The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิจัยในชั้นเรียน 64

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by K Tha Wa Dee, 2022-09-08 13:31:44

วิจัยในชั้นเรียน 64

วิจัยในชั้นเรียน 64

วิจยั ในชั้นเรยี น
ชอ่ื เร่อื งการแกป้ ัญหาทักษะการอ่านผนั วรรณยกุ ตโ์ ดยใชต้ ารางไตรยางศ์

ของนกั เรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 3

ชอ่ื - สกลุ ทัสดา สุตลาวดี
ตำแหนง่ /วิทยฐานะ ครู
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิชาภาษาไทย

โรงเรียนวดั ธรรมนาวา อำเภอบางปะอิน จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา
สำนกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา เขต 2

วจิ ัยในช้นั เรียน
ชื่อเร่ืองการแกป้ ัญหาทักษะการอ่านผันวรรณยกุ ต์โดยใช้ตารางไตรยางศ์

ไตรยางศแ์ ละการผนั วรรณยุกต์
ของนกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 3

ช่ือ - สกลุ ทสั ดา สตุ ลาวดี
ตำแหนง่ /วทิ ยฐานะ ครู
กล่มุ สาระการเรียนรู้วชิ าภาษาไทย

โรงเรยี นวดั ธรรมนาวา อำเภอบางปะอนิ จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา
สำนกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา เขต 2

คำนำ

งานวจิ ัยในช้นั เรยี นฉบบั นีผ้ ูว้ จิ ยั ได้แรงจูงใจจากการสอนวชิ าภาษาไทย สภาพการเรียนการสอนวชิ า
ภาษาไทย โดยนกั เรยี นบางคนไม่ค่อยสนใจในการเรยี น กจิ กรรมการเรยี นการสอนไมม่ คี วามหลากหลาย ไม่มี
ส่งิ เร้าความสนใจนักเรียน ไม่มสี ือ่ การสอนท่ที ันสมยั และน่าสนใจ ทำใหน้ กั เรียนไมส่ นใจในการเรยี นวชิ า
ภาษาไทย ผ้วู จิ ยั ได้แกป้ ญั หาทกั ษะการอา่ นผนั วรรณยกุ ต์โดยใชต้ ารางไตรยางศ์ของนักเรยี นช้นั ประถมศึกษา
ปที ่ี 3 เพ่อื นำไปแก้ไขปัญหานักเรียนในช้นั เรียน ใหเ้ กิดความสนใจมากยงิ่ ข้นึ และมีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นทดี่ ี
ขนึ้

และผ้วู จิ ยั ยงั หวังวา่ งานวจิ ยั เร่ืองน้ีคงเป็นประโยชนต์ ่อผู้อ่านเพอ่ื เป็นแนวทางในการทำวิจยั ในชน้ั เรยี น
ไดบ้ ้างตามสมควร การดำเนนิ การวิจัยในชน้ั เรยี นในครั้งนี้ ผ้วู จิ ยั ขอขอบพระคณุ ทา่ นผู้อำนวยการโรงเรียนวดั
ธรรมนาวา คณุ ครกู ล่มุ สาระการเรยี นวิชาภาษาไทยที่กรณุ าให้คำแนะนำการทำวิจัยคร้ังนใ้ี ห้สำเรจ็ ลุล่วงดว้ ยดี

นางสาวทัสดา สตุ ลาวดี
ผ้วู จิ ัย

ช่ือเรอ่ื ง : การแกป้ ญั หาทักษะการอา่ นผันวรรณยุกต์โดยใช้ตารางไตรยางศ์ ของนกั เรยี น
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3
ชื่อผู้วจิ ัย : นางสาวทสั ดา สุตลาวดี
โรงเรียน : วดั ธรรมนาวา
ปกี ารศกึ ษา : 2564

บทคัดยอ่

การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาทักษะการอ่านผันวรรณยุกต์โดยใช้ตารางไตรยางศ์
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ เป็นนักเรียนช้ัน
ประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดธรรมนาวา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา
เขต 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่
แบบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน จำนวน 10 ขอ้ สถติ ทิ ีใ่ ช้ในการวจิ ัยคอื สถิตพิ ื้นฐาน คา่ รอ้ ยละ คา่ เฉลี่ย

ผลการวิจัยพบว่า แก้ปัญหาทักษะการอ่านผันวรรณยุกต์โดยใช้ตารางไตรยางศ์ของนักเรียนช้ัน
ประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดธรรมนาวา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา
เขต 2 ใช้แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนพบว่า คะแนนเฉลี่ย (x) หลังเรียนเท่ากับ 8.40 ส่วน
เบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.97 และคะแนนเฉลี่ย (x) ก่อนเรียนเท่ากับ 3.30 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
เทา่ กบั 1.16 ผลการทดสอบคะแนนหลงั เรียนสูงกวา่ คะแนนก่อนเรยี น

สรุปผลการวิจัยได้ดังนี้ ได้รูปแบบการแก้ปัญหาทักษะการอ่านผันวรรณยุกต์โดยใช้ตารางไตรยางศ์
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ขั้นนำเสนอความรู้ ครูนำเสนอบทเรียนต่อนักเรียนทั้งชั้นด้วยการสอน
หน้าชั้นเรียน โดยการนำเพลงและตารางไตรยางศ์มาใช้ ทั้งวิธีการสอนผันวรรณยุกต์ด้วยนิ้วมือ ข้ัน
แลกเปลี่ยนเรียนรู้เน้นการเรียนรู้และทำงานร่วมกันของผู้เรียน การจัดการเรียนในชั้นเรียน ขั้นประเมิน
ความสามารถและความพึงพอใจของผูเ้ รียน

กิตติกรรมประกาศ

การศึกษางานวิจัยในช้ันเรียน เรื่อง การแก้ปัญหาทักษะการอ่านผันวรรณยุกต์โดยใช้ตารางไตรยางศ์
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาภาษาไทย สำหรับนักเรียนโรงเรียนวัดธรรม
นาวา ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 3 ทีไ่ ด้ให้ความอนเุ คราะห์อำนวยความสะดวก และให้ความรว่ มมือเปน็ อย่าง
ดีย่ิงในการทดลองและเกบ็ รวบรวมข้อมูล

ขอขอบคุณท่านผู้อำนวยการโรงเรียนวัดธรรมนาวา คณะครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาภาษาไทย
และผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านที่กรุณาให้ความอนุเคราะห์ให้คำแนะนำ ให้ความรู้ ความคิด ที่มีประโยชน์ และ
อำนวยความสะดวกในการศึกษาวิจัยในครั้งน้ี และขอขอบใจนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียน
โรงเรียนวัดธรรมนาวา ทุกคนให้ความร่วมมืออย่างดีในการวิจัยและเก็บข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้
จนกระทงั่ การศกึ ษาวจิ ัยครั้งนี้เสรจ็ สมบรู ณ์

ทสั ดา สตุ ลาวดี

สารบัญ หนา้

คำนำ ............................................................................................................................. ข
บทคดั ยอ่ ภาษาไทย ........................................................................................................ ค
กิตติกรรมประกาศ ......................................................................................................... ง
สารบัญ...........................................................................................................................
1
บทท่ี 1 บทนำ............................................................................................................ 1
ความเป็นมาและความสำคญั ของปญั หา.......................................................... 2
วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั ................................................................................ 2
ตวั แปรทศ่ี ึกษา ............................................................................................... 2
ขอบเขตการวิจยั ............................................................................................ 2
ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดร้ บั ..............................................................................
3
บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ัยทเี่ กีย่ วขอ้ ง..................................................................... 3
เอกสารและงานท่เี กีย่ วขอ้ ง ............................................................................ 3
ความหมายของการอ่าน ............................................................................... 4
ปญั หาการผันเสยี งวรรณยกุ ต์ .........................................................................
7
บทที่ 3 วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ยั ........................................................................................... 7
ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง.............................................................................. 7
เครอ่ื งมือท่ีใช้ในการวิจยั ................................................................................. 7
ขนั้ ตอนการดำเนินการวจิ ยั .............................................................................. 8
สถติ ทิ ่ใี ช้ในการวจิ ยั ..........................................................................................
9
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมลู .................................................................................... 9
ผลการวิเคราะห์ข้อมลู .....................................................................................
11
บทท่ี 5 สรปุ ผล อภิปรายผลและขอ้ เสนอแนะ......................................................... 11
สรุปผลการวิจัย ............................................................................................... 11
อภปิ รายผล......................................................................................................

สารบัญ (ตอ่ )

ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................. หน้า
บรรณานุกรม....................................................................................................................... 11
ภาคผนวก ........................................................................................................................ 12
แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรียน ............................................................................... 13
แบบบนั ทึกคะแนนกอ่ นเรียนและหลงั เรียน ...................................................................... 14
ประวัตผิ ูว้ ิจัย ..................................................................................................................... 15
16

บทท่ี 1
บทนำ

ความเปน็ มาและความสำคัญของปญั หา

ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ของชาติเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและ
เสริมสรา้ งบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย เป็นเครือ่ งมือในการติดต่อสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจ
และความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน นอกจากภาษาจะใช้เป็นสื่อทางความรู้สึกนึกคิด ภาษายังเครื่องมือในการ
แสวงหาความรใู้ ชเ้ ป็นเคร่ืองมอื ในการดำรงชพี และภาษาไทยเป็นกุญแจดอกสำคญั ท่จี ะเปดิ ประตูไปสู่การเรียน
วิชาอื่น (ก่อ สวัสด์ิพาณิชย์,2542 : 5) ดังนั้นภาษาไทยจึงเป็นเคร่ืองแสดงถึงความเป็นชาติไทย ซึ่งคนไทยทุก
คนต้องชว่ ยกนั ดำรงรักษาไว้ให้มอี ยอู่ ย่างมั่นคงตลอดไป

การเรียนภาษาไทยในปัจจุบัน เรามักจะพบเห็นปัญหาได้บ่อยครั้งในทักษะการอ่านและการเขียน
โดยเฉพาะปัญหาการผันวรรณยุกต์ ซึ่งมีสาเหตุมาจากผู้เรียนออกเสียงวรรณยุกต์ตามรูปวรรณยุกต์ที่ปรากฏ
ซึ่งนับว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดคำในภาษาไทยนั้นอาจจะมีรูปและเสียงวรรณยุกต์ตรงกันหรือไม่ตรงกันก็ได้
ขน้ึ อย่กู บั พยัญชนะตน้ ว่าเปน็ อักษรสงู อักษรกลาง หรอื อักษรต่ำ และเป็นคำเป็นและคำตาย จึงทำใหผ้ ้เู รยี น
มีปญั หาในเรื่องการอ่านและการเขยี น

การจัดกิจกรรมในระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่าการอ่านคำศัพท์ที่มีรูปวรรณยุกต์ นักเรียนจะ
อา่ นออกเสยี งไมถ่ ูกต้อง เมอื่ อา่ นออกเสยี งไม่ถูกต้องกจ็ ะทำใหก้ ารแปลความหมายของคำ ผิด ทำให้ส่งผลต่อ
การเรียนของนักเรียนเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิชาภาษาไทยต่ำ จากการสังเกต
พฤติกรรมการเรียนของนกั เรียนสว่ นใหญพ่ บวา่ นกั เรยี นขาดความสนใจและเบื่อหนา่ ยต่อการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้ในเน้ือหาที่เกี่ยวกับเรื่องการอ่านผันวรรณยุกต์ ภาษาไทยมีพยัญชนะถึง 44 ตัว ระดับพื้นเสียงของ
พยัญชนะแตกต่างกัน ทำให้แยกเป็น 3 กลุ่ม คือ เสียงสงู เสียงกลางและเสียงตำ่ เมื่อนำมาประสมเป็นคำ
ระดบั พ้นื เสยี งทแี่ ตกต่างกันจะทำใหก้ ารใชว้ รรณยุกตต์ ่างกันดว้ ยและคำบางคำพื้นเสยี งของคำกับวรรณยุกต์ไม่
ตรงกัน ทำให้นักเรียนเกิดความสับสน ไม่เข้าใจ จึงเกิดความเบื่อหน่ายในการเรียน เมื่อนักเรียนขาดการ
ฝึกฝน การอ่านคำที่มีรูปวรรณยุกต์กำกับ นักเรียนจึงขาดทักษะทางภาษา เมื่อนำไปใช้เขียนเพื่อส่ือ
ความหมายจงึ ทำใหเ้ กดิ ความผดิ พลาด (กรมวิชาการ 2546 : 146-156)

ดังนั้นผู้วิจัย มีความสนใจในการหาวิธีในแก้ไขปัญหาและการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อให้
นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจในเน้ือหาและหลักเกณฑ์ทางภาษาในเรื่องไตรยางศ์และการผันวรรณยุกต์และ
การใช้รูปวรรณยุกต์ในการสื่อความหมาย โดยใช้เพลงและตารางไตรยางศ์ เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ มีการ
อ่านตารางไตรยางศ์และฟังเพลงไตรยางศ์ เพื่อจดจำเรื่องไตรยางศ์และการผันวรรณยุกต์ ให้มีผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรยี นของนกั เรียนใหส้ งู ขน้ึ เป็นแนวทางในการพฒั นาการเรียนรู้วชิ าภาษาไทยเปน็ ไปอย่างมีคุณภาพ

วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย

การวิจัยคร้ังน้ผี วู้ ิจัยไดก้ ำหนดวัตถปุ ระสงค์ ไวด้ ังนี้
1. เพ่ือเปรียบเทียบทักษะการอา่ นผนั วรรณยุกต์โดยใช้ตารางไตรยางศ์ของนกั เรียนจากคะแนนกอ่ น

เรยี นและหลังเรียน

ตวั แปรที่ศึกษา

1. แผนการจัดการเรยี นรู้
2. การใช้เพลงและตารางไตรยางศ์ในการจัดการเรยี นรู้
3. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนเพอ่ื ได้คะแนนก่อนเรยี นและหลังเรยี น

ขอบเขตของการวิจัย

ในการศกึ ษาวจิ ัยคร้ังน้ีเปน็ การแก้ปัญหาทักษะการอา่ นผันวรรณยุกต์ โดยใช้ตารางไตรยางศ์ ของ
นักเรียนช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 3 และได้กำหนดขอบเขตการวจิ ยั ไวด้ ังน้ี

1. ประชากร ประชากรทจ่ี ะใชใ้ นการศึกษา คอื นกั เรยี นโรงเรยี นวัดธรรมนาวาทกี่ ำลังศึกษาอยู่ใน
ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 2 ประจำปกี ารศกึ ษา 2564 จำนวน 10 คน

2. เน้อื หาทใี่ ช้การแก้ปญั หาทกั ษะการอ่านผันวรรณยุกต์ โดยใชต้ ารางไตรยางศ์ ของนกั เรยี นชั้น
ประถมศกึ ษาปีท่ี 3

ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะได้รบั

1. นกั เรยี นพฒั นาทักษะการอ่านผันวรรณยุกต์ โดยใชต้ ารางไตรยางศ์ได้
2. นักเรยี นมีผลการเรยี นวชิ าภาษาไทยผ่านเกณฑ์

บทท่ี 2
เอกสารและงานวจิ ยั ท่เี ก่ียวขอ้ ง

การศึกษาเรื่อง การแก้ปัญหาทักษะการอ่านผันวรรณยุกต์โดยใช้ตารางไตรยางศ์ ของนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปที ี่ 3 ผู้วิจัยได้ศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกย่ี วข้องเพื่อใชเ้ ปน็ แนวทางในการทำวจิ ยั ดังน้ี

เอกสารและงานวจิ ยั ที่เกีย่ วข้อง
ความหมายของการอ่าน

ปัจจุบันได้มีการศึกษาเกี่ยวกับการอ่านอย่างกว้างขวางมาก และมีการกล่าวถึงความหมายของการ
อ่านในลกั ษณะต่างๆ ดงั น้ี

แบทเลอร์และเคลย์กล่าววา่ การอา่ นคอื การถา่ ยทอดความหมายจากคนหนึ่งไปส่อู กี คนหน่งึ โดยอาศยั
ภาษาเป็นสื่อ โดยผู้เขียนถ่ายทอดความหมายให้ผู้อ่านเข้าใจตามความคิดและเจตนาของผู้เขียน ซึ่งการอ่านนี้
เป็นกระบวนการเรียนรู้เช่นเดียวกับการพดู การออกเสยี งเป็นคำๆ หรือหลายคำ ซ่ึงรวมกันเข้าเป็นประโยคที่มี
ความหมายเม่ือเราอ่านนั้น มิไดจ้ ำกัดแต่การอา่ นเพยี งอยา่ งเดียว แต่การพดู เปน็ รากฐานของการอ่าน ก็เริ่มด้วย
วิธีนีเ้ ช่นกนั (นิตยา ประพฤตกิ ิจ. 2538. หน้า 2)

ศรีรัตน์ เจิงกลิ่นจันทร์ (2538. หน้า 2) กล่าวว่า การอ่านเป็นการแปลความหมายของตัวอักษร
ออกมาเป็นความคิด และนำความคิดนั้นไปใช้ประโยชน์ ตัวอักษรเป็นเครื่องหมายแทนคำพูด เพราะฉะนั้น
หวั ใจของการอา่ นจึงอยู่ที่การเขา้ ใจความหมายของคำ

จากที่กล่าวมาสามารถสรุปได้ว่า การอ่านคือ การรับการถ่ายทอดความหมายจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีก
บุคคลหนึ่งโดยใช้ ตัวอักษรเป็นสื่อความคิดและเจตนาของผู้เขียน หรือการทำความเข้าใจกับสัญลักษณ์ที่
ผเู้ ขียนตอ้ งการ

ปัจจุบันสังคมการพัฒนาอย่างต่อเน่ืองและรวดเร็ว ดังน้ันประเทศไทยเป็นประเทศที่มีภาษาพูดและ
ภาษาไทยเป็นของตนเองจึงจำเป็นต้องศึกษาถึงความสำคัญและประโยชน์ของการอ่านและร่วมกันอนุรักษ์
ดังเชน่ ทน่ี ักการศกึ ษา สำนกั งานต่างๆ ไดก้ ลา่ วไวด้ งั นี้

กานต์มณี ศกั ด์เิ จรญิ (2529. หน้า 332) ได้กลา่ ววา่ การอา่ นเปน็ การตอบสนองความตอ้ งการของ
มนุษย์ ทำให้มนุษย์เกิดการเรียนรู้ เกิดทักษะต่างๆ ตลอดจนความก้าวหน้าทางวิชาชีพ เกิดความคิด
สรา้ งสรรค์ ความเพลดิ เพลนิ รูจ้ กั ใช้เวลาวา่ งให้เกดิ ประโยชน์ ทำใหม้ นษุ ย์ทนั ต่อเหตกุ ารณ์ ความเคลอื่ นไหว
ต่างๆ ของโลก สามารถแก้ปัญหาทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจ และปญั หาส่วนตวั ได้

นิดดา หงส์วิวัฒน์ (2537. หน้า 7-8 ) ได้กลา่ วว่า การอ่านเป็นทักษะที่ต้องฝึกเช่นเดียวกบั ทักษะ
อื่นๆ เด็กมีทักษะในการอ่านไว มีสมาธิในการอ่านต่อเน่ืองจับประเด็นความได้ชัดเจน มีอารมณ์และ
จินตนาการร่วมอยู่ด้วย ทำให้เกิดความชำนาญในการรับรู้ทางด้านการคิดเป็น การสรุป การตอบโต้ ทำให้
เกิดความคดิ เปน็ ระบบ และการรับรู้เปน็ ระบบ การแสดงออกและการสอื่ สารต่อผ้อู ่ืนต่อโลกภายนอกก็ชัดเจน
เป็นระบบ ซง่ึ อนุภาพของการอ่านหนงั สือจะนำเดก็ ไปสเู่ ส้นทางของการเป็นคนฉลาด

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ณ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงบรรยายถึงความสำคัญของการอ่าน
หนังสือในการประชุมใหญส่ ามัญประจำปี พ.ศ.2530 ของสมาคมห้องสมดุ แหง่ ประเทศไทย สรุปไดว้ ่า

1. การอา่ นทำให้ได้เนอื้ หาสาระความรมู้ ากกว่าการศกึ ษาหาความรดู้ ้วยวธิ ีอน่ื ๆ เชน่ การฟัง
2. ผู้อา่ นสามารถอ่านหนังสอื ไดโ้ ดยไมม่ ีการจำกดั เวลา สถานที่ สามารถนำไปไหนมาไหนได้
3. หนงั สอื เกบ็ ไดน้ านกวา่ ส่ืออย่างอน่ื ซ่ึงมกั มอี ายกุ ารใช้งานโดยจำกดั
4. ผอู้ า่ นสามารถฝึกการคดิ และสามารถสร้างจินตนาการไดเ้ องโดยการอา่ น
5. การอา่ นส่งเสรมิ ใหส้ มองดี มีสมาธนิ านกวา่ และมากกวา่ สือ่ อย่างอื่น ท้ังนี้เพราะ การอา่ น
จติ ใจจะตอ้ งมุ่งมนั่ อยู่กับขอ้ ความ พินจิ พิเคราะห์ข้อความ
6. ผู้อ่านเป็นผู้กำหนดการอา่ นดว้ ยตนเอง จะอา่ นครา่ วๆ อา่ นละเอียด อา่ นข้าม หรืออา่ น
ทกุ ตัวอกั ษร เปน็ ไปตามใจผูอ้ า่ น หรือจะเลือกอ่านเล่มไหนกไ็ ด้ เพราะหนงั สอื มีมากสามารถเลือกอา่ นเองได้
1. หนังสือมีหลากหลายรูปแบบและราคาถูกกวา่ สอ่ื อย่างอืน่ จึงทำใหส้ มองผอู้ า่ นปิดกวา้ ง
สร้างแนวคดิ และทศั นะไดม้ ากกวา่ ทำใหผ้ ู้อา่ นไม่ตดิ กบั แนวคิดใดๆโดยเฉพาะ
2. ผอู้ า่ นเกดิ ความคดิ เหน็ ไดด้ ้วยตนเอง วนิ จิ ฉัยเนื้อหาสาระได้ดว้ ยตนเอง รวมท้ังหนงั สอื
บางเล่มสามารถนำไปปฏิบัติได้ด้วย เม่ือปฏบิ ัติแล้วกเ็ กิดผลดี
จากที่กล่าวมาสามารถสรุปได้ว่า การอ่านเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอย่างมาก สามารถพัฒนาคนให้
เป็นบุคคลที่มีความคดิ ความอ่าน รเู้ ทา่ ทนั คนในสงั คม พฒั นาความรคู้ วามสามารถจนเลี้ยงชพี ได้ อยใู่ นสังคม
ไดอ้ ยา่ งมคี วามสุขเทียมเท่านาๆประเทศ
การพฒั นาผเู้ รียนที่มคี วามบกพรอ่ งทางการเรยี นเร่ือง การผันเสยี งวรรณยุกต์ ผู้สอนไดศ้ กึ ษาค้นคว้า
งานวิจยั ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั การจดั การเรยี นรู้เรอื่ ง การผนั เสียงวรรณยกุ ต์ ดังนี้
กิติมา กุลาสา (2553) ได้ทำวิจัยเรื่อง ผลการพัฒนาภาษาไทย เรื่องการผันเสียงวรรณยุกต์ ช้ัน
ประถมศึกษาปีที่ 3 โดยกจิ กรรมกลุ่มร่วมมอื ประกอบสื่อประสมผลการศกึ ษาค้นควา้ ปรากฏ ดังน้ี แผนการ
จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้เรอื่ ง การผันเสยี งวรรณยุกต์ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
สุภาพ พรมทอง (2554) ได้ทำวิจัยเรื่อง ผลการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การผันเสียง
วรรณยกุ ต์ อกั ษรสามหมู่ โดยใช้ในการจดั การเรียนรู้
ปญั หาการผนั เสียงวรรณยกุ ต์
กรมวิชาการ (2546 : 146-151) อธิบายว่า ภาษาไทยมีลักษณะท่ีเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งซึ่งเป็น
ลักษณะพิเศษ นั่นคือ เป็นภาษาทีม่ ีเสียงสูง ๆ ต่ำๆ คล้ายเสียงดนตรี เสียงสูงๆ ต่ำๆ เกิดจากเคร่ืองหมาย
วรรณยุกต์ คำในภาษาไทยมีทั้งคำที่ปรากฎเครื่องหมายวรรณยุกต์ที่เรียกว่าวรรณยุกต์มีรูป และคำที่ไม่มี
ปรากฏเคร่ืองหมายวรรณยกุ ตก์ ำกับแตก่ ม็ ีเสยี งวรรณยุกต์ เรยี กว่า วรรณยกุ ต์ไมม่ รี ูป
1. เสียงวรรณยุกต์ในภาษาไทยมีความสำคัญมาก คำทมี่ วี รรณยกุ ต์แตกตา่ งกัน นอกจาก
จะทำให้ระดับเสียงแตกต่างกัน ความหมายของคำก็แตกต่างกัน ครูผู้สอนจึงจำเป็นต้องเน้นให้นักเรียน
ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้เครื่องหมายวรรณยุกต์ในการเขียนคำต่างๆ ให้ถูกต้อง เพื่อการเขียนสื่อ
ความหมายจะได้ไม่ผิดพลาด ปัญหาที่พบเสมอ คือ การใช้วรรณยุกต์ผิด เช่น คำว่า นะคะ เชิ้ต โน้ต

ผู้เขียนมักจะเขียนผิดเสมอ โดยใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์ตรี แทนเครื่องหมายวรรณยุกต์โท ทั้งนี้เพราะ
ผู้เขียนไม่แม่นยำในเรื่องการผันเสียงวรรณยุกต์ ความยุ่งยากของการเลือกใช้เครื่องหมาย วรรณยุกต์
เนื่องมาจากภาษาไทย มีพยัญชนะ 44 ตัว ระดับเสยี งของพยญั ชนะทั้ง 44 ตัว จำแนกตามพื้นเสียงได้เปน็
3 กลุ่ม หรือ 3 หมู่ ที่เรียกว่า ไตรยางศ์ คือเสียงสูง เสียงกลางและเสียงต่ำ อักษรทั้ง 3 หมู่นี้ เม่ือ
นำมาเขยี นประสมเปน็ คำ ระดับพืน้ เสียงท่ีแตกตา่ งกัน จะทำให้การใชว้ รรณยกุ ตต์ า่ งกนั นอกจากนค้ี ำไทยยงั
จำแนกเป็น คำเปน็ คำตาย คำที่ประสมสระเสียงสน้ั และสระเสียงยาว แตท่ ำให้ย่งุ ยากต่อการใชเ้ คร่ืองหมาย
วรรณยุกต์

2. ความหมายของการผันวรรณยุกต์ หมายถึง การอ่านคำโดยแจกเสยี งวรรณยุกต์ ของ
คำไปตามลำดับเสียง โดยมีเครื่องหมายวรรณยุกต์เป็นตัวกำหนดเครื่องหมายวรรณยุกต์ของไทยมี 4 รูป
ได้แก่ ส่วนวรรณยุกต์ของภาษาไทยมี 5 เสียง ได้แก่ เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี
และเสียงจัตวา เคร่อื งหมายวรรณยุกต์ทก่ี ำกับคำตา่ งๆ นอกจากจะทำให้รูปของคำตา่ งกันแลว้ ยงั ทำให้เสียง
ของคำและความหมายของคำแตกตา่ ง

3. แนวการจดั การเรยี นการสอนผันเสยี งวรรณยุกต์ ใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ จำนวน 5
แผนการจัดการเรียนรู้ คือ เสียงในภาษาไทย จำนวน 1 ชั่วโมง มาตราตัวสะกด จำนวน 1 ชั่วโมง คำ
เป็นคำตาย จำนวน 1 ชั่วโมง ไตรยางศ์ จำนวน 1 ชั่วโมง การผันเสียงวรรณยุกต์ จำนวน 3 ชั่วโมง
นอกจากน้นั ยงั ใช้เทคนคิ และวิธกี ารจัดการเรยี นรู้ในชนั้ เรยี นเขา้ มาใชใ้ นการจัดประสบการณ์เรียนรู้

กำชยั ทองหล่อ (2545: 79-80) อธิบายเร่ืองวรรณยุกต์ ว่ามี 2 ชนดิ ดังนี้
1. วรรณยุกต์มรี ปู หมายถึง วรรณยุกต์ท่มี ีเครอื่ งหมายบอกระดับของเสยี งใหช้ ัดเจนอยู่
เบื้องบนอักษร มีอยู่ 4 รูป เรียกชื่อว่า วรรณยุกต์ เอก โท ตรี จัตวา โดยลำดับและให้เขียนไว้
เบื้องบนอักษรตอนสุดท้าย เช่น ก่ ก้ ก๊ ก๋ ปั่น ปั่น ลื่น เลี่ยน ถ้าเป็นอักษรควบหรืออักษรนำให้เขียนไว้
เบื้องบนอักษรตัวที่ 2 เช่น ครุ่น คลื่น เกลื่อน เกล้า ใกล้ รูปวรรณยุกต์นี้เริ่มใช้ในชั้นต้นตั้งแต่สมัยกรุง
สุโขทัย แต่จะมีอยู่เพียง 2 รูปเท่านั้น คือ ไม้เอก ( ่ ) ไม้โท ( ) แต่ไม้โทเขียนเป็นรูปกากบาท ( )
ต่อมาในปลายสมัยกรุงสุโขทัย จึงได้เปลี่ยนรูปกากบาทเป็นรูปไม้โทอย่างที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ส่วนไม้ตรีกับ
ไม้จัตวายงั ไมม่ ีใช้ สนั นิษฐานว่านา่ จะมใี ช้เมอ่ื ตอนปลายสมัยกรุงศรีอยธุ ยาและคงคิดขน้ึ สำหรบั ใช้เขียนคำที่มา
จากภาษาจนี ความเหน็ เกย่ี วกบั ประวัตวิ รรณยุกตน์ ี้ ยอรช์ เซเดย์ เห็นว่า พอ่ ขุนรามคำแหงเป็นผู้แรกท่ีคิด
ขึ้นเพื่อให้ออกเสียงชัดเจนเท่ากับการพูดของคนไทย และในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง มีเครื่องหมาย
วรรณยุกตใ์ ชอ้ ยู่ 2 อย่าง คือ ไมเ้ อก กับกากบาท
2. วรรณยกุ ตไ์ มม่ รี ูป ไดแ้ ก่ เสียงที่มที ำนองสงู ต่ำตามหม่ขู องอกั ษรไทยโดยไม่ตอ้ งมรี ูป
วรรณยุกต์กำกับก็อ่านออกเสยี งได้เหมอื นมรี ูปวรรณยกุ ต์กำกับอยู่ด้วย เชน่ นา หนะ นาก นะ หนา ฯลฯ
วรรณยุกต์มีรูปต่างกับวรรณยุกต์ไม่มีรูป คือ วรรณยุกต์มีรูปจะต้องมีเครื่องหมายบอกเสียงกำกับไว้ข้างบน
อักษรและมีอยู่เพียง 4 เสียงเท่านั้น คือ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี และเสียงจัตวา ตามรูปวรรณยุกต์
แตไ่ มม่ เี สียงสามัญ ส่วนวรรณยกุ ตไ์ ม่มีรปู มีครบทง้ั 5 เสยี ง เตม็ ตามจำนวนเสยี งที่กำหนดใช้อยู่ในภาษาไทย
โดยไม่มีเคร่ืองหมายบอกเสียงกำกบั แตอ่ อกเสียงสงู ต่ำ ตามหมู่อักษรทั้ง 3 เสียง วรรณยกุ ต์ท้งั 5 เสยี ง เรียง

ตามลำดบั จากตำ่ ไปหาสูง ดังน้ี เสียงเอก เสียงโท เสยี งตรี และเสียงจัตวา แต่ในการผันอกั ษร (เสยี งท่ี 3)
เป็นเสียงนำปญั หาการใช้วรรณยุกต์ในภาษาไทย

บทที่ 3
วธิ ดี ำเนนิ งานวิจัย

การศกึ ษาวจิ ยั คร้งั นี้ เปน็ การวจิ ัย การแกป้ ญั หาทกั ษะการอ่านผนั วรรณยุกต์โดยใช้ตารางไตรยางศ์ ของ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งผู้วิจัยได้ดำเนินและเก็บรวบรวมข้อมูลในการศึกษาค้นคว้า โดยมีขั้นตอน
ดำเนนิ งานดงั นี้

1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
2. เครอื่ งมือที่ใชใ้ นการวจิ ัย
3. ข้นั ตอนการดำเนินการวิจัย
4. สถิตทิ ่ีใช้ในการวเิ คราะห์ขอ้ มลู

ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง

ประชากร
ประชากรของการวจิ ัยครงั้ นค้ี อื นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวดั ธรรมนาวา
ปกี ารศึกษา 2564 จำนวน 10 คน

กลุ่มตวั อย่าง
กลมุ่ ตวั อยา่ งคอื นกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรยี นวดั ธรรมนาวา ปกี ารศกึ ษา 2564 จำนวน
10 คน

เครือ่ งมือท่ีใช้ในการวจิ ัย

1. แผนการจัดการเรียนรเู้ ร่ืองไตรยางศ์และการผนั วรรณยกุ ต์
2. แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรียน
3. แบบบันทึกคะแนนก่อนเรยี นและหลงั เรียน

ข้ันตอนการดำเนนิ การวจิ ยั

ในการวิจัยคร้งั น้ี ผูร้ ายงานได้ดำเนินการทดลอง กับกลุม่ ตวั อย่างตามลำดบั ดังน้ี

ระยะเวลาการทดลอง เดอื นพฤศจิกายน 2564 – มีนาคม 2565

วัน / เดอื น / ปี กิจกรรม หมายเหตุ

พฤศจิกายน 2564 - ศกึ ษาค้นคว้าเอกสารและงานวจิ ัยที่เกี่ยวข้อง

ธันวาคม 2564 - เขยี นเค้าโครงเร่ืองงานวจิ ยั ในช้นั เรียน

- การเขียนแผนการจัดการเรยี นรู้

- ออกแบบเครอ่ื งมอื ทจี่ ะใชใ้ นงานวิจัย

มกราคม 2565 - นำขอ้ สอบวัดความรู้ก่อนเรียนไปวัดความรู้เรื่องการผันเสียง
กมุ ภาพนั ธ์ 2565 วรรณยกุ ต์ จากนนั้ จงึ ดำเนนิ การจดั การเรียนการสอนตาม
มนี าคม 2565 แผนการจดั การเรียนรู้ เมื่อดำเนนิ การตามแผนการจดั การ
เรยี นรเู้ สรจ็ ทำการทดสอบหลังเรยี นดว้ ยข้อสอบชดุ เดียวกนั
- นำคะแนนกอ่ นเรียน หลังเรียนมาเปรยี บเทยี บหาผลสมั ฤทธ์ิ
ทางการเรยี นเรอื่ งการอ่านออกเสียงไตรยางศ์และการผัน
วรรณยกุ ต์และเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และวเิ คราะห์ขอ้ มลู
- สรปุ และอภิปรายผล
- จดั ทำรูปเล่ม

สถติ ทิ ่ใี ช้ในการวิจยั

ผวู้ ิจัยเลือกใช้สถติ พิ ื้นฐาน คอื ร้อยละ คา่ เฉล่ีย ในการวิเคราะหข์ ้อมูลการจดั การเรียนรู้วชิ า
ภาษาไทย โดยใช้คะแนนก่อนเรยี นและคะแนนหลงั เรียนมาเปรียบเทยี บเพื่อหาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น ของ
นกั เรียนชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3 ผวู้ ิจยั ดำเนินการโดยใช้โดยใช้ข้อมูล ตามขน้ั ตอนดงั นี้

การวิเคราะห์ข้อมูล ผจู้ ดั ทำไดท้ ำการวิเคราะหข์ ้อมลู ดงั ต่อไปนี้
1. หาค่าสถิตพิ ื้นฐาน ไดแ้ กห่ าค่าเฉล่ีย x ของคะแนนทไ่ี ดจ้ ากการคะแนนก่อนเรียนและคะแนน
หลงั เรยี น
2. การหาคา่ สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน

บทท่ี 4
ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล

การศึกษาวิจัย เรื่อง การแก้ปัญหาทกั ษะการอา่ นผันวรรณยุกต์ โดยใช้ตารางไตรยางศ์ ของนักเรียนช้ัน
ประถมศึกษาปีท่ี 3 ผู้วจิ ัยได้เสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ตามลำดับ ดงั น้ี

ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล

การวิจัยการแก้ปัญหาทักษะการอ่านผันวรรณยุกต์ โดยใช้ตารางไตรยางศ์ ของนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปที ี่ 3 สรปุ การวิจยั ได้ดงั นี้ การประเมินด้วยแบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรียนพบว่า พบว่า
คะแนนก่อนเรียนมคี ่าเฉลีย่ เทา่ กับ 3.30 สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.16 และหลงั เรียนมีค่าเฉล่ีย เทา่ กับ
8.40 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.97 แสดงว่าผลสัมฤทธิ์การเรียน การแก้ปัญหาทักษะการอ่านผัน
วรรณยุกต์ โดยใชต้ ารางไตรยางศ์ ของนักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3
ผลการทดสอบคะแนนหลงั เรียนสงู กวา่ คะแนนก่อนเรียน

ตารางที่ 1 คะแนนจากการทำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน การแก้ปัญหาทักษะการอ่านผัน

วรรณยุกต์ โดยใช้ตารางไตรยางศ์ ของนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 กอ่ นและหลังเรยี น

คนท่ี ก่อนเรยี น หลังเรียน ผลตา่ ง ผลต่าง

เต็ม 10 คะแนน เต็ม 10 คะแนน

1 5839

2 4739

3 3 8 5 25

4 3 9 6 36

5 2 9 7 49

6 4 10 6 36

7 5 9 4 16

8 3 8 5 25

9 2 7 5 25

คนที่ กอ่ นเรยี น หลังเรยี น ผลตา่ ง ผลต่าง

เตม็ 20 คะแนน เตม็ 20 คะแนน

10 2 9 7 49

รวม 33 84

3.30 8.40 = 51 = 279
S.D. 1.16 0.97

รอ้ ยละ 33.00 84.00

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากตารางท่ี 2 คะแนนจากการทำแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน เรื่อง

การแก้ปัญหาทักษะการอ่านผันวรรณยุกต์ โดยใช้ตารางไตรยางศ์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อน

และหลังเรยี น พบว่าคะแนนก่อนเรยี นมีคา่ เฉลีย่ เทา่ กับ 3.30 สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน เทา่ กับ 1.16 และหลัง

เรียนมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 8.40 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากบั 0.97 แสดงว่าผลสัมฤทธ์ิการเรยี น การแก้ปญั หา

ทักษะการอา่ นผนั วรรณยกุ ต์ โดยใชต้ ารางไตรยางศ์ ของนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 หลังเรยี นสูงกว่าก่อน

เรยี น

บทที่ 5
สรปุ ผล อภิปรายผลและขอ้ เสนอแนะ

การวจิ ัยครัง้ นี้ มีวัตถปุ ระสงค์เพอ่ื การแก้ปญั หาทกั ษะการอา่ นผันวรรณยกุ ต์ โดยใชต้ ารางไตรยางศ์
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

สรุปผลการศึกษาวิจัย
จากการศึกษาและวิเคราะห์การวจิ ัยการแก้ปัญหาทักษะการอ่านผันวรรณยกุ ต์ โดยใช้ตารางไตรยางศ์

ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สรุปการวิจัยได้ดังนี้ การประเมินด้วยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลัง
เรียนพบว่าคะแนนก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 3.30 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.16 และหลังเรียนมี
ค่าเฉลี่ย เท่ากับ 8.40 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.97 แสดงว่าผลสัมฤทธ์ิการการแก้ปัญหาทักษะการ
อ่านผันวรรณยุกต์ โดยใช้ตารางไตรยางศ์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ผลการทดสอบคะแนนหลัง
เรยี นสงู กว่าคะแนนก่อนเรยี น

อภปิ รายผลการศกึ ษา
จากการวจิ ัยการแกป้ ัญหาทกั ษะการอ่านผนั วรรณยุกต์ โดยใชต้ ารางไตรยางศ์ ของนักเรียนชน้ั

ประถมศึกษาปที ี่ 3 ในครงั้ นส้ี ามารถอภปิ รายผลไดด้ ังนี้
การใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรูเ้ ร่ืองไตรยางศ์และการผันวรรณยกุ ต์ ผสู้ อนสร้างและนำไปใช้ใน

กระบวนการจดั การเรยี นการสอน จะเห็นไดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ ผู้เรยี นมคี วามกระตอื รือรน้ ในการเรยี น ไมว่ า่ จะ
เปน็ เพลง สอ่ื ตารางไตรยางศท์ น่ี ำไปใชใ้ นชั้นเรียน นักเรยี นเกง่ กจ็ ะช่วยเหลอื นกั เรยี นท่ีเรยี นรไู้ ดช้ า้ นกั เรียน
มคี วามพึงพอใจต่อการเรยี นด้วยการจดั การเรียนรู้เรือ่ ง การผันเสยี งวรรณยกุ ต์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้
ภาษาไทย ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3

ข้อเสนอแนะ
1. การพฒั นาการเรียนรจู้ ะตอ้ งค่อยเปน็ คอ่ ยไป ผูส้ อนจึงจะตอ้ งอดทนและใหเ้ วลาผเู้ รียนคอ่ ยๆ

เรยี นและสามารถลงมือปฏิบัติ
2. ในการวจิ ัยครั้งต่อไปอาจลดปริมาณของกลมุ่ ตวั อย่างลง อาจเจาะจงทำการวจิ ัยกล่มุ นกั เรียนทข่ี าด

ทกั ษะ เพอ่ื หาแนวทางในการชว่ ยเหลอื และแกไ้ ขตอ่ ไป

บรรณานุกรม

กรมวชิ าการ. 2545. คมู่ ือการจัดการเรียนรู้กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย. กรุงเทพ : กรม
วิชาการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร.

กรมวิชาการ. 2546. การจดั สาระการเรียนรกู้ ลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทยตามหลักสตู รการศกึ ษา
ขน้ั พน้ื ฐานพทุ ธศกั ราช 2544. กรุงเทพมหานคร : ครุ สุ ภา ลาดพรา้ ว.

กติ ิมา กลุ าสา. 2553. ผลการพฒั นาภาษาไทยเรือ่ งการผนั เสียงวรรณยกุ ต์ โดยกจิ กรรมกล่มุ
รว่ มมือการผันเสียงวรรณยกุ ต์ โดยกจิ กรรมกลมุ่ รว่ มมือประกอบสอ่ื ประสม. วทิ ยานพิ นธ์
การศกึ ษามหาบัณฑิต. หลักสูตรและการสอน คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

ก่อ สวสั ดพิ์ าณชิ ย์. 2542. ถ้าคิดจะเป็นนิคสต์ อ้ งเร่งปรบั ปรงุ การสอนภาษาไทย ในเกร็ด
การศกึ ษา หนา้ 5 กรงุ เทพฯ : อมรการพมิ พ์

กำชัย ทองหล่อ. 2545. หลกั ภาษาไทย. กรงุ เทพ ฯ : อมรการพมิ พ.์
สภุ าพ พรมทอง. 2554. ผลการจดั การเรยี นรภู้ าษาไทย เรอ่ื งการผนั เสยี งวรรณยกุ ต์อกั ษรสาม

หมู่ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 โดยการใชก้ ารจดั การเรียนรกู้ ล่มุ รว่ มมอื เทคนิค coop
coop. วทิ ยานิพนธ์ การศกึ ษามหาบัณฑิต. หลกั สูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม.

ภาคผนวก

แบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรยี น
เร่อื ง การผันวรรณยกุ ต์

คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรียนทำเครอื่ งหมาย x ขอ้ ท่ีเป็นคำตอบที่ถกู ท่สี ุดเพียงคำตอบเดียว

1. ข้อใดคอื ไตรยางศ์ อักษรสามหมู่ 6. อักษรต่ำคู่มหี ลักท่องจำว่าอยา่ งไร

ก. อกั ษรสูง อักษรเด่ยี ว อกั ษรต่ำ ก. ผี ฝาก ถุง ขา้ ว สาร ให้ ฉัน

ข. อกั ษรกลาง อักษรสงู อกั ษรเดย่ี ว ข. ไก่ จกิ เดก็ ตาย บน ปาก โอ่ง

ค. อักษรสูง อักษรกลาง อกั ษรตำ่ ค. พอ่ ค้า ฟัน ทอง ซ้ือ ช้าง ฮอ่

2. อักษรสูง มที ้ังหมด กี่ตัว 7. อกั ษรสูงผันวรรณยุกตไ์ ด้ก่ีเสียง อะไรบา้ ง

ก. 9 ตวั ก. 3 เสียง เสยี งสามญั เอก โท

ข. 11 ตวั ข. 3 เสียง เสยี งเอก โท จัตวา

ค. 24 ตวั ค. 3 เสยี ง เสยี งเอก โท ตรี

3. อักษรกลาง มีทง้ั หมด 9 ตวั 8. อักษรสูงข้อใดผนั เสยี งไดถ้ ูกตอ้ ง

อะไรบ้าง ก. ผา ผา่ ผา้

ก. ก จ ด ต ฎ ฏ ท ธ น ข. ผา ผา่ ผ๋า

ข. ก จ ด ต ฎ ฏ บ ป อ ค. ผา ผา่ ผา๊

ค. ก จ ด ต ฎ ฏ ผ ฝ ศ

4. อักษรกลางมหี ลกั ท่องจำว่าอย่างไร 9. ขอ้ ใดเปน็ อักษรกลางท้งั หมด

ก. ผี ฝาก ถุง ขา้ ว สาร ให้ ฉนั ก. งาน น้า วาด

ข. งู ใหญ่ นอน อยู่ ณ ริม วดั ข. กา จ่าย ป่า

โมฬี โลก ค. พอ่ ฟู ซ้ือ

ค. ไก่ จิก เด็ก ตาย บน ปาก โอง่

5. อกั ษรต่ำ มี 24 ตวั แบง่ เป็น 10. อักษรต่ำผันวรรณยกุ ต์ได้กี่เสยี ง อะไรบา้ ง

อกั ษรต่ำเด่ียวทง้ั หมดกตี่ วั ก. 3 เสยี ง เสยี งสามญั เสียงโท เสยี งตรี

ก. 10 ตัว ข. 3 เสียง เสยี งสามญั เสยี งเอก เสยี งจตั วา

ข. 11 ตวั ค. 3 เสยี ง เสยี งสามญั เสยี งเอก เสยี งโท

ค. 114 ตัว

แบบบันทกึ คะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน

เรื่อง การผนั วรรณยกุ ต์

ลำดบั ที่ คะแนนกอ่ นเรียน คะแนนหลังเรยี น
1. 5 8
2. 4 7
3. 3 8
4. 3 9
5. 2 9
6. 4 10
7. 5 9
8. 3 8
9. 2 7
10. 2 9

ประวัติผู้วิจยั

ชื่อ-สกลุ นางสาวทสั ดา สุตลาวดี
วนั เดอื นปเี กดิ 1 พฤศจกิ ายน 2532
ทอ่ี ย่ปู ัจจบุ ัน 61/4 ม.12 ต.เชยี งรากน้อย อ.บางปะอนิ จ.พระนครศรีอยธุ ยา 13180
ตำแหนง่ ครู
สถานท่ีปฏบิ ตั งิ าน โรงเรยี นวัดธรรมนาวา
ประวัตกิ ารศึกษา

ระดบั อนุบาล ถงึ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 1-6 โรงเรยี นบานเทนมยี ์
ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1-6 โรงเรยี นเทนมีย์มติ รประชา
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลัยราชภฏั สรุ นิ ทร์


Click to View FlipBook Version