การเคลื่ลื่ลื่ ลื่ลื่ลื่ ลื่ อ ลื่ อ ลื่ อนที่ที่ที่ ที่ ข ที่ ข ที่ ของ สิ่สิ่สิ่ง สิ่ ง สิ่ ง สิ่ มีมีมีชี มี ชี มี ชี มี วิ ชี วิ ชี วิ ชี ต วิ ต วิ ต วิ เซลล์ล์ล์ ล์ เ ล์ เ ล์ เดีดีดีย ดี ย ดี ย ดี ว
สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวและสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ในอาณา จักรโพรทิสตา (KINGDOM PROTISTA) คือ สิ่งมีชีวิต ขนาดเล็กที่ไม่มีระบบเนื้อเยื่อและโครงกระดูกเหมือน สัตว์ชั้นสูงชนิดอื่น ๆ ดังนั้น การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น จึงจำ เป็นต้องอาศัยโครงร่างค้ำ จุนภายในเซลล์ที่ เรียกว่า “ไซโทสเกเลตอน” (CYTOSKELETON) ซึ่ง ประกอบด้วยเส้นใยโปรตีนจำ นวนมาก เช่น ไมโครฟิลาเมนท์ (MICROFILAMENT) ที่ประกอบขึ้น จากโปรตีน 2 ชนิด ได้แก่ แอคติน (ACTIN) และไมโอ ซิน (MYOSIN) ทำ หน้าที่คงรูปร่างไปพร้อมกับการ กำ หนดลักษณะการเคลื่อนไหว การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต วิ เซลล์เดียว
การเคลื่อนไหวโดยอาศัยการไหล ของไซโทพลาซึม ไซโทพลาซึม (Cytoplasm) หมายถึง ส่วนของ โพรโทพลาซึมภายในเซลล์ทั้งหมด การเคลื่อนไหว โดยใช้ไซโทพลาซึมนี้จะเคลื่อนไหวโดยการยืดส่วน ของไซโทพลาซึม ออกจากเซลล์ เ ช่น การเคลื่อนไหว ของราเมือก อะมีบา เป็นต้น การเคลื่อนไหวของ อะมีบา ซึ่งเป็นโพรทิสต์ที่อาศัย การไหลของไซโท พลาซึมที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เอ็กโทพลาซึม (ectoplasm) เป็นไซโทพลาซึมชั้นนอก มีลักษณะ เป็นสารกึ่งแข็งกึ่งเหลว เรียกว่า เจล (gel) และ เอน โดพลาซึม (endoplasm) เป็นไซโทพลาซึมชั้นในมี ลักษณะค่อนข้างเหลวกว่าเรียกว่า โซล ( sol)
ภายในไซโทพลาซึมมีไมโครฟิลาเมนต์ (microfilament) เป็นเส้นใยโปรตีน แอกทินและไมโอซิน เป็น โครงสร้างที่ทำ ให้เอนโดพลาซึมไหลไป- มาภายใน เซลล์ได้ และดันเยื่อหุ้มเซลล์ ให้โป่งออกมาเป็น ขา เทียม (pseudopodium) ทำ ให้อะมีบาเคลื่อนไหวได้ เรียกว่า การเคลื่อนไหวแบบอะมีบา (amoeboid movement) แสดงจำ นวนขาเทียมของอะมีบา เกิดจากการไหลของไซโทพลาซึม
การเคลื่อนไหวโดยอาศัยแฟลเจลลัมหรือซีเลีย ซึ่งเป็นโครงสร้างเล็กๆ ที่ยื่นออกมาจากเซลล์ สามารถโบกพัดไปมาได้ ทำ ให้สิ่งมีชีวิตเคลื่อนที่ ไปได้ 1.) แฟลเจลลัม (flagellum) มีลักษณะเป็น เส้นยาว ๆ คล้ายหนวดยาวกว่า ซีเลีย แฟลเจ ลลัม เป็นโครงสร้างที่พบในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว บางชนิด เช่น ยูกลีนา (euglena) วอลวอกซ์ (volvox) เป็นต้น การเคลื่อนไหวโดยอาศัยแฟล เจลลัมหรือ รื ซีเลีย แสดงแฟลเจลลัมและโครงสร้าง ภายในของยูกลีนา
2) ซีเลีย (cilia) มีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ ยื่น ยาวออกจากเซลล์ของพืช หรือ สัตว์เซลล์เดียว หรือเซลล์สืบพันธุ์ ใช้โบกพัดเพื่อให้เกิ ดการเคลื่อนที่ภายในน้ำ หรือของเหลว พบในพารามีเซียม (paramecium) พลานาเรีย (planaria) เป็นต้น แสดงซีเลียและโครงสร้างภายในของ พารามีเซียม
จากการศึกษาโครงสร้างของแฟลเจลลัมและซีเลีย ตัดตามขวางพบว่ามีโครงสร้างเหมือนกัน คื อ ประกอบด้วยหลอดเล็ก ๆ เรียกว่า ไมโครทูบูล (microtubules) เป็นหลอดแกนตรงกลาง 2 หลอด ล้อมรอบด้วยหลอดเล็ก ๆ อีก 9 คู่ ทั้งหมดจะถูกหุ้ม ด้วยเยื่อบาง ๆ ที่ติดต่อเป็นเนื้อเดียวกับเยื่อหุ้มเซลล์ เรียกโครงสร้างแบบนี้ว่า 9 + 2 ที่โคนของซีเลียแล ะแฟลเจลลัม มีเบซัลบอดี ( basal body) หรือ ไคนีโทโซม (kinetosome) อยู่ด้วย เบซัลบอดี มีไมโครทิวบูล เช่นกัน แต่การเรียงตัวต่างกัน โดยที่หลอดตรงกลาง 2 หลอดไม่มี มีแต่หลอดรอบนอก 9 ชุด เรียกการเรียงตัวแบบนี้ว่า 9 + 0 ถ้าหากตัดเบซัลบอดีออก พบว่าแฟลเจลลัมและ ซีเลียเส้นนั้น จะหยุดลง จึงเชื่อกันว่าเบซัลบอดี เป็นตัว ควบคุมการเคลื่อนไหวของซีเลียและแฟลเจลลัม
ภาพโครงสร้างลักษณะภาคตัด ขวางของไมโครทูบูล
พารามีเซียมเคลื่อนที่โดยการโบกพัดของซี เลีย ไปทางด้านหลัง ทำ ให้ตัวของพารามีเซี ยมเคลื่อนที่ไปข้างหน้า จากการโบกพัดของซี เลีย ทำ ให้ตัวพารามีเซียมหมุนไปด้วย เนื่องจากไม่มีอวัยวะคอยปรับสมดุล (หาง เสือ) และอีกอย่างหนึ่งเนื่องจากซีเลียที่ร่อง ปาก ซึ่งมีจำ นวนมากกว่าโบกพัดแรงกว่า บริเวณอื่น จึงทำ ให้หมุน การเคลื่อนที่ของพารามีเซียม มีลักษณะหมุนไปหมุนมา และเคลื่อนหนีวัต วั ถุ
จัจั จั ด จั ดทำทำทำทำโดย นางสาว ยุพารัตน์ ฝอยทอง ม.6/7 เลขที่ 34