โดย คุณครูวรรณธนา จิรมหาศาล ทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมสากล ทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมตะวันตกมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องและมีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์งานศิลปะ ของโลกอย่างมาก ทั้งยังเป็นศิลปะที่ผสมผสานแนวคิด เทคนิค วิธีการอย่างเป็นกลาง ไม่มีรูปแบบตายตัว ผู้ สร้างสรรค์สามารถพัฒนางานได้อย่างอิสระ รูปแบบที่เกิดขึ้นถือเป็นสากล ไม่เกี่ยวกับชาติใด ผู้ชมทั่วโลก สามารถดูแล้วเข้าใจสอดคล้องกันได้ ผลงานจิตรกรรมอายุเก่าแก่เป็นภาพเขียนสี ขูดขีดเป็นรูปสัตว์ต่างๆและการล่าสัตว์ มีทั้งลวดลาย เรขาคณิต รอยฝ่ามือ ตามบริเวณถ้้าและเพิงผา ความแตกต่างตามยุคสมัยของวัฒนธรรมสากลสามารถแบ่งได้ดังนี้ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ มีพัฒนาการเริ่มต้นตั้งแต่สมัยยุคหิน ก่อนเข้าสู่ยุคโลหะ จนเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์ ผลงานทัศนศิลป์ ในช่วงนี้เป็นผลงานที่สร้างขึ้นอย่างง่ายๆ บอกเล่าเรื่องราวที่เป็นสภาพแวดล้อมใกล้ๆตัว ความเชื่อเรื่องจิต วิญญาณ และปรากฏการณ์ธรรมชาติ ด้านประติมากรรมเริ่มจากการสร้างอาวุธ เครื่องมือเครื่องใช้ด้วยหิน มีการรู้จักน้างาสัตว์ กระดูกสัตว์ ก้อนหิน มาแกะสลักเป็นสัญลักษณ์ เพื่อสื่อความหมาย ใช้ในการบูชามากกว่าเน้นประดับตกแต่ง
โดย คุณครูวรรณธนา จิรมหาศาล นอกจากนี้ยังมีการท้าเครื่องปั้นดินเผาเพื่อใช้สอย ทั้งแบบธรรมดา และมีลวดลายขูดขีด งานสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นคือสถาปัตยกรรมหินในรูปแบบต่างๆ ลักษณะท้าเป็นโต๊ะหินหรือ หินล้อม ได้แก่สโตนเฮ้นจ์ ในประเทศอังกฤษ ซึ่งไม่สามารถสรุปได้ว่าสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใดแต่คาดว่า น่าจะเกี่ยวกับลัทธิ ความเชื่อ
โดย คุณครูวรรณธนา จิรมหาศาล สมัยประวัติศาสตร์ ดินแดนส่วนต่างๆของโลกจะเข้าสมัยประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างในสมัยอียิปต์ อียิปต์ มีความ เจริญรุ่งเรืองในแถบลุ่มแม่น้้าไนล์ ผลงานที่แสดงออกส่วนใหญ่เป็นความเชื่อ ความศรัทธา ที่มีต่อศาสนา และ ผู้น้า ผลงานที่โดดเด่นมักเป็นผลงานสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ เช่น วิหาร อาคาร พีระมิด ซึ่งส่วนใหญ่สร้าง จากหิน งานประติมากรรมจะมีทั้งงานแกะสลักเสา ฝาผนัง โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับเทพเจ้า และฟาโรห์ งานจิตรกรรมก็มักเป็นเรื่องเกี่ยวกับเทพเจ้ามีการใช้สีที่ท้าจากวัสดุธรรมชาติ รูปร่างเป็นรูปแบน เส้นคมชัด มีสี สดใส ฉากหลังเป็นพื้นขาว ในส่วนส้าคัญของภาพมักจะวาดให้มีขนาดใหญ่กว่าปกติ
โดย คุณครูวรรณธนา จิรมหาศาล สมัยกลาง เป็ นช่วงที่ศาสนาคริสต์ และ ศาสนจักรมีบทบาทสูงต่อ สังคม แนวคิดทางศิลปะเชื่อว่าความงามเป็ นสิ่งที่พระเจ้า สร้างขึ ้นผ่านทางศิลปิ น ดังนั ้น ศิลปิ นจึงต้องสร้ างสรรค์งานที่ เกี่ยวกับพระเจ้าให้งดงามที่สุด กรีก ผลงานทัศนศิลป์ที่โดดเด่นเป็นผลงานทาง ประติมากรรมและสถาปัตยกรรม ทางด้านประติมากรรมเรียกได้ ว่าเป็นยุคคลาสสิค มีการสร้างงานที่เป็นเอกลักษณ์ของกรีก โดยเฉพาะ มักเป็นงานที่หล่อด้วยส้าริด และแกะสลักด้วยหิน อ่อน เป็นรูปของเทพเจ้า นักกีฬา วีรบุรุษ สัตว์ต่างๆ โดย รูปทรงจะมีความเป็นมนุษย์จริงๆตามธรรมชาติ งานสถาปัตยกรรม มีการก่อสร้างอาคารขนาด ใหญ่ ซึ่งออกแบบอย่างดี ทั้งสัดส่วน ความสูง ระยะห่างระหว่างต้าแหน่งต่างๆ มีการแกะสลัก ประดับประดาอย่างงดงาม
โดย คุณครูวรรณธนา จิรมหาศาล จุดเด่นของสถาปัตยกรรมกรีก คือ มีการออกแบบหัวเสาอย่างสวยงาม ในการออกแบบหัวเสาของกรีก จะมีความแตกต่างอยู่ ๓ แบบ คือ ดอริก ไอโอนิก และ แบบคอรินเทียน โรมัน ได้รับรูปแบบศิลปกรรมของ กรีกเข้ามาใช้ แล้วปรับปรุงให้ เหมาะสมกับความต้องการของตน ลักษณะเด่นจะเป็นผลงาน สถาปัตยกรรมที่มุ่งประโยชน์ใช้สอย ไม่เน้นสร้างศาสนสถาน ผลงานจิตรกรรม มีปรากฏเป็นภาพวาดบนฝาผนัง โดยใช้สี วาดเป็นรูปทิวทัศน์ สิ่งก่อสร้าง มีการแสดงสัดส่วนตาม ธรรมชาติ และใช้แสงเงาเพื่อสร้างมิติ และมีภาพที่ประดับ ด้วยเศษหินสี เรียกว่าภาพโมเสก (Mosiac)
โดย คุณครูวรรณธนา จิรมหาศาล ผลงานที่ส้าคัญในสมัยโรมันส่วนใหญ่ จะเป็นสนามกีฬาหรือโรงมหรสพ ทั้งนี้โรมันได้พัฒนาโครงสร้าง แบบประตูโค้ง และหลังคาโดมซึ่งเป็นรูปครึ่งทรงกรม ไม่เน้นตกแต่งเหมือนกรีก ไบแซนไทน์ ลักษณะผลงานเป็นการผสม ระหว่างตะวันออกและตะวันตก เรื่องราวจะ เกี่ยวข้องกับศาสนา ทางด้านสถาปัตยกรรมมีการ ก่อสร้างวิหารหลายแห่ง ภายในประดับด้วย กระจกสี งานประติมากรรมแบบไบแซนไทน์ จะเป็นรูปพระเยซูและนักบุญต่างๆ
โดย คุณครูวรรณธนา จิรมหาศาล งานจิตรกรรม มีการใชเทคนิควาดภาพแบบเฟ รสโก (Fresco) คือวาดเส้นระบายสีบนภาพ ขณะที่ปูนฉาบผนังยังเปียกอยู่ โรมาเนสก์ ได้รับรูปแบบ ศิลปกรรมของศิลปะโรมัน ลักษณะ ของสถาปัตยกรรม การสร้างวิหาร โดยทั่วไปจะมีแผนผังเป็นรูปไม้ กางเขน ท้าหลังคาและเพดานโค้ง ก้าแพงหนาทึบ มีช่องประตูน้อย ลักษณะเหมือนป้อมปราการ ประติมากรรมของโรมาเนสก์ส่วนใหญ่เป็นงาน แกะสลักหินประดับอาคาร รูปร่างท่าทางจะไม่เป็น ธรรมชาติ
โดย คุณครูวรรณธนา จิรมหาศาล งานจิตรกรรมจะมีลักษณะแข็ง แต่เป็นธรรมชาติ มี ทั้งวาดแบบธรรมดาและแบบเฟรสโก กอทิก เริ่มต้นขึ้นที่ฝรั่งเศส ผลงานทัศนศิลป์มีความสมจริงตามธรรมชาติ สถาปัตยกรรมมักเป็นอาคารทรง สูงชะลูด แหลม ใช้ประตูรูปโค้ง เพดานโค้ง หลังคาโค้ง ภายในประดับกระจกสี ผลงานประติมากรรมของกอทิก จะเป็นเรื่องราว เกี่ยวกับศาสนา สื่ออารมณ์ความรู้สึก แต่เป็นรูปลอยตัว ไม่ติดกับฝาผนัง
โดย คุณครูวรรณธนา จิรมหาศาล ผลงานจิตรกรรมที่โดดเด่นมากของยุคนี้ คือการท้ากระจกสีเป็นรูปต่างๆ ส้าหรับ ใช้ประดับตกแต่ง ประตู หน้าต่าง สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สมัยเรอเนซองซ์ (Renaissance) ถือก้าเนิดในอิตาลีก่อนที่จะแพร่ขยายไป ทั่วยุโรป เป็นการรื้อฟื้นศิลปวิทยาสมัยกรีก โรมัน ศิลปะในยุคสมัยนี้จะยึดถือเหตุผล ระเบียบ ความเป็นจริงตามธรรมชาติมากกว่าอารมณ์ความรู้สึก ผลงานจะเกี่ยวกับศาสนาแต่ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับคนทั่วไปปรากฏอยู่ด้วย งานประติมากรรม มีการแสดงออกถึงความจริงตาม ธรรมชาติ มีการน้าความรู้ทางกายวิภาคมาใช้ผลงานเน้นสัดส่วนที่ ถูกต้อง แสดงกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น แสดงออกทางความรู้สึกด้วยท่าทาง และใบหน้า
โดย คุณครูวรรณธนา จิรมหาศาล ด้านจิตรกรรม มีการใช้ หลักทัศนียภาพเชิงเส้น คือ แสดง สัดส่วน แสดงความคมชัดของสี แสง เงา ที่ถูกต้อง ตามระยะใกล้ ไกล มีการใช้องค์ประกอบทาง ทัศนศิลป์ในการสร้างสรรค์ผลงาน ทางด้านสถาปัตยกรรม มีการก่อสร้าง อาคารขนาดใหญ่ตามแบบกรีก โรมัน โดยท้าหลังคาเป็นรูปโดม ภายใน ประดับด้วยภาพจิตรกรรม และ ประติมากรรมที่งดงาม สมัยใหม่ เป็นการแสดงออกทางศิลปะที่ไม่มีรูปแบบแน่นอน ตายตัวลักษณะเด่นจะสื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกของศิลปิน ออกมาเฉพาะคน เฉพาะกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีแนวคิด วิธีการที่แตกต่างกันออกไป ศิลปินในสมัยใหม่มีทัศนะว่า การแสดงออกของ ผลงานทางศิลป์ไม่ควรมีกรอบ การแสดงผลงานที่สะท้อน เหตุการณ์ในปัจจุบันก็มีคุณค่าเช่นเดียวกับการสะท้อน เรื่องราวในอดีต หรือศาสนา
โดย คุณครูวรรณธนา จิรมหาศาล ลัทธิประทับใจ (Impressionism) เน้นสื่อถึงความรู้สึกประทับใจต่อความงามของทิวทัศน์ เหตุการณ์ ผลงานจะแสดงออกถึงความมี ชีวิตชีวา ถ่ายทอดแสงสีในขณะที่เขียนออกมา เน้นการเขียนภาพด้วยฝีแปรงที่ฉับพลัน ไม่นิยมการเกลี่ยสีให้ กลมกลืนกัน ลัทธิบาศกนิยม (Cubism) เป็นการถ่ายทอดผลงานประติมากรรม หรือภาพจิตรกรรมจากรูปทรงธรรมดา เปลี่ยนลักษณะเป็น เหลี่ยมลูกบาศก์ หรือรูปเรขาคณิต เพื่อเน้นให้เห็นมิติทั้งสาม ผลงานจะมีลักษณะกึ่งนามธรรม
โดย คุณครูวรรณธนา จิรมหาศาล ลัทธิสัจนิยม (Realism) ผลงานจะเน้นการสะท้อนความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคม โดยศิลปินมักเลือกมุมสะท้อนความยากจน การ ถูกเอารัดเอาเปรียบ ความยุติธรรมชีวิตของชนชั้นกรรมาชีพ ลัทธิเหนือจริง (Surrealism) ลักษณะผลงานเน้นสะท้อนความฝัน จินตนาการที่อยู่ภายใต้จิตส้านึกออกมา ลักษณะภาพจะเป็นกึ่ง นามธรรม
โดย คุณครูวรรณธนา จิรมหาศาล ลัทธินามธรรม (Abstractism) เป็นแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานที่แปรจากรูปธรรมมาเป็นนามธรรม ความงามขึ้นอยู่กับการท้าความ เข้าใจและตีความของแต่ละบุคคล