The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือมาลัยสูตร พ.ศ. ๒๔๒๕
(ฉบับนายเส็งและนางขำ ถวาย)
หลักสูตรสาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nongnga.suk, 2022-06-15 02:39:43

หนังสือมาลัยสูตร พ.ศ. ๒๔๒๕ (ฉบับนายเส็งและนางขำ ถวาย)

หนังสือมาลัยสูตร พ.ศ. ๒๔๒๕
(ฉบับนายเส็งและนางขำ ถวาย)
หลักสูตรสาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

๙๑

๏ ห่าฝนของหอม ตกลงด้วยพลัน
ระงบั กลิน่ อัน สาบเหม็นให้สญู
๏ หา่ ฝนชะมด กฤษณาจันทคณุ
ตกลงบริบรู ณ์ หอมฟงุ้ ขจร
๏ หา่ ฝนข้าวสาร ตกมากครามครนั
ถ้วนทง้ั เจด็ วนั เต็มทวั่ สากล
๏ หา่ ฝนอาหาร ใหป้ ระชาชน
ให้เลี้ยงชีวติ ตน สบื อายุไป
๏ หา่ ฝนขา้ วเปลือก เม็ดน้อยเม็ดใหญ่
ตกเจ็ดวันไป เกล่อื นทัง้ ธรณี
๏ จะเป็นพืชนะ แก่โลกโลกีย์
เพ่อื จะให้เป็นศรี สวสั ดีทั่วกนั
๏ หา่ ฝนผา้ ผอ่ น แลแพรมีพรรณ
ตกถ้วนเจด็ วัน ย่อมงามบวร
๏ เพ่ือจะให้เปน็ เครอื่ ง นุ่งห่มอาภรณ์
ใหเ้ ดินเท่ียวจร กนั ความละอาย
๏ หา่ ฝนภาชนะ น้อยใหญ่มากมาย
ตกลงเหลอื หลาย เจด็ วันบรบิ รู ณ์
๏ เปน็ เครือ่ งใชส้ อย แหง่ คนท้งั มูล
ใหค้ รบบรบิ ูรณ์ จะได้ปอ้ งกนั
๏ ห่าฝนสตั ตะ รตั นะแก้วเจ็ดพนั
ตกลงเจด็ วนั ทวั่ ทัง้ สากล
๏ เพ่ือจะให้เป็นศริ ิ สวสั ดมี งคล
ทวั่ ท้งั สากล ชมพูทีปา

๙๒

๏ เดชะให้ทาน จำศลี ภาวนา
ฝนตกเจ็ดวันหา่ ถว้ นท้ังเจ็ดวัน
๏ เดชะพระสูตร พระวนิ ยั ธรรม์
ฝงู คนทัง้ น้ัน ยงิ่ ยนื ขนึ้ ไป ฯ ๏ ฉันท์ ๏ฯ
๏ เดชะบญุ อย่ใู นธรรม ลูกหลานนน้ั เรง่ ยนิ ดี
ละร้อยละรอ้ ยข้ึนละปี จำเริญถงึ ยีส่ บิ ปี
๏ ป่ยู ่ายนื สิบปี เจริญดีเป็นสุขใจ
สามสบิ สี่สบิ ยงิ่ ขน้ึ ไป เจรญิ กุศลเป็นอารมณ์
๏ ลกู หลานได้สามสิบปี ยนื อยดู่ ีเร่งสร้างสม
ยืนสีส่ ิบปีกช็ น่ื ชม เร่งจำเรญิ ภาวนา
๏ ตายายส่สี บิ ปี อยูส่ ขุ ดีแลโสภา
ยืนหา้ สิบพระวสั สา เรง่ ทำบญุ ยงิ่ ขน้ึ ไป
๏ ลูกหลานหา้ สิบปี มสี วัสดีเจริญใจ
ยิ่งยนื กวา่ น้ันไป เร่งทำบญุ ภาวนาอย่อู ัตรา
๏ ปู่ยา่ ได้หกสิบปี สว่ นหลานนน้ั ยงิ่ ยนื กวา่
ได้เจด็ สบิ พระวสั สา เพราะเดชะนำ้ ใจดี
๏ ตายายยืนได้เจ็ดสบิ ปี สว่ นหลานนั้นยิ่งข้นึ ไป
ยนื ไดเ้ พราะน้ำใจดี สรา้ งกศุ ลภาวนา
๏ ปยู่ า่ ยืนแปดสิบปี สว่ นหลานมีย่ิงยืนกว่า
ไดเ้ ก้าสบิ พระวสั สา เพราะเจรญิ พระเมตตา
๏ ป่ยู า่ ยืนได้เกา้ สิบปี ส่วนหลานน้ันยนื รอ้ ยปี
เดชะพระไมตรี อยูใ่ นเมตตากรุณา
๏ ยง่ิ ยนื ยนื ข้ึนไป ถงึ สองร้อยพระวสั สา
เดชะดว้ ยตนภาวนา พรหมวิหารถ้วนทัง้ สี่

๙๓

๏ ลูกหลานเจริญมี อายสุ มยง่ิ ข้ึนไป
สามร้อยสรี่ อ้ ยปี ห้าร้อยปีหกร้อยปี
๏ เจด็ รอ้ ยแปดรอ้ ยปี เดชศีลาทิคณุ า
เก้ารอ้ ยชันษา เป็นลำดบั ยงิ่ ขน้ึ ไป
๏ มนุษยท์ ้งั หญงิ ชาย บ่มใี จลมื กศุ ล
อายุสมมากทุกคน ยง่ิ ขึน้ ไปจนถึงพัน
๏ สองพนั สามพันสพ่ี นั ยิ่งขนึ้ ไปถงึ หา้ พนั
เดชะอยู่ในยตุ ิธรรม แลอำนาจพรหมวิหาร
๏ หกพันเจ็ดพันแปดพัน ถึงเก้าพันอายุนาน
ถงึ หม่ืนเร่งชน่ื บาน อายนุ านเปน็ สขุ ใจ
๏ ถึงแสนถงึ ลา้ นโกฏิ ยิ่งน้ันโสดยง่ิ ขึ้นไป
ฝงู คนท้ังหลายใด บ่มิรู้ถงึ ซึ่งมรณา
๏ จะนบั ใหจ้ งรู้แมน่ ร้อยแห่งแสนโกฏคิ รา
ฝูงคนในโลกโลกา ยนื เท่าถึงอสงไขย๑๓๗
๏ ฝูงคนทั่วท้งั ชมพู ช่นื ชมอยู่เป็นสขุ ใจ
เกิดสนุกสำราญใจ บม่ ริ ู้จักพระอนิจจา ฯ ๏ ราบ ๏ฯ
๏ ฝงู คนทง้ั หลาย เจรจาดว้ ยกัน
บ่มิรถู้ งึ ธรรม์ มใี จสงสยั
๏ ว่าหน่อผตี าย นเ้ี ป็นฉันใด
ชอื่ วา่ ความไข้ ฉนั ใดนั้นเล่านา
๏ ฉันใดชื่อว่าทกุ ข์ จะบังเกดิ มา
เมอ่ื เราคิดวา่ จะใครพ่ บเห็น

๑๓๗ มนุษย์ในยุคนน้ั อายุยืนจนไมส่ ามารถนับได้ (อสงขัย)

๙๔

๏ ช่ือวา่ บม่ เิ ท่ียง เราบไ่ ดเ้ หน็
บห่ อ่ นรเู้ ป็น ความไข้ความตาย
๏ ในเม่ือฝงู คน ลืมตนทงั้ หลาย
จงึ ไข้จงึ ตาย พลดั พรากจากกนั
๏ แตน่ ัน้ อายุจงึ ถอย น้อยไปทกุ วัน
เพราะนำ้ ใจอนั ประมาทมดิ ี
๏ ถอยถดลดไป ยงั แสนโกฏปิ ี
ถอยลงยังมี เก้าหมน่ื ประมาณ
๏ ถอยจากเกา้ หมื่น ไกลลงไปนาน
ไปหยดุ ถงึ กาล แปดหม่นื มัน่ คง
๏ พระศรีอาริย- ไมตรผี ยู้ ง
ท่านเสด็จลง มาโปรดสตั วท์ ั้งหลาย
๏ จะสอนสัตว์ ตามอธิบาย
ใหม้ นุษยท์ ง้ั หลาย พน้ บ่วงมารไป ฯ ๏ ฉันท์ ๏ฯ
๏ เมอื่ นน้ั ชาวชมพู ช่ืนชมอยู่สุขทั้งผอง
ไพบูลย์ด้วยเงนิ ทอง เกดิ ทนุ ทรพั ย์กลบั มงั่ มี
๏ แผน่ ดินเสมอดงั ราบ ราบกวา่ ราบดังหนา้ กลองศรี
หญ้าอ่อนส่ีองคุลี เขยี วมสี ีอันปัญญาวงศ์
๏ น้ำไหลขนึ้ ขา้ งหนึง่ ฟากขา้ งหนงึ่ กไ็ หลลง
เต็มเปีย่ มเล่ียมสระสง เพียงขอบฝ่ังอยอู่ าจิณ
๏ บพ่ ร่องบ่ล้นนกั แต่พอกากม้ ลงกนิ
เต็มอยู่เปน็ อาจิณ ใสบริสทุ ธ์ิเห็นตัวปลา
๏ ไมตรีเจา้ น้ำใจสทุ ธิ หน่อพระพทุ ธเสดจ็ ลงมา
ตรสั เป็นพระศาสดา โปรดฝูงโลกคณกิ ร

๙๕

๏ คนทัง้ หลายจะได้ฟงั ธรรมพระเจา้ ตรสั สงั่ สอน
จะรู้ถึงฝ่งั นคร ให้พ้นจากสงสารไป
๏ เมอื่ นั้นพระไมตรี ตรสั คดีแกพ่ ระมาลัย
ในกาลเมอื่ ขณะได้ ถึงวสนั ตฤดู๑๓๘
๏ ฝนตกห้าวนั ตก หา้ วนั ตกเป็นเที่ยงอยู่
คร้ันถึงคิมหันตฤดู๑๓๙ สบิ หา้ วันตกเป็นกำหนด
๏ ครั้นถงึ เมื่อเหมันต์๑๔๐ สบิ ห้าวนั สบิ หา้ วัน
จึงตกเปน็ เท่ียงธรรม์ เปน็ กำหนดดงั นไี้ ป
๏ ตกแต่คำ่ ถึงเทย่ี งคืน คร้นั เขา้ รุง่ ก็สวา่ งไสว
เปน็ ธรรมดาอัตราไป แทด้ งั น้บี ่ปรวนแปร
๏ เปน็ ปรกติดงั นีแ้ ท้ พระศรอี ารยิ ์จะมาแล
พระองค์จะเผยแผ่ ไขคลองธรรมเทศนา
๏ ถ้าผูใ้ ดจะใคร่พบ พระศรอี ารยิ ์เม่อื จะมา
จำเริญศีลแลภาวนา จงึ จะพบพระสพั พญั ญู
๏ เมือ่ ใดแลตน้ ไม้ มีก่ิงใบสะพมุ่ อยู่
มีดอกทุกฤดู บานสะพุ่มเต็มพฤกษา
๏ มลี ูกทกุ กิ่งพร้อม พวงโนม้ น้อมคอ้ มลงมา
มสี ารพนั อนั นานา รสเอมโอชหวานเอาใจ
๏ คนทงั้ หลายชน่ื ถ้วนหนา้ ดังนี้นาพระมาลยั
คราทีนัน้ ข้าจะไป โปรดฝูงสตั วเ์ ข้านฤพาน

๑๓๘ ฤดฝู น
๑๓๙ ฤดูร้อน
๑๔๐ ฤดูหนาว

๙๖

๏ ผู้ใดจะใคร่อยู่ท่า๑๔๑ จะใคร่เห็นหน้าพระศรีอาริย์
ใหเ้ จรญิ ศีลแลทาน ใหภ้ าวนาจงทกุ วนั
๏ เมือ่ ใดชาวชมพู ระร่ืนอยู่เกล่อื นหากนั
รกั ษส์ นั ติดังเผ่าพันธ์ุ ดังพน่ี ้องชน่ื ชมใจ
๏ เสอื กสนปนกนั อยู่ ดังไม้อ้อแลไม้ไผ่๑๔๒
บา้ นเรอื นอยู่หนสี ไู้ กล แต่พอไกบ่ ินถงึ กัน๑๔๓
๏ คราท่นี น้ั ข้าจะไป นะมาลัยเจ้าอรหันต์
จะโปรดสัตว์ใหไ้ ปสวรรค์ ใหพ้ ลันลุถงึ พระนฤพาน
๏ ผใู้ ดจะใครส่ บ ใคร่ไหวน้ บพระศรีอารยิ ์
ใหต้ ั้งธุดงค์กรรมฐาน ไตรลกั ษณญาณเรง่ ภาวนา
๏ เมือ่ ใดคนท้ังหลาย เลน่ สบายเป็นนกั หนา
เสวยโภชน์อนั โอชา ดว้ ยน้ำผงึ้ อนั หวานมัน
๏ รำรอ้ งฟ้อนชืน่ ชม เสมือนหนึ่งเทพในเมอื งสวรรค์
เล่นสนุกอยู่ทกุ วัน เคร่อื งใชส้ อยอเนกไป
๏ ขบั สซี อแลพึงฟงั ด้วยแตรสงั ข์แลเสียงใส
มีฆ้องแลกลองชยั ดรุ ิยะดนตรีบำเรอกนั
๏ เลน่ สนุกนอนสบาย บ่มที กุ ขส์ ขุ เกษมสนั ต์
บไ่ ด้ใช้สอยกนั บม่ ีโทษทัณฑ์แลอาญา
๏ คราทนี น้ั ข้าจะไป พระมาลยั อย่าสงกา
จะโปรดสัตว์ผู้เจตนา ให้พน้ ทกุ ข์เข้านฤพาน

๑๔๑ ท่า หมายถึง คอย มักพบในคำซอ้ น คอยท่า
๑๔๒ หมายถงึ ใกล้ชิดกนั มาก ๆ เปรียบกบั ตน้ อ้อหรอื ต้นไผท่ ่ขี ึ้นอยูใ่ นกอเดียวกนั
๑๔๓ หมายถงึ หลงั คาบ้านเรอื นอย่ตู ิดกันจำนวนมากจนมีสำนวนว่า ไกบ่ ินมติ กดิน

๙๗

๏ ผใู้ ดจะใคร่พบ ใครไ่ หวน้ บพระศรอี ารยิ ์
ไหวผ้ ูน้ น้ั เรง่ ใหท้ าน ไตรลกั ษณญาณเรง่ ภาวนา
๏ เมื่อใดแลฝงู คน มขิ วายขวนด้วยโภคา๑๔๔
เหมือนหนงึ่ เทพในชนั้ ฟ้า บบ่ ีฑาเบยี ดเบียนกนั
๏ มีข้าวน้ำผา้ ผอ่ นทิพย์ เหมอื นดงั เทพในเมอื งสวรรค์
มีแก้วแหวนอนันต์ เครอ่ื งใชส้ อยอเนกไป
๏ คราทนี นั้ แลนะพอ่ ขอพระเถระอย่าร้อนใจ
คราทนี น้ั ข้าจะไป จะโปรดสตั ว์ทงั้ หญงิ ชาย
๏ คราทีนน้ั ข้าจะเทศนา เผยวาจาโปรดเปรมปราย
คราทีนั้นคนทงั้ หลาย จะหมายรูปเข้านฤพาน
๏ เมื่อใดหญิงแลชาย มมี ากหมายดว้ ยสงั วาล
เทริดแก้วงามตระการ มีมากมายประดับองค์
๏ นงุ่ หม่ สมเรอื งรอง ยอ่ มล้วนทองงามยง่ิ ยง
เสอ้ื สร้อยประดับลง คอื ดงั เทพในเมืองแมน
๏ คราทนี ้นั ข้าจะไป พระมาลยั เจ้าอย่าแคลน
จะลงไปในดนิ แดน จะโปรดสัตว์เข้าสนู่ ฤพาน
๏ ผู้ใดใคร่ไหว้นบ จะขอพบพระศรีอารยิ ์
อย่าตีด่าฆ่าอาจารย์ ผูม้ ศี ลี พระอปุ ชั ฌาย์
๏ บม่ ทิ ำโทษโกรธแก่กัน บ่ลงทัณฑ์ด้วยอาญา
บโ่ กรธกันด้วยโมหา มีทุนทรัพย์ใหแ้ กก่ นั
๏ คราทนี น้ั ข้าจะไป นะมาลยั เจ้าอรหนั ต์
คราทีน่ ้นั ข้าจะผนั ให้สตั วน์ นั้ ถึงโสดา

๑๔๔ ไม่ต้องแสวงหาทรัพยส์ มบตั ิประดุจเทพในสวรรค์

๙๘

๏ คราทน่ี ัน้ ข้าจะบอก เอาสัตว์ออกจากโลกา
ใหพ้ น้ จากเวลา ใหส้ ตั วน์ ัน้ เข้านฤพาน
๏ ผู้ใดจะใคร่เหน็ เมอ่ื ทา่ นเปน็ พระศรอี ารยิ ์
ใหผ้ ู้น้นั ทำอานาปาน กรรมฐานแลภาวนา
๏ ให้บรกิ รรมวา่ อนิจจัง วา่ ทกุ ขังวา่ อนัตตา
เอาส่งิ นี้มาภาวนา จงึ จะพบพระศรีอาริย์
๏ เมือ่ ใดคนในโลกีย์ บ่ราวีเบียดเบียนผลาญ
บ่ไดท้ ำสลวาน ทำรำคาญล้างผลาญกนั
๏ ผวั แลเมียบล่ ะเสยี อยชู่ ่นื บานเป็นนิรันดร์
ผัวผู้เดยี วเมียผูเ้ ดียว รว่ มสงสารรักร่วมหอ้ งครองใจ
๏ เมื่อนนั้ ขา้ จะไป พระมาลยั อยา่ สงกา
ข้าพระจะเทศนา โปรดฝูงสตั วเ์ ขา้ สูน่ คร
๏ ผูใ้ ดจะใคร่เหน็ หนา้ เมอื่ ขา้ เปน็ พระบวร
ให้ตัดใจให้โอนออ่ น บวชเปน็ สงฆ์แลนางชี
๏ ใหไ้ หว้พระทุกค่ำเช้า ก้มกราบเกลา้ ยอกรชลุ ี
สวดมนต์แผ่ไมตรี เมตตากรณุ าอุเบกขา
๏ ให้ภาวนาอนิจจัง แลทกุ ขังอนัตตา
จงึ จะพบศาสนา พระศรีอารยิ ์เจ้าจอมไตร
๏ เม่อื ใดหญิงแลชาย บข่ วนขวายดว้ ยไรน่ า
เลย้ี งชพี ชนม์ด้วยตน้ ไม้ กับพฤกษาอันใหผ้ ล
๏ บ่ห่อนค้าบห่ ่อนขาย บ่ขวนขวายเปน็ กังวล
เกษมสุขทุกคน มีกัลปพฤกษาตามปรารถนา
๏ เมื่อนนั้ ข้าจะไป ในมนุษย์โลกา
พระอยา่ ร้อนใจเลยนา ถึงกำหนดข้าจะไป

๙๙

๏ จะโปรดสตั ว์ทั่วท้ังหลาย มีความสบายชน่ื ชมใจ

จะเอาสตั ว์ให้รอดไป ลุถงึ ฝง่ั แห่งนฤพาน

๏ ผู้ใดใคร่ตามเสดจ็ พระสรรเพชรดาญาณ

ให้ตงั้ อานาปาน ทรงธดุ งค์เป็นอาจิณ

๏ ให้หน่ายเบญจขนั ธ์ จงทุกวันปฏทิ ิน

จงึ จะพบพระมุนินทร์ ไมตรีเจา้ ผู้เลิศล้น

๏ ใหท้ านรักษาศีล ให้รางวลั แก่ไพรพ่ ล

จงไดใ้ ห้แผ่ผล หวานออ่ นโอนโอวาทา

๏ ต้งั ขันติบม่ โิ กรธ บ่ลงโทษบห่ งิ สา

อดกามราคราคา บผ่ ดิ พ้องหมองใจกัน

๏ คราทีนั้นข้าจะเสดจ็ พระเถรเจ้าจงแจง้ ใจ

คราทนี ั้นข้าจะไข ประตหู ้องแห่งนฤพาน

๏ คราทีนนั้ จะโปรดสตั ว์ ให้กำจดั จากสงสาร

คราน้ันจะให้ทาน อมฤตธรรมโปรดสตั ว์ทั้งหลาย

๏ ผูใ้ ดจะใคร่เฝา้ ไมตรีเจา้ ผู้เปรมปราย

ใหฝ้ งู คนทงั้ หญงิ ชาย เรง่ ขวนขวายสรา้ งกศุ ล

๏ ใหฟ้ ังธรรมจงอย่าขาด อยา่ ประมาทอย่าลืมตน

จะถึงมรรคแลผล ในสำนกั พระศรีอารยิ ์

๏ เมอื่ ใดกากบั นกเค้า เขา้ มาอยู่รว่ มสถาน

แมวแลหนอู ยูส่ ำราญ บ่มิไดจ้ ะเบยี ดเบยี นกัน

๏ พังพอนแลงเู ห่า เข้ารบเข้าตบตอดกัน

ครง้ั น้นั บเ่ บียนกนั เป็นมิตรสนิทแลไมตรี

๏ เมอ่ื น้ันขา้ จะไป นะมาลยั ผู้มีศรี

โปรดสตั ว์ใหพ้ น้ โลกีย์ ให้ได้เปน็ โลกอดุ ร

๑๐๐

๏ ให้หนา่ ยเบญจขันธ์ จงทุกวนั ปฏิทนิ
จึงจะพบพระมนุ ินทร์ ไมตรเี จ้าผูเ้ ลิศลน้
๏ ผใู้ ดจะใคร่พบข้า นะมาลยั ศรัทธามี
ให้เร่งสร้างกฏุ กิ ุฎี ทำสถูปพระพทุ ธรปู วิหาร
๏ ตงั้ ขันติใหเ้ ลา่ เรียน
ปลูกศาลาแลตะพาน๑๔๕ แล้วเขียนธรรมปลูกมหาโพธินมสั การ

๏ เม่ือใดแลราชสีห์ ทั้งสว้ มจานการเปรยี ญโรงธรรม
งแู ลกบบ่ขบกนั เสอื แลเน้อื บเ่ บียนกนั
๏ ผีเส้อื อสูรกาย บก่ นิ กนั เป็นอาหาร
บ่ไดเ้ กลยี ดเบียดเบยี นพาล สตั ว์ทัง้ หลายบเ่ บยี นผลาญ
๏ เมือ่ นนั้ ข้าจะไป รุกรานกนั ให้เป็นเวร
จะโปรดสตั ว์ทวั่ บริเวณ นะมาลยั มหาเถร
๏ ผู้ใดจะใคร่พบ ในไตรภพเข้านฤพาน
ใหเ้ รง่ สร้างตะพาน ใคร่ประสบพระศรีอารยิ ์
๏ เมอ่ื ใดสัตว์ทั้งหลาย อยา่ ขาดการกศุ ลไป
บ่จำจองเอาสินไหม บม่ ิโกรธบท่ ำโทษ
๏ บข่ ่มเหงบร่ ุกราน บใ่ สก่ ลเอาของเขา
บ่ไดท้ ำให้อับเฉา บจ่ งผลาญบ่พาลเอา
๏ คราน้ันพระศรอี าริย์ บ่เบียนทา่ นให้เข็ญใจ
จะโปรดสัตว์ท่วั แดนไตร มสี มภารจะลงไป
๏ มนุษย์แลเทพา ทั่วพิภพเข้านฤพาน
เป็นสุขสนุกสำราญ บเ่ คลอ่ื นคลาจากสงสาร
พ้นความตายอนั เวยี นวน

๑๔๕ สะพาน

๑๐๑

๏ ถ้าใครจะใคร่เป็นชี ด้วยไมตรีเจา้ จุมพล

อยา่ ฉอ้ ตระบดั เขาบุคคล จงึ จะพบพระศรอี ารยิ ์

๏ เอน็ ดูคนผยู้ าก อย่าพัดพรากอย่าจงผลาญ

จงึ จะพบพระศรีอาริย์ เพราะนำใจมรรคแลผล

๏ เมื่อใดชายคดิ ชอบ แลประกอบใจกุศล

สันโดษด้วยเมียตน แต่คนเดียวเป็นภริยา

๏ ผูห้ ญิงกช็ นื่ ชม อภิรมย์สนิทเสน่หา

รกั ผวั ผู้เดียวนนั้ แลนา เป็นปน่ิ เกลา้ เจ้าจอมพล

๏ ผวั ผู้เดยี วเมยี ผเู้ ดียว ผวั ละคนเมยี ละคน

ผ้ชู ายนั้นบร่ ะคน ด้วยเมียท่านอันผัวมี

๏ ผูห้ ญิงนนั้ ไซร้ บ่ได้ลว่ งประเวณี

รักกันสนกุ ทกุ ราตรี แต่ผัวเดียวแลเมียเดียว

๏ ครานนั้ พระเมตไตรย เสดจ็ ไปด้วยฉับเฉียว

ผู้จะเป็นพระประเสรฐิ ผเู้ ดียว ไดพ้ ระนามพระศรอี ารยิ ์

๏ จะนำสตั ว์เขา้ ไปสู่ เขาไปอยู่ในนฤพาน

ให้อยู่สุขสำราญ พน้ จากชาติอันสังวรณ์

๏ ผใู้ ดจะใคร่นมสั การ พระศรอี าริย์อนั บวร

ใหอ้ ยู่ตามคำสงั่ สอน อันกลา่ วมาบดั เดยี๋ วดล

๏ ผัวเดียวเมียเดียว ผัวละคนเมยี ละคน

จงึ จะพบพระจุมพล จะพ้นทุกข์ใหห้ ลงใหล

๏ เมื่อใดข้าวละเม็ด แตกหน่อออกไดพ้ ันกอ

ละหนอ่ ๆ ได้พันกอ ละกอ ๆ มีลำถึงพัน

๑๐๒

๏ ละกอ ๆ ได้พันรวง ละรวง ๆ ดงั แกล้งสรร

ละรวง ๆ ไดส้ องทะนาน๑๔๖พนั งามสถิตวิจิตรเสถยี ร

๏ ขา้ วเม็ดเดยี วไดส้ องทะนานพัน สองร้อยเจ็ดสบิ สองเกวยี น๑๔๗

สิบหกสัด๑๔๘อันไหลเลยี น ยงั อีกเล่าแปดทะนาน

๏ พชื นน้ั หากเกิดเอง บ่พักปลูกบพ่ ักหวา่ น

คร้ันสุกเป็นขา้ วสาร ขาวบรสิ ุทธิ์เป็นธรรมดา

๏ ครานัน้ นะพระมาลัย จะลงไปมิไดช้ ้า

จะโปรดสัตว์ท้ังโลกา ไตรพิภพให้รุ่งเรอื ง

๏ เมอ่ื ใดคนทง้ั หลาย เลน่ สบายบ่ชิงเมือง

บ่ชงิ กนั ใหร้ ำคาญเคือง บช่ ิงไร่บช่ ิงนา

๏ บ่มิชงิ ช้างบม่ ชิ งิ ม้า แลทาสีแลทาสา๑๔๙

บ่ชิงสรรพนา ๆ บ่รุกลน้ ปลน้ ชงิ ซงึ่ กัน

๏ เมือ่ นน้ั ข้าจะไป นะมาลยั เจ้าอรหันต์

จะโปรดสัตว์ถว้ นทกุ พรรณ ใจบญุ นน้ั เข้านฤพาน

๏ ผูใ้ ดจะใครเ่ ห็น อยา่ ไดก้ ล่าวคำอนั ธพาล

จงึ จะพบพระศรอี ารยิ ์ เพราะใจบญุ อันตนครอง

๏ เมื่อใดคนผรู้ า้ ยกาจ บ่วิวาทบ่ตีถอง

บ่ชิงเงินบช่ งิ ทอง บท่ ำลายของท่านเสยี

๏ บ่ชงิ นาบช่ งิ ทรัพย์ บช่ ิงผัวบช่ งิ เมีย

บย่ ยุ งใหท้ ่านเสยี บ่ทำให้ยากเป็นสลวน

๑๔๖ ภาชนะในการตวงขา้ วในสมัยกอ่ น ๒๐ ทะนาน มีคา่ เทา่ กบั ๑ ถัง
๑๔๗ มาตรานบั จำนวนขา้ วสมัยกอ่ น ๘๐ สดั หรือ ๑๐๐ ถัง มคี ่าเท่ากบั ๑ เกวียน
๑๔๘ ภาชนะรปู ทรงกระบอกใช้สำหรับการตวงข้าว ๒๕ ทะนาน เท่ากับ ๑ สดั
๑๔๙ ทาสี คอื ทาสผู้หญิง ทาสา คอื ทาสผู้ชาย

๑๐๓

๏ เมอ่ื นนั้ พระข้าจะไป จะโปรดฝงู ประชาชน
ให้ลุถึงมรรคแลผล คอื อมฤต๑๕๐นฤพาน
๏ จะโปรดสตั ว์ให้พน้ ทกุ ข์ ให้อยสู่ ขุ สำราญ
ใหย้ นื อยู่จริ งั การ เป็นเท่ยี งแท้ใจกศุ ล
๏ ถา้ ผู้ใดจะใครพ่ บ พระศรอี าริย์เจา้ จมุ พล
อยา่ ทำให้เป็นสลวน อย่าผลาญทา่ นให้เสียของ
๏ เม่ือใดแผ่นดนิ ราบ คือดังปราบเหมือนหนา้ กลองศรี
บม่ หี นามเรีย่ รายก่ายกอง ทรัพยต์ กลงบ่ห่อนหาย
๏ เพอ่ื นฝงู อยู่ด้วยกัน บห่ อ่ นพลัดบห่ ่อนพราย
บ่ห่อนรู้เปน็ อันตราย ยอ่ มบรสิ ทุ ธ์ิท่วั โลกีย์
๏ คราทีนัน้ ข้าจะไป นะมาลัยผูม้ ศี รี
จะโปรดสัตวท์ วั่ โลกยี ์ ใหย้ นิ ดีต่อมรรคผล
๏ ผ้ใู ดจะใครท่ ่า เป็นหัวหน้าพระทศพล
ใหต้ ้งั จติ น้ำใจกัน ราบคาบตอ่ พระศาสนา
๏ ใจช่ืนบานรูห้ วา่ นลอ้ ม ออ่ นโน้มน้อมใหว้ ันทา
จงึ จะได้พบพระศาสนา พระไมตรีเจ้าจมุ พล
๏ เมือ่ ใดคนทั่วดนิ ดอน บ่หอ่ นเศรา้ โศกสักคน
บม่ พี ยาธิเบียดเบียนคน บ่มิเปน็ ขี้เรือ้ นเกลื้อนกลากฝี
๏ ตาเหน็ ใสหไู ดย้ นิ บ่เป็นอา่ งใบบ้ า้ บี
บเ่ ป็นคอ่ มเตี้ยกลุ ี แลเปล้ียงอ่ ยชา่ งงวยงง
๏ คราทนี ัน้ ข้าจะไป นะมาลยั อรยิ ะสงฆ์
จะโปรดสัตว์ทัง้ หลายจง ให้ลุถึงทางอรหันต์

๑๕๐ อมฤต คำภาษาสันสกฤต ตรงกับคำว่า อมตะ ในภาษาบาลี แปลว่า ไมต่ ายหรือนริ ันดร์

๑๐๔

๏ ผใู้ ดใคร่เป็นชี ด้วยไมตรีเจ้าจอมธรรม์

อยา่ ทำรา้ ยมงุ่ หมายกัน จึงจะพบพระศรีอาริย์

๏ ขอพระเถรจำจงได้ ไปบอกให้ชาวชมพู

ใหเ้ ขาคิดดงั นดี้ ู ให้ทำกุศลจงแจง้ เจน

๏ พระศรอี าริย์ตรัสเทศนา แลว้ กล็ าพระมหาเถร

ไหว้พระเจดยี ์ท่วั บริเวณ สามรอบแล้วก็วันทา

๏ พระศรีอาริย์ถวายเทยี นทอง มณฑากรองไหว้บชู า

นางฟา้ สนิ้ ทัง้ ผอง ตามเสดจ็ ไปพระศรอี าริย์

๏ ไหว้แล้วก็อำลา ยังดสุ ติ าวมิ านทอง

สะพรึบพรอ้ มลอ้ มทศพล เสด็จทา่ มกลางดูเรอื งรศั มี

๏ เมื่อนั้นพระมาลยั เจรจาไปด้วยอินทรา

สรรเสรญิ หนอ่ ศาสดา วา่ พระเจา้ ผทู้ รงธรรม์

๏ โพธิสัตวพ์ ระองค์ งามยิง่ ยงกวา่ ชาวสวรรค์

สรุ เสยี งเทศนาธรรม์ ก็ไพเราะทวั่ เมืองฟา้

๏ เมื่อน้ันพระมาลัย ก็ลาไปในขณะนนั้

อนิ ทราเจา้ เมืองสวรรค์ กม้ กราบไหว้พระมาลัย

๏ เราขอลามหาราช จะคลาคลาดจากแดนไตร

จะไปด้วยฉับไว บอกแก่ชาวมนษุ ย์โลกา

๏ อินทราแลนางสวรรค์ ยกมอื ขนึ้ งามโสภา

ประนมกรไหวว้ ันทา พระเถรลีลางามมีศรี

๏ พระเถรเจา้ เสด็จจากถานา พระลีลาถงึ เจดีย์

กราบกรานอญั ชลุ ี พระเถรลีลามาทกั ษิณา

๑๐๕

๏ ทักษณิ าเปน็ สามวง พระเสดจ็ ลงจากตงิ สา๑๕๑
บดั ใจถงึ ในโลกา ลัดน้วิ มือเดียว๑๕๒บป่ ูนปาน
๏ พระเถรเสด็จเขา้ ไป ในลงกาเป็นสถาน
พระเถรเสด็จสำราญ ในอารามทา่ นนั้นโสด
๏ เมอื่ น้ันท้าวอินทรา มนี างฟ้าได้แสนโกฏิ
ไหวพ้ ระแลว้ เสดจ็ ชวยโชติ ด้วยนางฟา้ หมู่บรวิ าร
๏ นางฟ้างามสลอน ทรงอาภรณย์ ่อมตระการ
ทรงแกว้ เป็นสังวาล ย่อมบรวิ ารทา้ วโกสีย์
๏ ลางนางทรงอาภรณ์ ยอ่ มล้วนทองเรืองรศั มี
เทพานางท้ังนี้ ยอ่ มหอ้ มลอ้ มท้าวอนิ ทรา
๏ พระอนิ ทร์ผู้ทรงธรรม เสดจ็ ไปพลนั กลางนางฟ้า
ดังดาวลอ้ มพระจันทร์มา อันปรากฏงามไสว
๏ นางฟ้าทงั้ หลาย ก็ลีลาเสด็จคลาไคล
หอ้ มล้อมเห็นประไพ ย่อมบรวิ ารหนอ่ ทศพล
๏ บ้างถวายธปู เทียนทอง ดอกไมก้ รองไหวบ้ ชู า
ไหวพ้ ระแล้วเสดจ็ ลีลา ตามสมเด็จท้าวโกสยี ์
๏ ลางนางบำเรอดนตรี เพราะมากมีบ้างรำฟอ้ น
ห้อมลอ้ มเสดจ็ จร ไปยงั วิมานสวรรค์
๏ ฝงู เทพดูมหิมา ตามอมั พลเกษมสันต์
ถวายธูปเทยี นจุรณ์ จนั ทน์อนั หอมฟงุ้ ขจร

๑๕๑ สวรรค์ดาวดึงส์ ภาษาบาลีวา่ ตาวตงิ สา
๑๕๒ อาการไปอย่างรวดเร็ว (ยิ่งกว่าความเร็วแสง) ถ้าเป็นภาษาอังกฤษน่าจะตรงกับคำว่า

warp

๑๐๖

๏ ลางองค์กท็ ักษณิ ไหว้เจดยี ์ประนมกร
เสรจ็ ไปรอบบริเวณ ครบสามแลว้ กว็ ันทา
๏ เทพเจา้ บางพวกก็ กม้ เกศเกล้ายกอญั ชุลี
สกั การะดงู ามย่ิง งามประเสริฐเลศิ ฟ้า
๏ เคร่อื งหอมกลิ่นอบ ตลบฟ้งุ ทั่วลานพระจฬุ า
เทวานางสวรรค์ อเนกอนันต์มาน้อมถวาย
๏ เป็นกศุ ลสร้างข้างเทวา ทกุ ๆ วันบเ่ วน้ วาย
เป็นนจิ นริ ันดร์มา เจรญิ ผลหว้ งสขุ สำราญ
๏ นิกรเทพยดา ทั้งนางฟ้าสโมสรถ้วนหนา้
ฟงั ธรรมอันบวร พระโพธสิ ตั ว์ตรสั เทศนา
๏ สั่งสอนหมูเ่ ทวา ทั่วทกุ ห้องชัน้ เวหา
ชวนกนั มาสดบั แล้วเสดจ็ กลับคลาไคล
๏ เม่อื น้ันทา้ วอินทรา อันมีศักดาเสดจ็ ไป
มทิ นั ชา้ บดั เด๋ียวใจ ถงึ สวรรค์พิมานศรี
๏ บัดนั้นฝงู เทวา ไหว้วนั ทาพระเจดยี ์
ยอกรอัญชลี ด้วยยินดีแล้วอำลา
๏ ทักษณิ ถ้วนสามรอบ ตามระบอบแลว้ จึงลลี า
จงึ เสด็จเคล่อื นไคลคลา สูส่ ถานพิมานพลนั
๏ ลางเทพเสด็จไป ลางเทพไซร้ก็ผายผนั
ลางเทพเสด็จหลีกกนั สสู่ ถานพิมานฟ้า
๏ ลางเทพเสดจ็ ไป ดไู พรแพรวในเวหา
นางสวรรคง์ ามโสภา หอ้ มลอ้ มเทวดาไปวิมาน
๏ ครน้ั ถงึ ท่ีเทพสถติ บันเทงิ จิตรด้วยบริวาร
เสวยทิพย์สุขสำราญ ในวิมานเมอื งสวรรค์ ฯ ๏ ร่าย ๏ ฯ

๏ เมื่อน้ันพระเถร ๑๐๗
อันอยู่อาศัย
๏ ครนั้ เจ้าเสด็จ ผู้ชื่อมาลัย
จงึ บอกขา่ วสาร ในบ้านชนคาม
๏ ท่านส่งั ดังนี้ ออกภกิ ขาจาร
ให้ชาวโลกา พระศรอี าริย์สง่ั มา
๏ หญิงชายหมู่ใด ถว้ นถ่แี ลนา
จะใคร่พบจมุ พล ขวนขวายสร้างผล
๏ ดกู รสาธุ น้ำใจกุศล
มาฟังเทศนา ไมตรเี ม่อื จะมา
๏ เราได้ข้นึ ไป สัปปรุ ษุ ถว้ นหนา้
จุฬามณี พระศรอี ารยิ ไมตรี
๏ วันนน้ั พบพระ ไหว้พระเจดยี ์
ตรัสเทศนา ในไตรตรงึ ษา๑๕๓
๏ ส่งั มาใหเ้ รา ศรอี าริย์ท่านมา
เรง่ สรา้ งบารมี เป็นวันอัฏฐมี
๏ เร่งใหจ้ ำศีล บอกชาวโลกยี ์
จึงจะพบศาสนา จึงจะพบพระศาสนา
๏ เมอ่ื ท่านจะได้ แลภาวนา
เปน็ พระชินศรี พระศรีอาริยไมตรี
๏ ในเมือ่ ศาสนา ตรสั ในโลกน้ี
คนท่ัวทัง้ หลาย โปรดสตั ว์ทั้งหลาย
แหง่ พระฦาสาย
ยอ่ มถามเหมือนกัน

๑๕๓ ชอ่ื หนง่ึ ของสวรรคด์ าวดงึ ส์

๑๐๘

๏ พ่ีน้องพ่อแม่ แลทง้ั เผา่ พันธุ์

เดินไปปะกัน เทีย่ วเล่นสบาย

๏ ผัวเมยี ลกู หลาน เพือ่ นบา้ นทง้ั หลาย

พบกนั เดินกลาย มริ ู้จักเลยนา

๏ เมื่อไดข้ ้ึนไป สู่เรอื นเคหา

จึงรจู้ กั หนา้ ว่าลกู เมยี ตน

๏ เพราะว่าฝูงมนุษย์ งามท่ัวสากล

เดชกุศล พระศรีอารยิ ไมตรี

๏ โปรดสตั ว์ทั้งหลาย หญงิ ชายงามดี

ให้พน้ อเวจี ใหถ้ ึงเมอื งสวรรค์ ๏ ฉนั ท์ ๏

๏ พระมาลยั เทศนา ดว้ ยปัญญาพระอรหันต์

เมือ่ เสดจ็ ข้ึนไปนน้ั พอเป็นวันอัฐมี

๏ เราไปไหว้พระจฬุ า พบอินทราท้าวโกสีย์

ไดส้ นทนาแลพาที เธอแจง้ คดีบอกทกุ อนั

๏ แหง่ เทพาอนั เสด็จมา ไหว้วันทาพระเจดยี ์

บริวารล้วนนางสวรรค์ ก็แห่หอ้ มลอ้ มกันมา

๏ มีบรวิ ารร้อยหน่งึ เล่า ดว้ ยปันข้าวให้ทานกา

บริวารพนั หนง่ึ มา ได้ให้ข้าวนายโคบาล

๏ ลางนางสวรรค์ได้แปดหมื่น แสนแลโกฏิพนื้ เปน็ บรวิ าร

เราคดิ วา่ พระศรอี ารยิ ์ ทา่ นเสดจ็ มางามเหลอื ใจ

๏ พระอนิ ทร์แจ้งยบุ ล กศุ ลเทพทุกคนไป

ได้ทำบญุ สิง่ นนั้ ไซร้ ใชอ่ งคพ์ ระเจ้าพระเมตไตรย

๏ เราคดิ วา่ น้อยหน่ึง พระศรอี ารยิ ์ท่านเสดจ็ มา

งามพ้นใจเราสนทนาดว้ ยทา่ นไซร้ ทา่ นสั่งมาให้บอกชาวโลกา

๑๐๙

๏ ให้เรง่ สรา้ งแตก่ ศุ ล จะพบทา่ นเมือ่ เสดจ็ มา

จะตรัสพระธรรมเทศนา ให้ฝูงสตั ว์พ้นทกุ ข์พลัน

๏ พระสงั่ ฉนั ใดพระมาลัย เธอแสดงแจง้ ทกุ ขอ์ นั

แก่ชาวมนษุ ย์ทว่ั ทั้งนัน้ ให้ทำบญุ สร้างกศุ ลไป

๏ ฝูงสัตว์ทง้ั หญงิ และชาย ฟงั ภิปรายพระมาลัย

ยินดีเป็นพน้ ใจชวนกัน ทำบญุ ใหท้ านสืบไป

๏ คร้ันจุต๑ิ ๕๔แล้วไปเกดิ ในเมืองฟ้าสุราลัย๑๕๕

วิมานทพิ ย์เต็มแนน่ ไป ทัว่ ทุกชน้ั ฉกามา๑๕๖

๏ บรุ ุษชายถวายอุบล แกพ่ ระเถรด้วยศรัทธา

สนิ้ ชีวติ แลว้ มิชา้ ขึ้นไปเกิดในเมอื งสวรรค์

๏ วิมานแลว้ ๑๕๗ด้วยอบุ ล อันหอมฟ้งุ ขจรนน้ั

กล่นิ ตลบทวั่ เมอื งสวรรค์ เดชด้วยใจใสศรัทธา

๏ พระมาลัยเทพเถร เสดจ็ โปรดสัตว์ท่ัวโลกา

ถงึ กำหนดทา่ นสร้างมา เสด็จเขา้ สู่พระนฤพาน

-------------------------------------------

๑๕๔ จตุ ิ แปลวา่ เคลอ่ื น หมายถงึ การเคล่ือนท่ีของจติ จากภพภูมิหนง่ึ ไปส่อู กี ภพหนึง่
๑๕๕ สุระ หมายถึง เทวดา อาลยั หมายถึงที่ อยู่ แปลตรงตัว หมายถึง ท่ีอยู่ของเทวดาหรือ
สวรรค์
๑๕๖ ฉกามาพจรภูมิ คอื สวรรค์ ๖ ชั้น ดงั นี้ ๑. จาตมุ หาราชกิ า ๒. ดาวดึงส์ ๓. ยามา ๔. ดุสิต
๕. นิมมานนรดี และ ๖. ปรนิ ิมมิตวสวัสดี
๑๕๗ แลว้ หมายถงึ เสร็จหรือสำเรจ็ มักพบเปน็ คำซอ้ นวา่ แล้วเสร็จหรอื สำเร็จแลว้

จากอวสานถงึ เร่มิ ใหม่:
ยคุ พระศรอี าริยเมตไตรยในไตรภมู ิฉบับหอสมุดแหง่ ชาตกิ รงุ ปารีส๑

ภคั รพล แสงเงนิ

บทคัดยอ่

บ ท ค ว า ม น้ี มุ่ ง ศึ ก ษ า เรื่ อ ง สั ต ถั น ต ร กั ล ป์ แล ะ ยุ ค พ ร ะ ศ รี อ า ริ ย
เมตไตรยในไตรภูมิฉบับหอสมุดแหง่ ชาติกรุงปารีส โดยศึกษาเปรียบเทยี บกับ
คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ๔ ฉบับ คือ ๑. พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย
ปาฏิกวรรค จักกวัตติสูตร ๒. คัมภีร์พระอนาคตวงศ์ ๓. คัมภีร์อมตรสธารา
ฎกี าอนาคตวงศ์ และ ๔. คัมภีรพ์ ระสาวกนพิ พาน ผลการศึกษาพบว่า เนือ้ หา
ของเรื่องสัตถันตรกัลป์และยุคพระศรีอาริยเมตไตรยในไตรภูมิฉบับหอสมุด
แห่งชาติกรงุ ปารีสมีความคล้ายคลึงกับคมั ภรี ์ทางพระพทุ ธศาสนาเปน็ อย่างยง่ิ
แสดงให้เห็นว่า ความเช่ือเร่ือง สัตถันตรกัลป์ซ่ึงเป็นเหตุการณ์สำคัญท่ีจะ
เกิดข้นึ เม่ือสิน้ ยคุ ของพระพุทธเจ้าโคดม และการลงมาอุบัติของพระศรีอาริย
เมตไตรยและพระยาสงั ขจักมหาจกั รพรรดริ าชยงั คงเปน็ ความเช่ือที่ปรากฏใน
วรรณกรรมไตรภมู ิสมยั อยุธยาอย่างชดั เจน

คำสำคัญ: พระศรีอารยิ เมตไตรย, ไตรภูมิฉบับหอสมดุ แห่งชาติกรุงปารีส

๑ ตีพมิ พ์คร้ังแรกในวารสารไทยศกึ ษา สถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีท่ี ๑๒
ฉบับที่ ๒ (กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๕๙) หนา้ ๑-๑๕

๑๑๑

From the End to Begin: the Era of
Ariyamettraiya Buddha in the National
Library of Paris’s Version of Tribhum

Phakphon Sangngern

Abstract

This article aims to investigate the
Satthantaragalpa story and the era of
Ariyamettraiya Buddha in the national library of
Paris editon of Tribhum by comparison with
four Buddhism Scriptures: Phra Tripitaka
Cakkawattisutti, Anakghatawangsa Scripture,
Amatarasadhara Tika Anagatawangsa and Phra
Sawaka Nibbhan Scripture. The study found that
Satthantaragalpa story and the era of
Ariyamettraiya Buddha in this version of
Tribhum were very similar with Buddhism
Scripture. This shows that belief in the
Satthantaragalpa story, which is the most
important story at the end of Gotama Buddha
period and The birth of Ariyamettraiya Buddha
and the emperor, Sankhachak is a belief that
can be found in the Ayutthaya Tribhum.

๑๑๒

Keywords: Ariyamettraiya Buddha, The
national library of Paris edition of
Tribhum

บทนำ
เม่ือศาสนาของพระพุทธเจ้าโคดม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันมีอายุ

ครบ ๕,๐๐๐ ปี จะบังเกดิ เหตกุ ารณ์สัตถนั ตรกลั ป์๒ คอื เหตุการณ์ท่ีมนุษย์ฆ่า
ฟันกันด้วยอาวุธเป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน (สัตถะ หมายถึง อาวุธ, อันตรกัลป์
หมายถึง ระหวา่ งกัลป)์ มนุษย์ผ้มู ปี ัญญาจะไปหลบซอ่ นตามปา่ เขาเพียงลำพัง
ยุคนี้มนุษย์จะมีอายุขัยเพียง ๑๐ ปี เม่ือมนุษย์มีอายุ ๕ ปีจะสมรสเป็นสามี
ภรรยากัน ศลี ธรรมในจิตใจเสื่อมทรามลงจนถงึ ท่ีสดุ ต่างกระทำกรรมหยาบ
ช้า อกศุ ลกรรมบถ ๑๐ ประการ คือ

๒ เป็น ๑ ใน ๓ สาเหตกุ ารสน้ิ ชีวิตของมนุษยใ์ นระหวา่ งกัลป์ สัตถนั ตรกัลป์เกิดจากสัตวม์ ีโทสะ
แรงกลา้ อีก ๒ ข้อท่ีเหลือคือ ทุพพิกขันตรกัลป์ (สัตวโ์ ลกส้ินชีวิตดว้ ยความอดอยากอาหาร เกิดจากสัตว์มี
โมหะแรงกล้า) และโรคันตรกัลป์ (สตั วโ์ ลกสิ้นชีวติ ด้วยโรคภัยต่างๆ เกิดจากสตั ว์มีราคะแรงกล้า) การเกิด
เหตกุ ารณ์เหล่านลี้ ว้ นเกิดจากกรรมของสตั ว์ทัง้ ปวง (กรมศิลปากร. ๒๕๒๐. ไตรภูมิโลกวินจิ ฉยกถา ฉบับที่
๒ (ไตรภูมิฉบับหลวง) เล่ม ๒. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร. หน้า ๘๒-๘๓). กัลป์ หมายถึง กาลกำหนด
ระยะเวลาโดยประมาณของกัลป์ คือ เปรียบด้วยภเู ขาหนิ กว้าง ยาว สงู ๑ โยชน์ ทุกๆ ๑๐๐ ปี มีคนนำผ้า
ละเอียดมาลูบก้อนหินน้ันจนกว่าภูเขาหินน้ันจะสึกหรอไปท้ังหมด กัลป์ มี ๔ ประเภท คือ ๑. มหากัลป์
หมายถึง กัลปใ์ หญ่ ๒. อสงไขยกลั ป์ หมายถงึ กัลป์อนั นับเวลาไม่ได้ ๓. อนั ตรกลั ป์ หมายถงึ กัลป์ในระหวา่ ง
และ ๔. อายุกัลป์ หมายถึง กำหนดอายุของสัตว์จำพวกน้ันๆ (พระพรหมคุณาภรณ์. (๒๕๕๑).
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบบั ประมวลศัพท์. พิมพค์ ร้ังท่ี ๑๗. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
หน้า ๑๐-๑๑).

๑๑๓

กายกรรม ๓ คือ ๑. การทำลายชีวิต ๒. ถือเอาของท่ีเขามิได้ให้
๓. ประพฤติผิดในกาม วจีกรรม ๔ คือ ๔. พดู เท็จ ๕. พูดส่อเสียด ๖. พดู คำ
หยาบ ๗. พูดเพ้อเจ้อ มโนกรรม ๓ คือ ๘. ละโมบคอยจ้องอยากได้ของเขา
๙. คิดร้ายเขา ๑๐. เหน็ ผิดจากทำนองคลองธรรม๓

การทำอนาจารโดยไม่คำนึงถึงว่าเป็นบิดา มารดา ญาตพิ ่ีน้องเย่ียง
สัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น ความเช่ือเหล่าน้ีปรากฏในวรรณคดีพระพุทธศาสนา
หลายแห่ง อาทิ พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค จักกวัตติสูตร อัน
เปน็ พระสูตรทวี่ ่าดว้ ยการสิ้นยคุ ศาสนาพระพทุ ธเจ้าโคดม พระมาลัยคำหลวง
มีเน้ือหาเกี่ยวกับการเกดิ สัตถนั ตรกัลป์และการบำเพ็ญบุญเพื่อใหไ้ ด้ไปเกิดใน
ยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย และคัมภีร์พระอนาคตวงศ์ ซ่ึงเป็นคัมภีร์ที่
กล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคตกาลและการลงมาอุบัติของพระพุทธเจ้า ๑๐
พระองค์ในอนาคต เป็นต้น หลงั จากเกิดเหตุการณน์ ้ีมนษุ ย์ท่ีรอดชีวติ จากการ
ไปหลบซ่อนตามป่าเขาได้หมั่นบำเพ็ญกุศลกรรมบท ๑๐ ประการ๔ อันเป็น
ปจั จัยให้ลูกหลานของมนุษย์เหล่านั้นมีอายุขัยเจริญขึ้นไปจนถึงอสงไขย๕แล้ว
ลดลงมาเหลือ ๘๐,๐๐๐ ปี สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยพระพุทธเจ้าและ
พระยาสังขจักมหาจักรพรรดิราชจะลงมาอุบัติพร้อมกันในชมพูทวีป ในกาล
นัน้ ชมพทู วปี จะเตม็ ไปด้วยความบริบรู ณผ์ าสุกทุกประการ

๓ พระพรหมคณุ าภรณ์. (๒๕๕๑). พจนานกุ รมพุทธศาสน์ ฉบบั ประมวลศัพท์. พิมพ์คร้งั ที่
๑๗. กรงุ เทพฯ: มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . หน้า ๔๗๑-๔๗๒.

๔ หมายถึง เว้นจากอกศุ ลกรรมบถทัง้ ๑๐ ข้อ
๕ อสงไขย คอื จำนวนเวลาท่ีนบั ไมไ่ ด้

๑๑๔

การอธิษฐานให้ได้ไปเกิดในยุคพระศรีอาริยเมตไตรยปรากฏใน
วรรณกรรมหลายแห่งต้งั แต่สมัยสุโขทยั ได้แก่ จารึกหลักท่ี ๓ (จารกึ นครชุม)
ด้านที่ ๑ บรรทัดท่ี ๖๐-๖๒ “ถ้าผู้ใดต้องการไปเกิดในยุคของพระศรีอาริย
เมตไตรยในอนาคตกาลใหบ้ ูชาพระสถูปเจดีย์หรือพระศรีมหาโพธิ…”๖ จารึก
หลักที่ ๙ก. (จารึกวดั สรศักดิ์) บรรทัดที่ ๓๔-๓๕ วา่ “…นายสรศกั ดไิ์ หวค้ ำนับ
จารึกส้ินกัลปาวสานขอให้ข้าและท่านทั้งหลายขวนขวายทำ (กิจ) ใน (พุทธ
ศาสนา) จะปรารถนาทันพระศาสนาของพระโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตไตรยทุก
ชาติ”๗ ไตรภูมิกถา ว่า “ผู้ใดปรารถนาพระนิพพานให้ฟงั พระไตรภมู ิกถาด้วย
ใจศรัทธาและไม่ประมาทกจ็ ะไดพ้ บ ได้ไหว้ ได้ฟังธรรมพระศรีอารยิ เมตไตรย
ที่จะมาตรสั รู้ในอนาคตกาล”๘ แสดงให้เหน็ ว่า ความเชื่อเรอ่ื งยุคพระศรีอาริย
เมตไตรยยังคงปรากฏมาตัง้ แต่สมัยอดีตกาล

ลักษณะเดน่ ของไตรภูมิฉบับหอสมดุ แหง่ ชาตกิ รงุ ปารีส
ไตรภูมิฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีส เป็นวรรณกรรมไทยที่พบ

ต้นฉบับท่ีหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส บันทึกด้วยอักษรไทย

๖ กรมศิลปากร. (๒๕๑๕). ประชุมจารึกภาคท่ี ๑ จารึกกรุงสโุ ขทัย. กรุงเทพฯ: คุรุสภาพระ
สเุ มร.ุ (พิมพ์เป็นอนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พระราชประสิทธิคุณ ณ สุสานวัดราชธานี จ.สโุ ขทัย).
หน้า ๔๐.

๗ กรมศิลปากร. (๒๕๑๕). ประชุมจารกึ ภาคท่ี ๑ จารึกกรงุ สุโขทัย. กรงุ เทพฯ: คุรุสภาพระ
สุเมรุ. (พิมพเ์ ป็นอนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พระราชประสิทธคิ ุณ ณ สุสานวัดราชธานี จ.สุโขทัย).
หน้า ๑๖๑.

๘ กรมศิลปากร. (๒๕๓๕). ไตรภูมกิ ถาหรือไตรภูมพิ ระร่วง. พิมพ์ครัง้ ที่ ๒. กรุงเทพฯ: ครุ ุ
สภา. หนา้ ๒๙๕.

๑๑๕

ย่อ ภาษาไทย คำประพันธ์ชนดิ ร้อยแกว้ สนั นิษฐานว่า “เป็นวรรณกรรมสมัย
อยุธยา และน่าจะอยู่ในยุคสมยั ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช”๙ เน่ืองจาก
ในยุคน้ีสยามมีการติดต่อสื่อสารกับชาติตะวันตกมากที่สุดยุคหน่ึงของ
ประวัติศาสตรส์ มัยอยธุ ยา ไตรภูมิฉบับนี้มีเนือ้ หาเก่ียวกับการสร้างโลกทง้ั คติ
ทางพระพุทธศาสนา ไดแ้ ก่ พรหมลงมากินงว้ นดิน กำเนิดมนุษย์ พระอาทิตย์
พระจนั ทร์ สรรพสงิ่ ในโลก เรือ่ งพระพุทธเจา้ ๕ พระองคใ์ นภัทรกลั ป์ เปน็ ต้น
ส่วนคติทางศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ไดแ้ ก่ พระบรเมสวรสร้างโลกและจกั รวาล
มหาพรหมเทพราชสร้างเทวดา๑๐ เร่ืองรามเกียรติ์๑๑ เรื่องเกษียรสมุทร เป็น
ต้น

เหตุการณ์สัตถันตรกัลป์และยุคพระศรีอาริยเมตไตรยที่ปรากฏอยู่
ในไตรภูมิฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีสเริ่มเน้ือหาจากหลังส้ินยุคของ
พระพุทธเจ้าโคดมจะเกิดเหตกุ ารณฆ์ ่าฟันกันระหว่างมนุษย์ท้งั หลาย แล้วอายุ
มนุษย์จะเพิม่ ขนึ้ ไปถึงอสงไขยและลดลงมาเหลอื ๘๐,๐๐๐ ปี ในกาลน้ันพระ
ศรีอาริยเมตไตรยและพระยาสังขจักมหาจักรพรรดิราช ลงมาอบุ ัติพร้อมกัน

๙ ภัครพล แสงเงิน. (๒๕๕๗). ไตรภูมิฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีส: การศึกษาเชิง
วิเคราะห์. วิทยานิพนธป์ รญิ ญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวรรณคดไี ทย มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์.หน้า
๖๗.

๑๐ โปรดอ่านเพิ่มเติมในบทความเรื่อง ไตรภูมิฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุงปารสี : การศึกษา
เปรียบเทียบระหวา่ งเรอ่ื งมหาพรหมเทพราชทอดเลขกับตำนานของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู วารสารดำรง
วชิ าการ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลยั ศิลปากร ปีท่ี ๑๕ ฉบับท่ี ๑ (มกราคม-มิถนุ ายน ๒๕๕๙) หน้า ๑๗๗-
๑๙๖.

๑๑ โปรดอา่ นเพ่มิ เตมิ ในบทความเรือ่ ง ไตรภูมิฉบับหอสมุดแหง่ ชาติกรุงปารสี : ความสมั พนั ธ์
กับรามเกยี รต์ิ วารสารดำรงวิชาการ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่ ๑๒ ฉบบั ที่ ๒ (กรกฎาคม-
ธันวาคม ๒๕๕๖) หน้า ๑๕๓-๑๗๔.

๑๑๖

พิจารณาเน้ือหาท่ีปรากฏเบื้องต้นพบว่า ใจความหลักครบถ้วนสมบูรณ์ซึ่ง
น่าสนใจศึกษาว่า ในไตรภูมิสมัยอยุธยาน้ัน มีความเชื่อเรื่องเหตุการณ์สัต
ถันตรกัลป์และยุคพระศรีอาริยเมตไตรยปรากฏอยู่ด้วย ดังน้ันผู้ศึกษาจึงใช้
คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาท่ีปรากฏเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์สัตถันตรกัลป์
และยุคพระศรอี ารยิ เมตไตรยมาใชใ้ นการเปรยี บเทยี บเนอ้ื หา คอื

๑. พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค จักกวัตติสูตร พระ
สตู รสำคญั ในพระไตรปิฎกเมอื่ ครั้งพระพทุ ธองค์ทรงประทับ ณ เมืองมาตุลา
แคว้นมคธ โดยพระองค์ทรงกล่าวถึงเร่ืองของพระเจ้าจักรพรรดิราช สาเหตุ
แห่งความเจริญและเส่ือมของอายุขัยมนุษย์ การเกิดสัตถันตรกัลป์ และยุค
พระศรีอารยิ เมตไตรย

๒. คมั ภรี พ์ ระอนาคตวงศ์ ผูแ้ ตง่ คือ พระมหากสั สปะเถระ แตง่ เมื่อ
ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๖-๑๗ มีเรื่องราวเก่ียวยุคพระศรีอาริยเมตไตรย
พระพุทธเจา้ องคท์ ่ี ๕ ในภทั รกลั ป์น้ีซ่ึงจะลงมาตรัสรตู้ อ่ จากพระพุทธเจา้ องค์
ปัจจุบัน คือ พระสมณะโคดม โดยคัมภีร์อนาคตวงศ์เป็นหนึ่งในคัมภีร์ที่พระ
มหาธรรมราชาที่ ๑ (ลิไทย) ทรงอ้างถึงในบานแพนกของไตรภูมกิ ถา

๓. คัมภีร์อมตรสธารา ฎีกาอนาคตวงศ์ ผู้แต่งคือ พระอุปติสสะ
เถระ “ฎีกา หมายถึง ปกรณ์ท่ีพระอาจารย์ทั้งหลายในภายหลัง แตง่ แก้หรือ
อธิบายเพ่ิมเติมอรรถกถา”๑๒ อมตรสธารา ฎีกาอนาคตวงศ์ แต่งข้ึนเพ่ือ
อธบิ ายอมตรสธารา อรรถกถา อนาคตวงศ์ อมตรสธารา ฎกี าอนาคตวงศ์ที่

๑๒ พระพรหมคุณาภรณ.์ (๒๕๕๑). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. พมิ พค์ ร้ังที่
๑๗. กรุงเทพฯ: มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย. หน้า ๙๓.

๑๑๗

นำมาใช้ศึกษาในบทความน้ีมาจากยุคพระศรีอารยิ เมตไตรยในไตรภูมิโลกวินจิ
ฉยกถาของพระยาธรรมปรีชา (แกว้ ) เพราะมีการอา้ งถึงคมั ภรี ด์ งั กล่าว

๔. คัมภีร์พระสาวกนิพพาน เป็นคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาที่ว่า
ด้วยประวัตขิ องมหาสาวกองค์ต่างๆ ในยุคพทุ ธกาลตั้งแต่เริ่มปรารถนาสาวก
ภูมิจนถึงนิพพาน มีเนื้อหาคล้ายคลึงกับมหาปรินิพพานสูตร โดยกล่าวถึง
สาวกองค์สำคัญ ได้แก่ พระกัจจายนะเถระ พระมหากัสสปะเถระ พระ
อานนท์เถระ เป็นต้น หนังสือไม่ได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาชัดเจนแต่พอ
สรปุ ไดว้ า่ เป็นคัมภรี ์เก่าแกค่ ัมภีรห์ น่ึงทมี่ ีเร่ืองราวเนอ่ื งด้วยประวตั มิ หาสาวกที่
สำคัญทางพระพุทธศาสนา

๑๑๘

ภาพปกหนงั สือไตรภูมิ เอกสารจากหอสมดุ แห่งชาติกรุงปารีส
กรมศลิ ปากรพิมพ์เผยแพร่พุทธศักราช ๒๕๕๔

การเปรียบเทยี บสตั ถันตรกัลปแ์ ละยคุ พระศรอี าริยเมตไตรยในไตรภมู ิฉบับ
หอสมดุ แหง่ ชาติกรุงปารสี กบั คัมภรี ท์ างพระพุทธศาสนา

ผูศ้ ึกษาใช้คมั ภีรท์ างพระพทุ ธศาสนามาเปรียบเทยี บกับเนื้อหาเร่อื ง
สัตถันตรกัลป์และยุคพระศรีอาริยเมตไตรยท่ีปรากฏในไตรภูมิฉบับหอสมุด

๑๑๙

แห่งชาติกรุงปารีสเพื่อแสดงให้เห็นถึงความคล้ายคลึงหรือต่างกัน โดยใช้วิธี

สงั เขปเน้อื หาดังรายละเอียดในตารางต่อไปนี้

ตารางที่ ๑ เหตุการณส์ ัตถนั ตรกัลป์

ตอน ไตรภมู ฉิ บบั พระไตรปฎิ ก พระอนาคตวงศ์
หอสมุดแหง่ ชาติ จักกวัตติสูตร
๑. เม่ือศาสนา ผู้ ค น ทั้ งห ล าย ไม่
พ ร ะ พุ ท ธ เจ้ า กรงุ ปารสี ผู้ ค น ทั้ ง ห ล า ย ไ ม่ ละอายต่อบาป เสพ
โคดมมีอายุครบ ล ะ อ าย ต่ อ บ า ป กามซ่ึงกันและกันไม่
๕,๐๐๐ ปี ผู้ ค น ทั้ งห ล าย ไม่ เสพกามซึ่งกันและ เวน้ แม้แต่ญาติพีน่ ้อง
ละอายต่อบาป เสพ กั น ไ ม่ เว้ น แ ม้ แ ต่ ต น เอ ง ม นุ ษ ย์ มี
กามซึ่งกันและกันไม่ ญาติพี่น้องตนเอง อายุขัย ๑๐ ปี เมือ่ มี
เว้นแมแ้ ต่ญาตพิ ี่น้อง มนุ ษ ย์ มีอ ายุ ขั ย อายุ ๕ ปีจะสมรส
ต น เอ ง ม นุ ษ ย์ มี ๑๐ ปี เม่ือมีอายุ เป็นสามีภรรยากัน
อายุขัย ๑๐ ปี เม่ือมี ๕ ปีจะสมรสเป็น และจะเกิดสัตถันตร
อายุ ๕ ปีจะสมรส ส า มี ภ ร ร ย า กั น กัลป์เป็นเวลา ๗ วัน
เป็ น ส า มี ภ ร ร ย า กั น แ ล ะ จ ะ เกิ ด สั ต
และจะเกิดสัตถันตร ถั น ต รกั ล ป์ เป็ น
กลั ปเ์ ปน็ เวลา ๗ วนั เวลา ๗ วนั

ตารางที่ ๑ (ตอ่ ) ไตรภูมฉิ บบั หอสมุด พระไตรปิฎก
ตอน แห่งชาตกิ รงุ ปารสี จักกวตั ติสูตร

๒ . ปั จ จั ย ท่ี ท ำให้ คนท่ีรอดจากสัตถนั ตรกัลป์ คนที่รอดจากสัตถนั ตรกัลปต์ ่าง
อายุขัยของมนุษ ย์ ต่ า ง พ า กั น ส ม า ท า น กุ ศ ล พากันสมาทานกุศลกรรมบท

๑๒๐

เพม่ิ ขนึ้ กรรมบท ๑๐ ประการ ๑๐ ป ระการ อายุ ขัย ของ
อ า ยุ ขั ย ข อ ง ลู ก ห ล า น ค น ลูกหลานคนเหลา่ นน้ั จงึ เพิ่มขึ้น
๓. ปัจจัยท่ีทำให้ เหล่าน้ันจึงเพิ่มขึ้นเร่ือยๆ เรื่อยๆ จนถึง ๘๐,๐๐๐ ปี
อ า ยุ ขั ย ม นุ ษ ย์ จ น ถึ ง อ ส ง ไข ย (ชื่ อ เมื อ ง
ลดลง เป ล่ียนตามอายุขัยของ เม่ือมนุษย์มีอายุขัย ๘๐,๐๐๐
มนุษย์ คือ ๑๐๐,๐๐๐ ปี= ปี เมืองพาราณสีมีชื่อว่า เกตุ
มัดทมุ อสงไขย=มณฑาร) มดี
มนุษย์ประมาทในธรรม ทำ
อกุศลกรรม ๑๐ ประการ
อ ายุ จึ ง ล ด ล ง ม า เห ลื อ
๘๐,๐๐๐ ปี เมืองมณฑาร
เปลีย่ นช่อื เปน็ เกตมุ ดี

ตารางที่ ๑ (ต่อ) ไตรภมู ิฉบบั หอสมดุ พระไตรปฎิ ก
ตอน แห่งชาตกิ รุงปารีส จกั กวตั ติสูตร

๔. การอุบัติของ

๑๒๑

พระเจ้าจักรพรรดิ เชถนกาล (ไมป่ รากฏ)
ราชเมืองเกตมุ ดี (ไมป่ รากฏ) สงั ขะ
- นามเทพบุตร
- นามพระเจา้ อชติ กุมาร (ไมป่ รากฏ)
จักรพรรดิ (ขุนพลแกว้ )
- นามพระโอรส
องค์ใหญ่

จากตารางดังกลา่ วแสดงให้เห็นว่า เหตุการณ์สตั ถันตรกัลปห์ ลังส้ิน
ศาสนาพระพุทธเจ้าโคดมในไตรภูมิฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีสมีเน้ือหา
รว่ มกับพระไตรปฎิ ก จกั กวัตติสูตรและคัมภีรพ์ ระอนาคตวงศ์ ดังน้ี

๑. เมื่ออายุศาสนาพระพุทธเจ้าโคดมครบ ๕,๐๐๐ ปี ผู้คนจะไม่
ละอายและเกรงกลวั ต่อบาป มนษุ ย์จะมีอายขุ ัย ๑๐ ปี และจะเกดิ การฆ่าฟัน
กันด้วยอาวุธ คอื สัตถันตรกัลป์เป็นเวลา ๗ วัน

๒. ปัจจัยท่ีทำให้อายุขัยของมนุษย์เพ่ิมข้ึน คือ ผู้คนท่ีรอดจากสัต
ถันตรกัลป์จะพากันประพฤติกุศลกรรมบท ๑๐ ประการจึงทำให้อายุขัยของ
ลกู หลานพวกเขาเหล่านั้นเพ่ิมข้ึนจนไปถึงอสงไขยปี แต่พระไตรปิฎก จกั กวัต
ตสิ ูตรวา่ มนุษย์จะมีอายุเพ่ิมขึ้นเร่ือยๆ จนถึง ๘๐,๐๐๐ ปี อกี ท้ังไตรภูมิฉบับ
หอสมุดแห่งชาตกิ รุงปารีสยังใหร้ ายละเอยี ดของชอื่ เมืองระหว่างท่ีอายขุ ยั ของ
มนษุ ยเ์ พิม่ ขึ้นด้วยวา่ เมื่อมนุษย์มอี ายขุ ยั ๑๐๐,๐๐๐ ปี เมืองพาราณสีเปล่ียน
ช่ือเป็นเมืองมัดทุม เม่ือมนุษย์มีอายุอสงไขยปี เมืองมัดทุมเปล่ียนชื่อเป็น
มณฑาร

๑๒๒

๓. มนุษย์ผูม้ ีอายุขยั อสงไขยปีเกิดความประมาทในธรรมอายุขัยจึง
ถอยลงมาเหลือ ๘๐,๐๐๐ ปี เมืองพาราณสีเปลี่ยนช่ือเป็นเกตุมดี แต่ไตรภูมิ
ฉบบั หอสมดุ แหง่ ชาตกิ รุงปารีสว่า เมืองมณฑารเปลย่ี นช่ือเปน็ เกตุมดี๑๓

๔. การอุบัติของพระเจ้าจักรพรรดิราช เน้ือหาส่วนใหญ่มีความ
ใกล้เคียงกันแต่ต่างกันท่ีรายละเอียด คือ ไตรภูมิฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุง
ปารีสว่า เชถนกาลเทพบุตร (พระอนาคตวงศ์ว่า มหานฬวกาลเทวบุตร และ
ไม่ปรากฏช่ือในจกั กวัตติสูตร) จะจุติจากสวรรค์ลงมาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
ราช (ซึ่งไตรภมู ฉิ บับหอสมดุ แห่งชาตกิ รงุ ปารสี ไมไ่ ด้กลา่ วถึงพระนาม แตจ่ ักก
วัตตสิ ูตรวา่ สงั ขะ และพระอนาคตวงศ์ว่า สังขจักร)์ พระเจา้ จกั รพรรดริ าชน้ี
จะมีพระโอรสองค์ใหญ่นามวา่ อชิตกุมาร (ไม่ปรากฏในจักกวตั ติสูตร) ซ่ึงจะ
เป็นขนุ พลแกว้ (ปรินายกรัตนะ) หน่ึงในของคู่บญุ ของพระเจ้าจักรพรรดริ าช

ตารางท่ี ๒ ยคุ พระศรอี าริยเมตไตรย

๑๓ การเปลี่ยนช่ือจากมณฑารเป็นเมืองเกตุมดีไม่ได้แตกต่างไปจากพระไตรปิฎกและพระ
อนาคตวงศเ์ พราะเมืองเหลา่ นี้ (มัดทุม-มณฑาร) ล้วนเคยเปน็ เมอื งพาราณสีมาก่อนน่ันเอง

๑๒๓

เน้อื หา ไตรภมู ิฉบบั พระ อมตรสธารา
หอสมุด อนาคตวงศ์ ฎกี าอนาคต
๑. พระศรี
อาริเมตไตรย แห่งชาติกรุง วงศ์
นามพุทธบิดา ปารสี
นามพระโอรส
พระศรอี าริยไมตรี พระศรีอาริย พระศรีอารยิ
เวลาครองเพศ เมตไตรย เมตไตรย
ฆราวาส สพุ พราหมณ์
พาหนะ พราหมณ์ สพุ รหมา สุพรหมพราหมณ์
มหาภเิ นษกรมณ์ วทั กมุ าร พราหมณ์ (ไม่ปรากฏ)
นามอคั รสาวก วฒั นกุมาร

ระยะเวลากระทำ ๘,๐๐๐ ปี ๘,๐๐๐ ป๑ี ๔ (ไม่ปรากฏ)
เพยี ร ปราสาท ปราสาท (ไมป่ รากฏ)

โลกภเถระ อโสกเและ อโสกเและพรหม
๗ วัน พรหมเทพ เทพ

๗ วนั (ไม่ปรากฏ)

ตารางที่ ๒ (ตอ่ )

๑๔ ต้นฉบับที่บำเพ็ญ ระวิน ปริวรรต เป็น ๘๐,๐๐๐ ปี แต่ในฉบับของประภาส สุระเสน
ปริวรรต เป็น ๘,๐๐๐ ปี (ประภาส สุระเสน (ปริวรรต). ๒๕๔๐. พระคัมภีร์อนาคตวงศ์. กรุงเทพฯ:
สุรวัฒน์. (พิมพ์โดยเสด็จพระราชกุศลในงานพระราชทานเพลิงศพ พระเทพวัชรธรรมาภรณ์ สุรพงศ์
ฐานวโร เจา้ อาวาสวดั ตรีทศเทพ ณ เมรหุ ลวงพลบั พลา อิศรยิ าภรณ์ วดั เทพศริ นิ ทราวาส ๒๖ มี.ค. ๒๕๔๐.
หนา้ ๘๑) ดังนั้นจำนวนตัวเลขนี้ผู้ศกึ ษาจะใชฉ้ บับของประภาส สรุ ะเสน

๑๒๔

เน้อื หา ไตรภูมฉิ บับ พระอนาคต อมตรสธารา

หอสมดุ วงศ์ ฎีกาอนาคต

แห่งชาติกรงุ วงศ์

ปารสี

ไมท้ ่ีตรัสรู้ กากะทิง กากะทิง กากะทงิ

พระชนมายุ ๘๐,๐๐๐ ปี (ไม่ปรากฏ) ๘๐,๐๐๐ ปี

อายพุ ระศาสนา ๑๘๐,๐๐๐ ปี (ไม่ปรากฏ) ๑๘๐,๐๐๐ ปี
๒. ดอกบวั รองรบั
พระบาทยาม เม่อื พระศรอี าริย เมือ่ พระศรี เม่อื พระศรีอารยิ
พระพทุ ธเจา้ เสด็จ เมตไตรยจะเสด็จ อาริยเมตไตรย เมตไตรยจะเสด็จ
ไปทีใ่ ดจะมีดอกบัว จะเสดจ็ ไปท่ีใด
ขนาดใหญ่ผุดขึน้ จะมีดอกบวั ไปที่ใดจะมี
จากแผ่นดินมา ขนาดใหญ่ผดุ ดอกบวั ขนาด
รองรบั ฝ่าพระบาท ข้ึนจากแผ่นดิน ใหญผ่ ดุ ข้นึ จาก
มารองรับฝา่ แผ่นดินมารองรับ
ทกุ ยา่ งกา้ ว พระบาททุก ฝ่าพระบาททุก

ยา่ งกา้ ว ย่างกา้ ว

ตารางท่ี ๒ (ตอ่ )

๑๒๕

เน้ือหา ไตรภมู ฉิ บบั พระอนาคต อมตรสธารา
หอสมุดแหง่ ชาติ วงศ์ ฎกี าอนาคตวงศ์
๓. ความพิเศษ
ของดอก กรงุ ปารสี (ไม่ปรากฏ) ดอก กากะทิ งจ ะ
กากะทิง บ าน ตั้ ง แ ต่ วั น ท่ี
ดอกกากะทิงจะบาน พระพุทธเจ้าตรัสรู้
ต้ั ง แ ต่ วั น ท่ี จนถึงวันท่ีพระองค์
พ ร ะ พุ ท ธ เจ้ า ต รั ส รู้ ปรินพิ พาน
จนถึงวันท่ีพระองค์
ปรินพิ พาน

๔. มณฑป ยามพระพุทธเจ้าจะ (ไม่ปรากฏ) ยามพระพุทธเจ้าจะ
พิเศษ เส ด็ จไป ท่ี ใด จะมี เสด็จไปที่ใด จะมี
มณฑปแก้วซ่ึงเหล่า ม ณ ฑ ป แ ก้ ว ผุ ด ข้ึ น
เทวดาครุฑ นาคราช จากแ ผ่ น ดินเพ่ื อ
เนรมิตถวายเพื่อเป็น เปน็ พาหนะ
พาหนะ

ตารางท่ี ๒ (ต่อ)

๑๒๖

เน้ือหา ไตรภูมิฉบับหอสมดุ คัมภรี ์พระสาวกนิพพาน๑๕
แห่งชาติกรุงปารสี
๕. บุพกรรม ในอนาคตข้างหน้า พระศรีอาริย
ระหว่างพระศรี ยามเมื่อพระพุทธเจ้าจะ เมตไตรยจะเสด็จมาพร้อมกบั เหล่า
อารยิ เมตไตรย เ ส ด็ จ ป ริ นิ พ พ า น บรรดาภิกษุสาวก พระองค์จะมา
กบั พระ พระองค์จะเสด็จไปนำ นำร่างของพระมหากัสสปะเถระ
มหากสั สป ศพพระมหากัสสปเถระ และทรงกล่าวว่า “สังขารน้ีคือ
ในศาสนาพระพทุ ธเจา้ โค พ่ีชายของอาตมา” พร้อมทั้งกล่าว
ดมมาปลงศพในฝ่าพระ ยกย่องความเป็นเลิศของพ ระ
หตั ถ์ของพระองค์ มหากัสสปะเถระในด้านถือธุดงค
วัตร ๑๓ ประการอย่างเคร่งครัด
ตลอดชีวิต หลังจากน้ันจึงบังเกิด
เปลวไฟเผาศพของพระมหากสั สป
สิ้นไป

จากตารางดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เนื้อหาเร่ืองพระศรีอาริย
เมตไตรยในไตรภูมิฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีสมีเนื้อหาร่วมกับคัมภีร์
อนาคตวงศ์ คมั ภีร์อมตรสธารา ฎีกาอนาคตวงศ์และคัมภีรพ์ ระสาวกนพิ พาน
ดังน้ี

๑. เรื่องพระศรีอาริยเมตไตรยในไตรภูมิฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุง
ปารีสมเี นอ้ื หาร่วมกับ คมั ภรี ์อนาคตวงศ์และคัมภรี ์อมตรสธารา ฎีกาอนาคต

๑๕ เน่ืองจากคมั ภรี อ์ นาคตวงศ์ไม่ปรากฏเนื้อหาเรอื่ งพระมหากัสสปะ ผศู้ ึกษาจึงนำเรอื่ งพระ
มหากัสสปะเถระนพิ พานมาจากคมั ภรี ์พระสาวกนพิ พาน

๑๒๗

วงศ์ เช่น พระนามของพระพุทธเจ้า (อาริยไมตรี-อาริยเมตไตรย) พระนาม
พทุ ธบดิ า (สุพรหมา-สุพรหมพราหมณ์) ไม้ท่ีพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ (กากะทิง)
แต่ต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อย เชน่ ระยะเวลาครองเพศฆราวาส ไตรภูมิ
ฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีสว่า ๘,๐๐๐ ปี แต่ไม่ปรากฏในคัมภีร์อมตรส
ธารา หรือนามของอัครสาวก ไตรภูมิฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีสกล่าวถึง
โลกภเถระองค์เดียว แต่คัมภีร์อนาคตวงศ์และคัมภีร์อมตรสธาราว่า อโสก
และพรหมเทพเถระ

๒. เร่ืองดอกบัวพิเศษท่ีเกิดข้ึนเม่ือพระพุทธเจ้าจะเสด็จในไตรภูมิ
ฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีสมีเนื้อหาร่วมกับคัมภีร์อนาคตวงศ์และคัมภีร์
อมตรสธารา ฎกี าอนาคตวงศ์ คอื เมือ่ พระพุทธเจ้าจะเสดจ็ พระราชดำเนนิ ไป
ท่ใี ดจะมดี อกบัวใหญ่ผุดข้ึนจากแผน่ ดนิ มารองรบั ฝ่าพระบาท

๓. เร่ืองความพิเศษของดอกกากะทิงในไตรภูมิฉบับหอสมุด
แห่งชาติกรุงปารีสมีเนื้อหาร่วมกับคัมภีร์อมตรสธารา ฎีกาอนาคตวงศ์ คือ
ด อ ก ก า ก ะ ทิ ง จ ะ บ าน ตั้ ง แ ต่ วั น ท่ี พ ร ะ พุ ท ธ เจ้ าท ร ง ต รั ส รู้ จ น ถึ ง วั น ที่ จ ะ
ปรินิพพาน ดอกกากะทิงก็จะหล่นลงไปตกยังเชิงตะกอนที่พระพทุ ธเจ้าเสด็จ
ปรนิ ิพพาน

๔. เรื่องมณฑปพิเศษในไตรภูมิฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีสมี
เน้ือหาร่วมกับคัมภีร์อมตรสธารา ฎีกาอนาคตวงศ์ คือ เม่ือพระพุทธเจ้าจะ
เสด็จไปท่ใี ด พระองคจ์ ะทรงมณฑปแกว้ เป็นพาหนะ แตต่ า่ งกันที่รายละเอยี ด
คือ ไตรภูมิฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีสว่า มณฑปแก้วน้ีเกิดจากเหล่า
เทวดา ครฑุ และนาคเนรมิตถวาย แต่คมั ภีร์อมตรสธาราวา่ มณฑปแก้วน้ีผุด
ขึ้นจากแผ่นดิน

๕. เร่อื งบุพกรรมระหว่างพระศรอี ารยิ เมตไตรยกับพระมหากัสสปะ
เถระในไตรภมู ิฉบบั หอสมุดแห่งชาตกิ รงุ ปารีสมเี นื้อหาร่วมกบั คัมภรี พ์ ระสาวก

๑๒๘

นิพพาน คือ พระศรีอาริยเมตไตรยจะเสด็จมานำร่างของพระมหากัสสปะ
เถระสมัยศาสนาพระพุทธเจ้าโคดมเพ่ือปลงสังขาร แต่ในคัมภีร์พระสาวก
นพิ พานให้รายละเอียดของบุพกรรม คอื พระมหากัสสปะเคยเปน็ เชษฐาของ
พระองค์ อกี ทง้ั พระศรอี าริยเมตไตรยยงั ทรงปรารภถงึ คณุ งามความดขี องพระ
มหากัสสปะเถระในเรื่องความเป็นเลิศในด้านการถือธุดงควัตร ๑๓
ประการ๑๖ด้วย

บทสรุป
เหตุการณ์สัตถันตรกัลป์และยุคพระศรีอาริยเมตไตรยในไตรภูมิ

ฉบับหอสมดุ แหง่ ชาติกรุงปารีสมีเนื้อหาร่วมกบั คัมภีร์ทางพระพทุ ธศาสนา คือ
พระไตรปฎิ ก คัมภรี พ์ ระอนาคตวงศ์และคัมภีรพ์ ระสาวกนิพพานอย่างชดั เจน
ไตรภูมิฉบับหอสมุดแหง่ ชาติกรุงปารสี จงึ ถือเปน็ หลักฐานสำคัญอย่างย่ิงที่ทำ
ให้เห็นว่า ในสมัยอยธุ ยายงั คงปรากฏความเชือ่ เรื่องสตั ถันตรกัลป์และยุคพระ
ศรีอาริยเมตไตรยอันเป็นเหตุการณ์ท่ีจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า อีกท้ังยัง
แสดงให้เหน็ ถึงการส้ินยุคพระศาสนาของพระพทุ ธเจ้าโคดม พระพุทธเจา้ องค์
ปัจจบุ ันซ่งึ ตรงกับหลักไตรลักษณ์ คือ อนจิ จัง ทกุ ขัง และอนัตตา (การเกดิ ขึ้น
ต้ังอยู่ ดับไป) อันเป็นแนวคิดหลักทางพระพุทธศาสนา ไตรภูมิฉบับหอสมุด
แหง่ ชาตกิ รงุ ปารสี จึงถือเป็นกุญแจสำคัญทางวรรณกรรมไทยที่ทำใหเ้ ข้าใจถึง

๑๖ คือ ๑. ถือใช้แต่ผ้าบังสุกุล ๒. ใช้ผ้าเพียงสามผืน ๓. เท่ียวบิณฑบาตเป็นประ จำ ๔.
บณิ ฑบาตตามลำดับบ้าน ๕. ฉนั ม้ือเดยี ว ๖. ฉนั เฉพาะในบาตร ๗. ลงมือฉันแลว้ ไมย่ อมรบั เพม่ิ ๘. ถืออย่ปู ่า
๙. อยู่โคนไม้ ๑๐. อยู่กลางแจง้ ๑๑. อยปู่ ่าช้า ๑๒. อยู่ในทีแ่ ลว้ แต่เขาจดั ให้ ๑๓. ถือน่ังอย่างเดียวไม่นอน
(พระพรหมคุณาภรณ์. ๒๕๕๑. พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท.์ พิมพ์ครั้งที่ ๑๗. กรงุ เทพฯ:
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หนา้ ๑๕๔)

๑๒๙

แนวคิดเก่ียวกับความเชื่อเร่ืองสัตถันตรกัลป์และแสดงให้เห็นถึงอนาคต คือ
ยุคพระศรีอารยิ เมตไตรยในสมยั อยุธยาโดยเฉพาะยุคของสมเดจ็ พระนารายณ์
มหาราชเพ่มิ มากย่งิ ขน้ึ อีกดว้ ย

บรรณานกุ รม

กรมศิลปากร. ๒๕๑๕. ประชุมจารึกภาคท่ี ๑ จารึกกรุงสุโขทัย. กรุงเทพฯ:
ครุ ุสภาพระสุเมรุ. (พมิ พ์เป็นอนสุ รณง์ านพระราชทานเพลิงศพ พระ
ราชประสทิ ธิคณุ ณ สสุ านวัดราชธานี จ.สโุ ขทยั ).
. ๒๕๒๐. ไตรภูมิโลกวินิจฉยกถา ฉบับที่ ๒ (ไตรภูมิฉบับหลวง)
เล่ม ๒. กรงุ เทพฯ: กรมศิลปากร.
. ๒๕๓๕. ไตรภูมิกถาหรือไตรภูมิพระร่วง. พิมพ์คร้ังที่ ๒.
กรงุ เทพฯ: คุรุสภา.
. ๒๕๕๔. ไตรภูมิเอกสารจากหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีส.
กรงุ เทพฯ: กรมศิลปากร.

คณะสงฆ์แห่งประเทศไทย. ๒๕๑๕. พระสาวกนิพพาน. กรุงเทพฯ: ม.ป.ท.
(พิมพ์โดยเสด็จพระราชกุศลในงานพระเมรุพระศพ สมเด็จ
พระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (จวน อุฏฺฐายี) ณ เมรุวัด
เทพศิรินทราวาส วนั ที่ ๑๗ มถิ ุนายน พทุ ธศักราช ๒๕๑๕).

บำเพ็ญ ระวิน. ๒๕๔๒. ประชุมพงศาวดารฉบับราษฎร์ ภาค ๓ พระ
อนาคตวงศ์. กรุงเทพฯ: อัมรินทรว์ ชิ าการ.

๑๓๐

ประภาส สุระเสน (ปริวรรต). ๒๕๔๐. พระคัมภีร์อนาคตวงศ์. กรุงเทพฯ:
สุรวัฒน์. (พิมพ์โดยเสด็จพระราชกุศลในงานพระราชทานเพลิงศพ
พระเทพวชั รธรรมาภรณ์ สุรพงศ์ ฐานวโร เจ้าอาวาสวดั ตรีทศเทพ
ณ เมรุหลวงพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ๒๖ มี.ค.
๒๕๔๐).

พระพรหมคุณาภรณ์. ๒๕๕๑. พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์.
พมิ พค์ รัง้ ที่ ๑๗. กรงุ เทพฯ: มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั .

ภัครพล แสงเงิน. ๒๕๕๗. ไตรภูมิฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีส :
การศึกษาเชิงวิเคราะห์. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหา
บัณฑติ สาขาวรรณคดไี ทย มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์.

สำนักงานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ. ๒๕๔๙. พระบาลีสุตตนั ตปฎิ ก
ทฆี นิกาย มหาวรรค เล่ม ๑๐. กรุงเทพฯ: อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์
พับลิชช่งิ .
-------------------------------------------------------------------

ประวัติและผลงานผ้ตู รวจสอบการปริวรรตและจัดทำคำอธิบายศัพท์
หนงั สอื มาลยั สตู ร พ.ศ. ๒๔๒๕ (ฉบบั นายเส็งและนางขำ ถวาย)

๑๓๑

ชอื่ -นามสกุล (ไทย) : ภัครพล แสงเงนิ

(องั กฤษ) : Phakphon Sangngern

ตำแหน่งทางวิชาการ : อาจารย์

วนั -เดอื น-ปีเกดิ : ๑๗ สงิ หาคม ๒๕๓๐

ท่อี ยู่ท่ตี ิดต่อได้สะดวก : เลขท่ี ๑๕๖ หมู่ ๕ ตำบลพลายชุมพล อำเภอ

เมืองพิษณโุ ลก จงั หวดั พษิ ณุโลก ๖๕๐๐๐

ประวัติการศึกษา

วฒุ กิ ารศึกษา จากสถาบัน ปที ่จี บ

ศศ.ม. มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ ๒๕๕๗
(วรรณคดีไทย)

ศศ.บ. ๒๕๕๔

(ภาษาไทย) มหาวทิ ยาลัยนเรศวร

เกยี รตินิยม

อนั ดับ ๑

ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาจารึก

ภาษาไทยและภาษาตะวนั ออก คณะโบราณคดี มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร

สาขาวิชาการท่มี คี วามชำนาญพเิ ศษ
วรรณคดพี ุทธศาสนา, ภาษาไทย, วรรณกรรมตำรายา, วรรณกรรมท้องถนิ่

ผลงานทางวิชาการ รายการบรรณานุกรม
ลำดบั ประเภท

๑๓๒

ลำดับ ประเภท รายการบรรณานุกรม
๑. เอกสาร ภั ค รพ ล แส งเงิน . (๒ ๕ ๖ ๔ ). เอก ส าร
ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น วิ ช าวร รณ ก ร รม เอ ก ขอ ง
ประกอบ ไทย. พิษณุโลก : มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูล
การสอน สงคราม.
๒. วิจยั บุญลดา คุณาเวชกจิ , ณรกมล เลาห์รอดพันธ์
และภัครพล แสงเงิน. (๒๕๖๓). การศึกษา
๓. วจิ ยั ศั ก ย ภ า พ บุ ค ล า ก ร เพื่ อ เต รี ย ม พ ร้ อ ม เ ข้ า สู่
องค์กรแห่ งค วามสุขในกลุ่มค ลัส เตอร์
๔. วิจยั ภ าค เห นือต อน ล่าง (พิ ษ ณุ โล ก พิ จิต ร
เพชรบูรณ์และสุโขทยั ). วารสารการเมืองการ
ปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ๑๐(๑),
น. ๑๙๑-๒๒๓.
ภัครพล แสงเงิน. (๒๕๖๒). ลักษณะสำคัญ
ขอ ง พ ร ะ ม า ไ ล ย ฉ บั บ ห อ ส มุ ด แ ห่ ง ช า ติ ก รุ ง
ปารีส. วารสารมนุษยศาสตร์วชิ าการ, ๒๖(๒),
น. ๒๘๕-๓๑๕.
ธีรพัฒ น์ พูลทองและภัค รพล แสงเงิน.
(๒๕๖๐). ตำนานวัดจากมุขปาฐะ: ความเช่ือ
จากปราชญช์ ุมชนในตำบลวัดโบสถ์ อำเภอวัด
โบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก. ในรายงานสืบเน่ือง
การประชุมวิชาการระดับชาติพิบูลสงคราม
วิจัย ครั้งที่ ๓ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูล
สงคราม วันที่ ๒๓-๒๔ มีนาคม ๒๕๖๐. น.

๑๓๓

ลำดับ ประเภท รายการบรรณานุกรม

(๕๘๑-๕๙๑). พิษณุโลก : มหาวิทยาลัยราช

ภัฏพบิ ูลสงคราม.

๕. บทความ ภัครพล แสงเงนิ และกังวล คัชชิมา. (๒๕๖๓).
วชิ าการ แนวทางการศึกษาวิจัยเก่ียวกับตำรายา
โบ ร าณ ใน ไท ย.ว าร ส าร ม นุ ษ ย ศ าส ต ร์ แล ะ
สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ๓๙
(๔), น. ๖๔-๘๑.

๖. บทความ ภัครพล แสงเงินแล ะอุเทน วงศ์สถิตย์.
วชิ าการ (๒๕๖๓). นรกภูมิในไตรภูมิ-พระมาลัย:
ค ว า ม สั ม พั น ธ์ กั บ คั ม ภี ร์ ส ำ คั ญ ท า ง
พระพุทธศาสนา. วารสารธรรมธารา, ๖(๒),
น. ๖๑-๑๐๔.

๗. บทความ ภัครพล แสงเงิน. (๒๕๖๐). คติพระพุทธเจ้า
วชิ าการ ๕ พระองคใ์ นไตรภูมฉิ บบั หอสมุดแห่งชาตกิ รุง
ปารีส. วารสารรมยสาร, ๑๕(๒), น. ๑๒๕-
๑๓๖.

๘. บทความ ภัครพล แสงเงิน. (๒๕๕๙). จากอวสานถึง
วชิ าการ เริ่มใหม่: ยุคพระศรีอาริยเมตไตรยในไตรภูมิ
ฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีส. วารสารไทย
ศึกษา, ๑๒(๒), น. ๑-๑๕.

ภาคผนวก
ภาพต้นฉบบั หนงั สอื มาลัยสตู ร พ.ศ. ๒๔๒๕

(ฉบบั นายเสง็ และนางขำ ถวาย)

๑๓๕

๑๓๖

๑๓๗

๑๓๘

๑๓๙

๑๔๐


Click to View FlipBook Version