ประวัติศาสตร์ ม.3
ความขดั แยง้ และความรว่ มมือของโลก
ในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 20 ถงึ ปัจจุบัน
ประวตั ิศาสตร์ ม.3 : ความขดั แย้งและความรว่ มมอื ของโลกในคริสต์ศตวรรษท่ี 20 ถงึ ปัจจบุ นั
สงครามโลกคร้ังที่ 1
World War I
(ค.ศ.1914-1919)
เพจครูจูเนยี ร์สอนสงั คม
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขัดแย้งและความร่วมมอื ของโลกในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 20 ถงึ ปัจจบุ นั
สงครามโลกคร้ังท่ี 1 (ค.ศ.1914-1919) สาเหตุ
การลอบปลงพระชนม์อาร์ชด๊กุ ฟรานซิส ชนวนสงครามมาจากเหตุการณ์ลอบ
เฟอรด์ นิ านด์ทาให้เกดิ ความขัดแยง้ ขึน้ ปลงพระชนมอ์ าร์ชดุ๊ก ฟรานซิส เฟอร์
ระหวา่ งรัฐบาลออสเตรีย-ฮงั การกี ับเซอรเ์ บยี ดนิ านด์ มกุฎราชกมุ ารแหง่ จักรวรรดิ
และขยายตัวกลายเปน็ สงครามไปยงั ดนิ แดน ออสเตรีย-ฮงั การแี ละพระชายา ขณะ
ส่วนตา่ งๆ ของโลกในท่ีสุด เสดจ็ เยอื นกรุงซาราเยโว เมืองหลวง
ของแคว้นบอสเนียเมอ่ื วันท่ี 28
มถิ นุ ายน ค.ศ.1914
อาร์ชดุ๊กฟรานซิส เฟอร์ดินานดแ์ ละพระชายา
ขณะเสดจ็ เยือนกรงุ ซาราเยโว เมอื งหลวงของบอสเนียเมอื่ ค.ศ. 1914
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขัดแย้งและความร่วมมือของโลกในครสิ ต์ศตวรรษที่ 20 ถึงปจั จบุ ัน
สงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ.1914-1919) สาเหตขุ องสงคราม
1.ลทั ธิชาตินิยม
ปลายคริสตศ์ ตวรรษที่ 19 ปัญหาชาตินยิ มของพวกสลาฟใน ประเทศมหาอานาจต่างกล่าวหาซ่งึ กัน
แนวความคดิ ลัทธชิ าตินิยมที่เกิดข้ึน คาบสมุทรบอลขา่ นทต่ี อ้ งการรวมชน และกนั ว่าให้การสนบั สนุนพวกสลาฟใน
ในประเทศฝรั่งเศสและเยอรมนที าให้ ชาตสิ ลาฟเขา้ ด้วยกนั โดยมรี สั เซีย ประเทศตนให้ก่อความวนุ่ วายข้ึนและ
ทงั้ สองประเทศมหาอานาจต้องการ สนบั สนุนกน็ าไปสูค่ วามขัดแย้ง นาไปสู่การเกดิ สงครามบอลขา่ นครงั้ ท่ี 1
เสรมิ สรา้ งความยงิ่ ใหญ่ใหแ้ ก่ชาตขิ อง ระหว่างประเทศมหาอานาจ และ 2
ตนและเห็นว่าส่งิ ท่ีทาให้ประเทศชาติ
ย่ิงใหญ่ยอ่ มถกู ต้องเสมอ ความคดิ
ดังกล่าวทาให้ความสมั พันธ์ระหว่าง
ประเทศตึงเครยี ด
เกรด็ น่ารู้ ประวตั ิศาสตร์ ม.3 : ความขัดแยง้ และความร่วมมอื ของโลกในครสิ ต์ศตวรรษที่ 20 ถงึ ปจั จบุ ัน
สงครามบอลข่าน สงครามบอลขา่ นคร้งั ท่ี 1
สงครามบอลขา่ นครง้ั ทห่ี น่ึงเกดิ จากการทีส่ นั นิบาตบอล
ข่านมงุ่ ยึดครองแควน้ มาซโิ ดเนยี แคว้นโคโซโวและเกาะค
รตี จากตุรกี สรปุ ตุรกเี ปน็ ฝา่ ยแพ้และตอ้ งสญู เสียดนิ แดนใน
คาบสมทุ รบอลขา่ นเกอื บทง้ั หมดให้แก่สนั นิบาตบอลขา่ น
สงครามบอลข่านครง้ั ท่ี 2
สงครามบอลขา่ นครัง้ ทส่ี องเกิดจากการท่ีบลั แกเรียไม่
พอใจท่ีเซอรเ์ บียและกรีซท่คี รอบครองดนิ แดนใน
มาซโิ ดเนียมากกว่าตนจึงประกาศสงคราม สุดท้าย
บัลแกเรยี เปน็ ฝ่ายแพท้ าใหส้ ญู เสยี อิทธพิ ลในคาบสมทุ ร
บอลขา่ นและเซอรเ์ บียกลายเปน็ มหาอานาจสาคญั ของ
ภูมภิ าค
สันนิบาตบอลข่าน (Balkan League) เปน็ การรวมตวั ระหว่างบลั แกเรีย เซอร์เบยี
กรซี และมอนเตเนโกร ภายใตก้ ารอุปถมั ภข์ องรสั เซยี เพ่ือตอ่ ต้านจักรวรรดิฮับสบวร์ก
ประวตั ศิ าสตร์ ม.3 : ความขัดแย้งและความรว่ มมือของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ถึงปจั จบุ นั
สงครามโลกคร้ังที่ 1 (ค.ศ.1914-1919) สาเหตขุ องสงคราม
2.ลัทธจิ ักรวรรดินยิ ม
ในการเสรมิ สร้างความยง่ิ ใหญข่ องประเทศทาให้
แต่ละประเทศมุ่งแข่งขันกันแสวงหาอาณานคิ มเพื่อทา
ให้ชาตขิ องตนมัง่ ค่งั ร่ารวยและเศรษฐกจิ เขม้ แขง็
ลัทธิจกั รวรรดินยิ มทีเ่ ปน็ นโยบายการขยายอานาจ
และแสวงหาอานาจอาณานิคมของชาติมหาอานาจใน
เอเชยี และแอฟริกาทาใหเ้ กิดความขัดแยง้ ด้าน
ผลประโยชนแ์ ละนาไปสู่ขอ้ พพิ าทระหวา่ งประเทศท่ี
เป็นพ้ืนฐานของการเกิดสงครามในเวลาต่อมา
แผนท่อี าณานคิ มในปี 1914
ทม่ี า : https://www.wikiwand.com/th
ประวตั ิศาสตร์ ม.3 : ความขัดแย้งและความร่วมมอื ของโลกในคริสตศ์ ตวรรษที่ 20 ถงึ ปจั จบุ ัน
สงครามโลกคร้งั ที่ 1 (ค.ศ.1914-1919) สาเหตขุ องสงคราม
3.ลทั ธนิ ิยมทหาร
แต่ละประเทศในยโุ รปเกดิ ความตระหนักวา่ การจะ
เป็นประเทศทีเ่ ข้มแข็งและการปอ้ งกันจากการถูกรกุ ราน
จาเป็นตอ้ งสะสมกาลงั อาวุธและเสรมิ สรา้ งแสนยานภุ าพ
ทางบวกและทางเรอื จงึ มีการเพม่ิ งบประมาณป้องกนั
ประเทศและขยายเวลารับราชการทหารให้นานขน้ึ การ
สะสมกาลังอาวธุ ทาให้มหาอานาจแตล่ ะประเทศ
โดยเฉพาะเยอรมนกี บั องั กฤษหวาดระแวงกันแล้วตา่ งอยู่
ในสภาพเตรยี มพรอ้ ม การประชมุ ลดกาลังอาวธุ ระหวา่ ง
ประเทศจงึ ประสบความลม้ เหลว
ประวตั ิศาสตร์ ม.3 : ความขดั แย้งและความร่วมมอื ของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 20 ถงึ ปัจจุบนั
สงครามโลกครั้งท่ี 1 (ค.ศ.1914-1919) สาเหตุของสงคราม
4.การแบ่งเป็น 2 ฝา่ ย
กลุม่ สนธสิ ัญญาพนั ธมิตรไตรภาคี กลุ่มสนธิสัญญาไตรภาคี
( Triple Alliance) (Triple Entente)
เยอรมนี ออสเตรยี -ฮงั การี และอิตาลี อังกฤษ ฝร่งั เศส และรสั เซีย
มหาอานาจทง้ั สองกลมุ่ ไมว่ า่ งไมไ่ วว้ างใจกันและเม่ือเผชิญหน้ากันใน
วกิ ฤตการณต์ า่ งๆก็มกั จะไม่ยอมอ่อนข้อให้แกก่ ัน ท้ังยังพยายามโน้มน้าว
ประเทศเล็กอื่นๆเข้าเปน็ พนั ธมติ รของตน ดงั นน้ั เมอ่ื เกดิ กรณพี พิ าทระหวา่ ง
ประเทศใดๆข้ึนแตล่ ะกลุม่ จึงไม่ยอมรว่ มกันแกไ้ ขปญั หาที่เกิดขน้ึ และจะ
สนับสนุนพันธมติ รของกลุ่มตนทุกฝ่ายจงึ เหน็ ว่าสงครามเปน็ ทางออกเดียวท่ี
จะแกป้ ญั หาได้
ประวัติศาสตร์ ม.3 : ความขดั แยง้ และความรว่ มมือของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 20 ถึงปจั จบุ นั
สงครามโลกครง้ั ที่ 1 (ค.ศ.1914-1919) ลกั ษณะการรบในสงคราม
สงครามในรปู แบบสนามเพลาะ (Trench)
สว่ นใหญ่รบกันในพน้ื ทขี่ องทวีปยโุ รปมที ง้ั การ
รบทางอากาศ ทางบก และทางเรือ ซง่ึ รว่ มรบกันอยา่ ง
เป็นเอกภาพ โดยใช้ระยะเวลาในการรบยาวนานถึง 4
ปี
ประวัติศาสตร์ ม.3 : ความขดั แยง้ และความร่วมมอื ของโลกในครสิ ต์ศตวรรษที่ 20 ถึงปัจจบุ นั
สงครามโลกครง้ั ท่ี 1 (ค.ศ.1914-1919) ลกั ษณะการรบในสงคราม
มีการแขง่ ขนั กันประดษิ ฐแ์ ละผลิตอาวุธ ยธุ โธปกรณใ์ หม่ๆ
ของประเทศคูส่ งคราม
มีอานาจในการทาลายลา้ งสูงหลายประเภท เช่น
เครอื่ งบนิ ตอ่ สู้ รถถังหุม้ เกราะ เรอื ดานา้ ปืนกล แกส๊
พษิ เปน็ ต้น
ประวตั ิศาสตร์ ม.3 : ความขัดแย้งและความร่วมมอื ของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ถึงปจั จุบัน
สงครามโลกครัง้ ที่ 1 (ค.ศ.1914-1919) ความเสียหายจากสงคราม
มีทหารเสยี ชีวิตจากสงคราม มพี ลเรอื นเสียชีวติ ประมาณ 9
ประมาณ 13 ล้านคน บาดเจบ็ กวา่ ลา้ นคน และอกี 9 ลา้ นคน
20 ลา้ นคน และอกี กวา่ 9 ลา้ นคน เสยี ชีวติ โดยตรงในสงคราม
ตอ้ งทุพพลภาพ
ประวตั ิศาสตร์ ม.3 : ความขดั แยง้ และความร่วมมอื ของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 20 ถงึ ปจั จุบนั
สงครามโลกคร้ังที่ 1 (ค.ศ.1914-1919) ความเสียหายจากสงคราม
มีทรพั ย์สนิ ทเี่ สยี หายจาก จกั รวรรดยิ ิง่ ใหญ่ 4จกั รวรรดิของ
สงครามในประเทศต่างๆ รวมกันเปน็ ยโุ รป ล่มสลายลง มปี ระเทศเกดิ
ใหม่หลายประเทศ เชน่ ออสเตรยี
มูลค่ากวา่ 300,000 ล้าน ฮังการี เชโกสโลวาเกีย ยโู กสลาเวีย
ดอลลารส์ หรฐั และระบบเศรษฐกจิ ของ
ประเทศตา่ งๆ ตอ้ งพังพนิ าศ
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขัดแย้งและความร่วมมือของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ถงึ ปจั จบุ นั
สงครามโลกครง้ั ที่ 1 (ค.ศ.1914-1919) ผลของสงคราม
เกดิ การจดั ตั้งองค์การสนั นบิ าตชาติ การประชมุ สันตภิ าพทีก่ รุงปารสี
(The League of Nations) ขน้ึ เพือ่ ทา ค.ศ. 1919 ของฝ่ายพนั ธมติ ร และมีการทา
หน้าทปี่ ระสานผลประโยชนแ์ ละแกไ้ ขขอ้ สนธสิ ญั ญาแวรซ์ าย ซึ่งส่วนหนงึ่ ไดร้ ะบใุ ห้
ขัดแยง้ ระหว่างประเทศ นบั เปน็ องคก์ าร มีการก่อตัง้ องค์การสนั นบิ าตชาตขิ น้ึ ตาม
ระหว่างประเทศองคก์ ารแรกของโลก แนวคิดหลกั การ 14 ขอ้ ของประธานาธบิ ดี
วูดโรว์ วิลสนั
ประวตั ิศาสตร์ ม.3 : ความขดั แย้งและความรว่ มมือของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 20 ถงึ ปัจจบุ นั
สงครามโลกคร้ังท่ี 1 (ค.ศ.1914-1919) ผลของสงคราม
เกดิ ประเทศขึ้นใหม่ในยโุ รป
ตะวนั ออก 7 ประเทศ ไดแ้ ก่ เชโก
สโลวะเกยี โปแลนด์ ฮังการี บัลแกเรยี
โรมาเนีย แอลเบเนีย และยโู กสลาเวยี
ประวัติศาสตร์ ม.3 : ความขดั แย้งและความรว่ มมอื ของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 20 ถงึ ปัจจบุ นั
สงครามโลกคร้งั ที่ 2
World War II
(ค.ศ.1939-1945)
เพจครจู เู นยี รส์ อนสังคม
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขัดแยง้ และความรว่ มมอื ของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 20 ถงึ ปัจจบุ นั
สงครามโลกคร้งั ท่ี 2 (ค.ศ.1939-1945)
สาเหตุ
ชนวนสงครามเกิดขนึ้ เมอื่ เยอรมนบี ุก
โปแลนด์ในวนั ท่ี 3 กนั ยายน ค.ศ.1939
ทาใหอ้ งั กฤษและฝรั่งเศสซง่ึ สนบั สนุน
โปแลนดป์ ระกาศสงครามต่อเยอรมนี
สงครามในยุโรปจึงขยายตัวและภายใน
ระยะเวลาอันส้ันนานาประเทศก็ถูกดึงให้
เขา้ ร่วมในสงคราม รวมถงึ ญป่ี ุน่ และ
สหรฐั อเมรกิ าดว้ ย
ประวตั ิศาสตร์ ม.3 : ความขัดแยง้ และความร่วมมอื ของโลกในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 20 ถึงปจั จบุ นั
สงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ.1939-1945) สาเหตขุ องสงคราม
2.ความล้มเหลวขององคก์ ารสนั นิบาตชาติ
องค์การสันนิบาตชาติซึ่งทาหน้าที่สร้างสันตภิ าพและเสริมสร้างความ
ร่วมมอื ระหวา่ งประเทศประสบความล้มเหลวในการดาเนินงานนับตัง้ แต่
ค.ศ.1932 เปน็ ตน้ มา
การที่สหรฐั อเมรกิ าซ่งึ เปน็ ประเทศมหาอานาจสาคญั ไม่ได้เข้าเป็น
สมาชกิ ทาให้สันนิบาตชาตไิ มเ่ ข้มแข็ง
ประวัติศาสตร์ ม.3 : ความขดั แยง้ และความรว่ มมอื ของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 20 ถึงปัจจบุ นั
สงครามโลกครง้ั ที่ 2 (ค.ศ.1939-1945) สาเหตขุ องสงคราม
1.ความไม่เปน็ ธรรมของสนธิสัญญาสนั ตภิ าพ
หลังสงครามโลกคร้งั ท่ี 1 ยตุ ลิ ง เยอรมนีจงึ ต่อต้านสนธิสัญญาแวร์
เยอรมนถี กู บบี บงั คับให้ลงนามใน ซายและมงุ่ ทาลายข้อตกลงใน
สนธิสญั ญาแวร์ซาย ซงึ่ สูญเสียดนิ แดน สนธสิ ญั ญา เมื่อฮิตเลอรเ์ ป็นผนู้ า
ท้งั ในยุโรปและอาณานคิ ม รวมทง้ั ถกู ลด เยอรมนี เขาจึงดาเนินนโยบายล้ม
กาลังอาวุธและตอ้ งเสยี คา่ ปฏกิ รรม ล้างเงื่อนไขและข้อตกลงใน
สงครามรวม 6,000 ลา้ นปอนด์ สนธสิ ญั ญาแวร์ซาย ซง่ึ นาไปสู่
สงคราม
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขัดแย้งและความร่วมมอื ของโลกในครสิ ต์ศตวรรษที่ 20 ถงึ ปจั จุบนั
สงครามโลกครัง้ ที่ 2 (ค.ศ.1939-1945) สาเหตขุ องสงคราม
3.การขยายตัวของลัทธิฟาสซิสตแ์ ละลทั ธินาซี
อดอลฟ์ ฮติ เลอร์ เบนิโต มุโสลนิ ี เม่ือมสุ โสลนิ ีก้าวขึน้ สูอ่ านาจทางการเมืองในอติ าลแี ละฮติ เลอร์ได้เปน็
ผู้นาเยอรมนี ใน ค.ศ1933 ทง้ั คตู่ า่ งพยายามขยายบทบาทและอทิ ธิพล
ของลทั ธิฟาสซสิ ต์และลัทธนิ าซี
แนวคิดน้ีเน้นแนวความคิดชาตนิ ยิ มและการขยายดนิ แดน รวมทง้ั
การนาสงครามเขา้ ไปในประเทศยโุ รปต่างๆทาใหเ้ กิดกรณพี พิ าทและ
นาไปส่สู งคราม
ประวัติศาสตร์ ม.3 : ความขัดแยง้ และความร่วมมือของโลกในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 20 ถึงปจั จบุ ัน
สงครามโลกครง้ั ท่ี 2 (ค.ศ.1939-1945) สาเหตขุ องสงคราม
4.ลัทธนิ ิยมทหารและการแข่งขนั ทางเศรษฐกิจ
ในการทาลายข้อตกลงในสนธิสัญญาแวรซ์ าย เยอรมนีเหน็ ความ
จาเปน็ ท่ีจะต้องเสริมสร้างกาลังทหารและอาวุธอยา่ งลบั ๆ ลัทธินยิ มทหาร
จึงมีบทบาทสาคัญมากขน้ึ
การแข่งขนั ทางเศรษฐกจิ เพอื่ สรา้ งความแข็งแกรง่ ทางการเมืองและ
สงั คมก็นาไปสูก่ ารแย่งชงิ ดนิ แดนและการขยายอานาจระหวา่ งประเทศ ทา
ใหเ้ กิดความขดั แย้งระหวา่ งประเทศจนนาไปสูส่ งคราม
ประวัติศาสตร์ ม.3 : ความขัดแยง้ และความรว่ มมอื ของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ถึงปัจจบุ ัน
สงครามโลกครัง้ ท่ี 2 (ค.ศ.1939-1945) เสน้
เแวสดลงาเหตกุ ารณส์ าคัญ
เยอรมนบี ุกโปแลนด์ 1943
• เยอรมนยี อมแพแ้ ละยตุ ิ
เยอรมนีบุกสหภาพโซเวยี ต
ญี่ปนุ่ บกุ โจมตอี า่ วเพริ ์ลทห่ี มู่ สงครามในทวปี ยโุ รป
เกาะฮาวาย ทาใหส้ หรัฐอเมริกา
• สหรัฐอเมริกาทงิ้ ระเบิดปรมณู
ประกาศสงครามกบั ญ่ปี ่นุ
ถล่มเมอื งฮโิ ระชิมะและนะงะ
1939 1941
ซะกิ ทาให้ญีป่ นุ่ ยอมแพ้
สงครามจงึ ยตุ ลิ ง
1945
1940 1942 1944
เยอรมนีโจมตนี อรเ์ วย์ ญ่ปี ุ่นบกุ ยึดสงิ คโปรซ์ ึง่ เปน็ ฝา่ ยพนั ธมติ รยกพลข้ึนบกในวันดี-เดย์
เดนมาร์กและบกุ ยึด ฐานทพั สาคญั ขององั กฤษ
กรงุ ปารีสของฝรง่ั เศส
ประวตั ศิ าสตร์ ม.3 : ความขดั แยง้ และความรว่ มมอื ของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 20 ถึงปจั จุบนั
สงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ.1939-1945) ผลจากสงคราม
ประเทศมหาอานาจยุโรปสญู เสีย การแขง่ ขันกันขยายอทิ ธพิ ลและ
สถานภาพความเปน็ ประเทศ อุดมการณท์ างการเมอื งของ
มหาอานาจ สหรฐั อเมรกิ าและสหภาพ สหรฐั อเมรกิ าและสหภาพโซเวียต
โซเวียต กลายเปน็ ประเทศ ทาให้ยโุ รป ถูกแบ่งออกเป็น 2 สว่ น
อภิมหาอานาจทมี่ ีบทบาทและ คอื ยุโรปตะวันตกกับยโุ รปตะวันออก
อทิ ธิพลในยโุ รป
ประวัติศาสตร์ ม.3 : ความขัดแยง้ และความรว่ มมอื ของโลกในคริสตศ์ ตวรรษที่ 20 ถึงปจั จบุ ัน
สงครามโลกครั้งท่ี 2 (ค.ศ.1939-1945) ผลจากสงคราม
เยอรมนถี ูกแบง่ ออกเป็น 4 สว่ น คือ
เยอรมนตี ะวันตก สว่ นของฝร่งั เศส
องั กฤษและสหรัฐอเมรกิ า และเยอรมนี
ตะวนั ออกของสหภาพโซเวียต และกรุง
เบอร์ลนิ ยงั ถกู แบ่งเปน็ 4 ส่วนใหแ้ ก่
มหาอานาจทงั้ 4 ด้วย
ประวัติศาสตร์ ม.3 : ความขดั แย้งและความรว่ มมอื ของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 20 ถงึ ปัจจบุ ัน
สงครามโลกคร้งั ท่ี 2 (ค.ศ.1939-1945) ผลจากสงคราม
ประเทศพนั ธมติ รทีช่ นะสงคราม มีการจัดตั้งองค์การสหประชาชาติ
จัดการพจิ ารณาความผิดของผูน้ าพรรคนาซที ี่ (United Nations) ขนึ้ เพื่อเป็น
เมอื งนูเรมเบริ ก์ ประเทศเยอรมนี และตัดสินวา่ องค์การระหว่างประเทศ ทาหน้าท่ี
รกั ษาสนั ติภาพและเสรมิ สร้างความ
ผู้นาพรรคนาซีมคี วามผดิ ดว้ ยการกอ่ รว่ มมือระหว่างประเทศระดับโลก
อาชญากรรมต่อสนั ติภาพและก่อสงคราม และ
พจิ ารณาวา่ องค์การของพรรคนาซี
เป็นองคก์ ารอาชญากรสงคราม
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขัดแย้งและความรว่ มมือของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 20 ถึงปจั จุบัน
สงครามเย็น
Cold War
(ค.ศ.1945-1991)
เพจครูจูเนียร์สอนสังคม
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขดั แยง้ และความรว่ มมือของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 20 ถงึ ปัจจบุ นั
สงครามเย็น (ค.ศ.1945-1991)
สาเหตุ
หลังจากสน้ิ สดุ สงครามโลก
สหรัฐอเมริกาเขา้ มาช่วยเหลอื ยโุ รป
ตะวนั ตกในการฟ้นื ฟปู ระเทศและ
ขดั ขวางการขยายอิทธิพลของ
สหภาพโซเวยี ต
แผนทีป่ ระเทศพนั ธมติ ร
สงครามเยน็ ในยโุ รป
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขัดแย้งและความร่วมมือของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 20 ถึงปจั จบุ นั
สงครามเย็น (ค.ศ.1945-1991)
เกดิ ความขัดแย้งทางการเมือง
และอุดมการณร์ ะหวา่ งกลุ่ม
ประเทศประชาธปิ ไตยทนี่ า
โดยสหรฐั อเมริกา กบั กล่มุ
ประเทศคอมมิวนสิ ต์ทน่ี าโดย
สหภาพโซเวียต กลายเปน็
สงครามเยน็ ที่ขยายขอบเขต
ไปยงั พืน้ ท่ตี า่ งๆ ทัว่ โลก
ประวัติศาสตร์ ม.3 : ความขดั แยง้ และความรว่ มมอื ของโลกในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 20 ถึงปัจจุบนั
สงครามเย็น (ค.ศ.1945-1991) จุดเรม่ิ ตน้ ของสงคราม
สงครามเย็นเกดิ ข้นึ อยา่ งชดั เจนใน ค.ศ.1947 เมอื่ เกดิ สงคราม วาทะทรูแมน
กลางเมอื งกรซี ซ่ึงมีผลใหส้ หรัฐอเมริกาประกาศหลกั การทรแู มน (Truman Doctrine)
(Truman Doctrine) มีสาระสาคญั คือ การช่วยเหลอื ประเทศ
ตา่ งๆ ที่ถูกลทั ธคิ อมมวิ นสิ ตค์ กุ คาม และพรอ้ มให้ความชว่ ยเหลอื
ด้านกาลังอาวธุ และการเงินแกป่ ระเทศน้นั ๆ
ประธานาธิบดแี ฮร์รี เอส ทรูแมน ลงนามในแผนการมารแ์ ชลล์ อนมุ ัตใิ ห้ความ
ชว่ ยเหลอื แกป่ ระเทศต่างๆ ในยโุ รปตะวันตกท่ไี ด้รับความเสยี หายจากสงคราม
ประวัติศาสตร์ ม.3 : ความขดั แยง้ และความรว่ มมอื ของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 20 ถงึ ปจั จบุ นั
สงครามเยน็ (ค.ศ.1945-1991) วธิ กี ารรบในสงคราม
ตัวอยา่ งปา้ ยโฆษณาชวนเชือ่ ในชว่ งสงครามเยน็
ประเทศคู่รบในสงครามเย็นไม่ใช้อาวธุ ทาสงครามกนั
อย่างเปิดเผย แตม่ กี ารสะสมกาลงั อาวธุ และกาลงั รบควบคูไ่ ป
กบั การต่อสู้ดว้ ยวธิ กี ารแข่งขนั แยง่ ชงิ อานาจและอิทธพิ ลใน
ด้านตา่ งๆ เช่น ด้านการทตู ด้านการทหาร ด้านการโฆษณา
ชวนเชื่อ เปน็ ต้น
ประวัติศาสตร์ ม.3 : ความขดั แย้งและความรว่ มมือของโลกในคริสต์ศตวรรษท่ี 20 ถงึ ปจั จุบนั
สงครามเย็น (ค.ศ.1945-1991) วธิ กี ารรบในสงคราม
การแข่งขนั ทางอวกาศ
ปี 1957 สหภาพโซเวยี ตประสบ สหรฐั ส่งยานอะพอลโล 11
ความสาเร็จในการส่งดาวเทยี มส ลงจอดบนดวงจนั ทรไ์ ด้
ปตุ นกิ 1 ขนึ้ ไปโคจรในอวกาศ
สาเรจ็ ในปี 1969
สหภาพโซเวยี ตสง่ ยูรี กาการนิ นีล อาร์มสตรอง เป็นมนุษย์คน
ข้นึ ไปเป็นมนษุ ย์คนแรกใน แรกท่ีเหยียบพน้ื ผวิ ดวงจนั ทรใ์ น
อวกาศในปี 1961 ปี 1969
ประวตั ศิ าสตร์ ม.3 : ความขดั แย้งและความร่วมมอื ของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ถงึ ปัจจุบัน
สงครามเยน็ (ค.ศ.1945-1991) วธิ กี ารรบในสงคราม
สงครามเกาหลี สงครามตัวแทน
หลังสงครามโลกครัง้ ท่ี 2 เกาหลไี ด้ถูกแบง่ แยก สงครามเวยี ดนาม
อยทู่ ีเ่ ส้นขนานท่ี 38 กลายเปน็ สองเขตแดนของการ
ยดึ ครอง โซเวยี ตได้ปกครองดนิ แดนสว่ นครึ่งนงึ จาก สงครามเวียดนาม หรืออีกชอ่ื หนง่ึ วา่ สงครามอนิ โดจนี
ทางเหนือและอเมรกิ ันก็ปกครองดนิ แดนอีกส่วนครงึ่ นงึ ครั้งที่สองและในเวียดนามเรียก สงครามตอ่ ตา้ นอเมรกิ า
จากทางใต้ ด้วยชายแดนต้งั อยูท่ เี่ ส้นขนานท่ี 38 เปน็ ความขดั แย้งในเวยี ดนาม ลาว และกมั พูชาต้งั แต่
สงครามเกาหลี เป็นสงครามระหวา่ ง สาธารณรัฐประชาธปิ ไตย วันท่ี 1 พฤศจิกายน 1955 จนกรุงไซง่ ่อนถูกยึดและเปน็
ประชาชนเกาหลี และสาธารณรัฐเกาหลี สองรฐั เอกราชไดถ้ กู การต่อสรู้ ะหว่างเวียดนามเหนือและเวยี ดนามใตอ้ ยา่ งเปน็ ทางการ
สถาปนาขน้ึ อันเป็นผลมาจากความตึงเครียดทางการเมืองของ
สงครามเย็น(ระหวา่ งสหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมรกิ า) สงคราม เวยี ดนามเหนอื ได้รับการสนบั สนุนจากสหภาพโซเวียต จนี และ
เรมิ่ ต้นขนึ้ เมอ่ื วันท่ี 25 มถิ ุนายน ค.ศ. 1950 เม่ือเกดิ ความขัดแย้ง ประเทศพันธมิตรฝา่ ยลทั ธิคอมมวิ นิสตอ์ น่ื เวยี ดนามใตไ้ ด้รับการสนับสนุน
เกาหลีเหนือได้ส่งกองทพั เขา้ รกุ รานเกาหลีใต้ สงครามเกาหลเี ปน็ โดยสหรฐั เกาหลีใต้ ฟิลิปปนิ ส์ ออสเตรเลีย ไทย และประเทศพันธมติ ร
หนงึ่ ในความขดั แยง้ ที่มีการทาลายลา้ งมากทีส่ ดุ ในยุคปัจจบุ ัน ฝา่ ยต่อตา้ นลทั ธิคอมมิวนสิ ตอ์ น่ื ฝ่ายคอมมิวนสิ ต์เวียดนามเหนือมีกองทัพเวียด
ดว้ ยจานวนผ้เู สียชวี ติ จากสงครามประมาณ 3 ลา้ นคน มนิ ห์ สาหรบั การรบเต็มรูปแบบและมขี บวนการเวยี ดกง การรบในเวยี ดนามซงึ่ ทา
ใหส้ หรฐั สูญเสียทหารจานวนมาก เพราะไม่คนุ้ เคยกับภูมิประเทศและมีความ
กดดันจากการเผชิญกับเวียดกงทรี่ บในประเทศตนเอง ยากตอ่ การเอาชนะ คนหนมุ่
สาวในสหรฐั จึงเดินขบวนเรยี กร้องสันตภิ าพทั่วประเทศ เรยี กรอ้ งใหถ้ อนทหารจาก
สงครามเวียดนาม หลังจากนนั้ สหรฐั ได้ตกลงถอนทหารจนสิ้นสดุ ในเดือนเมษายน
1975 กองทัพเวียดนามเหนอื เข้ายึดครองไซง่อนไดส้ าเรจ็ และ
เปล่ยี นชือ่ เมืองเป็น โฮชมิ นิ หซ์ ิตี
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขดั แย้งและความร่วมมือของโลกในครสิ ต์ศตวรรษที่ 20 ถึงปัจจุบัน
สงครามเยน็ (ค.ศ.1945-1991) วิธกี ารรบในสงคราม
วิกฤตการณข์ ีปนาวุธท่คี วิ บา วกิ ฤตการณ์ ตา่ งๆ
คอื การเผชญิ หน้าทางทหารระหวา่ งสหรฐั การบกุ เชโกสโลวะเกีย
อเมรกิ าฝา่ ยหนึ่ง กบั สหภาพโซเวยี ตและประเทศ
คิวบาอีกฝา่ ยหนึ่ง ในช่วงเวลาท่ีสงครามเย็นอยูใ่ นช่วง เป็นเหตุการณ์ท่สี หภาพโซเวียตและพนั ธมติ ร
ความตึงเครียดจนเกอื บจะกลายไปเปน็ สงครามปรมาณู หลักของสหภาพโซเวยี ตตามกตกิ าสัญญาวอร์ซอ
การเผชิญหน้าเร่มิ ขึ้นเมื่อวันท่ี 14 ตลุ าคม ค.ศ. 1962 เมอ่ื รุกรานเชโกสโลวาเกยี เพ่ือยบั ยงั้ การปฏิรปู ทางการ
ภาพถ่ายจากเครอ่ื งบนิ สังเกตการณ์ ย-ู 2 ของสหรัฐอเมริกา เผยให้เห็นฐานปล่อย เมืองของอเลก็ ซานเดอร์ ดปุ เชค ในชว่ งปรากสปรงิ
ขปี นาวุธ กาลังถูกสร้างขน้ึ ในคิวบา ภายใตก้ ารปกครองของฟเิ ดล กสั โตร เพ่ือ
ตอบโต้การสร้างฐานขีปนาวธุ ของสหรัฐอเมรกิ า ณ บริเวณพรมแดนของตุรกีและ สหภาพโซเวยี ตและพนั ธมติ รหลกั ในกติกาสัญญา
สหภาพโซเวียต ทางสหรัฐอเมริกาไดก้ าหนดมาตรการกักกนั สง่ เรอื รบเขา้ ปดิ วอรซ์ ออนั ไดแ้ ก่บลั แกเรีย ฮังการี เยอรมนีตะวนั ออก และโปแลนด์
ล้อมคิวบา หา้ มเรอื บรรทกุ สนิ คา้ ทุกลาผา่ นเขา้ มาในน่านน้าทะเลแคริบเบียน รกุ รานสาธารณรัฐสงั คมนยิ มเชโกสโลวาเกยี ในปฏบิ ัติการดานูบด้วยกอง
หลังจากการเผชญิ หนา้ ผา่ นการโตต้ อบทางการทตู อย่างดเุ ดือด ท้งั ประธานาธิบดี กาลงั ทหาร 500,000 นาย ทัง้ นี้โรมาเนียและแอลเบเนยี ซ่ึงเป็นรฐั
สหรัฐอเมรกิ า จอห์น เอฟ. เคนเนดี และนายกรฐั มนตรแี หง่ สหภาพโซเวียต นิกิ สมาชิกของกตกิ าสญั ญาวอร์ซอปฏิเสธทจ่ี ะมสี ่วนร่วมในปฏิบตั กิ าร
ตา ครุสชอฟ ต่างตกลงยนิ ยอมท่ีจะถอนอาวธุ ปรมาณขู องตนออกจากตรุ กแี ละ ดังกลา่ ว ในขณะที่ฝา่ ยเชโกสโลวาเกียมผี ู้ได้รบั บาดเจบ็ 500 คน และ
ควิ บาตามลาดบั จากการร้องขอของอู ถนั่ ซง่ึ ดารงตาแหนง่ เลขาธกิ าร เสยี ชีวิต 108 คน การรกุ รานครั้งนีป้ ระสบความสาเรจ็ ในท้ายทสี่ ดุ สง่ ผล
สหประชาชาติในเวลาน้นั ใหก้ ารปฏิรูปและการเปดิ เสรีในเชโกสโลวาเกียหยดุ ชะงกั ลง ทั้งยังช่วย
เสริมสรา้ งอานาจของฝ่ายซา้ ยภายในพรรคคอมมวิ นิสต์แห่งเชโกสโลวา
เกีย ใหเ้ ขม้ แขง็ ข้ึน
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขดั แย้งและความรว่ มมือของโลกในครสิ ต์ศตวรรษที่ 20 ถงึ ปัจจบุ นั
สงครามเย็น (ค.ศ.1945-1991) การผ่อนคลายความตงึ เครียด
ของสงคราม
ค.ศ.1969-1979
สหรฐั อเมริกาและสหภาพโซเวยี ตปรับเปล่ียนนโยบายจากการ
แข่งขันกันขยายอานาจและสะสมอาวุธมาเป็นการสร้าง
ความสัมพันธต์ อ่ กันและร่วมมือกนั ในด้านเศรษฐกจิ การค้า สังคม
และวัฒนธรรม ทาให้บรรยากาศตงึ เครยี ดของสงครามผอ่ นคลาย
ลง
เลโอนิด เบรจเนฟ ผนู้ าโซเวยี ต (ซา้ ย) และรชิ ารด์ นิกสัน ผูน้ าสหรัฐ (ขวา)
ระหว่างการเยือนสหรัฐของเบรจเนฟในค.ศ. 1973
นบั เปน็ หน่งึ ในเหตกุ ารณส์ าคัญของการผ่อนคลายความตงึ เครียด
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขัดแยง้ และความร่วมมือของโลกในครสิ ต์ศตวรรษที่ 20 ถงึ ปจั จุบนั
สงครามเยน็ (ค.ศ.1945-1991) การผ่อนคลายความตึงเครียด
ของสงคราม
ค.ศ.1975
กลมุ่ ประเทศคา่ ยโลกเสรีและค่ายโลกคอมมิวนสิ ตจ์ ดั การ
ประชุมเพ่อื ความมน่ั คงและความรว่ มมอื กันในยโุ รป หรอื ซีเอสซี
อี เน้นการเคารพในอานาจอธปิ ไตยของนานาประเทศ และแก้ไข
ขอ้ พิพาทระหว่างประเทศดว้ ยสันตวิ ธิ ี แต่ภาวะสงครามเยน็
กลบั มาอีกครั้งใน ค.ศ. 1979 เมอื่ สหภาพโซเวียตบุก
อฟั กานสิ ถาน เพ่อื ครอบครองอา่ วเปอรเ์ ซยี และแหลง่
น้ามันดบิ ในตะวนั ออกกลาง
ประวตั ศิ าสตร์ ม.3 : ความขดั แย้งและความร่วมมือของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 20 ถงึ ปัจจบุ ัน
สงครามเย็น (ค.ศ.1945-1991) การสิ้นสุดของสงครามเยน็
ค.ศ.1985 ค.ศ.1985-1989 ค.ศ.1989
ประธานาธบิ ดมี ีฮาอิล กอรบ์ าชอฟ ปฏิรปู สหภาพ เกดิ การประชุมเจรจาหลายครั้งระหว่าง ประเทศยุโรปตะวนั ออกเคล่อื นไหว
โซเวียตใหเ้ ป็นประชาธิปไตยมากขน้ึ ใชน้ โยบาย สหรฐั อเมริกากบั สภาพโซเวยี ต และตกลงกนั ลด แยกตัวออกจากสหภาพโซเวยี ต โดยไมม่ ี
กลาสนอสนต์-เปเรสทรอยกา (เปิด-ปรับ)และเนน้ กาลังอาวธุ นวิ เคลยี ร์ และหาแนวทางยตุ คิ วาม การขดั ขวางจากสหภาพโซเวียต
การดาเนนิ นโยบายร่วมมอื กับนานาประเทศเพอ่ื ขัดแย้งทางการเมืองรว่ มกนั
แกป้ ัญหาตา่ งๆ
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขดั แย้งและความร่วมมอื ของโลกในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 20 ถงึ ปจั จบุ นั
สงครามเย็น (ค.ศ.1945-1991) การสน้ิ สุดของสงครามเยน็
การทาลายกาแพงเบอร์ลนิ
ค.ศ.1990
กาแพงเบอรล์ ินกอ่ สรา้ งข้นึ ในปี ค.ศ. 1961 เพอื่ แบง่ แยกพื้นท่ี 3
ส่วน ท่ีควบคุมโดยประเทศฝร่งั เศส อังกฤษ และสหรฐั อเมริกา ออก
จากพนื้ ทีท่ ่คี วบคุมโดยสหภาพโซเวยี ต โดยกาแพงในเบอรล์ นิ ส่วน
ทแ่ี บง่ แยกเบอร์ลนิ ตะวนั ออกและตะวันตกออกจากกัน มีความสูง 3-4
เมตร ยาว 45 กิโลเมตร
ตลอดเวลา 28 ปี กระท่ังกาแพงเบอรล์ นิ ลม่ สลาย มชี าวเยอรมนั
ตะวันออกมากกว่า 100,000 คน พยายามขา้ มกาแพงเบอรล์ ิน แต่
ประสบความสาเร็จเพียง 5,000-10,000 คนเทา่ นั้น โดยตวั เลข
ผูเ้ สียชวี ติ ทีม่ กี ารเปดิ เผยอย่างเปน็ ทางการอยทู่ ่ี 136 ราย หลายคน
เสยี ชีวติ เพราะถูกทหารยิง บางสว่ นเสียชีวติ เพราะอุบัติเหตุ เช่น
จมนา้ ในแนวแบง่ เขตกลางแม่น้า
กาแพงเบอรล์ ินเป็นสัญลกั ษณแ์ ห่งสงครามเย็น และวันท่มี ันลม่
สลายถูกนับเป็นวนั ส้ินสุดสงครามเยน็
ประวัติศาสตร์ ม.3 : ความขัดแยง้ และความรว่ มมอื ของโลกในคริสต์ศตวรรษท่ี 20 ถึงปจั จุบนั
สงครามเยน็ (ค.ศ.1945-1991) การส้นิ สดุ ของสงครามเยน็
ประเทศที่แยกตวั หลงั สหภาพโซเวยี ตลม่ สลาย สหภาพโซเวยี ตลม่ สลาย
1. ประเทศเอสโตเนีย ( Estonia )
2. ประเทศลตั เวยี ( Latvia ) ค.ศ.1991
3. ประเทศลิทัวเนีย ( Lithuania )
4. ประเทศเบลารุส ( Belarus )
5. ประเทศยเู ครน ( Ukraine )
6. ประเทศรัสเซยี ( Russia )
7. ประเทศอาร์เมเนีย ( Armenia )
8. ประเทศอาเซอร์ไบจาน ( Azerbaijan )
9. ประเทศคาซคั สถาน ( Kazakhstan )
10. ประเทศคีร์กีซสถาน ( Kyrgyzstan )
11. ประเทศมอลโดวา ( Moldova )
12. ประเทศทาจิกสิ ถาน ( Tajikistan )
13. ประเทศเตริ ์กเมนิสถาน ( Turkmenistan )
14. ประเทศอซุ เบกิสถาน ( Uzbekistan )
15. ประเทศจอร์เจีย ( Georgia )
ประวตั ศิ าสตร์ ม.3 : ความขัดแย้งและความรว่ มมือของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ถึงปจั จบุ ัน
สงครามเยน็ (ค.ศ.1945-1991) การสนิ้ สดุ ของสงครามเยน็
• หลังสนิ้ สดุ สงครามเย็น สหรัฐอเมรกิ ากลายเป็นประเทศอภมิ หาอานาจเพยี งประเทศเดียวในโลก
• สหรฐั อเมรกิ าต้องดาเนินนโยบายโดยอาศัยกรอบความร่วมมอื ในองค์การระหว่างประเทศตา่ งๆ โดยเฉพาะ
องค์การสหประชาชาตแิ ละองค์การนาโต
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขดั แยง้ และความรว่ มมือของโลกในครสิ ต์ศตวรรษที่ 20 ถึงปัจจบุ นั
ความร่วมมอื
ในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 20 ถงึ ปัจจบุ ัน
เพจครจู ูเนียร์สอนสงั คม
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขดั แยง้ และความรว่ มมอื ของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 20 ถึงปัจจุบัน
องคก์ ารสหประชาชาติ (United Nation : UN)
องคก์ ารสหประชาชาติ มีสานักงานใหญอ่ ย่ทู ีน่ ครนวิ ยอรก์ ประเทศสหรฐั อเมริกา
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขัดแย้งและความร่วมมือของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ถึงปจั จุบนั
องคก์ ารสหประชาชาติ (United Nation : UN)
• กอ่ ตง้ั ในช่วงช่วงปลายสงครามโลกครงั้ ที่ 2 เมอ่ื ผู้แทนผแู้ ทนจากประเทศฝรงั่ เศส
สาธารณรัฐจนี สหราชอาณาจกั ร สหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียต ได้ประชุมรว่ มกัน
เพ่อื วางแนวทางในการจดั ต้งั องคก์ ารระหว่างประเทศข้ึน
• ผูแ้ ทนจาก 50 ประเทศได้ประชุมร่วมกันเพ่ือรา่ งกฎบตั รขององคก์ ารสหประชาชาติ ทา
ใหอ้ งคก์ ารสหประชาชาตกิ อ่ ต้งั ขึ้นอยา่ งเป็นทางการในวนั ที่ 24 ตลุ าคม ค.ศ.1945 เมือ่
กฎบตั รได้รับสัตยาบนั จากชาตติ า่ งๆ ทีล่ งนามในกฎบัตรเป็นสว่ นใหญ่
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขดั แย้งและความรว่ มมือของโลกในคริสต์ศตวรรษท่ี 20 ถงึ ปัจจุบนั
วตั ถปุ ระสงค์หลักขององค์การสหประชาชาติ
มจี ุดมงุ่ หมาย ๔ ประการ คือ
ประการท่ี 1 ประการท่ี 4
รักษาสันตภิ าพ เปน็ ศนู ย์กลางในการสรา้ ง
และความม่ันคงของโลก สมานฉันท์ในการดาเนิน
นโยบายของชาตติ า่ งๆ
ประการท่ี 2 ประการท่ี 3
พัฒนาความสัมพนั ธ์ ร่วมมือแก้ปัญหาระหวา่ ง
ฉนั มติ รระหวา่ งประเทศ ประเทศและส่งเสรมิ
การเคารพสทิ ธมิ นษุ ยชน
ประวตั ศิ าสตร์ ม.3 : ความขดั แยง้ และความร่วมมอื ของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 20 ถงึ ปจั จบุ นั
แนวทางการดาเนนิ งานขององค์การสหประชาชาติในคริสต์ศตวรรษที่ 21
การธารงสันตภิ าพ การพฒั นา การสง่ เสรมิ สิทธมิ นษุ ยชน
และความม่ันคง และการลดความยากจน ประชาธปิ ไตย
และการลดอาวุธ และธรรมาภิบาล
(good governance)
การพิทักษ์ การให้ความ การค้มุ ครอง การเพ่ิมความเขม้ แข็ง
ส่งิ แวดล้อมโลก ชว่ ยเหลือประเทศ ผทู้ อ่ี อ่ นแอหรอื ใหแ้ ก่สหประชาชาติ
ในทวปี แอฟริกา ผทู้ ่เี สยี เปรยี บ
ประวตั ศิ าสตร์ ม.3 : ความขัดแย้งและความรว่ มมอื ของโลกในครสิ ต์ศตวรรษที่ 20 ถงึ ปจั จุบนั
สหภาพยุโรป (Eropean Union : EU)
สภายุโรป ท่เี มอื งสตราสบรู ก์ ประเทศฝรง่ั เศส มีหน้าที่หลักในการตรวจสอบและบญั ญัติ
กฎหมายของสหภาพยโุ รปโดยสว่ นใหญ่จะใช้อานาจร่วมกับคณะมนตรแี ห่งสหภาพยโุ รป
ประวตั ิศาสตร์ ม.3 : ความขัดแย้งและความรว่ มมอื ของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ถงึ ปัจจุบนั
สหภาพยุโรป (Eropean Union : EU)
• สหภาพยุโรปสถาปนาอย่างเปน็ ทางการในตน้ ทศวรรษ 1990 สบื เนอื่ งมาจากการ
ดาเนนิ งานขององคก์ รความร่วมมอื ในยุโรปที่กอ่ ตงั้ มาก่อน
• มกี ารทาสนธิสัญญากอ่ ตั้งสหภาพยุโรปข้นึ ทเ่ี มอื งมาสตริกต์ ประเทศเนเธอร์แลนด์
เม่ือ ค.ศ.1993
• สมาชกิ รว่ มก่อต้ังมี 15 ประเทศ ปจั จบุ นั มสี มาชกิ 18 ประเทศสานักงานใหญ่ตั้งอยทู่ ่ี
กรงุ บรสั เซลส์ ประเทศเบลเยียม และมีคาขวญั ประจาองค์กรว่า “United in
Diversity”
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขดั แย้งและความรว่ มมือของโลกในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 20 ถึงปัจจุบัน
วตั ถปุ ระสงค์หลักและกลไกของสหภาพยุโรป
วตั ถุประสงค์ กลไกการบรหิ ารและแนวทางดาเนนิ งานของสหภาพยโุ รป
เพื่อรว่ มมอื กันสรา้ งเอกภาพในการ มตี ัวแทนประจาอย่ตู ามประเทศต่างๆ
ดาเนนิ นโยบายด้านการเมือง เศรษฐกิจ และในหน่วยงานระหวา่ งประเทศอ่ืนๆ
การเงนิ สงั คม วฒั นธรรม ความมน่ั คง และ
การต่างประเทศ โดยคาดหวงั ว่าจะนาไปสู่ คณะ ธนาคาร
การสรา้ งสหรฐั ยโุ รป (United States of คณะรัฐมนตรี กรรมาธกิ าร กลาง
Europe) หรอื ยโุ รปที่ไรพ้ รมแดนอย่าง
แท้จริงในอนาคต รฐั สภา ศาล
ยุตธิ รรม
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขดั แยง้ และความรว่ มมอื ของโลกในคริสต์ศตวรรษท่ี 20 ถงึ ปัจจบุ นั
สหภาพยโุ รป (Eropean Union : EU)
ใน ค.ศ.2009 ไดม้ กี ารบงั คบั ใช้สนธสิ ญั ญา ยกระดับความโปรง่ ใสและความเปน็ ประชาธิปไตย
ลิสบอน เพือ่ รองรับการทางานขององคก์ รท่ีมสี มาชิก เพิม่ ศกั ยภาพภายใน
เพิ่มมากขน้ึ และเพ่อื ยกระดบั ความรว่ มมอื ทาง
เศรษฐกิจ อนั มผี ลตอ่ สหภาพยโุ รปดงั น้ี สร้างคณุ ค่าและความเป็นปกึ แผ่นภายใน
เนน้ การเปน็ ผู้นาในระดบั โลก
ประวัติศาสตร์ ม.3 : ความขดั แยง้ และความรว่ มมอื ของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 20 ถงึ ปจั จบุ นั
องค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO)
องคก์ ารการคา้ โลก (WTO) มีสานกั งานใหญ่
ต้งั อยู่ท่นี ครเจนีวา ประเทศสวติ เซอร์แลนด์
ประวัตศิ าสตร์ ม.3 : ความขดั แยง้ และความรว่ มมือของโลกในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 20 ถงึ ปจั จุบนั
องค์การการคา้ โลก (World Trade Organization : WTO)
• เป็นองคก์ ารระหว่างประเทศในชว่ งหลงั สงครามโลกครัง้ ท่ี 2
• พัฒนามาจากความตกลงทั่วไปวา่ ด้วยพิกดั อตั ราศุลกากรและการคา้
หรือแกตต์
• WTO ไดก้ อ่ ตั้งข้นึ อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ.1995
หลงั จากการเจรจาการคา้ รอบอุรุกวยั จบลง
• มีสมาชิกเริม่ แรก 81 ประเทศ และปจั จุบันมีสมาชิกทั้งส้นิ 191 ประเทศ
ประวตั ิศาสตร์ ม.3 : ความขดั แยง้ และความร่วมมือของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 20 ถงึ ปจั จุบัน
วัตถปุ ระสงคข์ ององค์การการคา้ โลก (WTO)
เปดิ เสรีการคา้ ระหวา่ งประเทศอยา่ งค่อยเป็นคอ่ ยไปตามความพร้อม
และระดบั การพฒั นาของประเทศสมาชกิ โดยมกี ติกากาหนดใหป้ ฏิบตั ิ
อยา่ งเป็นพิเศษแกป่ ระเทศกาลงั พฒั นาเพ่ือสนบั สนุนใหเ้ ขา้ ร่วมในระบบ
การค้าพหุภาคี ดงั น้ัน ประเทศสมาชกิ มพี นั ธะท่จี ะตอ้ งปฏิบตั ติ นภายใต้
กรอบความตกลงต่างๆ ขององคก์ าร