The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การดูแลผู้สูงอายุในสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by TPSO 11, 2023-02-13 01:49:10

การดูแลผู้สูงอายุในสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019

การดูแลผู้สูงอายุในสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019

เร�่อง การดูแลผูสูงอายุในสถานการณ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 การพัฒนางานประจำสูงานว�จัย ( Routine to Research : R2R ) สำนักงานสงเสร�มและสนับสนุนว�ชาการ 11 สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย


คำนำ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านทักษิณ จังหวัดยะลา มีหน้าที่ ในการดูแลผู้สูงอายุที่รับเข้ามาให้การอุปการะในศูนย์ฯ และมีภารกิจในการส่งเสริม การจัดสวัสดิการสังคมให้กับผู้สูงอายุในชุมชน ภายนอกศูนย์ฯ ผ่านกระบวนการ การจัดโครงการกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งเมื่อต้นปี พ.ศ. 2563 ประเทศไทยเผชิญกับการ ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ซึ่งผู้สูงอายุถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่เสี่ยงต่อการติด เชื้อและมีโอกาสเสียชีวิตได้มากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เนื่องด้วยสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง ดังนั้นการดูแลผู้สูงอายุจึงมีความจำเป็นอย่างสูง ในสภาวะการระบาดดังกล่าว ศูนย์ฯ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ต้องดูแลผู้สูงอายุทั้งภายในและ ภายนอกหน่วยงานในเขตพื้นที่รับผิดชอบจึงตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิต สุขภาพ ร่างกายของผู้สูงอายุจึงได้ออกมาตรการการป้องกันการติดต่อของเชื้อ รวมถึง การดูแลผู้สูงอายุให้ทั่วถึงโดยการบูรณาการกับเครือข่าย และการใช้เครื่องมือสื่อสาร และเทคโนโลยี เข้ามาเป็นเครื่องมือในการทำงาน สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๑๑ ได้จัดทำรายงานการพัฒนางาน ประจำสู่การวิจัย (Routine to Research) ซึ่งเป็นการปรับปรุงแก้ไขปัญหาการ ทำงานที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โดยการนำ สื่อเทคโนโลยีรอบตัวมาเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา และการดูแลผู้สูงอายุ ในสภาวะโรคติดต่ออย่างเคร่งครัด สสว.11 หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลซึ่งได้นำมาเสนอ ฉบับนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจทั้งหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชา สังคม สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๑๑ จังหวัดสงขลา


สารบัญ เรื่อง หน้า การดูแลผู้สูงอายุในสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 บทนำ 1 นิยามศัพท์ 3 ปัญหาในการดำเนินงานที่เกิดจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 6 สาเหตุที่ไม่สามารถปฏิบัติงานภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด 8 ของโรคติดเชื้อโควิด-19 ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 10 กรอบแนวคิดในการวิจัย 11 แนวคิดและยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง 12 กระบวนการในการแก้ไขปัญหา 19 การดูแลผู้สูงอายุและการออกมาตรการด้านต่างๆเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด 21 ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผลจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาด 27 ของโรคติดเชื้อโควิด-19 ข้อเสนอแนะ 28 ภาพกิจกรรม 29 เอกสารอ้างอิง ผู้จัดทำ


การดูแลผู้สูงอายุในสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านทักษิณจังหวัดยะลา


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๑ บทนำ สังคมสูงวัย คนไทยอายุยืนอย่างมีคุณภาพในยุคโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางประชากร (Demographic Change) กำลัง เป็นปรากฏการณ์ที่สำคัญซึ่งไม่เพียงแต่ได้รับความสนใจจากทั่วโลกแต่ยังเป็นความ ท้าทายของผู้กำหนดนโยบาย ผู้บริหารประเทศ เพื่อคาดการณ์สถานการณ์ ด้านประชากรที่นำไปสู่การวางแผนกำหนดแนวทางในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ครั้งสำคัญของโครงสร้างทางประชากรดังกล่าว ขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยที่จะพยายาม วิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ และวิธีปฏิบัติรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร ประเทศไทยเข้าสู่ สังคมสูงอายุ (Ageing Society ) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 เมื่อคิดเป็นค่าเฉลี่ยแล้ว พบว่า 1 ใน 10 ของประชากรไทยเป็นประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป กระทรวง สาธารณสุขได้ระบุว่า ในปัจจุบัน พ.ศ.2563 ประเทศไทยมีประชากรที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไปจำนวนมากกว่า 12 ล้านคน หรือราว 18% ของจำนวนประชากรทั้งหมด และ จะเพิ่มเป็น 20% ในปี พ.ศ.2564 ซึ่งในขณะนี้ ปี พ.ศ. 2564 คนไทยเข้าสู่ “สังคม ผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์” (Complete Aged Society) อย่างแท้จริงนั้นหมายถึง ประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นถึง 1 ใน 5 และคาดการณ์ว่าภายในอีก 20 ปีต่อจากนี้ไปคือ ปี พ.ศ. 2578 ประชากรไทยจะเข้าสู้“สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” (Super Aged Society) ซึ่งประมาณการว่าจะมีประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 30 ของจำนวน ประชากรทั้งหมด จากรายงาน“World Population Ageing 2020 Highlights”(United Nations 2020) ของสำนักกิจการเศรษฐกิจและสังคมประจำสำนักงานเลขาธิการ สหประชาชาติ (United Nations Department of Economic and Social Affairs) ระบุว่าโลกเผชิญกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างอายุอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมา ก่อนนั่นหมายถึง ระดับการเจริญพันธ์ของมนุษย์ลดลงแต่อายุขัยยืนยาวมากขึ้น หรือ อีกนัยหนึ่งคือการเข้าสู่สังคมสูงวัยเนื่องมาจากการที่ระบบสาธารณสุขและเทคโนโลยี


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๒ ทางการแพทย์มีการพัฒนาในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้อัตราการตาย ลดต่ำลง และทำให้คนมีอายุที่ยืนยาวมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนั้นการคุมกำเนิดที่มี ประสิทธิภาพยังส่งผลให้อัตราการเกิดลดลงอีกด้วย ทำให้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2020 ประชากรโลกซึ่งเป็นผู้สูงวัยอายุ ตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปมีจำนวน 727 ล้านคน โดย ผู้สูงวัยเพศหญิงมีจำนวนมากกว่าผู้สูงวัยเพศชาย ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าในอีก 30 ปี ข้างหน้าจำนวนประชากรผู้สูงวัยทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจากเดิมมากกว่าเท่าตัว ซึ่งประมาณ การว่าจะอยู่ที่ 1.5 พันล้านคนภายในปีค.ศ. 2050 การเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุนํามา ซึ่งความไม่สมดุลของโครงสร้างประชากร ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและ เศรษฐกิจในมิติต่างๆ เช่น คู่แต่งงานเลือกที่จะอยู่เป็นครอบครัวขนาดเล็กมากขึ้น เกิด การหย่าร้างเพิ่มขึ้นมีการย้ายถิ่นฐานจากชนบทสู่เมืองมากขึ้น ปัจจุบันประเทศไทยมี ผู้สูงอายุมากเป็นลำดับที่ 4 ของเอเชีย ซึ่งเรียงตามลำดับได้ดังนี้ ญี่ปุ่น สิงค์โปร์ จีน ไทย และคาดการณ์ว่า ปี พ.ศ. 2576 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุด ยอดโดยคิดเป็นค่าเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด ปี2578 ประเทศไทยจะเข้าสู่ “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด”


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๓ คำนิยามของ ผู้สูงอายุ สำหรับประเทศไทย กำหนดนิยาม “ผู้สูงอายุ” ไว้ใน พระราชบัญญัติผู้สูงอายุพ.ศ. 2546 มาตรา 3 “ผู้สูงอายุ” หมายความว่า “บุคคลซึ่งมีอายุเกินหกสิบปี บริบูรณ์ขึ้นไปและมีสัญชาติไทย” ปัจจุบันสหประชาชาติ (United Nations) ยังไม่มีนิยามที่แน่นอนว่าอายุเท่าไร จึงจะเรียกว่าเป็น “ผู้สูงอายุ” (Older/Elderly person) แต่สหประชาชาติใช้อายุ 60 ปีขึ้นไป ในการนำเสนอสถิติ ข้อมูล และตัวชี้วัด ที่ เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ ประเทศพัฒนาแล้วส่วน ใหญ่ใช้อายุ 65 ปีขึ้นไป เป็นเกณฑ์ในการเรียก “ผู้สูงอายุ” สำหรับประเทศไทย กำหนดนิยาม “ผู้สูงอายุ” ไว้ในพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 มาตรา 3 “ผู้สูงอายุ” หมายความว่า “บุคคลซึ่งมีอายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปและ มีสัญชาติไทย” ประเทศ พัฒนาแล้ว ส่วนใหญ่ใช้ อายุ 65 ปีขึ้นไป เป็นเกณฑ์ ในการเรียก “ผู้สูงอายุ” สมัชชาใหญ่แห่ง สหประชาชาติ ได้ประกาศเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2020 ให้ปี2021- 2030 “เป็นทศวรรษแห่ง การสูงวัยอย่างมีสุข ภาวะ (Decade of healthy ageing)”


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๔ คำนิยามของ สังคมสูงอายุและสังคมสูงวัย คำว่า “สังคมสูงอายุ” และ “สังคมสูงวัย” มีความหมายเหมือนกัน และใช้แทนกันได้ นายแพทย์บรรลุ ศิริพานิช ผู้สูงอายุแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ได้อ้างถึงข้อเขียน ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ในหนังสือเรื่อง “สูงอายุเป็น ก็น่าเป็นผู้สูงอายุ” ที่กล่าวว่า “อายุ” เป็นภาษาบาลี หมายถึง “พลังส่งต่อหล่อเลี้ยง ชีวิต” และ “วัย” หมายถึง “ความเสื่อม ความโทรม” จึงเสนอให้ใช้คำว่า “สังคมสูงอายุ” เพื่อหมายถึง “สังคมที่สูงด้วยพลังสืบต่อหล่อเลี้ยงชีวิต” ไม่ใช้คำว่า “สังคมสูงวัย” เพราะมีความหมายสื่อไปในทางลบว่าเป็นสังคมที่สูงด้วยความเสื่อมโทรม รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2563ให้ความหมายของ“สังคม สูงอายุ” (Aged society) ว่า “สังคมสูงอายุ” (Aged society) หมายถึง สังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปี ขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด (หรือประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 7) “สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์” (Complete-aged society) หมายถึง สังคม ที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด (หรือประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 14) “สังคมสูงอายุระดับสุดยอด” (Super-aged society) หมายถึง สังคมที่มี ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด (หรือประชากร อายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20) “สังคมสูงอายุ” (Ageing society) มีความหมายอีกอย่างหนึ่งคือ หมายถึง สังคมที่ประชากรกำลังมีอายุสูงขึ้น สังเกตได้จาก อัตราส่วนร้อยของประชากรสูงอายุ เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๕ วันผู้สูงอายุสากล International Day of Older Persons - IDOP 1 ตุลาคมของทุกปี สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้มี มติเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 1990 ให้ถือเอาวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี เป็น “วันผู้สูงอายุสากล” (International Day of Older Persons) เพื่อปลุกให้ชาวโลกตื่นตัว ตระหนัก รู้ และหันมาสนใจต่อความ ต้องการ โอกาส และความท้าทายที่่กำลังเกิด ขึ้นกับกลุ่ม ประชากรสูงอายุ โดยเฉพาะเรื่องการตระหนักถึง คุณูปการ ของผู้สูงอายุที่มีต่อสังคม การคำนึงถึงสิทธิและคุณค่าของ ความเป็นมนุษย์ ตลอดจนการหาวิธี ป้องกันการกระทำที่่รุนแรงต่อ ผู้สูงอายุ วันผู้สูงอายุสากลในปี2020 มีจุดมุ่งหมาย • เพื่อเผยแพร่เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ “ทศวรรษแห่งการสูงอายุอย่างมีสุขภาวะ” • เพื่อสร้างความตระหนักถึงความ ต้องการพิเศษของ สุขภาพผู้สูงอายุ และการทำ ประโยชน์เพื่อสุขภาพของ ตนเองและหน้าที่อื่นๆ ในชุมชนที่อาศัยอยู่ • เพื่อสร้างความตระหนักและการรับรู้ คุณค่าของ บุคลากรทางด้านสุขภาพ ในการดูแลและส่งเสริม สุขภาพของ ผู้สูงอายุ ร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ • เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ทางสุขภาพ ของผู้สูงอายุใน ประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนาโดยไม่ทิ้ง ใครไว้ข้างหลัง (Leave no one behind) • เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของโควิด – 19ต่อ ผู้สูงอายุ รวมทั้งผลกระทบที่มีต่อนโยบาย และการวางแผนด้านสุขภาพ และทัศนคติ ของผู้คน


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๖ ปัญหาในการดำเนินงานที่เกิดจาก สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านทักษิณ จังหวัดยะลา มีหน้าที่ ในการดูแลผู้สูงอายุที่รับเข้ามาให้การอุปการะในศูนย์ฯ และมีภารกิจในการส่งเสริม การจัดสวัสดิการสังคมให้กับผู้สูงอายุในชุมชน ภายนอกศูนย์ฯ โดยได้รับมอบหมายให้ รับผิดชอบพื้นที่ดำเนินการใน 4 จังหวัด คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล ผ่านกระบวนการของการจัดโครงการกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การช่วยเหลือเงินสงเคราะห์ ในภาวะยากลำบาก การอบรมให้ความรู้ ส่งเสริมให้มีการจัดสภาพแวดล้อมที่ เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ การส่งเสริมการเรียนรู้ใน รูปแบบของโรงเรียนผู้สูงอายุ การส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุที่มีภูมิความรู้ ภูมิปัญญา และส่งเสริมการมีอาชีพและรายได้ เป็นต้น เมื่อเกิดสถานการณ์การระบาดของ เชื้อไวรัสโควิด - 19 ในทุกพื้นที่ ทุกจังหวัดของประเทศไทยทำให้การปฏิบัติงานเต็ม ไปด้วยเงื่อนไขตามมาตรการของรัฐ (ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของ


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๗ โรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019) ข้อปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุข และคำสั่งของ จังหวัด ซึ่งข้อจำกัด ข้อบังคับ มาตรการดังกล่าวกำหนดขึ้นเพื่อป้องกันการติดต่อของ เชื้อไวรัสจากคนสู่คน หรือเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสออกเป็นวงกว้าง จึงทำให้การดำเนินงานเป็นไปโดยความยากลำบาก ยกตัวอย่างเช่น การปฏิบัติงาน ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มาตรการ เกี่ยวกับการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่จังหวัดยะลา ของข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้ ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดยะลา ห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวน รวมกันมากกว่า 2๕ คน มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในชุมชน เป็นต้น ข้อมูลจากคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 จังหวัดยะลา ที่ 133/2564 เรื่อง การดำเนินการตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่ง พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๕) ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๔


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๘ สาเหตุที่ไม่สามารถปฏิบัติงานภายใต้สถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านทักษิณ จังหวัดยะลา ดำเนินการตามภารกิจ คือเป็นหน่วยงานต้นแบบที่ได้มาตรฐานในการจัดสวัสดิการ ผู้สูงอายุ ในจังหวัดชายแดนใต้ส่งเสริม สนับสนุน การพัฒนาบุคลากรในการ ปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุทั้งภาครัฐและเอกชน ส่งเสริม พัฒนา ประสานท้องถิ่นและภาคีเครือข่ายชุมชนในการจัดหาทรัพยากรเพื่อสนับสนุน การจัดสวัสดิการสังคมแก่กลุ่มเป้าหมาย ส่งเสริม สนับสนุน เผยแพร่ข่าวสาร ด้านวิชาการ การวิจัย และให้ความรู้ด้านการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุ โดยการดูแล ผู้สูงอายุของศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านทักษิณ จังหวัดยะลา ประกอบด้วย การให้บริการด้านการเลี้ยงดูที่เน้นกิจกรรมที่สามารถตอบสนอง ความต้องการทั้งปัจจัย 4 ที่มีความจำเป็นต่อชีวิต เช่น จัดที่พักอาศัย อาหารวันละ


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๙ 3 มื้อ เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค การให้บริการทางด้านการแพทย์ เช่น การให้ ความรู้เกี่ยวกับสุขอนามัย การฟื้นฟูพัฒนาสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการบริหารร่างกาย การออกกำลังกายด้วยตนเองและด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆที่เหมาะสมตามสภาพ ร่างกายของผู้สูงอายุ การทำกายบำบัด การให้บริการด้านสังคมสงเคราะห์ เพื่อให้ คำแนะนำ ปรึกษา แก้ไขปัญหาแก่ผู้รับบริการเมื่อประสบปัญหา การให้บริการ งานอาชีวะบำบัด เช่น การสอนงานประดิษฐ์ต่าง ๆ แก่ผู้สูงอายุ การทำดอกไม้จันทน์ ทำช่อประธาน และเครื่องจักรสานต่าง ๆ การให้บริการนันทนาการ ซึ่งเป็นกิจกรรม ที่เน้นให้ผู้สูงอายุได้แสดงออก ได้รับความบันเทิงสนุกสนานคลายความวิตกกังวล เกิดความเพลิดเพลิน และคลายความเครียด รวมถึงการทำกิจกรรมทางศาสนาเพื่อให้ ผู้สูงอายุมีโอกาสประกอบ พิธีกรรมทางศาสนาตามประเพณีนิยมในวันสำคัญ ๆ และ ยังอนุญาตให้ผู้สูงอายุไปประกอบศาสนกิจ ภายนอก ด้วยภารกิจและการดำเนินงาน ในรูปแบบสถาบันจึงทำให้การปฏิบัติงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ โควิด-19 เป็นไปโดยความยากลำบาก คือ 1. ข้อจำกัดของการจัดกิจกรรมหริอดำเนินงานภายในศูนย์ฯผู้สูงอายุโดย การรวมตัวทำกิจกรรมในศูนย์ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากโรคติดเชื้อไวรัส โควิด -19 เป็นกลุ่มโรคที่ออกอาการรุนแรงในผู้สูงอายุ รวมถึงผู้สูงอายุยังเป็นกลุ่ม เสี่ยงสูงในการติดเชื้อได้ง่าย 2. ข้อจำกัดการจัดกิจกรรมหริอดำเนินงานโครงการต่างๆภายนอกศูนย์ในชุมชน เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีความเสี่ยงต่อการรับเชื้อและนำโรคเข้ามา แพร่กระจายให้กับผู้สูงอายุในศูนย์ 3. กรณีการทำงานที่บ้าน WFH อาจจะมีปัญหามลพิษทางเสียงหรือ สิ่งเร้าอื่นที่มารบกวนสมาธิในการทำงาน เช่น เสียงบุคคลอื่นในบ้าน หรือเสียงสัตว์ เลี้ยง รวมถึงปัญหาการขาดวัสดุอุปกรณ์ในการทำงาน เช่น คอมพิวเตอร์, เครื่องปริ้น เตอร์, กระดาษ หรือวัสดุอุปกรณ์อื่นๆ ของเจ้าหน้าที่


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๑๐ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 เจ้าหน้าที่จะต้องปฏิบัติงานภายใต้ข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น มาตรการ การเว้นระยะห่าง การเข้าออกพื้นที่เสี่ยง เป็นต้น จึงส่งผลให้การปฏิบัติงานหรือ ผลงานที่ได้อาจไม่ได้ประสิทธิภาพหรือประสิทธิผลเท่าที่ควร อีกทั้งเจ้าหน้าที่หลายคน ไม่คุ้นชินหรือยังปรับตัวไม่ได้กับวัฒนธรรมการทำงานวิถีใหม่ (New Normal) พบอุปสรรค จากการทำงานที่วิถีใหม่หลายประการ ยกตัวอย่างเช่น การทำงานที่บ้าน มีเสียงรบกวนจากเสียงโทรทัศน์ เสียงวิทยุ เสียงเกมของโทรศัพท์ (ลูก) หรือเสียง รบกวนจากข้างบ้าน จึงทำให้ขาดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานที่มีแรงกระตุ้น จากสภาพแวดล้อมในที่ทำงานและเพื่อนร่วมงาน เจ้าหน้าที่บางคนยังไม่คุ้นชินกับ การใช้ระบบ Conference หรือระบบZoom meeting ในการรายงานความก้าวหน้า ของงานและอีกปัญหาที่สำคัญ คือ คนในพื้นที่ที่ไม่ยอมปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ที่รัฐกำหนดเพื่อลดการแพร่เชื้อ


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๑๑ กรอบแนวคิดในการวิจัย ภาพที่ 1. กรอบแนวคิดในการวิจัย เจ้าหน้าที่และผู้สูงอายุใน ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการ สังคมผู้สูงอายุบ้านทักษิณ จังหวัดยะลา ความรู้เกี่ยวกับข้อมูล สถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโควิด-19 ใน ประเทศไทย ทัศนคติต่อการ ป้องกัน การติดเชื้อไวรัส โควิด-19 การดูแลผู้สูงอายุในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านทักษิณ จังหวัดยะลา


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๑๒ แนวคิดและยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง แนวคิด Active Ageing ขององค์การอนามัยโลก3 Active Ageing ของ องค์การอนามัยโลก อธิบายถึงองค์ประกอบสำคัญของการเป็นผู้สูงอายุที่มีพลัง ประกอบด้วย 3 ประการ ได้แก่ 1) มีสุขภาพที่ดี (Healthy) 2) มีความมั่นคง หรือการมีหลักประกันในชีวิต (Security) 3) มีส่วนร่วม (Participation) กรอบแนวคิดขององค์การอนามัยโลก (WHO’s Active Ageing framework) Active Ageing เป็นกระบวนการที่สร้างโอกาสให้ผู้สูงอายุเข้าถึงระบบสาธารณสุข การมีส่วนร่วมและได้รับความปลอดภัย เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีในการวางนโยบาย บริหารจัดการการให้บริการการจัดสภาพแวดล้อมและโครงสร้างเมืองของเมืองที่เป็น มิตรต่อผู้สูงอายุนั้น ต้องคำนึงถึง • ความหลากหลายของความสามารถและการเป็นแหล่งทรัพยากรของ ผู้สูงอายุ • ความยืดหยุ่นในการตอบสนองและคาดการณ์ความต้องการและความชอบ ของผู้สูงอายุ • ความสำคัญของการตัดสินใจและวิถีชีวิตของผู้สูงอายุ • การคุ้มครองป้องกันกลุ่มเสี่ยงในผู้สูงอายุ • การสร้างโอกาสให้ผู้สูงอายุได้มีส่วนร่วมในเรื่องต่าง ๆ ในสังคม โดย ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามลำพัง ควรได้รับการส่งเสริมให้เป็นผู้ที่มีพฤฒิพลัง (Active Ageing) เริ่มจากผู้สูงอายุต้องส่งเสริมให้เกิดการดูแลตนเองให้เหมาะสมกับโรคหรือ ความเจ็บป่วยที่มีตลอดจนกระตุ้นให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง ตามศักยภาพ และมีกลุ่มในสังคมโดยอาศัยเทคโนโลยีมาเชื่อมต่อสังคมให้กับผู้สูงอายุ เหล่านี้


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๑๓ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2564 บทบัญญัติที่บรรจุหลักการที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ จำนวน 2 หมวด ดังนี้ หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย มาตรา 27 วรรคสาม การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วย เหตุความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกาย หรือสุขภาพ สถานภาพของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อ ทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือเหตุอื่นใดจะกระทำมิได้ วรรคสี่ มาตรการที่รัฐกำหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคล สามารถใช้สิทธิหรือเสรีภาพได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น หรือเพื่อคุ้มครองความสะดวก ให้แก่ เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ หรือผู้ด้อยโอกาสย่อมไม่ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ มาตรา 48 วรรคสอง บุคคลซึ่งมีอายุเกินหกสิบปีและไม่มีรายได้เพียงพอ แก่การยังชีพ และบุคคลผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมจากรัฐ ตามที่กฎหมายบัญญัติ หมวด 6 แนวนโยบายแห่งรัฐ มาตรา 71 วรรคสาม รัฐพึงให้ความช่วยเหลือเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ยากไร้ และผู้ด้อยโอกาส ให้สามารถดำรงชีพได้อย่างมีคุณภาพ และ คุ้มครองป้องกันมิให้บุคคลดังกล่าวถูกใช้ความรุนแรงหรือปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม รวมตลอดทั้งให้การบำบัด ฟื้นฟูและเยียวยาผู้ถูกกระทำการดังกล่าว


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๑๔ แผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2545 - 2564) ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2552 แผนผู้สูงอายุแห่งชาติถือเป็นแผนยุทธศาสตร์หลักในการดำเนินงาน ด้านผู้สูงอายุ ในช่วง พ.ศ. 2545 - 2564 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 โดยแผนดังกล่าวได้ให้ความสำคัญต่อ “วงจรชีวิต” โดยมี วิสัยทัศน์ “ผู้สูงวัยเป็นหลักชัยของสังคม” ประกอบด้วยยุทธศาสตร์ 5 ยุทธศาสตร์ ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 ยุทธศาสตร์ด้านการเตรียมความพร้อมของประชากร เพื่อวัยสูงอายุที่มีคุณภาพ ประกอบด้วย 3 มาตรการ คือ (1) หลักประกันด้านรายได้ เพื่อวัยสูงอายุ (2) การให้การศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต (3) การปลูกจิตสำนึก ให้คนในสังคมตระหนักถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของผู้สูงอายุ ยุทธศาสตร์ที่ 2 ยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริมและพัฒนาผู้สูงอายุ ประกอบด้วย 6 มาตรการ คือ (1) ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันการเจ็บป่วย และดูแล ตนเองเบื้องต้น (2) ส่งเสริมการรวมกลุ่มและสร้างความเข้มแข็งขององค์กรผู้สูงอายุ (3) ส่งเสริมด้านการทำงานและการหารายได้ของผู้สูงอายุ (4) สนับสนุนผู้สูงอายุ ที่มีศักยภาพ (5) ส่งเสริมสนับสนุนสื่อ ทุกประเภทให้มีรายการเพื่อผู้สูงอายุและ สนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้รับความรู้และสามารถเข้าถึงข่าวสารและสื่อ (6) ส่งเสริม และสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ยุทธศาสตร์ที่ 3 ยุทธศาสตร์ด้านระบบคุ้มครองทางสังคมสำหรับผู้สูงอายุ ประกอบด้วย 4 มาตรการ คือ (1) คุ้มครองด้านรายได้ (2) หลักประกันด้านสุขภาพ (3) ด้านครอบครัว ผู้ดูแล และการคุ้มครอง (4) ระบบบริการและเครือข่าย การเกื้อหนุน


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๑๕ ยุทธศาสตร์ที่ 4 ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการเพื่อการพัฒนางาน ด้านผู้สูงอายุอย่างบูรณาการระดับชาติและการพัฒนาบุคลากรด้านผู้สูงอายุ ประกอบด้วย 2 มาตรการ คือ (1) การบริหารจัดการเพื่อการพัฒนางาน ด้านผู้สูงอายุ อย่างบูรณาการระดับชาติ (2) ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านผู้สูงอายุ ยุทธศาสตร์ที่ 5 ยุทธศาสตร์ด้านการประมวล พัฒนา และเผยแพร่ องค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุ และการติดตาม ประเมินผลการดำเนินการตามแผนผู้สูงอายุ แห่งชาติ ประกอบด้วย 3 มาตรการ คือ (1) สนับสนุนและส่งเสริมการวิจัย และ พัฒนาองค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุสำหรับการกำหนดนโยบายและการพัฒนาการบริการ หรือการดำเนินการที่เป็นประโยชน์แก่ผู้สูงอายุ (2) ดำเนินการให้มีการติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานตามแผนผู้สูงอายุแห่งชาติที่มีมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง (3) พัฒนาระบบข้อมูลทางด้านผู้สูงอายุให้ถูกต้องและทันสมัยโดยมีระบบฐานข้อมูล ที่สำคัญด้านผู้สูงอายุที่ง่ายต่อการ เข้าถึงและสืบค้น พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2553 และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2560 กฎหมายฉบับนี้ดำเนินงานเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และ การสนับสนุนต่อสิทธิและประโยชน์ของผู้สูงอายุเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ ให้ผู้สูงอายุมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ โดยสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ 1) นิยามผู้สูงอายุ หมายถึง บุคคลซึ่งมีอายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไป และ มีสัญชาติไทย 2) ให้มีคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (มาตรา 4) เป็นกลไกระดับชาติ เพื่อกำหนดนโยบายและแผนหลักแนวทางปฏิบัติตลอดจนประสานงาน ติดตาม และ ประเมินผลเกี่ยวกับการคุ้มครองการส่งเสริม และการสนับสนุนสถานภาพ บทบาท และกิจกรรมของผู้สูงอายุ 3) สิทธิผู้สูงอายุ (มาตรา 11) ผู้สูงอายุมีสิทธิได้รับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุน (1) การบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขที่จัดไว้โดยให้


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๑๖ ความสะดวกและรวดเร็วแก่ผู้สูงอายุเป็นกรณีพิเศษ (2) การศึกษา การศาสนา และ ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต (3) การประกอบอาชีพหรือฝึกอาชีพ ที่เหมาะสม (4) การพัฒนาตนเองและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม การรวมกลุ่มในลักษณะเครือข่ายหรือชุมชน (5) การอำนวยความสะดวกและความ ปลอดภัยโดยตรงแก่ผู้สูงอายุในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะหรือการบริการสาธารณะ อื่น (6) การช่วยเหลือด้านค่าโดยสารยานพาหนะตามความเหมาะสม (7) การยกเว้น ค่าเข้าชมสถานที่ของรัฐ (8) การช่วยเหลือผู้สูงอายุซึ่งได้รับอันตรายจากการถูกทารุณ กรรมหรือถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ด้วยกฎหมาย หรือถูกทอดทิ้ง (9) การให้ คำแนะนำ ปรึกษาดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องในทางคดีหรือในทางการแก้ไขปัญหา ครอบครัว มาตรการขับเคลื่อนระเบียบวาระแห่งชาติ เรื่อง สังคมสูงอาย มาตรการหลักที่ 1 การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและคนทุกวัย มาตรการย่อยที่ 1.1 การสร้างระบบคุ้มครองและสวัสดิการผู้สูงอายุ ดำเนินการสร้างระบบคุ้มครอง พิทักษ์สิทธิ์ ให้ครอบคลุมผู้สูงอายุทุกประเภท และ สอดรับกับรูปแบบสังคมเมือง และสังคมชนบท เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการคุ้มครองและ พิทักษ์สิทธิ์ มีการดูแลตามมาตรฐาน ด้วยบุคลากรด้านผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ จะทำให้ ลดปัญหาการกระทำความรุนแรงและละเมิดสิทธิผู้สูงอายุ มาตรการย่อยที่ 1.2 ส่งเสริมการมีงานทำและมีรายได้ของผู้สูงอายุส่งเสริม การมีงานทำสำหรับผู้สูงอายุ โดยให้มีการกำหนดงาน อาชีพ และระยะเวลา ที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุสร้างผลิตภัณฑ์สินค้าที่เป็นแบรนด์ของผู้สูงอายุ ผ่านการ สนับสนุนจากประชารัฐ วิสาหกิจชุมชน และวิสาหกิจเพื่อสังคม


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๑๗ มาตรการย่อยที่ 1.3 ระบบสุขภาพเพื่อรองรับสังคมสูงอายุ เชื่อมโยงระบบ การดูแลผู้สูงอายุ เริ่มตั้งแต่ในระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ ตติยภูมิ และศูนย์เชี่ยวชาญ การดูแลระยะกลาง ระยะยาว และการดูแลระยะสุดท้าย รวมทั้งการดูแลผู้สูงอายุที่มี ความจำเป็นเฉพาะกลุ่ม และการเตรียมความพร้อม ด้านสุขภาพของกลุ่มก่อนวัย สูงอายุ มาตรการย่อยที่ 1.4 ปรับสภาพแวดล้อมชุมชนและบ้านให้ปลอดภัยกับ ผู้สูงอายุ มีการปรับสภาพแวดล้อมภายในบ้าน ชุมชน และโครงสร้างพื้นฐานเดิม ให้เหมาะสมและเอื้อต่อการดำเนินชีวิต ของผู้สูงอายุ เน้นการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน และท้องถิ่น โดยมีการกำหนดมาตรการเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชน เข้ามา เป็นกลไกในการขับเคลื่อน มาตรการย่อยที่ 1.5 ธนาคารเวลา สำหรับการดูแลผู้สูงอายุของประเทศไทย ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชมรม กลุ่ม ในชุมชนขับเคลื่อนให้เกิดการดูแล ผู้สูงอายุในรูปแบบ “ธนาคารเวลา” โดยต้องมีการจัดทำระบบการจัดการ การจัดเก็บ ข้อมูล ให้สอดคล้องกับบริบทในเมืองและชุมชน มาตรการย่อยที่ 1.6 การสร้างความรอบรู้ให้คนรุ่นใหม่เตรียมความพร้อม ในทุกมิติส่งเสริมให้ประชาชนได้รับความรู้ในการเตรียมความพร้อมทั้งในด้านสุขภาพ การออกกำลังกาย ด้านเศรษฐกิจ การวางแผนทางการเงิน โดยส่งเสริมให้มีการจัด กิจกรรมในสถาบันการศึกษาให้เด็กและเยาวชน และการสร้างสื่อเพื่อให้สังคม เกิดความตระหนักในวงกว้างร่วมกัน


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๑๘ มาตรการหลักที่ 2 การยกระดับขีดความสามารถ สู่การบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 มาตรการย่อยที่ 2.1 ยกระดับความร่วมมือ เสริมสร้างพลังสังคมสูงอายุ บูรณาการการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุ ทั้งในระดับนโยบาย หน่วยงานภาครัฐ สู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ สร้างกระบวนการเรียนรู้ เพื่อขับเคลื่อนระเบียบวาระ แห่งชาติ พัฒนาระบบติดตามประเมินผล เชื่อมโยงกลไกที่มีตั้งแต่ ระดับพื้นที่สู่ระดับ นโยบาย มาตรการย่อยที่ 2.2 การปรับเปลี่ยนกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติ ข้อบังคับ ให้เอื้อต่อการทำงานด้านผู้สูงอายุ หน่วยงานที่ดำเนินการด้านผู้สูงอายุ มีการปรับ กฎหมาย ระเบียบในการทำงานด้านผู้สูงอายุ เพื่อให้เอื้อต่อการทำงาน และทันต่อ สถานการณ์ และแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุที่สอดคล้องกับบริบทสังคมแต่ละพื้นที่ มาตรการย่อยที่ 2.3 ปฏิรูประบบข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนงานด้านผู้สูงอายุอย่าง มีประสิทธิภาพ หน่วยงานที่ให้บริการด้านผู้สูงอายุ มีการเชื่อมโยงข้อมูลผู้สูงอายุ ระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้ได้ข้อมูลผู้สูงอายุใน ภาพรวม ตั้งแต่สภาพปัญหา ความ ต้องการ และบริการที่ผู้สูงอายุได้รับจากภาครัฐ มาตรการย่อยที่ 2.4 พลิกโฉมนวัตกรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมสูงอายุ มีการส่งเสริมให้มีการนำนวัตกรรมทางสังคมที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตของ ผู้สูงอายุ ไปขับเคลื่อนขยายผลในพื้นที่ มีการส่งเสริมให้ภาคเอกชน เครือข่ายภาคี ผู้ประกอบการ สร้างและผลิตนวัตกรรมด้านผู้สูงอายุในเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างโอกาส ให้ผู้สูงอายุเข้าถึงนวัตกรรมได้มากขึ้น


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๑๙ กระบวนการในการแก้ไขปัญหา หน่วยงานปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานโดยอาศัยกลไกเครือข่ายเข้ามาช่วย ในการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ โดยเครือข่ายที่ทางหน่วยงานร่วมกันทำงาน แบบบูรณาการด้วยนั้นมีอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (เชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุ) ภาคีเครือข่าย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บัณฑิตอาสา เป็นต้น กลุ่มเครือข่ายดังกล่าวเป็นคนในพื้นที่จึงมีความสะดวกในการปฏิบัติงาน ภายใต้มาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019 และมาตรการจังหวัด อีกทั้งหน่วยงานยังออกมาตรการเพื่อเป็นการ ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทางสำหรับให้ข้าราชการพลเรือนสามัญปฏิบัติราชการ ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) เพิ่มเติม (ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร.1022/ว 6 ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2564 และ


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๒๐ หนังสือจังหวัดยะลา ที่ ยล 0017.5/ว 6870 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เรื่อง แนวทางปฏิบัติสำหรับการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ (Work from Home) สำหรับข้าราชการและบุคลากรจังหวัดยะลา โดยให้ทุกส่วนราชการ/ หน่วยงาน พิจารณาดำเนินการให้มีการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ ไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนบุคลากรในหน่วยงาน โดยให้ผู้ที่ได้รับการกำหนดให้ ทำงานจากที่บ้านไม่เข้ามายังสำนักงานในแต่ละครั้งอย่างน้อย 14 วัน ซึ่งมาตรการ ดังกล่าวข้างต้นจำเป็นต้องมี digital transform เพื่อให้เกิดการทำงานที่คล่องตัว เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานทำงานจากที่ไหนก็ได้ (work from anywhere) ดังนั้น ทางศูนย์ฯเลือกใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือเพื่อรองรับการทำงานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ และเกิดผลสำเร็จมากที่สุด ศพส.บ้านทักษิณ ได้กำหนดให้มีการวางแผนการทำงานดังนี้ 1. การสลับวันทำงาน เพื่อลดความแออัดในช่วงเวลาการทำงานโดยคำนึงถึง สุขภาพและความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานกับประสิทธิภาพประสิทธิผล ในการบริหารราชการเป็นสำคัญ โดยได้มีการสลับเวลาการทำงานของข้าราชการและ เจ้าหน้าที่ในรอบระยะเวลา 7 วัน โดยกำหนดแบ่งจำนวนบุคลากรในการสลับ วันทำงาน เป็น 2 ชุด ในเดือนสิงหาคม 2564 2. ให้ทุกฝ่าย จัดเตรียมและสำรองระบบข้อมูลและระบบการสื่อสารต่างๆ 3. ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัดและ ต่อเนื่อง 4. แจ้งเจ้าหน้าที่ บุคลากรของหน่วยงานศึกษาเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีเข้ามา ช่วยในการทำงานในยุค New Normal อาทิเช่นการศึกษาการใช้โปรแกรม Zoom Meeting แอปพริเคชั่น Line เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถประสานงาน ติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างถูกต้องแม่นยำ 5. สร้างจิตสำนึกในการรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๒๑ การดูแลผู้สูงอายุและการออกมาตรการด้านต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 การจัดการสถานสงเคราะห์ในสภาวะโควิด 19 ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านทักษิณ จังหวัดยะลา ได้กำหนดแนวทางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID – 19) ดังนี้


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๒๒ มาตรการสำหรับผู้ใช้บริการ (ผู้สูงอายุในศูนย์ฯ) 1. ให้ผู้สูงอายุสวมใส่หน้ากากอนามัย 2. จัดอุปกรณ์ทำความสะอาดมือ เช่น สบู่ เจลแอลกอฮอล์ในพื้นที่ส่วนรวม เช่น ห้องน้ำ โรงอาหาร อาคารเรือนนอน 3. ให้ผู้สูงอายุ ล้างมือบ่อย ๆ 4. ให้ผู้ดูแลผู้สูงอายุ (พี่เลี้ยง) ทำความสะอาดอาคารเรือนนอน บริเวณเตียง ผู้สูงอายุ ขอบหน้าต่าง โต๊ะวางอุปกรณ์ ตู้ใส่เสื้อผ้า ตู้เย็น ที่วางทีวี ตู้กดน้ำดื่ม และ ห้องน้ำทุกวัน 5. ซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน โดยใส่น้ำยาฆ่าเชื้อสัปดาห์ละ 1 ครั้ง 6. ทำความสะอาดภาชนะในการรับประทานอาหาร เช่น ช้อน ถาดอาหาร แก้วน้ำ ด้วยน้ำร้อน หรือวางตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อ 7. เฝ้าระวังและสังเกตอาการผู้สูงอายุ หากพบผู้สูงอายุมีอาการของโรค หรือ ภาวะเสี่ยง หรือกรณีที่พบว่าผู้สูงอายุมีไข้ตั้งแต่ 37 องศา ให้รีบรายงานผู้อำนวยการ ศูนย์ฯ และหากมีไข้เกิน 38 องศา ให้นำส่งเข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลทันที 8. เมื่อมีผู้สูงอายุมีความจำเป็นต้องไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ตามนัด ให้พยาบาล และผู้ช่วยพยาบาล พิจารณาอาการเบื้องต้น กรณีมีความจำเป็น ต้องไปพบแพทย์ ให้ผู้สูงอายุสวมหน้ากากอนามัย และมีเจลแอลกอฮอล์ หรือแอลกอฮอล์ขนาดขวดเล็ก ติดตัวไปด้วยเพื่อทำความสะอาดมือ ขณะรับบริการ อยู่ในโรงพยาบาล 9. เมื่อผู้สูงอายุ และพยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล หรือผู้ดูแลผู้สูงอายุ (พี่เลี้ยง) เดินทางกลับจากโรงพยาบาล มาถึงศูนย์ฯ เมื่อลงจากรถให้ตรงไปยังจุดบริการ ที่วางอุปกรณ์ทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ล้างมือด้วยทุกครั้ง ก่อนขึ้น อาคารเรือนนอน


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๒๓ 10. รวมทั้งพนักงานขับรถยนต์ต้องทำความสะอาดรถยนต์ที่เดินทางกลับมา จากโรงพยาบาลด้วยการฉีดแอลกอฮอล์แล้วเช็ดเบาะนั่ง และบริเวณภายในรถ ให้สะอาดก่อนนำรถยนต์เข้าเก็บโรงจอดรถทุกครั้ง มาตรการสำหรับผู้มาติดต่อ 1. กรณีที่มีผู้มาติดต่อบริจาคสิ่งของ หรือบริจาคเงิน หรือติดต่อเลี้ยงอาหาร ผู้สูงอายุให้ติดต่อได้ ณ จุดบริการรับบริจาคเท่านั้น และให้ดำเนินการตามมาตรการฯ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และสวมใส่หน้ากากอนามัย 2. กรณีมีผู้มาเลี้ยงอาหาร หรือสมทบอาหารระหว่างมื้อ ขอความร่วมมือ ต้องเป็นอาหารทำใหม่ๆ ร้อน ๆ 3. งดการเยี่ยมผู้สูงอายุ 4. งดการจัดกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อ ไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID 19 ) จะคลี่คลายหรือดีขึ้น มาตรการสำหรับบุคลากร 1. สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่มีการพบปะพูดคุยด้วยกันมากกว่า 2 คนขึ้นไป 2. ทำความสะอาดโต๊ะทำงาน อุปกรณ์สำนักงานที่ต้องใช้ร่วมกัน เช่น โทรศัพท์ เครื่องโทรสาร โต๊ะ เก้าอี้ เครื่องถ่ายเอกสาร คอมพิวเตอร์ด้วยแอลกอฮอล์ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง (จันทร์ / พุธ) 3. ทำความสะอาดอาคารสถานที่ ห้องครัว โรงอาหาร โต๊ะทานอาหาร ผู้สูงอายุ ห้องน้ำด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุกวัน 4. จัดอุปกรณ์ทำความสะอาดมือ เช่น เจลแอลกอฮอล์ไว้ประจำจุดต่าง ๆ เช่น หน้าประตูสำนักงาน โรงอาหาร อาคารเรือนนอนผู้สูงอายุทุกอาคาร 5. หากข้าราชการและเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ มีภาวะเสี่ยง หรือมีอาการของโรค ให้แจ้งหัวหน้าฝ่าย และผู้อำนวยการศูนย์ฯ ตามลำดับ


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๒๔ 6. หากข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีไข้ตั้งแต่ 37 องศา ให้รายงาน ผู้อำนวยการศูนย์ฯโดยทันที และถ้ามีไข้เกิน 38 องศา ให้เข้ารับการตรวจรักษา ที่โรงพยาบาลทันที 7. ให้ฝ่ายบริหารทั่วไป และฝ่ายพัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมได้สำรวจวัสดุ อุปกรณ์ของใช้จำเป็น เช่น เวชภัณฑ์/ อาหารเสริม /แพมเพริส / ของใช้จำเป็น สำหรับผู้สูงอายุ) และจัดทำแผนการใช้สำหรับผู้สูงอายุในศูนย์ฯ ให้มีความเพียงพอ ต่อการใช้งานในระยะเวลาประมาณ 2 เดือน และบางส่วนสำหรับกรณีจำเป็น ของผู้สูงอายุในพื้นที่รับผิดชอบ 8. ให้ทุกฝ่ายจัดเตรียมและสำรองระบบข้อมูลและระบบการสื่อสารต่าง ๆ 9. สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่มีการพบปะพูดคุยด้วยกันมากกว่า 2 คน ขึ้นไป 10. ทำความสะอาดโต๊ะทำงาน อุปกรณ์สำนักงานที่ต้องใช้ร่วมกัน เช่น โทรศัพท์ เครื่องโทรสาร โต๊ะ เก้าอี้ เครื่องถ่ายเอกสาร คอมพิวเตอร์ด้วยแอลกอฮอล์ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง (จันทร์ / พุธ) 11. ทำความสะอาดอาคารสถานที่ ห้องครัว โรงอาหาร โต๊ะทานอาหาร ผู้สูงอายุ ห้องน้ำ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุกวัน 12. จัดอุปกรณ์ทำความสะอาดมือ เช่น เจลแอลกอฮอล์ไว้ประจำจุดต่าง ๆ เช่น หน้าประตูสำนักงาน โรงอาหาร อาคารเรือนนอนผู้สูงอายุทุกอาคาร 13. หากข้าราชการและเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯมีภาวะเสี่ยง หรือมีอาการของโรค ให้แจ้งหัวหน้าฝ่าย และผู้อำนวยการศูนย์ฯตามลำดับ 14. หากข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีไข้ตั้งแต่ 37 องศา ให้รายงานผู้อำนวยการศูนย์ฯโดยทันที และถ้ามีไข้เกิน 38 องศา ให้เข้ารับการตรวจ รักษาที่โรงพยาบาลทันที 15. ให้ฝ่ายบริหารทั่วไป และฝ่ายพัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมได้สำรวจ วัสดุอุปกรณ์ของใช้จำเป็น เช่น เวชภัณฑ์/ อาหารเสริม /แพมเพริส / ของใช้จำเป็น


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๒๕ สำหรับผู้สูงอายุ) และจัดทำแผนการใช้สำหรับผู้สูงอายุในศูนย์ฯ ให้มีความเพียงพอ ต่อการใช้งาน ในระยะเวลาประมาณ 2 เดือน และบางส่วนสำหรับกรณีจำเป็น ของผู้สูงอายุในพื้นที่รับผิดชอบ 16. ให้ทุกฝ่าย จัดเตรียมและสำรองระบบข้อมูลและระบบการสื่อสารต่างๆ มาตรการด้านอาคารสถานที่ 1. กำหนดช่องทางการเข้า – ออก ศูนย์ เพียงช่องทางเดียว 2. กำหนดเวลาเปิด ปิด ประตู ทางเข้าออกศูนย์ฯ ดังนี้ วันจันทร์–ศุกร์ ประตูเปิดเวลา 06.00-09.00 น. และเปิดอีกครั้งเวลา 16.00-19.00 น. วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ปิดตลอดเวลา 3. ทำความสะอาดอาคารสำนักงาน อาคารเรือนนอนผู้สูงอายุ และบริเวณ การใช้ทำกิจกรรมร่วมกันโดยน้ำยาฆ่าเชื้อ ทุกวัน 4. จัดโต๊ะทานอาหาร ให้นั่งโดยเว้นระยะห่างกัน 5. มีระบบป้องกัน ควบคุมการติดเชื้อและการแพร่กระจายเชื้อโดยกำหนดให้ มีการทิ้งขยะติดเชื้อในถุงสีแดง เช่น ผ้าอ้อมสำเร็จรูปผู้ใหญ่ หน้ากากอนามัย 6. จัดให้มีอาคารเฉพาะสำหรับการกักตัว ในกรณีที่รับผู้สูงอายุรายใหม่ หรือ ผู้สูงอายุที่มีภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด โดยจัดให้มีจำนวน 5 เตียง โดยเตรียม ของใช้ส่วนตัว เครื่องอุปโภค บริโภค ที่จำเป็น ให้พร้อม 7. กำหนดจุดรับบริจาคเพียงจุดเดียว คือบริเวณด้านหน้าอาคารสำนักงาน 8. จัดทำอุปกรณ์การป้องกันฯ สำหรับการติดต่อจากบุคคลภายนอก โดยมี ที่กั้นบนโต๊ะรับบริจาค 9. จัดให้มีเครื่องสแกนอุณหภูมิ และเจลล้างมือวางไว้ด้านหน้าอาคาร สำนักงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าปฏิบัติงาน และสำหรับบุคคลภายนอกในการ เข้ามาติดต่อ /บริจาคของ 10. จัดทำสมุดลงลายมือชื่อ “ไทยชนะ” สำหรับผู้มาติดต่อราชการ/บริจาคของ


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๒๖ 11. กำหนดจุดรับส่งเอกสาร พัสดุ และอาหาร บริเวณด้านหน้าสำนักงาน เพียงจุดเดียว มาตรการเตรียมความพร้อมด้านวัสดุ อุปกรณ์ เวชภัณฑ์และการรักษา 1. สำรวจวัสดุอุปกรณ์ของใช้จำเป็น เช่น เวชภัณฑ์/ อาหารเสริม /ผ้าอ้อม ผู้ใหญ่สำเร็จรูป/ ของใช้จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ 2. จัดทำแผนการใช้สิ่งของจำเป็นสำหรับผู้สูงอายุในศูนย์ฯ ให้มีความ เพียงพอต่อการใช้งานในระยะเวลาประมาณ 2 เดือน และบางส่วนสำหรับ กรณีจำเป็นของผู้สูงอายุในพื้นที่รับผิดชอบ 3. ดำเนินการจัดซื้อ วัสดุอุปกรณ์จำเป็นในการสถานการณ์โควิด 19 เช่น ผ้าอ้อมสำเร็จรูปผู้ใหญ่ น้ำยาฆ่าเชื้อ หน้ากากอนามัย ถุงขยะติดเชื้อ ถุงมือยาง ยาชนิดต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นในการใช้งาน กรณีที่พบผู้ป่วยติดเชื้อภายในหน่วยงาน 1. แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รพสต. รพ.ศูนย์ยะลา เพื่อดำเนินการตาม มาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด 2. กรณีพบเป็นกลุ่มเสี่ยง ให้กักตัวในอาคารพยาบาล ที่จัดให้เป็นสถานที่กัก ตัว ตามระยะเวลาที่กำหนด


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๒๗ ผลจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้เข้ากับ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 1. สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ได้ร้อยเปอร์เซ็น หมายถึง ทั้งเจ้าหน้าที่และผู้สูงอายุที่อยู่ในความดูแลของศูนย์ปลอดการติดเชื้อหรือ หมายถึงการติดเชื้อในศูนย์เป็น “ศูนย์” 2. สามารถปฏิบัติงานภายใต้วัฒนธรรมการทำงานวิถีใหม่ (New Normal) กล่าวคือ เจ้าหน้าที่มีการปรับตัวในการปรับใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนช่วยในการ ปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว จึงทำให้การติดต่อประสานงาน การรายงานความก้าวหน้าของงานเป็นไปด้วยความสะดวกเหมือนการนั่งประชุมใน หน่วยงาน 3. เจ้าหน้าที่มีจิตสำนึกที่ดี รับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น เกิดสังคมที่ดีใน องค์กร กล่าวคือ เจ้าหน้าที่มีการดูแลตัวเอง และไม่เดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง สถานที่ แออัดเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๒๘ ข้อเสนอแนะ 1. การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วด้านเทคโนโลยีทำให้การฝึกอบรม และ การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นที่หน่วยงานต้องจัดอบรมให้กับ เจ้าหน้าที่ ซึ่งการเรียนรู้ในยุคสมัยนี้เน้นการเรียนรู้แบบรวดเร็ว ฉับไว ทันต่อ สถานการณ์ซึ่งไม่สามารถพึ่งพาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่คนอื่นพิสูจน์แล้วเหมือนก่อน เนื่องจากทุกอย่างกลายเป็นเรื่องใหม่สำหรับทุกคน การทำงานจึงจำเป็นต้องเน้น กระบวนการและวิธีการทำงานให้ตอบโจทย์เป้าหมายของหน่วยงาน 2. เสริมสร้างจิตสำนึกในด้านความรับผิดชอบแก่บุคลากรที่ดูแลผู้สูงอายุ 3. ติดตามและประเมินผลการดูแลผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๒๙ ภาพกิจกรรม กิจกรรมการทำความสะอาดฆ่าเชื้อบริเวณโดยรอบสำนักงาน


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๓๐ ภาพกิจกรรม การตรวจสุขภาพประจำปี


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๓๑ ภาพกิจกรรม สาธิตการใช้แท็บเล็ตให้กับผู้สูงอายุ


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๓๒ ภาพกิจกรรม การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ


ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร ๑๑ ๓๓ ภาพกิจกรรม กิจกรรมฟื้นฟูบำบัด


เอกสารอ้างอิง TDRI THAILAND DEVELOPMENT RESEARCH INSTITUTE ผลกระทบของโควิด-19 ต่อผู้สูงอายุสืบค้นวันที่ 5 สิงหาคม2564 จากเว็บไซต์https://tdri.or .th/2020/09/the-impact-of-covid-19-on-older-persons/ กรมสุขภาพจิต.( 2564). ความเสี่ยงและผลกระทบต่อผู้สูงอายุในช่วงโควิด-19 สืบค้นวันที่ 11 สิงหาคม2564 จากเว็บไซต์https://www.dmh.go.th /news-dmh/view.asp?id=30794 การดูแลผู้สูงอายุในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19.(2564). สืบค้นวันที่ 20 สิงหาคม 2564 จากเว็บไซต์https://www.kinrehab.com/news/view/73 The United Nations sexual and reproductive health agency. (2564). ผู้สูงอายุในช่วงสถานการณ์การระบาดCOVID-19 สืบค้นวันที่ 23 สิงหาคม 2564 จากเว็บไซต์https://thailand.unfpa.org/th/elderly-COVID19 กรมกิจการผู้สูงอายุ.(2564). สถิติผู้สูงอายุผู้ใช้บริการภายในศูนย์พัฒนาการจัด สวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ.สืบค้นวันที่ 23 สิงหาคม2564 จากเว็บไซต์ https://www.dop.go.th/th/know/1 สำนักวิจัยและสถิติ บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน).(2564). สังคม สูงวัยในอาเซียนสืบค้นวันที่ 23 สิงหาคม2564 จากเว็บไซต์ https://www.thairelife.co.th/upload/article/filee_2003060959 41.pdf กรมกิจการผู้สูงอายุ. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. มาตรการ ขับเคลื่อนระเบียบวาระแห่งชาติ เรื่อง สังคมสูงอายุ (ฉบับปรับปรุง). สืบค้น วันที่ 23 สิงหาคม2564 จากเว็บไซต์http://www.dop.go.th/download /knowledge/th1551432930-155_0.pdf ศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ข้อเสนอเชิงนโยบาย รองรับสังคมสูงวัย 4 มิติ.สืบค้นวันที่ 12 กรกฎาคม


2564 จ า ก เ ว ็ บ ไ ซ ต์http://www.thaihealthconsumer.org/news/ ageing_society_policy/ กรมสุขภาพจิต.(2564). ก้าวย่างของประเทศไทย สู่‘สังคมผู้สูงอายุ’อย่างสมบูรณ์แบบ สืบค้นวันที่ 3 กันยายน2564 จากเว็บไซต์https://www.dmh.go.th /news-dmh/view.asp?id=30476 ภาพประกอบสืบค้นวันที่ 3 กันยายน 2564 จากเว็บไซต์https://www.facebook.com /bantaksin.yala ภาพประกอบสืบค้นวันที่ 3 กันยายน 2564 จากเว็บไซต์https://www.freepik.com/home


ที่ปรึกษา 1. นางสาวสุภาภรณ์ ณ นคร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริม และสนับสนุนวิชาการ 11 2. นางสาวกอบกุล กวั่งซ้วน ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคม ผู้สูงอายุบ้านทักษิณ จังหวัดยะลา ผู้จัดทำ 1. นางสาวนพรัตน์ กอวัฒนากุล นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ 2. นางสาวอังศุมาลี พึ่งผล นักพัฒนาสังคม กลุ่มการวิจัยและการพัฒนาระบบเครือข่าย


เลขที่ 354 หมู.2 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา 90100 โทร.0-74330-222 แฟกซ.0-74333-0228 E-mail : [email protected] http://tpso-11.m-society.go.th/ เพจ Facebook : สำนักงานสงเสร�มและสนับสนุนว�ชาการ 11 Facebook ศูนยเร�ยนรู : ศูนยเร�ยนรู สสว สิบเอ็ด สงขลา Line OA : @474pmdw Youtube : tpso11 songkhla สำนักงานสงเสร�มและสนับสนุนว�ชาการ 11 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย


Click to View FlipBook Version