The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by DBP Learning, 2023-04-26 22:02:37

Personal Productivity การเพิ่มผลิตภาพตนเอง

Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ตัวผมเองมักจะใช้แนวทางที่ 2 และ 4 สลับกันขึ้นอยู่กับ รูปแบบของวันถัดไปที่ผมจะต้องเจอ แต่เอาจริง ๆ ก็อยากจะใช้แค่ แนวทางที่ 2 ตลอดไป ทีนี้การที่คุณจะจดจ่อกับงานแบบ Deep Work ได้นั้น คุณจ าเป็นที่จะต้องส ารวจการใช้เวลาในแต่ละวันของคุณเป็นอย่าง ดีฉะนั้น ก้าวแรกที่คุณควรท าก่อน Deep Work ก็คือ การติดตาม พฤติกรรมในแต่ละวันของตัวเอง ซึ่งท าได้หลายวิธี ทั้งใช้แอปพลิเคชันบันทึก หรือจะเลือกวิธีจดบันทึกก็ได้ หากคุณติดตามพฤติกรรมของตัวเองได้สม ่าเสมอเป็นระยะเวลา หนึ่ง คุณจะเริ่มแยกแยะและมองเห็นแพตเทิร์นได้เองว่าพฤติกรรม ไหนมีประสิทธิผล พฤติกรรมไหนไม่ใช่ 52


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ไอเดียนี้ผมชอบมาก ๆ อันที่จริงผมใช้แนวคิดนี้มาสักพักหนึ่ง แล้ว และยังใช้อยู่เรื่อย ๆ โดยไม่รู้มาก่อนว่าจะมาเจอในหนังสือเล่มนี้ คาลเรียกแนวคิดนี้ว่า การท าสมาธิอย่างมีประสิทธิผล มันจะช่วยเอา เวลาที่ ‘ไม่มีประสิทธิผล’ ของคุณมาใช้ในการคิดอย่างลึกซึ้งได้ด้วย ยกตัวอย่างสถานการณ์ เช่น ถ้าคุณก าลังอยู่ในรถไฟใต้ดิน โดยรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องใช้เวลาบนรถไฟราว ๆ 30 นาทีทุกวันเพื่อ เดินทางไปท างาน โดยที่คุณไม่สามารถท าอะไรอย่างอื่นได้อีก ลองใช้ เวลานี้เพื่อขบคิดแก้ปัญหาที่ซับซ้อนของคุณดู นอกจากขณะเดินทางไปท างานแล้ว ตอนอาบน ้า ท างานบ้าน ซื้อของเข้าบ้าน หรือแม้แต่ตอนเดินเล่น (คนเดียวหรือกับสุนัขคู่ใจ ของคุณ) ก็ล้วนเป็นโอกาสที่ดีในการขบคิดอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ ปัญหาของคุณ 53 บทเรยีนท ี่ 2: ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการท า สมาธิอย่างมีประสิทธิผล


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ นับตั้งแต่ที่ผมได้ใช้เครื่องมือบันทึกกิจกรรม (Activity Tracker) ผมก็พยายามเดินให้ได้ 10,000 ก้าวต่อวัน จนท าให้ ผมสามารถออกมาเดินเล่นทุกวันตอนเย็นได้นานราว ๆ 1-2 ชั่วโมง ซึ่งผมก็มักจะใช้เวลานี้แหละ ในการคิดเกี่ยวกับ‘รายการ สรุปหนังสือ’ของผม ว่าผมจะท าให้มันเจ๋งขึ้นและแตกต่างมากขึ้น ได้อย่างไร ครั้งหน้า ถ้าคุณมี"ช่วงเวลาหยุดพั ก“ หรือช่วงที่คุณ ก าลังท างานอะไรง่าย ๆ ที่ไม่ต้องใช้สมองเยอะ ลองใช้ช่วงเวลา นั้นขบคิดปัญหาอะไรใหญ่ๆ สักอย่าง โดยแตกออกมาเป็น ปัญหาย่อย ๆ แล้วลองแก้ไขทีละปัญหาย่อยดูนะครับ 54


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ บทเรียนท ี่ 3: เลิกงานให้ได้ในเวลาเดิมทุกวัน แล้ว พยายามทา เชน่นั้นอยา่งสมา ่เสมอ พฤติกรรมของคาลก็คือ เขาจะเลิกท างานเวลา 17:30 น. ทุก วันจนเป็นนิสัย หลังจากเลิกงานตามเวลานั้นแล้ว เขาจะไม่อ่านอีเมล ไม่เล่นอินเทอร์เน็ต ไม่ท ารายการอื่นใด และไม่ใช้คอมพิวเตอร์อีก คาลได้อธิบายการฝึกฝนเรื่องนี้ในบล็อกของเขา ซึ่งแม้ว่าระบบ การท างานหาเงินของเขาจะมีพัฒนาการมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่การ วางแผนเพื่อแบ่งเวลางานออกจากเวลาว่างของเขายังมีลักษณะ เดิมอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลง ในแต่ละคืน สมองของคุณต้องการพื้นที่ว่างเพื่อหยุดพัก ทว่ามันจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าคุณถือคติ“ต้องท างานให้มากที่สุดเท่าที่ จะท าได้ !”พยายามจ ากัดเวลาของตัวเองด้วยการเลิกงาน หยุดเช็ก อีเมล หรือถ้าจะให้ดี ก็ปิดคอมพิ วเตอร์ไปเลยให้ตรงเวลาในทุก ๆ วัน 55


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ถ้าท าตามวิธีนี้ได้จริง สมองของคุณก็จะมีช่วงเวลาได้พัก ฟ้นืท าให้เกิดที่ว่างในหัวมาขบคิดปัญหายาก ๆ และก่อเกิดไอเดีย สร้างสรรค์ใหม่ๆ ได้มากขึ้น จริง ๆ แล้ว จิตใจของคุณมันท างานอยู่เบื้องหลัง ตลอดเวลานั่นแหละ แต่คุณก็ไม่ควรจะท าให้ตัวเองหมดไฟง่าย ๆ ด้วยการเอาแต่ท างานอย่างบ้าคลั่งไม่รู้จักจบจักสิ้น 56


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ 57 บทท ี ่ 5 The Next Right Thing


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ 58 “โปรดจ าไว้ว่า วันนี้ก็เป็นแค่จุดจุดหนึ่งในเส้นเวลา ทั้งหมด จงมองความเป็นไปของมันอย่างซื่อตรง ตามที่มันเป็น และอย่าได้ตีความอย่างสับสนไปว่า วันนี้ คือเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวล” ‘เอมลิ ี่พี. ฟรีแมน’ ผู้เขียนหนังสือ The Next Right Thing


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ The Next Right Thing เป็นหนังสือที่ช่วยให้คุณตัดสินใจ ได้อย่างชาญฉลาด รอบคอบ และมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน มันจะช่วย น าทางคุณให้สามารถตัดสินใจเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดและเหมาะสม ที่สุดส าหรับช่วงเวลานั้น ๆ ได้อีกด้วย คุณมีปัญหาเกี่ยวกับการตัดสินใจหรือเปล่า ไม่ต้องกังวลไป หรอก เพราะคนส่วนใหญ่ก็มักจะมีปัญหานกี้ันทั้งนั้น งานวิจัยแสดง ให้เห็นว่าโดยเฉลี่ยแล้ว พวกเราต้องตัดสินใจกันเกือบ 35,000 เรื่องในแต่ละวัน ! ฉะนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ถ้าพวกเราส่วนใหญ่ต้อง ทรมานกับการเหนื่อยล้าในการตัดสินใจอยู่ตลอดเวลา บางเรื่องก็ อาจจะเป็นเรื่องง่าย ๆ ส าหรับเรา แต่เรื่องอื่น ๆ อย่างการตัดสินใจ ซื้อบ้าน เลือกอาชีพ และอะไรที่ส าคัญมากขนาดนั้นนี่สิ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องทุกข์ใจจากอาการลังเลใจแบบ เรื้อรัง หรือต้องดิ้นรนเอาชนะความไม่เด็ดขาดของตัวเองอยู่เรื่อย ๆ แล้วละก็เราขอแนะน าหนังสือที่เหมาะกับคุณ ชื่อ The Next Right Thing : A Simple, Soulful Practice for Making Life Decisions is for you 59


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ หนังสือเล่มนี้เขียนโดย เอมิลีฟรีแมน เธอเป็นนักเขียน หนังสือขายดีเป็นผู้อ านวยการฝ่ายสร้างสรรค์อีกทั้งยังเป็นที่ ปรึกษาด้านจิตวิญญาณแก่ผู้คนมากมาย ฟรีแมนมีความหลงใหลใน การช่วยเหลือผู้คน เธออยากช่วยให้ผู้คนสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น และเฉียบคมขึ้นกว่าเดิม เธอได้ให้ค าอธิบายที่เรียบง่ายและน าไปปฏิบัติได้จริงไว้ใน หนังสือเล่มนี้ซึ่งช่วยในกระบวนการตัดสินใจของเราได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แนวทางการผ่อนคลายและจัดการกับความคิดยุ่งเหยิงที่ เต็มไปด้วยทางเลือกนี้ท าให้เราสามารถตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดใน ช่วงเวลานั้นได้ เธอได้แสดงให้เราเห็นว่าการยกระดับเป้าหมายจากเดิมที่เน้น แต่ผลลัพธ์สุดท้ายมาเป็นการมองแต่ละก้าวเดินแทนจะช่วยให้เรา เลือกทางเดินที่มีทิศทางชัดเจนได้มากกว่า ต่อไปนี้คือ 3 บทเรียนที่ลึกซึ้งที่สุดเท่าที่ผมได้รับจากหนังสือ เล่มนี้: การมุ่งเน้นไปที่ปัจจุบัน แทนที่จะเอาแต่คิดถึงเป้าหมายใน ระยะยาว เป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า จงตั้งค าถามถงึแรงจงูใจทแี่ทจ้ริงและขจัดสิ่งรบกวนภายใน จิตใจของคุณ 60


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ในกระบวนการตัดสินใจของคุณ บางทีความประหลาดใจก็ อาจท าให้อะไร ๆ ชัดเจนยิ่งขึ้นอย่างคาดไม่ถึง พร้อมที่จะเลิกใช้ชีวิตกับความไม่แน่นอนแล้วเริ่มตัดสินใจ ท าอะไรอย่างมีจุดมุ่งหมายกันแล้วหรือยัง ถ้าพร้อมแล้ว อ่านต่อ กันเลยครับ ! 61


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ คุณอาจจะเคยตัดสินใจอะไรสักอย่างในแต่ละช่วงของชีวิต มันเป็นอะไรที่ต้องทุ่มเทและใช้เวลามหาศาลในการคิดเกี่ยวกับ ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ต่าง ๆ แต่ฟรีแมนกลับบอกไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า ถ้าคุณต้องการที่จะท าแต่สิ่งที่ดีที่สุดจริง ๆ ให้เลิกกังวลเกี่ยวกับ อนาคตอันแสนไกลนั้นมากจนเกินไป เอาเวลามาครุ่นคิดหาทางเลือก ล าดับถัดไปที่คุณจะต้องเลือกให้ถูกต้องดีกว่า นี่แหละ คือหลักการที่คนขี้เมาทั้งหลายชอบใช้กัน แม้แต่ ‘มาร์ติน ลูเธอร์คิง จูเนียร์’ ก็ให้การยอมรับด้วย ฟรีแมนได้หยิบยกเรื่องราวของพระเยซูที่ชุบชีวิตบุตรสาว ของไยรัสให้ฟ้นืคืนจากความตายเพื่อน ามาอธิบายในประเด็นนี้ได้เปน็ อย่างดีภายหลังจากเหตุการณ์ปาฏิหาริย์นั้น แทนที่พระองค์จะ เทศนาหรือบอกให้พวกเขาคุกเข่าแสดงความขอบคุณแทบเท้าของ พระองค์ แต่พระเยซูกลับตรัสเพียงว่า “ให้อะไรเธอกินเสียหน่อยสิ” นี่เป็นตัวอย่างที่ดีมาก ที่สอนให้ผู้คนที่ศึกษาเรื่องนี้ตระหนักถึง ความส าคัญของการมีสมาธิอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น 62 บทเรยีนท ี่ 1: แทนทจี่ะโฟกสัแตเ่ ป้าใหญ่ ลองมองสิ่งที่ถูกที่ ควรท าในปัจจุบันแล้วตัดสินใจจากตรงนั้นก็พอ


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ฟรีแมนได้แสดงทัศนะที่น่าสนใจในหนังสือเกี่ยวกับต านาน ของพระเยซูว่า “แทนที่จะเอาแต่พูดถึงแผนการใช้ชีวิต วิสัยทัศน์ อันชัดเจนของชีวิต หรือลิสต์เป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้าที่ต้อง ท า ทั้งคนที่เป็นโรคเรื้อนและคนที่เป็นอัมพาต (the Leper และ the Paralytic ตามต านานของพระเยซู) รวมถึงไยรัสและภรรยาของเขา ล้วนแต่ได้รับค าตรัสสั่งที่ ชัดเจนจากพระเยซูว่าให้ท าอะไรต่อจากนี้และต้องท าอะไรต่อไป” ดังนั้น แทนที่จะเน้นไปที่การวางแผนเกี่ยวกับอนาคตของ เราเหมือนที่เรามักจะท ากันอยู่แล้ว เราควรใช้ชีวิตให้ท าในสิ่งที่ ถูกต้องและเหมาะสมในแต่ละย่างก้าวที่ก าลังจะเกิดขึ้น (Next Right Thing) ต่อไปข้างหน้าดีกว่า ค าแนะน าดังกล่าวนี้ตัวผู้เขียนเองก็ยังเอามาใช้ในชีวิตจริง ของเธอด้วย ในตอนที่เธอตัดสินใจว่าจะเข้าเรียนในการศึกษาระดับ ปริญญาตรีตอนนั้นดีหรือไม่ เธอต่อสู้ครุ่นคิดอยู่กับการตัดสินใจนั้นอยู่พักใหญ่เพราะ ความกังวลที่อยากใช้เวลากับครอบครัวของเธอ แต่ลึก ๆ แล้วตัว เธอเองก็รู้สึกว่าคงจะต้องเสียใจถ้าตัดสินใจไม่เรียนปริญญาตรี ครั้งนี้ 63


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ แทนที่จะเฝ้ากังวลคิดมากในทุก ๆ รายละเอียดที่อาจจะ เกิดขึ้นในอนาคต เธอตัดสินใจในสิ่งที่เหมาะสมและดีที่สุดส าหรับ เธอในตอนนั้น ซึ่งก็คือการลงทะเบียนเรียนในระดับปริญญาตรีต่อ ความจริงส าหรับเรื่องนี้ก็คือ หากมองกันจริง ๆ แล้ว เราไม่มีทาง รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ท าให้เธอตัดสินใจเด็ดขาดจากสภาวะ รอบตัวในปัจจุบัน โดยที่ไม่ต้องไปนึกถึงอนาคตให้วุ่นวาย 64


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ในยุคที่อินเทอร์เน็ตบรรจุโลกทั้งใบไว้ในโทรศัพท์ที่คุณถือ อยู่ บางทีมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแค่นั่งเฉย ๆ แล้วก็จมอยู่ใน ความคิดจนกระทั่งได้ค าตอบจากสารพัดข้อมูลที่ก าลังทับถม คุณให้แบน ถ้าคุณต้องการค าตอบว่าอะไรคือสิ่งที่คุณควรท าใน ล าดับถัดไป สิ่งที่คุณควรท าก็คือการเคลียร์สมองเคลียร์ใจให้มี พื้นที่ว่างพอที่จะคิดอะไรใหม่ๆ ได้พูดง่าย ๆ ก็คือ เราต้องท า ให้ตัวเองเป็นมินิมอลิสม์อยู่ภายในนั่นเอง ดังค ากล่าวของโจชัว เบกเคอร์ ในหนังสือ The More of Less ความว่า... “มินิมอลิสม์ไม่ใช่แนวคิดที่ว่าคุณจะต้องไม่เป็นเจ้าของ อะไรสักอย่างเลย แต่มันเป็นแนวคิดที่ว่าไม่มีอะไรเลยที่มีสิทธิ์จะ มาเป็นเจ้าของตัวคุณได้ต่างหาก” 65 บทเรียนที่ 2: ก่อนตัดสินใจอะไรก็ตาม สะสางตัวเองจาก สิ่งรบกวนทงั้หลายทอี่ยภู่ายในใจกอ่นแล้วจึงพยายามค้นหาว่า แท้จริงแล้วอะไรคือแรงจูงใจของคุณ


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ส าหรับฟรีแมนแล้ว แนวคิดนี้ก็คือ เราต้องเป็นฝ่ายปิด เสียงโทรศัพท์ไม่ให้มันเตือนเรา ดีกว่าให้โทรศัพท์มาตัดสินใจแทน เราว่าจะท าให้เราเสียสมาธิเมื่อไหร่เธอมองว่าเราควรเป็นผู้ควบคุม สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เพราะมันช่วยท าให้เรารู้สึกสงบ เวลาไตร่ตรองหรือคิดพิ จารณาอะไรในชีวิตประจ าวัน ก็ สามารถท าได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ด้วยเหตุนี้หนังสือของเธอจึง พยายามย ้าให้เราโอบกอดความสงบเงียบรอบตัวเอาไว้ให้ดีและ พยายามลดความคิดที่จะกลายมาเป็นสิ่งรบกวนการตัดสินใจของ เรา อีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยเหลือคุณในกระบวนการตัดสินใจ ที่ฟรีแมนแนะน าก็คอื ให้ลองถามตวัเองดว้ยค าถามง่าย ๆ ว่า “ฉัน ก าลังผลักดันการตัดสิน ใจด้วยความรัก หรือถูกผลัก ไส ให้ ตัดสินใจด้วยความกลัว” เพราะบางครั้งความปรารถนาแท้จริง ของเราก็มีโอกาสถูกบดบังด้วยอารมณ์ลบ ๆ เช่น ความหึงหวง ความเกลียด หรือความกลัว 66


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ เธอยกตัวอย่างตอนที่เธอมีโอกาสไปรับราชการที่ ฟลิ ิปปินส์ว่า มีเหตุผลแวดล้อมมากมายที่จะฉุดรั้งไม่ให้เธอไป เช่น มันอาจกระทบงานเขียนของเธอ แต่เมื่อเธอลองคิดดูจริง ๆ จัง ๆ ว่าตัวเธอลังเลอะไรอยู่ก็พบว่าความกลัวนี่เองที่ท าให้เธอไม่อยาก ไป ความกลัวที่จะต้องบินไปในต่างแดนก าลังบดบังความรักของเธอ ที่จะได้ไปช่วยเหลือผู้อื่น เมื่อตระหนักดังนี้จนเห็นแจ่มแจ้งว่าเธอถูกผลักดันด้วย “ความกลัวหรือความรัก” เธอจึงสามารถเอาชนะความกลัวและ ผลักดันให้ตัวเองตัดสินใจจากความรักได้มากขึ้น 67


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ข้อแนะน าเล็ก ๆ น้อย ๆ ในหัวข้อที่ผ่านมา อาจช่วยให้คุณ ค้นพบความกระจ่างชัดในเรื่องที่คุณก าลังตัดสินใจอยู่ก็เป็นได้แต่ ก็ไม่เสมอไป เพราะคุณจะต้องจ าไว้อย่างหนึ่งว่า การรู้แจ้งแทง ตลอดในเรื่องเรื่องหนึ่งที่เราต้องตัดสินใจเป็นสภาวะที่เราจะเร่งรีบ ไม่ได้ บางครั้งการอดทนครุ่นคิดในเรื่องบางเรื่องให้นานขึ้นสัก หน่อยขณะที่คุณก าลังรอคอยค าตอบที่ชัดเจนกว่านี้ก็เป็นหนทางที่ ดีที่สุด การเร่งรัดคาดหวังให้สิ่งต่าง ๆ ชัดเจนเร็ว ๆ อาจท าร้ายคุณ ด้วยความผิดพลาดที่จะตามมาได้แถมยังเป็นการปิดกั้นหนทาง คลี่คลายปัญหาที่ดีกว่านี้ไป ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่ใช่คนที่นับถือศาสนา แต่บางทีเราก็ มักจะได้ค าตอบในรูปแบบเกินจะคาดเดาได้ผมขอเรียกมันว่าเรื่อง น่าประหลาดใจ (Surprise) แล้วกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ที่ความน่าประหลาดใจนี้สามารถน าคุณให้ค้นพบหนทางการ ตัดสินใจที่ดีเยี่ยมได้ในที่สุด 68 บทเรยีนท ี่ 3: บางครงั้ความประหลาดใจกลบันา มาสคู่วาม ชัดเจนแจ่มแจ้ง


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ฟรีแมนได้อธิบายว่า ความน่าประหลาดใจนี้ได้มาเคาะประตู เรียกเธอ ตอนที่เธอก าลังรู้สึกเปล่าเปลี่ยว ไม่มั่นคง ในระหว่างที่ เธอต้องจากบ้านจากครอบครัวเพื่อเดินทางไกลตอนนั้นเอง เธอได้ รวบรวมความกล้าและตัดสินใจเข้าร่วมงาน Sunday Service ใน ท้องถิ่นที่นั่น (Sunday Service เป็นคณะประสานเสียงและขับร้อง ในฐานะผู้รับใช้พระเจ้า เพื่อส่งมอบพลังดีๆ ให้กับผู้คนที่เข้าร่วม) ตอนนั้นเอง เธอได้พบกับซาราห์มาเซน นักร้องที่เธอชื่นชอบมา ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายแถมยังท าให้เธอได้ชื่อหนังสือหลังจากที่ได้ ฟงัเพลงของมาเซนไปแค่เพลงเดียวเท่านั้นเอง ผลลัพธ์ตรงกัน ข้ามกับที่เธอกังวลใจเลยว่าจะท างานหนังสือต่อได้ไหม ถ้าต้องเดิน ทางไกลไปท างานต่างแดน เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ยามที่คุณรู้สึกไม่มั่นคง ไม่ปลอดภัย อย่าปิดกั้นตัวเอง เพราะเมื่อคุณเปิดรับสิ่งต่าง ๆ หรือโอกาสต่าง ๆ ให้เข้ามาโดยไม่รีบร้อนที่จะต้องรู้ให้ชัดเจนว่าอะไรคืออะไร เรื่องราวต่าง ๆ อาจคลี่คลายลงได้ในรูปแบบที่คุณอาจคาดไม่ถึง เลยก็ได้ 69


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ The Next Right Thing ประกอบไปด้วยข้อแนะน าที่ ยอดเยี่ยมส าหรับคนที่ก าลังกลัดกลุ้มใจเวลาที่ต้องตัดสินใจใน ชีวิตประจ าวัน หนังสือเล่มนี้มีทั้งหมด 24 ตอน ซึ่งทุก ๆ ตอน ล้วนแต่มีค าแนะน าทรงคุณค่าที่แตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นผม อยากแนะน าให้เราอ่านหนังสือเล่มนี้ให้จบทั้งเล่มเลยยิ่งดีผม มองว่าผู้แต่งอาจจะมีประเด็นทางศาสนามาเกี่ยวข้องบ้าง แต่ก็ ล้วนเป็นประเด็นที่ให้แนวคิดที่ดีไม่ว่าคุณผู้อ่านจะนับถือศาสนา หรือไม่ก็ตาม 70 รีวิว The Next Right Thing


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ 71 บทท ี ่ 6 How To Do Nothing


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ 72 “แนวคิดเกี่ยวกับ Productivity มักจะใช้ในเรื่องของการสรา้งสรรค์สิ่งใหม่ๆ แต่ดูเหมือนว่าเรามักจะไม่ค่อยใช้หลัก Productivity กับการดูแลและบ ารุงรกัษาสิ่งที่มีอยู่แล้วกันเลย” ‘เจนน ี่โอเดลล’์ ผู้เขียนหนังสือ How To Do Nothing


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ How To Do Nothing เ ป็น ห นัง สือ ที่ช่ว ย ใ ห้คุณ Productive มากขึ้น โดยที่ยังมีความสงบสุขในใจและสามารถ บ่งชี้หรือมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ท่ามกลางวัฒนธรรมการ ท างาน (เกือบ) 24 ชั่วโมงในโลกปัจจุบัน คุณจะบอกได้เลยว่า ปัญหานี้เกิดจากอะไร คุณจะรู้วิธีหยุดพักเพื่อพิจารณาปัญหา อย่างถี่ถ้วนแล้วน าความรู้ความเข้าใจที่ได้รับมาใช้ฝ่าฟันเพื่อ แก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างได้ผล วันที่ผมชอบที่สุดในสัปดาห์หนึ่ง ๆ คือวันอาทิตย์ผมชอบใช้ เวลาไปกับการลับเลื่อยให้คม (Sharpen the saw) ถ้าเปรียบเทียบ กับงานตัดต้นไม้การลับเลื่อยให้คมก็คือการให้ความส าคัญกับ ขั้นตอนเตรียมตัวก่อนท างาน อย่างกรณีนี้การลับเลื่อยให้คมของผมคือการกลับไป ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาและเตรียมพร้อมส าหรับ สัปดาห์ที่ก าลังจะมาถึง ผมหยุดคิดและหยุดท าทุกอย่างที่ก าลัง สาละวนอยู่ในเวลานี้เพื่อหันไปโฟกัสกับสิ่งที่ส าคัญที่สุดก่อน 73


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ มันอาจเป็นเรื่องที่ชวนประหลาดใจอยู่เล็กน้อยนะครับ ถ้าผมพูดถึงการที่เราจะต้องหลีกเลี่ยงการพูดคุย การใช้ อินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์สื่อสารทั้งหลายให้มากที่สุดเท่าที่จะ มากได้โดยส่วนตัวผมยังยกเลิกการไปเที่ยว ยกเลิกการ ชอปปิง รวมถึงหยุดท าทุกอย่างที่เกี่ยวกับงานด้วย อาจจะ กล่าวได้ว่านั่นคือช่วงเวลาที่ผมจะไม่ท าอะไรเลย เพราะอย่างนี้ผมถึงชอบอ่านหนังสือ How To Do Nothing : Resisting the Attention Economy ของ เจนนี่โอเดลล์เพราะหนังสือเล่มนี้ให้ความรู้ที่เกี่ยวกับ แนวคิดที่ว่า ท าไมการที่เราต้องเชื่อมต่อกับสังคมภายนอก อยู่ตลอดเวลาถึงได้เป็นสิ่งที่แย่ส าหรับคุณ รวมถึงยัง อธิบายว่าพฤติกรรมเหล่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไร และที่ส าคัญที่สุด คุณจะได้เกร็ดความรู้ที่ทรงคุณค่า ที่จะช่วยท าลาย ‘ความยุ่งเหยิง’ ในชีวิตของคุณ และช่วยให้ คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขมากกว่าเดิม ต่อไปนี้เป็นบทเรียน 3 ข้อจากหนังสือเล่มนี้ทชี่่วยให้ ผมผ่อนคลายมากกว่าเดิม 74


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ พวกเรามักคิดว่าการไม่ท าอะไรเลยเป็นการผลาญเวลาไป โดยใช่เหตุนั่นเป็นเพราะว่า เส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างงานกับเวลา ว่างของคนยุคใหม่ลดน้อยลงไปทุกที มีที่สวยงามในโลกใบนี้อีกมากมายหลากหลายที่ที่คุณ สามารถไปเห็นด้วยตาได้แต่คุณต้องเริ่มจากการมีนิสัยแห่งการ หยุดชั่วครู่ให้ได้ก่อน ลองคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับแรงจูงใจของผู้คนที่น ามาสู่ การกระท าพฤติกรรมต่าง ๆ แล้วคุณจะพบว่ามันง่ายขึ้นที่จะรับมือกับ สถานการณ์ที่ไม่ค่อยง่ายสักเท่าไหร่ พร้อมที่จะค้นพบขุมพลังแห่งการไม่ท าอะไรเลยกันแล้ว หรือยัง ถ้าพร้อมแล้ว ลองอ่านแล้วลองท าตามกันเลย ! 75


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ปลายทศวรรษ 1800 คนงานในอเมริกาต้องท างานกันวันละ 8 ชั่วโมงเนื้อร้องท่อนหนึ่งในเพลงของสหภาพแรงงานอเมริกันที่ แรงงานทุกคนล้วนรู้จักดีบ่งบอกถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการไว้ว่า “ท างาน 8 ชั่วโมง พักผ่อน 8 ชั่วโมง และท าสิ่งที่เราอยากทา อกี 8 ชั่วโมง” โดยพื้นฐานแล้ว คนในยุคนั้นต้องการเวลาส าหรับการไม่ท า อะไรเลยนอกเวลางานที่ชัดเจน ซึ่งในศตวรรษที่ 20 ทุกอย่างก็ เป็นไปด้วยดี ท าให้การท างาน 8 ชั่วโมงต่อวันกลายเป็นบรรทัด ฐานของโลกใบนี้ จนกระทั่งเหตุการณ์บางอย่างท าให้เราทุกคนต้องสับสน อลหม่านกับความแตกต่างที่แท้จริงของการท างานและการ พักผ่อน 76 บทเรียนที่ 1: เราจะมองเห็นความแตกต่างระหว่างเวลา ท างานกับเวลาพักผ่อนได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ ท าให้เรารู้สึกว่า การไม่ท าอะไรเลยเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ แต่ก่อนนั้น ผู้คนจะคิดกันว่า ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ต่าง ๆ ที่น่ากังวลนั้นต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเท่านั้น ก็ เลยกลายเป็นค่านิยมของสังคมยุคนั้นว่า… คุณก็แค่ไปหางานท า และท างานให้หนักเข้าไว้เพราะยิ่งท างานหนัก ธุรกิจนั้นก็จะยิ่ง ดูแลและให้โอกาสแก่คุณตลอดไป แต่ทุกวันนี้แค่การหางานท า และตั้งใจท างานหนักเพียงอย่างเดียวไม่ได้ท าให้ใครปลอดภัย เช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว นั่นเป็นเพราะขบวนการเรียกร้องปกป้องสิทธิแรงงานเริ่ม ที่จะหมดอ านาจลงในช่วง ค.ศ.1980 เป็นต้นมา มีปัจจัยเสี่ยง มากมายที่ไม่มีหน่วยงานไหนจะมาคุ้มครองคุณได้ตลอดรอดฝ่ัง ตอนนี้คุณต้องกลับมารับผิดชอบเรื่องอิสรภาพทางการเงินของ ตัวเองแล้ว เมื่อรวมประเด็นย่อหน้าด้านบนนี้เข้ากับการถือก าเนิดขึ้น ของยุคข้อมูลข่าวสาร ประกอบกับการมีคู่แข่งอย่างฟรีแลนซ์ เกิดขึ้นในยุค Gig economy (ระบบเศรษฐกิจที่นิยมการจ้าง งานเป็นครั้งคราว หรือใช้บริการคนท างานรับจ้างเป็นโครงการ ๆ ไป) 77


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ซึ่งตอนนี้ค่านิยม Gig ก าลังเป็นที่นิยมและเติบโตขึ้นมาด้วย ความเชื่อที่ว่า ไม่มีค าว่ามั่นคงทางการเงินที่แท้จริงจากการท างาน ประจ าอีกแล้ว แต่ปัญหาก็คือ...ค่านิยมใหม่บอกว่าวิธีที่ดีที่สุดในการ เติบโตในระบบเศรษฐกิจแบบนี้ก็คือ อย่าหยุดท างาน ซึ่งก็สังเกตได้ ง่าย ๆ ว่า เราเริ่มมองว่าการหยุดหรือไม่ท าอะไรเลย เป็นสิ่งที่แย่ มาก ๆ ในยุคนี้! 78


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ลองจินตนาการแบบนี้ดูนะครับ พระอาทิตย์ก าลังจะตกดินใน อีกฟากฝ่ังของมหาสมุทรแปซิฟกิคนน าเที่ยวชาวกรีกขอให้คุณนั่ง บนเก้าอี้พับที่จัดไว้ให้เรียบร้อย และคอยเตือนคุณว่าอย่าถ่ายรูป คุณจะต้องนั่งเงียบ ๆ อยู่กับนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ เพื่อเฝ้าดูพระ อาทิตย์แล้วก็ปรบมือเฉลิมฉลอง จากนั้นก็เพลิดเพลินกับเครื่องดื่ม ร่วมกัน ฟงัดูแปลก ๆ ใช่ไหมครับ จริง ๆ แล้ว การที่ท าให้คนมานั่ง ดื่มด ่าดูพระอาทิตย์ตกดินร่วมกันโดยห้ามว่อกแว่กไปท าอย่างอื่น แล้วจึงเฉลิมฉลองกันเมื่อดูจบนั้นเป็นงานศิลปะรูปแบบใหม่ของ Scott Polach เขาเรียกการจัดแสดงนี้ว่า Applause Encouraged นี่ เป็นบทสรุปที่สมบูรณ์แบบของแนวคิดการไม่ต้องท าอะไรเลย ศิลปะ ล ้าสมัยนี้ช่วยให้เราตระหนักว่าการสังเกตโลกรอบตัวเรามี ความส าคัญมากแค่ไหน 79 บทเรียนที่ 2: หยุดพักให้บ่อยขึ้น เพื่อเอาเวลามาคิดทบทวน แล้วคุณจะเริ่มสังเกตเห็นความงดงามรอบตัวคุณ


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ แทนที่จะสร้างฉากที่สวยงามเพื่อให้ผู้คนเพลิดเพลินกับ งานศิลป์ Polach กลับเลือกวิธีดึงดูดผู้ชมให้โฟกัสความสนใจ ไปยังสิ่งที่มีอยู่แล้ว หรือธรรมชาติที่เป็นอยู่แล้ว ผู้เขียนเรียกสิ่ง นี้ว่าสถาปัตยกรรมแห่งการตราตรึงความสนใจ ซึ่งก็คืออะไรก็ตามที่สามารถดึงสติของเราให้อยู่กับ ปัจจุบันและท าให้เราใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งว่า ชีวิตที่ยุ่งเหยิง ประจ าวันของเรากีดกันไม่ให้เราได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ อันล ้าค่านี้แม้จะเป็นเพียงเรื่องเดิม ๆ หรือเหตุการณ์ตาม ธรรมชาติที่เกิดขึ้นผ่านตัวเราไปอยู่ทุกวันก็ตาม ผมได้มีโอกาสสัมผัสกับประสบการณ์นี้ในบ่ายวันหนึ่ง ขณะที่ผมอยู่บ้านเพื่อนและก าลังวุ่นอยู่กับงานที่ต้องส่งสมัย เรียนมหาวิทยาลัย แม่ของเพื่อนเห็นว่าผมก าลังตื่นตระหนก วุ่นวายได้ที่จึงสั่งให้ผมเข้าไปสงบสติอารมณ์ที่สวนหลังบ้านของ พวกเขาก่อน โดยให้ผมนั่งเฉย ๆ ไม่ต้องท าอะไร เธอบอกให้ผมพิจารณารายละเอียดของทุกสิ่งที่เห็นเบื้อง หน้าด้วยสายตาที่อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับมัน หลังจากนั่งลง บนม้านั่งใกล้แม่น ้าหลังบ้านของพวกเขาสักพัก ผมก็เห็นสิ่งที่ผม ไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน การเลือกที่จะไม่ท าอะไรท าให้ผมรู้สึกถึงความสงบสุขใน หัวใจ ซึ่งครั้งหนึ่งพื้นที่ในใจของผมมแีต่ความวุ่นวายเต็มไปหมด 80


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ผมจะไม่บีบแตรใส่คนขับรถที่มารยาทแย่หรอก ถ้าผมโดน ปาดหน้าหรือถูกคนอื่นมาขัดจังหวะการขับรถเมื่อไหร่ผมจะนั่ง เอนหลังให้ผ่อนคลาย มีความสุขกับการขับรถ แล้วเอาใจไปอยู่กับ ครอบครัวที่นั่งมากับผมแทน อย่างแรกเลยคือ ผมมีความรู้ทางคณิตศาสตร์ในเกณฑ์ดี ท าให้ผมรู้ว่าการพยายามปาดคันนั้น แทรกคันนี้แทบไม่ได้ส่งผล ให้เราไปถึงที่หมายได้ไวขึ้นในทางสถิติแต่เรื่องที่ส าคัญกว่านั้นคือ ผมตระหนักดีว่าอีกฝ่ายอาจก าลังอยู่ในช่วงเวลาที่แย่ๆ โดยที่ผมไม่ รู้เลยก็ได้ ถ้าผมเจอวันแย่ๆ ผมก็อาจท าพฤติกรรมแบบนั้นเช่นกัน เพราะฉะนั้น อะไรคือประโยชน์ที่จะต้องไปผิดหวังหรือรู้สึกแย่กับ การกระท าของคนอื่น ๆ ล่ะ อย่างไรคุณก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าผู้คน ก าลังเผชิญกับอะไรอยู่บ้าง 81 บทเรยีนท ี่ 3: หากพบความไม่สะดวกสบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ในระหว่างการท างาน เพียงคุณใช้เวลาสักนิด คิดพิจารณา ว่าทุกคนกเ็ป็นเพียงมนษุยค์นหนงึ่ทมี่แีรงจงูใจบางอยา่ง แล้วคณุจะจดัการมนั ไดง้า่ยขนึ้


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ดังที่เดวิด ฟอสเตอร์กล่าวไว้ในสุนทรพจน์ในพิธีจบ การศึกษาของเขาว่า เรามีทางเลือก (อย่างน้อย) 2 ทางเสมอ เมื่อต้องเผชิญกับความผิดหวังและสถานการณ์ที่เป็นปัญหาใน วัยผู้ใหญ่ อย่างแรกคือ เราเลือกที่จะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ จาก มุมมองของเราเอง โฟกัสไปที่ความอยากของเรา ความเจ็บปวด ของเรา ซึ่งเวลาที่เรามีมุมมองเช่นนี้ผู้คนก็เป็นได้แค่ตัวน่า ร าคาญ เป็นแค่อุปสรรคขวากหนาม เป็นสิ่งกีดกันเราไม่ให้ไปสู่ สิ่งที่เราต้องการ นี่เป็นวิธีง่าย ๆ ในการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วย ความหงุดหงิดและทุกข์ยากใจตลอดเวลา อีกทางเลือกหนึ่ง ที่ถือเป็นสูตรแห่งความสงบและอิสรภาพ ที่แท้จริงก็คือ การหยุดชั่วครู่เพื่อพิจารณาให้เห็นว่าผู้คนต่างก็มี แรงจูงใจให้ท าอะไรสักอย่าง ซึ่งคุณเองก็เป็นเหมือนกัน จะว่าไป แล้วการด ารงชีวิตของพวกเขาดูซับซ้อนพอ ๆ กับการใช้ชีวิตของ คุณเลย ถ้าคุณตระหนักถึงสิ่งนี้แล้ว มันก็ไม่ส าคัญว่าคนอื่นจะท า อะไร คุณรู้ดีว่าบางครั้งชีวิตก็ยาก แล้วก็ไม่มีใครที่จะเข้มแข็งถึง ขั้นรับมือกับมันได้ดีตลอดเวลา 82


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ How To Do Nothing เป็นหนังสือเล่มส าคัญส าหรับ พวกเราที่ก าลังอาศัยอยู่ในโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ผมคงไม่สามารถอธิบายคุณได้อย่างละเอียดว่าค าแนะน าจาก หนังสือที่บอกคุณให้เลิกเร่งรีบ หันมารับฟงัหมั่นสังเกตสิ่ง ต่าง ๆ อย่างจดจ่อจะช่วยบรรเทาปัญหาในชีวิตและท าให้คุณ พบความสงบสุขได้อย่างไร แต่ผมได้ลองเอาเคล็ดลับพวกนี้ไปใช้ แล้ว และพูดได้เต็มปากเลยว่า มันให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างมหาศาล จริง ๆ รีวิว How To Do Nothing 83


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ บทท ี ่ 7 Mastery 84


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ “จงกลายเป็นคนที่คุณเป็น ด้วยการเรียนรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นคุณ” โรเบิร์ต กรีน ผู้เขียนหนังสือ Mastery 85


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ หนังสือ Mastery ได้หักล้างความเชื่อที่เกี่ยวกับทักษะ ของมนุษย์ไปอย่างหมดสิ้น แถมยังแสดงให้คุณเห็นว่ามี ขั้นตอนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้คุณประสบความส าเร็จ จนเป็นอัจฉริยะผู้เชี่ยวชาญด้วยวิธีการที่คุณเลือกเองได้โดย การน าเอาเส้นทางสู่ความเป็นอัจฉริยะของผู้เชี่ยวชาญระดับ ต านานของโลกแต่ละคนมาวิเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นไอสไตน์, ดาร์วิน และดา วินซี โรเบิร์ต กรีน นักเขียนหนังสือขายดีติดต่อกันหลายเล่ม โดยตั้งแต่ปี1998-2009 เขาได้ออกหนังสือที่ติดอันดับ New York Times Bestseller มาแล้วถึง 4 เล่มด้วยกัน ไม่ว่าจะ เป็น The 48 Laws of Power, The Art of Seduction, The 33 Strategies of War และหนังสือ The 50th Law ไหน ๆ ก็จะนับหนังสือขายดีของเขาได้ครบ 5 นิ้วอยู่แล้ว ในปี 2012 เขาเลยออกหนังสือเล่มใหม่อีกเล่มชื่อว่า Mastery ซึ่งเป็นอันว่าครบ 5 เล่ม 5 นิ้วมือพอดี หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงอธิบายเกี่ยวกับแนวทางของเขาใน การก้าวขึ้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงานเขียนเท่านั้น แต่ยังได้รวม แนวทางทสี่ามารถน าไปปรับใช้ได้กับการฝึกปรือฝีมือในทุกแวดวง อีกด้วย 86


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ไม่มีใครบอกว่าวิถีแห่งการบรรลุความเชี่ยวชาญเป็นเรื่อง ง่าย และต่อไปนี้คือ 3 ขั้นตอนสู่การเป็นปรมาจารย์ที่คุณสามารถ เรียนรู้และลงมือท าแบบเขาได้ เชื่อในสัญชาตญาณของคุณ เพื่อค้นหาวิถีแห่งการเป็น ผู้เชี่ยวชาญในแบบฉบับของคุณเอง เขาได้อ้างอิงถึงอัจฉริยบุคคลในต านานไปจนถึงบุคคลผู้ยิ่ง ใหญ่ที่ยังมีชีวิตอยู่ในยุคนี้เพื่ออธิบายเป็นตัวอย่างว่า แต่ละคนก้าว ขึ้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญในแขนงนั้น ๆ ได้อย่างไรอันที่จริงนี่เป็น วิธีการน าเสนอที่เขามักใช้ประกอบในหนังสือของเขามาหลายต่อหลาย เล่มแล้วละ แน่นอนว่าหนังสือเล่มนี้ได้กลายเป็นหนังสือขายดีระดับ New York Times Bestseller อีกเล่มหนึ่งของเขาเป็นที่เรียบร้อย แต่ อย่าคิดนะว่า การคิดและเขียนหนังสือให้ติดตลาดได้แบบนี้เป็นเรื่อง ง่าย กรีนใช้เวลาระหว่างที่เขาก าลังจะจบการศึกษาด้านศิลปะ คลาสสิกเพื่อเขียนหนังสือเล่มแรกของเขาเวลาผ่านไปอีก 20 ปี ใน วันที่เขามีอายุ 39ปีเขาก็เพิ่งจะได้เปิดตัวหนังสือเล่มถัดมา นั่นก็คือ The 48 Laws of Power 87


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ จงท าแบบทดสอบ และหาเงินให้ได้จากสิ่งที่คุณก าลัง ฝึกฝนตัวเองเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญนี้ ทันทีที่ผ่านบททดสอบแตล่ะบท จงท้าทายทุกสิ่งที่คุณเพิ่ง จะได้เรียนรู้มา 88


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ทุกคนน่าจะต้องเคยมีช่วงหนึ่งในชีวิตที่มีความรู้สึกเหมือน มีเสียงเรียกหา (Calling) ดังอยู่ในใจ เช่น… “คุณน่าจะไปเป็นนักวาดรูปนะ !” “เฮ้ย ! ฉันคิดว่าฉนัเขียนนิยายได้นะเนี่ย” เสียงที่ว่าเป็นความรู้สึกเหมือนคุณได้พบบางอย่างที่ถูก สร้างขึ้นมาเพื่อคุณโดยเฉพาะก าลังเรียกร้องให้คุณลองเปิดตัว เองต่อมัน เพื่อให้คุณกระโจนเข้าไปเรียนรู้เติบโต และยิ่งใหญ่ไป กับมัน กรีนบอกว่า “สุดท้ายคุณต้องเชื่อในเสียงเรียกนั้น” เราทุกคนต่างเป็นผู้สร้างสรรค์ในแบบฉบับของตัวเอง เรา มี DNA ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ก็นั่นแหละ เรามักใช้เวลา ส่วนมากไปกับการพยายามหลบซ่อนในฝูงชนแล้วค่อย ๆ กลืน ตัวเองจนหายไปกับฝูงชน เราอาจรู้สึกกลัวเสียงเรียกร้องลึก ๆ ภายในใจของเราเอง... 89 บทเรยีนท ี่ 1: เชื่อในสญัชาตญาณของคณุ แล้วเลอืกทกัษะที่ คุณต้องการเป็นผเู้ชยี่วชาญ


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ก็ใช่นะ การตามหาเสียงภายในที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย มันอาจต้องใช้เวลาพักใหญ่ ๆ บางทีก็อาจจะต้องขุดลงไปหา กันลึก ๆ แถมยังต้องผ่านการทดสอบอะไรต่อมิอะไรมากมาย แต่เมื่อย้อนกลับไปในสมัยที่เรายังเป็นวัยรุ่นกันอยู่ อาจจะเป็นช่วงที่คุณอายุราว ๆ 12 13 หรือ 14 ปี จ าได้ไหมว่า ตอนนั้นคุณอยากท าอะไร บางทีตอนนี้คุณอาจจะก าลังท ามันอยู่ แล้วก็ได้นะ เพราะนั่นเป็นช่วงวัยที่คุณป๊ิงไอเดียต่าง ๆ ขึ้นมา มากมายเลยทีเดียว ‘ลีโอนาโด ดา วินชี’จิตรกรระดับโลก ก็เคยได้สัมผัส ภาวะเช่นนี้เหมือนกันตอนที่เขาก าลังขโมยแผ่นกระดาษที่ราคา แพงมากจากออฟฟิศของพ่อของเขา เพื่อเอามาวาดเหล่า สิงสาราสัตว์ในป่า ‘ทิม เฟอร์ริส’นักเขียนและผู้ประกอบการชื่อดัง ก็เคย สัมผัสภาวะดังกล่าวตอนที่เขาก าลังท าความเข้าใจต่อการจากไป ของเพื่อนคนหนึ่ง และการได้เห็นผู้ป่วยเด็กที่ก าลังอยู่ในภาวะ สุดท้ายก่อนตายในวันเดียวกัน 90


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ แม้ว่ามันอาจจะฟงัดูไม่ค่อยเกี่ยวกับคุณเท่าไหร่นัก แต่ ทันทีที่คุณเริ่มฟังและเชื่อสัญชาตญาณของคุณ คุณจะเริ่ม สังเกตเห็นค าบอกใบ้ต่าง ๆ ที่เปรียบเหมือนเสียงกระซิบในใจ ของคุณซึ่งพยายามจะบอกคุณอยู่และเชื่อเถอะว่าในที่สุดคุณก็ ต้องฟังมัน 91


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ ทันทีที่คุณตัดสินใจแล้วว่าจะก้าวเข้ามาเรียนรู้เรื่องอะไร ด้าน ไหน หรือทักษะแบบไหนที่คุณอยากจะเชี่ยวชาญไปจนถึงขั้น ปรมาจารย์วิธีที่ดีที่สุดและเร็วที่สุดในการสร้างความคืบหน้าของการ เรียนรู้คือการเข้าไปฝึกงานในด้านนั้น ๆ โดยเฉพาะ และอย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องเงิน ให้สนใจว่าคุณจะได้เรียนรู้ อะไรบ้างมากกว่า งานที่ให้เงินมาก ๆ ในตอนที่คุณยังไม่ค้นพบตัวตนมักจะ เป็นงานที่ให้โอกาสคุณได้เรียนรู้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น มันคงจะ ดีกว่าถ้าคุณออกไปหางานที่อาจจะให้เงินคุณน้อยกว่า แต่ให้การ เรียนรู้และค าปรึกษาแก่คุณได้เยอะกว่า เพราะมันจะน าคุณไปสู่ความเป็นเลิศในสาขาวิชาชีพนั้นอย่าง รวดเร็วกว่าการกลายเป็นพวกอ่อนประสบการณ์ที่ท างานผิด ๆ ถูก ๆ แถมยังเรียนรู้ได้ยากล าบากกว่าในตอนแก่ 92 บทเรยีนท ี่ 2: การเรยีนรยู้อ่มมากอ่นการคดิเรอื่งหาเงนิ ดังนั้น จงทา ‘แบบทดสอบ’ นี้ซะ ยิ่งคุณเรยีนรมู้นั คุณก็ ยิ่งได้คา่ตอบแทนจากมนัมากเทา่นนั้


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ จริงอยู่ที่คุณควรจะได้รับผลตอบแทนจากสิ่งที่คุณได้ เรียนรู้มา เพราะมันเป็นสิ่งที่ Win Win อย่างเห็นได้ชัด แต่ ขอให้คุณรู้ไว้เลยว่า การได้เรียนรู้นั้นคือการได้รับผลตอบแทน จากการลงทุน (หรือ ROI) ที่ยิ่งใหญ่มหาศาลกว่าการได้รับเงิน จากงานที่คุณท าเสียอีก จริง ๆ แล้ว ‘เบนจามิน แฟรงคลิน’ ผู้ก่อตั้งชาติ สหรัฐอเมริกา สามารถรอรับช่วงต่อธุรกิจผลิตเทียนที่ก าลัง ประสบความส าเร็จต่อจากพ่อของเขาได้สบาย ๆ แต่เขาก็เลือก ที่จะไปท างานด้านสิ่งพิมพ์และการเขียนแทน เพราะรู้ว่ามันจะ ช่วยให้เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการใช้ค าได้อย่างรวดเร็ว มากกว่า 93


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ อันที่จริง การฝึกฝนของคุณก็ไม่ได้จะหาวิธีการฝึกกันได้ง่าย ๆ ยังไม่ต้องพู ดถึงการฝึกฝนจนกระทั่งส าเร็จด้วยนะ แต่ก็นั่นแหละ วิถีแห่งการเป็นผู้เชี่ยวชาญนั้นยังมีส่วนที่โหดกว่าการผ่านบท ทดสอบอีกเยอะ ทันทีที่คุณผ่านบททดสอบใด ๆ มาแล้ว และถึงเวลาที่คุณ ต้องออกมาเผชิญโลกด้วยงบประมาณและทุนของคุณเอง (โดย ไม่พึ่งบริษัทที่คุณไปฝึกงาน) เป็นเรื่องจ าเป็นมาก ๆ ที่คุณจะต้อง น าทุกสิ่งทุกอย่างที่เรียนออกมาใช้ในชีวิตจริงข้างนอกทันที! ก รีนพู ดอยู่ตลอดว่ า “คุณต้องเปิดกว้ างอยู่เสมอ เหมือนกับเด็กนั่นแหละ” คุณต้องพยายามท้าทายทุกอย่างที่คุณ คิดว่าตัวเองรู้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ผู้รู้เคยสอนคุณ หรือแนวทาง ทั่ว ๆ ไปที่คุณได้เรียนรู้มา มีบทเรียนไหนไหมที่ใช้การได้กับทุกเรื่อง มีเรื่องไหนไหมที่ อาจแตกสลาย บิดเบี้ยว หรือสมควรยกออกไปเลย ในขณะที่คุณผ่านบททดสอบมา คุณจะพัฒนาทักษะในสไตล์ที่เป็น เอกลักษณ์ของคุณเองขึ้นมาบ้างหรือเปล่า 94 บทเรียนที่ 3: ทันทีที่ผ่านบททดสอบแล้ว ให้ท้าทาย ความรู้ทั้งหมดที่ตัวเองได้เรียนรู้มาซะ


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ และคุณสามารถที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่หรืออะไรก็ตามที่ได้ ชื่อว่ามีแต่ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่ท าได้ออกมาจริง ๆ ไหม ถามว่ามันคุ้มที่จะลงทุนขนาดนั้นจริงไหม เรื่องนี้คุณต้อง ลองตัดสินใจดูด้วยตัวเอง คุณอาจเลือกที่จะไม่ท้าทายบทเรียน เพราะคิดว่าจะไม่ท าอะไรให้ยุ่งยากวุ่นวายแล้วอ้างค าแก้ตัวต่าง ๆ ต่อไป หรือเริ่มลงมือท าตั้งแต่วันนี้เลย ผมรู้สึกว่าหลายตัวอย่างและเรื่องราวมากมายที่หนังสือเล่ม นี้หยิบยกขึ้นมากล่าวถึงนั้น ท าให้ Mastery เป็นหนังสือที่ดูเข้ากับ ชีวิตจริง แนวคิดทั่วไปจับต้องได้และชัดเจน แล้วมันก็ให้แรง บันดาลใจในการอ่านได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตรงส่วนที่กรีนบ อกให้เราฟงัเสียงหัวใจของเราให้ดีแต่ถึงกระนั้น ผมก็ยังรู้สึกว่า Mastery ยังมีอะไรเด็ด ๆ อีกมากมายที่แฝงไว้ในหนังสือเพื่อรอ ให้เราค้นพบ รีวิวหนังสือ Mastery 95


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ แม้จะแตกต่างจากหนังสือทั่วไปที่เอาแต่บอกเราให้ท าตาม ความหลงใหล(Passion) แต่ Mastery ก็ไม่ถึงกับเป็นน ้าที่มาดับ ไฟฝันของเรา อันที่จริงแล้ว หนังสือเล่มนี้ต้องการจะบอกว่า การ อุทิศตนและการฝึกฝนอย่างจดจ่อต่างหาก ที่เป็นกุญแจส าคัญซึ่ง น าไปสู่ความส าเร็จในที่สุด 96


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ 97 อ. เวย์เริ่มต้นท างาน ด้านการเขียน ในฐาน ะนักข่าว นั ก เ ขี ย น ค อ ลั ม นิ ส ต์ นั ก สัมภาษณ์ และกองบรรณาธิการ ให้กับหนังสือพิ มพ์ Manager Online, A day Bulletin และ ท างานเขียน ในฐานะฟรีแลนซ์ รวม 15 ปีเต็ม ในระหว่างนั้นก็ ได้รับการเชิญให้ไปบรรยายให้ นักศึกษา อาจารย์ มหาวิทยาลัย ต่าง ๆ ฟัง ถือเป็นจุดเริ่มต้น ของการท างานด้านวิทยากร หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ค้นพบ Life’s Purpose ของตัวเอง จากการตกผลึกเรื่องราวที่เคยคิดว่าเป็นปัญหาในชีวิต โดยเฉพาะเรื่อง ความสัมพันธ์กับครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน หลังจากศึกษาปรัชญา และจิตวิทยาหลากหลายแขนง ท าให้เขาตัดสินใจมุ่งหน้าเดินทางตาม Life’s Purpose นั้น ด้วยการท างานเป็นนักสร้างสรรค์และปฏิวัติการ เรียนรู้ในการสร้างทีม ไปจนถึงการสร้างการเรียนรู้ภายในองค์กร ประวัติผู้เรียบเรียง อ. เวย์ เวสารัช โทณผลิน Team Collaboration Facilitator


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ 98 หลักสูตรทเี่ชี่ยวชาญ • The High Productive Habit • Trust & Safe Space for the great team ประวัติการศึกษา • ปริญญ าต รี เทค โน โลยี กา รพิ มพ์ แล ะบร รจุ ภัณฑ์, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี • Nonviolent Communication basic/advance • Facilitative Mind • The Art of Facilitation ประวัติการท างาน • ผู้ร่วมก่อตั้ง WJP Training Co., Ltd บริษัทที่ปรึกษา และเทรนนิงเรื่องคน ทีมเวริ์ก และวัฒนธรรมองค์กร • Facilitator ในกลุ่ม Dialogue for OD (Organizations Development) • Facilitator Nonviolent Communication (Public Course) ทั้งหมด 10 รุ่น


Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ 99 About Us “เรายินดีออกแบบหลักสูตรเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์การ พัฒนา คนในองค์กรของท่าน” Learning Hub Thailand เป็นบริษัทฝึกอบรมพัฒนา คนท างาน เชี่ยวชาญเรื่อง “ทักษะด้านคน (Soft Skills) “ เรา พัฒนาคนในองค์กร ให้เพิ่มศักยภาพและท างานอย่าง มีความสุข หลักสูตรของเรามีจุดเด่น ด้วยการผสมผสาน 3 องค์ ความรู้ส าคัญในการพัฒนาคน ได้แก่ Positive Psychology, Neuroscience, Facilitation ซึ่งจะท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เริ่มจากทัศนคติภายในสู่พฤติกรรมภายนอก อันจะท าให้เกิด ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน


Grit : สรุปโดย CEO เรือรบ 99 ติดตามบทความด้านการพัฒนาตนเองและ องค์กร เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่นี่ครับ ---> ปรึกษาด้านการพัฒนาบุลลากรในองค์กร กรุณา ติดต่อเรา Learning Hub (Thailand) Co., Ltd. Tel. 093 925 4962 Email: [email protected] Line ID: @lhtraining www.learninghubthailand.com Personal Productivity Book Summary สรุปโดย อ.เวย์ 100


Click to View FlipBook Version