กจิ กรรมการสานดอกตอก
สอ้ มดอกตอก : เครอ่ื งประดบั จกั สาน งา่ ยงามแบบ
ลา้ นนา
“สอ้ มดอกตอก” เป็นงานหตั ถกรรมจกั สานทเี่ ราเห็นครงั้ แรกแลว้ วา้ วมาก เพราะมนั ทงั้ สวยและมีเสนห่ ์ทจี่ บั ตอ้ งงา่ ย ว่าแลว้ กไ็ ดต้ ดิ
มอื กลบั บา้ นมา 2 ชนิ้ ก่อนชวนชา่ งหตั ถกรรมสอ้ มดอกตอกรุ่นใหม่ “เกียรตชิ ยั ทวบี ตุ ร” มาคยุ กนั
เกียรติชัย เล่าว่า “ส้อม” คำนี้ หมายถึงการเสริมเติมแต่ง พอจับคำมารวมๆ กันเป็น ส้อม
ดอกตอก จงึ กลายความได้วา่ การนำดอกไม้ทรี่ ังสรรค์จากตอกไม้ไผ่มาประกอบร่างกันใหม่ให้
สวยงามยิ่งขึ้น โดยในอดีตนิยมทำเป็นปิ่นปักผม เครื่องประดับอันเรียบง่ายและงดงามของ
หญิงสาวชาวล้านนา ก่อนความนิยมจะลดน้อยถอดลงเมื่อถึงยุคหนึ่งที่เครื่องประดับจาก
ทองเหลืองเฟื่องฟู
ประยุกตง์ านส้อมดอกตอก สำหรบั ทำเป็นเข็มกลัดแจกผรู้ ว่ มงานได้
ตาแหลวประยกุ ตง์ านสอ้ มดอกตอก สาหรบั ทาเป็ นเขม็ กลดั แจกผรู ้ ว่ มงาน “ยอสวยไหวส้ า พญามงั ราย”
ภายในปี นี้
ปจั จุบนั งานสอ้ มดอกตอก เป็นหตั ถกรรมภูมิปญั ญาที่หาดูยากมาก ทวา่ ยงั มีบรรดาแมค่ รูที่ถา่ ยทอดและสบื สาน
อย่ทู ี่ “ชุมชน 5 ธนั วา” ต.หายยา อ.เมือง เชยี งใหม่ สว่ น เกยี รติชยั น้นั เพิ่งจบชั้น ม.6 จากวิทยาลัยนาฏศิลป
เชยี งใหม่ มาหมาดๆ แมจ้ บทางดา้ นดนตรี แตด่ ้วยความหลงใหลในงานส้อมดอกตอก จึงทำให้เขาเลือกสืบทอด
วิชาจากแม่ครู พร้อมนำองคค์ วามรทู้ ี่ไดม้ าตอ่ ยอดเปน็ ผลติ ภณั ฑ์เครื่องประตกแต่งภายในบ้าน และมี “พิกลุ ต้มุ
ฝ่ิน” งานสอ้ มดอกตอกสวยๆ ทีเ่ รียงร้อยดอกพิกุลและดอกฝน่ิ เข้าดว้ ยกนั อย่างประณีตบรรจงเป็นผลงานซิกเน
เจอรข์ องตนเอง
การนำไมไ้ ผ่มาใช้ประโยชน์ อย่างไรบา้ ง
ไผ่เป็นพืชทมี่ กี ารแพรก่ ระจายพนั ธ์ุอยทู่ ว่ั ไป ลำตน้ แขง็ แรงมเี น้ือไมแ้ ข็ง เกลาให้เรียบได้ ยืดหย่นุ มีน้ำหนกั เบา แข็งแต่ดดั ให้
โคง้ งอได้ ถา้ จกั เนอ้ื ไมใ้ หบ้ างลงสามารถตดั ทอนเป็นขนาดต่าง ๆ ได้ ทง้ั ความยาวและความหนาใหเ้ หมาะสมต่อลักษณะการใชง้ าน
ว่าเปน็ งานทีต่ ้องรบั น้ำหนกั มาก หรืองานประดิษฐ์ตกแตง่
ในปัจจุบนั ไผเ่ ป็นพชื เศรษฐกิจท่ีมีบทบาทสำคัญในตลาดโลกมาก โดยถกู นำมาใชเ้ ป็นเย่อื กระดาษ ไมป้ าร์เกป้ ูพืน้ กระดานอัด
และหน่อไมก้ ระป๋อง การนำไม้ไผ่มาใช้ประโยชนส์ ามารถจำแนกไดด้ ังนี้
1. ใชใ้ นงานก่อสรา้ ง
ไผ่ท่ีมีลำต้นขนาดใหญเ่ นื้อไม้หนา ปล้องสน้ั มักถกู นำมาใชใ้ นการกอ่ สรา้ งทต่ี อ้ งการความแขง็ แรง คงทน และรับน้ำหนักมาก เชน่
เสา ฝาผนงั หลังคา และพื้น มีการนำในมาใช้ก่อสร้างสะพาน และทำนั่งรา้ น ใชเ้ ป็นส่วนประกอบของบา้ นแบบตา่ ง ๆ ของชน
พนื้ เมืองทม่ี รี ปู แบบและรปู ทรงแตกตา่ งกนั ไป ตามสภาพภูมอิ ากาศและวฒั นธรรม เช่น บ้านในจนี ไทย อนิ เดีย และแอฟรกิ า มีการ
ปลกู สรา้ งบา้ นจากไม้ไผท่ ่ีมีรูปทรงแตกตา่ งกัน มกี ารใชไ้ มไ้ ผท่ ง้ั ลำในการกอ่ สร้างหรอื อาจผา่ ครง่ึ หรือผ่าซกี ให้เป็นขนาดตา่ ง ๆ กัน
แล้วนำมาจักสานเป็นแผ่น
2. ใช้ทำตะกรา้
มกี ารนำไม้ไผ่มาผ่าครงึ่ และผา่ ซีกเปน็ ช้นิ ขนาดต่าง ๆ เพอ่ื นำมาใชเ้ ป็นโครงของหีบหรือตะกรา้ หรอื กลอ่ งหรอื กระจาด แลว้ นำช้ินท่ี
แบนบางมาสานเป็นลวดลายต่าง ๆ สำหรับทำภาชนะบรรจสุ ่ิงของ รวมทั้งกระด้งท่ีใช้สำหรบั ตากอาหาร หรือฝัดแยกเมลด็ พชื ท่มี ี
ขนาดและคณุ ภาพดตี ามตอ้ งการออกจากส่วนทไี่ ม่ต้องการดว้ ย นอกจากนี้ยงั ถูกนำมาใช้ในการสานเขง่ ใส่ผกั ผลไม้ เขง่ ขนาดเลก็ ใส่
ปลา และลว้ั ใสห่ มู เปด็ ไก่ รวมท้ังสุ่มสำหรบั เลย้ี งเปด็ ไก่ด้วย
3. ใช้เปน็ อาหารจำพวกผกั
หนอ่ อ่อนทเ่ี จรญิ จากตาขา้ งของเหง้าที่อยู่ใตด้ ิน ถกู นำมาใช้บรโิ ภคเปน็ อาหารจำพวกผกั ท่เี รียกว่า หน่อไม้ โดยการขดุ หนอ่ อ่อนแล้ว
แยกออกมาจากตน้ แมเ่ ดมิ ลอกกาบหมุ้ ทแี่ ข็งและเต็มไปดว้ ยขนหรือหนามออก หั่นใหเ้ ปน็ ชนิ้ เลก็ ๆ หรือเป็นเส้นฝอย แลว้ นำไปต้ม
ในนำ้ เดอื ดจนกระทั่งสกุ สามารถนำไปปรุงเป็นอาหารตา่ ง ๆ ไดห้ ลายประเภท เชน่ หน่อไมด้ อง ผดั กบั เนื้อสตั ว์ แกงจืด หรอื แกง
กะทิ แต่หน่อไมม้ กั จะเจริญเติบโตออมาจากเหงา้ ใต้ดนิ ในชว่ งฤดูฝนจึงมกี ารถนอมอาหารไว้ในรปู ของหนอ่ ไมด้ อง เพือ่ สามารถ
รบั ประทานไดต้ ลอดปี ในปจั จุบันประเทศไทยเป็นผูส้ ่งออกหนอ่ ไมไ้ ผ่บง หรือไผต่ ง (Dendrocalamus asper ( Schultes f
.)Backer ex Heyne) รายใหญ่ทีส่ ุดของโลก เน่ืองจากเปน็ ไผ่ทีรสหวาน กรอบอร่อย ไมข่ ม จนกระท่ังมชี ่ือเรียกทอ้ งถนิ่ ว่า ไผ่หวาน
นอกจากน้ีในประเทศไทยยงั มหี น่อไมไ้ ผร่ วก (Thyrsostachys siaminsis Gamble ) ที่นยิ มนำมาบริโภค และเกบ็ รักษาไวใ้ นรูปของ
หนอ่ ไม้อดั ป๊ีบหรอื อัดกระป๋องดว้ ย
4. ใช้ผลติ กระดาษ
เปน็ เวลาหลายศตวรรษมาแลว้ ท่ีชาวจีนมีการประดิษฐก์ ระดาษจากไม้ไผ่ และชาวเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ก็ไดร้ บั ความรูน้ ้ีมาจาก
ประเทศจีน ไผ่ที่ใชท้ ำกระดาษได้แก่ ไผ่ป่า หรอื ไผห่ นาม (Bambusa bambos ( L) Voss) ไผส่ ีสกุ (Bambusa blumeana J.A &
J.H. Schultes ) และไผ่ซาง (Dendrocalamus strictus (Roxb ) Nees )
5. ใช้ทำเครอ่ื งดนตรี
การนำไมไ้ ผม่ าทำเครอ่ื งดนตรีนนั้ ถือเป็นศลิ ปวัฒนธรรมดงั้ เดิมของชนชาตใิ นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเคร่ืองดนตรที ใ่ี ช้ไม้ไผเ่ ปน็
โครงสรา้ งหลัก หรอื เปน็ ส่วนประกอบได้แก่ เคร่อื งตหี รอื เคร่อื งเขยา่ (idiophones) เช่น ลูกระนาดเอก ลูกระนาดทุม้ จากไผต่ งหรือ
ไผ่บง(Dendrocalamus asper) อังกะลุง ขนาดตา่ ง ๆ จากไผด่ ำ(Gigantochloa artroviolaceae) และไผช่ นิดอน่ื ๆ ทอ่ี ยู่ในสกุล
เดียวกัน คอื G. atter , G. levis , G. pseudoarundinacea และ G. robusta นอกจากนไี้ ผ่ดำทมี่ ขี นาดเสน้ ผ่านศูนยก์ ลางลำต้น
ขนาดใหญย่ งั ถกู นำมาใชป้ ระดษิ ฐ์เปน็ กลองดว้ ย เคร่อื งเปา่ ลม(aerophones) ได้แก่ แตรทใ่ี หเ้ สียงต่ำซ่ึงประดษิ ฐจ์ ากไม้ไผม่ า
เชอื่ มต่อกนั แคนท่ที ำข้นึ จากไผ่เฮยี ะหรอื ไผโ่ ป(Schizostachyum) ขลุ่ยแบบต่าง ๆ ของเอเชียทปี่ ระดษิ ฐจ์ ากไม้ไผ่
นอกจากนยี้ งั มีเครอ่ื งสาย (chordophones) ชนิดต่าง ๆ ทป่ี ระดษิ ฐข์ ้นึ จากไม้ และมไี ม้ไผเ่ ปน็ สว่ นประกอบ เชน่ จะเข้ พณิ ซึง และ
ซอ
6. งานศลิ ปหตั ถกรรม
ในปัจจุบันน้ีงานศลิ ปหัตถกรรมถอื เปน็ งานอุตสาหกรรมในครวั เรือนท่ีเปน็ ทน่ี ยิ มชมชอบ และสามารถจำหน่ายได้มากข้ึน งานท่ี
ประดษิ ฐ์จาก ไมไ้ ผ่ ไดแ้ ก่ เส่อื ปโู ต๊ะกนั ความร้อนจากชามบรรจุอาหาร กระเป๋าถือ หมวก และเคร่ืองใช้ไม้สอยทใ่ี ชส้ ำหรับทอ
ผ้า
งานส่วนใหญถ่ กู สร้างขึน้ จากไมไ้ ผท่ ี่ถกู ผา่ เป็นซกี หรือผ่าแลว้ เหลาเกลาใหเ้ ปน็ ชน้ิ บาง ๆ ก่อนนำมาประกอบเปน็ โครงหรอื จัก
สานเป็นลวดลายตา่ ง ๆ แตง่ านบางอยา่ งอาจใช้ลำตน้ และลำตน้ ใตด้ นิ ท้งั หมดมาประดิษฐต์ กแตง่ แทน เช่น แจกนั ท่เี ขยี่ บหุ ร่ี
กล่องบรรจขุ องขนาดตา่ ง ๆ ไม้ไผท่ ีถ่ กู นำมาใช้ในงานจกั สานได้แก่ Bambusa atra , Gigantochloa apus , G. scortechinii
, Schizostachum latifolium ซึง่ มเี ส้นใยยาวและยดื หยุน่ ไดด้ ี สว่ นการนำมาแกะสลกั ได้แก่ ไผง่ าช้าง Bambusa vulgaris
ไผต่ ง Dendrocalamus asper และไผเ่ กรยี บ Schizostachum brachycladum
7. เครือ่ งเรือน
มกี ารนำไมไ้ ผ่มาทำเครื่องเรือนต่าง ๆ ภายในบ้านเรือน ได้แก่ ตู้ เตียง โตะ๊ เกา้ อี้ ชน้ั วางของ ตา่ ง ๆ ซงึ่ นิยมใชไ้ ม้ไผท่ ่มี ีลำใหญ่
ตรง แขง็ แรง ไดแ้ ก่ ไมไ้ ผใ่ นสกลุ Bambusa สกลุ Dendrocalamus และสกุล Gigantochloa
8. การปลูกเพื่อใชเ้ ปน็ แนวรว้ั บอกเขต แนวป้องกันลมและปลูกประดับ
ไผ่หลายชนดิ มลี ักษณะกอและทรงพุ่มเหมาะสมตอ่ การนำมาปลูกเปน็ รว้ิ และแนวป้องกนั ลม ไดแ้ ก่ ไผ่รวก Thyrsostachys
siamensis และ ไผ่เลย้ี ง Bambusa multiplex ไผห่ ลายชนดิ มีทรงพุม่ สวยงามนิยมนำมาปลูกเปน็ ไมป้ ระดบั ได้แก่ ไผเ่ ลี้ยง
ไผ่เหลอื ง ไผเ่ กรียบ ไผท่ ี่มหี นามแหลมคม เชน่ ไผห่ นาม Bambusa bambos เปน็ ไผ่ท่นี ยิ มปลูกเปน็ แนวรั้วกันขโมยให้แก่
บรเิ วณบา้ น หมบู่ า้ น และสวนผลไม้ รวมทั้งปอ้ งกนั สัตวป์ ่าเข้ามาทำร้ายหรอื ทำลายทรพั ยส์ นิ ดว้ ย
9. ประโยชนอ์ ่ืน ๆ
• ทำกระบอกรองรับนำ้ ตาลจากงวงมะพรา้ วและงวงตาล ไดแ้ ก่ ไผต่ ง
• นำไมไ้ ผท่ ้ังลำมาทะลุข้อใหเ้ ปน็ ทอ่ กลวงตลอดลำสำหรับทำเป็นท่อนำ้ ไดแ้ ก่ ไผต่ ง
• นำไผต่ งมาตัดเป็นกระบอกสำหรบั ปรุงอาหาร จำพวก ผกั เนื้อสัตว์ ขา้ วเจา้ และขา้ วเหนยี ว โดยอดุ ส่วนปลายของ
กระบอกด้วยใบตองกล้วย แลว้ นำไปผงิ ไฟให้อาหารภายในกระบอกสกุ เช่น การทำขา้ วหลามจากข้าวเหนยี วผสมกะทิ
และนำ้ ตาล
• นำมาทำตะเกยี บ ไม้จิ้มฟัน ไมเ้ สยี บอาหารสำหรบั ปิ้งหรือย่าง
• อปุ กรณด์ ักจบั ปลาชนดิ ตา่ ง ๆ เช่น ขอ้ ง ไซ ลอบ
• นำมาทำแพโดยเลอื กใชไ้ ม้ไผท่ มี่ ขี นาดเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางปานกลาง เน้ือไมบ้ าง นำ้ หนกั เบา
• ใบไผน่ ำ้ มาใชเ้ ปน็ อาหารจำพวกหญ้าสดสำหรบั เลี้ยงสัตว์ ใบของไผ่ที่มีขนาดใหญถ่ กู นำมาใช้ห่อขนมจำพวก ขนมจ้าง
และบ๊ะจ่าง
• ไมไ้ ผท่ ั้งลำถูกนำมาใช้ประโยชน์ เปน็ คานสำหรบั หามส่ิงของ ค้างสำหรับตน้ พืชจำพวก ผกั และไม้ผลทเ่ี ป็นไม้เล้ือย
คันเบด็ ถ่อคำ้ เรือหรอื แพ โปะ๊ สำหรบั เทยี บเรอื และรั้ว