The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

E-bookงานแกะสลักผลไม้ อาจาร ฉันทนา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

E-bookงานแกะสลักผลไม้ อาจาร ฉันทนา

E-bookงานแกะสลักผลไม้ อาจาร ฉันทนา

24/10/63

คำนำ

ศลิ ปะกำรแกะสลกั ผกั และผลไม้ นบั เป็นงำนประดิษฐ์อย่ำงหนง่ึ ของไทย
ทม่ี แี ตโ่ บรำณ แต่เดมิ ถอื ว่ำเป็นวชิ ำชัน้ สงู ของกุลสตรใี นวังที่จะต้องเรียนรแู้ ละฝึกฝนให้
เกิดควำมชำนำญ ขน้ั ตอนกำรแกะสลักนน้ั จะต้องใช้ควำมละเอียดประณีตมำก กำร
เรยี นรู้จึงตอ้ งใช้ควำมอดทนพถิ พี ิถนั และต้งั ใจฝกึ อยำ่ งจริงจัง กำรแกะสลกั ผักผลไม้
ได้มกี ำรพัฒนำวัดแปลงรปู แบบใหส้ วยงำมแปลกตำ สำมำรถสรำ้ งสรรคเ์ ลยี นแบบ
ธรรมชำตไิ ดอ้ ย่ำงวจิ ติ รงดงำม อย่ำงเช่น กำรแกะสลกั ให้เปน็ รูปดอกไม้ ใบไม้ รปู สัตว์
ต่ำงๆตำมแต่จนิ ตนำกำรของผู้แกะสลัก รวมถงึ วัสดุท่ีนำมำแกะสลกั ก็มคี ณุ สมบตั ทิ ่ี
แตกต่ำงกนั ออกไปจำเป็นตอ้ งศกึ ษำเรียนรู้เพอื่ ให้ผลงำนนัน้ ออกมำสวยงำมตำม
ตอ้ งกำร

E-Book เล่มนีจ้ ะมวี ิธีข้ันตอนกำรแกะสลักผกั ตำ่ งๆเช่น ฟกั ทอง
หอมหวั ใหญ่ แตงกวำ และพรกิ ช้ีฟำ้ ใหเ้ ป็นดอกไม้ ใบไม้ ทีส่ ำมำรถนำไปใชใ้ นกำร
ตกแต่ง เชน่ จัดในแจกัน จัดจำนอำหำร รำยละเอยี ดด้วยภำพประกอบทช่ี ัดเจน
สำมำรถนำไปฝกึ ฝนเพือ่ ใหเ้ กิดควำมชำนำญ และพัฒนำผลงำนใหเ้ ปน็ รปู แบบท่ี
สวยงำมต่อไป

สำรบญั หน้ำ

เร่ือง ข
คำนำ
สำรบัญ 1
2
- ควำมสำคัญของกำรแกะสลัก 3-5
- ประวตั ิเกย่ี วกับกำรแกะสลกั 5-8
- กำรจักหอมหัวใหญ่ 9-10
- กำรตดั กำรฝำน กำรเจยี น กำรเซำะ 11-13
- กำรปอกมะเขือเทศเป็นดอกกหุ ลำบ 14-15
- กำรกรดี พริกชีฟ้ ำ้ ดอกหน้ำวัว 16-17
- กำรควำ้ น 18-21
- กำรแกะสลักแครอทดอกขำ่ 22-24
- กำรแกะสลกั แครอทดอกรกั เร่ 25-27
- กำรแกะสลกั ผอบจำกฝรัง่ 27-29
- กำรเกลำ กำรแกะสลัก 30
- วสั ดุอุปกรณ์งำนแกะสลกั 31
- กำรเลือกซือ้ กำรดูแลรกั ษำผกั -ผลไม้ 32
- รูปแบบกำรแกะสลกั ผลไม้
- ประโยชนข์ องงำนแกะสลกั ผกั -ผลไม้

ควำมสำคญั ของกำรแกะสลกั 1

งำนศลิ ปะดั้งเดมิ ของไทยน้ันมอี ย่มู ำกมำยหลำยอย่ำงหลำยแขนง กำร

แกะสลกั ผกั ผลไมน้ นั้ เป็นงำนทมี่ คี ณุ ค่ำ มคี วำมสำคัญมำกมำยหลำยประกำร ซึง่
สำมำรถพอจะแยกเป็นหัวขอ้ ไดด้ ังนี้
1. นำมำใชไ้ ดใ้ นชวี ติ ประจำวนั
- สำมำรถตดั แต่งผกั ผลไม้ เปน็ ชิน้ เป็นคำมคี วำมสวยงำมและ เพื่อควำมสะดวกใน
กำรรับประทำน
2. นำมำใชใ้ นโอกำสพเิ ศษ ตำมงำนเลย้ี งตำ่ งๆ
- สำมำรถแกะสลกั ผัก ผลไม้ เพื่อนำไปจดั ตกแตง่ อำหำรตำ่ งๆ เช่น แกะสลักผักหรอื
ผลไม้เป็นผอบเพอ่ื ใส่อำหำร และใช้ในกำรตกแต่งสถำนทใี่ หด้ สู วยงำมน่ำชมได้อีกด้วย
เช่น กำรแกะสลักแตงโมหรอื แคนตำลูปทั้งผลเพอื่ ตกแต่งสถำนท่ีในงำนใหส้ วยงำม
3. สรำ้ งสมำธใิ หก้ บั ผทู้ ี่แกะสลกั
- กำรแกะสลกั ผัก ผลไมจ้ ะตอ้ งมีสมำธิ ไม่เช่นนัน้ อำจเกิดอบุ ตั เิ หตุจำกมดี ทีใ่ ชใ้ นกำร
แกะสลักได้ และชนิ้ งำนทีไ่ ดจ้ ะมคี วำมประณีตสวยงำมไมม่ รี อยชำ้ ตำมตอ้ งกำร
4. เสรมิ สรำ้ งควำมคดิ รเิ รม่ิ สรำ้ งสรรค์
- เมอ่ื ผู้แกะสลักเรยี นรวู้ ิธีกำรแกะสลักอยำ่ งชำนำญแล้ว จะมีควำมเขำ้ ใจและสำมำรถ
สรำ้ งสรรคล์ วดลำยใหมไ่ ดต้ ำมควำมต้องกำร
5. สรำ้ งควำมภำคภมู ใิ จแกต่ วั เอง
- กำรแกะสลักถือเปน็ งำนทม่ี คี วำมยำกอยำ่ งหนง่ึ แต่หำกได้มกี ำรเรียนรู้อย่ำงมรี ะบบ
มขี ้ันตอน และใช้ระยะเวลำในกำรฝกึ ฝน จะสำมำรถทำไดอ้ ยำ่ งงำ่ ยดำยและเกิดควำม
ภำคภมู ใิ จในตนเอง
6. อนุรกั ษส์ บื สำนศลิ ปะกำรแกะสลกั ของไทย
- ปัจจบุ นั มีผู้สนใจงำนดำ้ นแกะสลกั ผกั และผลไมอ้ ยำ่ งจริงจังน้อยลง เนอ่ื งจำก
คำ่ นยิ มมกี ำรเปล่ยี นแปลงไป แตย่ ังมผี ูส้ นใจทจี่ ะเรยี นรู้กำรแกะสลักผักและผลไม้

ประวติ เิ กยี่ วกบั กำรแกะสลกั 2

งำนศลิ ปะด้ังเดมิ ของไทยน้นั มอี ยู่มำกมำยหลำยอยำ่ งหลำยแขนง กำร

แกะสลกั ก็เป็นงำนศิลปอยำ่ งหนึ่งที่ถอื เปน็ มรดกมคี ่ำทส่ี ืบทอดกันมำช้ำนำน เป็นงำน
ฝีมอื ที่ต้องใช้ควำมถนดั สมำธิ ควำมสำมำรถเฉพำะตัว และควำมละเอียดออ่ นมำก
กำรแกะสลักผกั และผลไม้ เป็นกำรแสดงออกทำงวฒั นธรรมที่เปน็ เอกลักษณป์ ระจำ
ของชำตไิ ทยเลยทเี ดยี ว ซ่งึ ไม่มีชำตใิ ดสำมำรถเทยี บเทยี มได้ แต่สง่ิ ท่ีนำ่ เป็นหว่ งทส่ี ดุ ใน
ปจั จบุ ันน้คี งจะเปน็ เรื่องของกำรอนรุ ักษ์ ศิลปะแขนงน้ีทีม่ แี นวโนม้ จะสญู หำยไปและลด
นอ้ ยลงไปเรือ่ ยๆ กำรแกะสลักผกั และผลไม้เดิมเปน็ วชิ ำท่ีเรียนขั้นสงู ของ กุลสตรีใน
รวั้ ในวัง ที่ตอ้ งมกี ำรฝึกฝนและเรียนรูจ้ นเกิดควำมชำนำญ บรรพบรุ ษุ ของไทยเรำไดม้ ี
กำรแกะสลักกนั มำนำนแลว้ แตจ่ ะเร่มิ กนั มำตง้ั แตส่ มยั ใดนน้ั ไม่มใี ครร้แู นช่ ัด
เนอ่ื งจำกไม่มหี ลกั ฐำนแนช่ ัด จนถึงในสมยั สุโขทยั เป็นรำชธำนี ในสมยั ของสมเดจ็ พระ
รว่ งเจ้ำ ไดม้ นี ำงสนมคนหน่งึ ช่ือ นำงนพมำศ หรอื ท้ำวศรีจฬุ ำลักษณ์ ไดแ้ ตง่ หนังสือ
เล่มหน่ึงชอ่ื ว่ำ ตำรบั ทำ้ วศรีจฬุ ำลกั ษณ์ข้ึน และในหนังสอื เล่มนี้ ไดพ้ ูดถงึ พิธตี ่ำง ๆ
กำรสลักผกั ผลไม้นอกจำกจะเป็นกำรฝกึ สมำธแิ ล้วยงั เปน็ กำรฝึกฝมี ือให้เกิดควำม
ชำนำญเป็นพิเศษ และต้องมีควำมมำนะ อดทน ใจเย็น และมีสมำธิเป็นท่ตี งั้ รู้จักกำร
ตกแต่ง มคี วำมคิดสร้ำงสรรค์ กำรทำงำนจ้องใหจ้ ิตใจทำไปพร้อมกบั งำนทีก่ ำลังสลัก
อยู่ จึงได้งำนสลักทส่ี วยงำมเพริศแพร้วอยำ่ งเป็นธรรมชำติ ดดั แปลงเปน็ ลวดลำย
ประดิษฐ์ต่ำงๆ ตำมใจปรำรถนำปัจจุบันวิชำกำรช่ำงฝีมอื เหลำ่ นี้ ถกู บรรจอุ ยใู่ น
หลกั สตู ร ต้งั แต่ชนั้ ประถมศกึ ษำ มัธยมศกึ ษำมำจนถึงอุดมศึกษำเปน็ ลำดับ ประกอบ
กับรัฐบำลและภำคเอกชนได้ให้กำรสนบั สนนุ จงึ มกี ำรอนรุ ักษศ์ ลิ ปะต่ำง ๆ อย่ำง
แพรห่ ลำย โดยเฉพำะกำรแกะสลกั ผลงำนประเภทเคร่ืองจมิ้ จนกระท่ังงำนแกะสลักได้
กลำยเปน็ สง่ิ ท่ตี อ้ งประดษิ ฐ์ ตกแต่งบนโต๊ะอำหำรในกำรจดั เลีย้ งแขกตำ่ งประเทศ ตำม
โรงแรมใหญ่ ๆ ภตั ตำคำร ตลอดจนรำ้ นอำหำร กจ็ ะใช้งำนศิลปะกำรแกะสลกั เข้ำไป
ผสมผสำนเพือ่ ใหเ้ กดิ ควำมสวยงำม หรูหรำ และประทับใจแกแ่ ขกในงำน หรือสถำนท่ี
นั้น ๆ งำนแกะสลักผลไม้ จงึ มสี ่วนช่วยตกแตง่ อำหำรได้มำก คงเปน็ เช่นนตี้ ลอดไป

กำรจกั หมำยถงึ 3

กำรจกั หมำยถงึ กำรทำวสั ดใุ ห้เปน็ แฉกหรือฟันเลอื่ ย โดยใช้มแี กะสลกั

กดลงบนส่วนกลำงของวัสดุนน้ั ใหแ้ ยกออกจำกกนั หรือใชเ้ คร่อื งมือแหลมแทงตรงที่
ตอ้ งกำร เช่นกำรจักหอมหัวใหญ่ กำรจักละมุด

กำรฝกึ ทักษะ กำรจกั (กำรจักหอมหวั ใหญ)่

1หอมหัวใหญ่ วัสดแุ ละอปุ กรณ์
2. มีดแกะสลัก 4. ถำดรอง
5. อำ่ งใส่นำ้
3. เขียง
6. ผำ้ เชด็ ทำควำมสะอำด

ขั้นตอนกำรทำ 4

1.ปอกหอมหัวใหญ่ ล้ำงใหส้ ะอำด

2.ใช้ปลำยมดี แกะสลกั จักซิกแซก็ ตรงกลำงหวั ตำมขวำงจนรอบหวั ใหม้ ีระยะท่ี
เท่ำๆกัน

3.คอ่ ยๆ ดงึ หอมหัวใหญใ่ หแ้ ยกออกจำกกนั เปน็ 2 สว่ น

4.ปำดเนื้อดำ้ นล่ำง ออกเล็กน้อย ใหต้ ั้งได้และนำไปล้ำงนำ้ เย็นจดั 5

กำรตดั กำรฝำน กำรเจยี น กำรเซำะ

กำรตดั หมำยถึง กำรทำส่ิงใดสง่ิ หน่ึง ซึง่ ตอ้ งกำรใหเ้ ป็นทอ่ นสั้นยำวตำมตอ้ งกำร โดย
ใชม้ อื หน่งึ จบั มีด และอกี มอื หนงึ่ จับวัสดวุ ำงบนเขยี ง แลว้ กดมีดลงบนวัสดุให้ขำดออก
จำกกนั
กำรฝำน หมำยถึง กำรทำวสั ดุสิง่ ใดส่งิ หนงึ่ ให้เปน็ แผ่นหรือชิน้ บำง โดยใช้มือจบั ของไว้
ในฝ่ำมือหรือวำงบนเขียง แลว้ ใช้อีกมอื หนึ่งจับมดี กดลงบนของนน้ั ให้ตรง มีควำมบำง
มำกหรือน้อยตำมต้องกำร
กำรเจยี น หมำยถงึ กำรทำใหร้ อบนอกของวสั ดุสิ่งใดสงิ่ หนงึ่ เรยี บไม่ขรขุ ระ หรือเปน็
รปู ทรงต่ำงๆ
กำรเซำะ หมำยถึง กำรทำใหเ้ ปน็ รอยลึกหรือรอยกว้ำง เช่น เซำะเป็นรอยตำมประสงค์
โดยใชม้ อื ขำ้ งหนึ่งจบั วสั ดนุ ัน้ แลว้ ใชม้ อื อกี ข้ำงหนง่ึ จบั มดี ให้ทำงคมกดกบั วสั ดุน้นั

6

กำรฝึกทักษะ กำรตัด กำรฝำน กำรเจยี น กำรเซำะ (แตงรำ้ นเปน็ รปู ใบไม้
พลิว้ )

วัสดุและอปุ กรณ์

1. แตงรำ้ น 4.ถำดรอง
2. มีดแกะสลกั 5. อ่ำงผสม
3. เขียง 6. ผำ้ เช็ดทำ
ควำมสะอำด

ข้ันตอนกำรทำ 7

1.ตัดแตงรำ้ นให้เป็นเส้นเฉียง (กำรตดั )

2.ตัดแตงรำ้ นใหข้ ำดออกจำกกัน ฝำนเมลด็ ออก (กำรฝำน)

3ตัดตกแตง่ แตงรำ้ นให้เปน็ รปู ใบไม้ เจียนตกแต่งใบไม้ให้บำง (กำรเจยี น)
4.เซำะร่องเส้นกลำงใบ ให้เปน็ แนวคู่

8

5.เซำะเสน้ กลำงใบ ใหป้ ลำยแหลม (กำรเซำะ)

6.หยักรมิ ใบทั้งสองขำ้ ง

7.ใบไมท้ ี่พลิ้วท่ีสำเร็จ ใบจะมีลักษณะโค้งเลก็ นอ้ ย ปลำยใบดอู ่อนไหว ตำมธรรมชำติ

กำรปอกมะเขอื เทศเปน็ ดอกกุหลำบ 9

กำรฝึกทกั ษะ กำรปอก (กำรปอกมะเขือเทศเปน็ ดอกกหุ ลำบ)

วัสดุและอปุ กรณ์

1. มะเขือเทศ 4. ถำดรอง

2. มดี แกะสลกั 5. อำ่ งใสน่ ้ำ

3. เขียง 6. ผำ้ เช็ดทำควำมสะอำด

10

ข้ันตอนกำรทำ

1.ใชม้ ีดแกะสลักปอกผิวมะเขือเทศเรมิ่ ต้นจำกข้วั ของมะเขอื เทศ

2.ปอกมะเขือเทศ ให้ตัดเน้อื เลก็ น้อย ปลำยโค้ง

3.ปอกรอบผล เส้นระยะใหเ้ ทำ่ กนั จนถึงปลำยผล

4.มว้ นกลบี กหุ ลำบโดยเรม่ิ ท่ีปลำยผล ม้วนจนหมดใชส้ ว่ นทรี่ องผลรบั กลบี ดอกกุหลำบ
จัดกลีบใหเ้ ข้ำท่ใี ห้สวยงำม

กำรกรดี หมำยถงึ 11

กำรกรดี หมำยถงึ กำรทำวสั ดสุ ง่ิ ใดสิ่งหนงึ่ ใหเ้ ปน็ รอยแยก หรือขำด

ออกจำกกัน โดยใช้ของแหลมคมกดลงบนวสั ดุนน้ั แล้วลำกไปตำมควำมต้องกำร

กำรฝกึ ทกั ษะ กำรกรดี (กำรกรดี พริกชฟี้ ำ้ เปน็ ดอกหน้ำวัว)

วัสดุและอปุ กรณ์

1. พรกิ ชี้ฟ้ำ 4. ถำดรอง

2. มดี แกะสลัก 5. อำ่ งใส่น้ำ

3. เขียง 6. ผำ้ เช็ดทำควำมสะอำด

12

ขั้นตอนกำรทำ

1.ลำ้ งพรกิ ใหส้ ะอำด ใช้มดี คว่ันโดยรอบข้ัวพริก อยำ่ ใหข้ ำด

2.กรีดตำมยำว จำกโคนจรดปลำย

3.ใชป้ ลำยมดี แคะเมล็ดพรกิ ออก ระวงั อยำ่ ให้กลบี ขำด

4.ดงึ เมด็ พริกท่ตี ดิ กับก้ำนออก

5. เจียนพรกิ ช่วงโคนใหม้ นและเวน้ ตรงกลำง แช่นำ้ ให้กลบี แขง็ 13

6.ใช้ปลำยมีด เจำะพริก ให้ตำ่ จำกรอยเว้ำเลก็ นอ้ ย

7.นำเมล็ดพรกิ ท่ตี ดิ กับก้ำนมำใส่เป็นเกสร

8. เกสรเมื่อเสยี บเสร็จแล้วดังรปู

14

กำรควำ้ น

กำรควำ้ น หมำยถึง กำรทำวสั ดุซ่งึ มีส่วนเปน็ แกนหรอื เมล็ดให้ออกจำก

กนั โดยใชเ้ ครื่องมือทมี่ ปี ลำยแหลมและคมแทงลงตรงจุดทตี่ ้องกำรควำ้ น แลว้ ขยับไป
รอบๆ จนแกนหลดุ ค่อยๆ แคะหรอื ดนุ ออก เช่นกำรคว้ำนเงำะ

กำรฝกึ ทักษะ กำรควำ้ น (กำรแกะสลักแตงร้ำนเป็นดอกทวิ ลปิ )

วสั ดแุ ละอปุ กรณ์

1. แตงรำ้ น 2. เขียง 3. อ่ำงใสน่ ำ้
4. มดี แกะสลกั
6. ถำดรอง 5. ผำ้ เชด็ ทำควำมสะอำด

15

ขั้นตอนกำรทำ

1.ตัดแตงรำ้ นสว่ นปลำย แบ่งออกเป็น 3 กลีบ ใช้มดี คว้ำนไสอ้ อก (กำรคว้ำน)

2.ใช้มีดเจยี นกลีบให้ปลำยมน
3.เจำะกลีบเลก็ ในกลบี ใหญ่ ให้โคง้ ตำมกลีบรอบนอก
4.ใช้ปลำยมีดกดกลีบเล็กเขำ้ ด้ำนใน นำไปแชน่ ำ้ ใหก้ ลบี บำน

16

กำรแกะสลกั แครอทดอกขำ่
ลำยดอกขำ่ เป็นลำยพื้นฐำนในกำรแกะสลัก เพรำะกำร

แกะสลักให้เป็นกลบี ดอกเกือบทุกชนดิ หรอื ภำชนะ รูปสตั ว์ และอน่ื ๆ จะ
ประยกุ ต์ดัดแปลงมำจำกลำยดอกขำ่ ท้ังส้นิ มวี ธิ ีแกะ คือ ใชม้ ีดกรีดโค้งกลีบ
บรรจบกบั ปลำยกลีบแหลม แซะเนือ้ ใตก้ ลีบออกท้งั สองขำงให้กลบี เด่นชดั
จำกนัน้ ใชม้ ดี สักตรงกลำงกลีบดอกให้เ้ป็นร่องลึก แกะสลกั เป็นชน้ั ๆ โดยให้
กลีบ แตล่ ะกลบี ช้นั สบั หว่ำงกนั ทุกชน้ั ลำยดอกขำ่ สำมำรถแกะไดห้ ลำย
รูปแบบ

กำรฝึกทักษะ กำรแกะสลกั แครอทดอกข่ำ/รวงขำ้ ว
วัสดอุ ปุ กรณ์

1. มีดแกะสลัก/แครอท 2. ถำดรอง 3. อำ่ งผสม
4. ผ้ำเช็ดทำควำมสะอำด 5.เขียง

17

ขนั้ ตอนกำรทำ

1. เลือกแครอทท่สี ด ผิวเรียบไมม่ รี อยช้ำหรือรอยแมลงกินล้ำงใหส้ ะอำดเกลำแครอท
เปน็ รูปหยดน้ำ

2. วำดกลีบตรงสว่ นโคนกลบี โดยใหก้ ลบี เท่ำกนั และเซำะเนือ้ ระหว่ำงกลีบออก

3. ชั้นที่2 วำดกลีบสบั หวำ่ งกบั ชั้นแรกและเซำะเนือ้ ระหว่ำงกลบี ออก

4. แกะสับหว่ำงกนั ไปเร่ือย ลักษณะกลบี จะเลก็ ลงระวงั ส่วนปลำยอยำ่ ใหป้ ลำยดอกหัก
แกะจนถงึ ปลำยสุดของดอกอยำ่ งเบำมอื เรำกจ็ ะได้ดอกรวงข้ำวตำมต้องกำร

18

กำรแกะสลกั แครอทดอกรกั เร่

วธิ ีแกะเหมือนกบั กำรแกะสลกั ลำยดอกข่ำ แต่ต้องแกะสลกั กลำงร่อง
กลีบให้ลกึ เพอื่ ให้กลบี เดน่ ข้นึ วิธีเกลำรู ปดอกให้เปน็ รูปกลมหรือคร่งึ วงกลม
ควรใชส้ ่วนนูนของผกั หรือผลไมข้ ้นึ แลว้ เร่ิมตน้ แกะจำกยอดสุด ลงมำเปน็ ช้ัน ๆ โดย
ใหก้ ลีบแตล่ ะชั้น สับหว่ำงกนั

กำรฝึกทกั ษะกำรแกะสลัก ดอกรกั เร่

วสั ดอุ ปุ กรณ์

1.มีดแกะสลัก/แครอท 2. ถำดรอง 3. อำ่ งผสม
4. ผ้ำเชด็ ทำควำมสะอำด 5.เขียง

19

ขน้ั ตอนกำรทำ

1. เลือกแครอททสี่ ด ผิวเรยี บไมม่ รี อยช้ำหรอื รอยแมลงกินล้ำงให้สะอำด

2. หน่ั แครอทออกเปน็ ทอ่ นหนำประมำณ 1.5 น้วิ
3. เกลำให้มนเกลำแครอทเปน็ รูปครง่ึ วงกลม
4. เซำะตรงกลำงดอกใหเ้ ป็นรูปวงกลม โดยลบเหลยี่ มวงกลมเกสรตรงกลำงให้โคง้ มน

20

5. เซำะร่องตรงขอบของเกสร เว้นระยะของแตล่ ะร่องให้เทำ่ กนั

6. ลำกกลีบให้ปลำยแหลมพร้อมเซำะเน้อื ขำ้ งกลีบออก และแกะเกสรชนั้ ต่อไปให้สบั
หว่ำงกบั ช้ันแรก แกะไปจนถึงตรงกลำงเกสร

7. เซำะรองของกลีบดอกช้ันที่ 1 เว้นระยะหำ่ งเท่ำกนั
8. ลำกกลบี ใหแ้ หลมโดยมรี อ่ งอยู่ตรงกลำงกลีบ และเซำะเน้ือขำ้ งกลบี ออก

21

9. เซำะร่องชัน้ ท่ี 2 ให้สับหวำ่ งกับชนั้ แรก

10. ลำกกลีบให้แหลมโดยมีร่องอยตู่ รงกลำงกลบี และเซำะเน้อื ขำ้ งกลบี ออก ไปเรื่อยๆ
โดยกลบี สบั หว่ำงกนั

11. ปำดเศษแครอทที่เปน็ ฐำนรองดอกออก ก็จะไดด้ อกรกั เร่ตำมต้องกำร

22

กำรแกะสลกั ผอบจำกฝรงั่

ผอบ หมำยถงึ ตลบั ทม่ี ีเชงิ มยี อด กำรแกะสลักผอบมรี ูปแบบในกำร
แกะสลักแตกต่ำงกันทั้งแบบกลม รี ปอ้ ม และสงู ยำว จะแกะสลักรูปแบบอย่ำงไรนน้ั
ขึ้นอยูก่ ับกำรออกแบบวัสดุทน่ี ำมำแกะสลกั และวัตถปุ ระสงค์กำรใช้ผอบท่แี กะสลกั มัก
นำ มำใส่ไดท้ ง้ั อำหำรคำว เช่น แกง น้ำ พรกิ หรอื บรรจุสงั ขยำแลว้ นำไปนึ่งเป็นขนม
หวำนได้

วัสดุและอปุ กรณ์

1. ฝร่ัง 2. เขียง 3. อำ่ งใส่นำ้
4. มีดแกะสลัก
6. ถำดรอง 5. ผ้ำเชด็ ทำควำมสะอำด

ข้ันตอนกำรทำ 23

1. เลือกฝรง่ั ผลสดเกลี้ยงไมม่ รี อยช้ำ

2. วำดฝำผอบเปน็ รปู ใบไมส้ ใี่ บ เซำะใหอ้ อกจำกผลฝร่งั และควำ้ นเมลด็ ออก

3. วำดเสน้ กลำงใบบรเิ วณฝำ
4. เซำะรอ่ งใบและขอบใบทง้ั สี่

24

5. วำดเสน้ ขอบบริเวณผอบ

6. เซำะรอ่ งแล้ววำดกลบี พรอ้ มปำดเนื้อใหก้ ลีบชดั ขนึ้ ชน้ั ท่ี 1 หนึ่งกลบี ช้นั ท่ี 2 สับ
หว่ำงกบั ชัน้ ที่ 1

7. วำดกลีบสบั หว่ำงกันแต่ละชอ่ ง

8. วำดกลบี สบั หวำ่ งกันโดยรอบผลฝร่งั และนำนำฝำของผอบมำคู่กนั กจ็ ะไดผ้ อบจำก
ฝรั่งที่สวยงำม

กำรเกลำ กำรแกะสลกั 25

กำรเกลำ หมำยถงึ กำรตกแต่งวัสดทุ ย่ี งั ไม่เกลยี้ งให้เรียบรอ้ ยยิ่งขึ้น

โดยใชม้ ีดนอนหนั คมออก ฝำนรอยท่ขี นึ้ เปน็ สันและขรุขระใหเ้ กลย้ี ง
กำรแกะสลกั หมำยถงึ กำรทำวสั ดุสิ่งใดสงิ่ หน่งึ ออกจำกกัน หรอื ใช้

เครอ่ื งมอื ที่แหลมคม กดทำงคมลง บนวตั ถนุ ั้นตำมควำมประสงค์เปน็ ลวดลำยสวยงำม
ต่ำงๆ หรือกำรใช้เล็บมือคอ่ ยๆแกะเพ่ือใหห้ ลดุ ออก

กำรฝกึ ทักษะ กำรเกลำ กำรแกะสลกั (กำรแกะสลักฟกั ทองเปน็ ดอกรกั เร่)

วสั ดุและอปุ กรณ์

1. ฟักทอง 4. ถำดรอง

2. มีดแกะสลัก 5. อ่ำงผสม

3. เขยี ง 6. ผ้ำเชด็ ทำควำมสะอำด

ขัน้ ตอนกำรทำ 26

1.ตดั ฟกั ทองให้เป็นชนิ้ สีเ่ หลย่ี มจัตุรสั ตัดเหลี่ยมท้งั 4 ดำ้ นออก

2.เกลำชนิ้ ฟกั ทอง ใหม้ ีลักษณะเป็นรปู คร่งึ วงกลม

3.แกะสลกั เกสรโดยใชม้ ดี ปกั 90 องศำ และปำดเนอ้ื ออก

4.แกะสลกั เกสรหนั ปลำยกลบี เขำ้ หำจดุ ศนู ยก์ ลำง ปำดเนอ้ื กลำงกลีบใหเ้ ป็นรอ่ ง

27

5.แบง่ ระยะกลบี ปำดเนื้อกลำงกลีบใหเ้ ปน็ ร่อง และแกะสลักกลบี ให้ปลำยแหลม

6.ดอกรักเร่กลบี ดำ้ นข้ำง จำกโคง้ เล็กน้อย มปี ลำยแหลม ปำดเนื้อใตก้ ลบี ออกทุกคร้ัง
กลีบจงึ จะเดน่ และ แกะสลกั กลบี ช้นั ตอ่ ไป ใหส้ บั หว่ำง เชน่ นจ้ี นจบ

วสั ดุอปุ กรณใ์ นงำนแกะสลกั

มดี ควำ้ น
ใชค้ ว้ำนเมล็ดผลไม้ออก ควรมคี วำมคม ควรเลอื กทท่ี ำจำกสแตนเลส

มีดตดั หรือหัน่ 28

มดี ตดั และห่นั ใชส้ ำหรบั ตัด ห่นั และเกลำผักและผลไม้ ควรมคี วำมคม

และมีดห่นั ควรมีควำมยำวของใบมีด 5-7 นิว้

ที่ตกั ผลไมท้ รงกลม ใชส้ ำหรบั ตกั ผักหรือผลไมใ้ ห้เป็นทรงกลม ช้อนกลมใชส้ ำหรับควกั
ไส้ผกั และผลไม้ ควรเลอื กท่ีทำจำกสแตนเลส

เขยี งไม้ ใชส้ ำหรบั รอง เวลำหน่ั ตดั ผกั และผลไม้ ควรเลือกเขียงไม้หรอื เขยี ง
พลำสตกิ ที่มีขนำดเหมำะสมในกำรใชง้ ำนและมีนำ้ หนกั เบำ

อ่ำงนำ้ ใช้สำหรับใสน่ ้ำเพอ่ื แช่ผักและผลไมท้ แ่ี กะสลกั แล้ว ให้สดข้นึ ควรเลอื กใหเ้ หมำะ 29
กับปรมิ ำณผกั และผลไม้ที่จะแช่

ผ้ำเชด็ มอื ใช้สำหรับเชด็ มอื และอุปกรณต์ ่ำงๆในกำรแกะสลกั ควรเลือกทซ่ี ับนำ้ ไดด้ ี
อำจเป็นผ้ำขำวบำงหรือผ้ำขนหนูผนื เล็ก

ถำด ใช้สำหรับรองเศษผกั และผลไม้เวลำแกะสลัก ควรเลอื กให้เหมำะกบั ขนำดของผกั
หรอื ผลไม้ทแี่ กะสลกั

มีดปอก ใช้สำหรับปอกเปลือกผกั และผลไม้ ควรเลอื กขนำดใหเ้ หมำะสมกับผักและ
ผลไม้ท่จี ะใช้

กำรเลอื กซอ้ื ตำมชนดิ และกำรดแู ลรกั ษำผกั -ผลไม้ 30

แตงกวำ เลอื กผิวสดสีเขียวปนขำวไมเ่ หลอื ง สำมำรถนำมำแกะสลักไดห้ ลำยรปู แบบ
เชน่ กระเชำ้ ใส่ดอกไม้ ดอกไม้ ใบไม้ เมื่อแกะเสรจ็ ใหล้ ำ้ งดว้ ยน้ำเย็นใส่กลอ่ งแช่เยน็
ไว้ หรอื ใช้ผ้ำขำวบำงชบุ นำ้ คลุมไว้จะได้สดและกรอบ
มะเขอื เทศ เลือกผลที่มผี วิ สด ข้ัวสเี ขียว นำมำแกะสลกั เป็นดอกไม้ หรือปอกผิว
นำมำมว้ นเปน็ ดอกกหุ ลำบ เม่อื แกะเสร็จควรลำ้ งดว้ ยน้ำเย็น ใส่กล่องแชเ่ ยน็
มะเขอื เลอื กผลทม่ี ผี วิ เรยี บ ไมม่ รี อยหนอนเจำะ ขัว้ สเี ขยี วสด นำมำแกะเป็นใบไม้
ดอกไมเ้ ม่อื แกะเสร็จควรแชใ่ นนำ้ มะนำวหรอื นำ้ มะขำม จะทำให้ไมด่ ำ
แครอท เลือกสสี ม้ สด หวั ตรง นำมำแกะเปน็ ดอกไม้ ใบไม้ สัตวต์ ่ำงๆ เมอ่ื แกะ
เสรจ็ ให้แชไ่ ว้ในนำ้ เยน็
ขงิ เลือกเหง้ำท่มี ลี ักษณะตำมรูปร่ำงท่ตี ้องกำร แกะเป็นช่อดอกไม้ ใบไม้ สัตว์ เมอ่ื
นำขิงอ่อนไปแช่ในน้ำมะนำวจะเปล่ียนเป็นสชี มพสู วย
มันเทศ เลือกหัวท่ีมีผวิ สด ไมม่ ีแมลงเจำะ แกะเป็นรปู สัตว์ต่ำงๆ แกะเสร็จแล้วนำไป
แช่ในน้ำมะนำวหรือน้ำมะขำม ผิวจะไดไ้ ม่ดำ
เผอื ก เลอื กหัวใหญ่กำบสีเขยี วสด นำมำแกะเป็นภำชนะใสข่ อง หรืออำหำร ดอกไม้
ใบไม้ เม่อื แกะเสร็จให้นำไปแช่ในนำ้ มะนำวหรอื น้ำมะขำมจะทำให้มสี ขี ำวข้ึน
ฟกั ทอง เลือกผลแกเ่ น้ือสีเหลืองนวล นำมำแกะเปน็ ภำชนะ ดอกไม้ ใบไม้ หรือสตั ว์
ต่ำงๆ แกะเสร็จแลว้ ให้ล้ำงนำ้ แล้วใชผ้ ำ้ ขำวบำงชบุ น้ำคลุมไว้
มันฝรงั่ เลือกผิวสด นำมำแกะเปน็ ใบไม้ ดอกไม้ สตั ว์ต่ำงๆ เมอ่ื ปอกเปลือกแล้ว
ให้แช่ไว้ในน้ำมะนำวจะได้ไม่ดำ
แตงโม เลอื กผลใหเ้ หมำะกบั งำนท่ีออกแบบไว้ นำมำแกะเปน็ ภำชนะแบบตำ่ งๆ เม่ือ
แกะเสรจ็ ให้ใชผ้ ้ำขำวบำงชบุ นำ้ คลมุ ไว้
เงำะ นำมำคว้ำนเอำเมลด็ ออก ใช้วุ้นสสี ันตำ่ งๆ หรือสับปะรด หรอื เนอื้ แตงโม ยัด
ใสแ่ ทน เม่อื แกะเสรจ็ ให้นำไปแช่เยน็
ละมดุ เลือกผลขนำดพอดี ไมเ่ ลก็ หรอื ใหญเ่ กินไป ไมส่ กุ งอม แกะเสร็จให้นำไปแช่
ในตู้เย็น
สบั ปะรด เลอื กผลใหญ่ ไม่ช้ำ แกะเปน็ พวงรำงสำดไดส้ วยงำม แกะเสรจ็ ใหล้ ำ้ ง
ด้วยน้ำเย็นและนำไปแชเ่ ยน็
ส้ม เลือกผลใหญ่ แกะเปน็ หน้ำสตั ว์ เช่น แมวเหมียว
น้อยหนำ่ เลือกผลใหญ่ไมง่ อม นำมำคว้ำนเอำเมล็ดออก แกะเสร็จนำไปแชเ่ ยน็

31

รปู แบบกำรแกะสลกั ผกั และผลไม้

รูปแบบกำรแกะสลกั ผักและผลไม้ในปจั จบุ ัน มีผ้ชู ำนำญกำรแกะสลัก
มำกมำยท่ีคิดประดิษฐ์ผลงำน เพอื่ ปรบั รปู แบบให้มคี วำมหลำกหลำยซึ่งมจี ำนวนชนดิ
ของวสั ดุทน่ี ำมำใช้แกะสลักเพิม่ มำกขน้ึ และหำไดงำ่ ยสำมำรถเลือกมำแกะสลักได้
มำกกวำ่ ในอดีต แตร่ ปู แบบของกำรแกะสลกั ยงั ยึดกำรเลยี นแบบสง่ิ ต่ำง ๆ จำก
ธรรมชำติหรือเพอ่ื ใชแ้ ทนเคร่อื งใช้ต่ำง ๆ สำมำรถแยกรูปแบบกำรแกะสลกั ผักและ
ผลไม้ ได้ 4 ประเภท ดังน้ี

1.1 กำรแกะสลักเปน็ ใบไม้ ใบไมท้ ่มี ีอยตู่ ำมธรรมชำติม2ี ชนดิ คือใบเล้ียง
เดยี่ วกับ ใบเลีย้ งคู่ กำรประดษิ ฐ์กำรแกะสลกั ท่ีเลียนแบบธรรมชำติเพ่ือใหเ้ กดิ ลวดลำย
บนใบไมท้ ี่สวยงำมส่วนมำกจะนิยมแกะสลักเลียนแบบธรรมชำติใบเลี้ยงคู่ เน่ืองจำกมี
รปู แบบของเส้นใบ ลำยใบท่ีมีอยูม่ ำกมำยหลำยแบบท่สี ำมำรถนำ มำแกะสลักได้ผกั ที่นำ
มำแกะสลัก เปน็ ใบไมส้ ำมำรถนำมำแกะสลกั ไดท้ ุกชนิด

1.2 กำรแกะสลกั เป็นดอกไม้ กำรแกะสลกั ผกั และผลไม้เปน็ ดอกไม้
จัดเป็นศิลปะกำรแกะสลกั ประเภทลอยตวั สำมำรถมองเหน็ ได้โดยรอบทุก ๆ ด้ำน
ประดิษฐข์ น้ึ เพื่อเลยี นแบบดอกไมช้ นิดต่ำง ๆ จำกธรรมชำตเิ พรำะฉะนน้ั วธิ ีกำรแกะสลกั
จึงมีหลักเกณฑ์ทไี่ ม่แน่นอนหรือตำยตวั มำกนัก เชน่ จำ นวลกลีบดอกและจำ นวลของ
ดอกไม้ ทงั้ นัน้ ข้ึนอยู่กับรูปแบบและขนำดของดอกไม้ดว้ ย ส่วนกำรแกะสลกั ลำยดอกไม้
อย่ดู ้วยกันหลำยแบบ เช่น ดอกบวั ดอกรกั เร่ ดอกกุหลำบดอกบำนช่นื ดอกคำรเ์ นชั่น
ดอกบวบ เป็นตน้

1.3 กำรแกะสลกั ผกั และผลไม้เปน็ รปู สัตว์กำรแกะสลักผักและผลไม้เป็น
รปู สัตว์ มีควำมจำเป็นจะตอ้ งละเอียดอ่อน ตง้ั แต่ข้นตอนกำรเลือกชนิดของผักและผลไม้

1.4.1 ผอบ หมำยถงึ ตลับทมี่ ีเชิงมียอด กำรแกะสลกั ผอบมรี ปู แบบใน
กำรแกะสลกั แตกต่ำงกันทง้ั แบบกลม รี ปอ้ ม และสูงยำว จะแกะสลกั รูปแบบอย่ำงไรนัน้
ขน้ึ อย่กู บั กำรออกแบบวัสดุท่นี ำมำแกะสลักและวัตถุประสงค์กำรใช้ผอบที่แกะสลกั มักนำ
มำใส่ได้ทงั้ อำหำรคำว เช่น แกง นำ้ พริก หรือบรรจุสงั ขยำแล้วนำไปนึง่ เป็นขนมหวำน
ได้

32

ประโยชนข์ องงำนแกะสลกั ผกั และผลไม้

1. เพอ่ื ใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั เชน่
1.1 จดั ตกแตง่ ผักและผลไมใ้ ห้สวยงำมนำ่ รบั ประทำน
1.2 จัดแต่งให้สะดวกแก่กำรรับประทำน

2. เพอื่ ใชใ้ นโอกำสพเิ ศษ เช่น
2.1 งำนประเพณตี ่ำงๆ นิยมจดั ตกแตง่ อำหำรคำวหวำนใหส้ วยงำม เพอื่ เล้ยี งพระหรอื
รบั รองแขก เช่น งำนบวชนำค งำนแตง่ งำน งำนวนั เกิด งำนฉลองแสดงควำมยินดี
2.2 งำนวันสำคัญ เช่น งำนปีใหม่ หรือแกะสลกั ผลไม้เชอ่ื ม/แชอ่ ิ่ม ใสภ่ ำชนะท่ี
เหมำะสมใชเ้ ป็นของขวญั ของฝำก ไปกรำบญำตผิ ู้ใหญท่ เี่ คำรพนับถือ

3. เพอ่ื ใชใ้ นกำรประกอบอำชพี เช่น เป็นชำ่ งแกะสลกั ผกั และผลไม้ตำมร้ำนอำหำร
ภัตตำคำร โรงแรม หรอื บนสำยกำรบนิ ระหว่ำงประเทศ
4. เพ่ือเปน็ แนวทำงในกำรดำรงไว้ซ่ึงเอกลักษณ์ไทย

5. เพ่ือเผยแพรศ่ ลิ ปวฒั นธรรมไทย
6. เพอื่ ใหเ้ กิดควำมคดิ รเิ รมิ่ สร้ำงสรรค์ในกำรคดิ รูปทรง และลวดลำยทีแ่ ปลกใหมโ่ ดย
จัดประกวดกำรแกะสลกั ผกั และผลไม้ในหัวข้อต่ำงๆ
7. ทำใหผ้ ูแ้ กะสลักเกดิ ควำมภำคภูมใิ จในผลงำนและได้รบั กำรยกย่องสร้ำงงำนและ
รำยได้

บรรณำนุกรม
https://sites.google.com/

24/10/63

24/10/63

24/10/63


Click to View FlipBook Version