คาชี้แจง ;แบบทดสอบวัดผล ปลายภาค
ภาคเรยี นท่ี ๑ วิชาวทิ ยาศาสตร์ รหัส 15101
ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 5 คะแนนข้อสอบ ๒๕ คะแนน เวลาในการสอบ 60 นาที
โรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ อาเภอพบพระ จังหวัดตาก
ขอ้ สอบมจี ำนวน ๒ ตอน
ตอนท่ี ๑ ข้อสอบปรนยั จำนวน ๕๐ ข้อ ( ๒๕ คะแนน)
ตอนที่ ๒ ขอ้ สอบอัตนัย จำนวน - ขอ้ ( - คะแนน)
ตอนที่ ๑ ข้อสอบเปน็ แบบปรนยั จานวน ๕๐ ข้อ มีทง้ั หมด ๔ หนา้ ( ๒๕ คะแนน)
คาชแี้ จง ให้นกั เรียนกากบาท ลงในกระดาษคาตอบ โดยเลือกคาตอบทถี่ ูกทีส่ ดุ เพยี งข้อเดยี ว
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 5. ข้อใดเปน็ การเปลย่ี นแปลงทางเคมี
มาตรฐาน ว 2 . ๑ เขำ้ ใจสมบตั ิของสสำร องคป์ ระกอบของ ก. การเปล่ียนสถานะ
ข. การเกดิ สารใหม่
สสำร ควำมสมั พันธ์ระหว่ำงสมบัตขิ องสสำรกบั โครงสรำ้ งและแรง ค. การเปลี่ยนแปลงรปู รา่ ง
ยดึ เหน่ียวระหวำ่ งอนุภำค หลักและธรรมชำติของกำรเปลี่ยนแปลง ง. การเปล่ยี นแปลงองคป์ ระกอบภายนอก
สถำนะของสสำร กำรเกดิ สำรละลำย และกำรเกิดปฏิกิริยำเคมี
1. สสารมีกสี่ ถานะ ข. 2 สถานะ 6. การเปลยี่ นสถานะจากของแขง็ เป็นของเหลว เรียกวา่
ก. 1 สถานะ ง. 4 สถานะ ก. การหลอมเหลว ข. การควบแน่น
ค. 3 สถานะ ค. การระเหิด ง. การระเหดิ กลบั
2. การเปลย่ี นสถานะของสารเกิดจาก 7. การเปลี่ยนสถานะจากแกส๊ เปน็ ของแข็ง เรยี กวา่
ก. ได้รบั ความร้อน ข. ได้รบั ความดนั ก. การระเหยกลบั ข. การควบแน่น
ค. ได้รบั การสมั ผัส ง. ไดร้ ับพลงั งานไฟฟ้า ค. การระเหิด ง. การระเหิดกลบั
3. การเปลีย่ นแปลงของสารมกี ่ีประเภท 8. การระเหดิ พบในสารใดได้บ้าง
ก. 2 ประเภท คอื การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพ และการ
ก. เกลอื ข. พิมเสน
เปลี่ยนแปลงทางเคมีภาพ
ข. 2 ประเภท คอื การเปลีย่ นแปลงทางชีวภาพ และการ ค. นา้ ตาล ง. ผงชูรส
เปล่ยี นแปลงทางฟิสิกส์ 9. การเปล่ียนแปลงของสารในขอ้ ใด ทาใหเ้ กิดสารใหม่
ค. 2 ประเภท คอื การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพ และการ
ก. เทียนไขท่หี ลอมเหลว ข. ไม้ทีถ่ กู เผา
เปลีย่ นแปลงทางเคมี ค. กระดาษท่ีฉีกขาด ง. น้าทแี่ ข็งตวั
ง. 3 ประเภท คือ การเปลยี่ นแปลงทางเคมี การ
เปล่ียนแปลงทางชีวภาพ และการเปลีย่ นแปลงทางฟิสิกส์ 10. การทอดปลา เป็นการเปลีย่ นแปลงในลกั ษณะใด
4. ขอ้ ใดเปน็ การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพ ก. เกิดปฏิกริ ยิ าเคมี ข. เกิดการละลาย
ก. การจดุ ไฟเผากระดาษ ข. การเกิดสนิมของเหล็ก
ค. การละลายของน้าตาล ง. การเกิดฟองเวลาหยดกรด ค. เปล่ียนสถานะ ง. ตกตะกอน
11. กระบวนการทเ่ี หล็กรวมตัวกบั แก๊สออกซิเจนเกิดสนมิ 17. ข้อใดไมเ่ ป็นสารละลายเนอ้ื เดียว
จดั เปน็ การเปลี่ยนเเปลงทางเคมี เพราะเหตุใด ก. น้าเกลอื ข. น้าเชือ่ ม
ก. สนิมมสี มบตั ทิ ่แี ตกตา่ งจากเหลก็ และเเก๊สออกซิเจน ค. นา้ หวาน ง. น้าปลาพริก
ข. มจี ดุ หลอมเหลวสงู
ค. มีความวอ่ งไวทางปฏกิ ิริยาเคมีมากกว่าแกส๊ ออกซเิ จน 18. ข้อใดกล่าวถงึ สารละลายไดถ้ ูกตอ้ ง
ง. มีองคป์ ระกอบทางเคมีเหมอื นเหล็ก ก. สารท่ีมีเนอื สารเหมือนกันตลอดทกุ ส่วน
ข. สารท่ีมีเนือสารมองดูใสไม่มีสกี ลนิ่ และรส
12. การกระทาขอ้ ใดทาใหส้ ารเกดิ การเปลีย่ นแปลงทางเคมี ค. สารอยา่ งน้อย 2 ชนิดผสมกนั กลายเป็นเนือเดยี วกัน
ก. บดเกลอื เม็ดใหเ้ ปน็ เกลือปน ง. สารที่มีจุดหลอดเหลวต้า่ กวา่ 100 องศาเซลเซยี ส
ข. ตดั ลวดทา้ เป็นโครง รูปสัตว์
ค. น้าผงฟใู สล่ งในน้าส้มสายชู 19. ข้อใดผดิ เกย่ี วกบั ตัวทาละลาย
ง. นา้ เทียนไขไปลนไฟ ก. สารทมี่ ีปริมาณมากกวา่
ข. สารที่มสี ถานะเดยี วกบั สารละลาย
13. ข้อใดเปน็ การเปลยี่ นแปลงสารใหม่ ค. สารทม่ี สี ถานะเป็นของเหลวเทา่ นัน
ก. การหุงตม้ ข. หยดนา้ คา้ งบนใบไม้ ง. สารที่มีสถานะเปน็ ของแขง็ ของเหลว และก๊าซ
ค. กระดาษทถ่ี ูกเผา ง. ชอ็ กโกแลตเยิม
20. ตัวถูกละลายคอื อะไร
14. ขย้ดี อกอัญชันสีนา้ เงินใหช้ ้าแลว้ นาไปจ่มุ ใน ก. สารที่มปี รมิ าณน้อยกวา่
นา้ สม้ สายชูสีดอกอญั ชันจะเป็นสีแดง เป็นการเปลย่ี นแปลง ข. สารทมี่ สี ถานะเดียวกบั สารละลาย
แบบใด ค. สารที่มสี ถานะเป็นของเหลวเท่านัน
ง. สารทีม่ คี วามหนาแน่นนอ้ ยกวา่ สารละลาย
ก. เป็นการเปลย่ี นแปลงแลว้ ทา้ ให้เกดิ สารใหม่
ข. เปน็ การเปลี่ยนแปลงแบบเปล่ียนสถานะ 21. “น้า + นา้ ตาลทราย = นา้ เชือ่ ม” จากขอ้ ความนี้
ค. เป็นการเปลยี่ นแปลงแบบละลาย สิง่ ใดเป็นตวั ทาละลาย
ง. เปน็ การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพ
ก. น้า ข. น้าตาลทราย
15. ข้อใดกลา่ วถกู ต้อง ค. น้าเช่อื ม ง. นา้ และนา้ ตาลทราย
ก. การเปลีย่ นแปลงแลว้ ได้สารใหม่ที่มสี มบัตแิ ตกต่าง
จากเดิม เปน็ การเปลย่ี นแปลงทางเคมี 22. การเปลยี่ นแปลงในขอ้ ใด เป็นการเปล่ยี นแปลงทางกายภาพ
ข. การทแี่ ก๊สเปลยี่ นสถานะเปน็ ของเหลว เป็นการ ก. การจดุ ดอกไม้ไฟ ข. การเกิดสนิมเหลก็
เปลยี่ นแปลงสถานะ ค. การทา้ ให้อาหารสุก ง. การเกดิ วฏั จักรของน้า
ค. การเปล่ียนแปลงแลว้ ได้สารที่ยังคงแสดงสมบัติของ
สารเดมิ เป็นการควบแนน่ 23. ระบุ ตวั ทาละลาย และตัวละลายของ ทิงเจอร์ไอโอดีน
ง. การท่ีของแขง็ เปลี่ยนสถานะเป็นแก๊ส เป็นการละลาย ก. ทิงเจอร์ กบั ไอโอดีน ข. ไอโอดนี กบั ทงิ เจอร์
ค. แอลกอฮอล์ กบั ไอโอดีน ง. ไอโอดีน กับ แอลกอฮอล์
16. สารละลายมกี ปี่ ระเภท 24. ระบุ ตวั ทาละลาย และตวั ละลายของน้าอดั ลม
ก. สารละลายเนอื เดียว สารละลายเนือคู่ ก. น้าหวาน กบั ลม
ข. สารละลายเนอื ละเอยี ด สารละลายเนอื หยาบ ข. ลม กับ นา้ หวาน
ค. สารละลายเนอื ผง สารละลายเนอื ก้อน ค. แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ กบั
ง. สารละลายเนือเดียว สารละลายเนอื ผสม
นา้ หวาน ง. น้าหวาน กับแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์
25. ลกู เหมน็ ทีว่ างไว้มขี นาดเล็กลง เกดิ การเปล่ียนแปลง 33. จากรปู จงหาแรงลพั ธ์
ใด ก. 5 นิวตัน ข. 10 นิวตนั
ค. 15 นิวตัน ง. 20 นวิ ตัน
ก. การหลอมเหลว ข. การกลายเปน็ ไอ
ค. การควบแน่น ง. การระเหดิ
26. การออกแรงกระทาต่อวตั ถุเพียงหนง่ึ แรง วัตถจุ ะ 34. จากรปู จงหาแรงลัพธ์
เคลื่อนทไ่ี ปทางใด
ก. 5 นวิ ตัน ข. 10 นิวตัน
ก. ทิศทางตรงข้ามกับแรง ข.ทศิ ทางเดยี วกับแรง ค. 15 นิวตัน ง. 20 นวิ ตนั
ค. ทศิ ทางสวนกับแรง ง. ทศิ ทางใดกไ็ ด้
27. ถ้ามีการกระทาต่อวตั ถุในทิศทางตรงข้าม โดยคา่ ของ 35. ข้อความใดถูกตอ้ งเกีย่ วกบั แรง
แรงเทา่ กันจะเกิดผลอยา่ งไร A สามารถมองเหน็ แรงได้
ก. วัตถเุ คล่ือนท่ีไปทางซ้าย ข. วตั ถุเคลือ่ นทีไ่ ปทางขวา B สามารถร้ไู ด้วา่ เกดิ แรง
ค. วัตถุไม่เคลอ่ื นที่ ง. สรุปไมไ่ ด้ C ทาใหว้ ัตถุเคลือ่ นทไ่ี ด้
28. การออกแรงแบบใดจะเกิดแรงลัพธม์ ากที่สุด D ทาให้วัตถุเปลยี่ นแปลงรูปรา่ งได้
ก. เดก็ 2 คน ช่วยกนั เขน็ ลัง
ข. เด็ก 3 คน ชว่ ยกันเข็นลงั ก. B และ C ข. A, B และ C
ค. เดก็ 5 คน ชว่ ยกันเข็นลงั
ง. เดก็ 7 คน ช่วยกันเข็นลงั ค. B, C และ D ง. A, B, C และ D
29. แรงลัพธ์มีหนว่ ยเป็นอะไร 36. ถ้ามแี รง 2 แรง กระทาตอ่ วตั ถใุ นแนวเดียวกนั และมที ิศทาง
เดียวกนั วตั ถุจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด
ก. เวกเตอร์ ข. ปาสคาล ก. ไม่เคล่อื นท่ี
ข. ทศิ ทางเดยี วกับแรงทังสอง
ค. นิวตัน ง. กรมั ค. ทิศทางตังฉากกับแรงทงั สอง
ง. ทิศทางตรงกนั ขา้ มกับแรงทังสอง
30. ข้อใดคอื ผลจากการกระทาของแรง 37. แรงท่ีต่อต้านการเคลือ่ นท่ขี องวตั ถุเรยี กว่าอะไร
ก. แรงทา้ ใหว้ ัตถุเปล่ยี นแปลงรูปร่างได้ ก. แรงดงึ ข. แรงกด
ข. แรงท้าใหว้ ัตถทุ ี่อยูน่ ่ิงเรม่ิ เคล่อื นที่
ค. แรงท้าให้ความเร็วของวัตถทุ ่เี คลื่อนท่อี ยเู่ ปล่ยี นแปลงไป ค. สมั ประสิทธิ์ ง. แรงเสยี ดทาน
ง. ถกู ทกุ ข้อ 38. เหตุใดยางรถยนต์จึงมีลวดลายและผวิ ขรขุ ระ
31. ข้อใดไมม่ แี รงเข้ามาเกี่ยวขอ้ ง ก. เพ่ิมแรงเสียดทาน ข. ลดแรงเสียดทาน
ก. การเตะฟุตบอล ข. แก้วนา้ วางอยู่บนโตะ๊ ค. ให้ความสวยงาม ง. สะดวกสบายเวลาเปลีย่ นยาง
ค. การผลกั ประตู ง. การเลน่ ชักเย่อ 39. กรณใี ดเปน็ การเพมิ่ แรงเสยี ดทาน
32. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ตอ้ งเกีย่ วกับแรงลัพธ์ ก. บุชในพดั ลม ข. ตลับลูกปืนทล่ี อ้
ก. ผลของแรงทกุ แรงท่ีกระทา้ ต่อวตั ถุ ค. รองเทา้ ไม้ ง. ยางรถยนต์
ข. ผลของแรงนา้ มาบวกกัน
ค. ผลของแรงน้ามาหกั ลา้ งกนั
ง. ผลรวมของแรงที่มีคา่ เป็นศนู ย์
40. เมอื่ รถว่งิ ไปข้างหน้า แรงเสยี ดทานของถนนจะมี 46. จากตารางขอ้ ใดเกิดแรงเสียดทานนอ้ ยที่สดุ
ทิศทางใด ผิวสัมผสั ของวัตถุ ผิวสัมผสั ของวัตถุ
ชนิ ที่ 1 ชินที่ 2
ก. ทิศทางตรงข้ามกบั รถวิ่ง
ข. ทศิ ทางเดียวกบั รถวงิ่ ก. ผิวไมเ่ รยี บ ผวิ ไม่เรยี บ
ค. ทิศทางไมแ่ น่นอน
ง. พืนถนนมีแรงเสียดทานทกุ ทศิ ทาง ข. ผวิ เรียบ ผิวไมเ่ รียบ
41. เหตกุ ารณใ์ ดสนบั สนุนความสาคญั ของ แรงเสียดทาน ค. ผวิ ไมเ่ รยี บ ผิวเรียบ
ก. รถที่ว่ิงขนึ เขา ต้องเรง่ เครือ่ งมากกวา่ รถทแ่ี ล่นในที่
ราบ ง. ผิวเรียบ ผิวเรยี บ
ข. ขณะรถวิ่งลงจากเขา เมื่อดบั เครอ่ื งรถยงั วิง่ ต่อไปได้
ค. เมอ่ื รถวิ่งผา่ นถนนท่ีมีนา้ มันเครื่องหกอยเู่ ต็ม รถจะ 47. หากกลงิ้ มะละกอ ส้มโอ ทเุ รยี น และขนนุ ดว้ ยแรงเท่ากัน
หมนุ คว้าง
ง. รถที่แล่นเรว็ จะต้องใช้ระยะเบรกไกลกวา่ รถท่แี ลน่ ชา้ อยากทราบว่าผลไม้ในขอ้ ใดจะเคลอื่ นทไี่ ปไดร้ ะยะทางไกลทส่ี ุด
42. ขอ้ ใดกลา่ วถูกตอ้ งเก่ยี วกับแรงเสยี ดทาน ก. มะละกอ ข. สม้ โอ
ก. เกิดขึนเมื่อวัตถุหน่ึงพยายามเคลอ่ื นที่
ข. เกดิ ขนึ ระหว่างผวิ สมั ผัสของวัตถุ ค. ทุเรียน ง. ขนนุ
ค. มที ิศทางตรงกนั ขา้ มกบั ทิศทางการเคลื่อนท่ี
ง. ถกู ทกุ ข้อ 48. แรงลพั ธท์ ี่กระทาต่อวตั ถุใดทาใหว้ ตั ถหุ ยุดนิ่ง
ก.
ข.
43. ขอ้ ใดเป็นปัจจัยท่มี ีผลตอ่ แรงเสยี ดทาน ค.
ก. น้าหนกั -ลักษณะผวิ สัมผัส
ข. นา้ หนัก-พืนที่ผวิ สมั ผสั ง.
ค. ลักษณะผิวสัมผสั -พืนที่ผวิ สัมผัส
ง. นา้ หนัก-ลกั ษณะผิวสมั ผัส-พืนทผี่ ิวสัมผสั 49. เพราะเหตุใดการเลอื กกระเบื้องปูพนื้ หอ้ งนา้ จงึ ตอ้ งเลือกที่มีผิว
สากเลก็ นอ้ ย
44. ข้อใดเปน็ การเพม่ิ แรงเสียดทาน ก. เพ่อื จะได้ทา้ ความสะอาดงา่ ย
ก. การออกแบบรถใหม้ รี ูปร่างเพรยี ว ข.เพื่อให้เกิดความสวยงาม
ข. การใชย้ างรถที่มีลวดลาย ค. เพื่อปอ้ งกนั การลื่นหกล้ม
ค. การใช้ลกู ปืนในเครื่องจักร ง. เพื่อไมใ่ ห้ต้องใช้แรงในการขดั มาก
ง. การใชน้ า้ มนั หล่อล่นื
50. ขอ้ ใดเปน็ การลดแรงเสียดทาน
45. ข้อใดไม่ถกู ต้อง ก. การท้าขอบบันไดให้ขรขุ ระ
ก. แรงเสยี ดทานนอ้ ย วัตถจุ ะเคลอื่ นที่ได้ไกล ข. การใชย้ างรถท่ีมีลวดลาย
ข. แรงเสียดทานมาก วตั ถจุ ะเคลอื่ นท่ไี ด้ไกล ค. การใชร้ ถเข็นในการเคลอื่ นยา้ ยสิ่งของ
ค. แรงเสยี ดทานทีม่ ากพอ ทา้ ให้วัตถหุ ยุดนงิ่ ได้ ง. การใช้รองเท้าท่มี พี นื รองเท้าขรขุ ระ
ง. วตั ถุที่มพี ืนผิวเรียบจะเกดิ แรงเสยี ดทานน้อยกว่าวัตถุท่ี
มพี ืนผิวขรุขระ