเคราะห์ฟัง -ทักษะการสังเกต ขณะสัมภาษณ์ผู้ใช้บริการและครอบครัว โดยสังเกตสีหน้าท่าทางการแสดง ความรู้สึก ผู้ใช้บริการมีความวิตกกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัว เรื่องสุขภาพของตนเองและภรรยา อีกทั้งมีความกังวลในเรื่องการส่งหลานเข้ารับการศึกษา -ทักษะการฟัง ทักษะการฟังควบคู่กับการสัมภาษณ์ โดยการตั้งใจฟัง การใส่ใจในตัว ผู้ใช้บริการ การสบตา ฟังอย่างตั้งใจ มีการโต้ตอบบ้าง มีการทบทวนประโยค เพื่อให้เข้าใจในเรื่องที่พูดทั้งคำพูด และความรู้สึก -ทักษะในการสื่อความหมาย เป็นการสื่อสารทั้งวาจา ท่าทาง และลายลักษณ์อักษรเพื่อเป็น การสื่อสารที่ให้ได้ข้อมูลตรงกันระหว่างนักสังคมสงเคราะห์ ผู้ใช้บริการและครอบครัว ในเรื่องของการแนะนำ ข้อมูลการให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งการวางแผนการดำเนินการให้ช่วยเหลือ 5.เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ที่นำไปใช้ Genogram (แผนผังครอบครัว) ๖. การประเมินสภาพปัญหาความเดือดร้อน 5 มิติ (ด้านที่อยู่อาศัย ด้านสุขภาพ ด้านรายได้ ด้านการศึกษา และด้านการเข้าถึงบริการของภาครัฐ) สภาพปัญหา 5 มิติ รายละเอียด ด้านที่อยู่อาศัย -อาศัยอยู่บ้านเช่า เดือนละ 1,000 บาท ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง ด้านสุขภาพ กาย -ผู้ใช้บริการมีโรคประจำตัวเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเก๊าท์ และโรคไตระยะที่ 3 ต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง บางครั้งซื้อยารักษาโรคเก๊าท์มาทานเอง เนื่องจากมีอาการปวดข้อตอนเช้าและค่ำ และมีอาการคันที่ขาได้นำมหาหิงค์มาทา เพื่อช่วยบรรเทาอาการคัน -ยาย มีโรคประจำตัวเป็นหัวใจโต และโรคกระเพาะอักเสบ ในระยะเวลา ๑ ปี ประสบอุบัติเหตุ 5 ครั้ง ๗๑ 67 39 ติดคุก 16 14 10 8


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 47 ๔๖ สภาพปัญหา 5 มิติ รายละเอียด จิต -ผู้ใช้บริการจะมีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัวเนื่องจากตนเองไม่สามารถ ทำงานได้ -ยาย จะมีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัวเนื่องจากต้องดูแลหลานๆ ทั้ง 4 คน รายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ด้านรายได้ -ผู้ใช้บริการได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ -ยาย ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ มีอาชีพเก็บผักขายร่วมกับเพื่อนโดยให้เพื่อนนำไปขาย แล้วนำเงินที่ได้มาแบ่งกัน และรับจ้างทำความสะอาดบ้าน รายได้ไม่แน่นอน -หลานได้รับเงินสงเคราะห์ครอบครัวอุปถัมภ์ เดือนละ 2,000 บาท ด้านการศึกษา -หลานคนที่ 1 เรียบจบระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ปัจจุบันไม่ได้ศึกษาต่อ เนื่องจากไม่มีทุนการศึกษา -หลานคนที่ 2 กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนเทศบาล ๒ -หลานคนที่ 3 กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนเทศบาล ๑ -หลานคนที่ 4 กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนเทศบาล ๑ ด้านการเข้าถึง บริการของภาครัฐ -หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดยะลา ได้มีการติดตามและช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง -สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยะลา มอบเงินสงเคราะห์ ครอบครัวอุปถัมภ์เดือนละ 2,000 บาท -เทศบาลเมืองนครยะลาเครื่องอุปโภค บริโภค การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ การให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา 1) เริ่มต้นจากการสอบถามสุขภาพ ดูศีรษะและแผลที่ขาของคุณตาเพราะเพิ่งเกิดอุบัติเหตุ แผลที่ขาบวม แต่เริ่มแห้ง ไม่ใช้น้ำเกลือในการล้างแผลหรือเบตาดีนทาแผล ใช้ยามหาหิงค์ทาแผลให้เหตุผลว่า แก้คัน 2) สอบถามเรื่องการรับประทานยา คุณตาตอบได้ว่ายาแต่ละตัวรับประทานอย่างไร ตอนไหน และไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้ามีอาการปวดเก๊าท์เยอะช่วงก่อนนอนจะไปซื้อยามารับประทานเอง ซึ่งมีฤทธิ์แรงกว่าที่หมอจัดให้เพราะเป็นยาโรคเก๊าท์ผสมกับยาแก้ปวด 3) ประเมินภาวะสมองคุณตา จากการสอบถามพูดคุยรู้เรื่องอธิบายเรื่องราวได้อย่างชัดเจน เล่นเกมส์ ต่อคำสามารถโต้ตอบได้อย่างว่องไว 4) การประเมินโภชนาการ “รับประทานอาหารไม่ถูกต้อง เพราะภรรยาจะทำอาหารมื้อเดียว เฉพาะช่วงเย็นเท่านั้น” 5) สัมพันธภาพภายในครอบครัว สังเกตุดูห่างเหินกับภรรยากว่าปีก่อน ๆ รับประทานอาหารคนเดียว ต่างคนต่างทาน สันนิษฐานว่าเป็นเรื่องการเงิน 6) คุณตาอยู่ตามลำพังตั้งแต่เวลา 07.00-15.00 น. (มีความเสี่ยง) เนื่องจากโรคประจำตัว เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเก๊าท์ และโรคไต ระยะที่ 3 7) คุณยายเริ่มต้นจากการถามสุขภาพการรับประทานยาความดัน วัดอัตราการเต้นหัวใจปกติ แต่เป็นความดันโลหิตสูง มีการหน้ามืดบางครั้ง 8) ยายปีนี้เกิดอุบัติเหตุรถชนท้ายมอเตอร์ไซค์ 5 ครั้ง 9) ยายชอบร้องเพลง รักหลาน มีการเล่นเกมส์ต่อคำเพื่อประเมินภาวะสมองเสื่อม ช้าแต่สามารถ เล่าเรื่องราวได้ดี 10) ด้านสภาพแวดล้อมห้องนอน (ของตาฝุ่นเยอะมากไม่ดีกับโรคหัวใจ อาการคัน) แต่สภาพบ้าน ทั่วไปสะอาด


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 48 ๔๗ 11) อาหารหลักที่รับประทาน คือ ไก่ ผัดผัก ฯลฯ 12) ได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่เทศบาลนครยะลาเรื่องการช่วยเหลือผู้สูงอายุในด้านต่าง ๆ 13) ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยะลา ได้ตรวจสอบเงินช่วยเหลือ ครอบครัวอุปถัมภ์ ซึ่งทาง สนง.พมจ.ยะลา ได้โอนเข้าบัญชีคุณตามาเป็นระยะเวลา 1 ปี ผลการติดตามและนิเทศงานการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา ผู้ให้บริการ ๑) โดยภาพรวมหน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดยะลามีสัมพันธภาพกับผู้ใช้บริการได้ดี 2) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดยะลา ใช้กระบวนการให้คำปรึกษาซึ่งสังเกตได้จากข้อมูลต่างๆ ที่สามารถตอบคำถามได้ 3) มีการประสานงานกับเทศบาลนครยะลา เพื่อให้ความช่วยเหลือตามสภาพปัญหาความเดือดร้อน ผู้ใช้บริการ 1) การให้คำปรึกษาเชิงลึกกับผู้สูงอายุที่มีความคิดที่ผิด ๆ ในเรื่องการรับประทานยาที่แพทย์ไม่ได้สั่ง เพราะอาจมีผลกระทบกับการป่วยเป็นโรคไตระยะที่ 3 2) การออกแบบกิจกรรมที่ทำให้ผู้สูงอายุไม่เหงาและมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันกับสมาชิกในครอบครัว ระหว่าง ตา ยาย และหลาน 3) ใช้ความรัก ดึงศักยภาพตนเองออกมาเพื่อให้มีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต แต่ค่อยๆ พัฒนาให้เกิด การรักตัวเอง ตระหนักในสุขภาพ และอยู่อย่างมีความสุข


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 49 ๔๘ กรณีศึกษาที่ 2 นางสาววรรณ (นามสมมุติ) อายุ 47 ปี สตรีหม้ายจากสถานการณ์ฯ เกิดเหตุการณ์ เมื่อปี 2549 ที่อยู่ 49 หมู่ที่ 5 ตำบลตาเซะ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา ประกอบอาชีพกรีดยาง รายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต เนื่องจากมีภาระต้องดูแลบุตรที่กำลังศึกษาอยู่อีก 3 คน ต้องการทุน ประกอบอาชีพ ผู้ใช้บริการผ่านการใช้ชีวิตคู่ 2 ครั้ง สามีคนแรกมีบุตร 3 คน ใช้ชีวิตร่วมกันจนกระทั่ง สามีถูกยิงเสียชีวิตจากสถานการณ์ฯ ต่อมาได้แต่งงานกับสามีคนที่ ๒ มีบุตร 1 คน และได้แยกทางกัน สถานะตอนนี้หย่าร้าง เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องดูแลบุตรทั้ง 4 คน ผู้ใช้บริการมีปัญหาด้านสุขภาพซึ่งก่อนหน้านี้ เป็นโรคไตระยะที่ 2 ได้มีการรักษาและไปพบแพทย์ตามนัดตลอด ระหว่างการรักษาโรคไตได้รับการแนะนำ ให้ต้มสมุนไพรทาน (ใบเตยหอม ตะไคร้ และรากหญ้าคา) ดื่มตอนเช้าและก่อนนอนมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งไปตรวจอาการดีขึ้นตามลำดับ ปัจจุบันได้หยุดทานยารักษาโรคไตเนื่องจากหายเป็นปกติแล้ว) นอกจากนี้ยังมีโรคประจำตัวเป็นโรคน้ำเหลืองเสียทำให้เป็นแผลง่ายและมีรอยด่างดำบนผิวหนัง ต้องฉีดยาปีละ 1 ครั้ง มีสมาชิกในครอบครัว 5 คน ประกอบด้วย มารดา และบุตร 4 คน บุตรคนโตเรียนจบและมีงานทำแล้ว ส่วนอีก 3 คนกำลังศึกษาอยู่ ๑. การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ (ด้านกาย จิต สังคม และครอบครัว) การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ รายละเอียด กาย -ผู้ใช้บริการมีโรคประจำตัวเป็นโรคน้ำเหลืองเสีย ทำให้ร่างกายเป็นแผลง่าย และมีรอยด่างดำบนผิวหนัง จิต -ผู้ใช้บริการมีการแสดงออกด้านอารมณ์ อุปนิสัยใจคอเป็นคนใจเย็น ร่าเริง แจ่มใส สังคม -ความสัมพันธ์ของครอบครัวกับเพื่อนบ้าน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ให้ความ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผู้ใช้บริการมีสัมพันธภาพที่ดีต่อคนในชุมชน ครอบครัว ผู้ใช้บริการมีความสนิทญาติพี่น้องและบุคคลในครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อ สมาชิกในครอบครัวคอยให้ความช่วยเหลือและให้กำลังใจกัน ๒. ความเสี่ยง ผู้ใช้บริการเลี้ยงบุตรเพียงลำพัง รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพ บุตรกำลังศึกษา 3 คน ๓. จุดแข็ง/ศักยภาพ ครอบครัวมีความรักใคร่ ปรองดอง และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้าน และคนในชุมชน 4. การนำกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาไปใช้กับผู้ใช้บริการ 4.1) วิธีการที่นำไปใช้ การให้คำปรึกษาแบบรายบุคคล


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 50 ๔๙ 4.2) ทักษะและเทคนิคที่นำไปใช้ -ทักษะในการสร้างสัมพันธภาพ ได้มีการสัมภาษณ์พูดคุย เพื่อสร้างความคุ้นเคย มีการสร้าง สัมพันธภาพกับผู้ใช้บริการและครอบครัวในการค้นหาข้อเท็จจริง และการทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงทำให้ ผู้ใช้บริการและครอบครัวเล่าถึงเหตุการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้นให้นักสังคมสงเคราะห์ฟัง -ทักษะการสังเกต ขณะสัมภาษณ์ผู้ใช้บริการและครอบครัว โดยสังเกตสีหน้าท่าทางการแสดง ความรู้สึก ผู้ใช้บริการมีความวิตกกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัว เรื่องสุขภาพของผู้ใช้บริการเอง อีกทั้งมีความกังวลในเรื่องการส่งบุตรเข้ารับการศึกษา -ทักษะการฟัง ควบคู่กับการสัมภาษณ์ โดยการตั้งใจฟัง การใส่ใจในตัวผู้ใช้บริการ การสบตา ฟังอย่างตั้งใจมีการโต้ตอบบ้าง มีการทบทวนประโยค เพื่อให้เราเข้าใจในเรื่องที่พูดทั้งคำพูดและความรู้สึก -ทักษะในการสื่อความหมาย เป็นการสื่อสารทั้งวาจา ท่าทาง และลายลักษณ์อักษรเพื่อเป็น การสื่อสารที่ให้ได้ข้อมูลตรงกันระหว่างนักสังคมสงเคราะห์และผู้ใช้บริการ ในเรื่องของการแนะนำข้อมูล การให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งการวางแผนการดำเนินการให้ช่วยเหลือ 5. เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ที่นำไปใช้ Genogram (แผนผังครอบครัว) ๖. การประเมินสภาพปัญหาความเดือดร้อน 5 มิติ (ด้านที่อยู่อาศัย ด้านสุขภาพ ด้านรายได้ ด้านการศึกษา และด้านการเข้าถึงบริการของภาครัฐ) สภาพปัญหา 5 มิติ รายละเอียด ด้านที่อยู่อาศัย -อาศัยอยู่บ้านของตนเอง ด้านสุขภาพ กาย -ผู้ใช้บริการ มีโรคประจำตัวเป็นโรคน้ำเหลืองเสีย ต้องฉีดยาปีละ 1 ครั้ง ตอนเช้าจะ มีอาการวูบ บางครั้งมีอาการมือบวม เท้าบวม และปวดหลัง จิต -มีความเสียใจเนื่องจากพูดถึงสามีจะร้องไห้ และฝันถึงเดือนละ 3 ครั้ง -มีความกังวลเรื่องบุตร ด้านรายได้ -ประกอบอาชีพกรีดยาง รายได้วันละ 100 บาท และปลูกผักสวนครัวขาย รายได้ 5,000 บาท/เดือน 36 13 22 ๙ 20 ๙ ๔๗ 16 ๙


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 51 ๕๐ สภาพปัญหา 5 มิติ รายละเอียด ด้านการศึกษา -บุตรคนที่ 1 เรียนจบระดับปริญญาตรี และทำงานที่บริษัทสหไทย ได้ 1 เดือน -บุตรคนที่ 2 กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี ปี 3 -บุตรคนที่ 3 กำลังศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กศน.) -บุตรคนที่ 4 กำลังศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ด้านการเข้าถึง บริการของภาครัฐ -ได้รับเบี้ยยังชีพรายเดือนจาก พม. ๒ คน จนอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ -ได้รับทุนการศึกษาจากเขตพื้นที่การศึกษารายปีของบุตร 2 คน ผลการติดตามและนิเทศงานการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา ผู้ให้บริการ 1) โดยภาพรวมหน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดยะลา มีสัมพันธภาพกับผู้ใช้บริการได้ดี 2) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดยะลาใช้กระบวนการให้คำปรึกษาซึ่งสังเกตได้จากการข้อมูลต่าง ๆ ที่สามารถตอบคำถามได้ 3) มีการประสานงานกับหน่วยงานองค์การบริหารส่วนตำบลตาเซะ ในการให้ผู้ใช้บริการเข้าร่วม กิจกรรมต่าง ๆ ผู้ใช้บริการ 1) ผู้ใช้บริการมีการแสดงออกด้านอารมณ์ อุปนิสัยใจคอเป็นคนใจเย็น ร่าเริง แจ่มใส แต่นอนฝันถึง สามีที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบบ่อยๆ 3 ครั้งต่อเดือน เล่าเรื่องสามีก็จะร้องไห้ไปด้วย (มีความเสี่ยง) เนื่องจากระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 17 ปี 2) หัวใจอยู่ที่บุตรเป็นห่วงบุตรคนที่ 3 มากที่สุดเพราะไม่ค่อยออกสู่สังคม ด้านครอบครัวบิดามารดา ของผู้ใช้บริการค่อนข้างมีความอบอุ่น 3) จุดแข็งของครอบครัวคือมีหัวใจรักที่ยิ่งใหญ่มาก ภาพการประชุมถอดบทเรียน ณ สนง.พมจ.ยะลา


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 52 ๕๑ จังหวัดปัตตานี กรณีศึกษาที่ 1 นางสาวมา (นามสมมุติ) อายุ 52 ปี ประเภทผู้ใช้บริการ กรณีสตรีหม้าย จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดปัตตานีประกอบอาชีพดักปลาในบ่อหรือแม่น้ำมีรายได้วันละ 300 บาท ผ่านการใช้ชีวิตคู่มา 3 ครั้ง สามีคนที่ 1 มีบุตร 1 คน ได้แยกทางกันสามีคนที่ 2 มีบุตร 2 คน เสียชีวิต จากสถานการณ์ความไม่สงบฯ สามีคนที่ 3 มีบุตร 2 คน ได้แยกทางกัน มีสมาชิกในครอบครัว 5 คน ประกอบด้วย มารดา บุตร 2 คน หลาน 2 คน ๑. การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ (ด้านกาย จิต สังคม และครอบครัว) การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ รายละเอียด กาย -เจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่เยียวยา อ.ยะหริ่ง มีการติดตามเรื่องสุขภาพ ประสาน เจ้าหน้าที่พยาบาลวิชาชีพ รพ.สต อสม. อพม. อบต. ในพื้นที่เพื่อให้มี ความเข้าใจตรงกันในการติดตามด้านต่างๆ และสุขภาพผู้ใช้บริการยังมีปัญหา การนอนไม่หลับ และโรคนิ่วในไต รักษาตามอาการรับยาที่โรงพยาบาลปัตตานี นอกจากนี้ยังมีก้อนขึ้นที่ลำคอเป็นมานานแล้วแต่ไม่มีอาการปวด แต่ช่วงหลัง เริ่มรู้สึกว่าก้อนใหญ่ขึ้นก็เลยเข้ารับการรักษา แต่ไม่ได้พบแพทย์ตามนัด ทาง หน่วยเคลื่อนที่เยียวยา อ.ยะหริ่ง ประสานพยาบาลวิชาชีพ รพ.สต. ตะโละกาโปร์ ให้มีการติดตามและประสานประวัติเดิมกับทางโรงพยาบาล ปัตตานี ให้ผู้ใช้บริการได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง จิต -ผู้ใช้บริการมีความกังวลใจเนื่องจากบุตรคนที่ 2 ได้แต่งงานมีครอบครัวใหม่ เมื่อปี 2566 และมีบุตรด้วยกัน 1 คน อายุได้ 3 เดือน ทำให้หยุดเรียน (เดิมเรียน กศน.) และว่างงาน เนื่องจากต้องมาเลี้ยงบุตรที่เพิ่งคลอด ส่วนบุตร เขยให้ไปทำงานกับบุตรชายคนโตที่จังหวัดปทุมธานี ทำให้ครอบครัวมีสมาชิก เพิ่ม ผู้ใช้บริการต้องดูแลและหารายได้เพิ่มขึ้นจากเดิม ทำให้หนักใจอยู่บ้าง แต่ก็ต้องดูแลกันไปเนื่องจากเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของคำว่า “แม่” สังคม -ผู้ใช้บริการ สามารถเข้าสังคมได้ดี มีสัมพันธภาพทางสังคมที่ดี เป็นคนใจกว้าง สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างดีและประการสำคัญ คือสามารถเป็นผู้นำ กลุ่มได้ มีภาวะการณ์ เป็นผู้นำ และมีจิตอาสาในหลายๆ ด้าน ที่ผ่านมา ก็ช่วยเหลือชุมชนสังคม มีการร่วมกิจกรรมกับชุมชนทุกครั้งที่มีโอกาส เช่น การทำอาซูรอ งานเมาลิด เป็นต้น เป็นประธานสตรีหม้ายอำเภอยะหริ่งและ ยังเป็นอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมมั่นคงของมนุษย์อีกด้วย


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 53 ๕๒ การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ รายละเอียด ครอบครัว -ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว สตรีหม้ายปัจจุบันอาศัยอยู่กับบุตรสาว 3 คน บุตรชาย 1 คน และหลานอีก 2 คน เมื่อต้นปี 2566 บุตรสาวได้แต่งงานมีครอบครัว ใหม่กับสามีคนที่ 2 ทำให้ครอบครัวมีสมาชิกเพิ่มขึ้น 2 คนคือ บุตรเขย และ หลานที่เพิ่งคลอดได้ 3 เดือน ทำให้ผู้ใช้บริการหนักใจไม่น้อยในการดูแลทุกคน ในครอบครัว ปัจจุบันผู้ใช้บริการไม่ได้ปลูกผักสวนครัวแล้ว เนื่องจากไม่มีเวลา แต่เน้นในการหาปลาทับทิม ปลานิล ตากแห้ง หรือมาแปรรูปทำเป็นลูกชิ้น และขายให้ลูกค้าที่ซื้อประจำ เช่น จนท. อบต. รพ.สต.ในพื้นที่ มีการอุดหนุน ช่วยซื้ออยู่เป็นประจำ บางวันถ้าหาได้เยอะมีเวลาก็จะขับมอเตอร์ไซค์มาขาย ให้สตรีผู้ได้รับผลกระทบ และเจ้าหน้าที่ที่จังหวัด ๒. ความเสี่ยง -ด้านจิตใจ ช่วงแรกที่ได้รับผลกระทบฯ และมีการสูญเสียหัวหน้าครอบครัว ผู้ใช้บริการมีความเครียด และความกลัวกังวลในการดำรงชีวิต ผลกระทบที่ตามมาคืออาจมีภาวะของโรคซึมเศร้าจากการสูญเสียหัวหน้า ครอบครัว ความเสี่ยงในด้านการศึกษาของบุตร ถ้าไม่มีเงินยังชีพรายเดือน อาจทำให้บุตรไม่สามารถเรียนต่อ ในระดับสูงได้ ทำให้เสี่ยงที่เกิดผลการะทบต่อสุขภาพทางกายและจิตใจ -ด้านร่างกาย มีโรคประจำตัว คือ โรคกระเพาะอาหาร และกรวยไตอักเสบ รักษาโดยการทานยาสลาย ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลปัตตานีปัจจุบันมีก้อนเนื้อขึ้นที่ลำคอ ไม่ได้ไปพบแพทย์ตามนัด ทางทีมเยียวยา ประสานทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตะโละกาโปร์ ให้มีการกำชับ การตรวจและการไป พบแพทย์ตามนัด 3. จุดแข็ง/ศักยภาพ ด้านลักษณะนิสัยผู้ใช้บริการเป็นสตรีหม้ายที่มีความอดทน และเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดี เป็นคนใจ กว้างชอบช่วยเหลือคนในชุมชน มีความเข้มแข็งที่สามารถดูแลครอบครัวของตนเองได้ และยังเป็น “มือบน” ที่สามารถช่วยเหลือเพื่อนบ้านหรือคนในชุมชนได้ มีความรักใคร่ ปรองดองดูแลเอาใจใส่ มีความสัมพันธ์ที่ดี โดยมีประวัติการทำงาน ดังนี้.- พ.ศ. 2550 - ปัจจุบัน เป็นประธานเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอำเภอยะหริ่ง พ.ศ. 2555 - ปัจจุบัน เป็นประธานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับตำบล พ.ศ. 2562 - 2563 เป็นประธานมูลนิธิสตรีผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่ สงบจังหวัดชายแดนใต้ พ.ศ. 2553 - ปัจจุบัน เป็นแกนนำเครือข่ายผู้หญิงยุติความรุนแรงแสวงสันติภาพ 3 จังหวัดชายแดนใต้ พ.ศ. 2554 - ปัจจุบัน เป็นอาสาสมัครพัฒนาอาชีพมูลนิธิรักษ์ไทย พ.ศ. 2553 - ปัจจุบัน เป็นสตรีจิตอาสาศูนย์ประสานงานวิชาการให้ความช่วยเหลือ ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบจังหวัดขายแดนใต้(ศวชต.)


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 54 ๕๓ ๔. การนำกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาไปใช้กับผู้ใช้บริการ ๔.๑) วิธีการที่นำไปใช้ - Satir Model ความรู้สึก=เสียใจ/กังวล/ เป็นห่วง ความรู้สึกต่อความรู้สึก=ทุกข์/ไม่ค่อยสบายใจ รับรู้= ต้องมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นในการดูแลสมาชิกในครอบครัว ความคาดหวัง= อยากให้คนในครอบครัวมีความสุข ความปรารถนา= อยากให้บุตรเรียนจบมีงานทำ ช่วยเหลือตัวเอง 4.๒) ทักษะและเทคนิคที่นำไปใช้ ทักษะการฟัง การฟังอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับเรื่องราวที่ผู้ใช้บริการได้เล่าให้ฟัง การสังเกต ท่าทางการจดจ่ออย่างเต็มที่กับสิ่งที่ผู้ใช้บริการกำลังเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ ทั้งด้วยวาจา และท่าทาง โดยไม่ขัดจังหวะหรือตัดสิน และทางเจ้าหน้าที่แสดงท่าทางตอบรับโดยการพยักหน้า การตั้งคำถาม การใช้คำถามปลายเปิด เช่น ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างค่ะ สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง ค่ะไปหาหมอตามนัดหรือเปล่า ตั้งคำถามให้ผู้ใช้บริการสามารถตอบได้ทีละคำถาม ไม่ควรถามคำถามปลายปิด ให้เขารู้สึกกดดัน เช่น ทำไมไม่ไปหาหมอ ทำไมไม่ไปหาปลา ทำไมไม่ปลูกผัก ฯลฯ การสร้างสัมพันธภาพ ชวนคุยในเรื่องทั่วๆไป การขายปลา การทานอาหาร การทำงาน กิจกรรมในแต่ละวัน เพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย เกิดความไว้ใจ พร้อมทั้งแจ้งวัตถุประสงค์ในการพูดคุย และเลือกการใช้คำถามทั่วไป ไม่ให้เกิดความกังวล และไม่ควรจ้องหน้าหรือนั่งใกล้จนรู้สึกอึดอัด แสดงความ เคารพในฐานะผู้ใหญ่ การสะท้อนกลับ เป็นการสะท้อนความรู้สึกของผู้ใช้บริการ ที่ได้เล่าเรื่องราวให้กับ เจ้าหน้าที่ฟัง เป็นการทบทวนเรื่องที่ได้พูดคุยกัน และพูดคุยเพื่อแสดงถึงความเข้าใจถึงอารมณ์ความรู้สึก ของผู้ใช้บริการโดยหาคำที่ตรงกับความรู้สึก เช่น ตอนนี้รู้สึกกังวลใจเป็นห่วงความเป็นอยู่ของลูกอยู่ใช่ไหมค่ะ และสรุปเนื้อหาประเด็นต่างๆ ที่พูดคุยตั้งแต่ต้นเพื่อประมวลผลสรุปในการแก้ปัญหาบนพื้นความจริงที่เป็นไปได้


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 55 ๕๔ 5. เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ที่นำไปใช้ Genogram (แผนผังครอบครัว) Time Line (ลำดับเหตุการณ์สำคัญในชีวิต) ๕๒ ๒๓ 19 ๑๓ ๑๒ 3 ด. ปี 2549 สามีคนที่ 2 เสียชีวิตจาก เหตุการณ์ ความไม่สงบฯ ปี 2558 หย่าร้างกับ สามีคนที่ 3 ปี 2551 แต่งงานใหม่ กับสามีคนที่ 3 มีบุตร 2 คน ปี 2558 ไปประกอบ พิธีฮัจญ์ โดย โครงการของ ศอ.บต. ปี 2564 ติดโควิด-19 ปี 2559 กลับมาอยู่ บ้านสามี คนที่เสียชีวิต และต่อเติม บ้านใหม่ ปี 2565 รู้สึกมีปัญหา ด้านสุขภาพ ทำงานได้ น้อยลง


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 56 ๕๕ ๖. การประเมินสภาพปัญหาความเดือดร้อน 5 มิติ (ด้านที่อยู่อาศัย ด้านสุขภาพ ด้านรายได้ ด้านการศึกษา และด้านการเข้าถึงบริการของภาครัฐ) สภาพปัญหา 5 มิติ รายละเอียด ด้านที่อยู่อาศัย - อาศัยอยู่บ้านของตนเอง สภาพมั่นคงแข็งแรง ด้านสุขภาพ กาย - ผู้ใช้บริการ ยังมีปัญหาการนอนไม่หลับ โรคนิ่วในไต รักษาตามอาการรับยา ที่โรงพยาบาลปัตตานี ไม่ได้รักษาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีก้อนขึ้นที่ลำคอ เคยตรวจไทรอยด์ไม่มีความผิดปกติ ก้อนก็เริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ ทางโรงพยาบาลยะหริ่ง ได้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลปัตตานีเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 แต่ยังไม่ได้ไปพบ แพทย์ตามนัด จิต - มีความกังวลใจเรื่องบุตร ที่เพิ่งแต่งงานและได้คลอดบุตรมา 1 คน และหารายได้ เพิ่มขึ้นจากเดิม ด้านรายได้ -ดักปลาในบ่อ/แม่น้ำ นำมาแปรรูปโดยการตากแห้งหรือทำลูกชิ้น และขายให้ลูกค้า ที่ซื้อประจำ รายได้วันละ 300 บาท (รายได้ไม่แน่นอน) ด้านการศึกษา -บุตรคนที่ 4 กำลังศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.2) โรงเรียนปอเนาะ -บุตรคนที่ 5 กำลังศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1) โรงเรียนปอเนาะ ด้านการเข้าถึง บริการของภาครัฐ -หน่วยเคลื่อนทีเยียวยาฯ จังหวัดปัตตานี มีการติดตามและให้ความช่วยเหลือกันอยู่ ตลอด 7. การประเมินพฤติกรรมผู้ใช้บริการจากกิจกรรม วงล้อ 24 ชั่วโมง เวลา 03.00 น. -ตื่น เล่นเกม เวลา 05.00 น. -ละหมาด เวลา 06.00-07.00 น. -ทำอาหารเช้า (แต่ไม่ได้ทานอาหารเช้า) เวลา 07.00-08.00 น. -ไปหาปลา เวลา 08.00-14.00/15.00 น. -ไปหาปลา เวลา 14.00/15.00 น. -รับประทานอาหารกลางวัน (มือสั่น) เวลา 16.00 น. -เก็บตาข่ายปลา เวลา 19.00 น. -รับประมานอาหารเย็น เวลา 21.00 น. -นอน (พฤติกรรมเสี่ยง: ไม่ค่อยดื่มน้ำ ขับมอเตอร์ไซค์เร็ว)


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 57 ๕๖ ผลการติดตามและนิเทศงานการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา ผู้ให้บริการ 1) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดปัตตานี ได้นำทักษะและเทคนิคการฟัง การตั้งคำถาม การสร้าง สัมพันธภาพเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล เพื่อจะได้นำข้อมูลมาวางแผนในการช่วยเหลือต่อไป ทั้งกระบวนการ สามารถทำได้ดีมาก 2) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดปัตตานีมีความเข็มแข็ง มีการทำงานเป็นทีม 3) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดปัตตานีมีการประสานงานองค์การบริส่วนตำบลตะโละกาโปร์ โรงพยาบาลสส่งเสริมสุขภาพตำบลตะโละกาโปร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดีมาก ผู้ใช้บริการ 1) สร้างความตระหนักในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลตนเองให้มากขึ้น 2) หัวใจของผู้ใช้บริการคือบุตรและหลาน 3) จุดแข็งเป็นคนเข้มแข็ง แข็งแกร่ง เป็นแกนนำเครือข่ายผู้หญิง 4) ควรมีการติดตามผู้ใช้บริการด้านสุขภาพ การติดตามผลนิ่วในไต และก้อนที่คอ กรณีศึกษาที่ 2 นางสาวพร (นามสมมุติ) กำพร้ามารดาจากสถานการณ์ความไม่สงบฯ เดิมอาศัย อยู่กับตา ยาย พี่ชาย และตนเอง รวมทั้งหมด 4 คน เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ตาได้เสียชีวิต ปัจจุบันอาศัย ร่วมกัน 3 คน ยายปลูกผักสวนครัวไว้ทานเอง ส่วนที่เหลือก็ขาย ในปี 2563 ผู้ใช้บริการเคยเข้าไปอยู่ที่บ้านพัก เด็กและครอบครัวจังหวัดปัตตานี และสถานสงเคราะห์เด็กปัตตานี เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการล่วงละเมิด ทางเพศ ปี พ.ศ. 2565 ยายให้บุตรชายไปรับหลานกลับมาดูแลเอง


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 58 ๕๗ 1. การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ (ด้านกาย จิต สังคม และครอบครัว) การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ รายละเอียด กาย -ผู้ใช้บริการมีร่างกายสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่ชอบอาบน้ำ เนื้อตัวมอมแมม เป็นเหา จิต -ผู้ใช้บริการมีสุขภาพจิตที่ดี แต่ควบคุมอารมรณ์ไม่ค่อยได้ พฤติกรรมก้าวร้าว พูดจาหยาบคาย ไม่พบปัญหาสุขภาพจิต สังคม -เป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตเพียงลำพัง ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านและ คนในชุมชน มีอคติกับคนรอบข้าง ไม่เห็นความสำคัญของการพึ่งพาอาศัยกัน ครอบครัว -สัมพันธภาพของสมาชิกในครอบครัว จัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากทุกคนรักใคร่กันดี ยายตามใจหลานมาก เนื่องด้วยมองว่าเด็กทั้ง 2 คน ไม่มีบิดาและมารดาดูแล ทำให้เด็กค่อนข้างเอาแต่ใจและก้าวร้าวอีกทั้งยายจบการศึกษาชั้น ป.4 จึงไม่มี ความรู้พอที่จะสอนเด็กๆ ประกอบกับต้องทำมาหากิน จึงทำให้เด็กค่อนข้าง ติดโทรศัพท์ และพูดจาหยาบคาย 2. ความเสี่ยง 2.1) ด้านสุขอนามัยของเด็กมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเด็กไม่ชอบอาบน้ำ และไม่รักษาความสะอาด 2.๒) ด้านการศึกษามีความเสี่ยงสูง เนื่องจากปัจจุบันได้ออกนอกระบบ ต้องการไปเรียนที่การศึกษา นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) 2.๓) ขาดผู้ดูแลหลักมีความเสี่ยงสูง เนื่องยายซึ่งเป็นผู้ดูแลอายุมากและป่วยเรื้อรัง 3. จุดแข็ง/ศักยภาพ 3.๑) เด็กมีความกตัญญู ดูแลยาย และรักครอบครัวมาก 3.๒) รู้จักหารายได้แบ่งเบาครอบครัว ลดภาระของพี่และยาย 4. การนำกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาไปใช้กับผู้ใช้บริการ 4.๑) วิธีการที่นำไปใช้ ภายหลังจากที่เด็กได้กลับไปอยู่ในครอบครัวเดิม หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดปัตตานีได้ลง เยี่ยม และติดตามเป็นระยะๆ ด้วยการโทรศัพท์ ใช้ความจริงใจในการทำงาน ไม่ได้คิดว่าทำเพราะเป็นหน้าที่ ทำให้ได้รับการยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากครอบครัวนี้เป็นอย่างมาก เด็กเปิดใจคุยได้ทุกเรื่องและเชื่อฟัง ในสิ่งที่ตักเตือน ทุกครั้งที่เด็กและทุกคนในครอบครัวมีปัญหาจะโทรมาเล่าและปรึกษาตลอด ซึ่งในแต่ละครั้ง จะสังเกตกิริยา ท่าทาง น้ำเสียงในขณะที่เด็กเล่า ซึ่งทุกครั้งเด็กจะพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ ไม่หยาบคาย จากนั้นจึงได้สรุปประเด็นต่างๆ ที่ได้รับฟัง เพื่อให้มีความเข้าใจที่ตรงกัน และร่วมหาทางออกปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยให้เด็กและครอบครัวเสนอความคิดเห็นเป็นหลัก ให้สมาชิกในครอบครัวได้ทบทวนและตัดสินใจเอง และให้กำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไป จากที่ได้คลุกคลีกับเด็ก พบว่าเด็กมีความเป็นห่วงยายมาก เพราะยายมีอายุมาก สุขภาพ ไม่แข็งแรงและมีความกังวลกลัวว่าเจ้าหน้าที่จะทอดทิ้งจึงเชื่อฟังคำตักเตือน และพูดจาด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ ในส่วนของยายมีความกังวล และเป็นห่วงหลาน กลัวว่าหากตนเองเสียชีวิต หลานจะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ตามลำพังในสังคม


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 59 ๕๘ การวิเคราะห์แบบ Satir Model พฤติกรรม = อวัยวะเพศอักเสบ สงสัยว่าถูกล่วงละเมิดจากคนในครอบครัว ความรู้สึก = เสียใจ ไม่มีความสุข ความรู้สึกต่อความรู้สึก = โกรธ เกลียด การรับรู้= ต้องออกจากบ้านไปอยู่สถานสงเคราะห์ ไปอยู่กับผู้อุปการะที่จังหวัดตรัง ความปรารถนาลึกๆ = อยากกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับยาย และ พี่ชาย ตัวตน = กังวล กลัวว่าจะไม่มีใครดูแล 4.๒) ทักษะและเทคนิคที่นำไปใช้ การสร้างสัมพันธภาพ เริ่มต้นด้วยการไปมาหาสู่ ดูแลอย่างต่อเนื่อง ให้คำปรึกษามาตลอด ตั้งแต่มารดาถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบ ปี 2566 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 10 ปี รวมถึงการดูแลนอกเหนือภารกิจ ติดต่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่าที่ทำได้ ติดตามการเรียน รวมถึงเอกสารรับรองจากทางโรงเรียนเพื่อประกอบการเบิกจ่ายเบี้ยยังชีพรายเดือนของเด็ก จนกลายเป็น ส่วนหนึ่งของครอบครัว ทุกครั้งที่ยายเข้าเมืองไปส่งเอกสารที่สำนักงานฯ ยายจะมีผักที่ปลูกไปให้เสมอ การฟังเป็นผู้รับฟังที่ดีในทุกครั้งที่เด็กหรือคนในครอบครัวมีปัญหา แล้วโทรมาเล่าให้ฟัง จะตั้งใจฟัง และไม่ปล่อยผ่าน พยายามทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน การเป็นผู้สังเกตที่ดี ทุกครั้งที่มีการพูดคุย จะสังเกต คำพูด สีหน้า น้ำเสียง กิริยาท่าทาง ต่าง ๆ ที่เด็กแสดงออกเพื่อประกอบกับข้อมูลที่ได้รับ ทำให้รู้ว่าขณะนั้นเด็กมีความรู้สึกอย่างไร เช่น เครียด สับสน กังวลใจ โกรธ เกลียด ฯลฯ ในทุกครั้งที่เด็กเล่าปัญหาที่เกิดขึ้นให้ฟัง จะถามว่า แล้วหนูทำอย่างไร ตอนนี้รู้สึกอย่างไร เพื่อให้เด็กได้ทบทวนความรู้สึกของตนเอง เมื่อจบการสนทนาทุกครั้ง จะลงท้ายด้วยการเสริมพลังให้เด็ก เช่น เห็นมั้ยว่าหนูทำได้ หรือ ป้าเชื่อว่าลูกทำได้ ป้าเป็นกำลังใจให้นะคะ ฯลฯ


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 60 ๕๙ 5. เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ที่นำไปใช้ Genogram (แผนผังครอบครัว) Time Line (ลำดับเหตุการณ์สำคัญในชีวิต) อายุ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 ๖. การประเมินสภาพปัญหาความเดือดร้อน 5 มิติ (ด้านที่อยู่อาศัย ด้านสุขภาพ ด้านรายได้ ด้านการศึกษา และด้านการเข้าถึงบริการของภาครัฐ) สภาพปัญหา 5 มิติ รายละเอียด ด้านที่อยู่อาศัย -อาศัยอยู่บ้านของตนเอง สภาพไม่เหมาะสำหรับพักอาศัย ด้านสุขภาพ กาย -ผู้ใช้บริการ ไม่ชอบอาบน้ำ และไม่รักษาความสะอาด เนื้อตัวมอมแมม เป็นเหา -ยาย การเดินจะต้องใช้รถจักรยานค้ำเพื่อป้องกันการหกล้ม จิต -มีความกังวลและเป็นห่วงหลานมาก -หลานชาย ควบคุมอารมรณ์ไม่ค่อยได้ พฤติกรรมก้าวร้าว พูดจาหยาบคาย ด้านรายได้ -ยายปลูกผักสวนครัวขาย และได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ -หลานชายเลี้ยงวัว ๘๒ 20 15 2556 ชุมชน 2566 เกิด 3 ก.ค. 2551 26 มี.ค. 2556 แม่เสียชีวิตพ่อออกจากบ้าน อาศัยอยู่กับตา ยาย และพี่ชาย 2563 บ้านพักเด็กฯ ปัตตานี สถานสงเคราะห์เด็กปัตตานี 2565 กลับไปอยู่กับตา ยาย และพี่ชาย 2566 ตาเสียชีวิต


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 61 ๖๐ สภาพปัญหา 5 มิติ รายละเอียด ด้านการศึกษา -ผู้ใช้บริการเรียนที่การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ด้านการเข้าถึง บริการของภาครัฐ -หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาฯ จังหวัดปัตตานี มีการติดตามและคอยให้คำแนะนำ ปรึกษา และช่วยเหลืออยู่ตลอด ผลการติดตามและนิเทศงานการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา ผู้ให้บริการ 1) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดปัตตานีมีกระบวนการให้คำปรึกษาดี 2) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดปัตตานีมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ใช้บริการ จนได้รับความไว้วางใจเพราะ ผู้ใช้บริการจะโทรมาปรึกษาหารือในทุกเรื่อง 2) มีการประสานงานกับองค์การบริการส่วนตำบลควนโนรี อพม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ใช้บริการ 1) การติดตามผู้ใช้บริการเชิงลึกมีความลำบากเนื่องจากมีปัญหาซับซ้อน 2) ผู้ใช้บริการไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน จึงไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยว 3) พี่ชายคนโตเป็นออทิสติก มีความเสี่ยงในเรื่องของภาวะวัยรุ่น การระบายออกของพฤติกรรม ทางเพศ การช่วยตัวเอง จึงควรให้ความรู้เรื่องเพศกับเขา) 4) ความเสี่ยงของน้องสาว คือการดูแลตนเอง และการศึกษาต่อ (เนื่องจากกำลังเป็นวัยรุ่น) 5) ความเสี่ยงของยาย เป็นโรคความดันโลหิตสูง มีอาการคันตามตัว 6) สภาพแวดล้อมทางบ้านไม่สะอาด ไม่ถูกสุขลักษณะ ภาพการประชุมถอดบทเรียน ณ สนง.พมจ.ปัตตานี


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 62 ๖๑ จังหวัดสตูล กรณีศึกษาที่ 1 นายมีน (นามสมมุติ) อายุ 37 ปีผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบฯ กรณีระเบิดในพื้นที่จังหวัดปัตตานี เมื่อปี พ.ศ. 2551 ได้รับบาดเจ็บระดับ 3 ส่งผลให้มีอาการหูอื้อจนถึง ปัจจุบัน ผู้ใช้บริการประกอบอาชีพรับจ้าง สมาชิกในครอบครัวมีทั้งหมด 3 คน บิดา และบุตร 2 คน ส่วนภรรยาไปทำงานที่จังหวัดภูเก็ต ๑. การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ (ด้านกาย จิต สังคม และครอบครัว) การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ รายละเอียด กาย -ผู้ใช้บริการมีปัญหาด้านการได้ยินมีอาการหูอื้อและมีโรคประจำตัวโรคภูมิแพ้ จิต -ผู้ใช้บริการเป็นคนมีจิตใจดี สุภาพอ่อนโยน มองโลกเชิงบวก สังคม -ผู้ใช้บริการอัธยาศัยดี เป็นที่รักของคนในชุมชน ครอบครัว -เป็นครอบครัวอบอุ่น (ครอบครัวเดี่ยว บิดา มารดา บุตร) มีการทำกิจกรรม ร่วมกันและเข้าสู่กิจกรรมทางสังคมอยู่เป็นประจำ เป็นที่รักของคนในครอบครัว 2. ความเสี่ยง 2.๑) ความไม่ปลอดภัยเรื่องที่อยู่อาศัยเนื่องจากมีบุตรสาวที่กำลังโต (กำลังเรียนชั้น ม.2) ซึ่งสภาพ บ้านเป็นบ้านใต้ถุนสูงไม่มั่นคงแข็งแรง ฝาผนังบ้านยังกั้นไม่เสร็จ ห้องนอนกั้นด้วยตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำอยู่นอกตัว บ้าน (ด้านล่าง) อยู่ห่างจากชุมชน 2.๒) ความเสี่ยงด้านสุขภาพ เนื่องจากผู้ใช้บริการมีอาการหูอื้อ โรคภูมิแพ้ มีปัญหาเรื่องการนอน ภรรยามีปัญหาโรคผิวหนัง (มีอาการคัน) บุตรชายมีภาวะอ้วน 3. จุดแข็ง/ศักยภาพ เป็นคนที่รักครอบครัว ตั้งใจทำงานเลี้ยงครอบครัว ไม่เกเร ไม่เลือกงาน รู้จักพอเพียงและยอมรับ ในสิ่งที่ตนเองประสบ รู้จักวางแผนการดำเนินชีวิต เช่น การได้รับความช่วยเหลือจากศูนย์อำนวยการบริหาร จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นเงิน 40,000.-บาท (เงินทุนเพื่อการปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัย) โดยการจัดสรรเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 นำมาสร้างบ้านใหม่เป็นของตนเอง (หลังเล็กๆ) จากเดิมอาศัย อยู่ร่วมกับมารดาซึ่งอาศัยอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ ปัจจุบันบ้านยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ส่วนที่ 2 นำมาซื้อเรือ ท้องแบนพร้อมอุปกรณ์ประกอบอาชีพ (เรือและเครื่องมือประมง) เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพหาเลี้ยง ครอบครัวจนถึงปัจจุบัน


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 63 ๖๒ อายุ 38 ปี ภรรยาไปทำงาน ภูเก็ต (แยกกันอยู่) 4. การนำกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาไปใช้กับผู้ใช้บริการ 4.1) วิธีการที่นำไปใช้ การทำงานให้สำเร็จ ถูกต้องตามกระบวนการ โดยการสร้างความไว้วางใจแสดงให้เห็นถึง ความจริงใจ ความใส่ใจและกระตือรือร้นที่จะให้ความช่วยเหลือ เข้าใจปัญหาและกระตุ้นให้ผู้ใช้บริการ มีส่วนร่วมในการสำรวจปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของตนเอง ผู้ให้การปรึกษาจะต้องช่วยผู้ใช้บริการ ได้กำหนดหรือตั้งเป้าหมายสิ่งที่พอใจอยากจะเห็นหรือบรรลุผลสำเร็จ และดำเนินการโดยการวางแผน และการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ ให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพด้านโภชนาการบำบัด เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีซึ่งต้องเริ่มจากการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่มีสารปนเปื้อน ซึ่งก่อให้เกิด โรคภูมิแพ้ โรคผิวหนัง และโรคอ้วน 4.2) ทักษะและเทคนิคที่นำไปใช้ ทำงานอย่างตั้งใจ รับรู้เข้าใจปัญหา และหาแนวทางแก้ไข บันทึกข้อมูล 5. เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ที่นำไปใช้ Genogram (แผนผังครอบครัว) Timeline (ลำดับเหตุการณ์สำคัญในชีวิต) ๓๑ ๑๔ ๑๒ ๓๗ อายุ ๑-๒๐ อาศัยอยู่กับ พ่อแม่ เป็น ครอบครัวใหญ่ อายุ 24 ปี แต่งงาน อาศัยอยู่กับ พ่อแม่ อายุ 31 ปี ป่วยภูมิแพ้ อายุ ๒๑ ปี เข้ารับราชการ (ทหารเกณฑ์) เกิดเหตุระเบิด ได้รับบาดเจ็บ เล็กน้อย หูอื้อ อายุ ๒๕-๓๐ ปี ได้รับงบประมาณ ช่วยเหลือจาก ศอ.บต. ๔๐,๐๐๐ บาท นำมาสร้างบ้านและ ซื้อเรือ


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 64 ๖๓ ๖. การประเมินสภาพปัญหาความเดือดร้อน 5 มิติ (ด้านที่อยู่อาศัย ด้านสุขภาพ ด้านรายได้ ด้านการศึกษา และด้านการเข้าถึงบริการของภาครัฐ) สภาพปัญหา 5 มิติ รายละเอียด ด้านที่อยู่อาศัย -อาศัยอยู่บ้านของตนเอง สภาพไม่มั่นคง ด้านสุขภาพ กาย -ผู้ใช้บริการ มีปัญหาสุขภาพด้านการได้ยิน (หูอื้อ) เป็นภูมิแพ้ สูบบุหรี่วันละ 15-20 ม้วน -บุตรชาย เป็นโรคอ้วน มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน ต้องการเล่นฟิตเนส เพื่อลดความอ้วน จิต -ผู้ใช้บริการมีความเครียด กังวล มีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ เนื่องจากภรรยา ไปทำงานที่จังหวัดภูเก็ต สัมพันธภาพกับบุตรสาวดูห่างเหินกัน -บุตรคนโต ร้องไห้เมื่อพูดถึงความรัก คิดถึงมารดา อยากไปอยู่กับมารดาที่ภูเก็ต -บุตรชาย คิดถึงมารดา หน้าเศร้า ไม่ค่อยยิ้ม ไม่ค่อยสบตา ด้านรายได้ -ผู้ใช้บริการประกอบอาชีพรับจ้าง รายได้เดือนละ 4,500 บาท ด้านการศึกษา -บุตรคนโต ออกจากโรงเรียนกลางคัน ม.2 แต่จะกลับไปศึกษาต่อ -บุตรชาย จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ไม่ได้ศึกษาต่อ ด้านการเข้าถึง บริการของภาครัฐ -หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาฯ จังหวัดสตูล มีการติดตามและคอยให้คำแนะนำ ปรึกษา และช่วยเหลืออยู่ตลอด ผลการติดตามและนิเทศงานการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา ผู้ให้บริการ 1) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดสตูลมีสัมพันธภาพกับผู้ใช้บริการดีมาก 2) มีกระบวนการให้คำปรึกษาดีมาก 3) ผู้ปฏิบัติงานใช้เครื่องมือ Satir ในการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย แต่ยังไม่ชำนาญในการใช้เครื่องมือ จะต้องฝึกฝนบ่อยๆ จะทำให้เกิดความชำนาญ ผู้ใช้บริการ 1) ควรหาข้อมูลประเด็นความเสี่ยงเชิงลึกด้านจิตใจของบิดาเนื่องจากตอนนี้แยกกันอยู่กับภรรยา 2) บุตรคนเล็กมีปัญหาโรคอ้วน และมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน 3) สัมพันธภาพระหว่างสมาชิกในครอบครัว มีความห่างเหิน ไม่ค่อยเข้าใจกันระหว่างบิดากับบุตรสาว 4) บิดามีความเสี่ยงการดื่มน้ำกระท่อมผสมกับยาแก้ไอ การสูบยาเส้น 15-20 ม้วนต่อวัน


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 65 ๖๔ กรณีที่ 2 นายสน (นามสมมุติ) อายุ 52 ปี กลุ่มเปราะบาง ครอบครัวมีสมาชิกทั้งหมด 9 คน ประกอบด้วย บิดา มารดา และบุตร 7 คน ปัจจุบันผู้ใช้บริการอาศัยอยู่กับบุตร 6 คน ส่วนภรรยากับบุตรคน (คนที่ 1 และ 2) ไปทำงานที่อื่น ๑. การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ (ด้านกาย จิต สังคม และครอบครัว) การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ รายละเอียด กาย -ผู้ใช้บริการมีความพิการทางการเคลื่อนไหว สุขภาพไม่แข็งแรง ป่วยเป็น โรคหอบเรื้อรัง มีอาการตัวสั่น ขาดการรักษาอย่างต่อเนื่อง จิต -แยกกันอยู่กับภรรยา ในขณะที่อยู่ด้วยกันกับภรรยาไม่ได้ดูแลเอาใจใส่ เนื่องจากครอบครัวมีบุตรจำนวนมาก จำเป็นต้องทำงานเพื่อหารายได้ มาเลี้ยงดูบุตร สังคม -ครอบครัวของมารดาและพี่สาวของผู้ใช้บริการคอยให้การช่วยเหลือผู้ใช้บริการ อยู่เป็นประจำ รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐ คอยให้การช่วยเหลือในทุกๆ ด้าน -ผู้ใช้บริการไม่ได้มีสัมพันธภาพกับคนในหมู่บ้านหรือชุมชน ชอบเก็บตัวอยู่แต่ ในบ้าน หรือเข้าป่าไปหาผัก มาเพื่อให้ลูกๆ ไปขายในหมู่บ้าน ครอบครัว -บุตรของผู้ใช้บริการ จะแยกกันอยู่ บางครั้งอยู่บ้านพ่อ บางครั้งอยู่บ้านแม่ และบางคนอาศัยอยู่กับย่า บางคนอาศัยอยู่กับแม่ บางครั้งไปมาระหว่างบ้าน ของพ่อ บ้านของแม่ และบ้านของย่า บุตรไม่ได้เรียนหนังสือตามเกณฑ์ ๒. ความเสี่ยง 2.1) ปัญหาสภาพจิตใจและสุขภาพของผู้ใช้บริการ 2.2) สภาพที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อม 3. จุดแข็ง/ศักยภาพ ความตั้งใจในการให้ความร่วมมือของเจ้าหน้าที่กับผู้ใช้บริการ ๔. การนำกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาไปใช้กับผู้ใช้บริการ 4.๑) วิธีการที่นำไปใช้ ผู้ให้บริการพูดตอบรับ ภายหลังจากที่ผู้ใช้บริการพูดจบ โดยไม่มีการขัดจังหวะ ทำให้ผู้ใช้บริการเล่าปัญหาของตนเอง ในขณะที่ผู้ให้บริการก็ฟังอย่างตั้งใจเพื่อให้เข้าใจปัญหา 4.๒) ทักษะและเทคนิคที่นำไปใช้ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องแนะนำตัวก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ผู้ใช้บริการรู้จัก และเข้าใจว่ามาจากที่ไหน ต้องการอะไร โดยการทักทายและใช้ภาษาการพูดคุยแบบที่เป็นกันเอง ไม่เป็นทางการมากนัก เพื่อให้ ผู้ใช้บริการมั่นใจต่อการเปิดเผยปัญหาของตน โดยการเปิดประเด็นปัญหาของผู้ใช้บริการ และรับฟังอย่างตั้งใจ เพื่อแสดงความพร้อมที่จะใส่ใจ และพร้อมที่จะช่วยเหลือให้มีความเข้าใจตรงกันในประเด็นที่ต้องการ


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 66 ๖๕ 5.เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ที่นำไปใช้ Genogram (แผนผังครอบครัว) ๖. การประเมินสภาพปัญหาความเดือดร้อน 5 มิติ (ด้านที่อยู่อาศัย ด้านสุขภาพ ด้านรายได้ ด้านการศึกษา และด้านการเข้าถึงบริการของภาครัฐ) สภาพปัญหา 5 มิติ รายละเอียด ด้านที่อยู่อาศัย -อาศัยอยู่บ้านของตนเอง สภาพไม่เหมาะสมสำหรับพักอาศัย ทางสำนักงานพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลควน ขัน ได้ปรับปรุงที่อยู่อาศัยตามโครงการเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิต คนสตูลทุกช่วงวัยสู่ความผาสุกที่ยั่งยืนฯ โดยมีการมอบบ้านในวันที่ 15 กันยายน 2566 ด้านสุขภาพ กาย -ผู้ใช้บริการ มีความพิการทางการเคลื่อนไหว (มือข้างขวา) สุขภาพไม่แข็งแรง ป่วยเป็นโรคหอบเรื้อรัง มีอาการตัวสั่น เคยมีอาการคลุ่มคลั่งนอนรักษาตัวที่ โรงพยาบาล 2 เดือน ปัจจุบันไม่ได้รับยา และขาดการรักษาอย่างต่อเนื่อง -บุตรคนที่ 4 มีปัญหาเรื่องสายตา จิต -ผู้ใช้บริการมีความคิดบิดเบียน ความคิดบางอย่างขัดแจ้งกัน ด้านรายได้ -รับจ้างถางป่าและหาของป่าขาย ด้านการศึกษา -บุตรคนที่ 3 กำลังศึกษาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) -บุตรคนที่ 4 กำลังศึกษาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) -บุตรคนที่ 5 กำลังศึกษาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) -บุตรคนที่ 6 ไม่ได้เข้าสู่ระบบการศึกษา -บุตรคนที่ 7 ไม่ได้เข้าสู่ระบบการศึกษา ด้านการเข้าถึง บริการของภาครัฐ -สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล กำลังดำเนินการ เพื่อให้บุตรคนที่ 6 เข้าสู่ระบบการศึกษา -องค์การบริหารส่วนตำบลควนขัน จะสนับสนุนอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ แต่ทางผู้ใช้บริการปฏิเสธ 53 22 20 17 15 14 7 4 52


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 67 ๖๖ ผลการติดตามและนิเทศงานการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา ผู้ให้บริการ 1) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดสตูลกับผู้ใช้บริการมีสัมพันธภาพที่ดี กระบวนการให้คำปรึกษา ได้ข้อมูลครบ 2) มีการประสานงานกับเครือข่ายเพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือได้ดีมาก อาทิ องค์การบริหารส่วน ตำบลควนขัน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลควนขัน และแกนนำชุมชน ผู้ใช้บริการ 1) ควรมีการให้คำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับการศึกษาต่อของบุตรคนที่ 6 ที่ต้องแยกไปเรียนที่โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์นาทวี หรือจะเลือกเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน 2) การติดตามอาการทางด้านโรคประสาทและโรคหอบหืดของผู้ใช้บริการ 3) การติดตามภาวะโรคผอม น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ (ลูกคนเล็ก) น้ำหนัก 8-10 กิโลกรัม ส่วนสูง 90 ซม. 4) ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสายตาเพื่อแก้ไขสายตาเอียงของบุตรคนกลาง 5) ค้นหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกระบวนการคิด (เชิงเหตุผล/ความเป็นจริง) กรณีปลูกผัก และค้นหาเพิ่มเติมเรื่องความคิดที่บิดเบือนโดยเฉพาะเรื่องการส่งลูกเรียนหรืออาการของโรคที่แท้จริงที่อาจมี ผลกระทบต่อการใช้ชีวิต 6) จุดแข็งของครอบครัวมีความรักและอบอุ่น ภาพการประชุมถอดบทเรียน ณ สนง.พมจ.สตูล


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 68 ๖๗ จังหวัดสงขลา กรณีศึกษาที่ 1 นางเรียม (นามสมมุติ) อายุ 44 ปีกลุ่มเปราะบาง แม่เลี้ยงเดี่ยว มีสมาชิกในครอบครัว 5 คน ประกอบด้วย ยาย มารดา และบุตร 3 คน เป็นครอบครัวผู้มีรายได้น้อย ผู้ใช้บริการเป็นเสาหลักของครอบครัว ประกอบอาชีพขายขนมต้ม รายได้ประมาณวันละ 100-200 บาท เพื่อมาเลี้ยงครอบครัวให้อยู่รอดในแต่ละ วันด้วยความยากลำบาก ๑. การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ (ด้านกาย จิต สังคม และครอบครัว) การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ รายละเอียด กาย ร่างกายผอมนอนไม่หลับ จิต มีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายของครอบครัว สังคม เก็บตัวอยู่บ้านเพียงลำพังกับบุตร โดยไม่สุงสิงกับเพื่อนบ้าน ครอบครัว เป็นครอบครัวเดี่ยว 2. ความเสี่ยง -ด้านสุขภาพและรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ไม่มีคนคอยให้คำปรึกษา 3. จุดแข็ง/ศักยภาพ -มีความขยัน และอดทนพยายามเลี้ยงดูบุตรเพียงลำพังโดยไม่ย่อท้อ 4. การนำกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาไปใช้กับผู้ใช้บริการ 4.๑) วิธีการที่นำไปใช้ หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดสงขลา ได้ทำกระบวนการสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาแนวทางแก้ไข ให้กับครอบครัวของผู้ใช้บริการที่ลำบาก เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือเป็นเงินสงเคราะห์ครอบครัวและให้กำลังใจ และมีพลังต่อสู้กับชีวิต 4.๒) ทักษะและเทคนิคที่นำไปใช้ การสร้างสัมพันธ์ภาพและการตั้งคำถามว่าสิ่งที่ต้องการเพื่อให้ดำรงชีวิตได้ยั่งยืน ผู้ใช้บริการ ต้องการทุนประกอบอาชีพเพื่อได้พึ่งพาตนเองได้


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 69 ๖๘ 5. เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ที่นำไปใช้ Genogram (แผนผังครอบครัว) Time Line (ลำดับเหตุการณ์สำคัญในชีวิต) 2522 2541 2542 2542 2550 2560 2565 เกิด สมรส คลอดบุตรชาย หย่าร้าง สมรสใหม่ หย่าร้าง ขอทุนแม่ ต.ตลิ่งชัน 1 คน มีบุตร 3 คน เลิกรากับสามี ผู้ยากไร้ (สามีทอดทิ้งบุตร) ๖. การประเมินสภาพปัญหาความเดือดร้อน 5 มิติ (ด้านที่อยู่อาศัย ด้านสุขภาพ ด้านรายได้ ด้านการศึกษา และด้านการเข้าถึงบริการของภาครัฐ) สภาพปัญหา 5 มิติ รายละเอียด ด้านที่อยู่อาศัย -อาศัยอยู่บ้านของตนเอง ทางผู้ใหญ่บ้านได้รับงบประมาณมาเพื่อสร้างบ้านให้กับ ครอบครัวที่ยากลำบาก ซึ่งบ้านได้สร้างเสร็จแล้วแต่ทางผู้ใช้บริการไม่ยอมย้ายไปอยู่ บ้านหลังใหม่ (เนื่องจากเกิดคำถามว่าทำไมบ้านที่ผู้ใหญ่บ้านสร้างให้ตนเองหลังเล็ก ในขณะที่ของคนอื่นที่สร้างพร้อมกันมีหลังใหญ่กว่า นอกจากนี้ยังมีปัญหาทางเข้าบ้าน เพราะบ้านตนเองอยู่ด้านในสุด จะต้องเดินผ่านที่ดินของคนอื่น ยังไม่ได้ติดตั้งไฟฟ้า และน้ำประปา) ด้านสุขภาพ กาย -ผู้ใช้บริการ มีร่างกายเล็ก ซูบผอม น้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ (34 กิโลกรัม) -ยาย เป็นโรคหอบหืด และภาวะสมองเสื่อม หลงลืม -บุตรคนที่ 1 และ 2 มีรูปร่างผอม ซีด (คนที่ 2 ไม่ค่อยทานข้าว) 44 ๒๑ 81 ๑๘ ๑๕ ๑๒


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 70 ๖๙ สภาพปัญหา 5 มิติ รายละเอียด จิต -ผู้ใช้บริการ ใบหน้าเศร้า มีความเครียด กังวล เป็นโรคซึมเศร้าไม่เข้ารับการรักษา อย่างต่อเนื่อง มีความคิดบิดเบือน (ไม่ให้บุตรคนที่ 2 ศึกษาต่อให้อยู่เฝ้าบ้าน) นอนไม่หลับ (ปัญหาค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ) -บุตรคนที่ 1 นอนไม่หลับ -บุตรคนที่ 2 ไม่ค่อยยิ้ม ไม่สบตา พูดน้อย อยากทำงานที่เซเว่น ด้านรายได้ -ผู้ใช้บริการ ประกอบอาชีพขายขนมต้ม รายได้ประมาณวันละ 100-200 บาท -ยาย มีอาชีพขายยาสมุนไพร รายได้ 100-200 บาท (รายได้ไม่แน่นอน) ด้านการศึกษา -บุตรคนที่ ๑ อายุ 1๘ ปี กำลังศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) อยากเป็นหมอ และกำลังจะสอบเข้าคณะแพทย์ศาสตร์เมื่อเรียนจบ ม. 6 เกรดเฉลี่ย 3.8 -บุตรคนที่ 2 อายุ 15 ปี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ม. 2 กำลังขึ้น ม.3 (ไม่ได้เรียนต่อ หยุดเรียน 1 ปี) -บุตรคนที่ 3 อายุ 12 ปี กำลังศึกษาระดับประถมศึกษา (ป.6) ด้านการเข้าถึง บริการของภาครัฐ -สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสงขลา องค์การบริการส่วน ตำบลตลิ่งชัน และหน่วยงานอื่นๆ ให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง -พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสงขลา ได้มอบหมายให้ หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาดำเนินการรวบรวมข้อมูลและนำข้อมูลไปพิจารณา ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาระกิจวงสานฝันเด็กและเยาวชนสงขลา -พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสงขลา ได้รับการแจ้งจากนายกเหล่า กาชาดจังหวัดสงขลา ในกรณีที่เด็กเรียนดี ยากจน แต่ขาดทุนทรัพย์ แนะนำให้ทำ หนังสือแจ้งทางกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอรับกทุนการศึกษา -พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสงขลา ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาประสานกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตลิ่งชัน เพื่อให้นำผู้ใช้บริการเข้ารับการรักษาโรคซึมเศร้า 7. การประเมินพฤติกรรมผู้ใช้บริการจากกิจกรรมวงล้อ 24 ชั่วโมง เวลา 03.00 -ตื่นนอน เริ่มทำขนมหวานถึง 04.30 น. เวลา 05.00 -ละหมาด เวลา 06.00-14.00 น. -ปั่นจักรยานขายขนม เวลา 14.00 -ทานอาหารเช้า (กินชาเย็นเวลารู้สึกเหนื่อย 2 ถุง/วัน เวลา 15.00-20.00 น. -ทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ งานบ้าน ทำกับข้าว เวลา 21.00 น. -รับประทานอาหารเย็น เวลา 21.00-24.00 น. -พยายามนอนแต่นอนไม่ค่อยหลับ (พฤติกรรมเสี่ยง: ไม่ค่อยดื่มน้ำ ทานอาหารไม่เป็นเวลา นอนไม่ค่อยหลับ มีอาการของโรคซึมเศร้า)


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 71 ๗๐ ผลการติดตามและนิเทศงานการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา ผู้ให้บริการ 1) สัมพันธภาพระหว่างหน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดสงขลา กับผู้ใช้บริการดีมาก กระบวนการ ให้คำปรึกษาดี (ข้อมูลที่เก็บรวบรวม) 2) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดสงขลา มีข้อจำกัดเนื่องจากภาระงานอาจทำให้การติดตามล่าช้า 3) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดสงขลา มีการประสานงานกับเครือข่ายดีมาก โดยมีองค์การบริหาร ส่วนตำบลตลิ่งชัน และ อสม. เข้ามามีส่วนร่วม ผู้ใช้บริการ 1) กระบวนการให้คำปรึกษาเชิงลึกควรเจาะทีละประเด็น 2) การติดตามเรื่องการศึกษาต่อของบุตร และการรักษาโรคซึมเศร้าของผู้ใช้บริการ 3) ประเด็นสุขภาพ ภาวะซึมเศร้าของผู้ใช้บริการมีผลกระทบต่อเด็กๆ ที่อยู่ในวัยเรียนเพราะ ลูกคนกลางไม่ได้ศึกษาต่อเนื่องจากต้องมีคนเฝ้าบ้าน 1 คน ผู้ใช้บริการมีความคิดเชิงลบกับตนเองและ เพื่อนบ้าน ควรมีการประสานงานกับสาธารณะสุขเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับยาอย่างต่อเนื่อง (ขาดยา 2 ปี) 4) พฤติกรรมทำให้เพิ่มความรุนแรงของโรค 5) บุตรไม่ได้ตรวจสุขภาพ ซึ่งบางคนอาจมีปัญหาเรื่องสุขภาพ 6) ยายมีภาวะความจำเสื่อม ควรนำไปพบแพทย์ 7) ควรให้บุตรคนโตบันทึกพฤติกรรมการนอนของมารดา


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 72 ๗๑ กรณีศึกษาที่ 2 นางพร (นามสมมุติ) กลุ่มเปราะบาง บุตรคนที่ ๓ พิการหัวใจผิดรูปแต่กำเนิด (กระดูกหน้าอกกดทับหัวใจแล้วหัวใจไปกดทับปอด) เป็นผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์เดิมรักษา ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.) ต่อมาได้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดีในระยะแรกของการรักษา แพทย์จะนัดปีละ 3 ครั้ง สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษาทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์จังหวัดสงขลา จะช่วยเหลือเป็นสงเคราะห์ครอบครัวทุกครั้ง ปัจจุบันบุตรได้รับการรักษาเสร็จสิ้นแล้ว สามารถใช้ชีวิตได้ปกติแต่ไม่สามารถออกกำลังกายได้สมาชิกในครอบครัวมีทั้งหมด 6 คน ประกอบด้วย บิดา มารดา และบุตร 4 คน 1. การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ (ด้านกาย จิต สังคม และครอบครัว) การประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ รายละเอียด กาย สุขภาพแข็งแรง จิต กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการนำบุตรไปรักษาที่กรุงเทพ สังคม มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้าน ครอบครัว เป็นครอบครัวเดี่ยว 2. ความเสี่ยง -มีความเสี่ยงสูงรายได้ไม่เพียงพอในการดำรงชีวิตประจำวัน 3. จุดแข็ง/ศักยภาพ -มีความขยัน อดทนในการประกอบอาชีพ 4. การนำกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาไปใช้กับผู้ใช้บริการ 4.๑) วิธีการที่นำไปใช้ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสงขลาร่วมกับองค์การบริหารส่วน ตำบลนาทับ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เยี่ยมเยียนทุกปีและมอบเงินช่วยเหลือเป็นเงินสงเคราะห์ ครอบครัวอย่างต่อเนื่อง 4.๒) ทักษะและเทคนิคที่นำไปใช้ การสร้างสัมพันธ์ภาพ การประสานความร่วมมือทุกภาคส่วนเพื่อให้ครอบครัวสามารถ ช่วยเหลือตนเองได้


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 73 ๗๒ พ.ศ. ๒๕๖๖ (20 ต.ค. 66) นัดรับผลการ ผ่าตัด 5. เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ที่นำไปใช้ Genogram (แผนผังครอบครัว) Time Line (ลำดับเหตุการณ์สำคัญในชีวิต) 4 4 26 20 14 8 พ.ศ. 2551 (อายุ 1- 4 ปี) เริ่มรักษาตั้งแต่ อายุ 1-4 ปี รพ.สต.ใกล้บ้าน พ.ศ. 2556 เข้ารักษาตัวที่ รพ.มอ. พ.ศ. 2565 ผ่าตัดครั้งที่ 2 ที่ รพ.รามาธิบดี ทาง รพสต. ได้นำเข้าเฝ้า สมเด็จพระเทพฯ ได้เป็นคนไข้ใน พระบรมฯ ส่งตัว มารักษาตัวที่ รพ.มอ. พ.ศ. 2561 (1 ม.ค. 61) ผ่าตัดครั้งที่ 1 ที่ รพ.รามาธิบดี


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 74 ๗๓ ๖. การประเมินสภาพปัญหาความเดือดร้อน 5 มิติ (ด้านที่อยู่อาศัย ด้านสุขภาพ ด้านรายได้ ด้านการศึกษา และด้านการเข้าถึงบริการของภาครัฐ) สภาพปัญหา 5 มิติ รายละเอียด ด้านที่อยู่อาศัย -อาศัยอยู่บ้านของตนเอง ด้านสุขภาพ กาย -ผู้ใช้บริการ เป็นโรคภูมิแพ้ และข้อเข่าเสื่อม -สามี กระดูกทับเส้น รองช้ำด้านขวา (จะเป็นเฉพาะช่วงเช้า) ปวดหลัง แขนด้านซ้าย เริ่มมีอาการชา (เคยตกตึก 3 ชั้น) และพักผ่อนไม่เพียงพอ -บุตรคนที่ 3 พิการหัวใจผิดรูปแต่กำเนิด (กระดูกหน้าอกกดทับหัวใจแล้วหัวใจ ไปกดทับปอด) ปัจจุบันรักษาหายปกติแล้ว แต่มีโรคอื่นเกิดขึ้นอีกบริเวณขาด้านขวา ครั้งแรกเป็นตุ่มน้ำใสๆ ต่อมาผิวบริเวณนั้นได้กลายเป็นสีดำและลุกลามเป็นวงกว้าง ขึ้น ได้ไปพบแพทย์ซึ่งได้ยาทาและยาทานมา แต่ยังไม่หาย แพทย์นัดอีกครั้งเดือนตุลาคม 2566 -บุตรคนที่ 4 มีพัฒนาการช้า ฝึกพูดตอน 3 ขวบ ไม่ค่อยออกเสียง จะมีความสับสน ด้านภาษา พูดเรียงคำไม่ถูก เขียนหนังสือช้า และเขียนกลับด้าน (ตอนท้องแม่เคยฉีด ยาเบาหวานรอบสะดือ 9 เข็ม) จิต -ผู้ใช้บริการ มีความเครียด วิตก กังวล -สามี มีความเครียดเรื่องบุตร -บุตรคนที่ 3 มีภาวะเครียดและกังวล ด้านรายได้ -ผู้ใช้บริการ มารดาประกอบอาชีพขายไก่ทอด มีรายได้ 400-500 บาท/วัน --- -บิดาประกอบอาชีพรับจ้างเฝ้าโรงงาน (ร้าง) วันละ 300 บาท -บุตรคนที่ 1 ทำงานร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ด้านการศึกษา -บุตรคนที่ 1 จบวิทยาลัยเทคนิคจะนะ ไม่ศึกษาต่อ -บุตรคนที่ 2 กำลังศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.2) -บุตรคนที่ 3 กำลังศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.3) โรงเรียนจริยธรรมศึกษา มูลนิธิ จังหวัดสงขลา เกรดเฉลี่ย 3.5 เป็นหัวหน้าห้อง ชอบภาษาอังกฤษ -บุตรคนที่ 4 กำลังศึกษาระดับประถมศึกษา (ป.2) โรงเรียนอนุบาลอิสลามสงขลา ด้านการเข้าถึง บริการของภาครัฐ -สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของจังหวัดสงขลา ให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ครอบครัวอย่างต่อเนื่อง -ประสานทางองค์การบริการส่วนตำบลนาทับเรื่องการปรับปรุงที่อยู่อาศัย


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 75 ๗๔ ผลการติดตามและนิเทศงานการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา ผู้ให้บริการ 1) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยามีสัมพันธภาพกับผู้ใช้บริการดีมาก กระบวนการให้คำปรึกษาดี (ข้อมูลที่เก็บรวบรวม) 2) หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาจังหวัดสงขลา มีการประสานงานกับเครือข่ายดีมาก โดยมีองค์การบริหาร ส่วนตำบลนาทับ เข้ามามีส่วนร่วม ผู้ใช้บริการ 1) กระบวนการให้คำปรึกษาเชิงลึกเจาะทีละประเด็นและต้องมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง 2) ติดตามสุขภาพของสมาชิกในครอบครัวทุกคนเพื่อให้เกิดการรักษาอย่างทันท่วงทีและต่อเนื่อง 3) ประเด็นสุขภาพของบิดา ให้ระมัดระวังเพราะมีความเสี่ยงหลายโรค ควรมีการเปลี่ยนที่นอนใหม่ เนื่องจากที่นอนที่ใช้อยู่ไม่เหมาะสำหรับคนที่เป็นกระดูกทับเส้น และควรมีการพักผ่อนให้เพียงพอ 4) บุตรคนที่ 3 ติดตามโรคหัวใจและผิวหนังอักเสบ การรับประทานอาหาร การพักผ่อน และการออก กำลังกาย 5) บุตรคนที่ 4 ติดตามพัฒนาการทางด้านสติปัญญา ภาษา และการประเมินเรื่องโรคต่างๆ ของเด็ก 6) ผู้ใช้บริการข้อเข่าเสื่อมควรเข้าสู่กระบวนการรักษา 7) บ้านมีปัญหาน้ำท่วม ในเบื้องต้นได้ประสานกับองค์การบริหารส่วนตำบลนาทับ ภาพการประชุมถอดบทเรียน ณ สนง.พมจ.สงขลา


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 76


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 77 ผลการติดตามผู้ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์ความไม่สงบ และกลุ่มเปราะบาง ตามกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาและการใช้ เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 78 ๗๖ ผลการติดตามผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบและกลุ่มเปราะบาง ตามกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ ภายหลังการอบรมได้มีการกำหนดให้หน่วยเคลื่อนที่เยียวยาฯ ทั้ง ๕ จังหวัด ๕๖ อำเภอ นำความรู้ จากการอบรมไปใช้ในการปฏิบัติงานจริงโดยการลงพื้นที่ติดตามผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบฯ และกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายเป็นรายเดิมที่ดำเนินการ ให้ความช่วยเหลือตามกระบวนการการจัดการรายกรณี (CM) จำนวน ๑๑๘ ครอบครัว และครอบครัวรายใหม่ จำนวน ๕๖ ครอบครัว รวมทั้งสิ้น ๑๗๔ ครอบครัว (อำเภอละ ๓ ครอบครัว) รายละเอียด ดังนี้.- 1. พื้นที่ดำเนินการ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดนราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา และสตูล) จังหวัด อำเภอ ตำบล จังหวัดนราธิวาส 13 39 จังหวัดยะลา 8 22 จังหวัดปัตตานี 12 36 จังหวัดสงขลา 16 38 จังหวัดสตูล 7 21 รวม 56 156 2. ข้อมูลครอบครัวจำแนกเป็นรายจังหวัด จังหวัด/ประเภท รายเก่า (ครอบครัว) รายใหม่ (ครอบครัว) รวม จังหวัดนราธิวาส 26 13 39 จังหวัดยะลา 16 8 24 จังหวัดปัตตานี 24 12 36 จังหวัดสงขลา 32 16 48 จังหวัดสตูล 20 7 27 รวม 118 56 174 ๓. ข้อมูลจำแนกตามประเภทผู้ใช้บริการ ประเภทผู้รับบริการ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล สงขลา รวม คนพิการจากสถานการณ์ความไม่สงบฯ 8 10 0 0 0 18 เด็กกำพร้าจากสถานการณ์ความไม่สงบฯ 1 2 0 0 0 3 ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสถานการณ์ฯ 2 0 4 0 0 6 ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โกดังพลุดอกไม้ไฟระเบิดมูโนะ 2 0 0 0 0 2 ผู้ประสบปัญหาทางสังคม 14 3 10 20 47 94 สตรีหม้ายจากสถานการณ์ความไม่สงบฯ 6 15 8 1 0 30 ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฯ 6 5 2 6 1 20 เด็กได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฯ 0 1 0 0 0 1 รวม 39 36 24 27 48 174


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 79 ๗๗ ผลการวิเคราะห์การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบฯ และกลุ่มเปราะบาง ตามกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ ของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้จำนวน 174 ครอบครัว ข้อมูลส่วนที่ ๑ ข้อมูลทั่วไปของผู้ใช้บริการ 1. เพศผู้ใช้บริการ เพศผู้ใช้บริการ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล สงขลา รวม เพศชาย 14 10 4 8 5 41 เพศหญิง 25 26 20 19 43 133 รวม 39 36 24 27 48 174 2. ช่วงอายุผู้ใช้บริการ เพศผู้ใช้บริการ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล สงขลา รวม อายุ 0-14 ปี 3 0 0 0 0 3 อายุ 15-24 ปี 1 2 0 4 1 8 อายุ 25-54 ปี 21 27 15 32 17 112 อายุ 55-64 ปี 11 6 7 9 3 36 อายุ 65 ปีขี้นไป 3 1 2 3 6 15 รวม 39 36 24 48 27 174 3. สถานภาพผู้ใช้บริการ สถานภาพผู้ใช้บริการ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล สงขลา รวม โสด 6 7 0 2 3 18 สมรส 15 12 8 13 13 61 หย่าร้าง/แยกกันอยู่ 3 1 1 3 14 22 หม้าย 15 16 15 9 18 73 รวม 39 36 24 27 48 174 4. จำนวนสมาชิกในครอบครัว สถานภาพผู้ใช้บริการ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล สงขลา รวม จำนวนครอบครัว 39 36 24 27 48 174 สมาชิกในครอบครัว 167 163 99 110 198 737 5. รายได้ต่อเดือน รายได้ต่อเดือน นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล สงขลา รวม 100-2,500 บาท 11 4 7 3 7 32 2,500-5,000 บาท 12 12 14 10 29 77 5,100-7,500 บาท 6 13 1 5 6 31 7,600-10,000 บาท 3 5 1 5 3 17 11,000-18,000 บาท/เดือน 1 1 1 3 0 6 รายได้ไม่แน่นอน 2 0 0 0 0 2 ไม่มีรายได้ 4 1 0 1 3 9 รวม 39 36 24 27 48 174


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 80 ๗๘ 6. ลักษณะปัญหา/ความยากลำบาก/ความเดือดร้อน/ปัญหาทางสังคม/ผลที่เกิดจากเหตุการณ์ ความไม่สงบ ลักษณะปัญหา/ความยากลำบาก/ ความเดือดร้อน/ปัญหาสังคม/ ผลที่เกิดจากเหตุการณ์ความไม่สงบ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล สงขลา รวม ความยากจน 15 19 16 20 39 109 โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ 10 5 13 11 5 44 ยาเสพติด 6 0 0 2 1 9 คนพิการ 15 11 1 3 5 35 สภาพแวดล้อม 3 1 2 2 5 13 บุคคลที่มีภาวะพึ่งพิง 0 6 0 7 16 29 อื่นๆ 0 1 0 6 3 10 รวม 49 43 32 51 74 249 7. กระบวนการช่วยเหลือที่ดำเนินการ กระบวนการช่วยเหลือที่ดำเนินการ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล สงขลา รวม เครื่องอุปโภคบริโภค 15 30 12 6 21 84 ปลูกบ้าน/ซ่อมแซมบ้าน/ห้องน้ำ/ราวจับฯ 5 8 3 10 15 41 ให้คำปรึกษา 31 33 24 22 28 138 พาไปโรงพยาบาล/รพ.สต. 5 7 0 1 2 15 เงินช่วยเหลือฉุกเฉิน 16 30 12 14 42 114 ส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 21 20 8 6 15 70 กิจกรรมเสริมพลัง 0 15 0 3 7 25 ทุนประกอบอาชีพ 12 8 3 2 5 30 ทุนการศึกษาบุตร 15 25 3 1 6 50 อื่นๆ 5 1 0 10 5 21 รวม 125 177 65 75 146 588 8. เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ที่นำไปใช้ 23 36 24 46 22 3 6 3 2 0 10 20 30 40 50 60 นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา สตูล เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ที่น าไปใช้ Genogra, Family tree Timeline การเขียนไดอารี่/จดบันทึกรายละเอียดผู้ประสบปัญหาทางสังคม ภาพวาด


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 81 79 ข้อมูลส่วนที่ ๒ ความพึงพอใจของท่านต่อการช่วยเหลือผู้ใช้บริการ ความพึงพอใจของท่านต่อการช่วยเหลือผู้ใช้บริการ ระดับคะแนนน้อยที่สุด 1น้อย 2ปานกลาง 3มาก 4มากที่สุด 5รวมเฉลี่ยจำนวน (คน) %จำนวน (คน) %จำนวน (คน) %จำนวน (คน) %จำนวน (คน) % ความพึงพอใจต่อการช่วยเหลือของผู้ใช้บริการ 0 0 0 2 1.15 67 38.51 105 60.34 174 4.59 การนำกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาไปใช้ ในการปฏิบัติงาน 0 0 4 2.3 20 11.5 82 47.13 68 39.08 174 4.23 การนำเครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ไปใช้ 0 0 3 1.72 13 7.47 85 48.85 73 41.95 174 4.31 ท่านคิดว่าตนเองสามารถนำกระบวนการจิตวิทยา การปรึกษาไปใช้และเกิดผลกับผู้ใช้บริการในระดับใด 0 0 6 3.45 16 9.2 80 45.98 72 41.38 174 4.25 4.35


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 82 80 ผลการวิเคราะห์การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบฯ และกลุ่มเปราะบาง ตามกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ ของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้(รายเก่า) การติดตามผลการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบฯ และกลุ่มเปราะบาง ตามกระบวนการจิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์ของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ (รายเก่า) จำนวน 118 ครอบครัว รายละเอียด ดังนี้.- 1. ตารางแสดงผลการติดตามคุณภาพชีวิตผู้ใช้บริการ ระดับ/จังหวัด นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา สตูล รวม คงที่ 2 3 0 2 4 11 ดีขึ้น 22 15 14 23 9 83 ติดตามต่อ 2 6 2 7 7 24 รวม 26 24 16 32 20 118 2. กราฟแสดงผลการติดตามคุณภาพชีวิตผู้ใช้บริการในภาพรวมของ 5 จังหวัด 11 83 24 คงที่ ดีขึ้น ติดตามต่อ


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 83 81 3. ตารางจำแนกจำนวนผู้ใช้บริการและประเด็นปัญหา รายละเอียด นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา สตูล รวม จำนวนผู้ใช้บริการที่ต้องติดตามต่อ 2 6 2 7 7 24 จำนวนประเด็นปัญหาที่ต้องติดตาม ต่อ 4 9 5 15 21 54 4. ตารางจำแนกตามประเด็นปัญหา 5 มิติ ประเด็น นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา สตูล รวม มิติที่ 1 ด้านที่อยู่อาศัย 0 0 0 3 6 9 มิติที่ 2 ด้านรายได้ 0 4 2 3 4 13 มิติที่ 3 ด้านสุขภาพ 2 3 2 5 6 18 มิติที่ 4 ด้านศึกษา 0 2 1 2 3 8 มิติที่ 5 ด้านการเข้าถึงบริการภาครัฐ 2 0 0 2 2 6 รวม 4 9 5 15 21 54 5. กราฟแสดงประเด็นปัญหา 5 มิติ ในภาพรวม 5 จังหวัด 9 13 18 8 6 0 2 4 6 8 10 12 14 16 18 20 มิติที่ 1 ด้านที่อยู่อาศัย มิติที่ 2 ด้านรายได้ มิติที่ 3 ด้านสุขภาพ มิติที่ 4 ด้านศึกษา มิติที่ 5 ด้านการเข้าถึงบริการภาครัฐ


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 84 82 เสียงสะท้อนจากผู้ปฏิบัติงาน สิ่งที่ได้เรียนรู้หลังจากการนำทฤษฎีลงสู่การปฏิบัติในพื้นที่ 1. มีทักษะในการประสานเครือข่าย 2. ทราบกระบวนการใช้เครื่องมือในการช่วยเหลือให้เหมาะสมกับผู้ใช้บริการ 3. เข้าใจสภาพปัญหา ความเป็นอยู่ ความต้องการของผู้ใช้บริการในแต่ละพื้นที่ และเรียนรู้การทำงาน ของภาคีเครือข่ายในพื้นที่ 4. การเข้าถึงผู้ใช้บริการมีการใช้กลวิธีต่างๆ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากการเข้าถึง ผู้ใช้บริการได้ทั้งโลกภายในและโลกภายนอกจะทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้รับข้อมูลและเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนการช่วยเหลือต่อไป 5. การทำงานต้องประสานกับเครือข่ายในพื้นที่ ต้องมีการบูรณาการร่วมกับเครือข่ายและ ทีมสหวิชาชีพ 6. การใช้ทักษะต่างๆ ที่ได้เรียนรู้จากการอบรมสามารถนำมาใช้ในการลงพื้นที่ เช่น ทักษะการฟัง อย่างตั้งใจ การวิเคราะห์ครอบครัวของกลุ่มเป้าหมายในด้านความสัมพันธ์ต่างๆ และการเรียนรู้ร่วมกัน กับกลุ่มเป้าหมายในการร่วมกันแก้ปัญหาโดยคำนึงถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและมีความเหมาะสม 7. สามารถนำความรู้จากการอบรมหลักสูตรการจัดการรายการณี (CM) และกระบวนการจิตวิทยา การปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์มาช่วยเหลือผู้ใช้บริการได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น 8. การเยี่ยมบ้านถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะทำให้ผู้ให้บริการได้ทราบปัญหาที่แท้จริงของผู้ใช้บริการ ในขณะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้าน การได้รับรู้บริบทชีวิตที่บ้านของผู้ใช้บริการ ช่วยทำให้เกิดความเข้าใจในตัวผู้ใช้บริการ มากยิ่งขึ้น และจะไปสู่การให้การดูแลช่วยเหลือที่ตอบสนองความต้องการได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้การไปเยี่ยม บ้านยังเสมือนเป็นการแสดงออกถึงความใส่ใจ ความสนใจ การนำกำลังใจไปให้ผู้ใช้บริการถึงที่บ้าน โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในผู้ป่วยที่ติดบ้าน ติดเตียง การเยี่ยมบ้านช่วยเพิ่มคุณภาพของการดูแลผู้ใช้บริการ ดังนี้ ได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมจากการสังเกตหรือสอบถามผู้ใช้บริการที่บ้านจึงมองปัญหา ของผู้ใช้บริการเป็นองค์รวมมากขึ้น รับทราบความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้บริการ ค้นพบปัญหา ความต้องการ โรค หรือความเจ็บป่วยอื่น ๆ เพิ่มเติม ผู้ใช้บริการเกิดความสุขใจ เพราะมีคนมาหาถึงบ้าน 9. การวางแผนก่อนลงพื้นที่ การสื่อสาร การช่วยเหลือและส่งต่อข้อมูล การติดต่อประสานงาน กับเครือข่ายในพื้นที่ 10. ได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการ และมีสัมพันธภาพที่ดี 11. การประเมินจะต้องไม่มีอคติ ไม่ตัดสิน หรือเลือกที่รักมักที่ชัง ควรอยู่บนพื้นฐานในการเคารพ มนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน 12. ได้เรียนรู้คุณภาพชีวิตที่หลากหลายในพื้นที่ ได้รับรู้ปัญหา ความทุกข์ใจ และความลำบากที่ ผู้ใช้บริการต้องประสบ ซึ่งทุกสิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้กลับมามองย้อนดูตัวเอง ในความลำบากที่เราพบเจอยังมีอีก หลายชีวิตที่ต้องลำบากและทุกข์ทนกับปัญหายิ่งกว่า และเป็นความท้าทายของเจ้าหน้าที่จะต้องหาวิธีช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์ให้ผู้ใช้บริการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไป 13. ได้เรียนรู้โลกตามความเป็นจริงแต่ละคนมีหลายมุม ทั้งมุมที่แย่ และมุมที่สวยงาม แต่สิ่งที่มี เหมือนๆ กัน คือ คุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทุกคนมีข้อดีในตัวเอง ในทุกปัญหาที่เกิดขึ้นก็มีที่มาที่ไป เราจึงไม่ควรไปตัดสินใคร แต่ควรเรียนรู้และทำความเข้าใจต้นเหตุและพื้นฐานของแต่ละคนมากกว่า


คู่มือการปฏิบัติงาน จิตวิทยาการปรึกษาและการใช้เครื่องมือในงานสังคมสงเคราะห์PSYCHOLOGY 85 83 14. ผู้ให้บริการได้เรียนรู้สภาพจิตใจ ความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ในใจของผู้ใช้บริการที่เขากล้าเปิดใจ ระบายความรู้สึกนั้นออกมา นั้นหมายถึงว่าเขากล้าที่จะไว้ใจผู้ให้บริการจนสามารถระบายความในใจออกมาให้ ได้รับฟัง และพร้อมที่จะก้าวเดินไปพร้อมๆ กับพวกเจ้าหน้าที่เยียวยา ความภาคภูมิใจในการปฏิบัติงาน 1. ผู้ใช้บริการให้การยอมรับและไว้วางใจให้ทีมเยียวยาเข้าไปช่วยเหลือ มีการทำงานเป็นทีม ช่วยเหลือ ซึ่งกันและกัน 2. มีความรู้เพิ่มขึ้น ทำให้เข้าใจผู้ใช้บริการ และสามารถช่วยเหลือผู้ใช้บริการได้มากขึ้น ทั้งทางจิตใจ และความเป็นอยู่ 3. การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในกรณีคนพิการ เรื่องสิทธิที่ได้รับการ ช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยา และสามารถช่วยเหลือสนับสนุนเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมีความ เข้มแข็งสามารถยืนด้วยตนเองได้อีกครั้ง ยอมรับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับตนเองและครอบครัวได้ต้องดูแล ตนเองและครอบครัวต่อไป สามารถประกอบอาชีพสร้างรายได้จากตนเอง 4. การได้เห็นผู้ใช้บริการและครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น โดยผู้ให้บริการจะคอยเป็นที่ปรึกษา และให้คำแนะนำในทุกเรื่อง 5. การทำงานเป็นทีมร่วมกับทีมสหวิชาชีพและเครือข่าย ในการลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน ที่มีความทุกข์ให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข 6. การสื่อสาร การช่วยเหลือ ส่งต่อข้อมูลให้กัน และการติดต่อประสานงานกับเครือข่ายในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น อปท. ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น อาสาสมัครต่างๆ เช่น อพม. อสม. บัณฑิตอาสา เป็นต้น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด 7. ได้รับรู้ถึงปัญหาของกลุ่มเปราะบาง และภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแล ช่วยเหลือ ให้เขาได้มี คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีพลัง และมีความหวังในการต่อสู้ต่อไป 8. ทีมเยียวยาได้ติดตามและให้กำลังใจผู้ประสบปัญหาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประสบปัญหารู้สึกว่า ทีมเยียวยาเป็นหน่วยงานที่ไม่ได้ทอดทิ้ง ผู้ประสบปัญหามีความรู้สึกดี ทีมเยียวยาก็รู้สึกภาคภูมิใจ 9. ภูมิใจได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมเยียวยาในการช่วยเหลือให้ผู้ประสบปัญหามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อยกระดับและพัฒนาสังคมให้อยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป 10. ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนงานการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และในปัจจุบันได้เห็นผู้ใช้บริการมีความสุข คุณภาพชีวิตดีขึ้น และประสบความสำเร็จในชีวิตสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง 11. มีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการให้ความช่วยเหลือ บรรเทาความทุกข์ และเป็นกำลังใจ ให้ผู้ใช้บริการได้เห็นคุณค่าในตัวเอง และพร้อมที่จะฟื้นฟูร่างกายของตนเองเพื่อให้มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ในครอบครัวและสังคมต่อไป 12. มีความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือชาวบ้านถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย แต่มีความสุขทุกครั้งที่ได้เป็นผู้ไห้ ได้เห็นรอยยิ้มของผู้เดือดร้อน 13. สามารถตอบสนองความต้องการของบุคคล ครอบครัว ที่ประสบความเดือดร้อน เพื่อช่วยให้เขา เข้ามามีบทบาททางสังคมได้อย่างเหมาะสม กล้าเผชิญกับปัญหาในการดำรงชีวิต โดยรู้จักปรับปรุงและพัฒนา บุคลิกภาพ เปลี่ยนแปลงทัศนคติจิตใจ และพฤติกรรมของตนเองให้เข้ากับสถานการณ์และสภาพแวดล้อม ตลอดจนมีพฤติกรรมที่เหมาะสม และเป็นที่ยอมรับของสังคม และดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยความสงบเรียบร้อย มั่นคง และผาสุกตามอัตภาพ โดยไม่สร้างภาระให้กับสังคม แต่เป็นการช่วยสังคมให้พัฒนาต่อไปอีก


Click to View FlipBook Version