The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวปฏิบัติและข้อสังเกต ฯ ยาเสพติด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kanchana, 2021-09-27 10:23:06

แนวปฏิบัติและข้อสังเกต ฯ ยาเสพติด

แนวปฏิบัติและข้อสังเกต ฯ ยาเสพติด

44

พจิ ารณา มเี หตุบรรเทาโทษ ลดโทษใหก้ ระทงละกึง่ หน่ึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานรว่ มกนั ...
คงจำคุกคนละ...(และปรับคนละ...บาท) ฐานร่วมกนั ...คงจำคุกคนละ...(และปรบั คนละ...บาท) รวมจำคุกคนละ...
(และปรับคนละ...บาท)” หรอื “เพิ่มโทษตามพระราชบญั ญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 กระทงละ
กงึ่ หนึง่ ฐานร่วมกัน...เป็นจำคกุ คนละ...(และปรับคนละ...บาท) ฐานรว่ มกัน...เป็นจำคุกคนละ...(และปรับคนละ...
บาท) จำเลยทง้ั ...ใหก้ ารรบั สารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตบุ รรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 78 ให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ฐานร่วมกนั ...คงจำคุกคนละ...(และปรบั คนละ...บาท) ฐานร่วมกัน...คงจำคกุ
คนละ...(และปรบั คนละ...บาท) รวมจำคุกคนละ...(และปรับคนละ...บาท)”

ข. เพิ่มโทษและลดโทษจำเลยบางคน ใช้ว่า “เพิ่มโทษจำเลยท่ี...กระทงละ
กง่ึ หนง่ึ ตามพระราชบญั ญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ฐานร่วมกัน...เป็นจำคกุ ...(และปรับ...บาท)
ฐานร่วมกนั ...เป็นจำคกุ ...(และปรับ...บาท) จำเลยท่ี...ให้การรบั สารภาพเป็นประโยชนแ์ ก่การพิจารณา มีเหตุ
บรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละก่ึงหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานร่วมกัน...คงจำคุก...(และปรบั
...บาท) ฐานร่วมกนั ...คงจำคกุ ...(และปรับ...บาท) รวมจำคุก...(และปรบั ...บาท)” หรือ “เพ่ิมโทษจำเลยท่ี...
ตามพระราชบญั ญัติยาเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 กระทงละกึ่งหนึ่ง ฐานร่วมกัน...เปน็ จำคุก...(และปรับ
...บาท) ฐานร่วมกัน...เป็นจำคกุ ...(และปรับ...บาท) จำเลยท.่ี ..ให้การรบั สารภาพเป็นประโยชนแ์ ก่การพิจารณา
มเี หตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ใหก้ ระทงละกึง่ หนึ่ง ฐานร่วมกนั ...คงจำคุก...
(และปรับ...บาท) ฐานร่วมกนั ...คงจำคกุ ...(และปรับ...บาท) รวมจำคุก...(และปรบั ...บาท)”

45

1.11 การเพ่ิมโทษประหารชีวิต

1.11.1 กรณจี ำเลยคนเดียว

1.11.1.1 กระทำความผดิ กรรมเดยี ว ใช้วา่ “เมื่อวางโทษ (ลงโทษ) ประหารชีวิตแล้ว
ไม่อาจเพ่ิมโทษตามพระราชบัญญตั ยิ าเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ไดต้ ามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 51”

1.11.1.2 กระทำความผิดหลายกรรม ใชว้ า่ “ฐาน...เมือ่ วางโทษ (ลงโทษ) ประหารชวี ิต
แล้วไม่อาจเพ่ิมโทษได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 ฐาน...เพม่ิ โทษกง่ึ หน่ึงตามพระราชบัญญัติยาเสพติด
ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97” หรือ “ฐาน...เมือ่ วางโทษ (ลงโทษ) ประหารชีวิตแลว้ ไม่อาจเพ่ิมโทษได้ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 ฐาน...เพิม่ โทษตามพระราชบัญญตั ยิ าเสพติด ให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97
ก่ึงหนงึ่ ” เป็นจำคกุ ...(และปรับ...บาท)

1.11.2 กรณีจำเลยหลายคน

1.11.2.1 กระทำความผิดกรรมเดียว

ก. มีคำขอให้เพม่ิ โทษจำเลยทกุ คน ใช้ว่า “เม่ือวางโทษ (ลงโทษ) ประหารชวี ติ
จำเลยท้ัง...แลว้ ไม่อาจเพิ่มโทษตามพระราชบัญญัตยิ าเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ได้ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 51”

ข. มีคำขอให้เพม่ิ โทษจำเลยบางคน ใชว้ ่า “เมือ่ วางโทษ (ลงโทษ) ประหาร
ชวี ติ จำเลยท่.ี ..แลว้ ไม่อาจเพ่มิ โทษตามพระราชบัญญตั ิยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ไดต้ ามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 51”

46

1.11.2.2 กระทำความผิดหลายกรรม

ก. มคี ำขอใหเ้ พ่ิมโทษจำเลยทกุ คน ใช้ว่า “ฐานร่วมกนั ...เม่ือวางโทษ (ลงโทษ)
ประหารชวี ิตจำเลยทัง้ ...แล้ว ไมอ่ าจเพ่ิมโทษตามพระราชบญั ญัตยิ าเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ไดต้ าม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 ฐานรว่ มกนั ...เพมิ่ โทษกง่ึ หนึง่ ตามพระราชบญั ญัติยาเสพตดิ ให้โทษ พ.ศ. 2522
มาตรา 97” หรือ “ฐานร่วมกัน...เมื่อวางโทษ (ลงโทษ) ประหารชวี ิตจำเลยท้ัง...แล้ว ไมอ่ าจเพ่มิ โทษตาม
พระราชบญั ญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ไดต้ ามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 ฐานรว่ มกัน...
เพมิ่ โทษตามพระราชบญั ญตั ิยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 กง่ึ หน่ึง” เปน็ จำคุกคนละ...(และปรบั คนละ...
บาท)

ข. มคี ำขอใหเ้ พมิ่ โทษจำเลยบางคน ใชว้ ่า “ฐานรว่ มกัน...เมื่อวางโทษ (ลงโทษ)
ประหารชวี ิตจำเลยท่.ี ..แล้ว ไมอ่ าจเพ่ิมโทษตามพระราชบัญญตั ยิ าเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ไดต้ าม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 ฐานร่วมกนั ...เพ่ิมโทษจำเลยที่...กึ่งหนึง่ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
พ.ศ. 2522 มาตรา 97” หรือ “ฐานร่วมกนั ...เมอ่ื วางโทษ (ลงโทษ) ประหารชีวติ จำเลยที่...แลว้ ไม่อาจเพิ่มโทษ
ตามพระราชบญั ญัตยิ าเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51
ฐานร่วมกัน...เพิ่มโทษจำเลยที่...ตามพระราชบญั ญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 กงึ่ หนึง่ ” เปน็ จำคุก...
(และปรับ...บาท) (ฎ. 6207/2560)

47

1.12 การเพ่ิมโทษจำคุกตลอดชวี ิต

1.12.1 กรณีจำเลยคนเดียว

1.12.1.1 กระทำความผิดกรรมเดียว ใชว้ า่ “เพ่มิ โทษก่ึงหน่ึงตามพระราชบญั ญตั ิ
ยาเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 เม่ือวางโทษ (ลงโทษ) จำคุกตลอดชวี ิตแล้วไมอ่ าจเพม่ิ โทษจำคุกไดต้ าม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 เพมิ่ โทษเฉพาะโทษปรับ” หรอื เพิ่มโทษตามพระราชบญั ญตั ิยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ
พ.ศ. 2522 มาตรา 97 กึง่ หน่ึง เม่อื วางโทษ (ลงโทษ) จำคุกตลอดชีวิตแล้วไมอ่ าจเพม่ิ โทษจำคกุ ไดต้ ามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 51 เพ่มิ โทษเฉพาะโทษปรับ” เป็นจำคุกตลอดชีวิต และปรับ...บาท

1.12.1.2 กระทำความผิดหลายกรรม ใช้วา่ “เพิ่มโทษกระทงละกึง่ หน่ึงตาม
พระราชบัญญตั ิยาเสพตดิ ให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ฐาน...เมอ่ื วางโทษ (ลงโทษ) จำคกุ ตลอดชีวติ แล้วไม่อาจ
เพ่ิมโทษจำคกุ ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 เพ่ิมโทษเฉพาะโทษปรบั ” หรือ “เพม่ิ โทษตาม
พระราชบัญญตั ิยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 กระทงละกงึ่ หนึง่ ฐาน...เม่ือวางโทษ (ลงโทษ) จำคกุ ตลอด
ชวี ิตแล้วไม่อาจเพ่ิมโทษจำคุกได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 เพ่ิมโทษเฉพาะโทษปรบั ” เปน็ จำคุกตลอด
ชีวติ และปรับ...บาท ฐาน...เปน็ จำคกุ ...(และปรับ...บาท)

1.12.2 กรณจี ำเลยหลายคน

1.12.2.1 กระทำความผดิ กรรมเดียว

ก. มคี ำขอใหเ้ พมิ่ โทษจำเลยทุกคน ใช้ว่า “เพ่ิมโทษกึ่งหนง่ึ ตามพระราชบญั ญัติ
ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 เมื่อวางโทษ (ลงโทษ) จำคุกจำเลยทั้ง...ตลอดชีวิตแล้วไมอ่ าจเพม่ิ โทษ
จำคกุ ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 เพิ่มโทษเฉพาะโทษปรับ” หรือ “เพิ่มโทษตามพระราชบญั ญตั ิ
ยาเสพตดิ ให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 กึง่ หนึ่ง เมอ่ื วางโทษ (ลงโทษ) จำคุกจำเลยทัง้ ...ตลอดชีวติ แล้วไม่อาจเพ่มิ

48

โทษจำคกุ ไดต้ ามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 เพ่มิ โทษเฉพาะโทษปรับ” เป็นจำคุกจำเลยทัง้ ... ตลอดชีวิต
และปรับคนละ...บาท

ข. มีคำขอให้เพมิ่ โทษจำเลยบางคน ใชว้ ่า “เพมิ่ โทษกง่ึ หนึง่ ตาม
พระราชบญั ญัติยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 เม่อื วางโทษ (ลงโทษ) จำคุกจำเลยท่.ี ..ตลอดชวี ิตแล้ว
ไมอ่ าจเพ่ิมโทษจำคุกได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 เพม่ิ โทษเฉพาะโทษปรบั ” หรอื “เพ่ิมโทษตาม
พระราชบญั ญัติยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ก่ึงหนึ่ง เมื่อวางโทษ (ลงโทษ) จำคกุ จำเลยท่.ี ..ตลอดชวี ิต
แลว้ ไม่อาจเพิม่ โทษจำคุกได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 เพ่มิ โทษ เฉพาะโทษปรับเป็นจำคุกตลอดชีวติ
และปรบั ...บาท”

1.12.2.2 กระทำความผิดหลายกรรม

ก. มีคำขอใหเ้ พ่ิมโทษจำเลยทุกคน ใช้ว่า “เพิ่มโทษกระทงละก่งึ หนงึ่ ตาม
พระราชบญั ญัติยาเสพตดิ ให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ฐานรว่ มกัน...เม่ือวางโทษ (ลงโทษ) จำคุกจำเลยทง้ั ...
ตลอดชวี ติ แลว้ ไม่อาจเพมิ่ โทษจำคกุ ไดต้ ามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 เพ่ิมโทษเฉพาะโทษปรับ” หรือ
“เพม่ิ โทษตามพระราชบญั ญัติยาเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 กระทงละกง่ึ หน่ึง ฐานรว่ มกัน...เมื่อวางโทษ
(ลงโทษ) จำคุกจำเลยทงั้ ...ตลอดชวี ติ แล้วไมอ่ าจเพ่ิมโทษจำคกุ ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 เพิม่ โทษ
เฉพาะโทษปรับ” เปน็ จำคกุ จำเลยทงั้ ...ตลอดชีวิต และปรับคนละ...บาท ฐานรว่ มกัน... เปน็ จำคกุ คนละ...(และปรับ
คนละ...บาท)

ข. มคี ำขอให้เพิ่มโทษจำเลยบางคน ใช้วา่ “เพมิ่ โทษจำเลยท.ี่ ..กระทงละก่งึ หนง่ึ
ตามพระราชบัญญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ฐานรว่ มกัน...เมื่อวางโทษ (ลงโทษ) จำคุกจำเลยท่ี...
ตลอดชวี ติ แล้วไมอ่ าจเพม่ิ โทษจำคุกได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 เพิ่มโทษเฉพาะโทษปรับ” หรอื
“เพม่ิ โทษจำเลยท่ี...ตามพระราชบัญญัตยิ าเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 กระทงละกง่ึ หน่งึ ฐานรว่ มกนั ...

49

เม่อื วางโทษ (ลงโทษ) จำคุกจำเลยที่...ตลอดชวี ิตแล้วไมอ่ าจเพิ่มโทษจำคกุ ไดต้ ามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 51 เพ่ิมโทษเฉพาะโทษปรับ” เป็นจำคุกตลอดชีวติ และปรบั ...บาท ฐานรว่ มกนั ... เป็นจำคุก...(และปรับ...
บาท)

1.13 การลดโทษประหารชีวติ

1.13.1 กรณจี ำเลยคนเดียว

1.13.1.1 กระทำความผิดกรรมเดียว ใช้วา่ “จำเลยให้การรบั สารภาพเปน็ ประโยชน์แก่
การพจิ ารณา มีเหตบุ รรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2)
ให้กง่ึ หน่ึง” (ตามคูม่ ือฯ) หรอื “จำเลยให้การรบั สารภาพเป็นประโยชน์แก่การพจิ ารณา มีเหตบุ รรเทาโทษ ลดโทษ
ให้กงึ่ หนึง่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2)”(ฎ. 12156/2558) คงจำคุกตลอดชีวิต

1.13.1.2 กระทำความผิดหลายกรรม

ก. กรณมี ีโทษประหารชีวิต 2 ฐาน ใช้วา่ “จำเลยใหก้ ารรบั สารภาพเป็น
ประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตบุ รรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ
มาตรา 52(2) ให้กระทงละก่งึ หน่งึ ” (ตามคู่มือฯ) หรอื “จำเลยใหก้ ารรับสารภาพเปน็ ประโยชน์แกก่ ารพจิ ารณา
มเี หตบุ รรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละก่ึงหนงึ่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2)”
(ฎ.310/2557) ฐาน...คงจำคุกตลอดชีวิต ฐาน...คงจำคุกตลอดชีวิต เมอ่ื รวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกตลอดชีวิต
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3)

ข. กรณีมีโทษประหารชวี ติ ฐานเดยี ว ใชว้ ่า “จำเลยให้การรับสารภาพ
เป็นประโยชนแ์ ก่การพจิ ารณา มเี หตุบรรเทาโทษ ฐาน...ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ
มาตรา 52(2) ให้ก่งึ หนึ่ง คงจำคุกตลอดชีวิต ฐาน...ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กง่ึ หน่งึ

50

คงจำคุก...(และปรับ...บาท)” (ตามคู่มือฯ) หรอื “จำเลยให้การรับสารภาพ เปน็ ประโยชนแ์ ก่การพิจารณา มีเหตุ
บรรเทาโทษ ฐาน...ลดโทษให้กึง่ หน่ึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2) คงจำคุกตลอด
ชีวิต ฐาน...ลดโทษให้ก่งึ หนง่ึ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก...(และปรับ...บาท)”
(ฎ. 3889/2543) เม่ือรวมโทษทกุ กระทงแล้ว ให้จำคุกตลอดชีวิต...(และปรบั ...บาท) ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 91 (3)

1.13.2 กรณจี ำเลยหลายคน

1.13.2.1 กระทำความผิดกรรมเดียว

ก. ลดโทษจำเลยทุกคน ใชว้ ่า “จำเลยทงั้ ...ใหก้ ารรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่
การพิจารณา มีเหตบุ รรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2) ให้กึง่
หนงึ่ ” หรือ “จำเลยทงั้ ...ใหก้ ารรับสารภาพเปน็ ประโยชนแ์ ก่การพิจารณามเี หตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ก่ึงหนงึ่ ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2)” (ฎ. 8572/2558) คงจำคุกจำเลยทง้ั ... ตลอดชีวิต

ข. ลดโทษจำเลยบางคน ใช้วา่ “จำเลยท.่ี ..ใหก้ ารรบั สารภาพเปน็ ประโยชนแ์ ก่
การพจิ ารณา มเี หตบุ รรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2) ให้ก่ึงหนง่ึ ”
หรอื “จำเลยท.่ี ..ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชนแ์ กก่ ารพิจารณา มเี หตบุ รรเทาโทษ ลดโทษใหก้ ึ่งหนึ่งตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2)”(ฎ. 74/2555) คงจำคกุ ตลอดชีวิต

1.13.2.1 กระทำความผิดหลายกรรม

กรณีมโี ทษประหารชวี ิต 2 ฐาน

ก. ลดโทษจำเลยทกุ คน ใช้ว่า “จำเลยทงั้ ...ใหก้ ารรับสารภาพเปน็ ประโยชน์แก่
การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2) ให้กระทง

51

ละก่ึงหนึ่ง” หรือ “จำเลยท้ัง...ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แกก่ ารพจิ ารณา มีเหตบุ รรเทาโทษ ลดโทษให้
กระทงละก่ึงหน่งึ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2)” ฐานร่วมกนั ... คงจำคุกจำเลยทง้ั
...ตลอดชีวิต ฐานรว่ มกัน...คงจำคุกจำเลยท้งั ...ตลอดชีวิต เม่ือรวมโทษทุกกระทงแลว้ ให้จำคุกจำเลยทั้ง...
ตลอดชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3)

ข. ลดโทษจำเลยบางคน ใช้ว่า “จำเลยท่.ี ..ใหก้ ารรบั สารภาพเป็นประโยชนแ์ ก่
การพิจารณา มเี หตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ มาตรา 52(2) ให้กระทง
ละกงึ่ หนึ่ง” หรอื “จำเลยที่...ใหก้ ารรับสารภาพเปน็ ประโยชน์แก่การพจิ ารณา มเี หตบุ รรเทาโทษ ลดโทษให้กระทง
ละก่ึงหน่ึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2)” ฐานร่วมกัน...คงจำคุกตลอดชีวิต
ฐานรว่ มกนั ...คงจำคุกตลอดชีวิต เมอ่ื รวมโทษ ทุกกระทงแลว้ ให้จำคุกจำเลยท.ี่ ..ตลอดชีวิตตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 91 (3)

กรณีมโี ทษประหารชีวติ ฐานเดยี ว

ก. ลดโทษจำเลยทุกคน ใช้วา่ “จำเลยท้ัง...ใหก้ ารรับสารภาพเปน็ ประโยชน์แก่
การพิจารณา มเี หตบุ รรเทาโทษ ฐานรว่ มกัน...ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ
มาตรา 52(2) ให้กง่ึ หน่ึง คงจำคุกจำเลยทัง้ ...ตลอดชีวิต ฐานรว่ มกนั ...ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 78 ให้กงึ่ หน่ึง คงจำคุกคนละ...(และปรับคนละ...บาท)” หรอื “จำเลยทงั้ ... ใหก้ ารรับสารภาพเปน็
ประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ฐานรว่ มกนั ...ลดโทษให้กง่ึ หนงึ่ ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2) คงจำคุกจำเลยทงั้ ...ตลอดชีวิต ฐานร่วมกัน...ลดโทษให้กงึ่ หนึ่งตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ...(และปรับคนละ...บาท)” เมื่อรวมโทษทุกกระทงแลว้ ให้จำคุกจำเลย
ทง้ั ...ตลอดชีวิต...(และปรับคนละ...บาท) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3)

52

ข. ลดโทษจำเลยบางคน ใชว้ ่า “จำเลยท่ี...ใหก้ ารรับสารภาพเปน็ ประโยชนแ์ ก่
การพจิ ารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ฐานรว่ มกัน...ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ
มาตรา 52(2) ใหก้ ่ึงหนึ่ง คงจำคุกตลอดชีวิต ฐานรว่ มกนั ...ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กึ่ง
หน่ึง คงจำคกุ ...(และปรับ...บาท)” หรือ “จำเลยที่...ให้การรบั สารภาพเปน็ ประโยชนแ์ ก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทา
โทษ ฐานรว่ มกนั ...ลดโทษให้ก่งึ หนึง่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2) คงจำคกุ ตลอด
ชีวิต ฐานร่วมกนั ...ลดโทษใหก้ ่งึ หน่ึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก...(และปรบั ...บาท)” เม่ือรวม
โทษทกุ กระทงแลว้ ให้จำคุกจำเลยท่ี...ตลอดชีวิต...(และปรับ...บาท) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3)

หมายเหตุ กรณีการกระทำความผิดหลายกรรมและมโี ทษประหารชีวิตเพยี งฐานเดยี ว หากในการลดโทษ
ทุกฐานความผิดศาลชน้ั ต้นใช้คำวา่ ลดโทษให้กระทงละก่งึ หนง่ึ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ
มาตรา 52 (2) หรอื ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) ให้กระทงละกงึ่ หนึ่ง
ให้คงไว้ตามคำพพิ ากษาศาลช้ันตน้ ได้ (ฎ. 8572/2558)

1.14 การลดโทษจำคกุ ตลอดชวี ติ

1.14.1 กรณจี ำเลยคนเดยี ว

1.14.1.1 กระทำความผิดกรรมเดียว ใช้วา่ “จำเลยใหก้ ารรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่
การพจิ ารณา มเี หตบุ รรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 ให้ก่ึงหน่ึง”
(ตามคู่มือฯ) หรือ “จำเลยให้การรับสารภาพเปน็ ประโยชนแ์ กก่ ารพจิ ารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ก่ึงหนึ่ง
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53” (ฎ. 8929/2561) คงจำคุก 25 ปี และปรับ...บาท

53

1.14.1.2 กระทำความผดิ หลายกรรม

ก. กรณมี โี ทษจำคุกตลอดชีวิต 2 ฐาน ใชว้ ่า “จำเลยใหก้ ารรบั สารภาพเป็น
ประโยชนแ์ กก่ ารพจิ ารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ มาตรา 53
ให้กระทงละกง่ึ หนึ่ง” (ตามคู่มอื ฯ) หรอื “จำเลยให้การรับสารภาพเปน็ ประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ
ลดโทษให้กระทงละกึง่ หน่ึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53” (ฎ. 1095-1096/2560)
ฐาน...คงจำคุก 25 ปี และปรับ...บาท ฐาน...คงจำคกุ 25 ปี และปรบั ...บาท รวมจำคกุ 50 ปี และปรบั ...บาท

ข. กรณีมโี ทษจำคุกตลอดชีวติ ฐานเดียว ใชว้ ่า “จำเลยใหก้ ารรบั สารภาพเป็น
ประโยชนแ์ ก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ฐาน...ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ประกอบ
มาตรา 53 ใหก้ ่ึงหนึ่ง คงจำคุก 25 ปี และปรบั ...บาท ฐาน...ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กึ่ง
หนง่ึ คงจำคกุ ...(และปรบั ...บาท)” (ตามคู่มอื ฯ) หรือ “จำเลยใหก้ ารรบั สารภาพเป็นประโยชนแ์ ก่การพิจารณา
มเี หตุบรรเทาโทษ ฐาน...ลดโทษใหก้ ่ึงหน่งึ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก
25 ปี และปรับ...บาท ฐาน...ลดโทษใหก้ ึ่งหนงึ่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก...(และปรับ...
บาท)” รวมจำคุก...และปรบั ...บาท

1.14.2 กรณีจำเลยหลายคน

1.14.2.1 กระทำความผิดกรรมเดียว

ก. ลดโทษจำเลยทุกคน ใชว้ า่ “จำเลยทง้ั ...ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่
การพิจารณา มเี หตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ มาตรา 53 ใหก้ ่ึงหน่ึง”
หรือ “จำเลยท้งั ...ให้การรบั สารภาพเปน็ ประโยชนแ์ ก่การพิจารณา มีเหตบุ รรเทาโทษ ลดโทษใหก้ งึ่ หนง่ึ ตาม

54

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53” (ฎ. 6413/2561) คงจำคุกคนละ 25 ปี และปรบั คนละ...
บาท

ข. ลดโทษจำเลยบางคน ใชว้ า่ “จำเลยที่...ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่
การพิจารณา มเี หตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 ใหก้ ึ่งหนึง่ ”
หรอื “จำเลยที่...ให้การรบั สารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษใหก้ ึ่งหนง่ึ ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53” คงจำคุก 25 ปี และปรับ...บาท

1.14.2.2 กระทำความผดิ หลายกรรม

กรณมี โี ทษจำคุกตลอดชีวิต 2 ฐาน

ก. ลดโทษจำเลยทุกคน ใช้ว่า “จำเลยทงั้ ...ใหก้ ารรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่
การพิจารณา มเี หตบุ รรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ มาตรา 53 ให้กระทงละ
กงึ่ หนึ่ง” หรอื “จำเลยทัง้ ...ใหก้ ารรบั สารภาพเป็นประโยชนแ์ กก่ ารพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษใหก้ ระทงละ
ก่งึ หนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ มาตรา 53” ฐานร่วมกนั ...คงจำคุกคนละ 25 ปี และปรับ
คนละ...บาท ฐานร่วมกนั ...คงจำคกุ คนละ 25 ปี และปรบั คนละ...บาท รวมจำคุกคนละ 50 ปี และปรบั คนละ...
บาท

ข. ลดโทษจำเลยบางคน ใช้ว่า “จำเลยท.่ี ..ให้การรบั สารภาพเป็นประโยชนแ์ ก่
การพจิ ารณา มเี หตบุ รรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ มาตรา 53 ใหก้ ระทงละ
กง่ึ หนึ่ง” หรอื “จำเลยท่ี...ใหก้ ารรบั สารภาพเปน็ ประโยชน์แก่การพิจารณา มเี หตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละ
กงึ่ หนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ มาตรา 53” ฐานร่วมกัน...คงจำคุก 25 ปี และปรบั ...บาท
ฐานร่วมกัน...คงจำคุก 25 ปี และปรบั ...บาท รวมจำคุก 50 ปี และปรับ...บาท

55

กรณมี ีโทษจำคุกตลอดชวี ิตฐานเดยี ว

ก. ลดโทษจำเลยทุกคน ใช้วา่ “จำเลยทงั้ ...ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่
การพจิ ารณา มเี หตุบรรเทาโทษ ฐานรว่ มกัน...ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53
ให้กงึ่ หน่ึง คงจำคุกคนละ 25 ปี และปรบั คนละ...บาท ฐานรว่ มกัน...ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 78 ใหก้ ึ่งหน่ึง คงจำคุกคนละ...(และปรบั คนละ...บาท)” หรอื “จำเลยท้งั ...ให้การรบั สารภาพเป็นประโยชน์
แกก่ ารพิจารณา มเี หตบุ รรเทาโทษ ฐานร่วมกัน...ลดโทษใหก้ ึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกคนละ 25 ปี และปรบั คนละ...บาท ฐานร่วมกัน...ลดโทษให้ก่ึงหน่งึ ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ... (และปรบั คนละ...บาท)” รวมจำคุกคนละ...และปรับคนละ...
บาท

ข. ลดโทษจำเลยบางคน ใช้วา่ “จำเลยที่...ใหก้ ารรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่
การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ฐานร่วมกนั ...ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ มาตรา 53
ให้กงึ่ หนึ่ง คงจำคกุ 25 ปี และปรบั ...บาท ฐานร่วมกัน...ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้ก่ึงหนงึ่
คงจำคุก...(และปรับ...บาท)” หรอื “จำเลยที่...ให้การรบั สารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตบุ รรเทาโทษ
ฐานร่วมกัน...ลดโทษให้ก่งึ หน่ึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ มาตรา 53 คงจำคุก 25 ปี และ
ปรับ...บาท ฐานรว่ มกัน...ลดโทษใหก้ ่ึงหนง่ึ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก...(และปรับ...บาท)”
รวมจำคุก...และปรบั ...บาท

หมายเหตุ กรณกี ารกระทำความผดิ หลายกรรมและมโี ทษจำคุกตลอดชีวิตเพยี งฐานเดียว หากในการลด
โทษทกุ ฐานความผดิ ศาลช้นั ต้นใชค้ ำวา่ ลดโทษใหก้ ระทงละก่งึ หนึง่ ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 หรือ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53
ให้กระทงละก่งึ หน่ึง ใหค้ งไว้ตามคำพิพากษาศาลชั้นตน้ ได้ (ฎ. 8640/2561)

56

1.15 การบวกโทษ

1.15.1 บวกโทษคดีเดียว ใชว้ า่ “บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่...
ของศาล...เขา้ กับโทษของจำเลยในคดีนี้ เป็นจำคุก...(และปรบั ...บาท)”

1.15.2 บวกโทษหลายคดี ใช้วา่ “บวกโทษจำคกุ ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่
4665/2545, 4666/2545 และ 4667/2545 ของศาล...เขา้ กบั โทษของจำเลยในคดีน้ี เป็นจำคุก...(และปรับ...
บาท)” (ฎ. 7619/2546)

1.15.3 บวกโทษจำเลยหลายคน ใชว้ ่า “บวกโทษจำคุกท่รี อการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดง
ที่ 1465/2540 และ 1464/2540 ของศาลช้ันต้น เขา้ กบั โทษของจำเลยท่.ี ..และท.ี่ ..ในคดนี ี้ จำเลยท.ี่ ..เป็นจำคุก...
(และปรับ...บาท) จำเลยท่.ี ..เป็นจำคกุ ...(และปรับ...บาท)”

หมายเหตุ ใชต้ ามคู่มือฯ ส่วนคำขอท้ายฟ้อง เพราะโจทก์บรรยายฟอ้ งระบุจำนวนโทษจำคุกท่ีขอให้บวกไว้
แลว้ แต่กรณีคำพพิ ากษาศาลชั้นตน้ ระบุจำนวน โทษจำคุกท่ีรอการลงโทษไว้มาด้วยก็ใหค้ งไว้ได้

1.16 การนับโทษต่อ

1.16.1 นบั โทษต่อคดเี ดยี ว ใชว้ า่ “นับโทษของจำเลยหรือจำเลยท.ี่ ..(จำเลยในคดีน)ี้ ตอ่ จากโทษใน
คดีอาญาหมายเลขแดงท.่ี ..ของศาล...”

1.16.2 นบั โทษตอ่ หลายคดี ให้ระบเุ ลขคดี ปี และของศาลใดเป็นรายคดี ใช้ว่า “นบั โทษของจำเลย
หรือจำเลยท.่ี ..(จำเลยในคดนี ี้) ตอ่ จากโทษในคดอี าญาหมายเลขแดงที่ 1843/2553, 1733/2553 และ 1965/2553 ของศาล
...”

1.16.3 นับโทษต่อและริบของกลาง ใชว้ า่ “นับโทษของจำเลยหรอื จำเลยท่.ี ..(จำเลยในคดนี ้ี) ต่อจาก
โทษในคดีอาญาหมายเลขแดงท่ี...ของศาล...รบิ ของกลาง” (ฎ. 11532/2556)

57

1.17 การรบิ ของกลาง ใช้วา่ “ริบของกลาง” (ตามคูม่ ือฯ) เว้นแตศ่ าลช้นั ตน้ ให้ริบของกลางเพยี งบาง
รายการ กใ็ ห้คงรายการของกลางที่ถูกริบไวต้ ามคำพิพากษาศาลชนั้ ตน้ ได้

หมายเหตุ กรณีศาลชัน้ ตน้ รบิ ของกลางตามคำขอทา้ ยฟ้อง เช่น โจทก์ระบใุ นคำขอทา้ ยฟอ้ งใหร้ ิบ
ของกลางรายการใดบ้างหรือของกลางท่ีเจา้ พนักงานเก็บรักษาไว้ เมื่อคำพิพากษาศาลชน้ั ต้นใช้คำว่า ริบของกลาง
ยอ่ มสามารถเข้าใจไดแ้ ลว้ วา่ เป็นการใหร้ ิบของกลางตามรายการที่โจทก์ระบุมาในคำขอท้ายฟอ้ ง ซึ่งมิใช่ของกลาง
รายการอ่นื นอกเหนือไปจากคำขอของโจทก์ จึงไมค่ วรวินิจฉัยวา่ ท่ีศาลช้ันตน้ พพิ ากษาให้ริบของกลางไมถ่ ูกต้อง
หรอื ไมช่ อบ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอของโจทก์

1.18 การบังคบั โทษปรบั

1.18.1 กรณบี ังคับโทษปรับแกจ่ ำเลยคนเดยี วและหลายคนอย่างเดียวกนั ใช้ว่า “ไม่ชำระค่าปรบั ให้
จดั การตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขังแทนคา่ ปรบั ให้กักขังไมเ่ กิน 1 ปี (เกินกว่า 1 ปี
แต่ไม่เกนิ 2 ปี)” (ตามคู่มือฯ)

1.18.2 กรณบี งั คบั โทษปรบั แก่จำเลยเพยี งบางคน ใช้ว่า “จำเลยท.่ี ..ไมช่ ำระค่าปรบั ใหจ้ ดั การตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขังแทนคา่ ปรับให้กักขงั ไมเ่ กิน 1 ปี (เกินกวา่ 1 ปี
แต่ไมเ่ กนิ 2 ปี)”

1.18.3 กรณีบงั คบั โทษปรับแกจ่ ำเลยหลายคนแตกต่างกัน ใช้วา่ “ไมช่ ำระคา่ ปรบั ให้จดั การตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขังแทนคา่ ปรับให้กกั ขงั จำเลยที.่ ..ไม่เกิน 1 ปี และให้กักขังจำเลย
ที่...เกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี”

58

1.18.4 กรณบี ังคบั โทษปรับแก่จำเลยที่เป็นนติ ิบุคคลและบุคคลธรรมดา ใชว้ ่า “จำเลยท.ี่ .. (นติ ิบุคคล)
ไม่ชำระคา่ ปรับใหจ้ ดั การตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 จำเลยท.ี่ .. (บุคคล) ไม่ชำระคา่ ปรับให้จดั การตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30”

หมายเหตุ กรณคี ำพิพากษาศาลชั้นตน้ ระบุวา่ ไม่ชำระค่าปรับใหจ้ ัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29/1
มาด้วย ก็ไมจ่ ำต้องตัด (ฎ. 63/2559, 6905/2562) แต่กรณีคำพิพากษาศาลชัน้ ตน้ ระบุมาตรา 30/1 มาด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาท่ี 8875/2554 ใช้ (ที่ถูก ไม่ต้องระบุมาตรา 30/1)

กรณคี ำพิพากษาศาลชั้นต้นระบุระยะเวลากักขังแทนค่าปรบั เปน็ ตัวหนังสือ ให้ใชร้ ะยะเวลาเปน็
ตวั เลขให้เหมือนกัน

1.19 การรอการลงโทษจำคุกและคุมความประพฤติ ใหใ้ ช้ถ้อยคำดังน้ี

“โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว.้ ..ปี ใหค้ มุ ความประพฤติของจำเลยมีกำหนด...ปี ใหจ้ ำเลยไปรายงาน
ตวั ต่อพนักงานคุมประพฤต.ิ ..คร้งั ตามเง่ือนไขและระยะเวลาทพ่ี นกั งานคุมประพฤตเิ หน็ สมควร หา้ มจำเลย
เกย่ี วข้องกบั ยาเสพตดิ ให้โทษทุกประเภท กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบรกิ ารสังคมหรือสาธารณประโยชนต์ ามท่ี
พนกั งานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา...ช่ัวโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56”

หมายเหตุ 1) เง่ือนไขเพ่ือคุมความประพฤติของจำเลยในกรณอี นื่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 เชน่
ให้ไปรับการบำบดั รกั ษาการติดยาเสพติดให้โทษ ใหจ้ ำเลยละเว้นการประพฤตใิ ดอันอาจนำไปส่กู ารกระทำความผิด
ในทำนองเดียวกนั อกี เป็นต้น

2) ถอ้ ยคำการคมุ ความประพฤติของจำเลยสามารถดัดแปลงให้ตรงตามตัวบทกฎหมายได้แต่ต้องไมม่ ี
ผลเปน็ การเพม่ิ หรือลดเง่ือนไขการคุมความประพฤติ เช่น จากคำว่า ยาเสพติดให้โทษทุกชนิดเปน็ ยาเสพติดให้โทษ

59

ทกุ ประเภท หรือคำว่า ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ เปน็ กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือ
สาธารณประโยชน์ เป็นต้น

3) กรณีคำพิพากษาศาลชั้นต้นระบใุ ห้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์
ตามที่พนักงานคมุ ประพฤติและจำเลยเหน็ สมควร ไม่ควรตัดคำวา่ และจำเลย เพราะเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
เงอ่ื นไขการคมุ ความประพฤติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซ่ึงเปน็ คณุ แก่จำเลย (ฎ. 1972/2562, 5368/2562,
5299/2562)

1.20 การเพกิ ถอนหรือพกั ใช้ใบอนุญาตขบั ขี่ ใชว้ ่า “เพิกถอนใบอนุญาตขับข่ขี องจำเลยหรอื พักใช้
ใบอนุญาตขบั ข่ีของจำเลยมกี ำหนด...” (ตามคมู่ ือฯ)

หมายเหตุ กรณีศาลชน้ั ต้นระบคุ ำว่า นับแตว่ นั ท่ีมีคำพิพากษามาดว้ ย ให้คงไวต้ ามคำพิพากษาศาลชั้นตน้
ได้ (ฎ. 8862/2559)

1.21 กรณคี ำฟ้องมีคำขอบวกโทษ นบั โทษตอ่ ริบของกลาง และการพกั ใชใ้ บอนุญาตขับขี่ หรือวธิ กี าร
เพ่อื ความปลอดภัยอ่ืน การพิพากษาให้เรียงตามลำดบั ดงั นี้ เช่น

“จำเลยใหก้ ารรับสารภาพเปน็ ประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษ ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กึง่ หนึ่ง คงจำคกุ ...ปี และปรบั ...บาท บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญา
หมายเลขแดงท่ี..ของศาล..เข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ เป็นจำคุก...ปี และปรบั ...บาท นบั โทษของจำเลยต่อจาก
โทษในคดีอาญาหมายเลขแดงท.่ี ..ของศาล...ไม่ชำระคา่ ปรบั ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
หากต้องกักขงั แทนค่าปรับให้กักขังใหก้ ักขังเกนิ กว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ริบของกลาง พกั ใชใ้ บอนญุ าตขับขี่ของจำเลย
มกี ำหนด...(หรอื วธิ กี ารเพื่อความปลอดภัยอ่ืน)”

หมายเหตุ การระบโุ ทษท่ีลงแก่ผู้กระทำความผิด การบงั คับโทษจำคุกและปรับ เป็นไปตามทบ่ี ัญญัติไว้

60

ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18, 22 และ 30 สว่ นการพักใชใ้ บอนญุ าตขับข่ีอนั เป็นมาตรการในทำนอง
เดยี วกับวธิ กี ารเพ่ือความปลอดภยั

1.22 ยกฟ้องโจทก์บางข้อหาหรอื ยกคำขอของโจทก์
1.22.1 กรณยี กฟ้องโจทกบ์ างข้อหา ใช้วา่ “ข้อหาอื่นใหย้ ก” (ฎ. 4972/2562, 981/2561) หรือ

“คำขออืน่ ให้ยก” (ฎ. 261/2563) หรือ “ยกฟ้องโจทก์ข้อหา...”
1.22.2 กรณียกคำขออืน่ ของโจทก์ เชน่ คำขอให้เพ่ิมโทษ บวกโทษ นับโทษตอ่ ริบของกลาง และ

เพิกถอนหรือพักใช้ใบอนญุ าตขบั ข่ี เป็นต้น ใช้วา่ “คำขออ่ืนใหย้ ก” (ฎ. 261/2563, 3641/2562, 13702/2558)

2. กรณตี ัดออกได้ เชน่ เหตผุ ลในการรอการลงโทษ เหตุผลในการสงั่ ริบของกลาง คำว่า “แตใ่ ห้ขังไวใ้ น

ระหวา่ งอุทธรณ์” และ “ทีเ่ หลือจากการตรวจพิสจู น”์ หรอื กรณีท่เี ป็นคำซ้ำกันหรอื ความหมายเดียวกนั กับขอ้ ความ
อน่ื เป็นต้น (ตามคูม่ ือฯ) นอกจากน้ีเหตุผล ในการยกคำขอของโจทก์ และเหตุผลประกอบการใช้ดลุ พนิ ิจ เช่น
เหตุผลในการไม่ลดโทษ เหตุผลในการไม่ ลดมาตราสว่ นโทษ กส็ ามารถตดั ออกได้

3. การใชว้ งเล็บ

3.1 ตามคมู่ ือฯ เชน่ โจทกฟ์ ้องฐานมีเมทแอมเฟตามีนไวใ้ นครอบครองเพื่อจำหน่าย ซ่ึงมีปรมิ าณคำนวณ
เปน็ สารบริสทุ ธ์ิ ตามมาตรา 15 วรรคสาม (2) ศาลชั้นตน้ พพิ ากษาว่า จำเลยมคี วามผิดตามพระราชบัญญัตยิ าเสพ
ติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหน่ึงและวรรคสาม (2) (ท่ถี ูก มาตรา 15 วรรคสาม (2)) หรอื กรณีอนื่
เช่น (ท่ถี กู ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83) (ทถ่ี ูก การกระทำของจำเลยเปน็ กรรมเดียวเปน็
ความผดิ ต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แตล่ ะบทมีอตั ราโทษเท่ากนั ใหล้ งโทษฐาน

61

จำหนา่ ยเมทแอมเฟตามนี เพียงบทเดียว) เปน็ ตน้ เวน้ แต่กรณศี าลอุทธรณพ์ ิพากษาแก้คำพพิ ากษาศาลชน้ั ต้น กใ็ ห้
วนิ จิ ฉยั ปญั หาดังกล่าวไปโดยไมค่ วรใช้วงเล็บทถ่ี กู ไว้ในคำพิพากษาศาลชนั้ ตน้

3.2 ตามคำพิพากษาศาลฎกี า
3.2.1 กรณคี ำพิพากษาศาลชน้ั ต้นระบุมาตราอนั เปน็ บทความผดิ หรอื บทลงโทษผิดหรือไม่ระบวุ รรค

ตอนใหช้ ดั เจน หรือระบตุ วั บทกฎหมายมาไม่ถูกต้อง ใหใ้ ช้วงเลบ็ ที่ถกู โดยระบุมาตราอนั เป็นบทความผิดหรือ
บทลงโทษทถี่ ูกต้อง หรอื วรรคตอนที่ชัดเจน หรือระบุตัวบทกฎหมายทถ่ี ูกตอ้ งไว้ท่ีด้านหลังมาตราทีร่ ะบุผิด หรือ
ไมร่ ะบวุ รรคตอนใหช้ ดั เจน หรือตัวบทกฎหมายท่ีไมถ่ ูกต้องนั้น เชน่

ศาลช้นั ต้นพิพากษาว่า พระราชบัญญัติยาเสพตดิ ให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหน่งึ
และวรรคสาม (2) (ที่ถกู มาตรา 15 วรรคสาม (2)), 66 วรรคสอง (ฎ. 2092/2561)

ศาลชน้ั ตน้ พิพากษาวา่ พระราชบญั ญัติยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2)
(ทถ่ี กู มาตรา 15 วรรคหนึง่ และวรรคสาม (2)), 66 วรรคสอง (ฎ. 9693/2554)

ศาลช้ันตน้ พิพากษาวา่ พระราชบัญญตั ิยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (3)
(ทถี่ กู มาตรา 15 วรรคสาม (2)), 66 วรรคสาม (ฎ. 1825/2557)

ศาลช้นั ต้นพิพากษาว่า พระราชบัญญตั ิยาเสพตดิ ให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2)
(ทถี่ ูก มาตรา 15 วรรคสาม (3)), 17 วรรคหน่ึง, 66 วรรคสาม, 69 วรรคหนึ่ง (ฎ. 7965/2559)

ศาลชั้นตน้ พพิ ากษาว่า พระราชบญั ญัติยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57, 97
(ท่ถี กู มาตรา 91) (ฎ. 13193/2556)

62

ศาลช้ันต้นพพิ ากษาว่า พระราชบญั ญตั จิ ราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 ทวิ
(ท่ีถูก มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึง่ ), 157/1 วรรคสอง (ฎ. 13598/2556)

ศาลช้นั ต้นพิพากษาว่า พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(2), 43 ทวิ
วรรคหน่ึง, 157/1 วรรคสอง, 160 ตรี (ทถี่ ูก มาตรา 160 ตรี วรรคหนง่ึ ) (ฎ. 6898/2560)

ศาลช้ันตน้ พพิ ากษาวา่ พระราชบัญญตั ิป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539
มาตรา 4 (ท่ีถกู ไม่ต้องระบมุ าตรา 4), 9 วรรคหนงึ่ และวรรคสอง พระราชบญั ญตั ปิ ้องกนั และปราบปรามการค้า
มนษุ ย์ พ.ศ. 2551 มาตรา 6 (ท่ีถูก มาตรา 6 (1)), 52 วรรคหนึ่งและวรรคสอง (ฎ. 21554/2556)

ศาลช้ันต้นพิพากษาว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 532 วรรคแรก (ที่ถูก มาตรา 352
วรรคแรก) (ฎ. 544/2563)

ศาลชนั้ ต้นพิพากษาวา่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง (เดมิ ) (ท่ีถูก มาตรา
279 วรรคสอง (เดิมและทแี่ ก้ไขใหม่)) (ฎ. 262/2563)

ศาลช้ันตน้ พพิ ากษาว่า พระราชบัญญัติอาวธุ ปืน เครอื่ งกระสุนปืน วัตถรุ ะเบดิ ดอกไม้
เพลิง และส่ิงเทยี มอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ, 72,72 ทวิ (ท่ีถูก มาตรา 8 ทวิ วรรคสอง, 72 วรรคสาม,
72 ทวิ วรรคสอง) (ฎ. 4710/2532)

ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาว่า พระราชบญั ญัติมาตรการในการปราบปราม
ผู้กระทำความผิดเกย่ี วกับยาเสพติด พ.ศ. 2522 (ทถี่ ูก พ.ศ.2534) มาตรา 7 (ฎ. 7378/2560)

ศาลชนั้ ตน้ พิพากษาวา่ พระราชบญั ญตั ยิ าเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 16 วรรคหนงึ่ ,
17 วรรคหน่งึ , 68 วรรคสอง, 69 วรรคสาม (ท่ถี ูก มาตรา 69 วรรคสาม ตอนต้น) (ฎ. 512/2559)

63

หมายเหตุ ตามคมู่ ือฯ ในความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายหรอื มไี ว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซง่ึ ยาเสพตดิ
ให้โทษในประเภท 2 ท่ีเปน็ มอร์ฟนี ฝ่นิ หรอื โคคาอนี มีปรมิ าณคำนวณเป็นสารบริสทุ ธิ์ไม่เกนิ 100 กรัม ให้ปรับ
บทลงโทษตามมาตรา 69 วรรคสาม ตอนตน้ แตถ่ ้ามอร์ฟนี ฝ่นิ หรอื โคคาอนี มปี ริมาณคำนวณเปน็ สารบรสิ ุทธ์ิ
ตง้ั แต่ 100 กรมั ข้นึ ไป ให้ปรบั บทลงโทษตามมาตรา 69 วรรคสาม ตอนทา้ ย

3.2.2 กรณีคำพิพากษาศาลชน้ั ต้นไมร่ ะบุมาตราอันเป็นบทความผิดหรอื บทลงโทษ หรอื ไมร่ ะบตุ วั บท
กฎหมายมาให้ครบถว้ น ใหใ้ ช้วงเลบ็ ทถี่ ูกและระบุมาตราอนั เป็นบทความผิดหรือบทลงโทษ หรือกฎหมายทีไ่ ม่ได้
ระบไุ ว้ทดี่ า้ นหลงั ตวั บทกฎหมายน้ัน เช่น

ศาลชนั้ ตน้ พิพากษาว่า พระราชบญั ญตั ิยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและ
วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม (ที่ถูก ตอ้ งระบมุ าตรา 57, 91 ดว้ ย) พระราชบัญญตั ิรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 65
(ท่ถี กู ต้องระบมุ าตรา 42 วรรคหน่ึง ด้วย) (ฎ. 999/2561)

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้
หน่ึงในสาม (ที่ถูก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78) (ฎ. 8426/2559)

ศาลช้ันตน้ พิพากษาว่า โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ให้คมุ ความประพฤติของจำเลยมี
กำหนด 1 ปี (ทถ่ี ูก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56) (ฎ. 588/2560)

ศาลชัน้ ต้นพิพากษาว่า พระราชบัญญตั ยิ าเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ. 2544 (ทถ่ี ูก พ.ศ. 2522)
มาตรา 15 วรรคหน่ึงและวรรคสาม (2), 66 วรรคสอง (ท่ีถูก ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83) พระราชบัญญัติ
มาตรการในการปราบปรามผกู้ ระทำความผิดเกยี่ วกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 7 (ฎ. 10893/2555)

3.2.3 กรณีคำพิพากษาศาลชั้นต้นระบบุ ทความผิดหรือบทลงโทษไม่ถกู ต้องและใช้ชอื่ ฐานความผิดไม่
ถูกต้องดว้ ย เมื่อใช้วงเล็บระบุบทบทความผดิ หรือบทลงโทษทถ่ี ูกตอ้ งแล้วให้ใช้วงเลบ็ ช่ือฐานความผดิ ทีถ่ ูกต้องด้วย

64

เวน้ แตค่ ำพิพากษาศาลชัน้ ต้นปรบั บทความผิดและบทลงโทษถูกต้องแล้วเพียงใชช้ ่ือ ฐานความผดิ ไม่ถูกต้องเท่านั้น
สามารถดดั แปลงช่ือเป็นฐานความผดิ ท่ถี กู ต้องได้โดยไมต่ ้องใช้วงเล็บทีถ่ ูก

ศาลช้นั ต้นพพิ ากษาวา่ พระราชบญั ญัตอิ าวธุ ปนื เครอ่ื งกระสุนปนื วตั ถรุ ะเบิด ดอกไมเ้ พลิง
และสง่ิ เทียมอาวธุ ปนื พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหน่ึง (ทีถ่ ูก และวรรคสอง), 72 วรรคสาม, 72 ทวิ
วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยท้งั สองเป็นความผดิ หลายกรรม
ตา่ งกนั ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันพาอาวุธปืน
ติดตวั ไปในเมอื ง หม่บู ้าน หรอื ทางสาธารณะโดยไม่ได้รบั ใบอนุญาต (ท่ถี ูก และโดยเปิดเผย) (ฎ. 6762/2562)

ศาลชัน้ ตน้ พิพากษาว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 (ท่ีถูก มาตรา 291, 371) พระราชบญั ญตั ิ
อาวธุ ปืน เครอื่ งกระสนุ ปนื วัตถุระเบดิ ดอกไมเ้ พลิง และสิ่งเทียมอาวุธปนื พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคสอง
(ท่ีถูก 8 ทวิ วรรคหนึง่ ), 72 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผดิ หลายกรรมต่างกัน ใหล้ งโทษทุกกรรมเป็นกระทง
ความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานพาอาวุธปนื มีเคร่อื งหมายทะเบยี นของตนเองและเครื่องกระสนุ ปนื
ไปในเมืองฯ โดยไม่ไดร้ บั ใบอนญุ าต (ทถี่ กู ฐานพาอาวธุ ปืนและเครื่องกระสนุ ปืนตดิ ตัวไปในเมือง หมูบ่ า้ น หรือทาง
สาธารณะโดยไม่มเี หตสุ มควรและโดยไมไ่ ดร้ บั ใบอนุญาต) เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซ่ึงเป็นกฎหมายบทที่มโี ทษหนกั ทส่ี ุดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 90 (ฎ. 1597/2562)

3.2.4 กรณีคำพิพากษาศาลชนั้ ต้นไมร่ ะบชุ ่ือกฎหมายหรอื ระบุช่ือกฎหมายไม่ถกู ต้อง ให้ใช้วงเล็บระบุ
ช่ือกฎหมายหรอื ระบุช่ือกฎหมายท่ถี ูกต้องด้วย แต่กรณีเพียงระบุมาตราไม่ครบถ้วนหรือไมถ่ ูกต้องเท่านนั้ ไม่จำต้อง
ระบชุ ือ่ กฎหมายซ้ำอีก

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า พระราชบญั ญัติยาเสพตดิ ให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม(2),
66 วรรคหนึ่ง (ทถ่ี กู มาตรา 15 วรรคหนงึ่ และวรรคสาม (2), 66 วรรคหนง่ึ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา

65

มาตรา 80 และพระราชบญั ญัติมาตรการในการปราบปรามผกู้ ระทำความผดิ เกย่ี วกบั ยาเสพตดิ พ.ศ. 2534 มาตรา 7)
(ฎ. 668/2562)

ศาลชัน้ ตน้ พพิ ากษาว่า พระราชบญั ญตั ยิ าเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง,
66 วรรคสอง (ที่ถกู มาตรา 15 วรรคสอง (เดมิ ), 66 วรรคสอง (เดิม)) (ฎ. 7622-7623/2549)

ศาลช้ันตน้ พิพากษาว่า พระราชบญั ญตั ยิ าเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหน่งึ และ
วรรคสาม (2), 57, 66 วรรคสอง, 91 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 พระราชบัญญตั มิ าตรการปราบปราม
ยาเสพตดิ พ.ศ. 2545 (ท่ีถูก พระราชบัญญตั ิมาตรการในการปราบปรามผกู้ ระทำความผิดเก่ียวกับยาเสพติด
พ.ศ. 2534) มาตรา 7 (ฎ. 1089/2559)

การใช้วงเล็บตามคำพิพากษาศาลฎีกา กรณอี ืน่ เช่น ฎีกาที่ 7622-7623/2549 (ทถี่ ูก ประกอบ
มาตรา 53) ฎกี าท่ี 526/2548 (ที่ถูก ประกอบมาตรา 52(2)) ฎีกาท่ี 7826/2560 (ท่ีถูก การกระทำของ
จำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเปน็ กระทงความผดิ ไปตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 91) ฎีกาท่ี 4532/2561 (ท่ีถูก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3)) ฎีกาท่ี 3019/2558
(ที่ถูก ข้อหาอนื่ ใหย้ ก) และฎีกาที่ 261/2563 (ทถี่ ูก คำขออนื่ ให้ยก) เป็นต้น

66

ส่วนท่ี 8

คำวนิ จิ ฉัยศาลอทุ ธรณ์

1. การนำวิธีพจิ ารณาในศาลชนั้ ต้นมาใชใ้ นชัน้ อทุ ธรณ์
การนำบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาและวา่ ดว้ ยคำพิพากษาและคำส่งั ศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธี

พิจารณาความอาญา มาตรา 157 - 192 มาใช้บังคับในช้ันอุทธรณ์ ต้องอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ
อาญา มาตรา 215 ประกอบด้วยเสมอ

เช่น ...ศาลจะลงโทษจำเลยในการกระทำผิดตามทพ่ี จิ ารณาได้ความก็ได้ ตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณา
ความอาญา มาตรา 192 วรรคหก ประกอบมาตรา 215 และพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550
มาตรา 3 ...
2. หากข้อหาหรือฐานความผิดใดยตุ ิไปตามคำพิพากษาศาลชนั้ ต้นโดยคู่ความไมไ่ ดอ้ ุทธรณ์แล้ว ควรกล่าวให้
ปรากฏไว้ในส่วนคำวินิจฉยั ของศาลอุทธรณ์ด้วย เช่น

ก. กรณศี าลชัน้ ตน้ พพิ ากษายกฟ้อง
1. หากเปน็ ขอ้ หาความผิดเดยี ว อาจใช้ว่า
สำหรับข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ จึงยุติไปตามคำ
พพิ ากษาศาลชั้นต้น
2. หากเป็นข้อหากรรมเดียวบทเดียว หรือหลายขอ้ หา ควรระบทุ ุกขอ้ หาให้ชดั เจน เช่น
สำหรับข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน ข้อหาเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีนและข้อหามีกัญชาไว้ใน
ครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ศาลชัน้ ต้นพิพากษายกฟ้อง ไม่มีคู่ความฝา่ ยใดอุทธรณ์ จึงยุตไิ ปตามคำพิพากษา
ศาลชั้นตน้

67

ข. กรณศี าลช้ันตน้ พพิ ากษาลงโทษจำเลย
1. หากเปน็ ความผดิ ฐานเดยี ว อาจใชว้ ่า
สำหรบั ความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน ศาลช้ันต้นพิพากษาลงโทษจำเลย ไมม่ ีคคู่ วามฝ่ายใดอุทธรณ์ จึง
ยตุ ไิ ปตามคำพพิ ากษาศาลช้นั ต้น
2. หากเป็นความผิดกรรมเดียวบทเดียวหรือหลายฐานความผิด ควรระบุทุกฐานความผิดเพื่อให้ชัดเจน
เชน่
สำหรับความผิดฐานพาอาวธุ ปืนติดตัวไปในเมอื ง หมู่บ้านหรอื ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดย
ไม่มีเหตุสมควร และฐานเสพเมทแอมเฟตามีน ศาลช้ันต้นพิพากษาลงโทษจำเลย ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ จึงยุติ
ไปตามคำพพิ ากษาศาลช้นั ตน้
ค. กรณีศาลชั้นต้นพิพากษาทั้งยกฟ้องและลงโทษจำเลย ควรระบุทุกข้อหาหรือฐานความผิดดังกล่าวไว้ให้
ชดั เจน เชน่
สำหรบั ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ขอ้ หาพาอาวุธปืนติด
ตัวไปในเมือง หมบู่ ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตสุ มควร ศาลช้ันต้นพิพากษายกฟ้อง
ส่วนความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ข้อหาและ
ความผดิ ฐานดงั กล่าวจงึ ยตุ ไิ ปตามคำพพิ ากษาศาลชน้ั ต้น
3. การตั้งปัญหาทต่ี ้องวนิ ิจฉัยในช้นั อุทธรณ์
3.1 หัวข้อในการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติด ให้ใช้ว่า “ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติด
ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแลว้ ..”
3.2 กรณีที่มคี ู่ความขอแถลงการณ์ด้วยวาจาในช้ันอุทธรณ์ หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าไมจ่ ำเป็น ในกรณีนี้ต้อง
ระบุขอ้ ความดังกล่าวใหป้ รากฏในคำพพิ ากษาด้วย เช่น ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดตรวจสำนวนประชุมปรึกษา
แล้ว ที่โจทก์ (หรือจำเลย) ขอแถลงการณ์ด้วยวาจานัน้ เหน็ ว่า ไม่จำเป็นแก่คดี จึงให้งดเสีย...”

68

3.3 คดีอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง การย่อทางนำสืบของโจทก์และจำเลยควรให้ได้ใจความตามปัญหาท่ี
อุทธรณ์ กรณีมีจำเลยหลายคน หากไม่มีอุทธรณ์เกี่ยวกับจำเลยใดก็ไม่ต้องมีทางนำสืบของจำเลยนั้น และไม่ควร
ลอกคำเบิกความของพยานท่ียังไม่เรียบเรียงถ้อยคำมาท้ังหมด ควรใช้ถ้อยคำตามกฎหมายและเป็นภาษาราชการ
กฎหมาย เล่ียงการใช้ภาษาต่างประเทศโดยไม่จำเป็น กับระบุชือ่ เอกสารต่าง ๆ ให้ถกู ตอ้ ง

3.4 กรณีอุทธรณ์เฉพาะแต่ปัญหาข้อกฎหมาย ซ่งึ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้น ๆ ศาลอุทธรณ์ต้อง
ฟังข้อเท็จจริงตามท่ีศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 194 ควรสรุป
ข้อเท็จจริงทย่ี ุตแิ ลว้ วนิ ิจฉยั ปัญหาขอ้ กฎหมายไปได้เลย เช่น

ศาลอทุ ธรณ์แผนกคดียาเสพติดตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแลว้ มปี ัญหาต้องวินิจฉัยตามอทุ ธรณ์ของโจทก์
(หรือ จำเลย) เฉพาะปัญหาขอ้ กฎหมายว่า .... ในการวินจิ ฉยั ปัญหาดังกลา่ ว ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดจะต้อง
ฟังขอ้ เทจ็ จริงตามที่ศาลชั้นตน้ วนิ ิจฉยั มาแลว้ จากพยานหลกั ฐานในสำนวน ซึ่งศาลชั้นต้นฟงั ข้อเทจ็ จริงวา่ .....

3.5 กรณที ยี่ กอทุ ธรณเ์ พราะอุทธรณต์ อ้ งหา้ ม ควรวินิจฉัยปญั หาท่ีตอ้ งห้ามอทุ ธรณ์นน้ั เสียกอ่ น เช่น
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่โจทก์ (หรือ จำเลย) อุทธรณ์ว่า .... น้ัน
เห็นว่า .... เป็นข้อเท็จจริงท่ีมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลช้ันต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ
แพ่ง มาตรา 215 วรรคหนง่ึ ประกอบประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา มาตรา 15 และพระราชบัญญัตวิ ิธี
พิจารณาคดยี าเสพตดิ พ.ศ. 2550 มาตรา 3 ศาลอุทธรณแ์ ผนกคดยี าเสพติดไมร่ ับวนิ จิ ฉยั
หรอื
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ท่ีจำเลยอุทธรณ์ว่ากระสุนปืนของกลาง
ไม่ใช่ของจำเลยแต่เป็นของคนรู้จักนำเอามาฝากจำเลยไว้ น้ัน เป็นอุทธรณ์ท่ีขัดกับคำให้การรับสารภาพของจำเลย
และเป็นข้อท่ีไม่ได้ยกข้ึนว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น จึงเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความแพ่ง มาตรา 215 วรรคหน่ึง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และ
พระราชบัญญัติวิธพี ิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 ศาลอทุ ธรณ์แผนกคดียาเสพติดไม่รบั วินจิ ฉัย

69

3.6 การตง้ั ปญั หา กรณจี ำเลยเป็นผูอ้ ุทธรณ์
3.6.1 หากศาลช้ันต้นลงโทษจำเลยตามฟ้องทุกข้อหา จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องทุกข้อหา ควรใช้ว่า มี
ปญั หาตอ้ งวินิจฉยั ตามอทุ ธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลชัน้ ต้นหรือไม่
3.6.2 หากฟ้องมีหลายข้อหา ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามฟ้องทุกข้อหา แต่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
บางขอ้ หา ควรใชว้ ่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผดิ ฐาน...(ระบุชือ่ ฐาน)...ตาม
คำพพิ ากษาศาลชั้นตน้ หรอื ไม่
3.7 การต้ังปญั หา กรณโี จทกเ์ ปน็ ผอู้ ทุ ธรณ์
3.7.1 หากศาลชั้นต้นยกฟ้องทั้งหมดหรือไม่ลงโทษตามฟ้องทุกข้อหา ควรใช้ว่า มปี ัญหาต้องวินิจฉัยตาม
อทุ ธรณ์ของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟอ้ งหรอื ไม่
3.7.2 หากฟ้องมีหลายข้อหา ศาลชัน้ ต้นยกฟ้องบางข้อหา โจทกอ์ ุทธรณ์ขอให้ลงโทษข้อหาที่ยกฟ้องหรือ
บางข้อหา ควรใช้ว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดฐาน...(ระบชุ ื่อฐาน)...ตาม
ฟอ้ งหรือไม่
3.8 กรณีฟ้องมหี ลายข้อหา ศาลช้นั ต้นยกฟ้องบางข้อหา โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษข้อหาทีย่ กฟอ้ งหรอื บาง
ข้อหา ส่วนจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องข้อหาที่ศาลชั้นต้นลงโทษ ควรใช้ว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของ
โจทกแ์ ละจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐาน...(ระบุชื่อฐาน)...ตามฟ้อง และ...(ระบชุ ื่อฐาน)...ตามคำพิพากษาศาล
ช้ันตน้ หรือไม่
3.9 กรณีศาลชั้นต้นลงโทษประหารชีวิตหรือจำคุกจำเลยตลอดชีวิต ไม่มีคู่ความอุทธรณ์ ศาลช้ันต้นส่ง
สำนวนมาตาม ป.วิ.อ.มาตรา 245 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.วธิ ีพิจารณาคดียาเสพติดฯ มาตรา 16 ควรใช้ว่า ศาล
อุทธรณ์แผนกคดยี าเสพตดิ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ... มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดฐาน...
(ระบุชอ่ื ฐานทศี่ าลชน้ั ต้นลงโทษประหารชวี ติ หรือจำคกุ จำเลยตลอดชวี ติ )...ตามคำพิพากษาศาลช้นั ตน้ หรือไม่...

70

3.10 กรณีศาลชั้นต้นลงโทษประหารชีวิตหรือจำคุกจำเลยตลอดชีวิต คู่ความอุทธรณ์ในปัญหาอื่น เช่น
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา เป็นต้น ควรใช้ว่า ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดตรวจสำนวนประชุมปรึกษา
แล้ว ... มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง ประกอบ
พระราชบัญญัติวิธพี ิจารณาคดยี าเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 16 ก่อนว่า จำเลยกระทำความผิดฐาน...(ระบุชื่อฐานท่ี
ศาลชั้นต้นลงโทษประหารชวี ิตหรอื จำคกุ จำเลยตลอดชีวติ )...ตามคำพพิ ากษาศาลช้ันต้นหรอื ไม่..

มีปัญหาต้องวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข์ องโจทก์ (หรือ จำเลย) ประการแรกวา่ ...
3.11 คดีริบทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
พ.ศ.2534

(1) ต้องให้ได้ความว่าคดีหลักถึงท่ีสุดก่อน หากคดีหลักยังไม่ถึงที่สุด ให้จดรายงานกระบวนพิจารณาคืน
ศาลช้ันตน้ และจำหน่ายคดอี อกจากสารบบความไปก่อน (หมายเหตุ ดแู บบรายงานฯตาม 5.7)

(2) กรณีศาลชัน้ ต้นมีคำส่ังใหร้ ิบทรัพยต์ ามคำร้องทั้งหมด ผู้คัดค้านอุทธรณ์ขอให้คนื ทรพั ย์สนิ ตามคำร้อง
ทั้งหมด ควรใช้ว่า ...มีปญั หาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผูค้ ัดค้านว่า ทรัพย์สินตามคำรอ้ งเป็นทรัพย์สนิ ทเี่ ก่ียวเนอ่ื ง
กับการกระทำความผดิ เกยี่ วกับยาเสพติดหรือไม่ ...

(3) กรณีศาลช้ันต้นมีคำสั่งให้ริบทรัพย์สินตามคำรอ้ งทงั้ หมด ผู้คัดคา้ นอทุ ธรณ์ขอให้คืนทรัพย์สินตามคำ
ร้องบางรายการ ควรใช้ว่า ...มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้คัดค้านว่า ...(ระบุรายการทรัพย์สินตาม
อุทธรณ)์ ...ตามคำร้องเปน็ ทรพั ยส์ นิ ทเ่ี กย่ี วเน่ืองกบั การกระทำความผดิ เกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ ...

(4) กรณีศาลช้ันต้นมีคำส่ังให้ยกคำร้องทั้งหมด ผู้ร้องอุทธรณ์ขอให้ริบทรัพย์สินตามคำร้องทั้งหมด
ควรใช้ว่า ...มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่าทรัพย์สินตามคำร้องเป็นทรัพย์สินท่ีเกี่ยวเน่ืองกับการ
กระทำความผิดเก่ียวกบั ยาเสพติดหรอื ไม่ ...

71

(5) กรณีศาลช้ันต้นมีคำส่ังให้ริบทรัพย์สินบางรายการและไม่ริบบางรายการ ผู้ร้องอุทธรณ์ขอให้ริบ
ทรัพย์สินท่ีศาลชั้นต้นไม่ริบตามคำร้อง ควรใช้ว่า ...มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า ...(ระบุรายการ
ทรัพยส์ นิ ตามอทุ ธรณ)์ ...ตามคำรอ้ งเปน็ ทรพั ย์สนิ ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผดิ เก่ยี วกับยาเสพตดิ หรือไม.่ ..

(6) กรณีศาลชั้นต้นมีคำส่ังให้ริบทรัพย์สินบางรายการและไม่ริบบางรายการ ผู้ร้องอุทธรณ์ขอให้ริบ
ทรัพย์สินท่ีศาลช้ันต้นไม่ริบตามคำร้อง ผู้คัดค้านอุทธรณ์ขอให้คืนทรัพย์สินบางรายการ ควรใช้ว่า ...มีปัญหาต้อง
วินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องและผู้คัดค้านว่า ..(ระบุรายการทรัพย์สินตามอุทธรณ์ท้ังของผู้ร้องและผู้คัดค้าน)...
ตามคำรอ้ งเป็นทรัพยส์ ินทเ่ี กี่ยวเน่ืองกบั การกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่...
4. การใช้ภาษาในการเรียงคำพิพากษา

ชื่อยาเสพติด ให้ใช้คำตามกฎหมาย เช่น เมทแอมเฟตามีน 3,4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน ไม่ต้อง
มคี ำว่า ไฮโดรคลอไรด์ ต่อท้าย ไม่ใช้คำว่า ยาอี ยาบา้ ยาไอซ์ ยาเค หรือวงเลบ็ คำดังกลา่ ว ส่วนวัตถุออกฤทธิ์ ใช้ว่า
วัตถอุ อกฤทธ์ิ โดยไม่มคี ำว่า ที่ หลงั คำว่าวัตถุ

การครอบครองเมทแอมเฟตามีน ใช้ว่า มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง ไม่ใช้ว่า เมทแอมเฟตามีนไว้ใน
ครอบครองของจำเลย

คำบางคำใชไ้ ดห้ ลายอย่าง แตค่ วรใชใ้ ห้เหมอื นท้งั รา่ ง เช่น นำ้ หนักหรอื น้ำหนักสุทธิ จับกุมหรือจับ
ลงชอ่ื กับลงลายมอื ช่อื ควรใช้ ลงลายมอื ช่อื
สงิ่ ผิดกฎหมาย ของผิดกฎหมายหรือสง่ิ ของผิดกฎหมาย ควรใช้ สง่ิ ของผิดกฎหมาย
ภรรยากับภรยิ า ควรใช้ ภริยา
โทรศพั ท์มอื ถอื กับโทรศัพท์เคลื่อนท่ี ควรใชโ้ ทรศพั ท์เคลอ่ื นท่ี ส่วน โทรศัพท์ ใช้เป็นคำกรยิ าได้ เชน่ จำเลย
โทรศัพท์ไปหาสายลับ
คำว่า วทิ ยสุ ่อื สาร ใชเ้ ป็นคำนาม เชน่ ดาบตำรวจสมศักดิใ์ ช้วิทยสุ อ่ื สารติดต่อกับสายลบั

72

คำว่า ทำการ ไม่ควรใชเ้ พราะเปลืองถ้อยคำโดยไม่จำเป็น เช่น ทำการจับกมุ หรือ ทำการสอบสวน ควรใช้
ว่า จับกุม หรือ สอบสวน ยกเว้นกรณีท่ีจำเป็นจริง ๆ เช่นเดียวกับคำว่า ได้ ไม่ควรใช้โดยไม่จำเป็น เช่น จำเลยได้
เสพเมทแอมเฟตามนี ควรใช้วา่ จำเลยเสพเมทแอมเฟตามนี

คำวา่ เอาไป ควรเล่ยี งใชค้ ำอื่น โดยอาจใช้วา่ นำไป พาไป แทน
คำว่า ขวามอื ซา้ ยมอื ไมค่ วรใช้ แต่ใช้วา่ ด้านขวาหรือข้างขวา ด้านบนขวา
รถยนต์เกง๋ ใชว้ ่า รถยนต์ รถยนตป์ ิกอพั ใชว้ า่ รถยนต์กระบะหรือรถกระบะ สว่ นรถบรรทกุ หรอื รถโดยสาร
ประจำทาง ใช้วา่ รถบรรทกุ หรอื รถโดยสารประจำทาง
การถ่ายธนบัตรท่ีใช้ล่อซื้อ ใช้วา่ ถ่ายสำเนาหรือทำสำเนา ไม่ใช้ว่า ถา่ ยเอกสาร การระบุเอกสารใช้ว่า ตาม
สำเนาภาพถา่ ยธนบัตรหรือสำเนาธนบตั รหรือภาพถา่ ยสำเนาธนบัตรเอกสารหมาย
การถ่ายรูป ใช้ว่า ถ่ายรูป ไม่ใช้ ถ่ายภาพ การระบุเอกสารใช้ว่า ตามสำเนาภาพถ่ายหรือรูปถ่ายหมาย จ.
แตห่ ากเปน็ ภาพถา่ ยทไ่ี ด้ถา่ ยสำเนา ใชค้ ำว่า เอกสารหมาย ได้ เพราะถอื วา่ เปน็ พยานเอกสาร
5. การจดรายงานกระบวนพิจารณากรณีต่างๆ
5.1 ใบแตง่ ทนายความ
1. ไม่มีใบแต่งทนายความ ควรใชว้ ่า
ศาลอทุ ธรณ์แผนกคดยี าเสพติดตรวจสำนวนแล้ว ปรากฏว่าคดีน้นี าย ข. ได้เป็นทนายความแก้ต่างให้จำเลย
ตลอดมาต้งั แตศ่ าลชัน้ ต้นจนยื่นอุทธรณ์ แตไ่ มป่ รากฏว่าจำเลยไดแ้ ต่งตง้ั นาย ข.เป็นทนายความของตนแตอ่ ย่างใด
ดังนั้น ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลช้ันต้นจัดการให้จำเลยทำใบแต่งทนายความมาให้ถูกต้อง
กอ่ น แล้วอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปได้ แต่หากจำเลยไมป่ ฏิบัติตาม ให้ศาลช้ันต้นส่งสำนวนพร้อมคำพิพากษา
ดงั กล่าวคืนศาลอุทธรณเ์ พื่อดำเนินการตอ่ ไป

73

2. มีใบแต่งทนายความ แตท่ นายความไมไ่ ดล้ งช่ือ ควรใช้ว่า
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดตรวจสำนวนแล้ว ปรากฏว่าคดีน้ีทนายความจำเลยยื่นอุทธรณ์ โดยไม่
ปรากฏว่าได้ลงชื่อเป็นทนายความในใบแต่งทนายความฉบับลงวันที่ ... อันเป็นข้อบกพร่องเล็กน้อย สมควรแก้ไข
เสียให้ถกู ต้อง
ดังน้ัน ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลช้ันต้นดำเนินการให้จำเลยทำใบแต่งทนายความมาให้
ถูกต้องก่อน แล้วอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปได้ แต่หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ศาลช้ันต้นส่งสำนวนพร้อมคำ
พิพากษาดงั กล่าวคนื ศาลอุทธรณ์เพื่อดำเนนิ การต่อไป
3. มีใบแต่งทนายความ แต่จำเลยไม่ไดล้ งชื่อ ควรใช้ว่า
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดตรวจสำนวนแล้ว ปรากฏว่าคดีนี้ทนายความจำเลยย่ืนอุทธรณ์ โดยไม่
ปรากฏว่าจำเลยได้ลงชื่อเป็นผู้แต่งต้ังทนายความในใบแต่งทนายความฉบับลงวันท่ี ... อันเป็นข้อบกพร่องเล็กน้อย
สมควรแกไ้ ขเสียใหถ้ ูกต้อง
ดังนั้น ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้จำเลยลงลายมือชื่อในใบแต่ง
ทนายความมาให้ถูกต้องก่อน แล้วอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปได้ แต่หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ศาลชั้นต้นส่ง
สำนวนพร้อมคำพิพากษาดังกลา่ วคืนศาลอุทธรณเ์ พอื่ ดำเนินการต่อไป
4. มใี บแต่งทนายความ แต่ทนายความเปลีย่ นชือ่ ควรใช้ว่า
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดตรวจสำนวนแล้ว ปรากฏว่าคดีนี้จำเลยแต่งตั้งให้นาย ข. เป็นทนายความ
ของตน และนาย ข. ทำหน้าท่ีทนายจำเลยมาโดยตลอด แต่ตอ่ มานับต้ังแต่จำเลยย่นื คำร้องตอ่ ศาลช้ันตน้ เมอื่ วนั ท่ี ...
เป็นต้นมา ผู้ที่ลงช่ือในฐานะทนายจำเลยกลับเป็นนาย ว. โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นาย ท. เป็นบุคคลคน
เดยี วกบั นาย ว. หรอื ไม่
ดังน้ัน ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ใหศ้ าลช้นั ต้นดำเนินการหมายเรียกนาย ว. มาสอบถาม หากเป็น
บุคคลคนเดียวกับนาย ท. ก็ให้ย่ืนคำแถลงพร้อมหลักฐานเอกสารเปลี่ยนชื่อเพื่อติดสำนวนไว้ แล้วอ่านคำพิพากษา

74

ศาลอุทธรณ์ไปได้ แต่หากไม่ใช่บุคคลคนเดียวกัน ให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนพร้อมคำพพิ ากษาดงั กลา่ วคืนศาลอุทธรณ์
เพ่ือดำเนนิ การตอ่ ไป

5.2 ฟอ้ งอทุ ธรณ์
1. ไม่มลี ายมือช่ือผอู้ ุทธรณ์ ควรใช้ว่า
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดตรวจสำนวนแล้ว คดีนี้จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ลง

ลายมือชอ่ื ในฐานะผอู้ ทุ ธรณ์ อนั เปน็ ข้อบกพรอ่ งเลก็ นอ้ ย สมควรแก้ไขเสยี ใหถ้ กู ตอ้ ง
ดังนั้น ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟัง ให้ศาลช้ันต้นดำเนินการให้จำเลยแก้ไขข้อบกพร่อง

ดังกล่าว แล้วอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปได้ แต่หากจำเลยไม่ดำเนินการ ให้ศาลช้ันต้นส่งสำนวนพร้อมคำ
พพิ ากษาดงั กล่าวคืนศาลอุทธรณ์เพื่อดำเนินการต่อไป

2. ใช้แบบพิมพไ์ ม่ถกู ต้องและไมม่ ีลายมือช่ือผ้เู รียง ควรใช้ว่า
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดตรวจสำนวนแล้ว คดีน้ีจำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลช้ันต้น แต่ใช้แบบ
พิมพ์ทา้ ยอุทธรณ์เปน็ ทา้ ยคำแก้อุทธรณ์ อันเปน็ ข้อบกพรอ่ งเล็กน้อย สมควรแก้ไขเสยี ให้ถกู ตอ้ ง
ดังน้ัน ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟัง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้จำเลยแก้ไขข้อบกพร่อง
ดังกล่าว แล้วอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปได้ แต่หากจำเลยไม่ดำเนินการ ให้ศาลช้ันต้นส่งสำนวนพร้อมคำ
พพิ ากษาดงั กล่าวคืนศาลอทุ ธรณเ์ พ่ือดำเนินการต่อไป
3. ผูอ้ ทุ ธรณไ์ มล่ งลายมือชื่อผู้เรยี งและผ้เู ขียนหรือผพู้ ิมพ์ ควรใชว้ ่า
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดตรวจสำนวนแล้ว คดีนี้จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยลง
ลายมือช่ือในฐานะผู้อุทธรณ์ แต่ไม่ปรากฏลายมือช่ือผู้เรียงและผู้เขียนหรือผู้พิมพ์ อันเป็นข้อบกพร่องเล็กน้อย
สมควรแก้ไขเสยี ใหถ้ กู ต้อง

75

ดังนั้น ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟัง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้จำเลยแก้ไขข้อบกพร่อง
ดังกล่าว แล้วอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปได้ แต่หากจำเลยไม่ดำเนินการ ให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนพร้อมคำ
พพิ ากษาดังกล่าวคนื ศาลอุทธรณ์เพื่อดำเนินการตอ่ ไป

5.3 ยน่ื อทุ ธรณ์หลายฉบบั ควรใช้วา่
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดตรวจสำนวนแล้ว ปรากฏว่าจำเลยย่ืนอุทธรณ์เม่ือวันท่ี ... ฉบับหนึ่ง และ

ทนายจำเลยย่ืนอุทธรณ์แทนจำเลย เม่ือวันท่ี ... อีกฉบับหน่ึง เป็นการไม่แน่ว่าจำเลยประสงค์จะใช้อุทธรณ์ฉบับใด
เป็นอุทธรณ์ของจำเลย จึงส่งสำนวนคืนให้ศาลชั้นต้นสอบถามจำเลยให้ได้ความชัดเจนเสียก่อน เสร็จแล้วให้รีบส่ง
สำนวนคนื ศาลอุทธรณ์ ยกเลกิ วันนดั ฟงั คำพพิ ากษาศาลอุทธรณท์ ่ีกำหนดนัดเดิม

ในชน้ั น้ีให้จำหน่ายคดจี ากสารบบความของศาลอทุ ธรณ์
5.4 สงั่ ให้ศาลชั้นต้นสบื เสาะ ควรใชว้ า่

ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดตรวจสำนวนแล้ว เห็นสมควรให้มีการสืบเสาะและพินิจจำเลยก่อนมีคำ
พิพากษาตามพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ.2559 มาตรา 30 จึงให้ส่งสำนวนไปยังศาลช้ันตน้ เพื่อดำเนินการแจ้ง
คำสั่งศาลอุทธรณ์ให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำเลย แล้วทำรายงานพร้อม
ความเห็นเสนอต่อศาลช้ันต้นภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย และให้ศาลชั้นต้นแจง้ รายงานการสืบเสาะและพินิจ
ให้จำเลยทราบ หากจำเลยคัดค้านให้ศาลช้ันต้นดำเนินการตามนัยมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวก่อน
เสร็จแล้วให้ส่งสำนวนพร้อมรายงานการสืบเสาะและพินิจคืนศาลอุทธรณ์เพื่อดำเนินการต่อไป ยกเลิกวันนัดฟังคำ
พพิ ากษาศาลอุทธรณ์ท่กี ำหนดนัดเดิม

ในช้ันน้ใี ห้จำหนา่ ยคดีจากสารบบความของศาลอทุ ธรณ์
5.5 คดที ไ่ี ม่อย่ใู นอำนาจพิจารณาของศาลอุทธรณแ์ ผนกคดียาเสพติด ควรใช้วา่

ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดตรวจสำนวนแล้ว คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานเสพ
เมทแอมเฟตามีน และฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต โจทก์ไม่ได้

76

อุทธรณ์คำพิพากษาศาลช้ันต้น ส่วนจำเลยอุทธรณ์เฉพาะความผิดฐานมีอาวุธปืนและเคร่ืองกระสุนปืนไว้ใน
ครอบครองโดยไม่ไดร้ ับใบอนุญาตโดยไม่ได้อุทธรณ์ความผดิ เก่ียวกับยาเสพติดดว้ ย ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติด
ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเคร่ืองกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับ
ใบอนุญาต ซ่ึงเป็นความผิดอ่ืนตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 ได้ คดีน้ีจึงอยู่ในอำนาจ
พจิ ารณาพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค... ให้ส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค ... แจ้งศาลชนั้ ตน้ ทราบ ยกเลิกวันนัด
ฟงั คำพิพากษาศาลอทุ ธรณ์ท่ีกำหนดนดั เดิม

ในชน้ั น้ใี หจ้ ำหนา่ ยคดีจากสารบบความของศาลอุทธรณ์
5.6 การไตส่ วนเพ่ือรับประโยชน์ตามมาตรา 100/2 ควรใช้วา่
ศาลอุทธรณแ์ ผนกคดียาเสพตดิ ตรวจสำนวนแลว้ คดีนจี้ ำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษน้อยกวา่ อตั ราโทษขัน้ ต่ำ
ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 โดยอ้างว่าจำเลยได้ให้ข้อมูลท่ีสำคัญต่อเจ้า
พนักงานตำรวจจนสามารถจบั กุมนาย ... พรอ้ มเมทแอมเฟตามีนจำนวนมากตามเอกสารทา้ ยอุทธรณ์ แต่ข้อเทจ็ จริง
ในสำนวนและตามเอกสารทา้ ยอุทธรณ์ยังไม่ชดั เจน กรณีมีเหตุสมควรท่ีจะต้องไต่สวนขอ้ เท็จจริงดังกล่าว จึงให้ศาล
ช้ันต้นไต่สวนข้อเท็จจริงดังกล่าวจากเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมและผู้เกี่ยวข้อง แล้วรายงาศาลอุทธรณ์เพ่ือ
ดำเนนิ การต่อไปโดยเรว็ ยกเลกิ วนั นดั ฟงั คำพิพากษาศาลอทุ ธรณท์ ี่กำหนดนัดเดิม
ในชน้ั นใ้ี ห้จำหนา่ ยคดจี ากสารบบความของศาลอทุ ธรณ์
5.7 การรอพิจารณาคดีขอให้ริบทรัพย์สนิ ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ ควรใชว้ ่า
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดตรวจสำนวนแล้ว คดีน้ีเก่ียวข้องกับคดีอาญาหมายเลขดำที่ ... ซึ่งเป็นคดี
หลักยังไม่มีคำพิพากษาถึงท่ีสุด จึงให้รอการพิจารณาคดีน้ีไว้จนกว่าคดีดังกล่าวมีคำพิพากษาถึงที่สุด หากคดีดัง
กล่าวถึงท่ีสดุ แล้ว ให้ผรู้ ้องแถลงต่อศาลช้ันต้นภายใน 15 วัน นับแต่ทราบ แล้วให้ศาลชั้นต้นรวบรวมถ้อยคำสำนวน
ส่งคืนศาลอุทธรณ์เพ่ือพิจารณาโดยเร็ว ให้ส่งสำนวนไปยังศาลชั้นต้น ยกเลิกวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ท่ี
กำหนดนัดเดิม

77

ในช้นั นใ้ี หจ้ ำหน่ายคดจี ากสารบบความของศาลอทุ ธรณ์
6. กรณจี ำเลยอทุ ธรณ์ขอให้ลงโทษปรับสถานเดียว แต่ร่างไมเ่ หน็ ควรใหล้ งโทษปรับสถานเดียว

6.1 หากฐานความผดิ ท่ีอุทธรณ์ตามกฎหมายบัญญัติให้ลงโทษจำคุกหรอื ปรับ ซ่ึงสามารถลงโทษปรับเพียง
สถานเดียวได้ ร่างอาจให้เหตุผลส่วนหนึ่งเพื่อตอบอุทธรณ์ของจำเลยว่า ที่ศาลชั้นต้นวางโทษจำคุก...มาน้ัน
เหมาะสมแล้ว หรอื เหมาะสมแกพ่ ฤติการณ์แหง่ คดี หรือเหมาะสมแกส่ ภาพความผิดแลว้ และไม่มีเหตสุ มควรลงโทษ
ปรับเพยี งสถานเดยี ว ก็ได้

และไม่ควรให้เหตุผลว่า “ทั้งศาลช้ันต้นยังใช้ดุลพินิจลดโทษให้กึ่งหนึ่ง อันเป็นการลดโทษในอัตรา
สงู สุดตามท่ีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 บัญญตั ใิ หล้ ดลงได้” เพราะจะเป็นการฟมุ่ เฟือย

6.2 หากฐานความผิดที่อุทธรณ์ตามกฎหมายบัญญัติให้ต้องลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ ซึ่งไม่อาจ
ลงโทษปรับสถานเดียวได้ ร่างอาจให้เหตุผลว่า พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/1 วรรค
หนึ่ง บัญญัติว่า "ความผิดตามพระราชบัญญัติน้ีที่มีโทษจำคุกและปรบั ให้ศาลลงโทษจำคุกและปรบั ด้วยเสมอ โดย
คำนึงถึงการลงโทษในทางทรัพย์สินเพ่ือป้องปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ" ดังน้ัน เม่ือ
ความผิดท่ีจำเลยกระทำในคดีน้ีมรี ะวางโทษตามพระราชบัญญัตยิ าเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคสอง
ให้จำคุกและปรับ ศาลจึงต้องจำคุกและปรับจำเลยด้วยเสมอ จะลงโทษปรับเพียงอย่างเดียวหาได้ไม่
(ฎ.4683/2548)

หมายเหตุ กรณีไม่ใช้กับการท่ีกฎหมายบัญญัตใิ ห้จำคุกและปรับแต่ไม่ได้มีบทบังคับให้ต้องลงโทษปรับด้วย
เสมอ เช่น พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เป็นต้น ซึ่งศาลสามารถลงโทษอย่างใดอย่างหน่ึงได้ตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 22 ดงั นั้น หากมีอุทธรณเ์ ช่นนี้ ก็ใหป้ รบั ใช้ตาม 6.1 ขา้ งตน้ ได้

6.3 หากฐานความผิดที่อุทธรณ์ตามกฎหมายบัญญตั ิให้ต้องลงโทษจำคุกและปรบั ด้วยเสมอ ไม่ใช้เหตผุ ลว่า
“ไม่มีเหตุสมควรลงโทษปรบั เพยี งสถานเดียว”

78

7. กรณีจำเลยอทุ ธรณข์ อให้ลงโทษสถานเบา
7.1 หากฐานความผิดที่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นลงโทษเป็นโทษขั้นต่ำสุดตามท่ีกฎหมายบัญญัติแล้ว และร่าง

ไม่ได้แก้ไขโทษ ให้ใช้เหตุผลว่า “ที่ศาลชั้นต้นวางโทษจำเลยให้จำคุก...และปรับ...นั้น เป็นโทษขั้นต่ำสุดตามที่
กฎหมายบัญญตั ไิ ว้ ไมม่ เี หตุท่ีศาลอทุ ธรณแ์ ผนกคดยี าเสพตดิ จะลดลงได้อกี ”

7.2 หากฐานความผิดที่อุทธรณ์ ศาลช้ันต้นลงโทษเป็นโทษข้ันต่ำสุดตามท่ีกฎหมายบัญญัติแล้ว โดยมีการ
เพ่ิมโทษก่อนลดโทษ และร่างไม่ได้แก้ไขโทษ อาจให้เหตุผลทำนองว่า ที่ศาลชั้นต้นวางโทษจำเลยก่อนเพิ่มโทษและ
ลดโทษให้จำคุก...และปรับ...นั้น เป็นโทษข้ันต่ำสุดตามท่ีกฎหมายบัญญัติไว้ ไม่มีเหตุท่ีศาลอุทธรณ์แผนกคดี
ยาเสพตดิ จะลดลงไดอ้ กี

หมายเหตุ หากร่างให้เหตผุ ลว่า ท่ีศาลชั้นตน้ วางโทษจำเลยก่อนเพิม่ โทษและลดโทษให้จำคุก...และปรับ....
มานัน้ เหมาะสมแลว้ หรือเหมาะสมแก่พฤติการณแ์ หง่ คดี หรือเหมาะสมแก่สภาพความผดิ แล้ว ก็ไมจ่ ำต้องแก้

7.3 หากฐานความผิดที่อุทธรณ์ ศาลช้ันตน้ ลงโทษสูงกว่าโทษข้ันตำ่ ตามท่ีกฎหมายบัญญตั ิไว้ และรา่ งไมไ่ ด้
แก้ไขโทษ อาจให้เหตุผลทำนองว่า ที่ศาลชั้นต้นวางโทษจำเลยก่อนเพ่ิมโทษและลดโทษให้จำคุก...และปรับ...น้ัน
เป็นการวางโทษที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว หรือเป็นการวางโทษท่ีเหมาะสมแก่สภาพความผิดแล้ว หรือ
เป็นการวางโทษทนี่ บั ว่าเปน็ คณุ แกจ่ ำเลยแลว้ ไม่มีเหตทุ ่ีศาลอุทธรณแ์ ผนกคดยี าเสพติดจะเปลยี่ นแปลงแกไ้ ข ก็ได้

7.4 หากฐานความผิดที่อทุ ธรณ์ ศาลชน้ั ต้นลงโทษสูงกว่าบัญชีมาตรฐานกำหนดโทษ และรา่ งเห็นควรแก้ไข
โดยลดโทษใหเ้ ปน็ ไปบัญชมี าตรฐานกำหนดโทษ

(1) กรณีศาลช้ันต้นลงโทษปรับ และร่างแก้ไขโทษปรับ อาจให้เหตุผลทำนองว่า ท่ีศาลช้ันต้นวางโทษ
จำเลยก่อนเพ่ิมโทษและลดโทษให้ปรับ...นั้น หนักเกินไป ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดเห็นสมควรแก้ไขให้
เหมาะสมแก่พฤติการณ์แหง่ คดี หรือเหมาะสมแก่สภาพความผดิ กไ็ ด้

79

(2) กรณีศาลช้ันต้นลงโทษจำคุก และร่างแก้ไขโทษจำคุก อาจให้เหตุผลทำนองว่า ที่ศาลช้ันต้นวางโทษ
จำเลยก่อนเพ่ิมโทษและลดโทษให้จำคุก...นั้น หนักเกินไป ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดเห็นสมควรแก้ไขให้
เหมาะสมแก่พฤตกิ ารณ์แห่งคดี หรอื เหมาะสมแก่สภาพความผดิ กไ็ ด้

(3) กรณีศาลช้ันต้นลงโทษจำคุกและปรับ และร่างแก้ไขเฉพาะโทษปรับ อาจให้เหตุผลทำนองว่า ท่ีศาล
ชั้นต้นวางโทษจำเลยก่อนเพ่ิมโทษและลดโทษให้จำคุก...และปรับ...น้ัน โทษจำคุกเป็นโทษขั้นต่ำสุดตามท่ีกฎหมาย
บญั ญัติไว้ หรือเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว หรือเหมาะสมแก่สภาพความผิดแล้ว ไม่มีเหตทุ ี่จะเปล่ียนแปลง
แก้ไข แต่โทษปรับนั้นหนักเกินไป ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดเห็นสมควรแก้ไขให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่ง
คดี หรอื เหมาะสมแก่สภาพความผิด ก็ได้

(4) กรณีศาลชั้นต้นลงโทษจำคกุ และปรับ และร่างแก้ไขเฉพาะโทษจำคุก อาจให้เหตุผลทำนองว่า ท่ีศาล
ชั้นต้นวางโทษจำเลยก่อนเพ่ิมโทษและลดโทษใหจ้ ำคุก...และปรับ...นั้น โทษจำคุกหนักเกนิ ไป ศาลอทุ ธรณแ์ ผนกคดี
ยาเสพติดเห็นสมควรแกไ้ ขให้เหมาะสมแกพ่ ฤติการณแ์ ห่งคดี หรือเหมาะสมแกส่ ภาพความผดิ ส่วนโทษปรับน้ันเป็น
โทษข้ันต่ำสุดตามท่ีกฎหมายบัญญัติไว้ หรือเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว หรือเหมาะสมแก่สภาพความผิด
แล้ว ไมม่ ีเหตทุ ี่จะเปล่ียนแปลงแกไ้ ข ก็ได้

(5) กรณีศาลช้ันต้นลงโทษจำคุกและปรับ และร่างแก้ไขทั้งโทษจำคุกและโทษปรบั อาจใหเ้ หตุผลทำนอง
ว่า ท่ีศาลช้ันต้นวางโทษจำเลยก่อนเพิ่มโทษและลดโทษให้จำคุก...และปรับ..น้ัน หนักเกินไป ศาลอุทธรณ์แผนกคดี
ยาเสพตดิ เห็นสมควรแกไ้ ขใหเ้ หมาะสมแก่พฤตกิ ารณ์แหง่ คดี หรอื เหมาะสมแกส่ ภาพความผิด กไ็ ด้

7.4 ทุกกรณไี ม่ควรใหเ้ หตผุ ลว่า
“ทั้งศาลชั้นต้นยังใช้ดุลพินิจลดโทษให้กึ่งหนึ่ง อันเป็นการลดโทษในอัตราสูงสุดตามท่ีประมวลกฎ หมาย
อาญา มาตรา 78 บญั ญตั ิใหล้ ดลงได้” เพราะจะเป็นการฟ่มุ เฟอื ย
หมายเหตุ หากร่างใช้เหตผุ ลดงั กลา่ ว ก็ให้คงตามร่าง

80

7.5 กรณีทมี่ ีการเพ่ิมโทษกอ่ นลดโทษ ไม่ควรใช้เหตผุ ลทำนองว่า
“การเพม่ิ โทษจำเลยเป็นไปตามท่กี ฎหมายบัญญัตไิ ว้”
หมายเหตุ หากร่างใชเ้ หตผุ ลดังกลา่ ว ก็ให้คงตามรา่ ง
8. การใชถ้ อ้ ยคำกรณไี ม่เข้าเงื่อนไขรอการลงโทษ
กรณีจำเลยอุทธรณ์โต้แย้งในปัญหาข้อกฎหมายและไม่เข้าเง่ือนไขท่ีจะรอการลงโทษได้ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 56 ควรใช้ถ้อยคำทำนองว่า “ชอบแล้ว” หรอื “ชอบด้วยกฎหมายแลว้ ” ไม่ควรใชถ้ ้อยคำว่า
“เหน็ พอ้ งด้วย”
9. การใช้คำว่า “ตำรวจ” กรณจี ำเลยใหข้ ้อมูลสำคญั และเป็นประโยชน์อยา่ งยง่ิ
กรณีจำเลยให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างย่ิงในการปราบปรามการกระทำความผิดเก่ียวกับ
ยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 100/2 ให้ใช้คำว่า “ตำรวจ” เฉพาะกรณีอ้าง
ถ้อยคำตามตัวบทเทา่ นนั้ ส่วนในคำวินิจฉยั ยังคงใชว้ ่า “เจา้ พนักงานตำรวจ” (คมู่ อื ฯ เล่ม 4 หนา้ 120)
10. การใช้เครื่องหมายจุลภาค “ , ” และยัติภงั ค์ “ - ”
10.1 ควรใช้เครื่องหมายจุลภาค “ , ” ค่ันระหว่างตัวเลขของเอกสารหมาย เช่น เอกสารหมาย จ.1, 2, 4
และ 5
ถ้าเป็นการค่ันระหว่างตัวอักษรหรือตัวเลขที่มีตัวอักษรกำกับอยู่ด้านหน้า อาจใช้การเว้นวรรคแทน
เครอ่ื งหมายจุลภาคค่นั ระหว่างตัวอักษรหรอื ตวั เลขก็ได้ เช่น เอกสารหมาย จ.1 จ.2 จ.4 และ จ.5
10.2 ให้ใช้คำบุพบท “ถึง” แทนเคร่ืองหมายขีด (hyphen) หรือยัติภังค์ “–” เช่น คำว่า “เวลา 13
นาฬิกา – 18 นาฬิกา” ให้ใช้ว่า“เวลา 13 นาฬกิ า ถงึ 18 นาฬิกา” หรอื “เวลา 13 ถึง 18 นาฬกิ า” ก็ได้
เว้นแต่ เปน็ เวลาตามที่กฎหมายบญั ญัตไิ ว้โดยเฉพาะ ควรระบเุ วลาไวต้ ามกฎหมายเพือ่ ให้ชดั เจน เชน่

81

ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 2) ข้อ 1 ห้ามบุคคลใดท่ัวราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 นาฬิกา ถึง
04.00 นาฬกิ า ของวนั รุ่งขนึ้ ....

ส่วนคำที่เป็นชื่อเฉพาะให้ใช้เคร่ืองหมายยัติภังค์ได้ เช่น “ถนนสายพัทยา–มาบตาพุด” หรือ “ทางหลวง
พเิ ศษสายกรงุ เทพ-ชลบุร”ี หรอื “เท่ียวบินกรงุ เทพ–สุราษฎร์ธาน”ี

คำวา่ “ถุงแบบเปดิ -ปิด” ให้ใช้วา่ “ถงุ แบบเปดิ ปดิ ” โดยไม่ต้องใส่เครือ่ งหมายยัติภังค์
11. การใชค้ ำกริยา “แลน่ ” หรอื “วงิ่ ”

การใชค้ ำกรยิ าเก่ยี วกับรถอาจใชว้ ่า “แลน่ ”หรอื “ว่ิง” ก็ได้ แต่ควรใชอ้ ย่างใดอย่างหนึ่งให้เหมือนกันทง้ั รา่ ง
12. การใช้คำบพุ บท “ของ”

กรณีใช้คำว่า “ของ” เป็นคำบุพบท หมายถึง แห่ง ใช้สำหรับนำหน้านามท่ีเป็นผู้ครอบครอง จึงใช้กับ
สิ่งของเท่านั้น เช่น “บ้านของจำเลย รถของจำเลย” ส่วนคำนามซ่ึงเป็นบุคคล ไม่ต้องใช้คำว่า “ของ” นำหน้านาม
เช่น “มารดาจำเลย พ่สี าวจำเลย”
13. การใช้คำว่า “ป๊ัมนำ้ มนั ” หรอื “สถานีบริการน้ำมัน”

บรษิ ัท ปตท. จำกดั (มหาชน) เป็นช่ือเฉพาะ ซึง่ อาจใชค้ ำว่า “ปัม๊ น้ำมนั ปตท.” หรอื “สถานีบริการน้ำมนั
ปตท.” ก็ได้ แต่ควรใช้อยา่ งใดอยา่ งหน่งึ ให้เหมือนกันท้ังรา่ ง

หมายเหตุ มีคำพิพากษาฎีกาใช้ว่า สถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเอสโซ่ (ฎ.4582/2552) สถานีบริการ
จำหน่ายนำ้ มนั เซลล์ (ฎ.3506/2551)
14. การใช้ช่ือโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรน่า 2019

การกลา่ วถงึ ช่อื โรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรน่า 2019 หรอื โรคโควิด 19 ในคราวแรก ควรใชว้ ่า “โรคติดเชอ้ื ไวรัส
โคโรนา่ 2019 หรอื โรคโควดิ 19” และเมือ่ กลา่ วถึงโรคดงั กล่าวในคราวตอ่ ไป อาจใช้ว่า “โรคโควดิ 19” และควรใช้
อย่างใดอยา่ งหนึ่งใหเ้ หมือนกันทั้งรา่ ง

82

15. การใชช้ ่ือ บริษทั
การใช้ชื่อบริษัท ให้ใช้ช่ือเต็มให้เหมือนกันท้ังร่าง แต่ถ้าช่ือของบริษัทยาวมากเมื่อกล่าวถึงช่ือบริษัทน้ันซ้ำ

อีก อาจใช้ช่ือยอ่ ตามด้วยเครื่องหมายไปยาลน้อย “ฯ” ต่อท้ายชื่อ เช่น บรษิ ัทโกลบอล โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด
(มหาชน) อาจใช้ว่า “บริษัทโกลบอลฯ” หรืออาจใช้ว่า “บริษัท” หรือ “บริษัทดังกล่าว” โดยไม่มีเคร่ืองหมาย
ไปยาลน้อยตอ่ ทา้ ยเม่อื กล่าวถงึ บริษัทเดียวกนั ต่อไปก็ได้ แตค่ วรใช้อย่างใดอยา่ งหนง่ึ ใหเ้ หมอื นกันท้ังรา่ ง
16. การใชช้ ่ือฐานความผิด

ควรใช้ “ฐาน” นำหน้าทุกฐานความผดิ เชน่
“...ฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพ
เมทแอมเฟตามนี ฐานรว่ มกันมีเมทแอมเฟตามนี ไว้ในครอบครองเพ่ือจำหน่ายจรงิ ...”
17. การเขียนช่ือบคุ คลกรณไี ม่ทราบวา่ เปน็ ชอื่ จรงิ หรือช่ือเล่น
17.1 กรณีในสำนวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบชื่อจริงหรือช่ือสกุลของบุคคลน้ัน ให้ใช้ว่า “นายหรือ
นางหรือนางสาว ... ไม่ทราบชือ่ จริงและชือ่ สกลุ ”
17.2 ถ้าในสำนวนไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าชื่อบุคคลนั้นเป็นชื่อจริงหรือชื่อเล่น ให้ใช้ว่า “นายหรือนางหรือ
นางสาว ...” แล้วแต่กรณี
17.3 กรณชี ื่อบคุ คลน้ันเป็นนักโทษ ให้ใช้ว่า “นายหรือนางหรือนางสาว ...” แล้วแตก่ รณี เว้นแตใ่ นสำนวน
ไม่ปรากฏข้อเท็จจรงิ ว่านักโทษบุคคลนั้นเป็นนางหรอื นางสาว อาจใช้คำว่า “นักโทษหญงิ ” ตอ่ ไป
(หมายเหตุ ดใู นส่วนคำฟอ้ ง เรื่องช่ือคคู่ วาม)
18. การอ้างชือ่ ตำบลหรืออำเภอหลายแห่งในจงั หวดั เดียวกัน
การอ้างถึงที่อยู่ต่างตำบลหรือต่างอำเภอหลายแห่ง ในจงั หวดั เดียวกัน ในคราวแรกให้อ้างชื่อตำบล อำเภอ
และจังหวัดให้ครบถ้วน และเม่อื อา้ งถงึ ตำบลหรอื อำเภอคราวต่อไป ไม่ต้องระบอุ ำเภอหรอื จังหวัดซ้ำอีก

83

เช่น ผู้เสียหายขับรถยนต์บรรทุกไปจอดที่สถานีบริการน้ำมัน หมู่ท่ี 5 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง
สมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ถูกคนร้ายปล้นทรัพย์ที่อยู่บนรถของผู้เสียหายไป จากน้ันคนร้ายขับรถไปถึงตำบล
คอกกระบือ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ห่างจากท่ีเกิดเหตุปล้นทรัพย์ ... ขณะถูกยิงจำเลยกับพวก
พาผู้เสียหายและผู้ตายไปห่างจากทเ่ี กดิ เหตปุ ล้นทรัพย์ถึง 4 กโิ ลเมตร และอยู่ในท้องทตี่ ำบลคอกกระบือ ตา่ งตำบล
กบั ท้องทเ่ี กดิ เหตปุ ล้นทรัพย์ซ่งึ อยทู่ ่ีตำบลพนั ทา้ ยนรสิงห์”
19. การแกเ้ งื่อนไขคมุ ความประพฤติ

(1) กรณีท่ีศาลชั้นต้นรอการลงโทษโดยกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติจำเลยน้อยกว่าบัญชีมาตรฐาน
กำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ หากโจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานหนักหรือไม่รอการลงโทษ ถ้าร่างยังคงให้รอการ
ลงโทษ ควรแกไ้ ขระยะเวลาและเงอ่ื นไขคมุ ความประพฤตใิ ห้เป็นไปตามบัญชีมาตรฐานกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์
โดยใหเ้ หตผุ ลในทำนองวา่

“ท่ีศาลช้ันต้นใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดเห็นพ้องด้วย
อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น อย่างไรก็ดี ที่ศาลช้ันต้นให้รอการลงโทษไว้ ... ปี และคุมความประพฤติของจำเลยเป็น
เวลา...ปี นั้น เป็นระยะเวลาน้อยเกินไป เห็นสมควรกำหนดเสียใหม่ให้เหมาะสมและเพื่อประโยชน์ในการ
เปลี่ยนแปลงตนเองของจำเลย เห็นสมควรกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติเพิ่มเติมโดยให้จำเลยกระทำกิจกรรม
บรกิ ารสงั คมหรอื สาธารณประโยชนด์ ว้ ย”

(2) กรณีท่ีโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานหนักหรือไม่รอการลงโทษ ร่างจะแก้ระยะเวลาและเงอ่ื นไข
คุมความประพฤติให้เป็นไปตามมาตรฐานการลงโทษของศาลอุทธรณ์ไม่ได้ เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยซึ่ง
ตอ้ งหา้ มตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212
20. การวินจิ ฉยั และปรบั บทตามมาตรา มาตรา 100/1 แหง่ พระราชบัญญัติยาเสพติดใหโ้ ทษฯ

1. กรณีร่างวินิจฉัยถึงการลงโทษจำคุกและปรับตามมาตรา 100/1 วรรคหนึ่ง ควรระบุวรรคให้ชัดเจน
(คู่มือฯ เล่ม 4 ข้อ 13 หนา้ 172) เชน่

84

“ ... เห็นว่า ความผิดของจำเลยต้องด้วยบทกำหนดโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522
มาตรา 66 วรรคสอง มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงห้าล้านบาท ซ่ึง
ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/1 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ความผิดตาม
พระราชบัญญัติน้ีท่ีมีโทษจำคุกและปรับ ให้ศาลลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ...” ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกเพียง
สถานเดยี ว โดยมิไดล้ งโทษปรับจำเลยด้วย จึงเป็นการไม่ชอบ อุทธรณข์ องโจทก์ฟงั ขึ้น

พิพากษาแก้เปน็ ว่า ให้ปรบั จำเลย ... บาท อกี สถานหนึ่ง...” (ฎ.10786/2559)
2. กรณีร่างกล่าวถึงการลงโทษปรับน้อยกว่าอัตราโทษข้ันต่ำตามกฎหมายเท่านั้น ควรระบุเป็น
มาตรา 100/1 วรรคสอง
ข้อสังเกต วรรคสองน้ี ยังมีปัญหาถกเถียงว่าต้องใช้กับกรณีจำคุกและปรับตามมาตรา 100/1 วรรคหน่ึง
เทา่ นน้ั ยงั ไมม่ ีแนวส่ังออกหรอื คำพิพากษาศาลฎกี าวางหลกั ไวอ้ ยา่ งชดั เจน
21. กรณีศาลช้ันต้นลงโทษโดยวางโทษก่อนแลว้ จึงให้ระวางโทษสามเท่าซ่ึงไม่ถูกต้อง รา่ งอาจใช้เหตุผลทำนอง
วา่
อนึ่ง ท่ีศาลชัน้ ต้นลงโทษจำเลย ตามพระราชบญั ญัตยิ าเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2),
66 วรรคสาม ประกอบพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเก่ียวกับยาเสพติด พ.ศ.2534
มาตรา 10 (หรือ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100) ให้ลงโทษประหารชีวิต เม่ือลงโทษ
ประหารชีวิตแล้ว จึงไม่อาจระวางโทษจำเลยเป็นสามเท่าได้ นั้น ไม่ถูกต้อง เพราะตามมาตรา 10
แห่งพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผกู้ ระทำความผิดเก่ียวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 (หรือ มาตรา 100
แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522) เป็นบทกำหนดโทษ กรณีไม่อาจระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษ
จำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตได้ จึงนำมาตรา 10 (หรือ มาตรา 100) แห่งบทบัญญัติดังกล่าวมาปรับด้วยไม่ได้
จำเลยคงมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม
เท่าน้ัน ศาลอทุ ธรณ์แผนกคดยี าเสพติดเหน็ สมควรแกไ้ ขให้ถูกต้อง

85

ส่วนที่ 9

คำพพิ ากษาศาลอทุ ธรณ์

1. การลดโทษปรบั ลง 1 ใน 3
1.1 กรณีศาลชน้ั ตน้ ลดโทษปรับ
- หากคงปรับ 266,666.66 บาท (ฎ.8863/2552) หรอื 266,666.67 บาท (ฎ.6665/2560)

และไม่มปี ัญหาต้องวินจิ ฉัยในเรือ่ งดังกล่าว หากรา่ งไม่แก้ กใ็ หผ้ ่านไปได้ ไม่จำตอ้ งแก้ไข (คมู่ อื ฯ เล่ม 4 หนา้ 140)
- หากคงปรับ 266,666 บาท หรือ 266,667 บาท และไม่มีปัญหาต้องวินิจฉัยในเร่ืองดังกล่าว

หากร่างไม่แก้ ก็ใหผ้ า่ นไปได้ ไม่จำต้องแก้ไข
หากคงปรับ 133,333.34 บาท และไม่มีปัญหาท่ีต้องวินิจฉัยในเร่ืองดังกล่าว หากร่างไม่แก้ ก็ให้ผ่านไปได้

ไมจ่ ำต้องแก้
1.2 กรณีศาลอทุ ธรณว์ างโทษใหมห่ รอื แกโ้ ทษปรับ
- โทษปรับ 400,000 บาท ให้คงปรับ 266,666.66 บาท แต่หากร่างให้คงปรับ 266,666.67 บาท

กไ็ มจ่ ำต้องแก้ (ฎ.8863/2552 และ ฎ.6665/2560)
- โทษปรับ 200,000 บาท ให้คงปรับ 133,333.33 บาท ไม่มีการปัดเศษเป็น 133,333.34 บาท

(ฎ.7519/2561)
2. การลดมาตราส่วนโทษหรือลดโทษแลว้ เป็นจดุ ทศนยิ มไม่รู้จบ

การลดมาตราส่วนโทษหรือลดโทษจะทำให้โทษปรับตามบัญชีอัตราโทษเหลือเศษเป็นจุดทศนิยมไม่รู้จบ
ควรปรับเพ่มิ หรือลดโทษเลก็ น้อย เพือ่ ใหส้ ะดวกแก่การคำนวณโทษ เชน่

2.1 หากโทษปรับตามบญั ชอี ัตราโทษเปน็ หลักรอ้ ย ใหเ้ พ่มิ หรอื ลดโทษไดใ้ นหลักหนว่ ย
2.2 หากโทษปรับตามบญั ชีอัตราโทษเป็นหลักพนั ใหเ้ พิ่มหรอื ลดโทษไดถ้ ึงหลักสบิ

86

2.3 หากโทษปรับตามบัญชอี ตั ราโทษเป็นหลกั หมน่ื ให้เพ่ิมหรือลดโทษไดถ้ งึ หลักรอ้ ย
2.4 หากโทษปรบั ตามบญั ชีอัตราโทษเป็นหลักแสน ให้เพ่ิมหรือลดโทษไดถ้ ึงหลกั พัน
2.5 หากโทษปรบั ตามบญั ชีอัตราโทษเป็นหลกั ล้าน ให้เพิม่ หรือลดโทษได้ถึงหลักหมน่ื
เว้นแต่ ในกรณีโทษปรับที่ศาลชั้นต้นลงเป็นโทษขั้นต่ำสุดตามกฎหมายแล้ว ไม่ควรวางโทษปรับเพ่ิมจาก
บัญชีอตั ราโทษ แม้ลดโทษลงแล้วจะเป็นจุดทศนยิ มก็ตาม เพราะเป็นการเพมิ่ เติมโทษจำเลย
หมายเหตุ กรณีท่ีท่านเจ้าของร่างวางโทษปรับไม่ตรงกับบัญชีอัตราโทษ ควรระบุเหตุผลไว้ในร่าง เพ่ือให้
กองผ้ชู ว่ ยและผู้สง่ั ออกทราบเหตผุ ลดว้ ย
3. ร่างทเ่ี ป็นรายงานกระบวนพจิ ารณาและใหจ้ ำหนา่ ยคดี เชน่ รายงานท่ีสั่งให้ศาลชั้นตน้ สบื เสาะ เปน็ ต้น
3.1 หากศาลอุทธรณ์ได้กำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาไว้ล่วงหน้า ในตอนท้ายก่อนย่อหน้าสุดท้ายของ
รายงานให้ระบุว่า “ให้ยกเลิกวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ได้กำหนดนัดเดิม” (ตามบันทึกข้อความศาล
อทุ ธรณ์ ลงวนั ท่ี 27 กุมภาพันธ์ 2560 เร่อื ง การยกเลิกวนั นดั ฟังคำพพิ ากษาศาลอุทธรณ์)
3.2 ส่วนย่อหน้าสดุ ท้ายให้ระบุว่า “ในช้ันน้ีให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์” โดยไม่
ตอ้ งมจี ุดทศนิยมในตอนทา้ ย (ตามคูม่ อื ฯ เล่ม 4 หน้า 208)
4. การแกโ้ ทษ กรณีศาลช้นั ตน้ รอการลงโทษ โจทก์อุทธรณ์ขอใหไ้ ม่รอการลงโทษ โดยจำเลยไม่ได้อุทธรณ์
หลัก หากคำพิพากษาศาลช้ันต้นวางโทษจำคุกหรือปรับสูงเกินกว่าบัญชีมาตรฐานโทษ ควรแก้โทษจำคุก
หรอื ปรับลดลงใหต้ รงตามบัญชมี าตรฐานโทษ ทกุ กรณี (บันทกึ งานเลขานุการแผนกคดยี าเสพติด ลงวนั ท่ี
27 กรกฎาคม 2560 เร่ือง แจ้งมตทิ ปี่ ระชุม)
หมายเหตุ หากร่างใช้ดุลพินิจต่างไปจากบัญชีอัตราโทษดังกลา่ ว ควรระบุเหตผุ ลไว้ เพือ่ ใหก้ องผู้ช่วยและผู้
ส่ังออกทราบด้วย

87

4.1 กรณีร่างแกเ้ ฉพาะให้ลงโทษปรับ อีกสถานหนึง่ ใช้ว่า
“พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลย ... บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้กึ่งหน่ึงตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 78 คงปรับ ... บาท เม่ือรวมกับโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลช้ันต้นแล้ว เป็นจำคุก ... เดือน และปรับ ...
บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากท่ีแก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษา
ศาลชน้ั ต้น.” (ฎ. 10786/2559)
4.2 กรณรี า่ งแกเ้ ฉพาะโทษปรบั ลดลง ใชว้ า่
“พิพากษาแก้เป็นว่า ปรับ ... บาท ลดโทษให้ก่ึงหน่ึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ ...
บาท เม่ือรวมกับโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เป็นจำคุก ... ปี และปรับ ... บาท นอกจากที่แก้ให้
เปน็ ไปตามคำพพิ ากษาศาลช้นั ต้น.”
4.3 กรณรี า่ งแก้เฉพาะโทษจำคุก ลดลง ใชว้ ่า
“พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุก ... เดือน ลดโทษใหก้ ่ึงหน่ึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคกุ ...
เดือน ... วัน เม่ือรวมกับโทษปรับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เป็นจำคุก ... เดือน ... วัน และปรับ ... บาท
นอกจากท่ีแกใ้ หเ้ ปน็ ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.”
4.4 กรณรี ่างแกโ้ ทษจำคกุ ลดลง และวางโทษปรับ อีกสถานหนึ่ง ใชว้ า่
“พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุก ... ปี และปรับ ... บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้กึ่งหน่ึงตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 78 คงจำคุก ... เดือน และปรับ ... บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ใหเ้ ปน็ ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.”
4.5 กรณรี า่ งใหล้ งโทษปรบั อกี สถานหนึ่ง และกำหนดเง่ือนไขคมุ ความประพฤติดว้ ย ควรใช้วา่
“พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลย ... บาท อีกสถานหน่ึง ลดโทษให้กึ่งหน่ึงตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 78 คงปรับ ... บาท เม่ือรวมกับโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลช้ันต้นแล้ว เป็นจำคุก ... เดือน และปรับ ...
บาท ให้คุมความประพฤติของจำเลยไว้มีกำหนด ... ปี นับแต่วันท่ีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ให้

88

จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมคุมประพฤติ ... คร้ัง ตามเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติ
เห็นสมควร ห้ามจำเลยเก่ียวข้องกับยาเพติดให้โทษทุกชนิด ให้จำเลยละเว้นการประพฤติใดอันอาจนำไปสู่การ
กระทำความผิดในทำนองเดียวกันนี้อีก กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามท่ี
พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา ... ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้
จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.”
(คมู่ อื ฯ เลม่ 4 หนา้ 65)
5. การกำหนดระยะเวลาในการกักขงั แทนคา่ ปรบั

หลกั ใหใ้ ช้วา่ “...ไม่ชำระคา่ ปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขงั แทน
ค่าปรบั ใหก้ กั ขงั เกิน 1 ปี แต่ไม่เกนิ 2 ป.ี ..”

5.1 กรณีท่ีศาลชั้นต้นลงโทษสุทธิให้ปรับ 200,000 บาท กักขังแทนค่าปรับเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี
ไม่จำต้องปรับแก้ เพราะเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 แล้ว (แนวปฏิบัติของบัญชีมาตรฐาน
โทษแผนกคดียาเสพตดิ ลงวันที่ 23 มนี าคม 2561 ข้อ 2)

5.2 ส่วนกรณีที่ศาลชั้นต้นลงโทษปรับสุทธิเกิน 200,000 บาท แต่ให้กักขังแทนค่าปรับไม่เกิน 1 ปี
หากโจทก์ไม่อุทธรณ์ปัญหานี้ จะแก้ไขการกักขังแทนค่าปรับเป็นเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ไม่ได้ เพราะเป็นเพ่ิมเติม
โทษจำเลย (ฎ. 8768/2547)

5.3 กรณที ่ีศาลชั้นต้นลงโทษปรับสุทธเิ กิน 200,000 บาท แต่ไม่ระบุระยะเวลากักขังแทนคา่ ปรับไว้ หากไม่
มีคู่ความอุทธรณป์ ญั หาน้ี ให้ยกวนิ ิจฉยั เป็น อน่งึ ฯ เพือ่ กำหนดการกกั ขงั แทนค่าปรับไมเ่ กนิ 1 ปี เชน่

“อน่งึ ศาลชั้นต้นไมไ่ ดก้ ำหนดระยะเวลาไว้ว่าหากจำเลยไมช่ ำระค่าปรบั จะให้กักขงั แทนเป็นเวลาเท่าใด
ศาลอทุ ธรณ์แผนกคดียาเสพติดเห็นสมควรกำหนดเสียให้ชัดเจน เพือ่ ประโยชนใ์ นการบังคบั ตามคำพิพากษา

พพิ ากษายืน หากตอ้ งกักขังแทนค่าปรับให้กักขังไม่เกิน 1 ป.ี ” (ค่มู ือฯ เลม่ 4 หน้า 142 ขอ้ 7)

89

5.4 กรณีท่ีศาลชั้นต้นกำหนดระยะเวลากักขังแทนค่าปรับไว้นานเกินไป หากไม่มีคู่ความอุทธรณ์ปัญหาน้ี
ให้ยกวนิ ิจฉัยเปน็ อนึง่ ฯ เพือ่ กำหนดระยะเวลาการกักขงั แทนค่าปรบั ใหเ้ หมาะสม โดยใชว้ ่า

“อนึ่ง ท่ีศาลชั้นต้นกำหนดระยะเวลากักขังแทนค่าปรับกรณีจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ... บาท โดยให้กักขัง
เกิน 1ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี นั้น เป็นการกำหนดระยะเวลากกั ขังนานเกนิ ไป ศาลอทุ ธรณ์แผนกคดยี าเสพติดเห็นสมควร
กำหนดเสยี ใหมใ่ หเ้ หมาะสม

พพิ ากษาแกเ้ ป็นว่า หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังไม่เกิน 1 ปี นอกจากที่แก้ใหเ้ ป็นไปตามคำพพิ ากษา
ศาลช้นั ตน้ .” (คู่มอื ฯ เล่ม 4 หน้า 143)

5.5 กรณีที่ร่างพิพากษาโดยวางโทษใหม่ปรับสุทธิต้ังแต่ 200,000 บาท ต้องกักขังแทนค่าปรับเกิน 1 ปี
แตไ่ มเ่ กิน 2 ปี ทุกกรณี เพอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายและแนวปฏบิ ัติของบัญชมี าตรฐานโทษ เช่น

“พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพ่ือจำหน่าย ให้ปรับ 400,000 บาท
อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 200,000 บาท เมื่อรวมกับโทษ
จำคุกตามท่ีศาลชั้นต้นกำหนด (ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น) แล้วเป็นจำคุก 2 ปี และปรับ 200,000 บาท ไม่ชำระ
ค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเกิน 1 ปี
แต่ไม่เกนิ 2 ปี นอกจากท่ีแกใ้ ห้เปน็ ไปตามคำพิพากษาศาลชน้ั ตน้ .” (เทียบคมู่ ือฯ เลม่ 4 ขอ้ 7 หนา้ 142)

หมายเหตุ ระยะเวลาการกกั ขังแทนคา่ ปรบั ให้ระบุเป็นตวั เลข เหมือนกนั ทัง้ รา่ ง
6. การระบุระยะเวลาการกักขังแทนค่าปรบั

(1) ใหก้ ำหนดระยะเวลาตอ้ งกักขังแทนค่าปรบั ควรเป็นตัวเลข ไมใ่ ชต่ ัวอักษร เช่น
“พิพากษาแก้เป็นว่า ... ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้อง
กักขังแทนค่าปรับให้กักขังเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ...” ไม่ใช้ว่า “...หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเกินหนึ่งปี
แต่ไมเ่ กนิ สองปี ...”
ข้อสังเกต ถา้ รา่ งยังคงกำหนดใชเ้ ป็นตวั อักษรตามศาลชั้นต้น ก็ไมจ่ ำเปน็ ต้องแก้

90

(2) กรณีศาลช้ันต้นลงโทษปรับจำเลยและให้กักขังแทนค่าปรับได้เกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี หากร่างแก้ไข
โทษปรบั ใหเ้ บาลงโดยปรบั ไม่ถงึ 200,000 บาท ให้แก้ไขระยะเวลาการกักขังแทนคา่ ปรับเปน็ ไมเ่ กิน 1 ปี เช่น

“พิพากษาแก้เป็นว่า ... ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้อง
กกั ขงั แทนค่าปรบั ให้กกั ขงั ไมเ่ กิน 1 ปี ...”
7. ฐานมกี ญั ชาไวใ้ นครอบครองโดยไมไ่ ดร้ ับอนญุ าตตามกฎหมายเก่าและใหม่

เดมิ ความผดิ ตามกฎหมายเก่าจะใช้ชื่อความผิด ฐานมกี ญั ชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รบั อนุญาต ตอ่ มาได้มี
พระราชบัญญตั ิยาเสพติดให้โทษ(ฉบับท่ี 7) พ.ศ. 2562 ซ่ึงเป็นกฎหมายใหม่ใช้บังคับเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562
กำหนดให้การมีกัญชาไวใ้ นครอบครองสามารถขอรับใบอนุญาตได้ การใช้ชอ่ื ฐานความผดิ ดังกล่าว ควรพิจารณาวัน
ใช้บังคบั กฎหมายใหม่ ดังนี้
7.1 หากกระทำผิดก่อนวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 ให้ใช้วา่ “ฐานมีกัญชาไวใ้ นครอบครองโดยไม่ไดร้ บั อนญุ าต”
7.2 หากกระทำผดิ ต้งั แตว่ นั ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 ให้ใช้ว่า “ฐานมกี ญั ชาไว้ในครอบครองโดยไมไ่ ดร้ บั ใบอนุญาต”
8. การพพิ ากษายนื ยก กลบั แก้

8.1 การพพิ ากษาควรให้เรยี งตามลำดบั เช่น
“จำเลย...มีความผิดตาม ... ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยท่ี...หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 76 การกระทำของจำเลย...เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ... เพิ่มโทษกระทงละก่ึงหน่ึงตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522
มาตรา 97 เป็น...เพิ่มโทษหน่ึงในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็น ... ลดโทษให้กระทงละก่ึงหน่ึง
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2), 53 ... คงจำคุก ... เม่ือรวมกับโทษฐานอ่ืนตามคำ
พิพากษาศาลช้ันต้นแลว้ เป็นจำคกุ ... รบิ ...ของกลาง สำหรับจำเลยที่ ... ให้บวกโทษจำคกุ . .. เดือน ที่รอการลงโทษ
ไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงท่ี ..../... ของศาล... เข้ากับโทษในคดีน้ี เป็นจำคุกจำเลยที่ ... มีกำหนด ... นับโทษ
จำเลยท่ี ... ตอ่ จากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ .../.... ของศาล...”

91

8.2 การพพิ ากษายืน
ใช้ว่า “พิพากษายืน.” โดยไม่ต้องมีคำต่อท้ายอีก เว้นบางกรณี เช่น “พิพากษายืน แต่ให้คืนธนบัตรที่ใช้
ล่อซ้ือของกลางแก่เจ้าของ.” หรือ “พิพากษายืน แตใ่ หร้ ิบเมทแอมเฟตามีนของกลาง.” (คูม่ ือฯ เล่ม 4 หนา้ 133)
8.3 การพิพากษายก
กรณอี ุทธรณต์ อ้ งห้าม ใช้ว่า “พิพากษายกอทุ ธรณ์ของ...” (คูม่ ือฯ เล่ม 4 หนา้ 133)
กรณีพิพากษายกย้อน ใช้ว่า “พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลช้ันต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
ตามรูปคด.ี ” (เทียบ ฎ.1889/2546)
8.4 การพพิ ากษากลบั
ใช้วา่ “พพิ ากษากลบั ใหย้ กฟอ้ ง.” หรอื “พพิ ากษากลบั ว่า จำเลยมีความผิดตาม...”
กรณีศาลชน้ั ต้นพิพากษายกฟ้องหรือลงโทษแต่ให้ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง เมื่อร่างพิพากษากลับให้
ลงโทษตามฟ้องหรือยกฟ้อง ต้องสั่งให้ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางอีกครั้ง เช่น “พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่ให้
ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง.” หรือ “พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตาม... ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง.”
(คมู่ อื ฯ เลม่ 4 หนา้ 133)
8.5 การพิพากษาแก้
ใช้ว่า “พิพากษาแก้เป็นว่า ... นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.” (คู่มือฯ เล่ม 4
หนา้ 133)
8.5.1 กรณีฟ้องข้อหามีไว้ในครอบครองเพ่ือจำหน่าย ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานมีไวใ้ น
ครอบครองโดยไม่ไดร้ ับอนญุ าต ขอ้ หาอ่ืนให้ยก และไมม่ ขี องกลางใหร้ บิ ร่างพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟอ้ งโดยไมม่ ี
คำพิพากษาของศาลช้ันต้นเหลืออยู่เลยให้ใช้ว่า “พิพากษาแก้เป็นว่า ...” โดยไม่ต้องใช้ข้อความต่อท้ายว่า
“นอกจากทีแ่ กใ้ หเ้ ป็นไปตามคำพิพากษาศาลช้ันต้น.” (คู่มอื ฯ เล่ม 4 หน้า 134)

92

8.5.2 กรณีฟ้องข้อหามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ศาลช้ันต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ริบเมทแอมเฟตา
มีนของกลาง ร่างพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ใช้ ตามฟ้องโดยไม่มีคำ
พิพากษาของศาลชั้นต้นเหลอื อยู่เลยใหใ้ ช้วา่ “พิพากษาแก้เป็นว่า ...” โดยไม่ต้องใช้ขอ้ ความต่อท้ายว่า “นอกจากท่ี
แก้ให้เปน็ ไปตามคำพพิ ากษาศาลชน้ั ตน้ .” (คมู่ อื ฯ เล่ม 4 หน้า 134)

8.5.3 กรณีศาลช้ันต้นพพิ ากษายกฟ้อง แต่ไม่ได้วินิจฉยั เร่ืองของกลางอย่างอ่นื ที่ไม่ใช่ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษซ่ึง
โจทก์มีคำขอให้ริบ ร่างเห็นชอบในส่วนเนื้อหาของความผิดตามคำพิพากษาศาลช้ันต้นและยกเรื่องของกลางข้ึน
วินิจฉัยเป็นให้ริบ ให้ใช้ “พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบ ... ของกลาง นอกจากท่ีแก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาล
ช้นั ตน้ .” (คมู่ ือฯ เล่ม 4 หนา้ 134)
9. การพิพากษาปรบั บทความผดิ และบทลงโทษ

9.1 ฐานมีเมทแอมเฟตามนี ไว้ในครอบครองเพอื่ จำหนา่ ย
(1) มีปริมาณสารบริสุทธ์ิ หน่วยการใช้และน้ำหนักสุทธิไม่ถึงมาตรา 15 วรรคสาม (2) ใช้ว่า
“จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญตั ิยาเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนง่ึ , 66 วรรคหน่งึ ”
(2) มีหน่วยการใช้หรือน้ำหนักสุทธิตามมาตรา 15 วรรคสาม (2) แต่ปริมาณสารบริสุทธ์ิไม่ถึงมาตรา 15
วรรคสาม (2) ใช้ว่า “จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2),
66 วรรคหนึ่ง”
(3) มีปริมาณสารบริสุทธ์ิตั้งแต่ 0.375 กรัมข้ึนไปตามมาตรา 15 วรรคสาม (2) แต่ไม่เกิน 20 กรัม ใช้ว่า
“จำเลยมคี วามผิดตามพระราชบัญญตั ิยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง”
(4) มีปริมาณสารบริสุทธ์ิเกิน 20 กรัมข้ึนไป ใช้ว่า “จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด
ให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม”

93

9.2 ฐานจำหนา่ ยเมทแอมเฟตามีน
(1) มปี ริมาณสารบรสิ ุทธ์ิ หน่วยการใช้และน้ำหนักสุทธิไม่ถึงมาตรา 15 วรรคสาม (2) หรือมีหน่วยการใช้
หรือน้ำหนักสุทธิตามมาตรา 15 วรรคสาม (2) แต่ปริมาณสารบริสุทธิ์ไม่ถึงมาตรา 15 วรรคสาม (2) ใช้ว่า
“จำเลยมคี วามผดิ ตามพระราชบัญญัตยิ าเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหน่ึง”
(2) มีปรมิ าณสารบรสิ ุทธ์ิตั้งแต่ 0.375 กรมั ขึน้ ไปตามมาตรา 15 วรรคสาม (2) แต่ไม่เกนิ 20 กรมั ใชว้ ่า
“จำเลยมคี วามผิดตามพระราชบญั ญัตยิ าเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหน่ึง, 66 วรรคสอง”
(3) มีปริมาณสารบริสุทธิ์เกิน 20 กรัมขึ้นไป ใช้ว่า “จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้
โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนง่ึ , 66 วรรคสาม”
9.3 ฐานมเี มทแอมเฟตามนี ไวใ้ นครอบครองเพ่ือจำหน่ายและฐานจำหนา่ ยเมทแอมเฟตามนี
ก. กรณจี ำหนา่ ยหมดทัง้ จำนวน

(1) มีปริมาณสารบริสุทธิ์ หน่วยการใช้และน้ำหนักสุทธิไม่ถึงมาตรา 15 วรรคสาม (2) ใช้ว่า
“จำเลยมีความผดิ ตามพระราชบญั ญัติยาเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนง่ึ , 66 วรรคหน่ึง การกระทำ
ของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่ละบทมี
โทษเท่ากนั ให้ลงโทษฐาน ... เพยี งบทเดยี ว”

(2) มีหน่วยการใช้หรือน้ำหนักสุทธิตามมาตรา 15 วรรคสาม (2) แต่ปริมาณสารบริสุทธ์ิไม่ถึงมาตรา
15 วรรคสาม (2) ใช้ว่า “จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง
และวรรคสาม (2), 66 วรรคหน่ึง การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แตล่ ะบทมโี ทษเท่ากนั ใหล้ งโทษฐาน ... เพยี งบทเดียว”

(3) มีปริมาณสารบริสุทธ์ิต้ังแต่ 0.375 กรัมข้ึนไปตามมาตรา 15 วรรคสาม (2) แต่ไม่เกิน 20 กรัม ใช้
ว่า “จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหน่ึงและวรรคสาม (2),


Click to View FlipBook Version