หน่วยท่ี 2
เคร่ืองเล่อื ยกล
โดย
นายสมพงษ์ นันตะ๊ ภาพ
วทิ ยาลยั สารพัดชา่ งลาปาง จังหวดั ลาปาง
สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เครือ่ งเล่ือยกล (Sawing Machine) 24
หน่วยที่ 2
เครอื่ งเลือ่ ยกล (Sawing Machine)
แนวคดิ
เคร่อื งเล่ือยกลเปน็ เคร่อื งจักรทีใ่ ช้กนั มากในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นเครอ่ื งกลท่ีใชก้ าลงั กลขับใบเลื่อย
ตัดเฉือนช้ินงานซึ่งสามารถทางานได้รวดเร็วสะดวกและประหยัดเวลา เช่น เคร่ืองเล่ือยกล เครื่องเลื่อย
สายพาน เครอ่ื งเลื่อยวงเดอื น เป็นต้น
จดุ ประสงคท์ ่วั ไป
1. ชนดิ และส่วนประกอบของเคร่อื งเล่ือยกล
2. ข้นั ตอนการใชแ้ ละการบารุงรักษาเครอ่ื งเลอ่ื ยกล
3. ความปลอดภัยในการใชเ้ ครือ่ งเลอ่ื ยกล
4. ปฏบิ ัตงิ านเลอ่ื ยชน้ิ งานตามใบงาน
จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
1. บอกชนิดและส่วนประกอบของเคร่อื งเลอื่ ยกลได้
2. เลือกใช้เครอ่ื งเลอ่ื ยกลชนดิ ต่าง ๆ ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
3. อธิบายขัน้ ตอนในการใช้และปฏิบัตกิ ารเลอื่ ยกลได้
4. อธิบายหลกั ความปลอดภัยและการบารงุ รักษาเครอ่ื งเล่ือยกลได้
5. ปฏบิ ตั ิงานเล่ือยช้นิ งานตามใบงานได้
วทิ ยาลยั สารพดั ช่างลาปาง สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร
เครื่องเล่อื ยกล (Sawing Machine) 25
เคร่ืองเลื่อยกล (Sawing Machine)
เคร่ืองเลื่อยกล เป็นเคร่ืองจักรที่ใช้ในงานโรงงานท่ัวไป ได้มีการพัฒนาให้สามารถทางานได้รวดเร็ว
และเท่ียงตรงมากข้ึน การสง่ กาลังของเคร่อื งเล่ือยกล ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าส่งกาลังในการขับใบเล่ือย เคร่ืองเลอ่ื ย
กลทีใ่ ชท้ ่ัวไป แบง่ ออก 4 ชนดิ ได้ดังนี้
1. เคร่ืองเลื่อยกลแบบชัก (Power Hack Saw) เป็นเคร่ืองเล่ือยกลที่นิยมใช้ในการตัดโลหะใน
โรงงานท่ัวไป ใชส้ าหรบั การเลื่อยตดั เหล็กหรอื วัสดุอ่นื ใหไ้ ดฉ้ ากและมีความสะดวกรวดเร็ว ชน้ิ งานจะเรยี บตรง
ไดข้ นาด หลักการทางานของเครอื่ งเลื่อยกล โดยการส่งกาลังจากมอเตอร์ การทางานจะชักเดินหน้าและถอย
หลงั กลับ จงั หวะเดินหน้าใบเล่ือยจะตัดเฉือนชิน้ งานจงั หวะถอยหลังใบเล่ือยจะยกขึ้น เมอ่ื ตัดชิน้ งานขาดสวิตช์
กง่ึ อัตโนมัติปิดเครอ่ื งทันที เคร่ืองเลอื่ ยกลจะมีระบบชุดหล่อเย็นช่วยหล่อเย็นขณะท่ีเคร่ืองเล่ือยกลตัดเฉือน
ชิน้ งาน
ระบบหลอ่ เย็น
โครงเล่ือย
ใบเลอื่ ย สวติ ชเ์ ปดิ - ปดิ
ปากกาและโตะ๊ รบั งาน ระยะงาน
แขนตั้งระยะงาน
ฐานเครอ่ื ง
รูปท่ี 1 เครื่องเลื่อยกลแบบชัก มอเตอร์
วทิ ยาลยั สารพัดชา่ งลาปาง สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เครือ่ งเล่อื ยกล (Sawing Machine) 26
สว่ นประกอบของเครอ่ื งเลื่อยกลแบบชัก
1. โครงเล่ือย ( Frame) มีลักษณะเป็นรูปตัว U คว่าลง สาหรับใส่ใบเล่ือย โครงเล่ือยทาจาก
เหล็กหล่อ การใส่ใบเลื่อยต้องปรับให้ตึง โครงเล่ือยทาหน้าที่เคล่ือนไป- มา ในขณะท่ีเคร่ือง
ทางาน โดยการสง่ กาลังจากมอเตอร์ผ่านล้อเฟือง
2. ปากกา และโต๊ะรบั งาน (Vise) โต๊ะรับงานพ้ืนโต๊ะจะเซาะรอ่ งเป็นรูปตวั T เพื่อเป็นรรู อ้ ยสลักยึด
เปน็ ที่ยดึ ปากกาสาหรับจบั งานเล่ือยในแนวตรง หรอื เปน็ มุมกับใบเลอื่ ยก็ได้ โต๊ะรบั งานนั้นจะยึด
ติดกับฐานของเคร่ือง และปากกาสามารถปรับหมุนเอียงได้ 45 องศา
3. แขนตงั้ ระยะงาน (Cut Off Gage) ใชใ้ นการต้ังระยะตดั ของชนิ้ งานท่ีตอ้ งการตัดในจานวนมาก ๆ
เพอื่ ให้ชนิ้ งานทตี่ ัดมีความยาวเทา่ กนั ทุกชิน้
4. น้าหนักโครงเลอ่ื ย ใช้สาหรับกดโครงเลือ่ ย การกดโครงเล่ือยย่ิงห่างออกจากหวั เครือ่ งมากเท่าใด
นา้ หนักจะกดใหใ้ บเลือ่ ยตัดเฉอื นมากเทา่ นัน้
5. ใบเลื่อย (Blades) ทาดว้ ยเหลก็ ทงั สเตน และโมลบิ ดินั่ม เรยี กว่า เหล็กรอบสูงฟนั จะชุบแขง็ และ
จะโค้งงอได้เล็กน้อย ส่วนของฟันใบเล่ือยมีตั้งแต่ 4-14 ฟัน/น้ิว แต่โดยปกติจะใช้ 10 ฟัน/นิ้ว
การจะเลือกใช้ใบเล่อื ยตอ้ งใหเ้ หมาะสมกบั งานทตี่ ัดโดยให้ดูจากความหนาของงาน
6. ฐาน (Base) มีหน้าที่รองรับน้าหนักของเคร่ืองเลื่อยกลและจะยดึ ติดกับพื้นป้องกันไม่ให้เกดิ การ
เคล่ือนทโ่ี ยกไปมา ในระหวา่ งการทางาน ฐานทาด้วยเหลก็ หลอ่
7. ระบบหล่อเย็น (Coolant System) เครื่องเลื่อยกลมีความจาเป็นที่จะต้องใช้น้าหล่อเย็น เพ่ือ
ช่วยลดความร้อนของใบเล่อื ยขณะตัดเฉอื นช้นิ งาน ระบบหลอ่ เยน็ ทางาน โดยปมั๊ น้าหล่อเย็นจะ
ทางานส่งน้ายาหล่อเย็นออกมาเม่อื เคร่อื งทางาน น้าหล่อเย็นใช้อัตราส่วนในการผสม 1 : 40 คือ
นา้ ยาหล่อเย็น 1 ส่วน นา้ 40 ส่วน
8. สวิตช์เปดิ - ปดิ เครื่องเลอื่ ยกลเป็นแบบกงึ่ อัตโนมตั ิ เม่ือใบเลื่อยกลตัดช้ินงานขาด สวิตช์จะปิด
เครอ่ื งโดยอตั โนมัติ
9. ชดุ สง่ กาลัง เปน็ ชดุ เฟืองทดประกอบดว้ ยเฟืองเฉียงและเฟอื งตรงโดยทดกาลังจากมอเตอร์ไปยัง
โครงเคร่ืองเลื่อย
10. มอเตอร์ (Motor) เครื่องเลื่อยกลใช้มอเตอรเ์ ป็นตัวต้นกาลงั ในการขบั โครงเลอื่ ยใหเ้ คลื่อนไป - มา
และป๊ัมน้าหล่อเย็น มอเตอร์ใช้กระแสไฟฟ้า 220 โวลต์หรือ 380 โวลต์ ข้ึนอยู่กับบริษัทผู้ผลิต
กาหนด
วทิ ยาลยั สารพัดช่างลาปาง สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ
เคร่ืองเล่อื ยกล (Sawing Machine) 27
เคร่ืองมอื และอุปกรณท์ ใ่ี ชก้ ับเคร่อื งเล่ือยกลแบบชัก
1. ฐานรองรับชนิ้ งาน เป็นอปุ กรณ์ทใ่ี ช้สาหรับรองรับชิ้นงานที่ยาว ๆ เพ่ือป้องกันชนิ้ งานงัดใบเลอ่ื ย
อาจจะเปน็ สาเหตุทาใหใ้ บเลอื่ ยหกั และทาให้รอยการตดั ชิน้ งานมีความตั้งฉากกับผวิ งาน
รูปที่ 2 ฐานรองรบั
2. ใบเลอ่ื ยเครอื่ งเลื่อยกลแบบชกั (Saw Blade) ใบเลอ่ื ยเครอ่ื งเล่ือยแบบน้ี จะทาด้วยเหล็กรอบสูง (High
Speed Steel) ความยาวของใบเลอ่ื ยจะวัดจากระยะหา่ งระหวา่ งจดุ ศูนย์กลางของรใู บเลอื่ ย จะมี
ขนาด 350 มม. ความกวา้ งใบเลอ่ื ย 1/2 นิว้ ความหนา 0.025 นว้ิ
รูปท่ี 3 ขนาดความยาวใบเลื่อยกลแบบชัก
วทิ ยาลยั สารพัดช่างลาปาง สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
เครอื่ งเลอื่ ยกล (Sawing Machine) 28
2.1 การวัดจานวนฟนั ของใบเลื่อย คือ วัดระยะห่างของยอดฟนั หน่งึ ถึงยอดฟันหนงึ่
- ในระบบเมตริก เรียกว่าระยะพิต Pitch (P)
ระยะพิต Pitch (P)
รปู ที่ 4 การวดั จานวนฟันของใบเล่ือยในระบบเมตริก
- ในระบบองั กฤษ จะวัดขนาดความถห่ี ่างของฟันเลื่อยนยิ มบอกเปน็ จานวนฟันต่อความยาว
1 นวิ้
จานวนฟนั ตอ่ 1 นิว้
รปู ที่ 5 การวดั จานวนฟันของใบเลื่อยในระบบองั กฤษ
ตารางท่ี 1 จานวนฟนั ใบเลอื่ ยกลและลกั ษณะของการใชง้ าน
จานวนฟันของใบเล่อื ยตอ่ ประเภทการใช้งาน
ความยาว 1 นว้ิ
14,16,18 วัสดทุ ่ีใช้ควรเป็นวัสดุออ่ น เชน่ ดีบุก ทองแดง ตะกั่ว อลมู เิ นยี ม พลาสตกิ เหล็ก
เหนยี ว - ชว่ งยาวของแนวตดั มากกว่า 40mm ขึ้นไป
22,24 วสั ดทุ ี่ใช้ควรเป็นวัสดุแข็งปานกลาง เชน่ เหล็กหลอ่ เหลก็ โครงสรา้ ง ทองเหลือง
- ชว่ งยาวของแนวตดั น้อยกว่า 40mm ลงมา
32 วัสดุทใ่ี ชแ้ ขง็ มาก เชน่ เหลก็ ทาเคร่ืองมือ เหลก็ กลา้ แผ่นโลหะ ทอ่ บางๆ
2.2 มุมฟนั เล่ือย ฟันเลื่อยแต่ละฟันมีลักษณะคล้ายกับล่ิม ทาหน้าท่ีจิกเข้าไปในเน้ือวัสดุ ฟนั แต่
ละฟันประกอบด้วยมมุ ที่สาคัญ 3 มุม ไดแ้ ก่
- มุมคมตัด (β) เปน็ มมุ คมตัดของฟันเลอื่ ย
- มมุ คายเศษ (γ) เป็นมมุ ทีใ่ ช้ดนั เศษโลหะออกจากฟันเลอื่ ย
- มมุ หลบ (α) เป็นมมุ ทที่ าให้ลดการเสยี ดสีระหว่างฟนั เลอื่ ยกบั ช้นิ งาน และช่วยให้เกิดมมุ
คมตัด
วทิ ยาลยั สารพัดช่างลาปาง สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ
เครอ่ื งเล่ือยกล (Sawing Machine) 29
รูปท่ี 6 มมุ ฟนั เลื่อย
2.3 คลองเลอ่ื ย (Free Cutting Action) คือ ความกวา้ งของร่องบนวัสดงุ าน หลงั จากที่มกี ารตัด
เฉือน ปกติคลองเล่ือยจะมขี นาดความหนามากกวา่ ใบเล่ือย ทั้งนี้ ถ้าไม่มีคลองเลอ่ื ย ขณะทา
การเลื่อยใบเลอ่ื ยกจ็ ะตดิ ซึง่ เป็นสาเหตุหนึ่งทีท่ าให้ใบเลอื่ ยหกั
ลักษณะของคลองเล่ือย
- คลองเลอ่ื ยฟนั สลบั ลักษณะฟันเลื่อยจะสลับซา้ ยกับขวาตลอดใบเล่อื ย ฟันเลือ่ ยลกั ษณะน้ี
เหมาะสาหรับใช้กับเครื่องเลอ่ื ยกล
รูปที่ 6 คลองเลือ่ ยฟันสลบั
- คลองเล่ือยแบบฟันคล่ืน ลักษณะฟันเลื่อยจะเลื้อยเป็นคล่ืน ฟันเลื่อยลักษณะนี้เหมาะ
สาหรับใชง้ านกบั เลอื่ ยมอื
วทิ ยาลัยสารพัดชา่ งลาปาง รปู ท่ี 7 คลองเลือ่ ยแบบฟนั คล่ืน
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร
เครอื่ งเล่อื ยกล (Sawing Machine) 30
- คลองเลื่อยแบบตอก ลักษณะฟันเลื่อยจะมีมุมฟรีท้ังสองข้าง ฟันเลื่อยลักษณะน้ีเหมาะ
สาหรับใชง้ านกบั เลอ่ื ยวงเดอื น
รูปท่ี 8 คลองเลอ่ื ยแบบฟันคลน่ื
การประกอบใบเลอื่ ยเขา้ โครงเลอื่ ย
การประกอบใบเลอ่ื ยเข้ากับโครงเลอ่ื ยต้องระวังทศิ ทางของฟนั เลื่อย จะต้องใสใ่ ห้ถูกทศิ ทางเน่ืองจาก
จงั หวะถอยกลบั ของโครงเลอ่ื ย จะเปน็ จังหวะที่ทาการตดั เฉือน เพอื่ ตดั เฉอื นช้นิ งานการประกอบใบเล่ือยตอ้ ง
ผ่อนตัวดึงใบเลื่อยให้ย่ืนออกแล้วใส่ใบเลื่อยเข้าไปให้รูของใบเลื่อยตรงกับสลักร้อยท้ัง 2 ข้าง ของโครงเลื่อย
จากน้ันปรับตัวดึงใบเล่ือยให้พอตึง ๆ แล้วปรับขยับใบเลื่อยให้ต้ังฉากโดยการใช้ค้อนเคาะเบา ๆ ให้ใบเลื่อย
แนบสนทิ กับตวั ดงึ ใบเล่อื ย จงึ ขันให้ตงึ อีกครง้ั ดว้ ยแรงมือ
รปู ที่ 9 การประกอบใบเลอ่ื ย
วิทยาลยั สารพัดชา่ งลาปาง สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ
เคร่ืองเล่ือยกล (Sawing Machine) 31
ขน้ั ตอนการใชเ้ ครอ่ื งเลอ่ื ยกลแบบชัก
1. ตรวจสอบความพรอ้ มเครื่องเลอื่ ยกลก่อนใชง้ าน เช่น ตรวจสอบระบบไฟฟา้ และความตงึ ของใบ
เลอื่ ย ยกโครงเล่อื ยให้สงู พ้นความสงู ของชน้ิ งาน
2. ตรวจสอบ สายพาน พลเู ลย์ เฟอื งทด ปม๊ั น้าหลอ่ เย็นเพ่อื ใหใ้ ชง้ านไดต้ ลอด
3. การยกโครงเล่ือยขนึ้ เพือ่ นาชน้ิ งานขน้ึ มาตดั
4. นาช้นิ งานท่จี ะตัดขนึ้ บนเครอื่ งเลือ่ ย ปรับระยะความยาวของชน้ิ งานท่ีจะตัดให้ได้ความยาวที่
ตอ้ งการใชบ้ รรทัดเหลก็ หรือตลบั เมตรวดั ขนาด เมื่อไดค้ วามยาวตามทตี่ ้องการลดใบเลอ่ื ยให้ตรง
แนวตดั แลว้ ทาการจบั ยึดชนิ้ งานใหแ้ น่น
รปู ท่ี 10 การวดั ขนาดช้ินงาน
5. เปดิ สวิตชใ์ หเ้ ครอื่ งเลอ่ื ยทางาน นาโครงเลื่อยลงตัดชนิ้ งานโดยปลอ่ ยลงอย่างช้า ๆเพ่อื ป้องกันใบ
เลือ่ ยกระแทกชน้ิ งาน
6. เมอื่ ช้ินงานถูกเลื่อยจนขาดเครอื่ งจะปิดโดยอตั โนมตั ิ ยกโครงเลอื่ ยขึ้นเพือ่ ทาการตดั ชน้ิ งานชน้ิ
ต่อไป
การจบั ยดึ ช้ินงานสาหรบั งานเลือ่ ย
1. การจบั ชิ้นงานท่ีมขี นาดสั้นกว่าปากกาจับงาน ปากของปากกาไม่สามารถจะจับชิ้นงานใหแ้ นน่ ได้
แรงกดของเกลียวยดึ ปากกาจะดนั ชิน้ งานหลดุ ส่งผลใหใ้ บเลอ่ื ยจะหกั การจับงานทถ่ี ูกวิธปี ากของ
ปากกาจะต้องกดขนานกันทงั้ 2 ปาก ในการจับชิน้ งานสัน้ ใช้เหล็กขนาดเดียวกันหนนุ ช่วยในการ
จบั ดนั ปากของปากกาใหข้ นานกันขนั ยดึ ช้ินงานใหแ้ น่นเพ่ือใหช้ ้นิ งานไม่หลุด
วทิ ยาลยั สารพัดช่างลาปาง สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ
เคร่อื งเลอื่ ยกล (Sawing Machine) 32
ผิดวิธี ถูกวิธี
รปู ท่ี 10 การจับช้นิ งาน
2. ลกั ษณะการจับยึดชิน้ งานเหลก็ แบบต่าง ๆ
รูปที่ 11 การจับยดึ ชนิ้ งานในลกั ษณะตา่ งๆ
3. การตัดช้ินงานท่ีมีความยาวเท่า ๆ กันจานวนหลายชิ้น ควรใช้แขนตั้งระยะให้เท่ากับความยาว
ของชน้ิ งาน เมื่อตัดช้ินงานช้ินแรกเสร็จ เมื่อต้องการตัดงานช้นิ ต่อไปกเ็ ลื่อนช้ินงานมาชนตาแหน่ง
แขนตง้ั ระยะกจ็ ะได้ความยาวของงานท่เี ท่า ๆ กัน
วทิ ยาลยั สารพดั ชา่ งลาปาง สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เครื่องเลอ่ื ยกล (Sawing Machine) 33
รูปท่ี 11 การตัดชิ้นงาน
การบารุงรกั ษาเครอื่ งเลอ่ื ยกลแบบชกั
เครอื่ งเลอ่ื ยชักเป็นเครอ่ื งจกั รกลพ้ืนฐานท่ีมคี วามจาเปน็ มาก ดังนั้นเพ่ือยดื อายกุ ารใชง้ านให้
ยาวนานจาเปน็ จะตอ้ งมกี ารบารงุ รกั ษาเคร่อื งดงั ต่อไปน้ี
1. กอ่ นใชเ้ ครือ่ งเลื่อยชักทุกครง้ั ควรหยอดน้ามนั หลอ่ ล่ืนตรงบรเิ วณจุดทีเ่ คลอ่ื นท่ี
2. หลงั เลกิ ใช้งานทุกคร้ังควรทาความสะอาด และใชผ้ า้ คลมุ เคร่อื งป้องกนั ฝ่นุ ละออง
3. ควรเปล่ียนนา้ หล่อเย็นทุก ๆ สปั ดาห์
4. ตรวจสอบกระบอกสบู นา้ มันไฮดรอลกิ ส์วา่ ร่ัวซมึ หรือไม่
5. ตรวจสอบ สายพาน มเู่ ล่ เฟอื งทด ป๊มั น้าหล่อเยน็ เพือ่ ให้ใช้งานไดต้ ลอด
ความปลอดภยั ในการใชเ้ ครอ่ื งเล่ือยกลแบบชัก
เคร่ืองจกั รทุกชนดิ มปี ระโยชน์แตก่ ม็ โี ทษมากเช่นกนั ดงั นน้ั กอ่ นใช้งานทกุ ครั้งตอ้ งคานึงถงึ ความ
ปลอดภัยเสมอ การใช้เครอ่ื งเลื่อยชักกเ็ ช่นกนั สามารถเกิดอนั ตรายได้ เพอ่ื ความปลอดภัยจึงตอ้ งรวู้ ธิ ใี ชด้ ังนี้
1. ก่อนใช้เครือ่ งเลื่อยชักทุกครั้งต้องตรวจสอบความพร้อมของเครอื่ งเสมอ
2. บบี ปากกาจบั ชนิ้ งานให้แน่นกอ่ นเปดิ สวิตซเ์ ครื่องทางาน
3. ห้ามตดั ช้นิ งานท่ีมีความยาวนอ้ ยกว่าปากของปากกาจบั งาน เพราะจะทาให้ใบเลอื่ ยหัก
4. เมื่อตอ้ งการตัดชิ้นงานยาว ๆ ควรมฐี านรองรับงานมารองรบั ปลายชน้ิ งานทกุ คร้งั
5. กอ่ นเปดิ สวิทซเ์ ดนิ เครือ่ งเล่ือยชักตอ้ งยกใบเลื่อยใหห้ ่างจากช้นิ งานประมาณ 10 มลิ ลิเมตร
6. การปอ้ นตดั ดว้ ยระบบไฮดรอลิคมากเกินไปจะทาให้ใบเลือ่ ยหัก
7. เหล็กหลอ่ ทองเหลอื ง ทองแดง และอะลูมเิ นยี มควรหลอ่ เยน็ ใหถ้ ูกประเภท
8. ไม่ควรกม้ หนา้ เขา้ ใกลโ้ ครงเลื่อยชักขณะจะเปิดสวติ ซเ์ ดินเครอ่ื งเลอื่ ยทางาน
9. ขณะเครือ่ งเลอ่ื ยชักกาลงั ตดั ช้นิ งานห้ามหมนุ ถอยปากกาจบั งานออกเปน็ อันขาด
10. เพื่อความปลอดภัยใหค้ ดิ กอ่ นทาเสมอ
วทิ ยาลัยสารพดั ช่างลาปาง สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เคร่อื งเลอ่ื ยกล (Sawing Machine) 34
2. เครื่องเล่ือยสายพานแนวนอน (Horizontal band saw) เป็นเครื่องเล่ือยท่ีใช้ตัดงานใน
โรงงานอุตสาหกรรม มีหลักการทางานคล้ายกับเครื่องเลื่อยกลต่างกันที่การเคล่ือนท่ีของใบเลื่อยของเลื่อย
สายพานแนวนอนท่ีเคล่ือนที่โดยการหมุนรอบวงมีล้อขับและล้อตามกัดกินช้ินงานอย่างตอ่ เนื่อง การป้อนตัด
งานใชร้ ะบบไฮดรอลกิ ส์ควบคมุ ความตงึ ของใบเล่ือยปรบั ดว้ ยมอื หมุนตวั เครื่องสามารถติดตงั้ ได้กบั พื้นโรงงาน
ชดุ หล่อเยน็ โครงเลอื่ ย มอเตอร์
ใบเลอื่ ย
ชุดปากกาจบั ยดึ ชิ้นงาน
สวทิ ชเ์ ปิด-ปิดเครื่อง
ฐานเครอ่ื ง
รูปท่ี 12 เคร่ืองเลือ่ ยสายพานแนวนอน
สว่ นประกอบของเครือ่ งเล่อื ยสายพานแนวนอน
1. โครงเลือ่ ย ประกอบด้วยมอเตอร์ติดอยู่ทดี่ ้านปลายและมีพลู เลย์สองอันตดิ อยู่เพื่อประคอง
ใหใ้ บเลอ่ื ยผา่ นตลอดเวลา
2. พลู เลย์ปรับเปล่ียนความเร็วประกอบอยกู่ ับเพลาของมอเตอร์ใช้ปรับเปล่ียนความเร็วรอบ
ของใบเล่อื ยให้เหมาะสมกับวัสดุทีต่ ัด
3. ลูกกลิ้งประคองใบเล่ือย เป็นลูกกล้ิงท่ีประคองให้ใบเลื่อยต้ังฉากกับชิ้นงานสามารถปรับ
ระยะความกว้างให้เหมาะสมกบั ขนาดของวัสดุท่ตี ดั
4. ชดุ หลอ่ เยน็ ประกอบอยู่กบั ฐานโครงเครอ่ื งเล่อื ย
5. ชดุ ปากกาจบั ยึดชิน้ งานประกอบอยกู่ บั โครงเครอื่ งเลอ่ื ย
6. ใบเลือ่ ย (Blade) ใบเลื่อยทาจากเหล็กกลา้ โมลบิ ดีนัมและเหล็กทงั สเตนรอบสงู เครือ่ งเลอื่ ย
สายพานใช้ใบเลอื่ ยท่ีมคี ุณสมบตั ิอ่อนตัวแตช่ ุบแข็งเฉพาะฟัน การเลอื กใช้ใบเล่อื ยกบั งานทมี่ ี
วทิ ยาลยั สารพดั ชา่ งลาปาง สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ
เครื่องเล่ือยกล (Sawing Machine) 35
ขนาดใหญใ่ ชฟ้ ันเลอื่ ยท่ีมีระยะฟิตซ์ 4 ฟัน/น้ิว การเลือกใช้ใบเล่ือยกับงานที่มีขนาดบางใช้
ฟันเลื่อยท่ีมีระยะฟิตซ์10 ฟัน/นิ้ว ความยาวของใบเลื่อยใช้ระบบน้วิ และระบบเมตริก การ
สั่งซื้อใบเล่อื ยจะกาหนดความยาวความกว้างและจานวนฟนั /น้ิว ซงึ่ ผู้จาหนา่ ยจะเชอื่ มตอ่ ไว้
เปน็ วงกลม
ข้ันตอนการใชเ้ ครอ่ื งเลอ่ื ยสายพานแนวนอน
1. ตรวจสอบการจบั ช้ินงานใหไ้ ดฉ้ ากกบั ใบเล่ือย
2. จับยึดชนิ้ งานในปากกาให้แนน่ ถ้าชิ้นงานยาวต้องใชฐ้ านรองรับช้ินงาน
3. ลดระดบั ของใบเลื่อยให้ใกล้กบั ชิ้นงาน
4. ใช้บรรทดั ตรวจสอบความยาวช้ินงานตามความตอ้ งการ
5. ยึดชิ้นงานให้แนน่ ปล่อยกา้ นบังคบั วาลว์ ไฮดรอลกิ ส์และเปิดเครอื่ งเลอ่ื ย
6. เมอื่ ชิน้ งานขาดเล่ือยจะหยดุ อัตโนมตั ิและยกโครงเล่ือยข้นึ
ข้อควรระวังในการใชเ้ ครอื่ งเล่อื ยสายพานแนวนอน
1. ควรตรวจสภาพความพรอ้ มของเครอื่ งและปรับตึงใบเลื่อยกอ่ นใชง้ าน
2. ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของระยะงานและจบั ยดึ งานใหแ้ น่น
3. เม่อื ตอ้ งการตัดช้นิ งานส้ัน ๆ ตอ้ งวางชิน้ งานทม่ี ีขนาดเท่ากันท่ปี ลายอีกดา้ นหนง่ึ ของปากกา
4. ขณะทาการตัดเฉือนวสั ดุให้ใชน้ ้าหล่อเย็นช่วยระบายความรอ้ น
5. ปลอ่ ยก้านบังคบั วาล์วไฮดรอลิกส์เพอ่ื ป้อนกันช้ินงานใหเ้ หมาะสมกบั วัสดุ
การบารงุ รักษาเคร่อื งเลื่อยสายพานแนวนอน
1. ทาความสะอาดก่อนหลงั การปฏิบตั งิ านและหลงั ปฏบิ ตั งิ านตอ้ งชโลมนา้ มันหล่อลื่นทกุ ครง้ั
2. เครื่องชารุดต้องแจง้ ผ้คู วบคมุ ทนั ที
3. กาหนดแผนการซอ่ มบารุงทุก 1 เดือน
4. เมื่อเลิกใช้งานตอ้ งปรบั ลดความตงึ ของใบเล่อื ยทกุ ครง้ั
ความปลอดภัยในการใชเ้ ครือ่ งเลอื่ ยสายพานแนวนอน
1. ศกึ ษาขั้นตอนการใช้เคร่ืองเลื่อยสายพานแนวนอนจากเอกสารหรือจากคาแนะนาจากครู
ก่อนใชง้ าน
2. ปฏิบัตติ ามกฎของโรงงานเก่ยี วกบั ความปลอดภยั
3. ตรวจดูความเรียบรอ้ ยของเครอ่ื งก่อนลงมือทางานทกุ ครัง้
4. รกั ษาพื้นโรงงานให้สะอาดทกุ คร้งั ก่อนหลงั การทางาน
วทิ ยาลยั สารพดั ชา่ งลาปาง สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เครื่องเลือ่ ยกล (Sawing Machine) 36
3. เคร่ืองเล่ือยสายพานแนวตั้ง (Vertical Band Saw) มีหลักการทางานคล้ายกับเคร่ืองเลื่อย
สายพานแนวนอนต่างกนั ทีต่ าแหนง่ การเคลื่อนที่ของใบเลื่อยทีอ่ ยู่ในแนวตัง้ ซ่งึ จะหมุนตดั ชนิ้ งานอยา่ งตอ่ เนอื่ ง
การทางานของเลอ่ื ยมีหลกั การทางานคล้ายกับเลื่อยฉลไุ ม้ เคร่ืองเล่ือยสายพานแนวตั้งเหมาะกบั การเล่อื ยตัด
ภายนอกและเล่ือยตัดภายในรูโต ๆ ใช้ตัดงานเบา ตดั เหล็กแบน เหล็กบาง หรือตัดเป็นรูปทรงต่าง ๆ ทาให้มี
การสูญเสียวสั ดนุ ้อย เชน่ การตดั รอยบาก การตัดรอ่ ง การตัดรูปสามมิติ การตัดโค้ง การตัดแยก การตดั มุม
เปน็ ต้น
หัวเครอื่ ง
สวิตช์เปิด- ปิดเครอ่ื ง
ชุดตัดแต่งใบเลอ่ื ย ใบเลอ่ื ย
โครงเล่อื ย โต๊ะงาน
ฐานเคร่ือง
รูปท่ี 13 เครอ่ื งเลือ่ ยสายพานแนวตงั้
ลกั ษณะการเล่อื ยชนิ้ งานของเครื่องเลอื่ ยสายพาน
รปู ท่ี 2.13 ลักษณะงานเลอื่ ยชิ้นงานของเครอ่ื งเล่อื ยสายพานแนวตัง้
วิทยาลยั สารพัดชา่ งลาปาง สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ
เคร่ืองเล่อื ยกล (Sawing Machine) 37
สว่ นประกอบของเคร่ืองเลื่อยสายพานแนวตั้ง
1. ฐานเคร่อื ง (Base) ทาหน้าทีเ่ ป็นตัวรองรบั ตวั เครอ่ื ง ระบบสง่ กาลงั ปัม้ ไฮดรอลิกส์ ป้ัมหลอ่
เย็น โตะ๊ งานและคอลมั น์
2. โครงเลอ่ื ย (Column) ทาหน้าทเี่ ปน็ ตวั รองรบั หวั เคร่อื ง ล้อตามของเครอื่ ง
3. อุปกรณ์ในการตัดต่อใบเลอ่ื ย อปุ กรณ์เชอื่ ม อบอ่อน เจียระไนใบเลอ่ื ย อุปกรณส์ วติ ซ์
ควบคมุ
4. หวั เคร่ือง (Head) เป็นตวั รองรับอปุ กรณป์ ระคองใบเลอ่ื ยส่วนบน พลเู ลย์ในหัวเครื่องส่วน
รองรบั ใบเล่ือยสายพาน หัวฉีดลม Job Selector และตดิ ต้งั ชุดอปุ กรณค์ วบคุม
5. ใบเลอ่ื ย (Blade) การเลือกใช้ใบเลอื่ ยตอ้ งเลอื กให้ตรงตามประเภทการใชง้ าน ท่ีใช้กันทว่ั ไป
สามารถแบ่งได้ 3 ลกั ษณะ คือ
5.1 คลองเลอื่ ยแบบฟนั สลบั (Racker Type) ฟันของใบเลอื่ ยมลี กั ษณะสลบั กันซ้าย 1 ฟัน
ขวา 1 ฟัน ตรง 1 ฟนั ตอ่ เน่ืองตลอด เหมาะกบั งานตดั โลหะทวั่ ไป เช่น เหลก็
5.2 คลองเล่ือยแบบฟันเอียงเป็นคลื่น (Straight Type) ฟนั ของใบเล่อื ยมลี ักษณะของฟัน
สลับกันซ้าย - ขวา ต่อเน่ืองเหมาะกับงานตัดโลหะอ่อน เชน่ เหล็กโครงสร้างหรอื ท่อ
อะลมู เิ นยี ม บรอนซ์ เปน็ ตน้
5.3 คลองเลื่อยแบบฟันตรง ฟันของใบเล่ือยมีลักษณะของฟันสลับกัน ซ้าย 3 ฟันขวา 3
ฟัน ตรง 1 ฟัน ต่อเนื่องตลอด เหมาะกับงานตัดโลหะออ่ น เช่น ทองเหลือง ทองแดง
เป็นตน้
ตารางท่ี 2.4 มาตรฐานความกวา้ งและความหนาของใบเล่อื ยสายพาน
ขนาดความกวา้ ง ขนาดของความหนา
1/2 นิว้ 0.025 นิ้ว
5/8 นิ้ว 0.032 นิว้
1 นว้ิ 0.035 นิ้ว
การเชอื่ มใบเลือ่ ยสายพาน
1. เลือกใบเล่อื ยสายพานใหเ้ หมาะกบั ชิ้นงานโดยเลอื กจากตาราง
2. คานวณหาความยาวใบเลื่อยและวางใบเลื่อยที่ชุดตัดบนชุดเช่ือมใบเลื่อยสายพานตัดใบ
เลื่อยสายพานใหต้ รงและตั้งฉากตามความยาวที่ตอ้ งการ
3. ปรับแตง่ ปากเชื่อมและตาแหน่งท่ีใสใ่ บเล่ือย
4. ปรับคนั โยกเพอ่ื กดปากเชอื่ มและยึดใบเลื่อย กดสวติ ซ์เช่ือมรอจนรอยเชือ่ มเย็นลง
5. ถอดใบเลอื่ ยตรวจสอบและนาไปอบออ่ นให้ใบเล่ือยมสี แี ดง
วทิ ยาลยั สารพดั ชา่ งลาปาง สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ
เครอ่ื งเลือ่ ยกล (Sawing Machine) 38
6. ถอดใบเลอื่ ยนาไปเจียระไนแนวเชือ่ มให้มีขนาดเทา่ กับใบเล่ือยใช้เกจตรวจสอบความหนา
ของใบเล่ือยสายพาน
7. นาไปอบอ่อนอกี ครั้งให้ความรอ้ นเปน็ สีนา้ เงนิ เพอ่ื คลายความเครยี ดแล้วนาไปใช้งาน
ข้ันตอนการใชเ้ คร่อื งเล่ือยสายพานแนวตงั้
1. ตรวจสอบการจบั ชน้ิ งานใหไ้ ด้ฉากกบั ใบเล่ือย
2. ปรับความเร็วใหเ้ หมาะสมกับใบเล่ือย
3. เปิดสวิตช์ป้อนตัดชนิ้ งานตามต้องการ
ขอ้ ควรระวังในการใชเ้ คร่ืองเลื่อยสายพานแนวต้ัง
1. ต้งั ระยะขนาดงานตรวจสอบความถูกต้องจบั งานใหแ้ นน่
2. การตัดชิ้นงานต้องวางชน้ิ งานบนแท่นรองรับชนิ้ งาน
3. ขณะทาการตดั เฉอื นวสั ดุให้ใช้ลมชว่ ยระบายความรอ้ น
4. ห้ามเอาชน้ิ งานออกจนกว่าใบเล่ือยจะหยุดนงิ่
การบารุงรักษาเครอ่ื งเล่ือยสายพานแนวตงั้
1. ทาความสะอาดก่อนและหลงั การปฏบิ ตั งิ าน
2. หลงั ปฏิบตั งิ านต้องชโลมนา้ มันทกุ คร้ัง
3. ควรเปลี่ยนนา้ มันไฮดรอลิกส์ทกุ 6 เดอื น หรือ 12 เดือน
4. เมอ่ื เลกิ ใชง้ านตอ้ งปรบั ลดความตงึ ของใบเล่ือยทกุ คร้ัง
ความปลอดภยั ในการใช้เคร่อื งเลือ่ ยสายพานแนวตัง้
1. ศึกษาขนั้ ตอนการใชเ้ ครือ่ งเลื่อยสายพานแนวต้ังจากเอกสารหรือจากคาแนะนาจากครูกอ่ น
ปฏบิ ตั ิงาน
2. ปฏบิ ตั ติ ามกฎของโรงงานเก่ยี วกบั ความปลอดภัย
3. ตรวจดคู วามเรียบรอ้ ยของเคร่อื งกอ่ นลงมือทางานทกุ ครง้ั
4. ไมค่ วรสวมเคร่อื งประดบั และแตง่ กายใหร้ ัดกุมในขณะปฏบิ ตั งิ าน
5. ไม่หยอกลอ้ หรอื เล่นกันในบรเิ วณโรงงาน
6. รกั ษาพืน้ โรงงานให้สะอาดทกุ ครง้ั กอ่ นและหลงั การปฏิบัติงาน
วทิ ยาลยั สารพดั ชา่ งลาปาง สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร
เครอื่ งเล่ือยกล (Sawing Machine) 39
4. เคร่ืองเล่ือยวงเดือน (Radius Saw or Circular Saw) เป็นเครื่องเล่ือยที่ใบเลื่อยเป็นวงกลม
โดยมีตน้ กาลังจากมอเตอรข์ บั โดยตรงคลา้ ยกบั เคร่ืองตัดไฟเบอร์ ในการตดั ชนิ้ งานได้ทง้ั ลักษณะตรงและเอยี ง
เปน็ มุม ใชก้ ารกดให้ใบเลอ่ื ยตดั ชิ้นงาน สามารถตัดชิ้นงานตอ่ เนอ่ื งทีเ่ ป็นงานโลหะบาง ๆ และอะลูมิเนียม งาน
พลาสติก ทอ่ กลวง เหล็กเสน้ เปน็ ตน้
ใบเลอ่ื ย แขนโยกตดั
มอเตอร์
แขนตัง้ ระยะ
ฐานเคร่ือง
ฐานเครื่อง
รปู ที่ 2.14 เครือ่ งเลือ่ ยวงเดือน
ส่วนประกอบของเครอ่ื งเลือ่ ยวงเดือน
1. ฐาน เปน็ ชดุ รองรับชน้ิ สว่ นตา่ ง ๆ ของเครอ่ื งเล่อื ยวงเดือน
2. โครงเลือ่ ยและคนั โยก ประกอบอย่ใู นชุดเดียวกนั
3. มอเตอร์ เปน็ ต้นกาลังขบั โดยตรงไมต่ ้องผา่ นพลูเลย์
4. แขนต้ังระยะใชใ้ นการตงั้ ระยะในการตัดช้นิ งานทม่ี ีจานวนมาก ๆ
5. ชุดปากกาจบั ยดึ ชนิ้ งานประกอบอยกู่ บั โครงเครอ่ื ง
6. แขนโยกตดั เป็นแขนโยกป้อนตดั ชิ้นงาน
วทิ ยาลยั สารพัดชา่ งลาปาง สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร
เครือ่ งเลื่อยกล (Sawing Machine) 40
การเลอื กใชใ้ บเลอ่ื ย
ใบเลื่อยวงเดือน ฟันเลื่อยสามารถเช่ือมเปล่ียนฟันเลื่อยได้และตัวใบเล่ือยทาจากเหล็ก High
Speed Steel
1. ใบเลอ่ื ยฟันละเอยี ด สาหรบั ตัดงานช้นิ เลก็ หรอื เนือ้ วัสดุชน้ิ งานแขง็ มาก
2. ใบเลอื่ ยฟันหยาบ สาหรบั ตดั งานช้ินใหญห่ รือเนอื้ วัสดุชนิ้ งานออ่ น
3. ใบเล่ือยวงเดือนท่ีนาคาร์ไบด์มาบัดกรีแข็งติดฟันเล่ือยเป็นคมตัด สาหรับงานเลื่อยวัสดุ
ประเภทไม้
ข้ันตอนการใชเ้ ครอ่ื งเลื่อยวงเดือน
1. ตรวจสอบการจบั ชิน้ งานให้ไดฉ้ ากกบั ใบเลือ่ ย
2. ลดระดบั ของใบเลื่อยให้ใกลก้ บั ชิ้นงาน
3. ใชบ้ รรทัดตรวจสอบความยาวชิ้นงานตามความตอ้ งการ
4. เปดิ สวติ ชต์ ดั ชน้ิ งานเมอ่ื ชิน้ งานขาดยกคันโยกโครงเลื่อยขน้ึ
ขอ้ ควรระวงั ในการใชเ้ ครอื่ งเลือ่ ยวงเดือน
1. ควรตรวจสภาพฝาครอบของเครอ่ื งเลอ่ื ยวงเดอื น
2. ตงั้ ระยะขนาดงานตรวจสอบความถกู ต้องยึดงานใหแ้ นน่
3. เมื่อต้องการตดั ชน้ิ งานใช้แรงกดควบคมุ ตัดเพยี งเล็กน้อย
4. ควรตรวจสอบการแตกรา้ วของใบเล่ือยหรอื การยึดติดคมเลอื่ ยทกุ ครงั้
ขั้นตอนการบารุงรักษาเคร่ืองเล่อื ยวงเดือน
1. ตรวจสอบสภาพความพร้อมของเคร่อื งเลอ่ื ยวงเดือนทัง้ กอ่ นใชแ้ ละหลงั ใช้ทกุ ครง้ั
2. หยอดนา้ มันหลอ่ ลน่ื ในสว่ นทเี่ คลอื่ นท่ที ุกครงั้ กอ่ นใชง้ าน
3. หลงั จากเลกิ ใช้งานแลว้ ใหท้ าความสะอาดทกุ คร้งั
4. ตรวจสอบสภาพเครื่อง ชุดสง่ กาลัง มอเตอร์ อยา่ งนอ้ ยเดอื นละ 1 คร้งั
ความปลอดภัยในการใช้เครอื่ งเล่ือยวงเดือน
1. ศึกษาขั้นตอนการใช้เครอื่ งเล่อื ยวงเดอื นจากเอกสารหรอื จากคาแนะนาของครกู ่อนใช้งาน
2. ปฏิบัติตามกฎของโรงงานเกีย่ วกบั ความปลอดภัย
3. ไม่ถอด หรอื ปรบั งานขณะท่ีเครอื่ งจักรยังไมห่ ยุด
4. ให้ระวงั เมือ่ ชิน้ งานใกลข้ าดใชแ้ รงควบคุมเบา ๆ
5. รกั ษาพืน้ โรงงานใหส้ ะอาดทุกครงั้ ก่อนและหลงั การปฏิบตั ิงาน
วทิ ยาลัยสารพัดช่างลาปาง สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องเลือ่ ยกล (Sawing Machine) 41
วธิ ีการเลือกซอ้ื เครือ่ งเลือ่ ย
ก่อนจะตัดสินใจซ้ือเคร่ืองเลื่อยนั้น ควรที่จะมองก่อนว่า เราต้องการตัดเหล็กขนาดท่ีใหญ่ที่สุด
เท่าไหร่ ต้องการความรวดเร็วในการตัด หรือต้องการ แบบราคาประหยัด โดยอาจจะตั้งโจทย์ตามลาดับ
ดงั ตอ่ ไปนี้
1. ตอ้ งการเครือ่ งเล่อื ยเพ่ือตดั ช้นิ งานใหญเ่ ทา่ ไหร่
2. งบประมาณในการจัดซอ้ื
ท้ังนี้เครื่องเล่ือยที่นิยมกันโดยท่ัวไปจะมีอยู่ 2 ชนิด คือ เครื่องเลื่อยระบบชัก และเคร่ืองเลื่อย
ระบบสายพาน ซึ่งท้ังสองแบบน้ีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน เพ่ือให้สามารถตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายข้ึน
ตอ่ ไปนจ้ี ะเปน็ การอธบิ ายถึงขอ้ ดีและข้อเสยี ของเครื่องเลอ่ื ยทั้งสองแบบนี้
เครอื่ งเล่อื ยกลแบบชัก เคร่อื งเล่อื ยสายพาน (BAND SAW)
(HACK SAWING MACHINE)
ข้อดี ขอ้ เสยี ข้อดี ขอ้ เสยี
1) ราคาถกู 1) ตัดชิน้ งานขนาดใหญไ่ ดช้ ้า 1) ตดั ชน้ิ งานไดเ้ รว็ กว่า 1) อายุการใชง้ านของใบ
2) ค่าบารุงรักษาตา่ 2) ไมเ่ หมาะกบั การตดั เครอ่ื งเล่ือยระบบชัก เลอื่ ยสายพานจะส้ันกว่าใบ
3) ใบเลอ่ื ยหาซ้ือไดง้ า่ ย ชนิ้ งานทม่ี ีขนาดบาง เช่น 2) ความเทย่ี งตรงสงู (ขนึ้ อยู่ เลอื่ ยชกั (ขนึ้ อยกู่ ับช้ินงานท่ี
แป๊บ, เหลก็ ฉาก หรือเหล็ก กบั สภาพใบเลื่อย) ตดั ดว้ ย)
กล่อง 3) สามารถตัดงานไดท้ กุ
ประเภท (เปล่ยี นใบเลือ่ ยให้
เหมาะสมกับชิน้ งาน)
4) ระบบเคร่อื งมีทัง้ แบบ
Manual, Semi-Auto และ
Automatic (ขึ้นอยกู่ บั
ขนาดเครอ่ื ง)
วทิ ยาลยั สารพดั ช่างลาปาง สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร
เครื่องเลือ่ ยกล (Sawing Machine) 42
วิธีแกป้ ญั หาใบเล่ือย
ลักษณะของใบเล่อื ยที่เกดิ วิธีตรวจสอบและวธิ ีแกไ้ ข
ปญั หา
ใบเลอื่ ยขาด 1. ใบเล่ือยตง้ั ตงึ หรอื หยอ่ นเกินไป - ปรบั ตง้ั ใบเลอ่ื ยใหม้ ีความตึงทีเ่ หมาะสม
2. เลอื กใช้ขนาดของฟนั เลือ่ ยไม่ถกู ตอ้ ง - เลือกขนาดของฟนั เลื่อยตามตารางดา้ นบน
3. ใบเล่ือยเรม่ิ เส่อื มสภาพ - เปล่ียนใบเลอื่ ยใหม่
4. ต้ัง Feed ไฮโดรลคิ ให้ลงเร็วเกนิ ไป - ปรบั ตั้งไฮโดรลคิ ใหเ้ หมาะสมกบั ชิน้ งาน (ต้ังให้
ขณะเลื่อยตดั ช้ินงานตัวเครอ่ื งมอี าการสั่นสะเทอื นนอ้ ยทส่ี ดุ )
5. ลกู ปืนประครองใบเลอ่ื ยหมดสภาพ - ตรวจเชค็ และเปล่ียนลูกปนื ประครองใบเล่ือย
ตวั ท่ีเส่อื มสภาพ
ฟันเล่อื ยสกึ เร็ว 1. ฟนั ของใบเลอื่ ยวิ่งผิดด้าน - ใสใ่ บเลอ่ื ยใหว้ งิ่ ไปในทิศทางทวนเขม็ นาฬิกา (จะมลี ูกศร
บอกตดิ อยู่ทห่ี น้าเครอื่ ง)
2. น้ายาหล่อเยน็ หมดสภาพ หรอื ผสมนา้ ยาหล่อเยน็ ไมถ่ ูกตอ้ ง - เปลี่ยนน้ายาหล่อเย็น
ใหม่ และผสมตามอัตราส่วนตามทกี่ าหนด (อัตราสว่ นขนึ้ อยกู่ บั ยี่หอ้ ของน้ายาหล่อเยน็ )
3. เลอื กใชช้ นดิ ของฟันเล่ือยไม่ถูกตอ้ ง - เลือกขนาดของฟนั เลอ่ื ยตามตารางด้านบน
4. แปรงปดั ขเี้ ลือ่ ยหมดสภาพ - เปล่ยี นแปรงปัดใบเล่ือยใหม่
5. ตดั ช้นิ งานถูกบรเิ วณทเี่ ป็นรอยเช่ือม หรือจดุ ที่ถูกชุบแขง็
สันใบเลือ่ ยแตกร้าว 1. ลกู ปนื ประครองใบเลือ่ ยหมดสภาพ - เปลย่ี นลกู ปืนประครองใบเลื่อยตัวทหี่ มดสภาพ
2. แขนประครองใบเลือ่ ยห่างจากช้ินงานมากเกินไป - ปรบั เลอ่ื นให้แขนประครองใบ
เล่อื ยอย่ใู นตาแหน่งท่ีใกล้ช้ินงานมากทจี่ ะสามารถเลื่อนได้
3. ตง้ั Feed ไฮโดรลิคใหล้ งเร็วเกนิ ไป - ปรับตง้ั ไฮโดรลิคใหเ้ หมาะสมกบั ชนิ้ งาน (ตง้ั ให้
ขณะเลื่อยตัดช้ินงานตวั เครอ่ื งมอี าการสนั่ สะเทอื นน้อยทส่ี ุด)
4. ตรวจสอบบรเิ วณลกู ปนื ประครองใบเลื่อยว่ามขี ้เี หล็กเข้าไปตดิ คา้ งอยู่หรอื ไม่ - ทา
ความสะอาดลกู ปนื ประครองใบเลอื่ ย
รอยตดั ไมเ่ รียบ เปน็ รอย 1. ต้งั ใบเลอ่ื ยหยอ่ นเกนิ ไป - ตั้งใบเล่อื ยให้มคี วามตงึ เหมาะสม และอยา่ ใหต้ งึ เกนิ ไป
สั่น 2. ความเรว็ รอบไมเ่ หมาะสม
3. เลือกใชช้ นดิ ของฟนั เลอ่ื ยไมถ่ ูกตอ้ ง - เลือกขนาดของฟนั เล่อื ยตามตารางดา้ นบน
4. ปรับเลอื่ นใหแ้ ขนประครองใบเลือ่ ยอยู่ในตาแหนง่ ทีใ่ กล้ชน้ิ งานมากทจี่ ะสามารถเลอื่ น
ได้
วิทยาลัยสารพัดชา่ งลาปาง สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร
เครอื่ งเลือ่ ยกล (Sawing Machine) 43
ฟันเล่ือยแตก 1. ตัง้ ใบเลอื่ ยหยอ่ นเกินไป - ตง้ั ใบเลือ่ ยใหม้ ีความตงึ เหมาะสม และอย่าใหต้ ึงเกินไป
2. ความเร็วรอบไมเ่ หมาะสม
รอยตดั เฉียงเขา้ -ออก 3. เลือกใช้ชนิดของฟันเลื่อยไมถ่ ูกตอ้ ง - เลอื กขนาดของฟนั เลอื่ ยตามตารางด้านบน
(รอยตัดแฉลบ) 4. ตัดชน้ิ งานถกู บรเิ วณท่ีเปน็ รอยเชือ่ ม หรือจุดทถ่ี ูกชุบแข็ง
1. ตง้ั Feed ไฮโดรลคิ ให้ลงเรว็ เกนิ ไป - ปรบั ตง้ั ใหเ้ หมาะสม
2. ฟันเลอ่ื ยหมดสภาพ - เปลย่ี นใบเลื่อยใหม่
3. ตรวจสอบแขนประครองใบเล่ือยว่าเอยี งหรอื ไม่ - โดยใช้เหลก็ วัดฉากถาบตรวจสอบ
ระหวา่ งหนา้ แทน่ กบั ใบเล่อื ย
4. เลอื กใชช้ นิดของฟนั เล่อื ยไมถ่ ูกตอ้ ง - เลือกขนาดของฟันเลอ่ื ยตามตารางดา้ นบน
การหล่อเย็นชิ้นงานขณะตัดเฉือนโลหะ
งานตดั กลงึ โลหะมกั ใช้ใบมีดในการเจาะ เซาะ เฉอื นเนื้อโลหะ หรือใชห้ นิ ขัดในการเจยี ระไน
เพอื่ ให้ชนิ้ งานนั้นไดร้ ปู รา่ งหรอื ขนาดตามทตี่ อ้ งการ ในขณะที่การเจาะเซาะหรอื เฉือนหรอื เจียระไนนั้น ความ
รอ้ นจะเกดิ ขึน้ สงู มาก โดยอาจสงู ถงึ 7000C หรอื สูงกวา่ ซึ่งความร้อนนีเ้ กดิ จากการเสยี ดสี ระหวา่ งใบมีด
กบั ชน้ิ งานและจากการเปลยี่ นรูปของเนอื้ โลหะ (Deformation) หากความร้อนท่เี กดิ ข้นึ น้ไี ม่ไดร้ ับการระบาย
ออกโดยเร็วกจ็ ะเกดิ การสะสมทาให้ใบมดี และช้ินงานร้อนจดั ใบมดี จะสญู เสียความแขง็ และสึกหรอได้ ใน
ที่สุดสว่ นชน้ิ งานอาจบิดเบีย้ วทาใหไ้ ม่ได้รปู ร่างหรอื ขนาดตามที่ตอ้ งการและอาจเกดิ การหลอมตดิ ของเศษโลหะ
ทบี่ รเิ วณปลายใบมีด ซึ่งเรยี กวา่ เกดิ Built Up Edge หรือเรยี กโดยยอ่ วา่ BUE ทาใหใ้ บมีดสกึ เรว็ และ
อาจถึงข้ันแตกหกั ได้
หน้าทีข่ องน้ามันหล่อเย็น
นา้ มันหลอ่ เย็นมหี น้าทหี่ ลกั 4 ประการ คือ
1. ระบายความร้อน น้ามันตัดกลึงโลหะมีหน้าที่ระบายความร้อนออกจากบริเวณใบมีดและ
ช้ินงานเพ่ือไม่ให้ใบมีดสูญเสียความแข็งหรืออ่อนตัว อันเน่ืองมาจากความร้อน ป้องกัน
ไม่ให้เกิดการหลอมติดของเศษโลหะท่ีปลายใบมีด (BUE) ทาให้สามารถทางานตัดกลึงได้
เร็วชนิ้ งานได้ขนาดและคุณภาพผิดตามต้องการ
2. หล่อลื่นลดแรงเสียดทาน น้ามันตัดกลึงโลหะทาหน้าที่หล่อล่ืนลดแรงเสียทานระหว่าง
ระหว่างชิ้นงานกับใบมีด รวมทั้งเศษโลหะท่ีเคลื่อนที่ผ่านหน้าใบมีด การตัดกลึงใช้กาลัง
นอ้ ยลง ลดการสกึ หรอของใบมดี ช่วยป้องกันการเกดิ ปัญหา BUE
3. ชะล้างและพาเศษโลหะ นา้ มันตัดกลึงโลหะทาหน้าทีใ่ นการชะลา้ งและพาเศษโลหะที่เกิด
จากการตดั เฉอื นออกไปจากบริเวณตดั เฉือน และชน้ิ งาน
วิทยาลัยสารพัดชา่ งลาปาง สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร
เครอื่ งเลื่อยกล (Sawing Machine) 44
4. ป้องกนั สนิมนา้ มนั ตัดกลึงโลหะทาหน้าที่ปอ้ งกันสนมิ ให้แก่ชิ้นงานท่ถี ูกตัดเฉือนใหม่ ซ่งึ ผิว
โลหะส่วนน้ีมักไวต่อการเกดิ สนมิ มากและยังทาหน้าทปี่ ้องกันสนิม ใหแ้ กเ่ คร่ืองจกั รและราง
แท่น (Slide ways) ด้วย
นา้ มันหลอ่ เยน็
น้ามันหลอ่ เยน็ หรอื ในภาษาอังกฤษวา่ “Water Emulsifiable Cutting Fluid” จะผสมนา้
ใช้งานท่อี ตั ราส่วนผสม แตกต่างกันไปตามคุณสมบัติของนา้ มันหลอ่ เยน็ หรือตามความต้องการใช้งาน โดย
ปกติจะผสมใชง้ านอยใู่ นชว่ ง 2% ถึง 10% ในนา้ ซง่ึ นยิ มแบง่ นา้ มนั หล่อเยน็ ออกเปน็ 3 ประเภทตาม %
สัดส่วนผสมของน้ามันหล่อลื่นพ้นื ฐานประเภทน้ามันแร่ในผลิตภัณฑ์ก่อนผสมน้า คือ
1. นา้ มันสบู่ นา้ มนั หล่อเยน็ ประเภทน้ามันสบู่ หรือเรียกในภาษาองั กฤษว่า Soluble Oil
มีองค์ประกอบท่ีสาคัญคือ น้ามันหล่อล่ืนพื้นฐานประเภทน้ามันแร่ (Mineral Oil) กับ
สาร Emulsifier ซ่ึงทาหน้าที่ให้น้ามันแร่สามารถกระจายและอยู่ตัวได้ในน้า โดยมี
สดั ส่วนผสมของนา้ มันหลอ่ ลน่ื พ้นื ฐานประเภทนา้ มันแร่ในผลติ ภัณฑ์กอ่ นผสมน้าประมาณ
75% หรือมากกว่า เม่ือผสมนา้ แล้วจะมีสีขาวคล้ายน้านม จึงมักถกู เรียกอกี ว่าเปน็ น้ามัน
หลอ่ เย็นประเภท “นา้ นม” หรือ “Milky” ท้ังนเ้ี พราะน้ามันสบู่มี % สดั สว่ นผสมของ
นา้ มนั แรอ่ ยสู่ ูงอนุภาคของน้ามนั แร่ทก่ี ระจายอยูใ่ นน้า จึงมขี นาดใหญ่เกิดการทบึ แสง และ
มองเหน็ เปน็ สีขาว
น้ามันหลอ่ เยน็ ชนดิ น้ามนั สบ่มู ขี ้อดที ่เี ดน่ ชัด คอื ราคาตอ่ ลิตไม่สงู และใช้งานได้
กับงานทวั่ ไปทไ่ี ม่หนกั หรือไม่มีความต้องการพิเศษ แต่ข้อเสียโดยทัว่ ไป คอื การอยตู่ วั ใน
นา้ (Stability) ไม่ค่อยดี และมอี ายุการใช้งานส้นั จนถงึ อาจเกดิ การสนิมไดง้ ่าย
2. น้ามันสังเคราะห์ น้ามันหล่อเย็นชนิดน้ามันสังเคราะห์หรือเรียกในภาษาอังกฤษว่า
“Synthetic Fluid” นี้ผลิตจากน้ามันพื้นฐานหรอื สารเคมีท่ีมาจากการสังเคราะหท์ ้ังหมด
โดยทีไ่ ม่มีสดั สว่ นของน้ามนั หลอ่ ล่ืนพนื้ ฐานประเภทนา้ มนั แร่ ผสมอยู่เลยมักนยิ มใชส้ าหรบั
งานเจยี ระไนคุณภาพสงู โดยใชง้ านท่ีอตั ราสว่ นผสมน้าข้ันต่าประมาณ 2% หรืออตั ราสว่ น
น้ามันต่อน้า 1 ต่อ 40 ท้ังนี้ เพราะลักษณะงานเจียระไนต้องการการระบายความร้อน
เปน็ สาคัญ และไม่ต้องการคณุ สมบตั ิการหล่อลืน่ มากนัก การที่ไม่มีนา้ มนั แร่อยูเ่ ลย ทาให้
หน้าหนิ ไม่บอดง่ายจากการท่เี ศษผงโลหะขนาดเล็กที่เกดิ จากการเจยี ระไนเกาะตดิ อดุ หน้า
หนิ
ขอ้ พงึ ระวงั จากการใชน้ า้ มนั หลอ่ เย็นชนิดสังเคราะหโ์ ดยทั่วไป คือ ปัญหาเร่ือง
สนิมทมี่ ักเกิดขน้ึ กับเครื่องจกั ร และรา่ งแทน (Slide ways) โดยเฉพาะนา้ มนั ในอตั ราส่วน
ทีส่ งู มาก เกิดการสนิ้ เปลือง เมอ่ื มีการหยุดเคร่ือง หรือหากไมเ่ กดิ สนมิ กอ็ าจต้องผสม
3. นา้ มันก่ึงสังเคราะห์ น้ามันหล่อเย็นประเภทก่ึงสังเคราะห์จะมนี ้ามันหล่อลื่นพ้ืนฐานผสม
กันระหว่างน้ามันสังเคราะห์ และน้ามันแร่หรือเรียกในภาษาอังกฤษว่า “Semi
วิทยาลยั สารพัดชา่ งลาปาง สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ
เครอื่ งเลือ่ ยกล (Sawing Machine) 45
Synthetic Fluid” โดยมีสัดส่วนผสมของน้ามันแร่อยู่ในช่วงระหว่าง 20% ถึง 60%
ทง้ั น้ีเพื่อผสมผสานคุณสมบัติด้านการหล่อล่ืนที่ดขี องน้ามันแร่กับคณุ สมบัติพเิ ศษทตี่ อ้ งากร
ของนา้ มันสังเคราะหใ์ หเ้ หมาะกบั ความต้องการของการใชง้ าน
นา้ มันชนิดก่ึงสังเคราะห์โดยทัว่ ไปเม่ือผสมนา้ จะมีสีขุ่นไม่ทึบแสง (Translucent)
เพราะมีปริมาณน้ามันแร่ต่ากว่าน้ามันสบู่อนุภาคน้ามันท่ีกระจายในน้าจึงมีขนาดเล็กกว่า
ย่งิ ไปกว่านน้ั ปรมิ าณสาร Emulsifier ที่ต้องการกม็ นี อ้ ยกว่าเม่ือเทยี บกบั น้ามันสบู่ น้ามัน
หลอ่ เย็นชนิดกง่ึ สังเคราะหโ์ ดยท่วั ไปจงึ มคี ณุ สมบตั ติ า้ นทานแบคทเี รียในเบอื้ งตน้ ดีกวา่
วทิ ยาลยั สารพดั ชา่ งลาปาง สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องเล่อื ยกล (Sawing Machine) 46
วทิ ยาลยั สารพดั ชา่ งลาปาง สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ