คำนำ
ชดุ ฝึกทกั ษะการเปา่ ขลุ่ยเพยี งออ จัดทาขน้ึ เพอ่ื ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน และใชฝ้ ึก
ทักษะทางดา้ นดนตรไี ทยในการปฏิบัติขลุ่ยเพียงออ รายวชิ า ดนตรี ช่วงชนั้ ท่ี 3 ชั้นมธั ยมศกึ ษา
ปีที่ 1 เลม่ ท่ี 1 เร่อื ง ควำมร้เู รอ่ื งขลยุ่ ไทย เพื่อกระตนุ้ และสง่ เสริมให้ผูเ้ รยี นเกดิ ความสนใจ เป็น
การเตมิ เต็มด้านศกั ยภาพในการเลน่ ดนตรขี องผเู้ รยี นใหส้ ูงที่สดุ พัฒนาคณุ ภาพชีวติ และเปน็ การ
ส่งเสริมใหผ้ ู้เรยี นเกดิ ความคดิ อย่างสรา้ งสรรคใ์ นการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ และทาให้ผเู้ รยี นเกดิ
ความรู้ ความสนกุ สนานเพลดิ เพลิน สานกึ รักในความเปน็ ไทยที่มเี อกลักษณอ์ นั งดงามประจาชาติ
ทางดา้ นดนตรไี ทย
จากการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของผเู้ รยี น พบว่า มปี ญั หาอปุ สรรคตอ่ การเรยี น
ปฏบิ ตั ิขลยุ่ เพยี งออ เกิดการเรยี นรทู้ ช่ี า้ และไมเ่ ปน็ ไปตามจุดประสงคเ์ ทา่ ทีค่ วร ผจู้ ัดทาจึงไดพ้ ัฒนา
ชดุ ฝกึ ทกั ษะโดยวิเคราะห์เนอ้ื หาท่ชี ว่ ยสง่ เสริมเทคนิคในการเลน่ ดนตรไี ทยที่เหมาะสม ซง่ึ
นักเรียนสามารถศกึ ษา เรียนรู้ได้ ด้วยตนเองตามศกั ยภาพของแตล่ ะบคุ คล โดยเนน้ ผู้เรยี นเปน็
สาคัญ
ขอขอบคณุ ผบู้ รหิ าร คณะครู นักเรยี น ผู้ปกครอง โรงเรยี นเทศบาลศรีเมอื งพลประชา
นุเคราะห์ ทุกท่านทใี่ หค้ าปรกึ ษา คาแนะนา ชว่ ยเหลือ และอานวยความสะดวกในดา้ นตา่ ง ๆ
เปน็ อยา่ งดียิง่ และหวงั วา่ ชุดฝกึ ทักษะเล่มน้ี จะเปน็ ประโยชนใ์ นการพฒั นาทกั ษะการปฏบิ ัติ
ขลุ่ยเพยี งออตอ่ นักเรยี นและผู้สนใจเรยี นรเู้ ปน็ อยา่ งดี
กาญจนา สายสาอางค์
สำรบญั
หน้ำ
คาชี้แจงเกยี่ วกบั ชดุ แบบฝกึ ทกั ษะการเป่าขลยุ่ เพยี งออ......................................... 1
คาแนะนาสาหรบั คร.ู ............................................................................................ 2
คาแนะนาสาหรับนกั เรยี น.................................................................................... 3
สาระการเรยี นรู้.................................................................................................... 4
จดุ ประสงคก์ ารเรียนร้.ู ......................................................................................... 5
ลาดบั ขน้ั การเรียนชดุ แบบฝกึ ทกั ษะการเปา่ ขล่ยุ เพียงออ...................................... 6
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เลม่ ท่ี 1............................................................................. 7
บตั รคาสงั่ .............................................................................................................. 8
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เล่มท่ี 1............................................................................ 9 – 12
บตั รเนอ้ื หาที่ 1 ................................................................................................. 13 - 18
บัตรคาถาม ......................................................................................................... 19
บัตรเฉลยบตั รคาถาม .......................................................................................... 20
บตั รเนอื้ หาที่ 2 ................................................................................................. 21 - 24
บตั รคาถาม ......................................................................................................... 25
บตั รเฉลยบตั รคาถาม .......................................................................................... 26
บตั รเนอื้ หาที่ 3 ................................................................................................. 27
บัตรเนอ้ื หาท่ี 4 ................................................................................................. 28 - 30
บตั รคาถาม ......................................................................................................... 31
บตั รเฉลยบตั รคาถาม .......................................................................................... 32
บตั รเนอ้ื หาที่ 5 ................................................................................................. 33 - 35
บตั รคาถาม ......................................................................................................... 36
บัตรเฉลยบตั รคาถาม .......................................................................................... 37
แบบทดสอบหลังเรียน เล่มที่ 1............................................................................ 38 - 41
บรรณานุกรม ....................................................................................................... 42
คำช้ีแจงเกย่ี วกบั ชดุ ฝึกทักษะกำรเปำ่ ขลุ่ยเพยี งออ
1. เอกสำรฉบบั นี้เป็นเอกสำรชุดฝึกทักษะ วชิ ำ ดนตรี
เรอื่ ง กำรเป่ำขลยุ่ เพียงออ ใชส้ อนนกั เรียนชั้นมธั ยมศกึ ษำปีที่ 1
2. ชุดฝึกทกั ษะน้ีประกอบด้วย
- คำชแี้ จงเกยี่ วกบั ชุดฝกึ ทักษะ
- คำแนะนำสำหรบั ครู
- คำแนะนำสำหรับนักเรียน
- สำระกำรเรียนรู้ และจุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้
- แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลงั เรียน
- บตั รคำส่งั ,บัตรเน้ือหำ,บตั รคำถำม ,บตั รเฉลย
3. ชดุ ฝึกทักษะ เล่มนไ้ี ดแ้ บ่งเนอื้ หำออกเปน็ 5 เรือ่ งย่อย ใชเ้ วลำ
ในกำรเรยี นท้งั สน้ิ 2 ชัว่ โมง(รวมทดสอบกอ่ นเรียน-หลังเรยี น)
คำแนะนำสำหรับครู
1. ครูควรจัดเตรียมชดุ ฝึกทกั ษะ ประกอบด้วยบตั รคำสง่ั บตั รเน้อื หำ
บตั รคำถำม, บัตรเฉลย และแบบทดสอบกอ่ นเรยี น – หลงั เรียน ตลอดจน
อุปกรณ์ต่ำง ๆ ใหค้ รบถ้วน
2. ใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพอื่ ประเมินควำมร้เู ดิมของนักเรียน
3. แจง้ จุดประสงค์กำรเรียนรใู้ หน้ ักเรียนทรำบ
4. แจกชุดฝกึ ทกั ษะกำรเป่ำขล่ยุ เพียงออให้นักเรยี นได้ศึกษำ และแนะนำ
วธิ กี ำรใช้ ชดุ ฝึกทักษะ เพื่อนักเรยี นจะไดป้ ฏิบัติอย่ำงถูกต้อง
5. ดำเนินกำรสอนตำมกิจกรรมกำรเรียนรทู้ กี่ ำหนดไวใ้ นแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้
6. หำกมีนกั เรียนบำงคนเรียนไมท่ นั ครูควรให้คำแนะนำหรืออำจจะมอบหมำย
งำนหรอื เอกสำรใหศ้ ึกษำเพม่ิ เตมิ ในเวลำวำ่ ง
7. หลงั จำกนกั เรยี นศกึ ษำชุดฝึกทกั ษะและทำกิจกรรมตำมข้ันตอนเสรจ็
เรียบรอ้ ยแล้ว ใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน
8. ครูบันทกึ คะแนนของนักเรียนแตล่ ะคนจำกกำรทำกิจกรรมในชุดฝกึ ทักษะ
กำรเป่ำขลุ่ยเพียงออแต่ละชุด รวมทง้ั กำรสอบหลงั เรยี น เพื่อประเมิน
ควำมก้ำวหนำ้ ของนักเรียน หลังจำกเรียนจบแต่ละชุด หำกมีนกั เรียนไมผ่ ำ่ น
เกณฑ์ ครูควรจัดสอนซอ่ มเสรมิ หรือใหศ้ ึกษำชุดฝึกทกั ษะอีกครง้ั
9. กำรจัดชน้ั เรยี นจะจัดให้นกั เรียนเรียนเปน็ กลมุ่ หรือรำยบคุ คลกไ็ ด้
คำแนะนำสำหรับนักเรยี น
1. อำ่ นคำชแ้ี จงและคำแนะนำสำหรับนกั เรยี นให้เข้ำใจกอ่ นทจี่ ะลงมือศึกษำ
ชดุ ฝกึ ทักษะกำรเป่ำขลุ่ยเพยี งออ
2. ทำแบบทดสอบก่อนเรียนแต่ละชดุ เพือ่ ประเมินควำมรู้เดมิ ของนักเรียน
3. ศกึ ษำบัตรเนอื้ หำในชุดฝกึ ทกั ษะท่คี รูจดั เตรยี มไวใ้ ห้ดว้ ย ควำมตั้งใจ
โดยปฏิบตั ติ ำมขัน้ ตอนทก่ี ำหนดไว้ในบตั รคำสง่ั
4. เม่อื นักเรียนศึกษำบตั รเนื้อหำ เสร็จเรยี บร้อยแล้วใหน้ ักเรียนทำ
แบบฝึกหัดจำกบตั รคำถำมท่คี รูจัดเตรียมไว้ให้พร้อมท้งั ตรวจคำตอบ
จำกบตั รเฉลย
5. หำกนกั เรียนยงั ไม่เขำ้ ใจในเน้ือหำใดกใ็ ห้กลบั ไปศึกษำอกี ครั้งหรอื
ปรกึ ษำครผู สู้ อน
6. ทำแบบทดสอบหลงั เรียนหลงั จำกศกึ ษำชุดฝึกทกั ษะแต่ละชดุ จบแล้ว
เพอ่ื ประเมินควำมก้ำวหน้ำของนกั เรยี น
7. ในกำรทำแบบฝึกหดั แบบทดสอบก่อนเรยี น และ แบบทดสอบ
หลังเรียน ขอให้นักเรียนทำดว้ ยควำมต้งั ใจ และมคี วำมซื่อสัตยต์ อ่
ตนเองใหม้ ำกทีส่ ดุ โดยไม่เปิดดูเฉลยกอ่ นทำแบบฝึกหัด และ
แบบทดสอบ
สำระกำรเรยี นรู้
ชุดฝึกทักษะการเปา่ ขลุ่ยเพียงออ เลม่ ท่ี 1 เรอื่ ง ความรเู้ รอ่ื งขลยุ่ ไทย
ชดุ ฝกึ ทกั ษะการเป่าขลุ่ยเพยี งออ เลม่ ท่ี 2 เรอ่ื ง การอ่านโน้ตไทยในขลุ่ยเพียงออ
ชุดฝึกทักษะการเปา่ ขลุ่ยเพยี งออ เลม่ ที่ 3 เรอื่ ง การฝึกเป่าขลุ่ยเพียงออเบ้ืองต้น
ชดุ ฝึกทักษะการเป่าขลุ่ยเพยี งออ เลม่ ท่ี 4 เร่ือง การเป่าขลุ่ยเพียงออ
เพลงกุหลาบเวียงพิงค์
ชุดฝึกทักษะการเปา่ ขลุ่ยเพยี งออ เล่มท่ี 5 เร่อื ง การเปา่ ขลุ่ยเพยี งออเพลงเต้ยโขง
จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้
1. อธบิ ายประวตั ิความเป็นมาของขลุย่ ไทย และชนดิ ของขลยุ่ ไทยได้
2. บอกลักษณะโดยทวั่ ไปของขลยุ่ เพียงออ และลักษณะของขล่ยุ ที่ดไี ด้
3. อธิบายความหมายของเพลงในอตั ราจงั หวะสองชน้ั และช้ันเดียวตามท่กี าหนด
4. การอา่ นโน้ตไทยและอ่านโน้ตเพลงตามท่ีกาหนดได้
5. อธิบายประวตั คิ วามเปน็ มาของเพลงทก่ี าหนดได้
6. ปฏิบัตเิ คร่ืองดนตรี (ขลุ่ยเพยี งออ)เบอ้ื งต้น เดีย่ วและกลุ่มในเพลงทกี่ าหนดได้
7. มีความรัก สามัคคี และมคี วามสนุกสนานเพลิดเพลนิ ในการเรยี น
8. ตระหนักและเห็นคณุ ค่าของศิลปวฒั นธรรมทางดา้ นดนตรี
9. อธิบายหลักการขับรอ้ งเพลงไทยได้อยา่ งถกู ตอ้ ง
10. แยกประเภทของเพลงขบั รอ้ งได้
11. ขบั รอ้ งเพลงตามที่กาหนดได้
12. เห็นคุณคา่ และประโยชนจ์ ากเสียงดนตรีและการขบั ร้องเพลง
ลำดับข้ันกำรเรียน ชดุ ฝึกทกั ษะ
เร่ือง ปฏิบัตขิ ล่ยุ เพียงออ
1. อ่านคาแนะนา
2. ทดสอบก่อนเรยี น
3. กจิ กรรมการเรยี นการสอนและค้นคว้าหาความรู้ในชดุ ฝึก
4. ทากิจกรรมตามข้ันตอนในชุดฝกึ
5. ทดสอบหลงั เรยี น
ผา่ นเกณฑ์ ไม่ผา่ นเกณฑ์
ศึกษาชุดฝกึ ทกั ษะการเป่าขลยุ่ เพยี งออ เลม่ ต่อไป
1. อธบิ ายประวตั คิ วามเปน็ มาของขลยุ่ ไทย และชนดิ ของขลุ่ยไทยได้
2. บอกลกั ษณะโดยทวั่ ไปของขลยุ่ เพียงออ และลกั ษณะของขลุ่ยท่ีดีได้
3. มีความรกั สามคั คี และมีความสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ ในการเรยี น
4. ตระหนกั และเห็นคณุ คา่ ของศิลปวัฒนธรรมทางดา้ นดนตรี
5. เห็นคณุ คา่ และประโยชน์จากเสยี งดนตรแี ละการขับรอ้ งเพลง
บัตรคำส่ัง
1. อา่ นคาแนะนาสาหรับนกั เรยี นใหเ้ ข้าใจกอ่ นลงมือศกึ ษา
ชุดฝกึ ทกั ษะการเป่าขลุ่ยเพยี งออ
2. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน เลม่ ที่ 1 เรอื่ ง ความรูเ้ รอื่ งขล่ยุ ไทย
เพื่อประเมนิ ความรู้เดมิ ของนกั เรยี น
3. ศกึ ษาชดุ ฝึกทกั ษะการเป่าขลุ่ยเพยี งออ เล่มท่ี 1 จากบัตรเนือ้ หาท่ีครูแจกให้
ด้วยความตัง้ ใจ
4. นกั เรียนทาแบบฝกึ หัดจากบตั รคาถาม พร้อมท้ังตรวจคาตอบจากบัตรเฉลย
และบันทึกคะแนนท่ีได้ไว้
5. นักเรยี นรว่ มกันสรุปเน้ือหา หลังจากทาแบบฝึกหัดเสร็จเรยี บรอ้ ยแล้ว เพอื่
สง่ เสริมความแมน่ ยาในการเรียนรู้
6. นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น เล่มท่ี 1 เพ่ือประเมินความก้าวหน้าของ
นกั เรยี น หลงั จากเรียน ชดุ ฝึกทักษะการเปา่ ขลุ่ยเพยี งออ เลม่ ท่ี 1 แล้ว
7. ในการทาแบบฝึกหดั แบบทดสอบกอ่ นเรยี น และแบบทดสอบหลงั เรียน
นกั เรียนจะต้องซอื่ สัตย์ต่อตนเอง โดยไม่เปิดดูคาตอบก่อน
แบบทดสอบก่อนเรยี น เล่มที่ 1 เร่อื ง ควำมรู้เร่ืองขล่ยุ ไทย
ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1
โรงเรยี นเทศบาลศรีเมืองพลประชานุเคราะห์
คาชแ้ี จง แบบทดสอบก่อนเรียน เล่มที่ 1 ใชท้ ดสอบความรู้ของนักเรยี นกอ่ นเรยี น
เรอ่ื ง ควำมร้เู รื่องขลุ่ยไทย จานวน 10 ขอ้
การตอบแบบทดสอบใหน้ ักเรยี นกาเคร่ืองหมาย ลงใน
ช่อง ใตต้ วั อักษร ก , ข , ค และ ง ทเี่ ปน็ คาตอบท่ถี กู
ทส่ี ุดเพียงคาตอบเดียวบนกระดาษคาตอบ ใชเ้ วลาสอบ 10 นาที
1. ขลุ่ยของญีป่ ุ่น มีชอื่ เรียกวา่ อะไร 3. ขลุย่ เกิดข้นึ ตงั้ แตส่ มยั ใด
ก. ฮวยเตก็ ก. สมัยรชั กาลที่ 2
ข. ซากฮุ าชิ ข. สมัยกรงุ ธนบรุ ี
ค. โถ่งเซียว ค. สมยั อยธุ ยา
ง. มุราลี ง. สมัยสโุ ขทยั
2. ในขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ลวดลายบนเลาขลยุ่ ไทย
ก. ลายนา้ ไหล 4. ข้อใด ตา่ งจากพวก
ข. ลายหกขะเมน ก. ขลยุ่ อู้
ค. ลายกนก ข. ขลุ่ยนกกางเขน
ง. ลายดอกจิก ค. ขลุ่ยโฮกป๊ก
ง. ขลุ่ยนกกาเหวา่
5. ขลยุ่ ทนี่ ิยมใช้เปา่ มากทส่ี ดุ คือชนดิ ใด 8. ข้อใด ไม่ใช่ ส่งิ ประกอบท่ีควร
ก. ขลุ่ยนก พิจารณาในการเลอื กขลุย่ ท่ีดี
ข. ขลุย่ หลิบ
ค. ขลยุ่ ออรแ์ กน ก. สผี ิวของไม้สวยงาม
ง. ขลุย่ เพยี งออ ข. เสียง
ค. ลม
6. ขล่ยุ ชนดิ ใด ใชเ้ ปา่ เปน็ เพลงไมไ่ ด้ ง. ดาก
ก. ขลุ่ยอู้ 9. ในข้อใด คือ ประโยชนข์ องดนตรี
ข. ขล่ยุ ออรแ์ กน ทางด้านการศึกษา
ค. ขลยุ่ นก ก. ปรบั เปลย่ี นนิสัยก้าวรา้ ว
ง. ขลุ่ยกรวด ข. สรา้ งบรรยากาศในการประกอบ
7. คุณภาพของขลุย่ ทด่ี ี ทามาจากไม้ชนดิ พิธกี รรมตา่ งๆ
ใด ค. กระตุ้นทารกในครรภ์
ง. เสรมิ สรา้ งจนิ ตนาการ
ก. ไม้ไผ่ 10. ดนตรี ใชป้ ระกอบกฬี า ชนดิ ใด
ข. ไม้มะเกลอื ก. ยมิ นาสตกิ
ค. ไมป้ ระดู่ ข. ฟุตบอล
ง. ไม้ชงิ ชนั ค. เซปักตะกร้อ
ง. ว่ายนา้
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น เลม่ ที่ 1
เร่ือง ควำมร้เู รอ่ื งขล่ยุ ไทย
1) ข
2) ค
3) ง
4) ก
5) ง
6) ค
7) ก
8) ก
9) ง
10)ก
กระดำษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรยี น เล่มท่ี 1
วชิ ำ ดนตรี (เพม่ิ เตมิ ) เรอ่ื ง ควำมรเู้ รอื่ งขลุ่ยไทย
ช้นั มัธยมศกึ ษำปที ี่ 1
ชอ่ื ..........................................นามสกุล.............................ช้ัน...................เลขท่ี.........
ขอ้ ท่ี// คะแนนทไี่ ด้
กข ค ง
ตวั เลอื ก
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ภาพที่ 1 ภาพขลุ่ย ทมี่ า:http://www.trsc.ac.th/web_load_st/school/k01.html
ขลุย่ เปน็ เครือ่ งดนตรีด้งั เดิมของไทยชนิดหนง่ึ แตจ่ ะเป็นเคร่อื งดนตรที คี่ นไทย
คดิ ประดิษฐข์ ึน้ ใชเ้ อง หรอื ได้รับอิทธิพลจากชาตอิ น่ื ไม่มหี ลักฐานปรากฏแนช่ ัด เพราะ
ชาตอิ ืน่ กม็ เี ครอื่ งเปา่ ซงึ่ มลี กั ษณะคลา้ ยกับขลุ่ยของคนไทยเหมือนกนั เชน่ ขล่ยุ ของ
ญ่ปี ่นุ เรยี ก ซำกฮุ ำชิ ซึง่ ใช้เป่าเหมือนกบั ขลยุ่ ไทย ขลุ่ยของอนิ เดีย เรียก มรุ ำลี สว่ นของ
จีนกม็ กี ็มขี ลุ่ยเชน่ เดียวกนั แตใ่ ชเ้ ป่าดา้ นข้างเรียกวา่ ฮวยเต็ก ถา้ เปน็ แบบทใ่ี ชเ้ ปา่ ตรง
แบบขลยุ่ ไทยจะเรียกวา่ โถ่งเซยี ว แตจ่ ะตา่ งกันตรงทขี่ ลยุ่ ของจีนไมม่ ดี าก การเปา่
ตอ้ งใชก้ ารผวิ ลมจึงจะเกดิ เสียง
ปัจจุบันขลุย่ เปน็ เครอื่ งดนตรีทีม่ บี ทบาทสาคญั วงดนตรหี ลายประเภทจึงขาดขล่ยุ
ไมไ่ ดเ้ ลยทเี ดียว เชน่ วงมโหรี วงเคร่ืองสาย ชนดิ ตา่ งๆ วงปพ่ี าทย์ไม้นวม วงปี่พาทย์
ดึกดาบรรพ์ เป็นต้น
เอกลกั ษณ์ท่สี าคญั ของขล่ยุ ไทย คือการทาลายบนเลาขลุ่ยใหเ้ ปน็ ลวดลายต่างๆ
ซึง่ การทาลายนนั้ อาจมาจากใช้ความรอ้ นจากตะกั่วท่ีหลอมละลาย หรือการลนไฟ
เปน็ ต้น เพอ่ื ใหข้ ลยุ่ มคี วามสวยงามมากยง่ิ ขน้ึ เช่น ลายนา้ ไหล ลายหกขะเมน ลายหิน
ลายกระจับ ลายผา้ ปมู ลายดอกจกิ เปน็ ตน้ แตถ่ า้ ผวิ ของไม้ไผ่ท่นี ามาทาขลยุ่ สวยอยู่แลว้
อาจไม่ตอ้ งทาลวดลายกไ็ ด้
ขลุ่ยสมัยตำ่ งๆ
ถงึ แมเ้ ราจะไมส่ ามารถสืบคน้ ไดว้ า่ ขลยุ่ กาเนดิ ตงั้ แตส่ มยั ใด แต่จากเอกสาร
ทางประวตั ศิ าสตร์ของไทยทเี่ ริ่มกอ่ ตั้งเป็นอาณาจกั รของคนไทย โดยเร่ิมตงั้ แต่สมยั
สโุ ขทัย ซ่งึ ถือวา่ เป็นอาณาจักรแรกของคนไทยในดินแดนไทยปจั จบุ ัน สมัยสโุ ขทยั มี
การประดิษฐ์อักษรไทยขนึ้ ใช้ ฉะน้ันจงึ ขอเร่มิ ศกึ ษาขล่ยุ ในฐานะท่ีเปน็ เครอ่ื งดนตรี
ไทยชนิดหน่งึ ต้ังแตส่ มยั สโุ ขทัยเปน็ ต้นมา
พอ่ ขุนบางกลางหาว เจา้ เมืองบางยาง กบั พอ่ ขุนผาเมอื ง เจา้ เมืองราด ได้
รวมตัวกันกาจดั อานาจของเขมรที่มอี ทิ ธิพลอยูใ่ นบรเิ วณอาณาจกั รละโว้ อาณาจกั ร
ลา้ นนา พ่อขุนบางกลางหาวและพอ่ ขุนผาเมือง สามารถขจดั อทิ ธิพลของเขมรได้
สาเร็จ และได้สถาปนากรงุ สุโขทยั เป็นราชธานี โดยมีพ่อขุนบางกลางหาวเปน็
กษตั รยิ ์ ทรงพระนามว่า "พ่อขุนศรีอินทราทติ ย"์
ช่วงเวลาที่กรุงสโุ ขทัยเจรญิ รุ่งเรอื งทส่ี ดุ คอื สมยั พ่อขุนรามคาแหง
มหาราช โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในปี พ.ศ. 1827 พ่อขุนรามคาแหงมหาราชได้ประดิษฐ์
อกั ษรไทยขึ้น โดยจารกึ ไวท้ ศี่ ลิ าจารกึ ศิลาจารกึ จึงเปน็ เอกสารสาคญั ถือวา่ เป็น
เอกสารขนั้ ต้นทท่ี าให้เราทราบเร่อื งราวต่างๆในสมัยสุโขทยั
ศิลาจารกึ หลักท่ี 1 ศลิ าจารกึ หลกั ที่ 8 ศิลาจารึกวดั พระยนื และหนงั สือ
ไตรภูมิพระร่วง ได้มกี ารกล่าวถงึ เสยี งพาทย์ เสยี งพณิ แตรสงั ข์ ฆอ้ ง กลอง ปี่ ซอ ฉงิ่
ปะปนอยู่ทัว่ ไป แตไ่ ม่ปรากฏวา่ มชี ือ่ ของ "ขลุ่ย" อยเู่ ลย
กรงุ ศรีอยุธยาเป็นราชธานขี องไทยอยูน่ านถงึ 417 ปี เป็นราชอาณาจกั ร
ท่ยี ิ่งใหญ่ในดินแดนสวุ รรณภูมิ มคี วามเจริญรุง่ เรืองสูงสุดในกิจการทกุ ดา้ น ไม่วา่ จะ
เปน็ ด้านการเมอื ง การปกครอง การเศรษฐกจิ สังคม และศลิ ปวฒั นธรรม ทางดา้ น
วฒั นธรรมไทย โดยเฉพาะทางดา้ นดนตรีในสมัยอยุธยาน้มี เี ครอ่ื งดนตรีหลากหลาย
ชนิดเพิ่มข้ึนมากกว่าเดิม จนสามารถประสมเป็นวงมโหรี ป่ีพาทย์ และเคร่ืองสาย ใน
สมยั สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. 1991-2031) ไดม้ กี ารเลน่ ดนตรีไทยกันอย่าง
แพร่หลาย และไดป้ รากฏชือ่ ของขลุ่ยซง่ึ เป็นเครอ่ื งดนตรีชนดิ หนึง่ ที่นิยมเล่นกันใน
สมยั นน้ั ผ้คู นไดน้ ิยมเล่นกนั อยา่ งแพรห่ ลายจนเกิดความเพลิดเพลินจนเกนิ ขอบเขต
ไดล้ ว่ งลา้ เขา้ ไปใกลเ้ ขตพระราชฐาน จนกระทัง่ สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถออกกฏ
มณเฑยี รบาล
ภาพที่ 2 ภาพสมยั กรุงศรอี ยุธยา ท่มี า :http://www.nightingaletour.com/article
กฏมณเฑียรบาล ตอนท่ี 15 วา่
"แต่ละประตแู สดงราม คอื สระแก้ว ไอยการหม่นื โทราวิท คอื ผ้ชู ายหญิงเจรจา
ด้วยกนั ก็ด.ี .. และรอ้ งเรื่อง เป่าขลยุ่ เปา่ ป่ี ตีทบั ขบั รา โหร่ ้องนนี่ ัน่ ... ถา้ จบั ไดโ้ ทษสาม
ประการ ประการหน่งึ ใหส้ ง่ มหาดไทย ประการหนึ่งให้ส่งองครกั ษ์ ประการหนึง่ ให้สง่
ลงหญ้าชา้ ง"
ภาพท่ี 3 ภาพสมัยกรงุ ศรอี ยุธยา ทมี่ า: http://commons.wikimedia.org/wiki/File:Queen_Suriyothai_elephant_combat.jpg
กฏมณเฑยี รบาล ตอนท่ี 20 ว่า
"อน่งึ ในท่อนา้ ในสระแก้ว ผใู้ ดขเ่ี รอื คฤ เรอื ปทนุ เรือกบู และเรือมศี าสตราวธุ
และใสห่ มวกคลมุ หัวนอนมา ชายหญิงนัง่ มาดว้ ยกนั อนึง่ ชเลาะตดี า่ กัน รอ้ งเพลงเรือ
เปา่ ป่ี เปา่ ขลยุ่ สีซอ ดีดจะเข้ กระจบั ป่ี ตีโทนทบั โห่รอ้ งน่นี ัน่ ท้งั น้อี ัยการขุนสนม
ห้าม ถ้ามไิ ดป้ ราบเกาะกมุ เอามาถึงศาลาให้แกเ่ จา้ ท่า แลให้นานาประเทศไปมาในทา้ ย
สนมได้ โทษเจา้ พนกั งานถึงตาย"
ภาพที่ 4 ภาพเพลงเรอื ท่มี า :http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/374/
ในขณะเดียวกนั ขลุ่ยกม็ ีบทบาทสาคญั ในงานพระราชพธิ ีของราชสานกั จาก
กฏมณเฑยี รบาลข้อที่ 16 ได้กาหนดวา่ "ชาวดนตรคี อยฟงั สุรเสยี ง...ครน้ั เสร็จ...ขลยุ่ นา
เพลง..." แสดงให้เหน็ ว่า ในสมยั กรุงศรอี ยธุ ยาขลุ่ยจะเป็นเคร่อื งดนตรีท่ีทาหนา้ ที่
ในการเปา่ นาขน้ึ เพลง ในเวลาทีพ่ ระเจา้ แผน่ ดนิ เสดจ็ ประทับในงานพระราชพธิ ี และ
ในเพลงยาวไหวค้ รูมโหรที ีแ่ ต่งขน้ึ เมือ่ ราวพุทธศตวรรษที่ 24 เรียบเรยี งไว้ มีความวา่
ขอพรเดชเดชาภูวนารถ พระบาทปกเกลา้ เกศี
ข้าผู้จาเรยี งเร่อื งมโหรี ขอกรับกระจบั ปร่ี ามะนา
โทนขล่ยุ ฉง่ิ ฉาบระนาดฆ้อง ประลองเพลงขับกลอ่ มพร้อมหน้า
ขอเจรญิ ศรีสุขสวสั ดท์ิ ุกเวลา ใหป้ รีชาชาญเชย่ื วในเชิงพณิ ฯ
ภาพท่ี 5 ภาพสมยั พระเจา้ กรงุ ธนบุรี ท่ีมา: http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E2758514/E2758514.html
เมอื่ สมเด็จพระเจา้ กรงุ ธนบรุ ที รงมีภารกิจมาก ตอ้ งฟื้นฟบู า้ นเมอื ง สร้างกาลัง
ขวญั และกาลงั ใจให้แกร่ าษฎร และโดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในการสร้างบา้ นเมือง การปอ้ งกัน
ประเทศ และการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ ผลงานทางด้านศิลปกรรม วรรณกรรม และ
การดนตรี บรรดาชา่ งฝมี อื และชา่ งศลิ ป์ถกู พม่ากวาดต้อนไปเป็นเชลยเป็นจานวนมาก
จึงทาใหผ้ ลงานดา้ นการทานุบารงุ ศิลปวฒั นธรรมและการดนตรไี มเ่ ดน่ ชดั ทกุ อย่าง
ยังคงเลยี นแบบเหมือนกรงุ ศรอี ยุธยา
ในช่วงแรกยงั คงรูปแบบอยุธยาตอนปลาย ตอ่ มาศลิ ปะนาฏศลิ ปไ์ ดร้ บั การ
ปรบั ปรงุ แก้ไขหลายประการดว้ ยกนั โดยเฉพาะในสมยั รัชกาลท่ี 2 พระบาทสมเดจ็
พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลยั นอกจากน้ียังไดม้ กี ารประดิษฐเ์ ครอื่ งดนตรีใหม่ๆ เพ่ิมข้ึน
หลายชนดิ อาทิ ฆอ้ งวงเลก็ ระนาดเอกเหลก็ ระนาดท้มุ เหลก็ ผลจากการทานุบารงุ และ
สง่ เสริมศลิ ปการดนตรีและนาฏศิลปก์ นั อย่างจรงิ จัง ทัง้ ฝ่ายราชสานกั และกลมุ่ ศิลปิน
พืน้ บา้ น ในสมยั นี้จึงทาให้ขลุ่ยมีบทบาทเด่นชัดขนึ้ กว่าเดมิ ต่อมาไดม้ ีปรบั ขนาดของขล่ยุ
"เพยี งออ" ในระดบั เสยี งลดหลน่ั ต่างกนั ไป เพ่อื ใหเ้ หมาะสมในการบรรเลงประสมวงที่
ปรบั ปรุงเป็นวงประเภทตา่ งๆ เช่น ขลุ่ยหลบิ ขลุ่ยเพยี งออ ใช้ในวงเครอ่ื งสายป่ีชวา
วงมโหรี และวงเครอ่ื งสาย เคร่ืองคู่ ขลุ่ยอใู้ ชใ้ นวงเครอ่ื งสายวงใหญ่ วงป่พี าทย์
ดกึ ดาบรรพ์ เปน็ ตน้
ภาพที่ 6 ภาพอารยธรรมอนิ เดีย ที่มา: http://manassanant.com/tours/india/
ได้มีการรับอารยธรรมและวฒั นธรรมของต่างชาติอยา่ งแพรห่ ลาย ศิลปการ
ดนตรแี ละนาฏศลิ ปก์ ไ็ มส่ ามารถหลกี พน้ การถา่ ยเทวัฒนธรรมจากต่างชาตไิ ด้ ได้มกี าร
นาเอาเคร่อื งดนตรจี ากตา่ งประเทศหลายชนิด เขา้ มาร่วมบรรเลงในวงดนตรีไทย
ประเภทเครื่องสาย เช่น ออร์แกน แอคคอรเ์ ดยี น เปยี โน ไวโอลนิ ขมิ ทีเ่ รียกวา่ "วง
เคร่ืองสายผสม..." และกลายเปน็ ท่นี ยิ มของดนตรีไทยกลุ่มเครอ่ื งสายอย่างกวา้ งขวาง
ระดบั เสยี งของดนตรไี ทยค่อยๆเปล่ยี นปรบั เขา้ ไปหามาตราเสยี งดนตรสี ากล ซ่ึงมี
ระดับเสียงสูงต่างไปจากระบบเสียงไทย เป็นผลใหข้ ล่ยุ ทีจ่ ะนาไปบรรเลงผสมกบั
วงเครอ่ื งสายประเภทนี้ จาเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขให้มีเสียงเทา่ กันดว้ ย จากการทขี่ ลุ่ย
ไดม้ ีการปรับเสยี งใหเ้ ข้ามาตรฐานของเคร่ืองดนตรชี นิดอ่ืน ทาใหข้ ลยุ่ เป็นเครื่องดนตรี
ที่เปน็ ทน่ี ิยม จนกระทงั่ มกี ารจดั "คอนเสริ ์ตลมข้ามทิศ" เป็นการแสดงดนตรขี ลยุ่
โดยเฉพาะ
ภาพท่ี 7 ภาพวงเครอ่ื งสายผสมเปยี โน ท่ีมา: https://www.youtube.com/watch?v=N5pIqo5hpvs
บตั รคำถำม
เร่ือง ประวตั ิควำมเป็นมำของขลยุ่ ไทย
คำชี้แจง ให้นักเรียนทาเคร่อื งหมาย X หนา้ ขอ้ ความที่ถกู และทาเครื่องหมาย O
หน้าขอ้ ความทผ่ี ดิ ( 10 คะแนน)
.......... 1. ขลุ่ยของญีป่ ุ่น มชี ื่อเรียกวา่ “ ซาโยนะระ “
.......... 2. ขลุ่ยของอินเดยี มชี ือ่ เรยี กว่า “ มุราลี “
.......... 3. ขลยุ่ ของจีน ทีใ่ ชเ้ ปา่ ดา้ นข้าง มชี อื่ เรยี กว่า “ ฮวยเต็ก “
.......... 4. ขลุย่ ของจนี ท่ีใชเ้ ปา่ ตรงแบบขลุ่ยไทย มชี อื่ เรียกว่า “ โถง่ เตก็ “
.......... 5. เอกลกั ษณข์ องขลุย่ ไทย คอื การทาลายบนเลาขลยุ่ ให้เปน็ ลวดลายต่างๆ
.......... 6. เครอ่ื งดนตรีขลยุ่ เกดิ ขน้ึ ต้ังแตก่ ่อนสมยั สโุ ขทัย
.......... 7. ศิลาจารึกหลกั ท่ี 1 มชี ่ือของ “ขลุย่ “ ปรากฏอยู่เปน็ หลกั ฐานชดั เจน
.......... 8. กฎมณเฑียรบาล ตอนที่ 15 มีบทลงโทษเรอ่ื งการเปา่ ขลยุ่ เปา่ ปี่ ตที ับขบั รา
.......... 9. มีการรอ้ งเพลงเรือ เป่าปี่ เปา่ ขล่ยุ สซี อ ดีดจะเข้ นยิ มกันอยา่ งแพร่หลายใน
กฎมณเฑียรบาล ตอนท่ี 20
.......... 10. ขลยุ่ หลิบ ขลุ่ยเพียงออ ใช้ในวงเครอ่ื งสายป่ีชวา วงมโหรี และวงเครอื่ งสาย
เครอื่ งคู่
บตั รเฉลย
เร่อื ง ประวตั ิควำมเป็นมำของขลยุ่ ไทย
คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นทาเครือ่ งหมาย X หน้าข้อความท่ถี กู และทาเครอ่ื งหมาย O
หน้าขอ้ ความทผี่ ดิ ( 10 คะแนน)
..... O..... 1. ขลยุ่ ของญปี่ นุ่ มชี ่อื เรยี กว่า “ ซาโยนะระ “
..... X..... 2. ขลุ่ยของอินเดยี มีชื่อเรยี กว่า “ มุราลี “
..... X..... 3. ขลุย่ ของจนี ทใ่ี ชเ้ ปา่ ดา้ นขา้ ง มีชื่อเรยี กวา่ “ ฮวยเตก็ “
..... O..... 4. ขลยุ่ ของจนี ทใี่ ช้เป่าตรงแบบขลยุ่ ไทย มชี ่ือเรยี กว่า “ โถง่ เต็ก “
.... X..... 5. เอกลักษณข์ องขลุย่ ไทย คอื การทาลายบนเลาขลุ่ยใหเ้ ปน็ ลวดลายต่างๆ
.... O...... 6. เครอ่ื งดนตรขี ลยุ่ เกิดข้ึนตงั้ แตก่ ่อนสมัยสโุ ขทัย
.... O..... 7. ศลิ าจารกึ หลกั ที่ 1 มีช่ือของ “ขลยุ่ “ ปรากฏอยูเ่ ปน็ หลกั ฐานชดั เจน
.... X.... 8. กฎมณเฑียรบาล ตอนท่ี 15 มบี ทลงโทษเรอ่ื งการเปา่ ขลยุ่ เป่าป่ี ตที ับขบั รา
.... O.... 9. มกี ารรอ้ งเพลงเรอื เป่าปี่ เปา่ ขล่ยุ สซี อ ดีดจะเข้ นยิ มกนั อยา่ งแพรห่ ลายใน
กฎมณเฑยี รบาล ตอนท่ี 20
.... X...... 10. ขลยุ่ หลิบ ขลยุ่ เพยี งออ ใช้ในวงเครอื่ งสายปีช่ วา วงมโหรี และวง
เคร่อื งสาย เครอื่ งคู่
บัตรเนอื้ หำท่ี 2
ชนิดของขลยุ่ ไทย
ภาพที่ 8 ภาพขลุย่ ท่มี า:http://www.trsc.ac.th/web_load_st/school/k01.html
โดยทั่วไปขลยุ่ ไทยสำมำรถจำแนกเป็นประเภทตำ่ งๆ ไดด้ งั นี้
1.ขล่ยุ หลบิ หรอื ขล่ยุ หลกี เป็นขล่ยุ ทีม่ ีขนาดเลก็ ทสี่ ดุ ในบรรดาขลุ่ยไทย
มคี วามยาวประมาณ 25 เซ็นตเิ มตร มเี สยี งสูงกว่าขลยุ่ เพียงออเปน็ คสู่ ่ี คือปิด
หมดทกุ นว้ิ เปา่ เป็นเสยี งฟา นยิ มใช้เปา่ ในวงมโหรีเคร่อื งคู่ เคร่ืองใหญ่ และ
วงเครอื่ งสายคู่ โดยเปน็ เครอ่ื งนาในวงเชน่ เดียวกบั ระนาด หรือซอดว้ ง
นอกจากนยี้ ังใชใ้ นวงเครอ่ื งสายป่ชี วา โดยบรรเลงเป็นพวกหลงั เช่นเดยี วกบั
ซออู้
ภาพที่ 9 ภาพขลยุ่ หลบี
ท่มี า:http://m.flashmini.com/profile/write.php?id=2331&fb=100001251513874&sub
ภาพที่ 10 ภาพขลุย่ เพยี งออ
ทม่ี า:http://m.flashmini.com/profile/write.php?id=2331&fb=100001251513874&sub
2.ขล่ยุ เพยี งออ เป็นขลุ่ยทน่ี ิยมใชเ้ ปา่ มากทส่ี ุด มีความยาวประมาณ 45 เซนตเิ มตร
กว้างประมาณ 2.5 เซนตเิ มตร มรี ะดับเสยี งอยใู่ นช่วงปานกลาง เม่อื ปดิ หมดทกุ รจู ะเปา่
เป็นเสยี ง โด คนท่ัวไปนิยมเปา่ เล่น ใช้ในวงมโหรหี รอื วงเครอ่ื งสายท่วั ๆไป โดยเป็น
เครอ่ื งตามหรอื อาจใชใ้ นวงเครอื่ งสายป่ชี วากไ็ ด้
ภาพท่ี 11 ภาพขลยุ่ อู้
ที่มา:http://m.flashmini.com/profile/write.php?id=2331&fb=100001251513874&sub
3. ขลุ่ยอู้ เป็นขลยุ่ ทมี่ ขี นาดใหญม่ คี วามยาวประมาณ 60 เซนติเมตร กวา้ งประมาณ 4
เซนตเิ มตร เสียงต่ากวา่ ขลุย่ เพียงออสามเสียง คอื ปิดหมดทกุ รเู ป็นเสยี งซอล นิยมใชใ้ น
เครื่องปีพ่ าทยด์ กึ ดาบรรพ์ ซึ่งเป็นดนตรีท่มี รี ะดับเสยี งตา่ แตใ่ นปัจจบุ นั ไมค่ ่อยได้ใช้
เนื่องจากหาคนทีม่ คี วามชานาญในการเปา่ ไดย้ าก
ภาพที่ 12 ภาพขล่ยุ กรวด
ที่มา:http://m.flashmini.com/profile/write.php?id=2331&fb=100001251513874&sub
4.ขลุย่ เคยี งออ หรือ ขล่ยุ กรวด เปน็ ขล่ยุ ที่มขี นาดใหญ่กวา่ ขลยุ่ หลิบ แต่เลก็ กวา่ ขลยุ่
เพยี งออ มคี วามยาวประมาณ 40 เซนตเิ มตร กว้างประมาณ 2.2 เซนตเิ มตร ระดับเสียง
สูงกวา่ ขล่ยุ เพยี งออหน่ึงเสียง แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยนยิ มมากนัก
5.ขลุ่ยรองออ เปน็ ขลุ่ยทม่ี ีขนาดใหญก่ ว่าขลุ่ยเพียงออและมรี ะดับเสียงตา่ กวา่ หนง่ึ เสยี ง
อาจจะใชใ้ นวงมโหรีแทนขลุ่ยเพยี งออในกรณีท่ีตอ้ งการเสยี งตา่
6.ขลยุ่ ออร์แกน เกดิ ขึ้นเน่อื งจากในระยะหลังวงเคร่อื งสายไดน้ าเอาเครื่องดนตรี
ตะวนั ตกเขา้ มารว่ มเลน่ ด้วย ซง่ึ เรยี กวา่ วงเครอื่ งสายผสม เช่น เล่นผสมกับเปยี โนหรอื
ออรแ์ กน เปน็ ต้น
ภาพท่ี 13 ภาพขลุ่ยออร์แกน
ท่ีมา: http://th.aliexpress.com/w/wholesale-metal-harmonica.html
ภาพที่ 14 ภาพขล่ยุ นก
ทีม่ า:http://m.flashmini.com/profile/write.php?id=2331&fb=100001251513874&sub
7.ขลยุ่ นก ขล่ยุ ชนดิ นี้ใชเ้ ป่าเป็นเพลงไมไ่ ด้ เพราะมีเสยี งไมค่ รบเสยี งดนตรี จึงใชเ้ ปา่
เปน็ เสียงนกประกอบเพลงทม่ี เี สียงนก เช่น เพลงตบั นก แมศ่ รีทรงเครอื่ ง เปน็ ตน้ ขลุ่ย
นกมี 3 ชนดิ ได้แก่
7.1 ขลุย่ นกกางเขน ไมม่ รี ูนบั เสียงรูปร่างลักษณะเปน้ กระบอกไมร้ วก ยาว
ประมาณ 10 เซนตเิ มตร กว้างประมาณ 3 เซนตเิ มตร และมหี ลอดไม้ซางกลมๆ ขนาด
พอๆ กบั หลอดกาแฟ เปน็ ท่เี ปา่ เสียบตดิ ทะลุด้านข้างด้านหนึง่ ของกระบอกเสียง เวลา
เป่าต้องใสน่ า้ ลงในกระบอกให้ปลายหลอดสว่ นล่างอยู่ในนา้ จงึ จะเกดิ เสยี ง
7.2 ขลุ่ยนกโพระดก หรือ ขลุย่ โฮกปก๊ ไมม่ รี นู ับเสยี งเชน่ เดียวกบั ขลยุ่ นก
กางเขนรูปรา่ งลกั ษณะเปน็ กระบอกไม้รวก ยาวประมาณ 18 เซนตเิ มตร กวา้ งประมาณ
5 เซนติเมตร เวลาเป่าตอ้ งใชฝ้ ่ามอื อกี ขา้ งหนึ่งอดุ ปลายสว่ นลา่ งไว้จงึ จะเปา่ เปน็ เสียง
"โฮกปก๊ "
7.3 ขลยุ่ นกกาเหวา่ มลี ักษณะเหมือนกบั ขล่ยุ เพยี งออทุกประการ ถ้านามาตัดเป็น
2 ทอ่ นให้เหลอื รูนบั ไว้ 4 รบู น กจ็ ะไดข้ ล่ยุ นกกาเหวา่ เวลาเป่าจะเป็นเสียง "กาเหว่า"
ขนั้ แรกเอาน้วิ มือปดิ รนู บั ทั้ง 4 รู และปิดน้วิ หวั แมม่ อื ทอ่ี ยดู่ า้ นลา่ ง แล้วเปา่ จะไดเ้ สยี ง
"กา" และหากเปิดนว้ิ ชบ้ี น นิว้ กลางบน นวิ้ นางบน และนิ้วหัวแมม่ อื ด้านล่าง พรอ้ มกับ
เป่ากจ็ ะไดเ้ สยี ง "เหว่า" เป็น "กาเหวา่ "
บตั รคำถำม
เรอื่ ง ชนิดของขลุย่ ไทย
ก. ขลุ่ยหลิบ ข. ขลยุ่ หลีก ค.ขล่ยุ เพยี งออ
ง. ขลุ่ยอู้ จ. ขล่ยุ เคยี งออ ฉ. ขล่ยุ กรวด
ช. ขลยุ่ รองออ ซ. ขลยุ่ ออร์แกน ฌ. ขลุ่ยนก ญ. ขลยุ่ นกกาเหวา่
คำชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นนาขอ้ ความขา้ งบน มาเขยี นลงหน้าข้อทีถ่ กู ต้อง ( 10 คะแนน)
…..…. 1. ขลุย่ ท่ีเปา่ แลว้ เกดิ เสยี งเป็น กาเหว่า
........... 2. ขลยุ่ ทมี่ ีขนาดใหญ่กวา่ ขลุ่ยหลิบแตเ่ ล็กกวา่ ขลุ่ยเพยี งออ
.......... 3. มีลกั ษณะเดียวกนั กบั ขลยุ่ เคียงออ
.......... 4. ขลยุ่ ทีม่ ีขนาดเลก็ ท่ีสดุ ในบรรดาขลุ่ยไทย
.......... 5. ขลยุ่ ทีน่ ยิ มใช้เปา่ มากท่สี ดุ
.......... 6. ขลยุ่ ท่มี ลี กั ษณะเดียวกันกบั ขลุ่ยหลบิ
.......... 7. เป็นขลุย่ ท่ีมขี นาดใหญก่ ว่าขลยุ่ เพียงออและมรี ะดบั เสยี งต่ากวา่ หน่งึ เสียง
.......... 8. ขลยุ่ ทีน่ ยิ มใช้ในวงป่ีพาทยด์ ึกดาบรรพ์
.......... 9. เกดิ ข้นึ เน่อื งจากวงเครื่องสายนาเอาเครอ่ื งดนตรตี ะวนั ตกเข้ามารว่ มเล่น
.......... 10. ขลยุ่ ชนดิ น้ี ใชเ้ ปา่ เป็นเพลงไมไ่ ด้
บตั รเฉลย
เร่อื ง ชนิดของขลยุ่ ไทย
ก. ขลุย่ หลิบ ข. ขลุ่ยหลกี ค.ขลุ่ยเพียงออ
ง. ขลยุ่ อู้ จ. ขลุ่ยเคียงออ ฉ. ขลุ่ยกรวด
ช. ขล่ยุ รองออ ซ. ขลยุ่ ออรแ์ กน ฌ. ขลุ่ยนก ญ. ขลยุ่ นกกาเหว่า
คำชแี้ จง ให้นักเรียนนาข้อความขา้ งบน มาเขียนลงหนา้ ข้อทถี่ กู ตอ้ ง ( 10 คะแนน)
…..ญ…. 1. ขล่ยุ ที่เปา่ แลว้ เกดิ เสยี งเป็น กาเหวา่
.....จ...... 2. ขลุ่ยท่มี ีขนาดใหญก่ วา่ ขลยุ่ หลิบแต่เลก็ กวา่ ขลยุ่ เพียงออ
.....ฉ..... 3. มลี กั ษณะเดยี วกันกับขลยุ่ เคยี งออ
......ก.... 4. ขลุ่ยท่มี ขี นาดเลก็ ทส่ี ดุ ในบรรดาขล่ยุ ไทย
......ค.... 5. ขลุย่ ทนี่ ิยมใชเ้ ปา่ มากที่สดุ
......ข.... 6. ขลุ่ยที่มีลกั ษณะเดยี วกันกับขลุ่ยหลิบ
......ช.... 7. เป็นขลุย่ ท่มี ขี นาดใหญก่ ว่าขลยุ่ เพยี งออและมีระดบั เสยี งตา่ กวา่ หนึ่งเสียง
......ง.... 8. ขลยุ่ ท่ีนยิ มใชใ้ นวงปพ่ี าทยด์ กึ ดาบรรพ์
.....ซ..... 9. เกิดข้ึนเน่ืองจากวงเครื่องสายนาเอาเคร่อื งดนตรีตะวันตกเขา้ มาร่วมเลน่
.....ฌ..... 10. ขล่ยุ ชนดิ นี้ ใชเ้ ปา่ เป็นเพลงไมไ่ ด้
บตั รเนอ้ื หำที่ 3
ลกั ษณะโดยท่ัวไปของขลยุ่ เพยี งออ
ขลุ่ยเพียงออ เปน็ เครือ่ งดนตรไี ทย ประเภทเครอ่ื งเป่าชนดิ ไม่มลี น้ิ ทาจาก
ไม้ไผป่ ล้องยาวๆ ด้านหนา้ เจาะรเู รียงกนั สาหรบั ปดิ เปดิ เพ่ือเปลย่ี นเสยี ง ตรงทเ่ี ปา่ ไมม่ ี
ลิ้นแตม่ ดี าก ซง่ึ ทาดว้ ยไมอ้ ดุ เหลาเปน็ ทอ่ นกลมๆยาวประมาณ 2 น้ิว สอดลงไปอดุ ท่ี
ปากของขลยุ่ แล้วบากดา้ นหนง่ึ ของดากเปน็ ชอ่ งสเ่ี หลีย่ มเลก็ ๆ เราเรยี กวา่ ปากนกแกว้
เพ่ือใหล้ มส่วนหนงึ่ ผา่ นเขา้ ออกทาใหเ้ กิดเสียงขลุ่ยลมอีกส่วนจะว่ิงเข้าไป ปลายขลยุ่
ประกอบกบั นิ้วท่ปี ิดเปดิ บงั คบั เสยี งเกิดเป็นเสยี งสูงต่าตามตอ้ งการ ใต้ปากนกแก้วลง
มาเจาะ 1 รู เรียกวา่ รูน้วิ ค้า เวลาเปา่ ต้องใชห้ วั แมม่ ือคา้ ปิดเปิดท่ีรูนี้ บางเลาดา้ นขวา
เจาะเปน็ รูเยอ่ื ปลายเลาขลยุ่ มรี ู 4 รู เจาะตรงกนั ขา้ มแตเ่ หล่ือมกันเลก็ น้อย ใช้สาหรบั
ร้อยเชอื กแขวนเกบ็ หรือคลอ้ งมอื จงึ เรยี กว่า รรู ้อยเชอื ก รวมขลุ่ยเลาหน่ึงมี 14 รดู ้วยกนั
ภาพท่ี 15 ภาพขลยุ่
ที่มา:http://www.trsc.ac.th/web_load_st/school/k01.html
บตั รเนือ้ หำที่ 4
ลักษณะของขลยุ่ ทีด่ ี
ภาพท่ี 16 ภาพขลยุ่
ทมี่ า: http://www.trsc.ac.th/web_load_st/school/k08.html
ขลุย่ โดยทวั่ ไป ทาจากไมไ้ ผ่ ซง่ึ เป็นไมไ้ ผ่เฉพาะพันธเ์ุ ทา่ นั้น ปจั จบุ นั นี้
ไมไ้ ผท่ ี่ทาขลุ่ยสว่ นใหญม่ าจากสระบรุ ี และนครราชสีมา นอกจากไม้ไผ่แล้วขลุ่ย
อาจทาจากงาชา้ ง ไม้ชงิ ชนั หรือไมเ้ นือ้ แขง็ อ่ืน ๆ และปจั จุบันมีผนู้ าพลาสติก มาทา
ขลยุ่ กนั บ้างเหมือนกนั
ในเรอ่ื งคณุ ภาพนน้ั ขลยุ่ ที่ทาจากไมไ้ ผจ่ ะดกี วา่ ขลุย่ ท่ีทาจากวตั ถุอน่ื
เนอ่ื งจากไม้ไผ่เป็นรกู ระบอกโดยธรรมชาตมิ ผี ิวทงั้ ดา้ นนอกด้านในทาให้ลมเดิน
สะดวก เม่ือถกู นา้ สามารถขยายตัวได้ สัมพันธก์ ับดากทาใหไ้ ม่แตกง่าย นอกจากน้ี
ผวิ นอกของไมไ้ ผ่สามารถตกแตง่ ลายให้สวยงามได้ เช่น ทาเปน็ ลายผา้ ปูม ลายดอก
ลายหิน ลายเกร็ดเตา่ เปน็ ตน้ อกี ประการหน่งึ ทส่ี าคัญคือ ไมไ้ ผม่ ขี ้อโดยธรรมชาติ
ซึ่งโดยทั่ว ๆ ไป จะเหน็ วา่ ส่วนปลายของขลยุ่ ด้านทีไ่ ม่ใชเ้ ปา่ นั้นมีขอ้ ตดิ อยู่ดว้ ยแตเ่ จาะ
เปน็ รูสาหรับปรับเสยี งของนิ้วสุดทา้ ยให้ได้ระดบั สว่ นของขอ้ ท่เี หลอื จะทาหนา้ ท่ี
อมุ้ ลมและเสียง ให้เสียงขลุ่ยมคี วามกังวานไพเราะมากขนึ้ ซ่งึ ถา้ เปน็ ขลยุ่ ทที่ าจากวสั ดุ
อืน่ โดยการกลงึ ผู้ทาอาจไม่คานงึ ถึงขอ้ นี้อาจทาให้ขลุ่ยดอ้ ยคณุ ภาพไปได้
ดังที่กลา่ วมาแลว้ วา่ ขลุ่ยท่ดี ีควรทามาจากไม้ไผ่ นอกจากนกี้ ค็ วรพจิ ารณาส่งิ อน่ื ๆ
ประกอบไปด้วย
1.เสียง ขล่ยุ ทใ่ี ชไ้ ด้ดีเสยี งตอ้ งไมเ่ พีย้ นต้งั แตเ่ สยี งตา่ สดุ ไปจนถงึ เสยี งสูงสุด คือทุกเสยี ง
ตอ้ งห่างกนั หนึง่ เสยี งตามระบบของเสียงไทย เสยี งคู่แปดจะต้องเทา่ กนั หรือเสียงเลียน
เสียงจะตอ้ งเท่ากัน หรอื นว้ิ ควงจะต้องตรงกัน เสียงแท้เสยี งตอ้ งโปรง่ ใสมีแกว้ เสยี งไม่
แหนพร่าหรือแตก ถ้านาไปเล่นกบั เครื่องดนตรีที่มีเสียงตายตวั เช่น ระนาดหรือฆอ้ งวง
จะตอ้ งเลอื กขลยุ่ ท่ีมีระดบั เสียงเขา้ กบั เคร่ืองดนตรเี หล่านั้น
2.ลม ขลยุ่ ทีด่ ีตอ้ งกนิ ลมน้อยไมห่ นกั แรงเวลาเปา่ ซึง่ สามารถระบายลมไดง้ า่ ย
3.ลกั ษณะของไมท้ ่นี ำมำทำ จะตอ้ งเปน็ ไมท้ แ่ี ก่จดั หรือแหง้ สนิท โดยสังเกตจากเส้ยี น
ของไม้ควรเปน็ เส้ียนละเอยี ดทม่ี ีสนี า้ ตาลแก่คอ่ นขา้ งดา ตาไม้เลก็ ๆเนื้อไม่หนาหรือบาง
จนเกนิ ไป คือตอ้ งเหมาะสมกบั ประเภทของขลยุ่ วา่ เป็นขล่ยุ อะไร ในกรณที ่เี ปน็ ไมไ้ ผ่
ถ้าไมไ้ มแ่ กจ่ ดั หรอื ไมแ่ หง้ สนทิ เม่ือนามาทาเป็นขลยุ่ แล้วต่อไปอาจแตกร้าวไดง้ า่ ย
เสยี งจะเปลีย่ นไป และมอดจะกนิ ได้งา่ ย
4.ดำก ควรทาจากไมส้ ักทอง เพราะไม่มขี ยุ หรือขนแมวขวางทางลม การใสด่ ากต้อง
ไม่ชดิ หรอื ห่างขอบไม้ไผจ่ นเกนิ ไปเพราะถ้าชดิ จะทาใหเ้ สียงทบึ ต้ือ ถ้าใสห่ า่ งจะทาให้
เสียงโวง่ กินลมมาก
5.รูต่ำงๆบนเลำขล่ยุ จะต้องเจาะอยา่ งประณีตขนาดความกวา้ งของรตู ้องเหมาะกบั
ขนาดของไมไ้ ผไ่ ม่กวา้ งเกนิ ไป
ภาพท่ี 17 ภาพขลยุ่ ท่ีมา: https://luxfluk081.files.wordpress.com/2014/02/52.jpg
ขลยุ่ ในสมยั กอ่ นรตู ่างๆ ทนี่ วิ้ ปดิ จะตอ้ งกวา้ นดา้ นในใหเ้ วา้ คอื ผิวดา้ นใน
รจู ะกว้างกว่าผวิ ดา้ นนอก แตป่ จั จบุ ันไมไ่ ดก้ วา้ นภายในรูเหมอื นแต่กอ่ นแลว้ ซง่ึ อาจจะ
เนื่องมาจากคนทาขลยุ่ ตอ้ งผลติ ขลยุ่ คราวละมากๆ ทาใหล้ ะเลยในสว่ นนีไ้ ป
6.ควรเลอื กขลยุ่ ท่ีมขี นำดพอเหมำะกบั นว้ิ ของผเู้ ป่ำ กล่าวคือ ถา้ ผู้เป่ามนี ว้ิ
มือเล็กหรือบอบบางกค็ วรเลือกใช้ขลยุ่ เลาเล็ก ถา้ ผเู้ ป่ามมี อื อวบอ้วน กค็ วรเลือกใช้ขลุย่
ขนาดใหญพ่ อเหมาะ
7.ลกั ษณะประกอบอืน่ ๆ เช่น สีผวิ ของไม้สวยงาม ไม่มีตาหนิขีดขว่ น
เทลายไดส้ วยละเอียด แตส่ งิ่ เหล่านก้ี ็ไมไ่ ด้มผี ลกระทบกับเสียงขลุ่ยแต่อยา่ งใด เพยี ง
พจิ ารณาเพอื่ เลอื กใหไ้ ดข้ ลยุ่ ทีถ่ กู ใจเทา่ นั้น
ภาพที่ 18 ภาพขลุ่ยเพยี งออ
ท่ีมา: http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tonkla1&group=23&month=10-2009&date=08
บตั รคำถำม
เรอ่ื ง ลกั ษณะโดยท่ัวไปของขลยุ่ เพยี งออ และลักษณะของขลยุ่ ท่ีดี
คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นวาดภาพพรอ้ มทัง้ บอกสว่ นประกอบของขลยุ่ เพียงใหถ้ กู ต้องและ
สวยงามทส่ี ดุ ( 10 คะแนน)
บัตรเฉลย
เรอ่ื ง ลกั ษณะโดยท่วั ไปของขลยุ่ เพยี งออ และลักษณะของขลยุ่ ท่ีดี
คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นวาดภาพพรอ้ มทัง้ บอกสว่ นประกอบของขล่ยุ เพียงใหถ้ กู ตอ้ งและ
สวยงามทส่ี ดุ ( 10 คะแนน)
บัตรเน้อื หำที่ 5
ประโยชนจ์ ำก
เสียงดนตรี
ประโยชนข์ องดนตรตี ่อสงั คมมนษุ ย์
ดำ้ นกำรศกึ ษำ
การนาเสยี งขลุย่ มาใชป้ ระกอบในการสอนแบบสรา้ งสรรค์ทางศลิ ปะผลปรากฏ
วา่ เสยี งขลยุ่ สามารถส่งเสรมิ พฒั นาการทางอารมณ์ เสรมิ สร้างความคดิ จนิ ตนาการ
ช่วยกระตนุ้ ให้มกี ารแสดงออกในทางสรา้ งสรรค์ สง่ เสรมิ ใหม้ คี วามสมั พันธร์ ะหว่าง
ประสาทหู กลา้ มเน้ือมือ ใหส้ อดคลอ้ งกับการใชค้ วามคิด ทาใหห้ ายเหน่ือยและ
ผอ่ นคลายความตึงเครียด
ด้ำนกำรแพทย์
ใชเ้ สยี งดนตรกี ระตุ้นทารกในครรภม์ ารดา ผลปรากฏวา่ เด็กมปี ฏิกิรยิ าตอบรับ
กับเสียงเพลง ทง้ั ทางพฤติกรรมและรา่ งกายทดี่ ี เสียงเพลงท่ีนุ่มนวลจะทาให้เดก็ มี
อาการสงบเงียบ ร่างกายเจรญิ เตบิ โตขึ้นและยังชว่ ยใหร้ ะบบหายใจและระบบย่อย
อาหารดีขึ้น การนาเสียงดนตรมี าบาบัดรกั ษาผปู้ ว่ ยปญั ญาอ่อน โดยเฉพาะการใช้
ดนตรีลดหรอื บรรเทาความเจบ็ ปวดหลงั การผ่าตดั ของผปู้ ่วยใน 48 ชว่ั โมงแรก
ผลปรากฏวา่ ชว่ ยใหผ้ ู้ป่วยผ่อนคลายภาวะทางอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
ด้ำนสังคม
เสยี งดนตรปี ลุกเร้าอารมณใ์ ห้เกิดความรกั ความสามคั คใี นหมคู่ ณะ
เช่นเพลงปลกุ ใจ เพลงเชียร์ เป็นต้น การใชเ้ สียงดนตรีเพอื่ สร้างบรรยากาศ
ในการประกอบพิธกี รรมต่างๆ ให้ดูศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ เคร่งขรึม นา่ เช่ือถือ หรอื สอื่ อารมณ์
ความรสู้ ึกท่รี า่ เรงิ สนกุ สนาน ในงานเล้ยี งสังสรรค์ งานฉลองต่างๆ เป็นต้น
ดำ้ นจติ วทิ ยำ
ใช้เสยี งดนตรปี รบั เปล่ยี นนิสัยก้าว ร้าวของมนษุ ย์ รกั ษาโรคสมาธสิ น้ั
โดยเฉพาะเดก็ จะทาใหม้ สี มาธิยาวขึ้น อ่อนโยนข้ึน โดยใชห้ ลักทฤษฎอี ีธอส (Ethos)
ของดนตรี ซ่งึ เชื่อว่าดนตรมี อี านาจในการทจี่ ะเปลยี่ นนสิ ัยของมนษุ ย์ จนกระทัง่ ในบาง
กรณสี ามารถรกั ษาโรคให้หายได้
ด้ำนกีฬำ
ใช้ดนตรีประกอบกิจกรรมกีฬา เชน่ ยิมนาสติกกจิ กรรมเข้าจังหวะ การ
เต้นแอโรบิค เป็นต้น นอกจากนัน้ ยงั มีกิจกรรมตา่ งๆมากมายท่ีใช้ดนตรีเปน็
ส่วนประกอบในการดาเนนิ การทั้งทางตรงและทางออ้ ม อาจกล่าวได้วา่ ดนตรีเปน็
สว่ นประกอบทขี่ าดเสยี มิได้ในกจิ กรรมของสงั คมมนษุ ย์
ภาพท่ี 19 ภาพยมิ นาสตกิ ลลี า
ท่มี า: http://play.kapook.com/photo/showfull-54964-5
ภาพท่ี 20 ภาพแอโรบคิ แดนซ์
ทมี่ า: https://th-th.facebook.com/sam0899565545
บัตรคำถำม
เร่อื ง ประโยชนจ์ ำกเสยี งดนตรี
คำช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นบอกประโยชนข์ องดนตรีตอ่ สงั คมมนุษย์ มา 10 ข้อ
( 10 คะแนน)
1. .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
2. .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
3. .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
4. .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
5. ........................................................................................................................
........................................................................................................................
6. .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
7. .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
8. .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
9. .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
10. ........................................................................................................................
........................................................................................................................
บตั รเฉลย
เรอ่ื ง ประโยชนจ์ ำกเสยี งดนตรี
คำช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นบอกประโยชน์ของดนตรีตอ่ สังคมมนษุ ย์ มา 10 ขอ้
( 10 คะแนน)
1. ช่วยสง่ เสรมิ พัฒนาการทางอารมณ์
2. เสรมิ สร้างความคิด จนิ ตนาการ
3. ช่วยกระตนุ้ ใหม้ กี ารแสดงออกในทางสรา้ งสรรค์
4. ชว่ ยบาบัดรกั ษาผปู้ ว่ ย
5. ช่วยกระต้นุ ทารกในครรภใ์ ห้มพี ัฒนาการทีด่ ี
6. ปลุกเรา้ อารมณใ์ ห้เกดิ ความรกั สามัคคใี นหมคู่ ณะ
7. ช่วยสร้างบรรยากาศในการประกอบพธิ กี รรมตา่ งๆให้ดศู กั ดส์ิ ทิ ธิ์
8. ทาใหง้ านเลีย้ ง หรืองานฉลองต่างๆเกดิ ความสนุกสนานยง่ิ ขน้ึ
9. ทาใหป้ รบั เปลี่ยนนสิ ัยมนุษยอ์ ่อนโยน และมีสมาธิขน้ึ
10. ประกอบกจิ กรรมกฬี า เช่น การเตน้ แอโรบิค
เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น เลม่ ที่ 1
เรือ่ ง ควำมรเู้ รื่องขล่ยุ ไทย
1) ง
2) ก
3) ข
4) ค
5) ก
6) ง
7) ก
8) ง
9) ค
10)ก
แบบทดสอบหลงั เรยี น เล่มที่ 1 เรอ่ื ง ควำมรู้เร่ืองขลุย่ ไทย
ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 1
โรงเรียนเทศบาลศรีเมืองพลประชานุเคราะห์
คาชแ้ี จง แบบทดสอบหลังเรยี น เล่มที่ 1 ใชท้ ดสอบความรู้ของนกั เรียนหลังเรียน
เรอื่ ง ควำมรู้เร่ืองขลุ่ยไทย จานวน 10 ข้อ
การตอบแบบทดสอบใหน้ กั เรียนกาเคร่อื งหมาย ลงใน
ชอ่ ง ใตต้ วั อักษร ก , ข , ค และ ง ทเ่ี ป็นคาตอบท่ีถกู
ท่ีสุดเพยี งคาตอบเดยี วบนกระดาษคาตอบ ใชเ้ วลาสอบ 10 นาที
1. ขลุ่ย เกิดข้ึนตงั้ แต่สมยั ใด 3. ขลยุ่ ของญี่ปนุ่ มีช่อื เรียกว่าอะไร
ก. สมยั รชั กาลท่ี 2 ก. ฮวยเต็ก
ข. สมยั กรุงธนบุรี ข. ซากุฮาชิ
ค. สมยั อยธุ ยา ค. โถง่ เซียว
ง. สมัยสโุ ขทยั ง. มรุ าลี
2. ข้อใด ตา่ งจากพวก
ก. ขลุย่ อู้ 4. ในข้อใด ไม่ใช่ ลวดลายบนเลาขลุ่ยไทย
ข. ขลุย่ นกกางเขน ก. ลายนา้ ไหล
ค. ขลุ่ยโฮกป๊ก ข. ลายหกขะเมน
ง. ขลุ่ยนกกาเหวา่ ค. ลายกนก
ง. ลายดอกจิก
5. ข้อใด ไม่ใช่ สิง่ ประกอบที่ควรพจิ ารณาใน 8. ขล่ยุ ที่นิยมใช้เป่ามากทส่ี ดุ คือชนดิ ใด
การเลือกขลุ่ยท่ดี ี ก. ขลยุ่ นก
ก. สผี วิ ของไม้สวยงาม ข. ขลยุ่ หลบิ
ข. เสยี ง ค. ขลุ่ยออร์แกน
ค. ลม ง. ขลุ่ยเพียงออ
ง. ดาก 9. ขลุ่ยชนดิ ใด ใชเ้ ป่าเป็นเพลงไมไ่ ด้
6. ในขอ้ ใด คอื ประโยชน์ของดนตรีทางดา้ น ก. ขลุย่ อู้
การศึกษา ข. ขลุย่ ออรแ์ กน
ก. ปรับเปล่ียนนิสยั ก้าวร้าว ค. ขล่ยุ นก
ข. สร้างบรรยากาศในการประกอบ ง. ขลุ่ยกรวด
พธิ กี รรมตา่ งๆ 10. คุณภาพของขลยุ่ ท่ีดี ทามาจากไม้
ค. กระตนุ้ ทารกในครรภ์ ชนดิ ใด
ง. เสรมิ สร้างจินตนาการ ก. ไม้ไผ่
7. ดนตรี ใช้ประกอบกฬี า ชนิดใด ข. ไม้มะเกลือ
ก. ยิมนาสตกิ ค. ไม้ประดู่
ข. ฟตุ บอล ง. ไมช้ งิ ชัน
ค. เซปกั ตะกรอ้
ง. วา่ ยนา้
กระดำษคำตอบแบบทดสอบหลังเรียน เล่มที่ 1
วิชำ ดนตรี (เพิ่มเติม) เร่อื ง ควำมรเู้ ร่ืองขลยุ่ ไทย
ชั้นมธั ยมศึกษำปที ่ี 1
ชอ่ื ..........................................นามสกุล.............................ชัน้ ...................เลขท่ี..........
ขอ้ ที่// คะแนนทไี่ ด้
กข ค ง
ตวั เลอื ก
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
บรรณำนุกรม
fluteedu.wikispaces.com . ประวัติควำมเปน็ มำของขลยุ่ ไทย. (ออนไลน์ ), คน้ เมอ่ื 19 ตลุ าคม
พ.ศ. 2563 , จาก https://fluteedu.wikispaces.com
trsc.ac.th . ขลยุ่ สมัยตำ่ ง ๆ . ( ออนไลน์ ) , คน้ เม่ือ 19 มกราคม พ.ศ. 2563, จาก
http://www.trsc.ac.th/web_load_st/school/k01m.html
วิกิพเี ดยี . ชนดิ ของขลุ่ยไทย. (ออนไลน)์ , คน้ เมอื่ 19 มกราคม พ.ศ. 2563, จาก
https://th.wikipedia.org/wiki
เอม็ ราดโิ อ. ลักษณะโดยท่วั ไปของขลุ่ยเพียงออ. (ออนไลน์), ค้นเมอ่ื 19 มกราคม พ.ศ.2563, จาก
http://www.mradio.in.th/mradio/?p=3918
kungsup.blogspot.com . ลกั ษณะของขลุ่ยท่ีดี . (ออนไลน)์ , คน้ เมอ่ื 19 มกราคม พ.ศ. 2563, จาก
http://kungsup.blogspot.com/
เอม็ ราดโิ อ. ประโยชน์ของเสยี งดนตร.ี (ออนไลน)์ , คน้ เมอ่ื 19 มกราคม พ.ศ.2563, จาก
http://www.mradio.in.th/mradio/?p=3918
kungsup.blogspot.com . ประโยชน์ของเสยี งดนตร.ี (ออนไลน)์ , ค้นเมอ่ื 19 มกราคม พ.ศ.2563,
จาก http://kungsup.blogspot.com/