The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by librarian.sk123, 2021-06-28 02:04:43

กระชายเหลือง

กระชายเหลือง

แหล่งเรียนรู้สมุนไพร
กศน.ห่วงใย ต้านภยั โควคิ -19
ห้องสมุดประชาชนจงั หวดั สงขลา

กระชายเหลอื ง

ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Boesenbergia rotunda (L.) Mansf. จดั อยใู่ นวงศข์ ิง (ZINGIBERACEAE)
ชื่ออ่ืน : วา่ นพระอาทิตย์ (กรุงเทพมหานคร), กระชายดา กะแอน ขิงทราย (มหาสารคาม), จ๊ีปู ซีฟู เปาซอ
เร๊าะ เป๊ าส่ี เป๊ าะสี่ ระแอน เป๊ าะซอเร้าะ (กะเหร่ียง-แมฮ่ ่องสอน), ละแอน (ภาคเหนือ), ขิงจีน เป็นตน้

ตน้ กระชาย มีถ่ินกาเนิดในเขตร้อนบริเวณเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ โดยจดั เป็ นไมล้ ม้ ลุก มีเหงา้ ส้ัน
แตกหน่อได้ มีรากอวบ เป็ นรูปทรงกระบอกหรือรูปทรงไข่ค่อนขา้ งยาว ปลายเรียว มีความยาวประมาณ 4-
10 เซนติเมตร และกวา้ งประมาณ 1-2 เซนติเมตร ออกเป็ นกระจุก ผิวมีสีน้าตาลอ่อน ส่วนเน้ือในมีสีเหลือง
และมีกล่ินหอมเฉพาะตวั มกั พบข้ึนในป่ าดิบร้อนช้ืน

ใบกระชาย คือลกั ษณะของส่วนที่อยเู่ หนือดิน มีประมาณ 2-7 ใบ ลกั ษณะของใบเป็ นใบเดี่ยว เรียง
สลบั ลกั ษณะเป็นรูปรี ใบยาวประมาณ 12-50 เซนติเมตรและกวา้ งประมาณ 5-12 เซนติเมตร โคนใบมนหรือ
แหลม ส่วนปลายใบเรียวแหลม มีขอบเรียบ เส้นกลางใบ ดา้ นใบ และกาบใบด้านบนจะเป็ นร่อง ส่วน
ดา้ นล่างจะนูนเป็นสนั ดา้ นใบเรียบมีความยาวประมาณ 7-25 เซนติเมตร ส่วนกาบใบเป็นสีชมพยู าวประมาณ
7-25 เซนติเมตร ระหวา่ งกา้ นใบและกาบใบจะมีลิ้นใบ

ดอกกระชาย ออกดอกเป็ นช่อแบบช่อเชิงลด โดยจะออกที่ยอดระหวา่ งกาบใบคู่ในสุด มีความยาว
ประมาณ 5 เซนติเมตร แตล่ ะดอกจะมีใบประดบั 2 ใบ มีสีขาวหรือสีขาวอมชมพอู ่อน ๆ เป็ นรูปใบหอกกวา้ ง
ประมาณ 8 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 3.5-4.5 เซนติเมตร ท่ีกลีบเล้ียงมีสีขาวหรือสีขาวอมชมพูอ่อน โคน
ติดกนั เป็ นหลอด ยาวประมาณ 1.7 เซนติเมตร ปลายจะแยกเป็ น 3 แฉก ส่วนกลีบดอกมีสีขาวหรือสีขาวอม
ชมพูอ่อน โคนติดกนั เป็ นหลอด ยาวประมาณ 6 เซนติเมตร และปลายแยกเป็ น 3 กลีบ เป็ นรูปใบหอก มี
ขนาดไม่เท่ากนั กลีบใหญ่มี 1 กลีบ กวา้ งประมาณ 7 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 1.8 เซนติเมตร ส่วนอีก 2
กลีบจะมีขนาดเทา่ กนั กวา้ งประมาณ 5 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร มีเกสรตวั ผอู้ ยู่ 6 อนั แต่มี
5 อนั ท่ีเปลี่ยนไปมีลกั ษณะเหมือนกลีบดอก โดย 2 กลีบบนมีสีชมพู รูปไข่กลบั ขนาดเท่ากนั มีความกวา้ ง
ประมาณ 1.2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1.7 เซนติเมตร ส่วนอีก 3 กลีบล่างมีสีชมพูติดกนั เป็ นกระพุง้ มี
ความกวา้ งประมาณ 2 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2.7 เซนติเมตร และที่ปลายจะแผ่กวา้ งประมาณ 2.5
เซนติเมตร มีสีชมพูหรือสีม่วงแดงเป็ นเส้นอยเู่ กือบท้งั กลีบ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงตรงกระเปาะและปลายกลีบ
จะมีเกสรตวั ผทู้ ่ีสมบูรณ์อยู่ 1 อนั กา้ นชูอบั เรณูหุม้ กา้ นเกสรตวั เมีย

ผลกระชาย ผลแก่จะแตกเป็น 3 เส่ียง มีเมลด็ ค่อนขา้ งใหญ่

กระชาย มีอยดู่ ว้ ยกนั 3 ชนิด คือ กระชายดา กระชายแดง และกระชายเหลือง โดยกระชายเป็ นพืช
สมุนไพรที่คนไทยตา่ งรู้จกั กนั เป็นอยา่ งดี สามารถนามาปรุงเป็นอาหารไดห้ ลากหลายเมนู โดยเฉพาะอยา่ งยิ่ง
ในการนามาใชเ้ ป็นส่วนผสมสาคญั ในแกงป่ า หรือผดั ต่าง ๆ โดยส่วนที่นิยมนามาใชป้ ระกอบอาหารกนั มาก
ท่ีสุดคือ รากสะสมอาหาร หรือท่ีเรียกวา่ "นมกระชาย" ซ่ึงรากกระชายน้ีจะมีกล่ินหอมเฉพาะตวั สามารถใช้
เป็นผกั จิ้มไดโ้ ดยตรง แตค่ นส่วนใหญ่มกั จะนิยมนามาใชเ้ ป็นเคร่ืองแกงซะมากกวา่ เพราะมีคุณสมบตั ิในการ
ช่วยดบั กลิ่นคาวของเน้ือสตั วเ์ น้ือปลาไดเ้ ป็นอยา่ งดี

สรรพคุณ

 กระชายมีสรรพคุณช่วยบารุงร่างกาย เป็นยาอายวุ ฒั นะ
 ช่วยบารุงธาตุในร่างกาย (ใบ)
 กระชายเหลืองมีสรรพคุณช่วยแกล้ มวงิ เวยี น แน่นหนา้ อก

 ช่วยบารุ งกาลัง เสริ มสมรรถภาพทางเพศ บาบัดโรคนกเขาไม่ขันหรื อโรคอีดี (Erectile
Dysfunctional หรือ ED) (เหงา้ ใตด้ ิน)

 ช่วยบารุงหวั ใจ ดว้ ยการใชเ้ หงา้ และรากของกระชายนามาปอกเปลือก ลา้ งน้าให้สะอาด นามาหัน่
ตากแหง้ แลว้ บดจนเป็ นผง และให้ใชผ้ งแหง้ ที่เตรียมไวป้ ระมาณ 1 ชอ้ นชา นามาชงกบั น้าร้อนคร่ึง
ถว้ ยชา แลว้ รับประทานเพียงคร้ังเดียว (เหงา้ , ราก)

 ช่วยบารุงกระดูก ช่วยทาใหก้ ระดูกไมเ่ ปราะบาง
 ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนตา่ ง ๆ ในร่างกาย

 ช่วยบารุงกาหนดั แกอ้ าการกามตายดา้ น (เหงา้ ใตด้ ิน)

 ช่วยบารุงสมอง เพราะช่วยทาใหเ้ ลือดไปเล้ียงสมองส่วนกลางไดด้ ีมากข้ึน
 ช่วยปรับสมดุลของความดนั โลหิตในร่างกาย ช่วยลดความดนั โลหิตเม่ือความดนั โลหิตสูง แต่เมื่อ

ความดนั โลหิตต่ากจ็ ะช่วยทาใหค้ วามดนั เพมิ่ ข้ึนจนเป็นปกติ
 สรรพคุณกระชายช่วยแกโ้ ลหิตเป็นพษิ (ใบ)

 กระชายมีสรรพคุณทางยาช่วยแกโ้ รคในปากและคอ เช่น ปากเป่ื อย ปากแห้ง ปากเป็ นแผล (ใบ,
เหงา้ )

 ช่วยแกฝ้ ้ าขาวในปาก ดว้ ยการใชก้ ระชายท่ีลา้ งสะอาดนามาบดแบบไม่ตอ้ งปอกเปลือก แลว้ ใส่ใน
โถป่ันพอหยาบ แลว้ นามาใส่ขวดปิ ดฝาแช่ไวใ้ นตเู้ ยน็ แลว้ นามากินก่อนอาหารคร้ังละ 1 ชอ้ นชาเล็ก
กินวนั ละ 3 ม้ือก่อนอาหารประมาณ 15 นาที ประมาณ 1 อาทิตย์ (ราก)

 เหงา้ ใตด้ ินมีรสเผ็ดร้อนและขม มีสรรพคุณช่วยแกอ้ าการปวดทอ้ ง มวนในท้อง อาการทอ้ งอืด
ทอ้ งเฟ้ อ ดว้ ยการใชเ้ หงา้ และรากประมาณคร่ึงกามือ ถา้ สดให้ใชป้ ระมาณ 5-10 กรัม แต่ถา้ เป็ นแหง้
ให้ใช้ประมาณ 3-5 กรัม แล้วนามาต้มเอาน้าด่ืมแก้อาการ หรือจะนามาใช้ปรุงเป็ นอาหารไว้
รับประทานกไ็ ดเ้ ช่นกนั (เหงา้ ใตด้ ิน)

 ช่วยแกอ้ าการทอ้ งร่วง ทอ้ งเดิน ดว้ ยการใช้เหงา้ สด 1-2 เหงา้ ใช้เหงา้ ท่ีปิ้ งไฟแลว้ นามาฝนหรือตา
ผสมกบั น้าปนู ใส หรือจะค้นั ใหข้ น้ ๆ แลว้ นามารับประทานคร้ังละ 1-2 ชอ้ นชากไ็ ด้ (เหงา้ , ราก)

 ช่วยแกบ้ ิด โดยใชเ้ หงา้ สดประมาณ 2 เหงา้ นามาบดจนละเอียดแลว้ เติมน้าปูนใส ค้นั เอาแต่น้ามาด่ืม
(เหงา้ สด)

 ช่วยรักษาอาการทอ้ งเดินในเดก็ (เหงา้ , ราก)

 รากกระชายมีสรรพคุณช่วยแกโ้ รคกระเพาะ (ราก)

 ช่วยแกอ้ าการบิดมูกเลือด (เหงา้ , ราก)

 ใชเ้ ป็นยาขบั ปัสสาวะ แกอ้ าการปัสสาวะพกิ าร (เหงา้ , ราก)
 ช่วยบารุงตบั และไตใหแ้ ขง็ แรง ช่วยรักษาโรคไต ช่วยทาใหไ้ ตทางานไดด้ ียง่ิ ข้ึน
 ช่วยป้ องกนั ไทรอยดเ์ ป็นพิษ

 ช่วยรักษาอาการกระเพาะปัสสาวะเกร็ง ซ่ึงในกรณีน้ีอาจจะตอ้ งใชเ้ มด็ บวั ท่ีตม้ แลว้ นามารับประทาน
ร่วมดว้ ย

 ช่วยแกอ้ าการไส้เลื่อนในเพศชาย

 ช่วยควบคุมไม่ใหต้ ่อมลูกหมากโต

 ช่วยบารุงมดลูกของสตรี ป้ องกนั ไม่ใหม้ ดลูกโต

 แกอ้ าการตกขาว ช่วยขบั ระดูขาวของสตรี (เหงา้ )

 ช่วยขบั น้าคาวปลาของสตรีหลงั คลอดบุตร
 ใช้เป็ นยารักษาริดสีดวงทวาร ดว้ ยการใชเ้ หงา้ สดประมาณ 60 กรัม (6-8 เหงา้ ) นามาผสมกบั เน้ือ

มะขามเปี ยกประมาณ 60 กรัม เกลือแกง 3 ชอ้ นแกง และนามาตาแลว้ ตม้ กบั น้า 6 แกว้ แลว้ เคี่ยวจน
เหลือ 2 แกว้ นามารับประทานคร้ังละคร่ึงแกว้ ก่อนนอน แลว้ รับประทานติดต่อกนั ประมาณ 1 เดือน
จนกวา่ จะหาย (เหงา้ ใตด้ ิน)

 ใบช่วยถอนพิษตา่ ง ๆ (ใบ)

 ช่วยแกอ้ าการปวดเมื่อย ดว้ ยการใชเ้ หงา้ หรือรากแก่ ๆ นามาหนั่ เป็ นแวน่ บาง ๆ แลว้ นาไปตากแห้ง
และนามาชงกบั น้าด่ืม (ราก, เหงา้ )

 ช่วยบารุงเส้นเอน็ ใหแ้ ขง็ แรง

 เหงา้ และรากใชเ้ ป็นยาภายนอก สรรพคุณช่วยรักษาข้ีกลาก ข้ีเกล้ือน (เหงา้ , ราก)
 ช่วยรักษาโรคน้ากดั เทา้ ดว้ ยการใชร้ ากกระชายท้งั เปลือกมาลา้ งแลว้ ผ่งึ ให้แหง้ ฝานเป็ นแวน่ ๆ และ

นาไปบดให้เป็ นผงหยาบ ๆ และใชน้ ้ามนั มะกอกหรือน้ามนั มะพร้าวมาอุ่นในหมอ้ ใบเล็ก ๆ เติมผง
กระชาย ใชน้ ้ามนั 3 เทา่ ของปริมาณกระชาย แลว้ นามาหุงดว้ ยไฟอ่อน ๆ ราว 15-20 นาที แลว้ กรอง
กระชายออก เก็บน้ามนั ไวใ้ นขวดแกว้ สีชา นามาใชท้ าบริเวณที่เป็น (ราก)
 ช่วยแกอ้ าการคนั หนังศีรษะจากเช้ือรา ดว้ ยการใช้น้ามนั ดงั กล่าว (จากสูตรรักษาโรคน้ากดั เทา้ )
นามาเขา้ สูตรทาเป็นแชมพสู ระผม หรือจะใชน้ ้ามนั กระชายโกรกผมแลว้ นวดใหเ้ ขา้ หนงั ศีรษะก็ได้
แลว้ ค่อยลา้ งออก (น้ามนั กระชาย)
 ช่วยรักษาฝี ดว้ ยการใช้เหงา้ กบั รากมาตาให้ละเอียดแลว้ นามาทาหวั ฝี ที่บวม จะทาให้หายเร็วย่งิ ข้ึน
(เหงา้ , ราก)

 เหง้ามีฤทธ์ิในการช่วยต้านเช้ือราที่เป็ นสาเหตุของการเกิดโรคผิวหนังและโรคในช่องปากดี
พอสมควร (เหงา้ )

 กระชายมีสารท่ีออกฤทธ์ิช่วยตา้ นการก่อการกลายพนั ธุ์ โดยการบริโภครากกระชายสามารถช่วยลด
ความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้

 กระชายมีสารท่ีออกฤทธ์ิทาใหอ้ นุมูลอิสระเป็นกลาง จึงมีผลช่วยลดความเสียหายของการเกิดอนุมูล
อิสระภายในร่างกายได้

 กระชายมีฤทธ์ิช่วยต้านการอักเสบ การบริโภคกระชายเป็ นประจาอาจได้ผลคล้ายกับการ
รับประทานยาแอสไพรินและอาจจะช่วยป้ องกนั การเกิดโรคท่ีมีสาเหตุมาจากการอกั เสบเร้ือรัง
ภายในร่างกายได้

ประโยชน์

 สามารถนามาทาเป็ นน้ ากระชายป่ัน ด่ืมเพ่ือเพ่ิมความสดช่ืน บารุ งร่างกาย ทาให้ร่างกาย
กระปร้ีกระเปร่าไดเ้ ป็นอยา่ งดี

 ช่วยทาให้เส้นผมแข็งแรง เปลี่ยนผมขาวให้กลบั เป็ นดา ช่วยทาให้ผมบางกลบั มาหนาข้ึน และช่วย
แกป้ ัญหาผมหงอก ผมร่วงได้

 รากนามาใช้เป็ นเคร่ืองแกงในการประกอบอาหาร ช่วยดบั กล่ินคาวของเน้ือและปลาไดเ้ ป็ นอยา่ งดี
โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ปลาดุก ปลาไหล ปลากุลา เป็ นตน้ และยงั ทาใหอ้ าหารมีกลิ่นและรสที่หอมแบบ
เป็นเอกลกั ษณ์อีกดว้ ย

 รากกระชายสามารถช่วยไล่แมลงได้ ดว้ ยการนาตะไคร้ ข่า หอมแดง ใบสะเดาแก่ นามาตาผสมกนั
แลว้ ใชผ้ สมกบั น้าฉีดในบริเวณที่มีแมลงรบกวน

วธิ ีทานา้ กระชาย

 การทาน้ากระชายใหเ้ ตรียมวตั ถุดิบดงั น้ี กระชายเหลืองสดคร่ึงกิโล (หรือจะใชส้ ูตรผสมก็ได้ โดยใช้
กระชายเหลือง 5 ส่วน กระชายดา 1 ส่วน และกระชายแดง 1 ส่วน) / น้าผ้งึ / น้ามะนาว / น้าเปล่าตม้
สุกที่ทิ้งไวจ้ นเยน็

 ข้นั ตอนแรกใหน้ ากระชายมาลา้ งใหส้ ะอาด ตดั รากท่ีรกรุงรังออก ตดั หวั และทา้ ยทิ้งไป ถา้ ขดู เปลือก
ออกบา้ งกจ็ ะดีมาก

 เม่ือเสร็จแลว้ นามาหน่ั เป็ นท่อน ๆ เพอ่ื ใหง้ ่ายตอ่ การนามาป่ัน
 ใหเ้ ตรียมผา้ ขาวบางรองดว้ ยกระชอนไวใ้ หพ้ ร้อม
 นากระชายที่เตรียมไวใ้ ส่ในโถปั่นและผสมกบั น้าเปล่าตม้ สุกพอประมาณ แลว้ ป่ันจนละเอียด
 เสร็จแลว้ ใหเ้ ทใส่กระชอนที่เตรียมไว้ ถา้ น้านอ้ ยกใ็ หผ้ สมน้าเปล่าลงไปอีก แลว้ ค้นั เอาแตน่ ้าเท่าน้นั
 ท่ีน้ีเราก็จะไดน้ ้ากระชายเหลืองสด ๆ ซ่ึงสามารถเก็บไวใ้ นตูเ้ ยน็ ไดน้ านเป็นเดือน
 เม่ือจะด่ืมกเ็ พียงแคน่ ามาผสมกบั น้ามะนาว น้าผ้งึ ในถว้ ยแลว้ คนใหเ้ ขา้ กนั แลว้ จึงใส่น้ากระชายตาม

ลงไป
 เมื่อผสมจนรสชาติกลมกล่อมตามท่ีตอ้ งการแลว้ กเ็ ป็ นอนั เสร็จ

 แตถ่ า้ กลวั วา่ กล่ินกระชายจะแรงไป ก็สามารถใชใ้ บบวั บกหรือใบโหระพามาปั่นรวมกนั ก็ไดต้ ามใจ
ชอบ เพราะไมม่ ีส่วนผสมท่ีเป็นสูตรตายตวั เทา่ ไหร่

*** น้ากระชายไม่ควรเก็บไวน้ านมาก เพราะจะทาใหค้ วามซ่าและความหอมของกระชายลดนอ้ ยลง ทาให้
เกิดตะกอนท่ีก้น ถ้าจะให้ดีที่สุดก็ควรด่ืมให้หมดภายใน 1 อาทิตย์ จะได้ท้งั รสชาติที่ซ่า ด่ืมแล้วช่ืนใจ
พร้อมสรรพคุณอีกเต็ม ๆ ดว้ ย แต่สาหรับผทู้ ี่ดื่มน้ากระชายแลว้ มีอาการแปลก ๆ ร้อนวูบวาบ หรือมีอาการ
เหง่ือออกหรือเรอออกมาก็ไมต่ อ้ งตกใจ เพราะเป็นอาการปกติที่อาจเกิดข้ึนได้ หากด่ืมไปสักพกั เด๋ียวก็ชินไป
เอง


Click to View FlipBook Version