The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Panupong Boontoem, 2024-02-20 14:13:54

โครงงาน

โครงงาน

การพัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์โดยใช้โปรแกรม Google Sites จัดทำโดย นายภาณุพงศ์ บุญเติม รหัสประจำตัว 66302040004 นายวรวัฒน์ แสงแก้วสุก รหัสประจำตัว 66302040006 โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ประเภทวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ ปีการศึกษา 2566


การพัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์โดยใช้โปรแกรม Google Sites จัดทำโดย นายภาณุพงศ์ บุญเติม รหัสประจำตัว 66302040004 นายวรวัฒน์ แสงแก้วสุก รหัสประจำตัว 66302040006 โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ประเภทวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ ปีการศึกษา 2566


หัวข้อโครงการ : การพัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยี ธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ โดยใช้โปรแกรม Google Sites ชื่อ : นายภาณุพงศ์ บุญเติม : นายวรวัฒน์ แสงแก้วสุก ครูที่ปรึกษา : นางสาวณปภัช ไชยศรีสังข์ : นายกัณฑ์อเนก โอภาษ : นายสุวินัย ศรีเรือง ครูประจำวิชา : นายกิตติศักดิ์ ยิ้มรักษา ระดับการศึกษา : ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาวิชา : เทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล ปีการศึกษา : 2566 บทคัดย่อ การจัดทำโครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการพัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ เพื่อให้ทราบเกี่ยวกับระบบการศึกษา ในแผนกวิชาคอมพิวเตอร์ฯ และเพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ที่มีความสนใจในแผนกวิชาคอมพิวเตอร์ฯ ได้มาศึกษาหาข้อมูลก่อนตัดสินใจ ซึ่งคณะผู้จัดทำได้ดำเนินงานตามที่วางแผนเอาไว้ ได้นำเสนอ เผยแพร่ผลงานผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ผลการจัดทำโครงการพบว่าวิธีการพัฒนาบนเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและ เทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ ได้รับความสนใจเป็นเว็บที่มีประโยชน์ จากการวิเคราะห์ข้อมูลในการศึกษาความพึงพอใจจากนักเรียนนักศึกษา จำนวน 80 คน ผู้ตอบแบบสอบถาม มีความพึงพอใจต่อเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจ ดิจิทัล โดยภาพรวมของกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก


กิตติกรรมประกาศ โครงการฉบับนี้สำเร็จสมบูรณ์ได้ด้วยความกรุณาจากคณะครูอาจารย์วิทยาลัยการอาชีพ พระสมุทรเจดีย์ขอขอบพระคุณ นายธิติวัฒน์กุลพิชัยจิราวุฒิผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพ พระสมุทรเจดีย์นายวานิตย์ แก้วสวัสดิ์รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร นายกิตติศักดิ์ ยิ้มรักษา ครูประจำวิชาโครงการ และ ครูที่ปรึกษาโครงการ นางสาวณปภัช ไชยศรีสังข์ นายสุวินัย ศรีเรือง นายกัณฑ์อเนก โอภาษ และบิดามารดาที่กรุณาให้ความรู้คำแนะนำในการทำโครงการตลอดจนการให้ คำปรึกษาเป็นแนวทางช่วยเหลือในการปรับปรุง แก้ไขข้อบกพร่องต่างๆให้โครงการสำเร็จลุลวงไปได้ ด้วยดีผู้จัดทำจึงขอขอบคุณอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ ขอขอบพระคุณผู้เชี่ยวชาญที่มีรายนามในภาคผนวกและบรรณานุกรม ที่ได้อ้างอิงผลงานใน โครงการเล่มนี้ขอขอบคุณวิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ ที่อนุเคราะห์สถานที่ในการจัดทำ โครงการและขอบคุณกลุ่มตัวอย่างในการทำโครงการครั้งนี้ที่ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม เป็นอย่างดี


สารบัญ เรื่อง หน้า บทคัดย่อ ก กิตติกรรมประกาศ ข สารบัญ ค สารบัญภาพประกอบ ฉ สารบัญตาราง ช บทที่ 1 บทนำ 1 หลักการและเหตุผล 1 วัตถุประสงค์ 1 สมมุติฐาน 2 ขอบเขตของวิจัย 2 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2 นิยามศัพท์ 2 บทที่ 2 ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 4 วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ 4 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล 5 Google Sites 6 Google Form 8 การสร้างเว็บไซต์ 10 หลักการออกแบบเว็บไซต์ 12 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 13


สารบัญ(ต่อ) เรื่อง หน้า บทที่ 3 ขั้นตอนและวิธีดำเนินงาน 16 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 16 ขั้นตอนการดำเนินงาน 16 แผนผังการทำงาน 18 เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล 20 ขั้นตอนในการสร้างแบบสอบถาม 20 การวิเคราะห์ข้อมูล 21 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 21 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 23 สัญลักษณ์ในการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 23 ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูล 23 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 24 ข้อเสนอแนะ 27 บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 28 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล 28 ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูล 28 การเก็บรวบรวมข้อมูล 29 การวิเคราะห์ข้อมูล 29 สรุปผลการวิจัย 29 ข้อเสนอแนะจากผู้ตอบแบบสอบถาม 30 การอภิปรายผล 30


สารบัญ(ต่อ) เรื่อง หน้า บรรณานุกรม 31 ภาคผนวก 33 ภาคผนวก ก ภาพประกอบชิ้นงาน 34 ภาคผนวก ข แบบสอบถาม 41 ภาคผนวก ค ค่า IOC ของแบบสอบถามความพึงพอใจ 43 ภาคผนวก ง แบบเสนอโครงการ 48 ภาคผนวก จ แบบคำร้องและใบประเมินคณะกรรมการ (คก.01-คก.06) 62 ประวัติผู้จัดทำโครงการ 82


สารบัญภาพประกอบ ภาพที่ หน้า ภาพที่ 1 แผนผังการทำงาน 18 ภาพที่ 2 แผนผังการทำงาน 19 ภาพที่ 3 สถานภาพทั่วไปของผู้กรอกแบบสอบถาม จำแนกตามแผนก 35 ภาพที่ 4 สถานภาพทั่วไปของผู้กรอกแบบสอบถาม จำแนกตามเพศ 35 ภาพที่ 5 สถานภาพทั่วไปของผู้กรอกแบบสอบถาม จำแนกตามระดับการศึกษา 36 ภาพที่ 6 การคิดคำนวณค่า S.D. และ x̄ 36 ภาพที่ 7 เว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจฯ หน้าหลัก 37 ภาพที่ 8 เว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจฯ หน้าประชาสัมพันธ์ 37 ภาพที่ 9 เว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจฯ ข้อมูลวิทยาลัย 38 ภาพที่ 10 แผนที่วิทยาลัยและส่วนล่างของเว็บไซต์ 38 ภาพที่ 11 เว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจฯ หน้าข้อมูลวิทยาลัย 39 ภาพที่ 12 เว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจฯ หน้าสมัครเรียน 39 ภาพที่ 13 เว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจฯ หน้าแนะนำแผนกวิชาคอม 40


สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า ตารางที่ 1 จำแนกร้อยละของสภาพทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง จำแนกตาม เพศ 24 ตารางที่ 2 สถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามแผนกสาขาวิชา 24 ตารางที่ 3 สถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามระดับชั้น 25 ตารางที่ 4 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและระดับความพึงพอใจ 26


บทที่ 1 บทนำ หลักการและเหตุผล ปัจจุบันความก้าวหน้าเทคโนโลยีมีมากจึงมีเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเข้ามาเกี่ยวข้องกับ ชีวิตประจำวันสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีด้านการสื่อสารการส่งข้อมูลจะรวดเร็วมากขึ้นข้อมูล จำนวนมหาศาลจะถูกถ่ายโอนภายในแทบจะทันที แต่ก่อนที่ประเทศไทยเราจะไปถึง 2G และ 5G ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนวิจัยและพัฒนาเป็นเครือข่ายอินเตอร์เน็ตใช้สำหรับเข้าเว็บไซต์หรือการส่งข้อมูล ต่างๆ ผ่านเครือข่าย วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ ตั้งอยู่เลยที่ 143 หมู่ 5 ตำบลแหลมฟ้าฝ่า อำเภอ พระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ 10290 จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2537 บนเนื้อที่ 39 ไร่ 2 งาน 98 ตารางวา โดยใช้ที่ดินราชพัสดุในความดูแลของกองทัพเรือเป็นสถานศึกษาในสังกัด คณะกรรมการอาชีวศึกษา ภายในวิทยาลัยได้มีหลักสูตรวิชาอุตสาหกรรม สาขาวิชาช่างไฟฟ้า สาขาวิชาช่างยนต์ สาขาวิชาช่างกลโรงงาน และหลักสูตรวิชาพาณิชยกรรม สาขาวิชาบัญชีสาขาวิชา การตลาด และสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจโดยภายใน สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจได้มีการสอน เกี่ยวกับ โปรแกรมสำเร็จรูป การสร้างเว็บไซต์ การเขียนโปรแกรมต่างๆ ดังนั้นผู้จัดทำโครงการจึงได้จัดการพัฒนาเว็บไซต์คอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจ ดิจิทัลของแผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์เพื่อเป็นการศึกษาความพึง พอใจต่อการพัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล และเพื่อเป็น ประโยชน์ให้แก่วิทยาลัยฯ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาและผู้ที่สนใจได้รับรู้ ข่าวสาร การประชาสัมพันธ์ที่ เกี่ยวกับวิทยาลัย วัตถุประสงค์ของโครงการ 1. เพื่อศึกษาและพัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล 2. เพื่อประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้เว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยี ธุรกิจดิจิทัล


สมมุติฐาน 1. ผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัลมีความพึงพอใจ ต่อเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัลอยู่ในระดับดีมาก 2. เว็บไซต์ที่พัฒนาสามารถช่วยประชาสัมพันธ์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยี ธุรกิจ ขอบเขตของโครงการ 1. การพัฒนาเว็บไซต์แนะนำแผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรดิจิทัล วิทยาลัย การอาชีพพระสมุทรเจดีย์ 2. ประชากรคือนักเรียนนักศึกษาแผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ จำนวน 100 คน 3. กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนนักศึกษาแผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ จำนวน 80 คนโดยใช้ตารางกำหนดกลุ่มตัวอย่างของเครซี่มอร์แกน ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. ได้เว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล 2. ได้ช่องทางการประชาสัมพันธ์บนเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยี ธุรกิจดิจิทัล 3. ได้ทราบถึงความพึงพอใจที่มีต่อเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจ ดิจิทัล นิยามศัพท์ แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ หมายถึง เป็นการเปิดสอนงานวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจใน วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ ซึ่งเปิดสอนในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์หมายถึง วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ ตั้งอยู่เลขที่ 143 หมู่ 5 ตำบลแหลมฟ้าฝ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ 10290 โทรศัพท์ 0-2453-7847 เว็บไซต์ http://www.prasamutkd.ac.th อีเมล์ [email protected] จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2537 บนเนื้อที่ 39 ไร่ 2 งาน 98 ตารางวา


เว็บไซต์ คือสื่อนำเสนอข้อมูลบนเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือคือการรวบรวม หน้าเว็บเพจหลาย หน้า ซึ่งเชื่อมโยงกันผ่านทางไฮเปอร์ลิงก์ ซึ่งต้องเปิดด้วยโปรแกรมเฉพาะทางที่เรียกว่า Web Browser โดยถูกจัดเก็บไว้ในเวิลด์ไวด์เว็บ และเว็บไซต์นั้นถูกสร้างขึ้นด้วยภาษาทาง คอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า HTML (Hyper Text Markup Language) และได้มีการพัฒนาและนำภาษา อื่นๆเข้ามาร่วมด้วย เพื่อให้มีความสามารถมากขึ้น เช่น PHP , SQL , Java ฯลฯ เว็บไซต์นั้นมี คำศัพท์เฉพาะทางหลายคำ เช่น เว็บเพจ (web page) และ โฮมเพจ (home page) เป็นต้น โปรแกรม หมายถึง คำสั่งคอมพิวเตอร์ชุดหนึ่ง ๆ ที่เขียนขึ้นเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาใด ภาษาหนึ่ง เช่น ภาษาซี (C) ภาษาโคบอล (Cobol) ภาษาเบสิก (Basic) หรือ ภาษาแอสเซมบลี (Assembly) ฯ คำ "โปรแกรม" นี้อาจจะเรียกเป็นชื่ออื่นก็ได้ เช่น ซอฟต์แวร์ (Software) หรือ แอพพลิเคชัน (Application) โปรแกรมนั้น แบ่งได้เป็นหลายประเภท ประเภทแรกคือประเภทที่ผู้ใช้ เขียนขึ้นเองเพื่อให้ตรงกับความต้องการ กับอีกประเภทหนึ่งมีคนทำสำเร็จรูปไว้ขาย เช่น โปรแกรม สำหรับวาดภาพ (Graphics) โปรแกรมประมวลผลคำ (Word Processing) โปรแกรมตารางจัดการ (Spread Sheet) นอกจากนั้น ยังมีโปรแกรมระบบ (Systems Software) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ควบคุม การทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีบางส่วนติดตั้งมาจากโรงงานที่ผลิตเลย และโปรแกรม ระบบปฏิบัติการ (Operating System) ที่จะทำหน้าที่เหมือนแม่บ้านคอยดูแลให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ทำงานให้ประสานกัน สรุปว่า คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ทุกอย่าง แต่คนเขียนคำสั่งต้องเข้าใจ ขั้นตอนวิธี (Algorithm) และภาษาที่จะใช้เป็นอย่างดี จึงจะสามารถเขียนสั่งเครื่องให้ทำงานได้ HTML หมายถึง HyperText Markup Language เป็น ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้สร้างหน้า เว็บ (WebPage) ในรูปแบบของ ไฟล์HTML (คือไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น.htm หรือ.html) ซึ่งมีเว็บ เบราว์เซอร์(WebBrowser) เป็นโปรแกรมที่ใช้แปลงไฟล์HTML เพื่อ แสดงผลในรูปของหน้าเว็บ ไฟล์ HTML เป็นไฟล์รหัสแอสกี(ASCII) ถูกบันทึกในรูปของ ไฟล์เอกสาร (Text File) ที่สามารถถูกสร้าง จากโปรแกรมสร้างไฟล์ข้อความ (Text Editor) เช่น Notepad หรือ Word Processing


บทที่ 2 ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การจัดทำโครงการเรื่องการพัฒนาเว็บไซต์คอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ โดยใช้โปรแกรม Google Sites ผู้จัดทำได้ศึกษาเอกสารที่ เกี่ยวข้องเพื่อนำมาเป็นกรอบและแนวคิดในการศึกษาค้นคว้าดังต่อไปนี้ 1. วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ 2. แผนกวิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล 3. Google Sites 4. Google form 5. การสร้างเว็บไซต์ 6. หลักการออกแบบเว็บไซต์ 7. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ ตั้งอยู่เลขที่ 143 หมู่ 5 ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ 10290 โทรศัพท์ [email protected] จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2537 บนเนื้อที่ 39 ไร่ 2 งาน 98 ตารางวา โดยใช้2453-7847 โทรสาร 0-2819-527 เว็บไซต์ http://www.prasamutjd.ac.th อีเมล์ prasamutjd02ที่ดินราชพสดุในความดูแลของ กองทัพเรือหมายเลขทะเบียนที่ สป. 1193 สถานศึกษาสังกัดกองการศึกษา กรมอาชีวะศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ การบริหารโดย 1. นายสุภาพ สุขเกื้อ ระหว่างปี พ.ศ. 2537 – 2546 2. นายปรีชา อินทะกนก ระหว่างปี พ.ศ. 2546 – 2547 3. นายวิษณุ นัคราโรจน์ ระหว่างปี พ.ศ. 2547 – 2551 4. นายสาวิทย์ ญาณภิรัต ระหว่างพฤษภาคม – พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 5. ว่าที่ร้อยตรีสมโภชน์ คงบุญโสด ระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2554 6. นายสมคิดจีนจรรยา ระหว่างสิงหาคม - ธันวาคม พ.ศ. 2554 7. นายวิศาล เมื่อไพศาล ระหว่างปี พ.ศ. 2555 – 2559 8. นายศรัณย์พิศุทธารมณ์ ระหว่างปี พ.ศ. 2559 – 2560 9. นายสิทธิศักดิ์เพิ่มพูน ระหว่างปี พ.ศ. 2561 - 2562


10.ว่าที่ร้อยเอกเชาวลิต ยุทธนาวา ระหว่างปี พ.ศ. 2562 - 2564 11. นายธิติวัฒน์กุลพิชัยจิราวุฒิ ระหว่างปี พ.ศ. 2564 - ปัจจุบัน แผนกวิชาที่เปิดสอน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 1. ประเภทวิชาพาณิชยกรรม/บริหารธุรกิจ สาขาวิชาพาณิชยกรรม เปิด 3 สาขางาน 1.1 สาขาวิชาการตลาด สาขางานการตลาด 1.2 สาขาวิชาการบัญชี สาขางานการบัญชี 1.3 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ สาขางานคอมพิวเตอร์ธุรกิจ 2. ประเภทวิชาอุตสาหกรรม 2.1 สาชาช่างยนต์ สาขางานยานยนต์ 2.2 สาขาวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง สาขางานไฟฟ้ากำลัง 2.3 สาขาวิชาช่างกลโรงงาน สาขางานเครื่องมือกล ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) 1.ประเภทวิชาพาริชยกรรม/บริหารธุรกิจ เปิด 3 สาขางาน 1.1 สาขาวิชาการตลาด สาขางานการตลาด 1.2 สาขาวิชาการบัญชี สาขางานการบัญชี 1.3 สาขาวิชาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล สาขางานดิจิทัล 2.ประเภทวิชาอุตสาหกรรม 2.1 สาขาวิชาเทคนิคเครื่องกล สาขางานเทคนิคยานยนต์ 2.2 สาขาวิชาเทคนิคเครื่องกล สาขางานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ 2.3 สาขาวิชาไฟฟ้า สาขางานไฟฟ้าควบคุม แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล หมายถึง เป็นการเปิดสอนงาน สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจในวิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ ซึ่งเปิดสอนในหลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) คอมพิวเตอร์ คือ สาขาที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ผนวกกับธุรกิจการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนสาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้พื้นฐานด้ามคอมพิวเตอร์ เช่น การใช้โปรแกรมไมโครซอฟต์ออฟฟิต การใช้โปรแกรมสำเร็จรูปต่าง ๆ การใช้โปรแกรมเพื่อการใช้ งาน การเรียนรู้จักกับภาษาโปรแกรมต่างๆ ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์เราได้นำเอาลักษณะเด่นของ คอมพิวเตอร์มาใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้เช่น พิมพ์รายงาน จดหมาย เอกสารต่างๆ


Google Sites Google Sites คือ โปรแกรมออนไลน์ใช้ในการสร้างเว็บไซต์ให้ง่ายขึ้นเหมือนกับการแก้ไข เอกสารธรรมดาๆ ด้วย Google Sites โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับภาษาที่ใช่ในการสร้าง เว็บไซต์สามารถรวบรวมความหลากหลายของข้อมูลในที่เดียว เช่น รวมวิดีโอ ปฏิทินการนำเสนอ เอกสารหรือสิ่งที่แนบ และข้อความ อำนวยความสะดวกในการทำงานได้เป็นอย่างมากในการแก้ไข หน้าเว็บจะเป็นกลุ่ม หรือ องค์กรก็ได้และแก้ไขได้อย่างง่ายดายไปที่แผงควบคุมของคุณลักษณะที่ สำคัญของผลิตภัณฑ์ได้แก่ 1. กำหนดส่วนติดต่อของเว็บไซต์ด้วยตนเอง เพื่อทำให้รูปลักษณ์ของกลุ่มหรือโครงการมี ความคล้ายคลึงกัน 2. สร้างหน้าย่อยใหม่ด้วยการพิมพ์ 3. เลือกประเภทหน้าเว็บจากรายการที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ได้แก่ หน้าเว็บประกาศ ตู้เอกสาร กระดานข้อมูลและรายชื่อ 4. รวมศูนย์ข้อมูลที่ใช้งานร่วมกัน ฝังเนื้อหาที่มีข้อมูลมาก ลงในหน้าเว็บใดๆและ อับโหลดไฟล์แนบต่างๆ 5. จัดการตั้งค่าการอนุญาต เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณเป็นส่วนตัวหรือสามารถแก้ไขและดู ได้อย่างกว้างขวางตามที่คุณต้องการ 6. ค้นหาในเนื้อหาของ Google Sites ด้วยเทคโนโลยีการค้นหาของ Google ปัจจุบันเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จากกระแสที่มา แรงทำให้หลายประเทศทั่วโลกต่างเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงที่มีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาร่วม พัฒนากิจกรรมต่างๆของประเทศ ณ วันนี้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะบริการ World Wide Web ได้ก้าวมาเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนการสอน การฝึกอบรม รวมถึง การถ่ายทอดวิชาความรู้ นับเป็นการเพิ่มช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้สอนและผู้เรียนมาก ยิ่งขึ้น ส่วนประกอบของเว็บไซต์บริการ Google Sites ส่วนประกอบที่สำคัญมีดังนี้ 1. ข้อความ (Text) ได้แก่ ตัวอักษร เลข อาจเป็นภาษาอังกฤษ ไทย หรือภาษาอื่นๆ 2. กราฟิก (Graphics) ได้แก่ ภาพวาดและรูปภาพต่างๆ 3. มัลติมีเดีย (Multimedia) ได้แก่ ภาพเคลื่อนไหว ภาพวีดีทัศน์ เสียง


4. ลิงก์(Link) ข้อความหรือรูปภาพที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจ อื่นๆ ได้เราสามารถตรวจสอบได้ว่าส่วนใดเป็นลิงก์โดยนำเมาส์ไปชี้สัญลักษณ์เมาส์จะเปลี่ยนเป็นมือ แสดงว่าส่วนนั้นเป็นลิงก์ 1.ความสามารถของเว็บไซต์ Google Sites 1.1 สามารถทำหน้าเว็บเพจของตัวเองอะไรก็ได้ขึ้นมา โดยเน้นที่ความง่ายมีapp. ให้ ใช้อย่างสะดวกโดยไม่จำเป็นต้องรู้เรื่อง html 1.2 สามารถเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเความรู้หรือบทเรียนอีกหลายอย่าง ใน Sites ได้ 1.3 สามารถที่จะเก็บไฟล์ภาพ หรือไฟล์ชนิดต่างๆ ไว้ในไซต์ของเราได้ 2.คุณสมบัติของเว็บไซต์ Google SItes 2.1 มีพื้นที่ให้บริการเยอะ 100 เมกะไบต์ ต่อ Site 2.2 พัฒนาได้ง่าย ปรับปรุงรูปแบบ ปรับแต่งข้อมูลแบบออนไลน์ 2.3 มีGadget มาก และสามารถทำในรูปแบบที่เราต้องการได้ 2.4 รูปแบบไซต์ ดูเป็นแบบมาตรฐานของเว็บไซต์ทั่วไป 2.5. ทำ link ภายในและภายนอกของไซต์ได้ 2.6 การตั้งค่าสำหรับการเข้าถึงและใช้ข้อมูลร่วมกัน 3.จุดเด่นของ Google Sites 3.1 ให้บริการฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย 3.2 พื้นที่จัดเก็บข้อมูลไม่จำกัด 3.3 มี Gadget มากมาย 3.4 ใช้งานได้ง่าย สะดวก 4.ข้อจำกัดของ Google Sites 4.1 ขนาดของพื้นที่จัดเก็บ Site มีขนาดสูงสุด 10 GB เท่านั้น 4.2 Website อยู่ภายใต้โดเมนของ Google เช่น testtechnolo.gSuite.com 4.3 สามารถใช้งาน Site โดยที่ไม่มีInternet ไม่ได้ต้องเชื่อมต่อ Internet เท่านั้น 4.4 ยังไม่สามารถทำงานร่วมกับ Script อื่นได้


4. Google Form Google Form เป็นส่วนหนึ่งในบริการของกลุ่ม Google Docs ที่ช่วยให้เราสร้าง แบบสอบถามออนไลน์ หรือใช้สำหรับ รวบรวมข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใน การใช้งาน Google Form ผู้ใช้สามารถนำไปปรับ ประยุกต์ใช้งาน ได้หลายรูปแบบอาทิ เช่น การทำ แบบฟอร์มสำรวจความคิดเห็น การทำแบบฟอร์มสำรวจความพึงพอใจ การทำแบบฟอร์ม ลงทะเบียน และการลงคะแนนเสียง เป็นต้น Google Form เป็นส่วนหนึ่งในบริการของกลุ่ม Google Docs ที่ช่วยให้เราสร้างแบบสอบถามออนไลน์ หรือใช้สำหรับ รวบรวมข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้อง เสียค่าใช้จ่าย ในการใช้งาน Google Form ผู้ใช้สามารถนำไปปรับ ประยุกต์ใช้งาน ได้หลายรูปแบบ อาทิ เช่น การทำแบบฟอร์มสำรวจความคิดเห็น การทำแบบฟอร์มสำรวจความพึงพอใจ การทำแบบฟอร์ม ลงทะเบียน และการลงคะแนนเสียง เป็นต้น ทั้งนี้การใช้งานกูเกิ้ลฟอร์มนั้น ผู้ใช้งานหรือผู้ที่จะสร้าง แบบฟอร์มจะต้องมีบัญชี ของ Gmail หรือ Account ของ Google เสียก่อน ผู้ใช้งานสามารถเข้าใช้งานสร้างแบบฟอร์มผ่าน Web Browser ได้เลย โดยที่ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม ใดๆ ทั้งสิ้น มารู้จักฟอร์มที่ใช้เก็บข้อมูลใน Google Form กันเถอะ ในการสร้างแบบสอบถามออนไลน์ ไม่ว่าเราจะใช้งาน Google Form ในงานเก็บข้อมูลรูปแบบไหน เก็บข้อมูลประเภท ใด Google Form สามารถตอบโจทย์ให้กับผู้สร้าง แบบสอบถามออนไลน์ได้ คุณสมบัติของ Google form 1. ช่วยสร้างแบบฟอร์มที่สวยงาม 2. ช่วยเก็บรวบรวมและจัดระเบียบข้อมูลทั้งขนาดใหญ่และเล็กด้วย โดยไม่มีค่าใช้จ่าย 3. ช่วยจัดระเบียบและวิเคราะห์ 4. ได้ข้อมูลจากการสำรวจความคิดเห็นได้อย่างรวดเร็ว 5. สามารถออกแบบการถามและตอบค าถามในสไตล์ของเรา เช่น การเลือกตอบแบบ ปรนัยไปจนถึงสเกลเชิงเส้น เพิ่มรูปภาพและวิดีโอ YouTube หรือจะทำให้ซับซ้อนยิ่งกว่านั้นด้วย ตรรกะการแตกหน้าย่อยและการข้ามคำถามก็สามารถทำได้ 6. สร้างหรือตอบแบบฟอร์มออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยแบบฟอร์มสามารถทำงาน ตอบสนองความต้องการของเรา การสร้าง แก้ไข และตอบกลับแบบฟอร์มจึงง่าย ทั้งในหน้าจอเล็ก และหน้าจอใหญ่ 7. ช่วยให้การตอบกลับแบบสำรวจของเรา หรือจะเป็นการจัดเก็บข้อมูลเป็นระเบียบ อยู่ ในแบบฟอร์มโดยอัตโนมัติ พร้อมข้อมูลการตอบกลับและแผนภูมิแบบเรียลไทม์ หรือนำข้อมูลที่ได้ไป ต่อยอดด้วยการดูทั้งหมดในกูเกิ้ลชีต


ตัวอย่างการใช้งาน Google Form สำรวจพึงพอใจลูกค้า - สร้างแบบประเมินความพึงพอใจลูกค้า สำรวจความต้องการลูกค้า - สร้างแบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูลความต้องการและความ คิดเห็นจากลูกค้า จัดงานและกิจกรรม - ใช้ Google Forms สำหรับรับสมัครงานหรืองานสัมมนา ออร์เดอร์สินค้า - สร้างฟอร์มสำหรับรับคำสั่งซื้อหรือแจ้งข้อมูลสินค้า ควบคุมคุณภาพ - สร้างแบบสอบถามประเมินพนักงานหรือบริการ รวบรวมข้อมูล - สำหรับทำงานวิจัยหรือเก็บข้อมูลสถิติในองค์กร Google Forms เป็น เครื่องมือที่มีประโยชน์หลากหลายสำหรับธุรกิจต่างๆ ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถรวบรวมข้อมูลและ ความคิดเห็นจากลูกค้า พนักงาน และคู่ค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งที่ต้องจัดเตรียมก่อนสร้าง Google form สิ่งที่ต้องจัดเตรียมก่อนสร้าง Google form คือ ข้อมูลของแบบฟอร์มต่าง ๆ ที่ผู้ใช้งาน ต้องการนำไป สอบถามออนไลน์ซึ่งในการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ จะขอยกตัวอย่างแบบฟอร์ม ของแบบประเมินความ พึงพอใจของผู้รับบริการวิชาการ (ภายใน) มาเป็นต้นแบบในการสร้าง แบบฟอร์มออนไลน์ ประโยชน์ของ Google Forms ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย การสร้างแบบฟอร์มออนไลน์ด้วย Google Forms นั้น ง่ายและรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องพิมพ์แบบฟอร์มกระดาษหรือจ้างพนักงานมาช่วยตอบคำถาม เข้าถึงผู้ตอบได้กว้างขวาง แบบฟอร์มออนไลน์สามารถส่งถึงผู้ตอบได้ทั่วโลก ผ่านอีเมล โซเชียลมีเดีย หรือลิงก์แบบแชร์ง่าย รวบรวมข้อมูลได้หลากหลาย Google Forms มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ รวมถึง คำถามแบบปรนัย คำถามแบบอัตนัย คำถามแบบเลือกหลายข้อ คำถามแบบเรียงลำดับความสำคัญ และคำถามแบบอื่นๆ อีกมากมาย ข้อควรระวังในการใช้งาน Google form ระวังการลืมลงชื่อออก(Log-out) เมื่อทำการลงชื่อเข้าใช้(Log-in) ในคอมพิวเตอร์หรือ อุปกรณ์สาธารณะเนื่องจาก Google Form ค่อนข้างสะดวกในการเช็คข้อมูล ซึ่งอาจทำให้บางครั้งเรา ต้องการเข้าไปดูความคืบหน้าว่าแบบสอบถามของเรามีคนตอบมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเราอาจจะใช้งาน ผ่านคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สาธารณะแล้วอาจลืมลงชื่อออก(Log-out)ได้ แล้วถ้าหากท่านใดที่ใช้ อีเมลหลักเป็นบัญชีเดียวกันแล้วด้วยนั้น ให้พึงระวังไว้เสมอว่าบัญชีที่ใช้ควรเก็บรักษาให้ดี เพราะหาก มีใครเข้าถึงบัญชีจากการที่เราเปิดดูฟอร์มทิ้งไว้ก็เท่ากับเค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลอีเมลของเราได้เช่นกัน


5. การสร้างเว็บไซต์ ความหมายและความสำคัญของเวิลด์ไวด์เว็บ เวิลด์ไวด์เว็บ (world wide web หรือ www) เป็นระบบเอกสารแบบหนึ่งที่ใช้ใน การแสดงข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต เว็บจึงเป็นแหล่งรวมเอกสารอิเล็กทรอนิกส์จากทั่วโลกเอกสารแต่ละ หน้าจะเรียกว่า เว็บเพจ (web page) ซึ่งเป็นรูปแบบของเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกดูบน จอคอมพิวเตอร์ในเว็บไซต์หนึ่งจะมีเว็บเพจหลายๆ หน้าเปรียบเสมือนกับหน้าหนังสือในหนึ่งเล่มที่ถูก แบ่งเป็นหน้า ๆ ส่วนจะมีกี่หน้านั้นก็จะขึ้นอยู่กับเนื้อหาของแต่ละเว็บไซต์นั้น สำหรับเว็บเพจหน้าแรก สุดของข้อมูลในเว็บไซต์หนึ่งเว็บไซต์เมื่อเราเปิดเว็บไซต์ขึ้นมาแล้วก็จะปรากฏเป็นหน้าเว็บเพจซึ่งใน เว็บเพจแต่ละหน้าประกอบไปด้วยข้อมูล รูปภาพ เสียง และวิดีโอ โดยเป็นข้อมูลแบบสื่อผสมหรือ มัลติมีเดียและอาจมีทั้งการเรียกดูเว็บเพจ (browse) ดึงข้อมูลลงมา (download) หรือส่งข้อมูลขึ้นไป (upload) ก็ได้เว็บเพจหน้าแรกของเว็บไซต์นี้เรียกว่า โฮมเพจ (home page) โดยในแต่ละหน้าจะมี การเชื่อมโยง หรือลิงค์(link) หรือที่เรียกเต็ม ๆ ว่าไฮเปอร์ลิงค์(hyperlink) ไปยังเว็บเพจหน้าต่างๆ ทั้งในเว็บไซต์เดียวกันและต่างเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้เราสามารถเรียกดูเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกันได้ โดยง่ายโดยใช้โปรแกรม browser เช่น internet explorer เช่น หากเราต้องการเรียกดูข้อมูลความ เคลื่อนไหวของนักฟุตบอลคนหนึ่ง ภายในนั้นอาจมีลิงค์ที่เชื่อมไปยังเว็บเพจอื่นที่มีข้อมูลเกี่ยวข้องกัน ซึ่งลิงค์นี้จะโยงไปถึงแหล่งข้อมูลอื่น ๆ บนอินเทอร์เน็ตที่ใดก็ได้ส่วนการตามลิงค์นั้น เพียงแค่เลื่อน ลูกศรเมาส์ไปตรงลิงค์จนกลายเป็นรูปมือ แสดงว่าให้คลิกได้เมื่อคลิกลงไป browser ก็จะไปเรียก เอกสารที่อ้างถึงในลิงค์นั้นมาแสดงทันที พรทิพย์โล่ห์เลขา (2540 : 3) กล่าวว่าเครือข่ายเวิลด์ไวด์เว็บ World Wide Web ปัจจุบันคนส่วนใหญ่นิยมเลือกใช้World Wide Web เนื่องจาก WWW เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราใช้ อินเทอร์เน็ตได้เกือบทุกเครื่อง ใช้งานง่ายสะดวกรวดเร็ว ทำให้ประหยัดเวลาเรา สามารถค้น รายละเอียดได้เกือบทุกเรื่อง สามารถใช้Web Browser เปิดข้อมูลที่เชื่อมโยงมาจากศูนย์บริการ เผยแพร่เอกสารที่จัดทำในรูปของเว็บเพจไปให้คนทั่วโลกได้ใช้โดยมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการตีพิมพ์บน กระดาษหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ประเภทอื่นๆ เจนวิทย์เหลืองอร่าม (2541 : 28) กล่าวถึงเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web) หรือ เรียกสั้นๆ ว่า WWW, W3 หรือ เว็บ (Web) ถือเป็นส่วนที่เกี่ยวกับการมองเห็น (Visual) ทั้งหมดของ อินเทอร์เน็ต เว็บเป็นส่วนที่เติบโตเร็วที่สุดของอินเทอร์เน็ต เนื่องจากใช้งานได้ง่ายมากในการค้นหา สารสนเทศต่าง ๆ มันเป็นพื้นฐานของการแสดงเว็บเพจ (Web page) ต่าง ๆ ทำให้เอกสารต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตสามารถแสดงเท็กซ์กราฟิก เสียง และวิดีโอ เว็บเพจจะเป็นตัวแทนตำแหน่งเดียวบน เว็บในแต่ละครั้งที่ท่านอยู่บนเว็บ ท่านจะเป็นได้เพียงหนึ่งเว็บเพจเท่านั้น


ประเภทของเว็บไซต์ (Website) เว็บไซต์สามารถแบ่งออกได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 8 ประเภทตามลักษณะของเนื้อหาและ รูปแบบของเว็บไซต์ กลุ่มเว็บทั้ง 8 ประเภท 1. เว็บท่า (Portal site) เว็บท่านั้นอาจเรียกอีกชื่อหนึ่งได้วาเว็บวาไรตี้(variety web) ซึ่งหมายถึงเว็บที่ให้บริการต่างๆ ไว้มากมาย มักประกอบไปด้วยบริการเครื่องมือค้นหา ที่รวบรวมลิงค์ ของเว็บไซต์ที่น่าสนใจไว้มากมายให้ได้ค้นหา รวมถึงบริการที่เกี่ยวกบเรื่องราวที่มีสาระและบันเทิง หลากหลายประเภท เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ดูดวง ท่องเที่ยว IT เกม สุขภาพ หรืออื่นๆ 2. เว็บข่าว (News site) เว็บข่าวมักเป็นเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นโดยองค์กรข่าวหรือสถาบัน สื่อสารมวลชนต่างๆ ที่มีสื่อมวลชนประเภทต่างๆ ของตนอยูเป็นหลัก เช่น สถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร หรือแม้กระทั่งกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ 3. เว็บข้อมูล (Information site) เว็บข้อมูลนั้นเป็นเว็บที่ให้บริการเกี่ยวกับการสืบค้น ข้อมูล ข่าวสาร หรือข้อเท็จจริงต่างๆ ตนเองขึ้นมา เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนหรือกลุ่มบุคคลที่ สนใจ ได้เข้ามาศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกบองค์กรของตนได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสในการ ประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจอันดีให้เกิดแก่ประชาชนในสังคมอีกด้วย 4. เว็บธุรกิจหรือการตลาด (Business/ Marketing site) เว็บธุรกิจหรือการตลาด เป็นเว็บไซต์ที่มักสร้างขึ้นโดยองค์กรธุรกิจต่างๆ มีจุดมุ่งหมายหลักในการประชาสัมพันธ์องค์กรและ เพิ่มผลกำไรทางการค้า โดยเนื้อหาส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดมักจะเป็นการนําเสนอที่มีความน่าสนใจ และตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดทั้งนี้เพื่อผลกาไรทางธุรกิจนั้นเอง ่ 5. เว็บการศึกษา (Education site) เว็บการศึกษามักเป็นเว็บที่สร้างขึ้นโดย สถาบันการศึกษาต่างๆ หรือองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีนโยบายในการเผยแพร่ความรู้ และให้ โอกาสในการค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมถึงประชาชนทั่วไป เว็บการศึกษาให้ข้อมูลเกี่ยวกบการเรียนรู้ทั้งแบบ ที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เว็บที่เกี่ยวกับ การศึกษาโดยตรงนั้น ได้แก่เว็บของสถาบันการศึกษา ห้องสมุด และเว็บที่ให้บริการการเรียนรู้แบบ ออนไลน์ที่เรียกวา่ อี-เลิร์นนิ่ง (E-learning) นอกจากนี้แล้วยังรวมถึงเว็บที่สอนหรือให้ความรู้เกี่ยวกบ เรื่องต่างๆ เช่น การทําเว็บ การทําอาหาร การถ่ายภาพ การเขียนโปรแกรม ฯลฯ 6. เว็บบันเทิง (Entertainment site) เว็บบันเทิงนั้นมุ่งเสนอและให้บริการต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความบันเทิง โดยทั่วไปอาจนําเสนอเรื่องราวเกี่ยวกบการบันเทิงทั่วไป เช่น ดนตรี ภาพยนตร์ ดารา กีฬา ความรัก บทกลอน การ์ตูน เรื่องขําขัน รวมถึงการให้บริการดาวน์โหลด โลโก และริงโทนสําหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่อีกด้วย เว็บประเภทนี้อาจมีรูปแบบที่เป็นอินเตอร์แอคทีฟที่ตื่นตา ตื่นใจ หรือใช้เทคโนโลยีมัลติมิเดียได้มากกวาเว็บประเภทอื่น ่


7. เว็บองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกําไร (None-profit organization site) เว็บประเภทนี้ มักจะเป็นเว็บที่สร้างขึ้นโดยกลุ่มบุคคลหรือองค์กรต่างๆ ที่มีนโยบายในการสร้างสรรค์ที่ช่วยเหลือ สังคมโดยที่ไม่หวังผลกาไรหรือค่าตอบแทน ซึ่งกลุ่มบุคคลหรือองค์กรเหล่านี้ได้แก่สมาคม ชมรม มูลนิธิ และโครงการต่างๆ โดยอาจมีจุดประสงค์เฉพาะที่แตกต่างกน เช่น เพื่อทําความดี สร้างสรรค์ สังคม พิทักษ์สิ่งแวดล้อม ปกป้องสิทธิมนุษยชน รณรงค์ไม่ให้สูบบุหรี่ หรืออาจรวมตัวกนเพื่อดูแล ผลประโยชน์ของสมาชิกในกลุ่ม 8. เว็บส่วนตัว (Personal site) เว็บส่วนตัวอาจเป็นเว็บของคนๆ เดียวเพื่อนฝูง หรือ ครอบครัวก็ได้ โดยอาจจัดทําขึ้นด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน เช่น แนะนํากลุ่มเพื่อน โชว์รูปภาพ แสดง ความคิดเห็น เขียนไดอารี่ประจําวัน นําเสนอผลงาน ถ่ายทอดประสบการณ์เกี่ยวกบสิ่งที่เชี่ยวชาญ หรือสนใจ โดยทั้งหมดนี้อาจทําเป็นเว็บไซต์หรือเป็นเพียงเว็บเพจหน้าเดียวก็ได้ 6. หลักการออกแบบเว็บไซต์ หลักการออกแบบเว็บไซต์ หมายถึง เว็บไซต์ที่ดีควรมีรูปแบบที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน จนเกินไป เพื่อให้ผู้ชมสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างสะดวกมากขึ้น และต้องไม่ใช้ตัวอักษรที่มีสีสันที่ดู แสบตาจนเกินไปความสม่ำเสมอ คือการเลือกใช้โทนสี และตกแต่งหรือแสดงผลต่างๆ ในเว็บไซต์เป็น รูปแบบที่น่าดึงดูดและน่าใช้งานยิ่งขึ้น ความเป็น เอกลักษณ์ การออกแบบเว็บไซต์เพื่อให้สามารถสื่อถึงจุดประสงค์ในการนำเสนอ เว็บได้ดี จะต้องมีการสร้างความเป็นเอกลักษณ์และจุดเด่นให้กับเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถสะท้อนถึง ลักษณะขององค์กรได้มากที่สุด โดยการสร้างเอกลักษณ์ดังกล่าวนั้น อาจใช้ชุดสี รูปภาพ ตัวอักษรหรือ กราฟิก นอกจากนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า เป็นเว็บไซต์แบบบทางการหรือไม่ เพื่อจะได้ออกแบบได้อย่าง เหมาะสมที่สุด เนื้อหา โดย เนื้อหาที่นำมาลงในเว็บไซต์ ควรเป็นเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกับเว็บ หรืออาจ เป็นเนื้อหาที่ได้สาระ ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ดี และที่สำคัญจะต้องมีความทันสมัยและสมบูรณ์ ระบบเนวิเกชัน ใช้ง่ายระบบเนวิเกชัน เป็นเสมือนป้ายบอกทางเพื่อให้ผู้ใช้งาน ไม่เกิดความ สับสนในขณะใช้งานเว็บไซต์ ซึ่งการออกแบบเนวิเกชันก็จะต้องเน้นที่ความเรียบง่าย ใช้งานสะดวก และมีความเข้าใจได้ง่าย คุณภาพของเว็บไซต์ เว็บไซต์ที่ดีจะต้องมีคุณภาพ ทั้งสิ่งที่ปรากฏให้เห็นบนเว็บไซต์ ไม่ว่าจะ เป็นกราฟิก ชนิดตัวอักษร รูปภาพหรือสีสันที่ใช้ เนื้อหาที่นำมาแสดงผล ซึ่งหากเว็บไซต์มีคุณภาพก็จะ สร้างความน่าเชื่อถือ และเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เกิดความสนใจได้ดี เพราะฉะนั้นห้ามละเลย ในส่วนของคุณภาพเด็ดขาด


ประโยชน์ที่จะได้รับการทำเว็บไซต์ ประโยชน์ของการทำเว็บไซต์ ไม่ใช่เพียงมีแต่ประโยชน์ในการนำเสนอข้อมูล ให้กับ ผู้ใช้งาน แต่ยังมีประโยชน์อีกมากมาย ได้แก่การศึกษาความรู้จากเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล และได้ช่องทางการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล 7. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ปาณิสรา สิงหพงษ์ (2562 : 61) การจัดการเรียนรู้ผ่านบทเรียนออนไลน์ด้วยโปรแกรม Google Site เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาโครงงานคอมพิวเตอร์(ง31231) ของ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสายปัญญารังสิต ผลการวิจัย พบว่า 1. การสร้างบทเรียน ออนไลน์มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 91.60/88.65 สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้และสูงกว่า เกณฑ์ที่กำหนด ไว้(80/80) 2) การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังการเรียนรู้ จากบทเรียน ออนไลน์ด้วยโปรแกรม Google Site รายวิชาโครงงานคอมพิวเตอร์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสาย ปัญญารังสิต กับเกณฑ์ร้อยละ 70 พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าเกณฑ์ร้อย ละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของ นักเรียนที่มีต่อการ จัดการเรียนรู้ผ่านบทเรียนออนไลน์ด้วยโปรแกรม Google Site ด้านภาพรวม พบว่า มีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก ( x = 4.29, S.D.=0.52) บุญญานี เพชรสีเงิน (2560: บทคัดย่อ) สร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ผ่านเว็บด้วย Google Site รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และแบบสำรวจพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อบทเรียน คอมพิวเตอร์ผ่านเว็บด้วย Google Sites 010รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สถิติที่ใช้ ในการ วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( x ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบสมมติฐาน โดยใช้สถิติทดสอบ Pair sample t-test ผลการวิจัย พบว่า ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนในรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหลังได้รับการจัดการเรียนรู้สูงกว่าก่อนการ จัดการเรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการพัฒนา บทเรียนคอมพิวเตอร์ผ่านเว็บด้วยGoogle Site รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ผ่านเว็บ ด้วย Google Site รายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เว็บไซต์มีความน่าสนใจและน่า เรียนรู้อยู่ในระดับมากที่สุด ( x = 4.60) รองลงมา คือ สื่อเสริมสร้างความเข้าใจในบทเรียนอยู่ในระดับ มาก ( x = 4.40) และมีความ สนุกสนานระหว่างในการชมเว็บไซต์อยู่ในระดับมาก ( x = 4.30)


ลักษ์ณภา แก้วค าแจ้ง (2562 : 65) การพัฒนาบทเรียนผ่านเว็บ โดยใช้การเรียนรู้แบบ โครงงาน เป็นฐาน เรื่อง การสร้างเว็บเพจ ด้วยภาษา HTML สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลการวิจัย เรื่อง พัฒนาบทเรียนผ่านเว็บ โดยใช้การเรียนรู้แบบโครงงานเป็น ฐาน เรื่องการสร้างเว็บเพจด้วยภาษา HTML สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปรากฏว่าบทเรียน ผ่านเว็บ โดยใช้การเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน เรื่องการสร้างเว็บเพจด้วยภาษา HTML มีประสิทธิภาพ 90.09/ 92.00 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้90/ 90 2) ผลการเปรียบเทียบ คะแนนจากการทดสอบ ก่อนและหลังเรียนของนักเรียน ที่เรียนผ่านเว็บ โดยใช้การเรียนรู้แบบ โครงงานเป็นฐาน เรื่อง การสร้างเว็บเพจด้วยภาษา HTML สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปรากฏว่า คะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อน เรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตาม สมมติฐานที่ตั้งไว้ผลการศึกษาความคิดเห็น ของผู้เรียน ที่มีต่อบทเรียนผ่านเว็บ โดยใช้การเรียนรู้แบบ โครงงานเป็นฐาน เรื่องการสร้างเว็บเพจด้วย ภาษา HTML สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปรากฏว่า ผู้เรียนมีทัศนะทางบวกอยู่ในระดับมาก มะลิ จรรยากรณ์ (2563 : 68) การพัฒนาห้องเรียนดิจิทัลด้วย Google Sites รายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ รหัสวิชา 30001-2001 ผลการวิจัย พบว่า 1) ประสิทธิภาพ ของห้องเรียนดิจิทัลด้วย Google Sites รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการ จัดการอาชีพ รหัสวิชา 30001-2001 พบว่ามีประสิทธิภาพโดยรวมเท่ากับ 82.75/81.11 ซึ่ง ผ่านเกณฑ์ประสิทธิภาพที่ตั้งไว้ที่ ระดับ 80/80 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักศึกษาที่ เรียนโดยใช้ห้องเรียนดิจิทัลด้วย Google Sites มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 3) ความพึงพอใจของนักศึกษาที่เรียนรู้โดยใช้ห้องเรียนดิจิทัล ด้วย Google Site โดยมีค่าเฉลี่ยผล การประเมินรวมทั้งต่อการใช้ห้องเรียนดิจิทัลด้วย Google Site โดยภาพรวม อยู่ระดับมาก ค่าเฉลี่ย 4.40 มะลิ จรรยากรณ์ (2563 : 68) การพัฒนาห้องเรียนดิจิทัลด้วย Google Sites รายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการจัดการอาชีพ รหัสวิชา 30001-2001 ผลการวิจัย พบว่า 1) ประสิทธิภาพ ของห้องเรียนดิจิทัลด้วย Google Sites รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อ การจัดการอาชีพ รหัสวิชา 30001-2001 พบว่า มีประสิทธิภาพโดยรวม เท่ากับ 82.75/81.11 ซึ่งผ่าน เกณฑ์ประสิทธิภาพที่ตั้งไว้ที่ ระดับ 80/80 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักศึกษาที่เรียน โดยใช้ห้องเรียนดิจิทัลด้วย Google Sites มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 3) ความพึงพอใจของนักศึกษาที่เรียนรู้โดยใช้ห้องเรียนดิจิทัลด้วย Google Site โดยมีค่าเฉลี่ยผล การประเมินรวมทั้งต่อการใช้ห้องเรียนดิจิทัลด้วย Google Site โดย ภาพรวม อยู่ระดับมาก ค่าเฉลี่ย 4.40


กาญจนา จันทร์สิงห์ และรุ่งรุจี ศรีดาเดช (2563 : 48) ได้ศึกษาความพึงพอใจของ ผู้ใช้บริการที่มีต่อการบริการของสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร ผลการวิจัยพบว่า ผู้ใช้บริการมีความพึงพอใจคิดเป็นร้อยละ 96.40 โดยภาครวมผู้ใช้บริการมีความพึง พอใจในระดับมาก เมื่อจำแนกตามรายด้าน พบว่า ด้านสถานที่ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ความเหมาะสมการจัดบรรยากาศ และความสะอาด ด้านบุคลากร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ได้แก่ บุคลากรมีความพร้อมในการให้บริการ และบุคลากรมีเพียงพอสำหรับบริการ ด้านทรัพยากร สารสนเทศ โดยรวมอยู่ในระดับมาก ได้แก่ จำนวนและความทันสมัยของเนื้อหา คือ หนังสือ รองลงมา คือวารสาร และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และด้านขั้นตอนและคุณภาพการให้บริการสารสนเทศ โดยรวมอยู่ ในระดับมาก ได้แก่ บริการสืบค้น และบริการตอบค าถามช่วยการค้นคว้า สำหรับปัญหาผู้ใช้บริการ ได้เสนอแนะให้ขยายเวลาในการให้บริการ บุคลากรผู้ให้บริการควรปรับปรุงบุคลิกภาพและมีมนุษย์ สัมพันธ์กับ ผู้ใช้บริการ และควรเพิ่มจุดบริการน้ำดื่ม Thomas (2020 : 1) กล่าวว่า การจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นส่วนหนึ่งของการ เรียนรู้ เชิงค้นคว้า เน้นให้นักเรียนสนใจในปัญหาหรือคำถามที่จะผลักดันให้เข้าถึงแก่นของแนวคิด หรือหลักการทำให้นักเรียนรู้จักการค้นคว้าและสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยตนเอง English and Kitsantas (2018 : 130) กล่าวว่า การจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน ก็เหมือนกับเป็นการกำหนดวิถีแนวทางในการแก้ปัญหาให้นักเรียนได้เรียนรู้จักการแก้ปัญหาได้สะดวก นั่นคือศูนย์รวมของปัญหาไม่ได้มีทางแก้ไขเพียงวิธีเดียว Kubiatko and Vaculova (2018 : 66) กล่าวว่า การจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน จุดประสงค์หลัก คือ การกระตุ้นเชื่อมโยงนักเรียนเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้นี้เป็น บทบาทใหม่ที่ ครูจะต้องสร้างสถานการณ์ที่เป็นปัญหาเพื่อให้นักเรียนเกิดความสงสัยสถานการณ์ โครงงานอาจจะไม่มีรายละเอียดมากนักและรูปแบบสุดท้ายออกมาคือนักเรียนต้องทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดผลงานที่ สร้างสรรค์


บทที่ 3 วิธีการดำเนินงานการวิจัย การพัฒนาเว็บไซต์คอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัลของแผนกคอมพิวเตอร์ ธุรกิจ วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาความพึงพอใจและพัฒนาเว็บไซต์แผนก วิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล ผู้จัดทำได้นำเนื้อหาที่ได้รับจากการศึกษาค้นคว้า และเก็บข้อมูลไปปรับปรุงพัฒนาให้สอดคล้องกับแนวทางของตนเอง ทางคณะผู้จัดทำได้ดำเนินการ และปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้ 1. ประชากรตัวอย่าง 2. ขั้นตอนการดำเนินงาน 3. แผนผังการทำงาน 4. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล 5. ขั้นตอนในการสร้างแบบสอบถาม 6. การวิเคราะห์ข้อมูล 7. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประชากรตัวอย่าง 1. ให้ประชากรเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา จำนวน 100 คน (ระดับ ปวช.1-ปวส.1) 2. กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียน นักศึกษาแผนกวิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์โดยใช้แบบสอบถาม ได้แก่ นักศึกษา ปวช.1 จำนวน 22 คน นักศึกษา ปวช.2 จำนวน 17 คน นักศึกษา ปวช.3 จำนวน 27 คนและนักศึกษาปวส.1 จำนวน 14 คน รวมทั้งหมด 80 คนโดยใช้ตางกำหนดกลุ่มตัวอย่างเครซี่มอร์แกน ขั้นตอนการดำเนินงาน 1. วิเคราะห์และจัดโครงสร้างข้อมูลนำข้อมูลที่ได้มาเก็บรวบรวมเนื้อหาและนำมาวิเคราะห์ รวมกันและนำข้อมูลที่ได้มาจัดทำโครงสร้างข้อมูลเพื่อสร้างเป็นเว็บไซต์แนะนำแผนกวิชาคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล 2. ศึกษาความต้องการทราบของคนที่สนใจศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับแผนกวิชา คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล


3. กำหนดเป้าหมายและวางแผนกำหนดระยะเวลาในการดำเนินโครงการในแต่ละสัปดาห์ วางแผนโดยการสร้างสตอรี่บอร์ดแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบออกเป็น 3 ส่วน คือ 3.1 การจัดทำเว็บไซต์ 3.2 การเก็บรวบรวมข้อมูล 3.3 การจัดทำรูปเล่ม 4. การสร้างเครื่องมือ 4.1 สร้างแบบสำรวจ 4.2 สร้างเว็บไซต์


ภาพที่ 1 แผนผังการทำงาน แผนผังการทำงาน เริ่มต้น วางแผนดำเนินงาน ทำการศึกษาค้นหาข้อมูล ทำสตอรี่บอร์ด จัดทำเว็บไซต์ ปรับปรุง ตรวจสอบ ไม่ผ่าน ผ่าน นำไปเผยแพร่ เก็บข้อมูลความพึงพอใจ วิเคราะห์และสรุปผล จบการทำงาน


ภาพที่ 2 แผนผังการทำงาน แผนผังการทำงาน ภาณุพงศ์ ทำการศึกษาค้นคว้าขอมูล วรวัฒน์ ทำสตอรี่บอร์ด ภาณุพงศ์ รวบรวมข้อมูล ภาณุพงศ์ ตรวจสอบ ภาณุพงศ์ เก็บข้อมูล ภาณุพงศ์ เครื่องมือการสร้างเว็บไซต์ ภาณุพงศ์ หารูปแบบเว็บไซต์ บันทึกเว็บไชต์


เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนนักศึกษา โดยแบบสอบถามดังกล่าว แบ่งออกเป็น 3 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 สอบถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 สอบถามเกี่ยวกับความพึงพอใจในการจัดทำเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัลวิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะ 00ในลักษณะแบบสอบถาม เป็นแบบสอบถามชนิดประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) ดังนี้ 5 หมายถึง มีความพึงพอใจมากที่สุด 4 หมายถึง มีความพึงพอใจมาก 3 หมายถึง มีความพึงพอใจปานกลาง 2 หมายถึง มีความพึงพอใจน้อย 1 หมายถึง มีความพึงพอใจน้อยที่สุด ขั้นตอนในการสร้างแบบสอบถาม 1. กำหนดวัตถุประสงค์หรือคำถามในการสร้างแบบสอบถาม หัวข้อหลักในด้านต่างๆ และ หัวข้อย่อย 2. สร้างแบบสอบถาม นำเสนอคณะกรรมการที่ปรึกษาโครงการเพื่อพิจารณา ตรวจสอบ แก้ไข ปรับปรุงให้ถูกต้องและเหมะสม 3. นำแบบสอบถามที่ปรุบปรุงแล้วเสนอต่อคณะกรรมการที่ปรึกษาโครงการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ในการสอบโครงการ เพื่อหาค่า IOC โดยมีรายนามดังนี้ 3.1 นางสาวณปภัช ไชยศรีสังข์ ครูผู้สอนแผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ 3.2 นายกัณฑ์อเนก โอภาษ ครูผู้สอนแผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ 3.3 นายสุวินัย ศรีเรือง ครูผู้สอนแผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ


4. เมื่อแบบสอบถามผ่านการหาค่า IOC จากคณะกรรมการที่ปรึกษาโครงการแล้วนำ แบบสอบถามนี้จัดพิมพ์ฉบับสมบูรณ์เพื่อใช้ในการเก็บข้อมูลต่อไป เกณฑ์การให้คะแนนความคิดเห็นมี ดังนี้ +1 หมายถึง ผู้ประเมินมีความเข้าใจในคำถาม 0 หมายถึง ผู้ประเมินไม่แน่ใจในคำถาม -1 หมายถึง ผู้ประเมินไม่เข้าใจคำถาม การวิเคราะห์ข้อมูล หาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของแบบสอบถามจำนวน 80 ฉบับที่ทางคณะ ผู้จัดทำโครงการได้ทำการแจกจ่ายให้กับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 80 คนได้แก่นักเรียน/นักศึกษา ในระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ ปวช.1 – 3 และ ปวส.1 ของวิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ โดยใช้โปรแกรม Microsoft Excel โดยการนำแบบสอบถามที่ส่งกลับมาให้ทางคณะผู้จัดทำโครงการ เพื่อนำไปหาค่าเฉลี่ยและนำข้อมูลมาสรุปผล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูลในครั้งนี้ คณะผู้จัดทำได้ใช้วิธีทางสถิติ ได้แก่ 1. ร้อยละ (Percentage) เป็นค่าสถิติที่นิยมใช้กันอย่างมาก โดยการเปรียบเทียบ ความถี่ หรือจำนวนที่ต้องการกับความถี่หรือจำนวนทั้งหมดที่เทียบเป็น 100 จะหาค่าร้อยละจากสูตร ต่อไปนี้ เมื่อ P แทน ค่าร้อยละ f แทน ความถี่ที่ต้องการแปลงให้เป็นค่าร้อยละ N แทน จำนวนความถี่ทั้งหมด ค่าร้อยละจะแสดงความหมายของค่าและสามารถนำค่าที่ได้ไปเปรียบเทียบได้ 100 N f p


2.ค่าเฉลี่ย (Mean) หรือเรียกว่าค่ากลางเลขคณิต ค่าเฉลี่ย ค่ามัชฌิมเลขคณิต เป็นต้น x = ∑ เมื่อ x แทน ค่าเฉลี่ย X แทน ผลรวมของคะแนน N แทน จำนวนของคะแนน 3. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) เป็นการวัดการกระจายที่นิยมใช้กัน มากเขียนแทนด้วย S.D. S.D. = (X - X) 2 n – 1 เมื่อ S.D. แทน ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน X แทน ค่าคะแนน n แทน จำนวนคะแนน แทน ผลรวม


บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การจัดทำการพัฒนาเว็บไซต์คอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการ อาชีพพระสมุทรเจดีย์ โดยใช้โปรแกรม Google Sites เพื่อศึกษาความพึงพอใจของ นักเรียน นักศึกษา แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัลของวิทยาลัยการอาชีพพระสมุทร เจดีย์จำนวน 80 คน ทำให้ได้ผลตามลำดับดังนี้ 1. สัญลักษณ์ในการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 2. ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูล 3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล มีรายละเอียดดังนี้ สัญลักษณ์ในการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ศึกษาได้กำหนดสัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล x̄ แทน คะแนนเฉลี่ย (Mean) S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) หาร้อยละเพื่อเปรียบเทียบความถี่ หรือจำนวนที่ต้องการกับความถี่หรือจำนวนทั้งหมดที่ เปรียบเทียบเป็น 100 ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้ คณะผู้จัดทำได้เก็บรวบรวมข้อมูลตามประชากรกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียน – นักศึกษาจำนวน 80 คน โดยกลุ่มตัวอย่างคือนักเรียน วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทร เจดีย์ แผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล จำนวน 80 คน คน โดยใช้ตารางเครซี่มอร์ แกนกำหนดกลุ่มตัวอย่าง คณะผู้จัดทำได้คำนวน 80 ฉบับ มาทำการวิเคราะห์คิดเป็นร้อยละ 100 โดย มีลำดับขั้นตอนการดำเนินงานดังนี้ 1. แบบสอบถามตอนที่ 1 นำข้อมูลเกี่ยวกับสภาพข้อมูลทั่วไปของผู้กรอกแบบสอบถาม มาทดสอบ โดยการิเคราะห์หาค่าร้อยละและแสดงจำนวนของแบบสอบถาม 2. แบบสอบถามตอนที่ 2 นำข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ มาทำการหาค่าเฉลี่ย และค่า เบี่ยงเบน มาตรฐาน


3. แบบสอบถามตอนที่ 3 นำข้อเสนอแนะนำทำการวิเคราะห์ 4. การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติได้วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม Microsoft Excel ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่ 1 นำข้อมูลกับสภาพข้อมูลทั่วไปของผู้กรอกแบบสอบถามมาทดสอบโดยวิเคราะห์ หาค่าร้อยละแสดงจำนวนของแบบสอบถาม ตารางที่ 1 จำแนกร้อยละของสภาพทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง จำแนกตาม เพศ เพศ จำนวน (คน) ร้อยละ (%) ชาย 30 32.5% หญิง 50 62.5% รวม 80 100 จากตารางที่ 1 พบว่าสถานภาพทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง นักเรียน-นักศึกษา จำแนกตาม เพศ จากกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น จำนวน 80 คน เพศชาย จำนวน 30 คน คิดเป็นร้อยละ 32.5 เพศหญิง 50 คน คิดเป็นร้อยละ 62.5 ตารางที่ 2 สถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามแผนกสาขาวิชา สาขาวิชา จำนวน (คน) ร้อยละ (%) คอมพิวเตอร์ธุรกิจ 66 82.5% เทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล 14 17.5% อื่นๆ 0 0% รวม 80 100 จากตารางที่ 2 สถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามแผนกสาขาวิชา กลุ่มตัวอย่างจำนวน 80 คน ที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้ พบว่าแผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ จำนวน 66 คน คิดเป็นร้อยละ 82.5 และเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล จำนวน 14 คิดเป็นร้อยละ 17.5


ตารางที่ 3 สถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามระดับชั้น ระดับชั้น จำนวน (คน) ร้อยละ (%) ปวช.1 22 27.5% ปวช.2 17 21.3% ปวช.3 27 33.8% ปวส.1 14 17.5% รวม 80 100 จากตารางที่ 3 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามจากทั้งหมด 80 คนระดับชั้น ปวส.1 จำนวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 17.5 ปวช.3 จำนวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 33.8 ระดับชั้น ปวช.2 จำนวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 21.3 ระดับชั้น ปวช.1 จำนวน 22 คน คิดเป็นร้อยละ 27.5


ตอนที่ 2 คิดเห็นเกี่ยวกับความพึงพอใจ ตารางที่ 4 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและระดับความพึงพอใจของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อ การพัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพ พระสมุทรเจดีย์โดยใช้โปรแกรม Google Sites รายการ x̄ S.D. ความหมาย 1. ความสะดวกในการใช้งานเว็บไซต์ 4.61 0.60 มาก 2. รูปแบบของเว็บไซต์มีความน่าสนใจ 4.22 0.67 มาก 3. ค้นหาเนื้อหาข้อมูลภายในได้ง่าย 4.30 0.71 มาก 4. ความเหมาะสมของตัวอักษรที่ใช้ ขนาด สี ชัดเจน 4.33 0.67 มาก 5. การจัดตำแหน่งเนื้อหาของเว็บไซต์ 4.26 0.70 มาก 6. ความเหมาะสมของการเรียงลำดับเนื้อหา 4.35 0.71 มาก 7. รูปแบบในการนำเสนอมีความน่าสนใจ 4.36 0.67 มาก 8. มีเนื้อหาข้อมูลที่น่าสนใจและเข้าใจง่าย 4.36 0.60 มาก 9. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและ เทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล 4.26 0.67 มาก 10. สามารถนำความรู้มาใช้ในชีวิตประจำวันได้ 4.47 0.67 มาก 11. ได้ช่องทางการค้นหาข้อมูลวิชาแผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจและ เทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล 4.51 0.57 มาก รวม 4.36 0.11 มาก


จากตาราง 4 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจ โดยภาพรวมอยู่ในระดับอยู่ใน ระดับพอใจมาก x̄= 4.36 และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับได้แก่ ความสะดวกในการใช้งานเว็บไซต์ x̄= 4.61 มีความพึงพอใจในระดับมาก ได้ช่องทางการค้นหา ข้อมูลวิชาแผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล x̄= 4.51 มีความพึงพอใจในระดับมา สามารถนำความรู้มาใช้ในชีวิตประจำวันได้x̄= 4.47 มีความพึงพอใจในระดับมาก สรุปผลผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการพัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชา คอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์โดยใช้โปรแกรม Google Sites โดยรวมอยู่ในระดับความพึงพอใจในระดับมาก ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะของผู้ตอบแบบสอบถาม 1. เนื้อหาความรู้ภายในเว็บไซต์น้อย 2. รูปแบบเว็บไซต์ขาดความน่าดึงดูด


บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การพัฒนาเว็บไซต์คอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัลของแผนกคอมพิวเตอร์ ธุรกิจ วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ โดยใช้โปรแกรม Google Sites มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา ความพึงพอใจต่อเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล และนำข้อเสนอแนะ ต่างๆมาปรับปรุงการพัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล เครื่องมือที่ใช้ในโครงการครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามที่ผู้จัดทำสร้างขึ้นเพื่อสอบถาม ความพึง พอใจของนักเรียน นักศึกษา จำนวน 80 คน ที่มีต่อการพัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์โดยใช้โปรแกรม Google Sites ทั้ง 3 ด้านคือ ด้านความพึงพอใจต่อการใช้งานเว็บไซต์ ด้านการออกแบบและด้านการนำเสนอและ ด้านประโยชน์ที่ได้รับจากเว็บไซต์ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนนักศึกษา โดยแบบสอบถามดังกล่าว แบ่งออกเป็น 3 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 สอบถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 สอบถามเกี่ยวกับความพึงพอใจในการพัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะ ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้ คณะผู้จัดทำได้เกก็บรวบรวมข้อมูลตามประชากรกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียน – นักศึกษาจำนวน 80 คน โดยกลุ่มตัวอย่าง โดยกลุ่มตัวอย่างนักเรียน วิทยาลัยการ อาชีพพระสมุทรเจดีย์ แผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล จำนวน 80 คน คน โดยใช้ ตารางเครซี่มอร์แกนกำหนดกลุ่มตัวอย่าง คณะผู้จัดทำได้คำนวนแบบสอบถาม 80 ฉบับ มาทำการ วิเคราะห์คิดเป็นร้อยละ 100 โดยมีลำดับขั้นตอนการดำเนินงานดังนี้ 1. แบบสอบถามตอนที่ 1 นำข้อมูลเกี่ยวกับสภาพข้อมูลทั่วไปของผู้กรอกแบบสอบถามมา ทดสอบ โดยการวิเคราะห์หาค่าร้อยละและแสดงจำนวนของแบบสอบถาม


2. แบบสอบถามตอนที่ 2 นำข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัลมาทำการหาค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน 3. แบบสอบถามตอนที่ 3 นำข้อเสนอแนะนำทำการวิเคราะห์ 4. การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติได้วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม Microsoft Excel การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยนำแบบสอบถามจำนวน 80 ชุด ส่งให้กับกลุ่ม ตัวอย่างซึ่งเป็นนักเรียน นักศึกษา ในแผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ จำนวน 80 คน ใช้เวลาในการแจกแบบสอบถามและเก็บรวบรวม คืนเป็นระยะเวลา 1-3 วัน ได้กลับคืนมา 80 ชุดคิดเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ การวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยทำการวิเคราะห์ข้อมูลและประมวลผลด้วยโปรแกรม Microsoft Excel โดยหาค่า x̄และ S.D. (Standard Deviation) ดังนี้ ส่วนที่ 1 วิเคราะห์เกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามโดยเสนอข้อมูลเป็นร้อยละ ส่วนที่ 2 วิเคราะห์ความพึงใจของนักเรียน นักศึกษา จำนวน 80 คน ส่วนที่ 3 ข้อเสนอแนะ สรุปผลการวิจัย ผลการวิเคราะห์ข้อมูลในการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน นักศึกษา ของแผนกวิชา คอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ จำนวน 80 คน เป็น เพศชาย จำนวน 30 คน เพศหญิง จำนวน 50 คน คิดเป็นร้อย ของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกแผนก วิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล กลุ่มตัวอย่างจำนวน 80 คน ทำการวิเคราะห์ข้อมูล ครั้งนี้พบว่า นักเรียน นักศึกษา จากแผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ 56 คน และเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล จำนวน 14 คน รวมทั้งหมดเป็น 80 คน ผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจ ภาพรวมอยู่ในระดับอยู่ในระดับพอใจมาก x̄= 4.36 และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับได้แก่ ความสะดวกในการใช้งาน เว็บไซต์ x̄= 4.61 มีความพึงพอใจในระดับมาก ได้ช่องทางการค้นหาข้อมูลวิชาแผนกคอมพิวเตอร์


ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล x̄ = 4.51 มีความพึงพอใจในระดับมาสามารถนำความรู้มาใช้ใน ชีวิตประจำวันได้x̄= 4.47 มีความพึงพอใจในระดับมาก สรุปผลผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการพัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชา คอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์โดยใช้โปรแกรม Google Sites โดยรวมอยู่ในระดับมาก ข้อเสนอแนะจากผู้ตอบแบบสอบถาม ข้อเสนอแนะ จากการตอบแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้ที่ตอบแบบสอบถามโครงการ พัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล ผู้ตอบแบบสอบถามมีความ คิดเห็นว่า อยากให้มีเนื้อหาให้มากกว่านี้ การอภิปรายผล จากการวิจัยที่สรุปตามลำดับขั้นตอนนั้น ผู้วิจัยได้นำมาอภิปรายผลดังต่อไปนี้ผู้ตอบ แบบสอบถามส่วนใหญ่มีความพึงพอใจ ต่อการพัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและ เทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์โดยใช้โปรแกรม Google Sites โดยรวมอยู่ ในระดับ ความพึงพอใจในระดับพอใจมาก


บรรณานุกรม


บรรณานุกรม ปิฎิพันธ์ อักษรพิมพ์และวิษณุ ยุติธร. สิ่งประดิษฐ์หน้ากากอนามัยไร้สาย. สมุทรปราการ : วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์, 2564. สุดใจ เกตุเดชา. การวิจัยเบื้องต้น. นนทบุรี : บริษัท ศูนย์หนังสือ เมืองไทย จำกัด, 2563. นายอภิมุข ตาอุด การพัฒนาเว็บไซต์เพื่อการศึกษา. ศรีสะเกษ : โรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์, 2563. วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์. เข้าถึงได้จาก http://www.prasamutjd.ac.th สืบค้นวันที่ 15 มกราคม 2567. ความหมายของเว็บไซต์. เข้าถึงได้จาก https://www.webmaster.or.th/website สืบค้นวันที่ 15 มกราคม 2567. ความหมายของ Google Sites. เข้าถึงได้จาก https://a-techbanchang.aksorn.ac.th สืบค้นวันที่ 15 มกราคม 2567. ความหมายของ Google Form. เข้าถึงได้จาก https://workspace.technologyland.co สืบค้นวันที่ 15 มกราคม 2567. ความหมายของเว็บไซต์. เข้าถึงได้จาก https://www.yupparaj.ac.th/thanphisit สืบค้นวันที่ 15 มกราคม 2567.


ภาคผนวก


ภาคผนวก ก ภาพประกอบชิ้นงาน


โครงการเรื่อง การพัฒนาเว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจและเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัย การอาชีพพระสมุทรเจดีย์ โดยใช้โปรแกรม Google Sites ภาพที่ 3 สถานภาพทั่วไปของผู้กรอกแบบสอบถาม จำแนกตามแผนก ภาพที่ 4 สถานภาพทั่วไปของผู้กรอกแบบสอบถาม จำแนกตามเพศ


ภาพที่ 5 สถานภาพทั่วไปของผู้กรอกแบบสอบถาม จำแนกตามระดับการศึกษา ภาพที่ 6 การคิดคำนวณค่า S.D. และ x̄


ภาพที่ 7 เว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจฯ หน้าหลัก ภาพที่ 8 เว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจฯ หน้าประชาสัมพันธ์


ภาพที่ 9 เว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจฯ หน้าข้อมูลวิทยาลัย ภาพที่ 10 แผนที่วิทยาลัยและส่วนล่างของเว็บไซต์


ภาพที่ 11 เว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจฯ ครูผู้สอนแผนกวิชาคอมพิวเตอร์ ภาพที่ 12 เว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจฯ หน้าสมัครเรียน


ภาพที่ 13 เว็บไซต์แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจฯ หน้าหลักสูตรในแผนกคอมพิวเตอร์


ภาคผนวก ข แบบสอบถามความพึงพอใจ


Click to View FlipBook Version