การพัฒนางานประจำสูงานว�จัย (Routine to Research : R2R) สำนักงานสงเสร�มและสนับสนุนว�ชาการ 11 สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย การพัฒนาคุณภาพชีว�ต กลุมเปราะบางรายครัวเร�อน
คำนำ ปัญหากลุ่มเปราะบางเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนโดยเกิดขึ้นจากหลาย สาเหตุในหลายมุมมอง ทั้งประเด็นปัญหาการมีรายได้น้อย การขาดความ ครอบคลุมทางการศึกษา ขาดทักษะในการประกอบอาชีพ ขาดโอกาสในการ เข้าถึงแหล่งทุนและทรัพยากร โดยเฉพาะที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัยทรุดโทรม ขาดโอกาสในการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวก ปัญหาสุขภาพไม่แข็งแรง หรือการ เข้าไม่ถึงสิทธิและสวัสดิการของรัฐ เป็นต้น กลุ่มเป้าหมายนี้จึงเป็นปัญหาหลักที่ทุก ภาคส่วนต้องให้ความสำคัญรวมถึงกระทรวงฯ พม. ซึ่งเป็นกระทรวงหลักในการ รับผิดชอบปัญหากลุ่มคนในสังคมตลอดช่วงชีวิต การแก้ไขปัญหาดังกล่าว จำเป็นต้องเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และการบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหา อย่างเป็นระบบให้ครอบคลุมทุกมิติ และเพื่อพัฒนาศักยภาพของกล่มเป้าหมายให้ สามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๑๑ จังหวัดสงขลาได้จัดทำ รายงานการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัยขึ้นเพื่อวิเคราะห์และหาแนวทางแก้ไข ปัญหา เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมีคุณภาพชีวิตที่มั่นคง ยั่งยืน สามารถพึ่งพาตนเองได้ สสว.11 หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการพัฒนางานประจำสู่การวิจัยฉบับนี้ จะเป็น ประโยชน์แก่หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และผู้ที่สนใจ สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๑๑ จงหวัดสงขลา
สารบัญ เรื่อง หน้า การพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน บทคัดย่อ 1 นิยามศัพท์ 2 บทนำ 4 สถานการณ์และสภาพปัญหาการพัฒนาคุณภาพชีวิต 8 กลุ่มเปราะบางในภาพรวม สภาพปัญหาของครัวเรือนเปราะบางในพื้นที่จังหวัดปัตตานี 9 แนวทางที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาตามหลักวิชาการ 11 แผนยุทธศาตร์ที่เกี่ยวข้อง กระบวนการการทำงานเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 15 การขับเคลื่อนการทำงานในระดับพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิต 20 กลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน ผลการดำเนินงานและการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา 25 ภาพการช่วยเหลือครัวเรือนเปราะบาง เอกสารอ้างอิง คณะผู้จัดทำ
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 1 บทคัดย่อ เอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการดำเนินงานแก้ปัญหา ความยากจนของชุมชนในจังหวัดปัตตานีโดยการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง กับข้อมูลจากการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อเป็นรูปแบบการแก้ไข ปัญหาความยากจนของชุมชน โดยใช้กลุ่มตัวอย่างครัวเรือนเปราะบางในจังหวัด ปัตตานีซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุน วิชาการ 11 ที่มีสัดส่วนเป้าหมายครัวเรือนเปราะบางตามข้อมูล TP Map 42,314 ครัวเรือน โดยเจ้าหน้าที่ของพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดปัตตานีนำข้อมูลดังกล่าวมาคัดกรองกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานจังหวัดปัตตานี สถิติจังหวัด เกษตรและสหกรณ์จังหวัด อำเภอ พัฒนา ชุมชนจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครพัฒนาสังคม และ ความมั่นคงของมนุษย์กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อค้นหาครัวเรือนเปราะบางที่เน้น ในเรื่องการให้ความช่วยเหลือในด้านการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยก่อน โดยเมื่อคัดแยก ออกมาแล้วมีจำนวน 637 ครัวเรือน สมาชิก 3,227 คน ข้อมูล ณ วันที่ 9 เมษายน 2564 จากนั้นใช้สมุดพกครอบครัวเป็นแบบบันทึกข้อมูล เพื่อวิเคราะห์ ตรวจสอบรูปแบบการแก้ไขปัญหาความยากจนของชุมชนกับข้อมูลเชิงคุณภาพ การเก็บข้อมูลดังกล่าวใช้วิธีการสนทนา สัมภาษณ์ การลงเยี่ยมบ้าน เพื่อสอบ ข้อเท็จจริงของครัวเรือนเป้าหมาย ซึ่งจากการวิเคราะห์ ปัญหาในครัวเรือนของ กลุ่มเปราะบางจังหวัดปัตตานีที่เกิดขึ้นมาจากปัจจัย 8 ประการ พบว่า 1. ปัญหายากจนดั้งเดิม 2. ปัญหาครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว 3. ปัญหาการว่างงาน 4. ปัญหาการเลี้ยงดูคนพิการในครัวเรือน 5. ปัญหามีผู้สูงอายุที่ต้องดูแล
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 2 6. ปัญหามีผู้ป่วยติดเตียงที่ต้องดูแล 7. ปัญหาผู้สูงอายุอยู่ตามลำพัง 8. ปัญหาสมาชิกครอบครัวติดยาเสพติด ครอบครัวเหล่านี้จะได้รับการช่วยเหลือจากการร่วมบูรณาการการทำงานร่วมกับ ทั้ง 12 กระทรวง 1 หน่วยงาน เพื่อจัดทำแผนพัฒนารายครัวเรือนซึ่งจำแนกเป็น แผนระยะสั้น แผนระยะกลาง และแผนระยะยาว นิยามศัพท์ ครัวเรือนเปราะบาง หมายถึง ครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ครัวเรือนที่มี รายได้น้อยและมีบุคคลที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น เช่น ครอบครัวยากจนที่มีเด็กเล็ก แม่เลี้ยงเดี่ยว ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง มีปัญหาที่อยู่อาศัย จำเป็นต้องร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มดังกล่าวอย่าง เร่งด่วน จริงจัง และต่อเนื่อง ระดับของความเปราะบางของครัวเรือน ระดับ 1 ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและมีปัญหาที่อยู่อาศัย ระดับ 2 ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและมีบุคคลที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง 1 – 2 คน (อาทิ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ป่วยติดเตียง เป็นต้น) ระดับ 3 ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและมีบุคคลที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงมากกว่า 2 คน หมายเหตุ: ครัวเรือนที่มีรายได้น้อย คือ ครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ยต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท/ คน/ ครัวเรือน ภาวะพึ่งพิง หมายถึง คนที่ต้องการได้รับการดูแล/ ช่วยเหลือจากคนอื่น ครัวเรือน หมายถึง ครอบครัวที่อยู่ในบ้านเรือนเดียวกันและกินอยู่ ด้วยกัน ครัวเรือนหนึ่งๆ อาจมีหลายครอบครัวก็ได้ หัวหน้าครัวเรือน หมายถึง ผู้ที่หารายได้หลักของครัวเรือนอาจเป็น เจ้าบ้านหรือไม่ใช่ก็ได้
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 3 หัวหน้าครอบครัว หมายถึง ผู้ที่หารายได้หลักของครอบครัว สมาชิกครัวเรือน หมายถึง สมาชิกที่อยู่ประจำในครัวเรือนนี้ (คนที่ไม่ได้ อยู่ประจำ แต่ไปๆ มาๆ ในรอบปีที่ผ่านมา ต้องมีเวลารวมกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน) ทั้งนี้ ในรอบปีที่ผ่านมา หมายถึง การนับจากวันที่สอบถามข้อมูลย้อนหลังไป 12 เดือน ครอบครัว หมายถึง บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปที่ใช้ชีวิตร่วมกันฉันสามี ภริยา หรือมีความผูกพันทางสายโลหิต หรือทางกฎหมาย หรือเกี่ยวดองเป็น เครือญาติ ซึ่งสมาชิกในครอบครัวต่างมีบทบาทหน้าที่ต่อกัน และ มีความสัมพันธ์ ที่เกื้อกูลกัน คุณภาพชีวิต หมายถึง ชีวิตที่ไม่เป็นปัญหาทางสังคมเป็นชีวิตที่มี ความสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ มีความคิด และความสามารถที่จะดำรงสภาพ ทางเศรษฐกิจ สังคมการเมืองได้อย่างถูกต้อง แก้ปัญหาที่สลับซับซ้อนได้สามารถ หาวิธีเพื่อให้ได้ซึ่งสิ่งที่ตนเองพึงประสงค์ภายใต้เครื่องมือและทรัพยากรที่มีอยู่ (ชัยวัฒน์ ปัญจพงศ์, ๒๕๒๕) ตลอดจนความสามารถในการช่วยตนเองและมี ส่วนร่วมในภารกิจของสังคม อันเป็นเครื่องมือที่จะนำไปสู่ ความเข้มแข็งของ ชุมชนต่อไป (ยุพา อุดมศักดิ์, ๒๕๑๖)
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 4 บทนำ ประเทศไทยในอดีตที่ผ่านมามีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันประเทศไทย เข้าสู่การพัฒนาประเทศ “ไทยแลนด์4.0” ซึ่งเป็น วิสัยทัศน์เชิงนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ หรือ โมเดลพัฒนาเศรษฐกิจ ของรัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เข้ามาบริหารประเทศบนวิสัยทัศน์ที่ว่า “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” มีภารกิจ สำคัญในการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ เพื่อปรับแก้ จัดระบบ ปรับทิศทาง และสร้างหนทางพัฒนาประเทศให้เจริญ สามารถรับมือกับโอกาส และภัยคุกคามแบบใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รุนแรงในศตวรรษที่ 21 เพื่อให้เข้าใจ “ประเทศไทย 4.0” ก่อนจะมาถึงประเทศไทย 4.0 ประเทศไทย ก็ผ่านการพัฒนามาเป็นลำดับขั้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ “ประเทศไทย 1.0” การดำรงอยู่และพัฒนาประเทศเน้น การเกษตรเป็นหลัก เช่น ผลิตและขาย พืชไร่ พืชสวน การทำปศุสัตว์ เป็นต้น “ประเทศไทย 2.0” นอกจากเกษตรกรรมแล้วก็เน้นไปทางอุตสาหกรรมแต่เป็น อุตสาหกรรมเบา เช่น การผลิตและขายรองเท้า เครื่องหนัง เครื่องดื่ม เครื่องประดับ เครื่องเขียน กระเป๋า เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น “ประเทศไทย 3.0” ซึ่ง เป็นยุคปัจจุบัน เน้นหนักไปทางอุตสาหกรรมหนักและการส่งออก เช่น การผลิต และขายส่งออกเหล็กกล้า รถยนต์ กลั่นน้ำมัน แยกก๊าซธรรมชาติ ปูนซีเมนต์ เป็นต้น ปัจจุบันก้าวสู่ “ประเทศไทย ๔.๐” ที่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย นวัตกรรมเข้ามาช่วย เน้นในเรื่องการพัฒนาสู่ “ความมั่นคงและยั่งยืน” ซึ่งจริงๆ แล้วปัญหาการพัฒนาประเทศของไทย ยังมีปัญหาทางเศรษฐกิจในด้าน การกระจายรายได้และความเจริญ รวมทั้งปัญหาสังคมต่างๆ ก่อให้เกิดปัญหาและ ผลกระทบต่อปัญหาเศรษฐกิจของครอบครัว ได้แก่ ความยากจน รายได้ ไม่เพียงพอกับการดำรงชีพ ปัญหาที่อยู่อาศัย การขาดโอกาสทางการศึกษาและ
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 5 การมีงานทำดังนั้น การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนจึงถือเป็นเป้าหมายหนึ่ง ในการพัฒนาประเทศเพื่อให้ทุกคนในสังคมทุกระดับสามารถพึ่งพาตนเองได้ อย่างยั่งยืน จากข้อมูลองค์การสหประชาชาติ (United Nation) พบว่า ในปี พ.ศ. 2559 มีประชากรจำนวน 767 ล้านคนใช้ชีวิตอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนสากล โดยมีรายได้น้อยกว่า 1.9 เหรียญสหรัฐต่อวัน และจากรายงานสถานการณ์ ความยากจนและความเหลื่อมล้ำของประเทศไทยโดยสำนักงานสภาพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่า ในปี 2561 มีประชากรไทย ยากจนจำนวน 6.68 ล้านคน หรือ ร้อยละ 9.85 และเส้นความยากจนของไทย อยู่ที่ 2,710 บาท ต่อคนต่อเดือน นั่นหมายความว่าคนไทยที่ยากจนในปัจจุบัน คือ ผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 2,710 บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งเฉลี่ยมีรายได้ไม่เกินวันละ 90.3 บาท โดยส่วนใหญ่กลุ่มคนจนประกอบอาชีพเกษตรกรรมและได้รับ ประโยชน์ทางเศรษฐกิจลดลงเพราะผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัว ลดลง นอกจากนี้คนจนส่วนใหญ่ยังอาศัยอยู่ในต่างจังหวัดมากกว่าหัวเมืองใหญ่ โดยภาคใต้เป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนคนจนสูงสุดที่ร้อยละ 14.26 รองลงมาเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือที่ร้อยละ 13.30 และ 12.23 ตามลำดับ ต่อมาในปี พ.ศ.2562 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ (สศช.) ระบุว่า สัดส่วนคนยากจนลดลงจากร้อยละ 9.85 ในปี พ.ศ. 2561 มาอยู่ที่ร้อยละ 6.24 ในปี พ.ศ.2562 ซึ่งการปรับตัวลดลง ของคนจนในปี พ.ศ. 2562 มีสาเหตุมาจากการขยายมาตรการโครงการ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อยโดยตรง ในปี พ.ศ. 2562 มีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนทั้งสิ้น 14.5 ล้านคน ผู้ถือบัตรฯจะได้รับการช่วยเหลือด้านภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันรายเดือน ได้แก่ วงเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น 200 - 300 บาท/เดือน ค่าเดินทาง ระบบขนส่งสาธารณะวงเงินรวม สูงสุด 1,500 บาท/เดือน และค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาท/3 เดือน อีกทั้ง คนยากจนบางส่วนยังได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและคนพิการ และเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 6 จากฐานข้อมูลระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (Thai People Map and Analytics Platform: TPMAP) พบว่าปี พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวนคนจน ๙๘๓,๓๑๖ คน (จากประชากรสำรวจ ๓๖,๘๙๓,๐๘๔ คน) จำนวนคนเปราะบาง ๑๐,๗๕๔,๒๐๕ คน อยู่ในครัวเรือนเปราะบาง จำนวน ๔,๑๐๔,๔๕๐ ครัวเรือน (เกณฑ์การคัดเลือกครัวเรือนเปราะบางของ TPMAP ใช้เกณฑ์ของกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวคือ เป็นครัวเรือนที่อาชีพ เกษตรกรจากข้อมูล จปฐ. และไม่ได้ลงทะเบียนเกษตรกร หรือ รายได้ต่ำกว่า ๑๐๐,๐๐๐ บาท และไม่ได้รับเงินสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย) และข้อมูลในส่วนของ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มีการสำรวจข้อมูล ผู้ประสบปัญหาทางสังคมรายครัวเรือน (Social Map) เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๖๑ พบว่า มีผู้ประสบปัญหาทางสังคม จำนวน ๘๙๐,๒๓๑ คน อยู่ในครัวเรือนที่ประสบ ปัญหาทางสังคม จำนวน ๖๒๕,๖๘๔ ครัวเรือน แต่อย่างไรก็ตาม แม้สัดส่วนคนจน ในปี 2562 จะมีแนวโน้มลดลงแต่การรักษาระดับสัดส่วนคนจนให้อยู่ในระดับต่ำ ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากในปี พ.ศ. 2564 ประเทศไทย ประสบภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานเป็นวงกว้าง และยัง ไม่แน่นอนว่าการแพร่ระบาดจะต่อเนื่องยาวนานแค่ไหน ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์ ความยากจนในปี พ.ศ. 2564 วิกฤตกว่าที่เคยเป็น การแก้ไขปัญหาความยากจน รายครัวเรือนจึงมีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ในการขจัดความยากจนในสังคมไทยให้หมดไปจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าหาก มีครัวเรือนจํานวนมากยังคงเปราะบางอยู่ความเปราะบางเป็นแนวคิดที่มี ความเป็นพลวัตรมากกว่าความยากจน จากข้างต้นจะเห็นได้ว่าความเปราะบาง ของครัวเรือนนั้นมีปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องในหลายมิติ ทั้งมิติทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และสภาพแวดล้อม โดยสามารถสรุประดับของปัจจัยเสี่ยงได้ ๓ ระดับ ดังนี้
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 7 (๑) ระดับที่ได้รับผลกระทบต่อปัจเจกบุคคลและครัวเรือน (Micro) เช่น ความเจ็บป่วย ความบาดเจ็บ ความพิการ ความชราภาพ เป็นต้น (๒) ระดับที่ได้รับผลกระทบต่อครัวเรือนและชุมชน (Meso) เช่น โรคระบาด ภัยแล้ง น้ำท่วม ไฟไหม้ป่า การจลาจลและมลพิษต่างๆ และ (๓) ระดับที่ได้รับผลกระทบต่อประชากรทั้งประเทศ (Macro) ซึ่งความ เสี่ยงที่ครัวเรือนต้องเผชิญเป็นระยะเวลานาน หรือความเสี่ยงที่มีผลกระทบสูง ย่อมส่งผลต่อระดับความเปราะบางของครัวเรือน ทั้งนี้เราสามารถป้องกัน ความเปราะบางในระดับปัจเจกบุคคลและครัวเรือนได้ โดยเรื่องดังกล่าวถือเป็น ภารกิจเร่งด่วนที่ต้องอาศัยการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนใน การพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือนเพื่อแก้ไขปัญหา ความเปราะบาง กำจัดปัญหาความยากจน ให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข สร้างความ มั่นคง และยั่งยืนให้กับประเทศไทยสืบไป
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 8 สถานการณ์และสภาพปัญหาการพัฒนาคุณภาพชีวิต กลุ่มเปราะบางในภาพรวม สถานการณ์และสภาพแวดล้อมในปัจจุบันจะพบว่ามีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็วและ รุนแรง ทั้งยังมีหลายปัจจัยที่เชื่อมโยงและเกี่ยวข้องในการ พัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง จากฐานข้อมูลระบบ บริหารจัดการข้อมูลการ พัฒนาคนแบบชี้เป้า (Thai People Map and Analytics Platform: TPMAP) พบว่า ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ มีคนจน ๙๘๓,๓๑๖ คน (จากประชากรสำรวจ ๓๖,๘๙๓,๐๘๔ คน) มีคนเปราะบางจำนวน ๑๐,๗๕๔,๒๐๕ คน อยู่ในครัวเรือน เปราะบาง จำนวน ๔,๑๐๔,๔๕๐ ครัวเรือน (เกณฑ์การคัดเลือกครัวเรือน เปราะบาง ของ TPMAP ใช้เกณฑ์ของกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวคือ เป็นครัวเรือนที่อาชีพเกษตรกรจากข้อมูล จปฐ. และไม่ได้ลงทะเบียนเกษตรกร หรือรายได้ต่ำกว่า ๑๐๐,๐๐๐ บาท และไม่ได้รับเงินสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย) ใน ส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มีการสำรวจ ข้อมูลผู้ประสบปัญหาทางสังคม รายครัวเรือน (Social Map) เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๖๑ พบว่ามีผู้ประสบปัญหาทางสังคม จำนวน ๘๙๐,๒๓๑ คน อยู่ในครัวเรือนที่ประสบ ปัญหาทางสังคม จำนวน ๖๒๕,๖๘๔ ครัวเรือน ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ยิ่งเป็นตัวเร่ง การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต และสภาพปัญหาให้มีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น ส่งผลให้รูปแบบการใช้ชีวิต การมีปฏิสัมพันธ์ และการประกอบอาชีพเพื่อหา รายได้และเลี้ยงชีพมีความยากลำบากมากขึ้น ซึ่งจากสถานการณ์ของการแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ผ่านมาพบว่าเกิดผลกระทบ ต่อครอบครัวไทยอย่างมากโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางซึ่งจากข้อมูลพบว่ามีอยู่ 3.8 ล้านครอบครัว (สมาชิก 4 - 6 คน/ ครอบครัว กล่าวคือมีจำนวนประชาชน ที่เป็นกลุ่มเปราะบางสูงถึง 15,200,000 – 22,800,000 คน) บางครอบครัว มีการขาดแคลนปัจจัย 4 ทำให้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการดำรงชีวิตของ
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 9 กลุ่มเปราะบาง ปัญหารายได้ที่ลดลงในขณะที่รายจ่ายและภาระหนี้สินยังคงอยู่ นำไปสู่ปัญหาสังคมและปัญหาสุขภาพจิตของคนในครอบครัวและชุมชน โดยใน คู่มือการทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางเชิงพื้นที่รายครัวเรือน ชุมชน ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แบ่งมิติของการพัฒนา คุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางออกเป็น 4 มิติด้วยกัน ได้แก่ มิติเศรษฐกิจ มิติสังคม มิติสุขภาพ และมิติสภาพแวดล้อม ซึ่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง จำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการและพัฒนาทั้ง 4 มิติควบคู่กันไปเพื่อการแก้ปัญหา อย่างยั่งยืน สภาพปัญหาของครัวเรือนเปราะบางในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานด้านสังคมของเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปัตตานีพบว่า ถึงจะมีการให้ความช่วยเหลือกลุ่ม เปราะบางหรือครัวเรือนเปราะบางเดิมแต่ก็ยังเกิดกลุ่มคนเปราะบางรายใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทนคนกลุ่มเดิมนั้นอาจเป็นเพราะปัญหาของสภาพสังคม เศรษฐกิจ หรือภัยพิบัติที่เกิดขึ้นตามช่วงเวลา เมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงจาก กลุ่มตัวอย่างทั้ง 637 ครัวเรือน สมาชิก 3,236 คน ในจำนวนสมาชิกดังกล่าวพบ กลุ่มคนเปราะบาง ผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง และคนว่างงานมีดังนี้ ผู้สูงอายุ 371 คน คนพิการ 112 คน เด็กแรกเกิด (0 - 6 ขวบ) 209 คน เด็ก (7 – 18 ปี) 618 คน ผู้เจ็บป่วยเรื้อรัง 139 คน แม่เลี้ยงเดี่ยวอายุไม่เกิน 25 ปี 18 คน สมาชิก ว่างงานไม่มีงานทำ 449 คน อีกทั้งแต่ละครัวเรือนยังพบปัญหาที่แตกต่างออกไป ของแต่ละครัวเรือนโดยจำแนกได้เป็นปัญหาดังนี้(ที่มา: สนง.พมจ.ปน ข้อมูล ณ วันที่ 16 กรกฏาคม 2564) 1. ปัญหาความยากจน 637 ครัวเรือน 2. ปัญหาครอบครัวเลี่ยงเดี่ยว 18 ครัวเรือน 3. ปัญหาการว่างงาน 251 ครัวเรือน 4. ปัญหาภาวะพึ่งพิงของคนพิการในครอบครัว 112 ครัวเรือน
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 10 5. ปัญหาภาวะพึ่งพิงของผู้สูงอายุในครอบครัว 285 ครัวเรือน 6. ปัญหาภาวะพึ่งพิงของผู้ป่วยติดเตียงในครอบครัว 69 ครัวเรือน 7. ปัญหาผู้สูงอายุอยู่ตามลำพัง 13 ครัวเรือน 8. สมาชิกในครอบครัวติดยาเสพติด 8 ครัวเรือน 9. ปัญหาผู้ป่วยเรื้อรัง 13 ครัวเรือน เมื่อสังเกตุจากสภาพปัญหาดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่าเป็นปัญหาที่อยู่ กับครัวเรือนและเป็นปัญหาที่อยู่กับสังคมมาเป็นระยะเวลานานซึ่งเจ้าหน้าที่ ผู้รับผิดชอบจึงมีความตั้งใจจะดำเนินการแก้ไขให้ปัญหานั้นลดน้อยลงพร้อมทั้งใน ปีงบประมาณ 2564 กระทรวงพมได้ดำเนินโครงการการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่ม เปราะบางรายครัวเรือนขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ด้วย จึงมีนโยบายให้ เจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ทำงานบูรณาการร่วมกับกระทรวงอื่นๆ อีก 12 กระทรวง เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาในระยะยาว เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนในชีวิต ความเป็นอยู่ของกลุ่มเป้าหมายให้สามารถหลุดพ้นจากความยากลำบากที่เผชิญอยู่ได้ จึงเป็นการดีที่เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการจัดทำการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัยเพื่อ วิเคราะห์ แก้ไขปัญหา และหาแนวทางในการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายในระยะยาว ไม่ใช่เพียงแต่ช่วยเหลือเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งหากมองย้อนกลับไปทางกระทรวงฯ พม.เองได้ดำเนินการด้านสังคมและให้ความช่วยเหลือคนในสังคมมาเป็นระยะ เวลานานแต่การช่วยเหลือดังกล่าวเป็นไปในรูปแบบการจ่ายเงินอุดหนุน เงิน สงเคราะห์ เงินเยียวยา แต่อย่างไรก็ตามการช่วยเหลือในรูปแบบดังกล่าวไม่ สามารถแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 11 แนวทางที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาตามหลักวิชาการ แผนยุทธศาตร์ที่เกี่ยวข้อง ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) เป็นยุทธศาสตร์ชาติ ฉบับแรกของประเทศไทยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งจะต้อง นำไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้ประเทศไทยบรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศไทย มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง” ภายในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อความสุขของคนไทยทุกคน ยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ มีเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญเพื่อพัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็น คนดี เก่ง และมีคุณภาพ โดยคนไทยมีความพร้อมทั้ง กาย ใจ สติปัญญา มีพัฒนาการที่ดีรอบด้านและมีสุขภาวะที่ดีในทุกช่วงวัย มีจิตสาธารณะรับผิดชอบ ต่อสังคม และผู้อื่น มัธยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารี มีวินัย รักษาศีลธรรม และเป็น พลเมืองดีของชาติมีหลักคิดที่ถูกต้อง มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ ๒๑ มีทักษะ สื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาที่สามและอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่น มีนิสัย รักการ เรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต สู่การเป็นคนไทยที่มีทักษะ สูง เป็นนวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่และอื่น ๆ โดยมีสัมมาชีพ ตามความถนัดของตนเอง ยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม มีเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญที่ให้ความสำคัญกับการดึงเอาพลังของภาคส่วน ต่าง ๆ ทั้งภาคเอกชน ประชาสังคม ชุมชนท้องถิ่นมาร่วมขับเคลื่อนโดยการ สนับสนุนการรวมตัวของประชาชนในการร่วมคิดร่วมทำเพื่อส่วนรวมการกระจาย อำนาจและความรับผิดชอบไปสู่กลไกบริหารราชการแผ่นดินในระดับท้องถิ่นการ เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการจัดการตนเอง และการเตรียมความ พร้อมของประชากรไทยทั้งในมิติสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมให้ เป็นประชากรที่มีคุณภาพ สามารถพึ่งตนเองและทำประโยชน์แก่ครอบครัว ชุมชน
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 12 และสังคมให้นานที่สุด โดยรัฐให้หลักประกันการเข้าถึงบริการและสวัสดิการที่มี คุณภาพอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับมอบหมายให้เป็น หน่วยงานรับผิดชอบหลักในการขับเคลื่อนเป้าหมายที่ 5 และยังได้รับมอบหมายให้ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ และหน่วยงานสนับสนุนในอีก 8 เป้าหมาย (เป้าหมายที่ 1,2,48,10,11,16,17) เมื่อจำแนกเป็นกลุ่มที่มี ความเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต กลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน ดังนี้ 1. กลุ่ม People ที่ว่าด้วยเรื่องคุณภาพชีวิตของผู้คน เป้าหมายที่ 1 ขจัดความยากจน เป้าหมายที่ 2 ยุติความหิวโหย บรรลุความมั่นคงทางอาหารและ ยกระดับโภชนาการสำหรับทุกคนในทุกวัย 2. กลุ่ม Prosperity ที่ว่าด้วยเรื่องความเจริญทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และครอบคลุม เป้าหมายที่ 8 ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง ครอบคลุม และยั่งยืน การจ้างงานเต็มที่ มีผลิตภาพ และการมีงานที่เหมาะสมสำหรับทุกคน เป้าหมายที่ 10 ลดความไม่เสมอภาคภายในประเทศและระหว่างประเทศ เป้าหมายที่ 11 ทำให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มีความ ครอบคลุม ปลอดภัย มีภูมิต้านทานและยั่งยืน
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 13 ภาพที่ 1 ระดับการขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่เป้าหมาย ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติที่เกี่ยวข้อง
ภาพที่ 2 ที่มาของข้อมูล
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 14 กลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 15 กระบวนการการทำงานเพื่อหา แนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปัตตานีสำรวจ กลุ่มเป้าหมายโดยใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลในระบบของกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ได้แก่ 1. ข้อมูลผู้ประสบปัญหาทางสังคม (เงินอุดหนุน ๑๑ ระเบียบ) 2. Social Map 3. ศูนย์ช่วยเหลือสังคม ๑๓๐๐ 4. ผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (โควิด-19) 5. ฐานข้อมูลผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 6. ฐานข้อมูลในระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (Thai people Map and Analysis Platform : TPMAP) 7. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเบี้ยยังชีพคนพิการ เพื่อหาครัวเรือนเปราะบางที่ได้รับความเดือดร้อน และใช้สมุดพก ครอบครัวเป็นเครื่องมือในการจัดเก็บข้อมูลเชิงลึกซึ่งจะมีกระบวนการขั้นตอนใน การดำเนินการโดยใช้การปรับสภาพที่อยู่อาศัยให้กับกลุ่มเป้าหมายเป็นตัวนำ โดยวางเป็น Quick Win ในการทำงานและเป็นการสร้างความไว้วางใจในการให้ ข้อมูลเพื่อจัดทำข้อมูลครัวเรือนเพื่อหาประเภทกลุ่มเป้าหมายที่สามารถจำแนก เป็น 5 ระดับ ดังนี้
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 16 1. ระดับ A พัฒนา 2. ระดับ B พออยู่ได้ 3. ระดับ C วิกฤต 4. ระดับ D พึ่งพา 5. ระดับ S ยั่งยืน และวิเคราะห์สภาพปัญหาความเดือดร้อนของครัวเรือนโดยแบ่งเป็น 5 ด้าน 1.ปัญหาด้านครัวเรือน ได้แก่ • กำพร้า • อยู่ในครอบครัวยากจน/บิดา มารดาหย่าร้าง ทิ้งร้างถูกคุมขัง/ แยกกันอยู่และได้รับความลำบาก • ต้องดูแลบุคคลในครอบครัว • ต้องรับภาระหน้าที่ในครอบครัวเกินวัย/กำลังความสามารถและ สติปัญญา • ได้รับการเลี้ยงดูไม่เหมาะสม • ม่ายที่ต้องเลี้ยงดูบุตรตามลำพัง • ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว/ทารุณกรรมทางร่างกาย จิตใจ • ถูกทอดทิ้ง อยู่ตามลำพัง ไม่มีผู้ดูแล และมีปัญหาในการ ดำรงชีวิต • ไม่มีคนอุปการะ/ไร้ที่พึ่ง • ไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ • ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม • มีภาระเลี้ยงดูผู้ประสบปัญหา ได้แก่ เด็ก , คนพิการ , ผู้สูงอายุ , ผู้ป่วยติดเตียง , ผู้ติดเชื้อเอดส์ , ผู้ติดยาเสพติด ,อื่นๆ (ระบุ)
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 17 2.ปัญหาด้านการเงิน ได้แก่ • ยากจน • มีหนี้สิน และไม่มีการออม • ว่างงาน • ขาดทักษะในการประกอบอาชีพ • มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การครองชีพ • ไม่มีอาชีพ • ไม่มีทุนการศึกษา • การพนัน 3.ปัญหาด้านสุขภาพ ได้แก่ • ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ • ป่วยเป็นโรคร้ายแรง • ขาดแคลนกายอุปกรณ์ • เจ็บป่วยเรื้อรัง • จิตเวช • หลงลืมชรา 4. ปัญหาด้านที่อยู่อาศัย ได้แก่ • ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย • ไม่มีที่อยู่อาศัย • สภาพที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมต่อการพักอาศัย • เร่ร่อน
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 18 5. ปัญหาด้านการเข้าถึงสิทธิ • ไม่ได้เรียนหนังสือ • ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร • ไม่สามารถเข้าถึงบริการของรัฐ • เข้าไม่ถึงสิทธิการจดทะเบียนคนพิการ • เข้าไม่ถึงสิทธิ การจดทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ / เบี้ยความ พิการ • ขาดโอกาสทางการศึกษา • มีสถานะทางทะเบียนราษฎรแต่ไร้สัญชาติ สำหรับการวัดผลการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางมีการกำหนดตัวชี้วัดไว้ อย่างเป็นรูปธรรมโดยอ้างอิงจากนิยามเชิงปฏิบัติการของครัวเรือนเปราะบาง ซึ่ง ครัวเรือนเปราะบาง หมายถึง ครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ครัวเรือนที่มีรายได้น้อย และมีบุคคลที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น เช่น ครอบครัวยากจนที่มีเด็กเล็ก แม่เลี้ยงเดี่ยว ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง มีปัญหาที่อยู่อาศัยจึงจําเป็นต้องร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มดังกล่าว อย่างเร่งด่วน จริงจัง และต่อเนื่อง โดยระดับของความเปราะบางของครัวเรือน มี 3 ระดับ ระดับ 1 ครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและมีปัญหาที่ อยู่อาศัย ระดับ 2 ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและมีบุคคลที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง 1 –2 คน (อาทิ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ป่วยติดเตียง เป็นต้น) ระดับ 3 ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและมีบุคคลที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงมากกว่า 2 คน หมายเหตุ: ครัวเรือนที่มีรายได้น้อย คือ ครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ยต่อปีไม่ เกิน 100,000 บาท/ คน/ ครัวเรือน ภาวะพึ่งพิง หมายถึง คนที่ต้องการได้รับ การดูแล/ ช่วยเหลือจากคนอื่น
ภาพที่ 3 การขับเคลื่อนการทำงานการพ
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 19 พัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 20 การขับเคลื่อนการทำงานในระดับพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน 1. จัดทำข้อมูลกลุ่มเปราะบางของจังหวัด โดยใช้ฐานข้อมูลจาก TPMAP ประมวลผลข้อมูล และวางแผนการให้ความช่วยเหลือ 2. ประชุมทีม One Home และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อชี้แจง ทำความเข้าใจ วางแผนการดำเนินงาน และแบ่งพื้นที่รับผิดชอบ 3. นำเสนอแนวทางการขับเคลื่อนโครงการฯ ต่อผู้ว่าราชการจังหวัด แต่งตั้งคณะทำงานฯ โดยมีการประชุมไตรมาสละ 1 ครั้ง 4. จัดทำแผนรายครัวเรือน กำหนดกรอบการดำเนินงาน จัดทำคำสั่ง แต่งตั้งคณะทำงาน 5. จัดเก็บข้อมูลตามแบบสมุดพกครอบครัว 6. จัดทำแผนการให้ความช่วยเหลือรายครัวเรือนแบบบูรณาการ 7. ดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามแผนการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่ม เปราะบางรายครัวเรือน 8. ติดตามและประเมินผล 9. สรุปและรายงานผล
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 21
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 22 การขับเคลื่อนงานของเจ้าหน้าที่ ขั้นตอนการคัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปัตตานีได้ดำเนินงาน คัดกรองข้อมูลเพื่อค้นหาครัวเรือนเปราะบางโดยใช้วิธีดังนี้ 1. ใช้ข้อมูล TP Map เป็นฐานในการค้นหาครัวเรือนเปราะบาง ร่วมกับ ข้อมูลครัวเรือนเปราะบางที่หน่วยงานมีอยู่ ได้แก่ ข้อมูล Social Map ข้อมูลการ ช่วยเหลือเงินสงเคราะห์ต่างๆ และข้อมูลอื่นๆ มาจัดระเบียบเพื่อตรวจสอบความ ซ้ำซ้อน 2. ส่งข้อมูลดังกล่าวให้เครือข่ายในพื้นที่ เช่น อพม. อปท. อำเภอ ฯลฯ ร่วม พิจารณาคัดกรองในเบื้องต้น และหากมีกลุ่มเป้าหมายตกลงหล่น ทางเครือข่าย สามารถเพิ่มเติมข้อมูลครัวเรือนนั้นๆได้ 3. จัดลำดับความเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือ โดย One Home ร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่ เช่น อพม. อปท. อำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ 4. จัดโซนพื้นที่ในการมอบหมายความรับผิดชอบร่วมกับเครือข่าย 5. เก็บข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการคัดกรองความเร่งด่วนตามแบบสมุด พกครอบครัว 6. จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตรายครัวเรือน โดยบูรณาการร่วมกับ หน่วยงานในระดับพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดึงทรัพยากรที่มีในพื้นที่มาให้การ ช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 23 ขั้นตอนการวิเคราะห์ครัวเรือนและ การวางแผนให้ความช่วยเหลือ การทำงานเป็นรูปแบบการบูรณาการระหว่างหน่วยงาน One Home ท้องถิ่น ท้องที่ อพม. ผู้นำชุมชน องค์กรภาครัฐที่เกี่ยวข้องและองค์กรภาคประชาชน เพื่อ ร่วมกันวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายรายครัวเรือน และการวางแผน การจัดทำแผนการ ให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายมีวิธีการและขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1. จัดประชุมชี้แจงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 12 กระทรวง รวมถึงหน่วยงาน อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม เพื่อทำความเข้าใจการ ขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน โดยมีท่านผู้ว่า ราชการจังหวัดปัตตานีเป็นประธาน 2. ประสานเครือข่ายในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น อพม. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปท. อำเภอ เพื่อร่วมกันคัดกรองกลุ่มเป้าหมายจากฐานข้อมูล TP Map และให้ความรู้ เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน เช่น หลักสังคม สงเคราะห์ การจัดการรายกรณี (Case Management) การจัดทำแผนการให้ ความช่วยเหลือ และการจัดเก็บสมุดพกครอบครัว โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ อพม. บัณฑิตอาสา องค์กรสาธารณประโยชน์ กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบล ฯลฯ พร้อมทั้งจัดลำดับความเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิต 3. จัดเก็บข้อมูลตามแบบสมุดพกครอบครัวอย่างละเอียด โดยข้อมูลดังกล่าว จะต้องได้รับความยินยอมจากกลุ่มเป้าหมายให้นำไปใช้ในการจัดทำแผนการ ช่วยเหลือ/พัฒนาคุณภาพชีวิต 4. แสวงหาความร่วมมือจากหน่วยงานภาคธุรกิจ ภาคเอกชน เพื่อร่วมให้ ความช่วยเหลือ หนุนเสริม เติมเต็มการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางราย ครัวเรือน โดยจัดประชุมหาแนวทางในการขับเคลื่อนตามแผน CSR 5. จัดโซนพื้นที่ในการมอบหมายความรับผิดชอบร่วมกับเครือข่าย
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 24 6. จัดประชุมหน่วยงานในระดับพื้นที่ข้างต้น เพื่อจัดทำแผนการให้ความ ช่วยเหลือ/พัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน ในประเด็นต่อไปนี้ 6.1 วิเคราะห์/สังเคราะห์สภาพปัญหาของกลุ่มเป้าหมายและครอบครัว ทุกมิติ เช่น สัมพันธภาพในครอบครัว สุขภาพอนามัย รายได้และอาชีพ หนี้สิน การศึกษา ที่อยู่อาศัย ฯลฯ 6.2 จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของแต่ละสภาพปัญหา ทรัพยากรที่มี อยู่ของกลุ่มเป้าหมายเพื่อนำมาต่อยอดการพัฒนาศักยภาพของครอบครัว และ ทรัพยากรในชุมชน เพื่อนำมาให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุมทุก มิติปัญหา 6.4 วิเคราะห์ทรัพยากรจากภายนอกที่สามารถให้ความช่วยเหลือและ พัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น องค์กรภาคธุรกิจ หน่วยงานภาครัฐระดับจังหวัด องค์กร สาธารณประโยชน์ องค์กรภาคประชาสังคม ฯลฯ 6.5 จัดทำแผนการให้ความช่วยเหลือ/พัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเป้าหมาย ครอบคลุมทุกมิติปัญหา โดยวิเคราะห์และจัดทำเป็นแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว 6.6 จัดทำข้อตกลงระหว่างกลุ่มเป้าหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อ ร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตตามแผนที่กำหนดไว้โดยเน้นการมีส่วนร่วมของกลุ่ม เป้าหมายเป็นหลัก
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 25 ผลการดำเนินงานและการให้ความช่วยเหลือเพื่อ การพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน 5 มิติ ข้อมูล ณ วันที่ 16 กรกฎาคม 2564 จากการดำเนินการลงพื้นที่เพื่อ การเยื่ยมบ้านตรวจสอบข้อเท็จจริงตามแบบดืองัน 1 จำนวนครัวเรือน 637 ครัวเรือน สามารถจัดเก็บข้อมูลตามแบบสมุดพกครอบครัว จำนวน 222 ครัวเรือน ซึ่งบันทึกข้อมูลลงสมุดพกฯเรียบร้อยแล้ว จำนวน 154 เล่ม อยู่ระหว่าง การบันทึกจำนวน 68 เล่ม ซึ่งมีการจัดทำแผนการให้ความช่วยเหลือรายครัวเรือน โดยใช้แบบดืองัน 1 เป็นฐาน ครบทั้ง 637 ครัวเรือน และเพื่อให้การช่วยเหลือ เป็นไปอย่างทันต่อสถานการณ์จึงได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือโดยการประสาน ความร่วมมือระหว่าง 12 กระทรวง ดำเนินการดังนี้ 1. ด้านรายได้ การช่วยเหลือ 1) การฝึกอาชีพเพิ่มเติม 2) การจัดหาอาชีพที่เหมาะสม ร่วมกับนายอำเภอ (มอบหมายปลัดอำเภอ) /พช./ เกษตรและสหกรณ์ จังหวัด/เกษตรอำเภอ/ประมงอำเภอ/ อปท./กำนันผู้ใหญ่บ้าน/อพม./องค์กร ภาคเอกชน/องค์กรภาคประชาสังคม รวมถึงกองทุนต่างๆ ในระดับพื้นที่ ร่วมกัน จัดหาทรัพยากรและทุนทางสังคมที่มีอยุ่ในพื้นที่ในการให้ความช่วยเหลือ กลุ่มเป้าหมาย โดยเน้นให้กลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพด้าน อาชีพ และหาอาชีพที่สามารถเพิ่มรายได้ให้ครอบครัว และยังให้ความรู้ด้าน การออมเงิน การลตรายจ่ายครัวเรือน ทั้งนี้อาชีพที่ได้รับการสนับสนุนและ กลุ่มเป้าหมายสามารถดำเนินการได้ เช่น การเลี้ยงเป็ด ไก่ การปลูกพืชผักสวน ครัว การเข้าร่วมกลุ่มอาชีพในชุมชน นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำโครงการคลัง
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 26 อาหารชุมชนในพื้นที่เทศบาลตำบลตะลุบัน เพื่อให้เป็นครอบครัวนำร่องในการนำ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ เพื่อให้ครัวเรือนอยู่รอดพึ่งพาตนเองได้ 2. ด้านสุขภาพ 1) การดูแลรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่องในด้านสุขภาพ ร่วมกับนายอำเภอ (มอบหมายปลัดอำเภอ) /พช./ สาธารณสุขอำเภอ/ รพ.สต./ อปท/กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน/อพม /อสม./องค์กรภาคเอกชน/องค์กรภาค ประชาสังคม รวมถึงกองทุนต่างๆ ในระดับพื้นที่ จัตกิจกรรมการตูแลสุขภาพ ชุมชนในยุคโควิด ๑๙ โตยการจัดเวรดูแลเยี่ยมเยียนให้ ความรู้เรื่องโควิด ๓๔ เรื่องความสะอาด และการใช้ชีวิตในช่วงการระบาตของโรค โควิต 1๙ การรณรงค์ฉี่ดวัคซีน และการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการต่างๆ ทางต้าน สาธารณสุข รวมถึงความเจ็บป่วยของโรคอื่นๆ ด้วยเช่นกัน 3. ด้านการศึกษา 1) การให้ความช่วยเหลือด้านทุนการศึกษา 2) ส่งเสริมพัฒนาการเด็กตามความเหมาะสม ร่วมกับนายอำเภอ (มอบหมายปลัตอำเภอ) /พช./ศึกษาธิการจังหวัด/ เขตพื้นที่การศึกษา/กศน /อปท./กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน/อพม/อสม/องค์กรภาคธุรกิจ/ องค์กรภาคประชาสังคม รวมถึงกองทุนต่างๆ ในระตับพื้นที่ ให้ความช่วยเหลือ กลุ่มเป้าหมายที่เป็นเต็กในช่วงวัยเรียน ร่วมถึงกลุ่มวัยแรงงาน และวัยสูงอายุที่ ต้องการเรียนหนังสือให้จบภาคบังคับ หรือต้องการพัฒนาศักยภาพในด้านต่างๆ เช่น ด้าน IT ความรู้ทางช่างสาขาต่างๆ การตัดเย็บเสื้อผ้า การทำอาหาร การเลี้ยง สัตว์เพื่อการดำรงชีพหรือจำหน่าย การค้าขายออนไลน์ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้ พัฒนาศักยภาพและต่อยอดอาชีพ นอกจากนี้ยังมีกองทุนหมู่บ้านและองค์กร ภาคธุรกิจที่ร่วมสนับสนุนทุนการศึกษาในกรณีที่กลุ่มเป้าหมายมีความจำเป็น เช่น ต้องเตินทางไปเรียนต่างพื้นที่ เป็นต้น
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 27 4. ด้านที่อยู่อาศัย 1) การมอบที่อยู่อาศัยให้ผู้ประสบปัญหาทางสังคมมีที่อยู่อาศัยเป็น ของตนเอง ร่วมกับนายอำเภอ (มอบหมายปลัดอำเภอ) อปท./ฝ้ายทหาร/กำนัน/ ผู้ใหญ่บ้าน/อพม./องค์กรภาคธุรกิจ/ประชาชนจิตอาสา ช่วยซ่อมแชมที่อยู่อาศัย ให้กับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งดำเนินการซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยแล้วจำนวน ๒๐๙ หลัง 5. ด้านการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ 1) ประสาน อพม. ในพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือและติดตาม 2) ให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิและสวัสดิการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาด้านต่างๆนี้ยัง จำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและติดตามประเมินผลเป็นระยะๆเพื่อ นำมาปรับปรุงแก้ไขให้แผนการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเพื่อความสำเร็จในการทำงานให้กลุ่มเปราะบางลดจำนวนลงอย่าง ต่อเนื่องและเพื่อประโยชน์ของกลุ่มเป้าหมายเองที่จะสามารถมีอาชีพ รายได้ การ เข้าถึงสวัสดิการของรัฐ และการศึกษาเพื่อที่จะสามารถดูแลตนเอง ครอบครัวให้มี คุณภาพชีวิตที่ดี
ภาพการให้ความช่วยเหลือครัวเรือนเปราะบาง
ภาพการให้ความช่วยเหลือครัวเรือนเปราะบาง
ภาพการให้ความช่วยเหลือครัวเรือนเปราะบาง
เอกสารอ้างอิง ศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Centre for SDG Research and Support : SDG Move).( 2016 – 2021). ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ SDGs สืบค้นวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 จากเว็บไซต์https://www.sdg move.com/aboutsdgs/ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. แผนปฏิบัติราชการประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2564 สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์. สืบค้นวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 จากเว็บไซต์ https://www.m-society.go.th/more_news.php?cid=298 สหประชาชาติ ประเทศไทย.(2021) เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนSustainable Development Goal. สืบค้นวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 จากเว็บไซต์ https://thailand.un.org/th/sdgs/1 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.(2562) กองพัฒนาข้อมูล และตัวชี้วัดสังคม.ดัชนีความก้าวหน้าของคนประจำปี 2562. สืบค้นวันที่ 1 5 ก ร ก ฎ า ค ม 2 5 6 4 จ า ก เ ว ็ บ ไ ซ ต์https://www.nesdc.go.th/ main.php?filename=social กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. ยุทธศาสตร์กระทรวงการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พ.ศ. 2560 – 2564 สืบค้นวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 จากเว็บไซต์https://www.m-society.go.th/ more_news.php?cid=298 ภาพประกอบสืบค้นวันที่ 3 กันยายน 2564 จากเว็บไซต์https://www.freepik.com/home
ที่ปรึกษา 1. นางสาวสุภาภรณ์ ณ นคร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและ สนับสนุนวิชาการ 11 ผู้จัดทำ 1. นางสาวนพรัตน์ กอวัฒนากุล นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ 2. นางสาวอังศุมาลี พึ่งผล นักพัฒนาสังคม กลุ่มการวิจัยและการพัฒนาระบบเครือข่าย
เลขที่ 354 หมู.2 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา 90100 โทร.0-74330-222 แฟกซ.0-7433-0228 E-mail : [email protected] http://tpso-11.m-society.go.th/ เพจ Facebook : สำนักงานสงเสร�มและสนับสนุนว�ชาการ 11 Facebook ศูนยเร�ยนรู : ศูนยเร�ยนรู สสว สิบเอ็ด สงขลา Line OA : @474pmdw Youtube : tpso11 songkhla สำนักงานสงเสร�มและสนับสนุนว�ชาการ 11 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย