หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ บทพากยเ์ อราวณั
บทพากยเ์ อราวณั
นางสาวทวีภรณ์ สวุ รรณมาโจ
ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ
โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ
อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม
สานักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษานครพนม
ใบความรทู้ ี่ ๑
ศึกษาเรื่องราว บทพากยเ์ อราวณั
ผูแ้ ตง่ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หล้านภาลัย
ความม่งุ หมาย ให้เห็นโทษของความลุ่มหลงในรูป รส กลิน่ เสียง สมั ผสั จะนำมาซ่ึงความประมาทอันเปน็ เหตุ
แหง่ หายนะ เชน่ พระลกั ษมณแ์ ละไพรพ่ ลวานรทม่ี วั แต่เพง่ ดูเทวดา(แปลง) อยา่ งเพลดิ เพลนิ จนตอ้ งศรของ
อนิ ทรชติ ในท่ีสดุ
ลกั ษณะคำประพันธ์ กาพยฉ์ บงั ๑๖ ใช้สำหรบั เป็นคำพากยห์ รอื บทพากยใ์ นการแสดง หนงั ใหญ่และโขน
สาระน่ารู้
บทพากย์เอราวัณ แต่งด้วยคำประพนั ธ์ประเภทกาพยฉ์ บัง ๑๖ มีทัง้ หมด ๔๐ บท
มีลักษณะบังคับ ดังน้ี
๑. บทหน่ึงมี ๓ วรรค วรรคท่ี ๑ และวรรคท่ี ๓ มวี รรคละ ๓ คำ วรรคที่ ๒ มี ๔ คำ
รวม ๓ วรรค มที ง้ั หมด ๑๖ คำ
๒. คำสดุ ท้ายของวรรคท่ี ๑ ส่งสัมผสั ไปยังคำสุดท้ายของวรรคท่ี ๒
๓. ถ้ามีบทต่อไปตอ้ งมสี ัมผัสระหว่างบท คอื คำสุดทา้ ยของวรรคท่ี ๓ ส่งสมั ผสั ระหว่างบทไป
ยงั คำสดุ ท้ายของวรรคท่ี ๑ ในบทตอ่ ไป
ตวั อยา่ งคาประพนั ธ์ เหมอื นองคอ์ มรินทร์
อนิ ทรชิตบิดเบอื นกายิน สัมผสั ระหวา่ งบท
ทรงคชเอราวณั
เผือกผ่องผวิ พรรณ
ชา้ งนิรมิตฤทธแิ รงแขง็ ขัน
สีสงั ข์สะอาดโอฬาร์
เล่าเร่ือง : ช้างเอราวณั
เนื้อเรอื่ งยอ่ บทพากยเ์ อราวณั
อินทรชิตเดิมช่ือ รณพกั ตร์ เป็นโอรสของทศกณั ฐก์ บั
นางมณโฑ เม่อื อายุ ๑๕ ปีไดเ้ ดนิ ทางไปเรยี นศลิ ปวทิ ยา และบาเพญ็ พรต
เพอ่ื ขอพร และศรวเิ ศษจากพระอศิ วร พระนารายณ์และพระพรหม พระ
อศิ วรประทานศรพรหมาสตรแ์ ละใหเ้ วทมนตรแ์ ปลงเป็นพระอนิ ทร์ พระ
พรหม ประทานศร นาคบาศ
และใหพ้ รว่า เมอ่ื จะตายใหต้ ายบนอากาศ หากหวั ขาดตกถงึ พน้ื ดนิ ให้
กลายเป็นไฟบรรลยั กลั ป์ และตอ้ งไดพ้ านทพิ ยข์ องพระพรหมมารบั จงึ จะ
ไมเ่ กดิ ไฟไหมพ้ ระนารายณป์ ระทานศรช่อื วษิ ณุปาณัม รณพกั ตรล์ าพอง
ในกาลงั ของตนมาก จงึ ไปทา้ รบกบั พระอนิ ทรแ์ ละเอาชนะพระอนิ ทรไ์ ด้
ทศกณั ฐจ์ งึ ตงั้ ช่อื ใหใ้ หมว่ า่ “อินทรชิต” หมายถงึ ผชู้ นะ
อนิ ทรชติ แปลงกายเป็นพระอนิ ทรท์ รงชา้ งเอราวณั และ
แปลงกายกองทพั ของตนใหเ้ ป็นเทพและอมนุษย์ ไดแ้ ก่ ควาญชา้ งคอื สารถขี องอนิ ทรชติ ช่อื โลทนั
แปลงกายเป็นเทพบุตรทพั หนา้ เทพารกั ษ์ ทพั หลงั คอื ครุฑ กนิ นร และนาค ปีกซา้ ยคอื วทิ ยาธร
ปีกขวาคอื คนธรรพ์ ทหารทกุ นายมอี าวุธครบครนั ฝ่ายพระรามครนั้ ตน่ื บรรทมและเสดจ็ ยกทพั ไป
กบั พระลกั ษมณ์ พระลกั ษมณ์ทอดพระเนตรความยงิ่ ใหญข่ องกองทพั พระอนิ ทรแ์ ปลงจงึ ตรสั ถาม
สคุ รพี สคุ รพี ทูลเตอื นใหร้ ะวงั พระองค์ แตอ่ นิ ทรชติ สงั่ ใหบ้ รวิ ารจบั ระบาถวายจนพระลกั ษมณ์เคลม้ิ พระองค์
ทาใหอ้ นิ ทรชติ แผลงศรพรหมาสตรส์ งั หารพระลกั ษมณไ์ ด้
ชา้ งเอราวณั เปน็ ช้างทรงของพระอนิ ทร์ เปน็ สัตว์ในจนิ ตนาการ
บทพากย์เอราวัณตอนนพ้ี รรณนาชา้ งเอราวัณไว้ว่า มีกายสขี าวเหมอื นสสี ังข์
มเี ศยี ร ๓๓ เศียร แต่ละเศยี รมงี า ๗ กิ่ง ทง่ี ดงามเหมอื นเพชร
งาแตล่ ะกิง่ มสี ระบัว ๗ สระ สระแตล่ ะสระมีกอบัว ๗ กอ กอบัวแตล่ ะกอมดี อกบัว ๗ ดอก แตล่ ะดอกมีกลบี บัว
บาน ๗ กลบี ในแตล่ ะกลบี บัวบานน้ีมีเทพธิดารูปงาม ๗ องค์ เทพธิดาแตล่ ะองคม์ บี ริวารทีเ่ ป็นหญงิ งาม
๗ นาง แต่ละนางจับระบำรำฟ้อนร่ายรำอย่างนางฟา้ ท่เี ศยี รช้างทกุ เศียรมีบุษบกวิมานซ่งึ งามราววมิ าน
เวไชยนั ตข์ องพระอนิ ทร์
รอ้ ยเรียงเรอ่ื งราวบทพากย์เอราวัณ เหมอื นองคอ์ มรนิ ทร์ โอฬาร์ หรือโอฬาร
เผอื กผ่องผวิ พรรณ หมายถึง ใหญโ่ ต ยง่ิ ใหญ่
อินทรชติ บิดเบือนกายิน เศียรหนึง่ เจ็ดงา
ทรงคชเอราวณั สระหนึ่งย่อมมี สระบัว
ดอกหน่ึงแบง่ บาน
ชา้ งนิรมติ ฤทธิแรงแขง็ ขนั เจด็ องคโ์ สภา แกว้ 9 ประการ คอื เพชร
สสี ังขส์ ะอาดโอฬาร์ อีกเจ็ดเยาวมาลย์ ทบั ทิม มรกต บษุ ราคัม
ชำเลืองหางตา โกเมน นลิ มกุ ดา เพทาย
สามสบิ สามเศยี รโสภา ทุกเกศกุญชร ไพฑูรย์
ด่งั เพชรรตั นร์ ูจี ซองหางกระวิน
ผ้าทพิ ย์ปกตระพอง
งาหน่ึงเจ็ดโบกขรณี เป็นเทพบตุ รควาญ
เจ็ดกออบุ ลบันดาล เปลยี่ นแปลงกายคง
กอหนึ่งเจด็ ดอกดวงมาลย์
มกี ลบี ได้เจด็ กลีบผกา
กลบี หนง่ึ มเี ทพธิดา
แนง่ น้อยลำเพานงพาล
นางหนึ่งยอ่ มมบี รวิ าร
ลว้ นรูปนิรมิตมายา
จับระบำรำรา่ ยสา่ ยหา
ทำทีดังเทพอปั สร
มีวิมานแกว้ งามบวร
ดังเวไชยันต์อมรินทร์
เครอื่ งประดบั เกา้ แก้วโกมนิ
สรอ้ ยสายชนักถักทอง
ตาข่ายเพชรรัตน์รอ้ ยกรอง
ห้อยพู่ทกุ หูคชสาร
โลทันสารถขี นุ มาร
ขบั ท้ายที่นั่งช้างทรง
บรรดาโยธาจัตรุ งค์
เป็นเทพไทเทวัญ
ทัพหนา้ เทพารักษ์ ทพั หน้าอารกั ขไพรสัณฑ์ ทัพหลังสบุ รรณ
กนิ นรนาคนาคา คนธรรพ์ปกี ขวา
ทัพซา้ ย ทัพหลัง ทพั ขวา โตมรศรชัย
วทิ ยาธร คนธรรพ์ ปกี ซ้ายฤาษติ วทิ ยา รบี เรง่ รพ้ี ล
ตงั้ ตามตำรับทัพชยั
ครฑุ กนิ นร นาค พอพระสุริย์ศรี คนธรรพ์เปน็ ชาวสวรรค์
ล้วนถอื อาวุธเกรยี งไกร เฟ่ืองฟงุ้ วนา ที่ชำนาญในวิชาดนตรี
พระขรรค์คทาถ้วนตน รอ่ นราถาลง และขบั รอ้ ง
ไกข่ นั ปีกตี
ลอยฟา้ มาในเวหน หาค่เู คียงประสาน
มาถึงสมรภมู ชิ ยั ฯ สร่างแสงอโณทยั
ธิบดนิ ทร์เธอบรรเทือง
ฯ เจรจา ฯ
เมือ่ นน้ั จึงพระจักรี
อรุณเรอื งเมฆา
ลมหวนอวลกลน่ิ มาลา
นิวาสแถวแนวดง
ผ้งึ ภหู่ ม่คู ณาเหมหงส์
แทรกไซใ้ นสร้อยสมุ าลี
ดุเหวา่ เรา้ เร่งพระสุรยิ ์ศรี
กกู่ ้องในท้องดงดาน
ปกั ษาตื่นตาขนั ขาน
สำเนียงเสนาะในไพร
เดอื นดาวดบั เศร้าแสงใส
ก็ผ่านพยับรองเรอื ง
จบั ฟา้ อากาศแลเหลอื ง
บรรทมฟืน้ จากไสยา
ฯ เจรจา ฯ ไพโรจนร์ จู ี
เสดจ็ ทรงรถแกว้ โกสยี ์ เรงิ รอ้ งถวายชัย
จะแขง่ ซึ่งแสงสรุ ยิ ใ์ ส
เทยี มสนิ ธพอาชาไนย
ชนั หรู ะเหดิ หฤหรรษ์
มาตลีสารถเี ทวญั กรกุมพระขรรค์ นกขนาดใหญ่
ขบั รถมากลางจตั ุรงค์ กึกก้องกำกง ในปา่ หิมพานต์
พดั โบกพชั นี
เพลารอยพลอยประดบั ดมุ วง แตรสังขเ์ สยี งประสม
กระทบกระท่ังธรณี เลื่อนล่ันสนน่ั ใน
อ่อนเอยี งเพยี งปลาย
มยุรฉตั รชมุ สายพรายศรี เนื้อนกตกใจ
กบร่ี ะบายโบกลม หสั ดนิ อนิ ทรี
หักถอนพฤกษา
องึ อินทเภรีตรี ะงม แหลกลูล่ ้มลง
ประสานเสนาะในไพร
เสียงพลโห่รอ้ งเอาชัย
พภิ พเพียงทำลาย
สตั ภณั ฑ์บรรพตทง้ั หลาย
ประนอมประนมชมชัย
พสธุ าอากาศหวาดไหว
ซกุ ซ่อนประหวนั่ ขวัญหนี
ลูกครฑุ พลัดตกฉิมพลี
คาบช้างก็วางไอยรา
วานรสำแดงเดชา
ถอื ต่างอาวธุ ยุทธยง
ไม้ไหล้ยูงยางกลางดง
ละเอยี ดดว้ ยฤทธโิ ยธี
อากาศบดบังสรุ ยิ ศ์ รี เทวัญจนั ทรี
ทกุ ช้ันอำนวยอวยชยั
บา้ งเปิดแกลแกว้ แววไว โปรยทพิ มาลยั
ซ้องสาธุการบชู า
ชกั รถร่ีเรอ่ื ยเฉอ่ื ยมา พ่มุ บษุ ปมาลา
กงรถไมจ่ ดธรณนิ ทร์
เรง่ พลโยธาพานรนิ ทร์ เรง่ รดั หัสดิน
ราพณ์ หมายถึง ยกั ษ์ วานรใหเ้ ร่งรบี มา
มักหมายถงึ ทศกัณฐ์
ฯ เจรจา หยดุ ทัพ ฯ
เมอ่ื นนั้ พระศรีอนุชา เออื้ นอรรถวจั นา
ตรัสถามสุครพี ขนุ พล สมรภมู ไิ พรสณฑ์
ทุกทีสหัสนยั น์
เหตไุ ฉนสหสั นยั นเ์ สด็จดล บัดน้เี ธอมา
เธอมาดว้ ยกลอันใด ฤาจะกลบั เป็นกล
คอยดสู ำคัญ
สุครีพทลู ทดั เฉลยไข ตรัสส่งั เสนี
เสดจ็ ดว้ ยหมูเ่ ทวา เคลบิ เคล้ิมวรกาย
อวยชัยถวายทพิ มาลา
เห็นวปิ ริตดูฉงน
ทรงเครอื่ งศัสตราแยง่ ยล
ไปเข้าด้วยราพณ์อาธรรมม์
พระผูเ้ รืองฤทธแิ ข็งขนั
อยา่ ไวพ้ ระทยั ไพรี
เม่อื น้ันอินทรชติ ยักษี
ใหจ้ ับระบำรำถวาย
ให้องค์อนชุ านารายณ์
จะแผลงซง่ึ ศัสตรศรพล
ฯ เจรจา ฯ
อินทรชติ สถติ เหนือเอรา วัณทอดทัศนา
เหน็ องคพ์ ระลักษมณฤ์ ทธิรงค์
เคลิบเคลมิ้ หฤทัยใหลหลง จงึ จบั ศรทรง
พรหมาสตร์อนั เรอื งเดชา
ทนู เหนือเศียรเกลา้ ยักษา หมายองคพ์ ระอนชุ า
กแ็ ผลงสำแดงฤทธิรณ
อากาศกอ้ งโกลาหล โลกล่นั องึ อล
อำนาจสะทา้ นธรณี
ศรเต็มไปทว่ั ราศี ต้ององค์อินทรยี ์
พระลกั ษณ์กก็ ลิ้งกลางพล
ฯ เจรจา อินทรชติ กลับทพั ฯ
ฯลฯ
กบ่ี อธิบายคาศพั ท์และข้อความ
กนิ นร
คนธรรพ์ ลิง
ฉมิ พลี อมนุษย์ท่มี ีรปู ร่างครึ่งคนครงึ่ นก หากเปน็ หญงิ เรยี กว่า กนิ รี
ชมุ สาย ชาวสวรรคท์ ่ีมีความชำนาญด้านดนตรี และขบั ร้อง
โตมร ต้นง้ิว
บรรเทอื ง เครื่องสูงเปน็ รปู ฉัตรสามชน้ั มสี ายไหมหอ้ ย
ผกา หอกด้ามสัน้
มาตลี ประเทือง ในทน่ี ีห้ มายถึง ตื่นขนึ้
รอย ในท่นี หี้ มายถึง ดอกบัว
ระเหิด สารถีของพระอนิ ทร์ ซึง่ มาขบั รถทรงใหพ้ ระราม
ราพณ์ ในท่ีนีห้ มายถึง เป็นลวดลาย
ฤทธริ งค์ สูง
ลอยฟา้ ทศกณั ฑ์
สมรภูมชิ ยั มคี วามสามารถในการสู้รบ
หัสดนิ อนิ ทรี เหาะ
เหมหงส์ สนามรบ
อินทเภรี นกขนาดใหญใ่ นปา่ หมิ พานต์
หงส์ทอง
กลองท่ีใช้ตีให้สญั ญาณในกองทัพเวลาออกศึก
ห้องเรยี นออนไลน์ ครทู วภี รณ์ สุวรรณมาโจ