วิจัยในชั้นเรียน เรื่อง ศึกษาผลการใช้แบบฝึกเพื่อพัฒนาทักษะการเสิร์ฟ วอลเลย์บอลมือล่างในรายวิชาพลศึกษา (กีฬาวอลเลย์บอล) ส าหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยา ส านักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 24จังหวัดพะเยา นาย ณัฐพล หอมดอก ต าแหน่ง ครูผู้ช่วย
วิจัยในชั้นเรียน เรื่อง พัฒนาทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่าง ในรายวิชาพลศึกษา (กีฬาวอลเลย์บอล) โดยใช้แบบฝึกทักษะสำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยา โดย นาย ณัฐพล หอมดอก ตำแหน่งครูผู้ช่วย โรงเรียนราชประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยา สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
บทที่ 1 บทนำ ที่มาและความสำคัญ ปัจจุบันโรงเรียนราชประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยาได้จัดการเรียนการสอนวิชา วอลเลย์บอลในรายวิชาพลศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งหลังจากผู้วิจัยได้สอนแล้วนั้น พบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 ส่วนใหญ่มีปัญหาทางด้านทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่าง ในกีฬาวอลเลย์บอล ซึ่งทักษะดังกล่าวเป็นทักษะที่ผู้เรียนจะต้องเรียนและยังเป็นทักษะที่สามารถ นำไปประยุกต์ใช่ในทักษะอื่นๆ และนำไปใช้ในการเล่นทีมอีกด้วยจากปัญหาดังกล่าวผู้วิจัยจึงได้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักเรียนถึงสาเหตุที่นักเรียนไม่สามารถปฏิบัติทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอล มือล่างได้คือ นักเรียนไม่มีความถนัดในการเล่นวอลเลย์บอล นักเรียนไม่เคยเรียนทักษะพื้นฐานในการเล่น วอลเลย์บอลมาก่อนและนักเรียนไม่เคยฝึกซ้อมตามแบบฝึกที่ถูกต้อง เนื่องจากทักษะการเสิร์ฟ วอลเลย์บอลในกีฬาวอลเลย์บอลเป็นทักษะที่ซับซ้อน เป็นการทำงานที่ต้องอาศัยความสัมพันธ์ระหว่าง ประสาทกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ เช่น ประสาทตากับการเคลื่อนไหวที่จะทำให้การเสิร์ฟ วอลเลย์บอลประสบความสำเร็จ ซึ่งถ้าไม่แก้ปัญหาในทักษะนี้นักเรียนจะไม่สามารถพัฒนาในทักษะ ต่อไปได้และยังส่งผลไปยังการเรียนการสอนวิชาพลศึกษาในระดับพื้นฐาน ผู้วิจัยจึงคิดค้นวิธีการ พัฒนาทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลให้กับผู้เรียนโดยหวังว่าแบบฝึกทักษะการเสิร์ฟที่คิดค้นขึ้นจะ พัฒนาให้ผู้เรียนปฏิบัติทักษะการการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างนั้นดีกว่าเดิม จากปัญหาดังกล่าวจึงทำให้ผู้วิจัยสนใจพัฒนาทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างในรายวิชา พลศึกษา (กีฬาวอลเลย์บอล) โดยใช้แบบฝึกทักษะสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยาและทางผู้วิจัยหวังว่าการใช้แบบฝึกทักษะการเสิร์ฟ วอลเลย์บอลมือล่างในกีฬาวอลเลย์บอลในข้างต้นนี้จะช่วยพัฒนาทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลของ ผู้เรียนได้อย่างถูกต้องและสามารถพัฒนาไปยังทักษะอื่นอีกต่อไป วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อพัฒนาทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่าง ในวิชาพลศึกษาของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยา ขอบเขตของการวิจัย ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนราชประชานุ เคราะห์24 จังหวัดพะเยาจำนวนทั้งสิ้น 36 คน เพื่อพัฒนาทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างใน รายวิชาพลศึกษา (กีฬาวอลเลย์บอล) โดยใช้แบบฝึกทักษะสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยา
ตัวแปรที่ศึกษา 1.1 ตัวแปรต้น นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2ในการเรียนวิชาพลศึกษา 1.2 ตัวแปรตาม ทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 นิยามศัพท์เฉพาะ 1.นักเรียน หมายถึงกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยาที่เรียนวิชาพลศึกษาโดยใช้แบบฝึกทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่าง 2.แบบฝึกทักษะ หมายถึง กระบวนการพัฒนาการฝึกทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลในราวิชา พลศึกษาโดยใช้แบบฝึกทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างเป็นตัวฝึก 3.การเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่าง หมายถึง เป็นทักษะการเสิร์ฟลูกบอลด้วนท่อนแขนท่อนล่าง ตีลูกบอลเพื่อส่งไปยังทิศทางหรือเป้าหมายที่ต้องการ สมมติฐานของการวิจัย 1. หลังจากการเรียนการสอนครูผู้สอนให้นักเรียนทดสอบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2โรงเรียนราชประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยา มีการพัฒนาทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่าง ในระดับที่ ดี - ดีมาก เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 80 ของนักเรียนทั้งหมด 2. หลังจากการฝึก 3 สัปดาห์เมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ที่ 1 นักเรียนมีพัฒนาการ ทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างในรายวิชาพลศึกษา ที่ดีขึ้นร้อยละ80 ของนักเรียนทั้งหมด ประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย 1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยา มีการ พัฒนาทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ 2. ครูผู้สอนสามารถปรับปรุงแก้ไขทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างและนำไปใช้ประกอบ ในการเรียนการสอน สามารถเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างได้อย่างถูกต้องตามแบบฝึกที่กำหนดให้
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง งานวิจัยชิ้นนี้ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจำนวนไม่น้อยกว่า 5 เรื่องดังนี้ 1.ความมุ่งหมายของการฝึกกีฬา 2.คุณประโยชน์ของกีฬาวอลเลย์บอล 3.หลักการทั่วไปของการฝึกทักษะพื้นฐานในกีฬาวอลเลย์บอล 4.การสร้างแรงจูงใจในการออกกำลังกายและเล่นกีฬา 5.ทักษะการการเสิร์ฟวอลเลย์บอล 6.งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ความมุ่งหมายของการฝึกกีฬา (เจริญ ธานีรัตน์ 2541:4) การฝึกกีฬาตามหลักการวิทยาศาสตร์เป็นกระบวนการที่ยุ่งยาก สลับซับซ้อนยากที่ผู้สอนจะสามารถทำความรู้ความเข้าใจ ด้วยเหตุนี้ ผู้ฝึกสอนกีฬา และผู้ที่เกี่ยวข้อง กับการฝึกกีฬา จะต้องรู้และเข้าใจเกี่ยวกับความมุ่งหมายในการฝึกกีฬา เพื่อที่จะทำให้การฝึกกีฬามี ประสิทธิภาพ ความมุ่งหมายของการฝึกกีฬามีดังนี้ 1.เพื่อช่วยในการเตรียมความพร้อมให้กับนักกีฬาทั้งด้านร่างกายจิตใจอารมณ์สังคม ทั้ง ในขณะฝึกซ้อมและแข่งขัน 2.เพื่อช่วยพัฒนาทักษะและขีดความสามารถของนักกีฬา 3.เป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับนักกีฬา 4.เพื่อพัฒนารูปแบบนิสันเฉพาะให้เกิดขึ้นและเป็นการปลดปล่อยความกังวลต่างๆ 5.เพื่อช่วยให้นักกีฬาเกิดการยอมรับซึ่งกันและกันระหว่างนักกีฬากับผู้สอน 6.เพื่อช่วยให้ผู้สอนรู้จักนักกีฬามากขึ้น สามารถวางแผนฝึกซ้อมได้เหมาะสมยิ่งขึ้น 7.เพื่อช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างนักกีฬาแต่ละคนที่มีอยู่ในทีมและนักกีฬากับผู้สอนให้ ดียิ่งขึ้น 8.เพื่อช่วยผู้ฝึกสอนสามารถตัดสินใจในการประเมินความสามารถของนักกีฬาและตัดเลือก ตัวนักกีฬาเพื่อลงทำการแข่งขันได้อย่างเหมาะสมแบะเที่ยงตรง คุณประโยชน์ของกีฬาวอลเลย์บอล (พิชิต ภูติจันทร์ 2546:3-5) ขณะที่เราสนุกอยู่กับการเล่นวอลเลย์บอลอยู่นั้น เราจะได้รับ ประโยชน์จากการเข้าร่วมเล่น ซึ่งแยกออกเป็น 4 ด้านดังนี้ 1.พัฒนาการทางกาย ได้แก่การทรงตัวไม่เพียงการทรงตัวในขณะที่เราอยู่กับที่เท่านั้น แต่ต้อง ทรงตัวในขณะที่เราเคลื่อนที่ด้วยการทรงตัวต้องนำไปใช้แน่ชัดในการเล่นลูกใกล้ตาข่ายการลงสู่พื้น หลังจากการกระโดดตบหรือบล็อก สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการเล่นวอลเลย์บอลสมัยนี้คือความยืดหยุ่น ตัวผู้เล่นวอลเลย์บอลจะต้องฝึกฝนความยืดหยุ่นตัวให้มากเพราะจะทำให้สามารถเล่นลูกต่างๆได้ดีขึ้น โดยหลักการแล้วความแข็งแรงจะแปรผกผันกับความยืดหยุ่นตัว กล่าวคือถ้าความแข็งแรงมากๆ ความ อ่อนตัวจะลดลง ในทางตรงกันข้ามถ้าเราฝึกความอ่อนตัวมากๆความแข็งแรงก็จะลดลงเช่นกัน ดังนั้น
ต้องอาศัยการฝึกรวมเพื่อให้ได้ทั้งความแข็งแรงและความยืดหยุ่นตัว นอกจากนี้การเล่นกีฬา วอลเลย์บอลยังช่วยส่งเสริมให้ร่างกายได้สัดส่วน มีบุคลิกลักษณะที่ดี ท่าทางสง่าในทุกอิริยาบถ 2.พัฒนาทางกลไก การทำงานประสานกันของระบบประสาทและกล้ามเนื้อในอวัยวะส่วน ต่างๆ เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญมากในการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล ผู้เล่นไม่ควรการมีลูกเสิร์ฟ การบล็อก ที่ดีจะทำให้ทีมชนะได้ การที่จะทำให้ทีมชนะได้นั้นจะต้องมีองค์ประกอบหลายๆอย่าง ดังนั้นจึงต้องมี การฝึกฝนเพื่อให้เกิดการพัฒนาการทางทักษะหลายๆอย่าง การเล่นเป็นทีมในแต่ละครั้งอาจจะบอก เราได้ว่าเราขาดอะไรบ้าง นั่นคือสิ่งที่เราจะต้องมาฝึกฝนเพิ่มเติมผู้ที่กระโดดได้สูงๆ อาจจะได้เปรียบ กว่าผู้ที่กระโดดไม่สูงแต่การกระโดดสูงๆจะได้ผลเมื่อแขนทั้งสองข้างต้องพร้อมที่จะเล่นลูกการ ประสานงานระหว่างตาและมือ ความพอดีในการเข้าเล่นลูกบอล 3.พัฒนาการทางจิต อย่างที่ได้จากการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล ผู้เล่นจะต้องมีระเบียบวินัยใน การเล่น การมีน้ำใจนักกีฬา ไม่ดูหมิ่นผู้อื่น มีความเชื่อมั่นในตนเอง ยอมรับคำตัดสิน ไม่แสดงกิริยาที่ เสียมารยาทออกมา จะต้องควบคุมจิตใจของตนเองอยู่ตลอดเวลา การเล่นกีฬาวอลเลย์บอลนั้น ผู้เล่น จะได้รับความสนุกเพลิดเพลินประกอบกับเกิดการเรียนรู้ในเกมไปด้วย ในการฝึกฝนจะต้องอาศัยวินัย ในตนเอง มีความอดทนอดกลั้น มีจิตใจต่อสู้กับความยากลำบาก 4.พัฒนาการทางสังคม การเล่นกีฬาวอลเลย์บอลนับเป็นกิจกรรมที่ดีเยียมอย่างหนึ่งที่เล่นได้ ทั้งชายและหญิงอุปกรณ์การเล่นก็หาไม่ยากนัก สนามเล่นก็ไม่กว้างนัก สามารถดัดแปลงให้เหามะกับ เพศวัยและความสามารถของผู้เล่นได้ แม้กติกาการเล่นไม่ยุ่งยากซับซ้อนนัก ในการแข่งขันกีฬา วอลเลย์บอลในทีมหนึ่งจะมีผู้เล่นในสนาม 6 คน นอกจากจะเกิดความสามัคคีในทีมตนเองจากการ ฝึกฝนแล้ว ยังต้องมีสัมพันธ์มิติกับทีมคู่แข่งขัน ผู้ดู และผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยอาจจะมีการแลกเปลี่ยนความ คิดเห็นกัน ดังนั้นกีฬาวอลเลย์บอลจึงถือเป็นแบบอย่างที่ดีอย่างหนึ่งของกิจกรรมสังคมทำให้สังคมมี ระเบียบวินัยดีไปด้วย นอกจากนี้กีฬาวอลเลย์บอลยังเป็นสื่อสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในรูปของการ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางกีฬาทั้งนี้เพื่อสร้างสัมพันธไมตรีต่อกัน หลักการทั่วไปของการฝึกทักษะขั้นพื้นฐานในกีฬาวอลเลย์บอล ธวัช วีระศิริวัฒน์ (2539 : 8-10) ได้กล่าวถึงหลักการทั่วไปของการฝึกทักษะพื้นฐานไว้ ดังนี้ 1.ก่อนที่จะทำการฝึกทักษะจะต้องทำการอบอุ่นร่างกายทุกครั้ง เพื่อเตรียมร่างกาย 2.ก่อนทีจะทำการฝึกควรศึกษารายละเอียดและขั้นตอนการปฏิบัติของทักษะเพื่อทำให้การฝึกนั้น ถูกต้องตามหลักการและแบบแผน 3.ต้องทำการฝึกตามแบบแผน ตามรายละเอียดที่ได้ศึกษามา ฝึกหัดตามสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าพบ ข้อผิดพลาดให้รีบแก้ไขในทันที 4.ต้องทำการฝึกซ้อมบ่อยๆ ต้องระลึกอยู่เสมอว่าทักษะจะขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ซึ่งเป็นไปตาม กฎการใช้และไม่ใช้ซึ่งกล่าวได้ว่าส่วนใดของร่างกายที่มีการเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายอยู่เสมอส่วน ของร่างกายนั้นจะมีการพัฒนาขึ้น มีสมรรถภาพในการทำงานสูงขึ้น ส่วนใดที่ไม่มีการเคลื่อนไหวหรือ ออกกำลังกายสมรรถภาพก็จะลดต่ำลง 5.ต้องระลึกอยู่เสมอว่าการพัฒนาขึ้นอยู่กับการฝึกฝน การฝึกเป็นประจำจะทำให้เกิดความชำนาญ สามารถปฏิบัติทักษะต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6.การฝึกทักษะต่างๆควรเริ่มจากง่ายไปหายาก จากช้าไปเร็ว จากเบาไปหาหนัก และจากน้อยไปหา มาก 7.หลังจากการฝึกในแต่ละครั้งต้องมีการประเมินผลการฝึกทุกครั้ง ถ้าพบข้อผิดพลาดต้องพยายาม แก้ไขให้ถูกต้อง 8.การฝึกทักษะกีฬาผู้ฝึกสอนต้องมีความพร้อมที่จะฝึก มีความพึงพอใจที่จะฝึกถ้าผู้สอนกีฬามีความ พร้อมจะสามารถฝึกได้ด้วยความรวดเร็วและได้ผลดี 9.การฝึกแต่ละครั้ง ควรกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำในการปฏิบัติทักษะและพยายามปฏิบัติให้ผ่านเกณฑ์นั้นๆ 10.การฝึกจะต้องคำนึงถึงหลักการเพิ่มพลังงาน ต้องทำสถิติการฝึกในแต่ละครั้งไว้ ถ้าเพิ่มงานแล้ว ความสามารถเพิ่มขึ้น ก็ปล่อยให้คงการฝึกไประยะหนึ่งก่อนแล้วจึงค่อยๆเพิ่มงานเป็นหลักของการ ปรับตัวที่ก่อให้เกิดความถาวรและเคยชินในการทำงานที่เพิ่มขึ้น การสร้างแรงจูงใจในการออกกำลังกายและเล่นกีฬา (ศิลปชัย สุวรรณธาดา 2548: 97-98) การส่งเสริมแรงจูงใจภายใน ในสถานการณ์การ กีฬา เป้าหมายหลักในการฝึกสอนกีฬาหรือการเป็นผู้นำการออกกำลังกาย คือการสร้างแรงจูงใจ ภายใน ของบุคคล เพื่อส่งเสริมการเข้าร่วมกิจกรรมกีฬาเป็นประจำสม่ำเสมอ การให้แรงจูงใจภายนอก เช่นการให้รางวัลที่เป็นสิ่งของ สามารถที่จะลดแรงจูงใจภายในได้ เช่น ถ้านักเรียนคนหนึ่งเข้าร่วม กิจกรรมการออกกำลังกายเพื่อความสนุกสนาน และต้องการรู้สึกว่าตนเองมีความสามารถเท่านั้น แต่ ผู้ฝึกสอนให้รางวัลซึ่งเป็นแรงจูงใจภายนอกกับเด็กนักเรียนอย่างสม่ำเสมอหรือมากเกินไป ทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงการรับรู้ว่าเหตุผลสำคัญในการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้มาจากภายนอกตัวบุคคลคือ รางวัล เมื่อผู้ฝึกสอนหยุดให้รางวัล พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกีฬาและการออกกำลังกายของเขา จะลดน้อยลง จนในที่สุดก็หยุดการเข้าร่วมกิจกรรมไปเลย ดังนั้นผู้ฝึกสอนจึงจำเป็นต้องกำหนดกุศโล บายในการฝึกสอนเพื่อเพิ่มความพึงพอใจ ความสนุกสนาน การพัฒนาทักษะ ความสมบูรณ์ทางกาย และความประสบความสำเร็จ ทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอล (อภิศักดิ์ ขำสุข 2544) การเสิร์ฟวอลเลย์บอลหรือที่เรียกว่า หมายถึงการใช้แขนท่อนล่าง เล่นลูกบอล เพื่อส่งลูกบอล หรือบังคับลูกบอลให้ลอยขึ้นสู่อากาศไปในทิศทางที่ต้องการ การเสิร์ฟ วอลเลย์บอล นับว่าเป็นทักษะพื้นฐาน ที่สำคัญในการฝึกเล่นกีฬาวอลเลย์บอล เป็นทักษะที่ปฏิบัติได้ ง่าย แต่การที่จะฝึกหัดให้เกิดความชำนาญนั้นต้องอาศัยระยะเวลาและวิธีการที่ถูกต้องเพราะพื้นฐาน การเล่น เพราะพื้นฐานของการเล่นทีมนั้นผู้เล่นจะต้องการเสิร์ฟวอลเลย์บอลได้ดีก่อน ซึ่งทักษะ พื้นฐานของการการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมีดังต่อไปนี้ 1.การเตรียมพร้อม 2.การจัดท่าของแขน 3.จุดกระทบของลูกบอลกับแขน 4.ทิศทางของลูกบอล 5.การส่งแรง
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ศุภเชฐ สิงหพงศ์ (2557) การพัฒนาแบบฝึกทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลในกีฬา วอลเลย์บอลสำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนสตรีวิทยา 2 ปีการศึกษา 2557 การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาการเสิร์ฟวอลเลย์บอลในกีฬาวอลเลย์บอลของนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที 3 ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสตรีวิทยา 2 จำนวน ทั้งสิ้น 776 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบฝึกที่ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลในการ วิจัยในครั้งนี้ คือ สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ ที (t-test dependent) ผลการวิจัย 1. นักเรียนชายระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนการฝึกทักษะการการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 17.31 และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 12.67 หลังการฝึกทักษะการการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมี ค่าเฉลี่ย เท่ากับ 23.4 และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 18.2 2. นักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนการฝึกทักษะการการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 24 และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 12.08 หลังการฝึกทักษะการการเสิร์ฟวอลเลย์บอล มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 28.73 และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 7.86 3. นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนการฝึกทักษะการการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 20.65 และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 20.12 หลังการฝึกทักษะการการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมี ค่าเฉลี่ย เท่ากับ 26.06 และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 23.38 4. นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนเฉลี่ยก่อนการฝึกทักษะการการเสิร์ฟวอลเลย์บอลสูง กว่าก่อนฝึกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย การพัฒนาทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างในรายวิชาพลศึกษา (กีฬาวอลเลย์บอล) โดยใช้ แบบฝึกทักษะสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยา จำนวนทั้งสิ้น 36 คนโดยมีวิธีการดำเนินงานวิจัยดังต่อไปนี้ 1.ประชากรที่ใช้ในการวิจัย 2.เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 3.การเก็บรวบรวมข้อมูล 4.การวิเคราะห์ข้อมูล 5.สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนราชประชานุ เคราะห์24 จังหวัดพะเยาจำนวนทั้งสิ้น 36 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยมีเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยจำนวน 2 ชุด 1.แบบฝึกทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2โรงเรียนราช ประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยา มีขั้นตอนการสร้างและหาคุณภาพดังนี้ 1.1 สร้างเกณฑ์ระดับคุณภาพคะแนนในการทดสอบทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่าง 1.2 ร่างแบบฝึกเพื่อพัฒนาทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอล กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยา 1.3 นำแบบฝึกให้ผู้เชี่ยวชาญ คือ นายพงษ์พัฒน์ เมืองมูล และ นางสาววิไล วนาพงศากุล ครูโรงเรียนราชประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยา ทำการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิง เนื้อหา 1.4 ปรับปรุงแบบฝึกตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ และส่งให้ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการตรวจซ้ำ อีกครั้ง 2. แบบทดสอบ/แบบสังเกตทักษะการ มีขั้นตอนการสร้างและหาคุณภาพดังนี้ 2.1 ทำการศึกษาค้นคว้า เอกสาร แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย 2.2 แบบทดสอบ/แบบสังเกตทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยา 2.3 นำแบบฝึกให้ผู้เชี่ยวชาญ คือ ทำการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา 2.4 ปรับปรุงแบบฝึกตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ วิไล วนาพงศากุล และส่งให้ผู้เชี่ยวชาญ ได้ทำการตรวจซ้ำอีกครั้ง 2.5 ทำการสร้างแบบฝึกฉบับสมบูรณ์เพื่อนำไปใช้ต่อไป
แบบฝึกการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่าง แบบฝึกที่ 1 เสิร์ฟมือล่างท่ามือเปล่า ให้ผู้ฝึกกำมือแล้วฝึกเหวี่ยงแขนในการเสิร์ฟมือล่างโดยใช้ท่ามือเปล่าก่อน ปฏิบัติ10 – 20 ครั้ง ภาพที่ 8 ลักษณะการฝึกเสิร์ฟมือล่างท่ามือเปล่า แบบฝึกที่ 2 เสิร์ฟมือล่างกับวอลเลย์บอล ให้ผู้ฝึกหัดเสิร์ฟมือล่างโดยถือลูกวอลเลย์บอลแล้วฝึกเหวี่ยงแขนมาตีลูกวอลเลย์บอลที่ถืออยู่โดยไม่ ต้องให้ลูกวอลเลย์บอลออกจากมือ ปฏิบัติ 10 - 20 เที่ยว ภาพที่ 9 ลักษณะแขนสัมผัสตำแหน่งวอลเลย์บอล
แบบฝึกที่ 3 เสิร์ฟลูกมือล่างกระทบฝาผนัง ผู้ฝึกเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างให้กระทบฝาผนัง ปฏิบัติ 10 - 20 ครั้ง ภาพที่ 10 ลักษณะการเสิร์ฟลูกมือล่างกระทบฝาผนัง แบบฝึกที่ 4 เสิร์ฟลูกมือล่างโต้กับคู่ ให้ผู้ฝึกยืนห่างกับคู่พอประมาณ ฝึกเสิร์ฟลูกมือล่างโต้กับคู่สลับ ไป – มา ปฏิบัติ 10 - 20 รอบ ภาพที่ 11 ลักษณะการเสิร์ฟลูกมือล่างโต้กับคู่ แบบฝึกที่ 5 เสิร์ฟลูกมือล่างโต้กับคู่ข้ามตาข่าย ให้ผู้ฝึกกับคู่อยู่คนละข้างของตาข่ายเสิร์ฟมือล่างให้ข้ามตาข่ายโต้กับคู่สลับไป - มา ปฏิบัติ 10 - 20 รอบ
ภาพที่ 12 ลักษณะการเสิร์ฟลูกมือล่างโต้กับคู่ข้ามตาข่าย ตารางเกณฑ์การวัดและประเมินผล คะแนน เกณฑ์การประเมิน 10 เสิร์ฟข้ามตาข่าย และไม่ออกนอกสนาม 10 ลูก ระดับคุณภาพคะแนน คะแนน 9 – 10 = ดีมาก คะแนน 6 – 8 = ดี คะแนน 4 – 5 = พอใช้ คะแนน 0 - 3 = ต่ำ 9 เสิร์ฟข้ามตาข่าย และไม่ออกนอกสนาม 9 ลูก 8 เสิร์ฟข้ามตาข่าย และไม่ออกนอกสนาม 8 ลูก 7 เสิร์ฟข้ามตาข่าย และไม่ออกนอกสนาม 7 ลูก 6 เสิร์ฟข้ามตาข่าย และไม่ออกนอกสนาม 6 ลูก 5 เสิร์ฟข้ามตาข่าย และไม่ออกนอกสนาม 5 ลูก 4 เสิร์ฟข้ามตาข่าย และไม่ออกนอกสนาม 4 ลูก 3 เสิร์ฟข้ามตาข่าย และไม่ออกนอกสนาม 3 ลูก 2 เสิร์ฟข้ามตาข่าย และไม่ออกนอกสนาม 2 ลูก 1 เสิร์ฟข้ามตาข่าย และไม่ออกนอกสนาม 1 ลูก 0 เสิร์ฟข้ามตาข่าย และไม่ออกนอกสนาม 0 ลูก แบบทดสอบ/แบบสังเกต ทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลของนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 เสิร์ฟข้ามตาข่าย และไม่ออกนอกสนามคนละ 10 ลูก คนที่ ก่อนฝึก หลังฝึก พัฒนาการ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยมีขั้นตอนในการเก็บข้อมูลดังนี้ 1.สัปดาห์ที่ 1 ให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 ที่เรียนวิชาพลศึกษา ฝึกทักษะการ เสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างแล้วทำการทดสอบตามแบบทดสอบ ทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลล่าง 1 (Pre - test) แล้วบันทึกผลการทดสอบครั้งที่ 1 2.หลังเลิกเรียนสัปดาห์ที่ 2 วันจันทร์- ศุกร์ให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 ทำการฝึก ตามแบบฝึกทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่าง ส่วนวันศุกร์ของสัปดาห์ที่ 2 ทำการทดสอบครั้งที่2 (Post - test) แล้วบันทึกผลการทดสอบ 3. ผู้วิจัยควบคุมการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง จากนั้นนำไปวิเคราะห์ข้อมูลโดยการนำ ข้อมูลที่ได้ไป เทียบเกณฑ์การทดสอบทักษะการเล่นลูกสองมือล่าง กีฬาวอลเล่ย์บอล 4. นำข้อมูลที่ได้ทั้ง 2 ครั้งมาวิเคราะห์ข้อมูล เปรียบเทียบพัฒนาการ แล้วสรุปผลการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล 1. นําผลคะแนนที่ได้จากการประเมินการปฏิบัติทักษะการเสิร์ฟมือล่างมาเปรียบเทียบกับ เกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2. นําข้อมูลที่ได้ทั้งหมดมาวิเคราะห์ด้วยวิธีทางสถิติเพื่อทดสอบสมมติฐานและเพื่อสรุปผล ปฏิบัติทักษะการเสิร์ฟมือล่างของนักเรียน 3. การเปรียบเทียบทักษะการเสิร์ฟมือล่างของนักเรียน ด้วยการหาคะแนนพัฒนาการ โดย คํานวณคะแนนพัฒนาการ จากแบบฝึกทักษะการเสิร์ฟมือล่างก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สูตรคะแนน พัฒนาการ และแปลผลคะแนนตามเกณฑ์ระดับพัฒนาการ ตามเกณฑ์ของ ศิริชัย กาญจน วาสี (2552: 266-267) ซึ่งใช้สูตร ดังนี้ คะแนนพัฒนาการ = คะแนนหลังเรียน - คะแนนก่อนเรียน X 100 คะแนนเต็ม - คะแนนก่อนเรียน เกณฑ์คะแนนพัฒนาการเทียบระดับพัฒนาการ ดังนี้ คะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ ระดับพัฒนาการ 9 - 10 สูงมาก 6 – 8 สูง 4 - 5 ปานกลาง 0 - 3 ต่ำ
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการพัฒนาทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างในรายวิชาพลศึกษา (กีฬา วอลเลย์บอล) โดยใช้แบบฝึกทักษะสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 24 จังหวัดพะเยา ปรากฏตามตารางดังต่อไปนี้ ตารางที่1จำนวนและค่าร้อยละของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำแนกตามเพศ เพศ จำนวน ร้อยละ ชาย 11 31 หญิง 25 69 รวม 36 100 จากตารางที่ 1 พบว่า ผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นหญิง คิดเป็น ร้อยละ 69 เพศ ชาย หญิง
ตารางที่ 2 จำนวนการเสิร์ฟวอลเลย์บอลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 รายการประเมิน แบบฝึกเสริมทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่าง ร้อยละ คะแนน พัฒนาการ แปลผล คนที่ คะแนน ระดับคุณภาพ ก่อนฝึก หลังฝึก ระดับทักษะ แปลผล ระดับทักษะ แปลผล 1 4 พอใช้ 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก 2 1 ต่ำ 8 ดี 77.77 สูง 3 4 พอใช้ 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก 4 1 ต่ำ 7 ดี 66.66 สูง 5 2 ต่ำ 8 ดี 75.00 สูง 6 2 ต่ำ 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก 7 3 ต่ำ 9 ดีมาก 85.71 สูงมาก 8 5 พอใช้ 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก 9 6 ดี 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก 10 4 พอใช้ 9 ดีมาก 83.33 สูงมาก 11 6 ดี 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก 12 2 ต่ำ 8 ดี 75.00 สูง 13 1 ต่ำ 8 ดี 77.77 สูง 14 3 ต่ำ 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก 15 2 ต่ำ 9 ดีมาก 87.5 สูงมาก 16 4 พอใช้ 8 ดี 66.66 สูง 17 4 พอใช้ 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก 18 3 ต่ำ 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก 19 2 ต่ำ 9 ดีมาก 87.5 สูงมาก 20 2 ต่ำ 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก 21 1 ต่ำ 7 ดี 66.66 สูง 22 3 ต่ำ 8 ดี 71.42 สูง 23 4 พอใช้ 7 ดี 50.00 สูง 24 3 ต่ำ 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก 25 5 พอใช้ 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก 26 7 ดี 9 ดีมาก 66.66 สูงมาก 27 3 ต่ำ 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก 28 4 พอใช้ 8 ดี 66.66 สูง 29 6 ดี 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก 30 2 ต่ำ 8 ดี 75.00 สูง 31 8 ดี 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก
จากตารางที่ 2 ผลการพัฒนาทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างก่อนการใช้แบบฝึกทักษะ สรุปได้ว่า นักเรียน มีทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่าง แปรผลได้ดังนี้ ระดับดีมาก จำนวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ระดับดี จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 19.44 ระดับพอใช้ จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 30.55 ระดับต่ำ จำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 50.00 และหลังจากที่ได้รับการพัฒนาทักษะปฏิบัติ นักเรียน มีทักษะปฏิบัติ แปรผลได้ดังนี้ ระดับดีมาก จำนวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 69.44 ระดับดี จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 30.55 ระดับพอใช้ จำนวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ระดับต่ำ จำนวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 การเปรียบเทียบทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่าง ด้วยการหาคะแนนพัฒนาการ โดยคํานวณคะแนน พัฒนาการ จากแบบฝึกทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สูตรคะแนน พัฒนาการ และแปลผลคะแนนตามเกณฑ์ระดับพัฒนาการ สามารถแปรผลคะแนนพัฒนาการได้ดังนี้ พัฒนาการระดับสูงมาก จำนวน 26 คน คิดเป็นร้อยละ 72.22 พัฒนาการระดับสูง จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 27.77 พัฒนาการระดับปานกลาง จำนวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 พัฒนาการระดับต่ำ จำนวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ผลการพัฒนาทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่าง การใช้แบบฝึกทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่าง นักเรียน สามารถพัฒนาทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างได้อย่างชัดเจน 32 5 พอใช้ 9 ดีมาก 80.00 สูงมาก 33 7 ดี 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก 34 3 ต่ำ 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก 35 4 พอใช้ 9 ดีมาก 83.33 สูงมาก 36 6 ดี 10 ดีมาก 100.00 สูงมาก รวม 132 328 3142.63 เฉลี่ย 3.66 ต่ำ 9.11 ดีมาก 5.44 สูงมาก
บทที่ 5 สรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างในรายวิชาพลศึกษา (กีฬา วอลเลย์บอล) โดยใช้แบบฝึกทักษะสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยาทั้งสิ้น 36 คน โดยใช้แบบฝึกทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลในกีฬาวอลเลย์บอลและแบบทดสอบ การเสิร์ฟวอลเลย์บอลสรุปผลได้ดังนี้ สรุปผลการวิจัย สรุปผลการวิจัยผู้ให้การวิจัยครั้งนี้ประชากรส่วนใหญ่เป็นหญิงคิดเป็นร้อยละ 69 พบว่าผลการใช้แบบ ฝึกทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2โรงเรียนราชประชานุเคราะห์24 จังหวัด พะเยาทั้งสิ้น 36 คน ก่อนฝึกทักษะนักเรียนอยู่ในระดับดี จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 19.44 ระดับพอใช้ จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 30.55ระดับต่ำ จำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 50.00 ผลการทดสอบหลัง การฝึกทักษะนักเรียนอยู่ในระดับดีมาก จำนวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 69.44 ระดับดี จำนวน 11 คน คิด เป็นร้อยละ 30.55 ระดับ และจะเห็นได้ว่านักเรียนมีพัฒนาการหลังการใช้แบบฝึก มีพัฒนาการระดับสูงมาก จำนวน 26 คน คิดเป็นร้อยละ 72.22 พัฒนาการระดับสูง จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 27.77 โดย ทักษะปฏิบัติหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนซึ่งแสดงให้เห็นว่าหลังการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการเสิร์ฟ วอลเลย์บอลมือล่าง นักเรียนกมีทักษะปฏิบัติสูงขึ้นกว่าก่อนเรียน ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน อภิปรายผล สรุปผลการทดสอบสมมติฐานภายหลังการใช้แบบฝึกทักษะการเสิร์ฟวอลเลย์บอลในกีฬาวอลเลย์บอล นักเรียนมีพัฒนาการที่ดีกว่าก่อนการฝึกเป็นไปตามสมมติฐาน ก่อนการฝึกพบปัญหาที่เกิดขึ้น คือ เด็กบางคน กลัวลูกวอลเลย์บอลจึงไม่สามารถเกิดพัฒนาการในการฝึกผู้วิจัยจึงทำการแก้ปัญหาโดยการให้ผู้เรียนฝึกสร้าง ความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอลและท่าเตรียมพร้อมในการเสิร์ฟวอลเลย์บอลตามการฝึกที่ถูกวิธีเด็กก็ไม่กลัวลูก วอลเลย์บอลและสามารถปฏิบัติได้และมีพัฒนาการที่ค่อยๆดีเพิ่มขึ้นในการฝึกแต่ละสัปดาห์ซึ่งสอดคล้องกับ อุทัย สงวนพงศ์ (2554) ได้กล่าวถึงท่าเตรียมพร้อมในการเสิร์ฟวอลเลย์บอลได้ดังนี้การสูงหรือต่ำจึงมีผลต่อ การเล่นลูกบอลมาก การยืนเตรียมพร้อมเพื่อเสิร์ฟลูกบอล จึงควรเสิร์ฟให้มือยกขึ้นประมาณอก สำหรับการ บล็อกต้องกางแขนออกให้กว้างกว่าช่วงไหล่และยกมือขึ้นระดับใบหน้า เท้า ยกส้นเท้าขึ้น ทิ้งน้ำหนักตัวลงที่ ปลายเท้าบริเวณหัวแม่เท้า เท้าทั้งสองแยกห่างจากกันประมาณ 1 ช่วงไหล่ (หญิงให้กว้างกว่าชาย) ผู้เล่นที่ยืน ในแดนครึ่งซ้ายของสนามให้วางเท้าซ้ายอยู่หน้าเท้าขวา ผู้เล่นที่ยืนในแดนครึ่งขวาของสนามให้วางเท้าขวาอยู่ หน้าเท้าซ้ายผู้เล่นที่ยืนกลางสนาม ให้ยืนปลายเท้าขนานกันเท้าทั้งสองห่างกันมากกว่า 1 ช่วงไหล่ เพราะจะ ให้ร่างกายลดต่ำลง นักเรียนไม่ค่อยสนใจในการฝึก เวลาให้ฝึกจะนั่งคุยกันทำแบบเล่นๆ ขออนุญาตไปห้องน้ำ นานๆผู้วิจัยจึงได้กระตุ้นนักเรียนโดยให้แบบฝึกที่ผู้วิจัยเตรียมไว้มาให้นักเรียนฝึก ซึ่งนักเรียนให้ความสนใจและ ตั้งใจฝึกไม่คุยกัน ไม่ขออนุญาตออกนอกชั้นเรียนจนฝึกเสร็จสอดคล้องกับทฤษฎีกฎการเรียนรู้ พรสวรรค์ สระภักดิ์ (2555) กฎการเรียนรู้ย่อย 5 กฎ (Five Subordinate Laws) ค. กฎการเลือกพฤติกรรมตอบสนอง (Law of Partial Activity) เมื่อบุคคลเผชิญกับสิ่งเร้าหรือพฤติกรรมที่เป็นปัญหา บุคคลจะเลือกแสดง พฤติกรรมต่าง ๆ ที่เห็นว่าเหมาะสมที่สุดเพื่อใช้ในการตอบสนองสถานการณ์นั้น และเมื่อค้นพบพฤติกรรม
ตอบสนองที่แก้ปัญหาได้แล้ว ก็จะหยุดพฤติกรรมลองผิดลองถูก โดยหันไปเลือกพฤติกรรมที่ได้ลองกระทำไป แล้ว จนกระทั่งค้นพบวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาได้แท้จริง นักเรียนเคลื่อนไหวตัวได้ช้าไม่มีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขนและขา ไม่ค่อยก้าวขาไปรับลูก วอลเลย์บอลที่กระเด็นออกไปไกลตัวทำให้ทำได้น้อยครั้งและมีบางคนไม่ผ่านเกณฑ์ ก่อนการฝึกทุกครั้งผู้วิจัยจึง ได้ให้นักเรียนทำการเพิ่มความว่องไวและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ สอดคล้องกับทฤษฎีพัฒนาการรูปแบบ ทักษะการเคลื่อนไหวพื้นฐาน เอก เกิดเต็มภูมิ (2556) การเรียนการสอนทักษะการเคลื่อนไหวและการสอน กีฬาในชั่วโมงพลศึกษากิจกรรมการเคลื่อนไหวควรที่จะต้องจัดให้สอดคล้องต่อรูปแบบทักษะการเคลื่อนไหวขั้น พื้นฐาน ทั้งนี้เพราะว่าการเคลื่อนไหวพื้นฐาน คือ รูปแบบการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของมนุษย์ที่ใช้ในการ ดำรงชีวิตส่วนการเคลื่อนไหวทางการกีฬาในแต่ละชนิดกีฬาล้วนแต่มีการเคลื่อนไหวตามรูปแบบการเคลื่อนไหว พื้นฐานทั้งสิ้น ดังนั้นการทำความเข้าใจในพัฒนาการของการเคลื่อนไหวในแต่ละทักษะและความเข้าใจ พัฒนาการความคิดรวบยอดการเคลื่อนไหว (Movement Concept) ที่จะเกิดขึ้นในทุกขณะที่มีการเคลื่อนไหว จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ 1.ควรเน้นลักษณะท่าทางในการเสิร์ฟวอลเลย์บอลเพื่อให้เกิดความแม่นยำในการบังคับทิศทางลูก วอลเลย์บอล 2.ควรเน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อก่อนการฝึกตามโปรแกรมทุกครั้งเพื่อให้เกิดความแข็งแรงในการ เล่นวอลเลย์บอล ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป 1.ควรศึกษาการเพิ่มความว่องไวและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ 2.ควรศึกษาวิธีการควบคุมทิศทางของลูกวอลเลย์บอล
เอกสารอ้างอิง เจริญ ธานีรัตน์ (2541) หลักและวิธีการฝึกกีฬา มหาวิทยาลัยรามคำแหง :สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย รามคำแหง พิชิต ภูติจันทร์ (2546) วอลเลย์บอล กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ โอเดียนสโตร์ พรสวรรค์ สระภักดี (2556) คู่มือการเล่นวอลเลย์บอล กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์อักษรไทย ยุพิน นะกุลรัมย์ (2547) ระดับทักษะวอลเลย์บอลของนักเรียนช่วงชั้นที่ 3 สืบค้นเมื่อ 30 กันยายน 2559 จาก https://www.gotoknow.org/posts/34566 ศิลปะชัย สุวรรณธาดา (2556) การสร้างแรงจูงใจในการเล่นกีฬา สืบค้นเมื่อ 30 กันยายน 2559 จาก https://devilpongpang.wordpress.com/2012/04/04 ศุภเชษฐ์ สิงหพงศ์ (2557) การพัฒนาแบบฝึกทักษะการการเสิร์ฟวอลเลย์บอลในกีฬาวอลเลย์บอลสำหรับ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สืบค้นเมื่อ 30 กันยายน 2559 จาก https://sumonkananit.wikispaces.com/file/view/05478
ประวัติผู้วิจัย 1. ข้อมูลผู้วิจัย ชื่อ นายณัฐพล สกุล หอมดอก ชื่อเล่น โจ้ เชื้อชาติ ไทย สัญชาติ ไทย ศาสนา พุทธ เกิดวัน ศุกร์ ที่ 6 เดือน มกราคม พ.ศ. 2538 อายุ 29 ปี คุณวุฒิการศึกษา ศึกษาศาสตร์ (พลศึกษา) ภูมิลำเนา 48 หมู่ 3 ตำบล ห้วยโก๋น อำเภอ เฉลิมพระเกียรติจังหวัด น่าน รหัสไปรษณีย์55130 โทรศัพท์ 0937943050 E-mail : [email protected] ชื่อบิดา นาย ไหล หอมดอก อายุ 63 ปี อาชีพ เกษตรกร ชื่อมารดา นางคำแฮ หอมดอก อายุ 54 ปี อาชีพ เกษตรกร รับราชการ ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย (15 กันยายน 2566 – ปัจจุบัน) โรงเรียนราชประชานุเคราะห์24 จังหวัดพะเยา สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
ภาคผนวก
รูปแบบของการเสิร์ฟลูกวอลเลย์บอล การเสิร์ฟลูกวอลเลย์บอลเปรียบเสมือนอาวุธที่อันตรายของฝ่ายได้เสิร์ฟ และจะทำให้ฝ่ายรับไม่ สามารถดำเนินการโต้ตอบได้มากยิ่งกว่านั้นการเสิร์ฟยังสามารถทำคะแนนให้กับฝ่ายเสิร์ฟได้อีกด้วยผู้เล่นควร หมั่นฝึกซ้อมการเสิร์ฟให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 1. ทักษะการเสิร์ฟลูกวอลเลย์บอลด้วยมือล่าง (under hand serving) หลักการเสิร์ฟลูกมือล่าง เป็นทักษะการเสิร์ฟลูกที่ง่ายที่สุด เหมาะกับผู้เล่นที่ฝึกหัดใหม่ๆ ผู้หญิงหรือเด็กเล็กซึ่ง มีอยู่2 วิธีดังนี้ 1.1 วิธีเสิร์ฟลูกมือล่างด้านหน้า 1.1.1 การเสิร์ฟลูกมือล่างด้านหน้านี้จะยืนหันหน้าเข้าหาตาข่ายหรือหันข้างเข้าหาตาข่ายก็ได้ ภาพที่ 1 ลักษณะการยืนเสิร์ฟลูกมือล่างด้านหน้า 1.1.2 ในกรณีที่ผู้เล่นถนัดมือขวา ให้ก้าวเท้าซ้ายอยู่หน้าเท้าขวาเล็กน้อยถือลูกวอลเลย์บอลไว้ด้วยมือซ้าย และยื่นไปทางข้างหน้าด้านขวาของร่างกาย ภาพที่ 2 ท่าเตรียมเสิร์ฟลูกมือล่างด้านหน้าผู้ถนัดมือขวา
1.1.3 โยนลูกวอลเลย์บอลขึ้นด้วยมือซ้ายยเบา ๆ ไม่สูงมากนัก (เพราะกติกาไม่อนุญาตใหผู้เสิร์ฟตีลูก วอลเลย์บอลที่อยู่ในมือ) กำมือขวาหรือจะแบมือก็ได้และใช้สันมือตีลูกวอลเลย์บอลเป็นจุดสัมผัสลูก วอลเลย์บอลโดยการเหวี่ยงมือจากข้างหลัง ภาพที่ 3 การเหวี่ยงแขนเสิร์ฟลูกวอลเลย์บอลด้านหน้า 1.1.4 การส่งแรงผู้เสิร์ฟต้องก้าวเท้าถ่ายน้ำหนักตัวไปที่เท้าหน้าและเหวี่ยงแขนไปตามแรงส่งไป ข้างหน้า ภาพที่ 4 ลักษณะการส่งแรงเสิร์ฟลูกมือล่างด้านหน้า
1.2 วิธีเสิร์ฟมือล่างด้านข้าง 1.2.1 ยืนเตรียมพร้อม โดยหันด้านข้างเข้าสนามหรือหันข้างซ้ายเข้าหาตาข่าย (กรณีผู้เล่นถนัดขวา) ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าขนานกับเส้นหลังเท้าขวาอยู่ด้านหลัง ภาพที่ 5 ลักษณะท่าเตรียมเสิร์ฟลูกมือล่างด้านข้าง 1.2.2 มือซ้ายชูลูกวอลเลย์บอลเหยียดตรงไปข้างหน้าแขนขวาเหยียดตรงอยู่ข้างหลังระดับต่ำ กว่า ไหล่เล็กน้อย ภาพที่ 6 ลักษณะลูกวอลเลย์บอลและแขนการเสิร์ฟลูกมือล่างด้านข้าง
1.2.3 การส่งลูกวอลเลย์บอลให้ย่อตัวโยนลูกวอลเลย์บอลขึ้น เหวยงแขนขวามาตีลูกวอลเลย์บอลโดย บิดตัวไปทางซ้ายมือหรือทิศทางทจะส่งลูก ภาพที่ 7 ลักษณะการเหวี่ยงแขนเสิร์ฟลูกวอลเลย์บอลจากมือล่างด้านข้าง แบบฝึกการเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่าง แบบฝึกที่ 1 เสิร์ฟมือล่างท่ามือเปล่า ให้ผู้ฝึกกำมือแล้วฝึกเหวี่ยงแขนในการเสิร์ฟมือล่างโดยใช้ท่ามือเปล่าก่อน ปฏิบัติ10 – 20 ครั้ง ภาพที่ 8 ลักษณะการฝึกเสิร์ฟมือล่างท่ามือเปล่า
แบบฝึกที่ 2 เสิร์ฟมือล่างกับวอลเลย์บอล ให้ผู้ฝึกหัดเสิร์ฟมือล่างโดยถือลูกวอลเลย์บอลแล้วฝึกเหวี่ยงแขนมาตีลูกวอลเลย์บอลที่ถืออยู่โดยไม่ ต้องให้ลูกวอลเลย์บอลออกจากมือ ปฏิบัติ 10 - 20 เที่ยว ภาพที่ 9 ลักษณะแขนสัมผัสตำแหน่งวอลเลย์บอล แบบฝึกที่ 3 เสิร์ฟลูกมือล่างกระทบฝาผนัง ผู้ฝึกเสิร์ฟวอลเลย์บอลมือล่างให้กระทบฝาผนัง ปฏิบัติ 10 - 20 ครั้ง ภาพที่ 10 ลักษณะการเสิร์ฟลูกมือล่างกระทบฝาผนัง
แบบฝึกที่ 4 เสิร์ฟลูกมือล่างโต้กับคู่ ให้ผู้ฝึกยืนห่างกับคู่พอประมาณ ฝึกเสิร์ฟลูกมือล่างโต้กับคู่สลับ ไป – มา ปฏิบัติ 10 - 20 รอบ ภาพที่ 11 ลักษณะการเสิร์ฟลูกมือล่างโต้กับคู่ แบบฝึกที่ 5 เสิร์ฟลูกมือล่างโต้กับคู่ข้ามตาข่าย ให้ผู้ฝึกกับคู่อยู่คนละข้างของตาข่ายเสิร์ฟมือล่างให้ข้ามตาข่ายโต้กับคู่สลับไป - มา ปฏิบัติ 10 - 20 รอบ ภาพที่ 12 ลักษณะการเสิร์ฟลูกมือล่างโต้กับคู่ข้ามตาข่าย