ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ระบบย่อยอาหาร วิชา ชีววิทยา 1 ว31241 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและกระบวนการย่อยอาหารของสัตว์ที่ไม่มีทางเดิน อาหาร สัตว์ที่มีทางเดินอาหารแบบไม่สมบูรณ์ และสัตว์ที่มีทางเดินอาหารแบบสมบูรณ์ 2. อธิบายการย่อยอาหารภายนอกเซลล์และภายในเซลล์ 3. สังเกตและอธิบายการกินอาหารของไฮดราและพลานาเรีย 4. อธิบายเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในกระบวนการย่อยอเชิงกลและทางเคมีของมนุษย์ 5. อธิบายเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในการดูดซึมสารอาหารและการถ่ายอุจจาระของมนุษย์ ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3 ทบทวนความรู้ก่อนเรียน : ให้นักเรียนใส่เครื่องหมาย หรือ ตามความเข้าใจของนักเรียน .................1. สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีโครงสร้างในการย่อยอาหารเหมือนกัน .................2. คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และลิพิด เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เซลล์สามารถนำไปใช้ได้ทันที .................3. ทางเดินอาหารของมนุษย์ประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ได้แก่ ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก และมีอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการย่อยอาหาร คือ ต่อมน้ำลาย ตับ และตับอ่อน .................4. ฟันช่วยบดเคี้ยวอาหารให้มีขนาดเล็กลงจัดเป็นการย่อยเชิงกลและมีลิ้นช่วยคลุกเคล้าอาหาร ……………..5. ภายในกระเพาะอาหารมีการย่อยโปรตีนโดยใช้เอนไซม์ในภาวะที่เป็นกรด .................6. การย่อยอาหารในลำไส้เล็กอาศัยเอนไซม์ที่สร้างจากตับอ่อนเท่านั้น .................7. การดูดซึมสารอาหารส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ลำไส้เล็ก .................8. น้ำดีสร้างจากถุงน้ำดีแล้วส่งไปที่ลำไส้เล็กช่วยให้ลิพิดแตกตัว .................9. ไตรกลีเซอไรด์เมื่อถูกย่อยแล้วจะได้กรดไขมันและกลีเซอรอล ................10. เอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการย่อยอาหารจัดเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา 1. การย่อยอาหารของสิ่งมีชีวิต การย่อยอาหารเมื่อใช้ตำแหน่งที่เกิดการย่อยอาหารเป็นเกณฑ์ แบ่งออกเป็น 1. การย่อยภายในเซลล์ (Intracellular digestion) สิ่งมีชีวิตนำอาหารเข้าสู่เซลล์ในรูป food vacuole แล้วใช้เอนไซม์จากไลโซโซม เอนไซม์ในไลโซโซมจะย่อยอาหารให้มีขนาดเล็กลง และมีการลำเลียงสารที่ย่อยได้ไปทั่วเซลล์ กากอาหารใน food vacuole ถูกกำจัดออกนอกเซลล์โดยวิธีเอกโซไซโทซิส 2. การย่อยอาหารภายนอกเซลล์ (Extracellular digestion) สิ่งมีชีวิตปล่อยเอนไซม์ออกมาย่อยอาหาร ภายนอกเซลล์ แล้วดูดซึมสารอาหารโมเลกุลเล็กเข้าสู่เซลล์ สแกน QR code ดูการกินอาหารของพารามีเซียม
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4 2. การย่อยอาหารของสัตว์ เมื่อใช้โครงสร้างของทางเดินอาหารเป็นเกณฑ์ สามารถแบ่งสัตว์ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. สัตว์ที่ไม่มีทางเดินอาหาร 2. สัตว์ที่มีทางเดินอาหารแบบไม่สมบูรณ์ 3. สัตว์ที่มีทางเดินอาหารแบบสมบูรณ สัตว์ที่ไม่มีทางเดินอาหาร
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 5 ฟองน้ำ เป็นสัตว์ที่ไม่มีทางเดินอาหาร ลำตัวเป็นรูพรุน ช่องกลวงกลางลำตัวที่น้ำไหลผ่านเข้าออก เรียกว่า spongocoel ซึ่งไม่จัดเป็นทางเดินอาหาร เนื่องจากการ ย่อยอหารเกิดขึ้นภายในเซลล์ โดยมีเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับ การกินอหารและการย่อยอาหารที่สำคัญ 2 ชนิด คือ 1.โคเอโนไซต์ (choanocyte) ใช้แฟลเจลลัมโบกพัด อาหารเข้าไปในปลอก และนำอาหารเข้าสู่เซลล์โดยวิธีฟา โกไซโทซิส แล้วย่อยอาหารภายในเซลล์โดยเอนไซม์ จากไลโซโซม 2.อะมีโบไซต์ (amoebocyte) เป็นเซลล์ที่มีลักษณะ คล้ายอะมีบา นำอาหารเข้าสู่เซลล์โดยวิธีฟาโกไซโทซิส แล้วย่อยอาหารภายในเซลล์โดยเอนไซม์จากไลโซโซม สัตว์ที่มีทางเดินอาหารแบบไม่สมบูรณ์ ทางเดินอาหารแบบไม่สมบูรณ์หมายถึง ทางเดินอาหารที่มีช่องเปิดเพียงช่องเดียว ซึ่งเป็นทั้งทางเข้าของอาหาร และเป็นทางออกของกากอาหาร สัตว์ที่มีทางเดินอาหารแบบไม่สมบูรณ์ มีดังนี้ • สัตว์ในกลุ่มไนดาเรียน ได้แก่ ไฮดรา ปะการัง แมงกะพรุน • สัตว์ในกลุ่มแพลทีเฮลมินท์ ได้แก่ พลานาเรีย พยาธิใบไม้ ทางเดินอาหารของไฮดรา ไฮดรามีทางเดินอาหารแบบไม่สมบูรณ์ มีปากทางด้านบน มีแทนทาเคิลรอบปาก ที่แทนทาเคิลมีเข็มพิษ (nematocyst) ที่ใช้แทงเหยื่อให้เป็นอัมพาตแล้วใช้ แทนทาเคิลจับเหยื่อเข้าปาก เข้าสู่ ทางเดินอาหารที่เป็นช่องภายในลำตัว ที่เนื้อชั้นในมีเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการย่อย อาหาร 2ชนิด คือ 1.gland cell เซลล์ทำหน้าที่สร้าง เอนไซม์ เรียกว่า ปล่อยเอนไซม์ออกมา ย่อยอาหารให้มีขนาดเล็กลง 2. nutritive cell เป็นเซลล์ที่นำ อาหารที่มีขนาดเล็กเข้าสู่เซลล์โดยวิธีฟา โกไซโทซิส แล้วย่อยภายในเซลล์ กากอาหารที่เหลือจากการย่อยจะขับ อออกทางปาก สแกน QR code ดูการกินอาหารของไฮดรา
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 6 ทางเดินอาหารของพลานาเรีย พลานาเรียมีทางเดินอาหารแบบไม่สมบูรณ์มีปากอยู่ช่วงกลางลำตัวด้านล่างมีคอหอย ที่สามารถยื่นออกมาจาก ปาก พลาเรียจะกินอาหารโดย ปล่อยเอนไซม์ออกมาย่อยอาหารให้มีขนาดเล็กลง แล้วยื่นคอหอยออกมาดูดอาหารเข้าสู่ ทางเดินอาหารที่ทอดยาวและแตกแขนงไปทั่วลำตัว แล้วจึงมีการย่อยต่อให้สมบูรณ์ในทางเดินอาหาร สัตว์ที่มีทางเดินอาหารแบบสมบูรณ์ ทางเดินอาหารแบบสมบูรณ์ คือทางเดินอาหารที่มีช่องเปิดสองช่อง ได้แก่ ปาก และทวารหนัก นักเรียนลองพิจารณาทางเดินอาหารของสัตว์ชนิดต่างๆ ว่าเหมือนหรือแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร QR code ดูการกิน อาหาร ของพลานาเรีย
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 7 สัตว์กินพืชและสัตว์เนื้อมีทางเดินอาหารเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ความแตกต่าง สัตว์กินพืช สัตว์กินเนื้อ ประเภทอาหาร วัสดุจากพืช เนื้อเยื่อของสัตว์ เวลาในการย่อยและดูดซึม ใช้เวลาในการย่อยและดูดซึมนานกว่า ใช้เวลาในการย่อยน้อยลงเมื่อเทียบกับสัตว์ กินพืช ความยาวของระบบย่อย อาหาร ทางเดินอาหารมีส่วนของลำไส้แคบและ ยาวมากเนื่องจากใช้เวลาในการย่อยพืช นาน ผนังลำไส้บางกว่าสัตว์กินเนื้อ ทางเดินอหารมีลำไส้ใหญ่และสั้นกว่าของสัตว์ กินพืช ผนังลำไส้หนา ปากและฟัน เนื้อที่ปากเล็ก ฟันเป็นฟันกัดและบด เนื้อที่ปากมากและกรามแข็งแรง ฟันแหลม คมกว่าสัตว์กินพืช Caecum มีขนาดใหญ่ และเกิดการย่อยที่แท้จริง มีขนาดเล็กและไม่มีการย่อย
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 8 3. การย่อยอาหารของมนุษย์
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 9 กระบวนการเปลี่ยนแปลงอาหารประกอบด้วย 4 กระบวนการ คือ การกิน การย่อย การดูดซึม และการถ่ายอุจจาระ การย่อยอาหาร แบ่งเป็น 2 แบบ คือ • การย่อยเชิงกล เป็นการย่อยที่ทำให้อาหารขนาดเล็กลง จากการบดตัดของฟัน การบีบตัวของทางเดิน อาหารแล้วทำให้อาหารมีขนาดเล็กลง มีแค่การเปลี่ยนแปลงขนาดของอาหารไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางเคมี • การย่อยเชิงเคมี เป็นการย่อยโดยเอนไซม์ ทำให้อาหารมีขนาดโมเลกุลเล็กลงและมีการเปลี่ยนแปลงทาง เคมีเกิดขึ้น การย่อยอาหารเชิงเคมีในร่างกาย ต้องมีน้ำเข้าร่วมปฏิกิริยา เรียกว่า ไฮโดรไลซิส (hydrolysis) การย่อยอาหารในปาก ปากมีการย่อยเชิงกลโดยการบดเคี้ยวของฟัน และมีการย่อยเชิงเคมีโดยเอนไซม์จากต่อมน้ำลาย ต่อมน้ำลายมี 3 คู่ ได้แก่ 1. Parotid gland ต่อมน้ำลายข้างกกหู 2. Submandibular gland ต่อมน้ำลายใต้ ขากรรไกร 3. Sublingual gland ต่อมน้ำลายใต้ลิ้น ต่อมน้ำลายทำหน้าที่ผลิตน้ำลาย น้ำลายมีน้ำร้อยละ 99.5 pH 6.2-7.4 น้ำลายทำหน้าที่หล่อลื่นอาหารทำให้อาหารเป็น ก้อนและกลืนได้ง่าย ในน้ำลายมีเอนไซม์ อะไมเลส (amylase) ทำหน้าที่ย่อยแป้งไกลโคเจนให้มีขนาดเล็กลง จากภาพการย่อยแป้งโดยเอนไซม์อะไมเลส ผลของการย่อยได้ อาจได้ เดกทรินซ์ หรือ มอลโทส ขึ้นอยู่กับว่าอะ ไมเลสเข้าย่อยแป้งที่ตำแหน่งใด ปาก : มีทั้งการย่อยเชิงกลโดยการบดเคี้ยวของฟัน และมีการย่อยเชิงเคมีโดยเอนไซม์อะไมเลสจากต่อมน้ำลาย ในปากมีการดูดซึมสารอาหารหรือไม่?? เดกทรินซ์ ถูกส่งไปย่อยต่อที่ทางเดินอาหารส่วนใด?? แป้ง มอลโทส มอลโทส เดกซ์ทริน อะไมเลส อะไมเลส
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 10 การกลืนอาหาร การย่อยอาหารในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารอยู่ในช่องท้องด้านซ้าย ผนังกระเพาะอาหารมีกล้ามเนื้อแข็งแรงและยืดหยุ่น ได้ดี ผนังด้านในเป็นรอยย่น เรียกว่า rugae ซึ่งสามารถ ขยายความจุได้ 0.5-2 ลิตรมีกล้ามเนื้อหูรูด 2 บริเวณ คือ • Esophageal sphincter หูรูดระหว่างกระเพาะ กับหลอดอาหาร • Pyloric sphincter หูรูดระหว่างกระเพาะกับ ลำไส้เล็ก หูรูดเหล่านี้ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้อาหารไหลย้อนกลับ และป้องกันไม่ให้อาหารไหลไปสู่ลำไส้เล็กเร็วเกินไป สแกน QR code ดูการกลืนอาหาร
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 11 เซลล์สร้างเมือก เซลล์สร้างเพปซิโน เจน เซลล์สร้างกรด ผนังด้านในของกระเพาะอาหารมีเซลล์ที่สำคัญ 3 ชนิด คือ 1. Mucous cell ทำหน้าที่สร้างเมือก เพื่อป้องกันผนังกระเพาะอาหารจากกรดไฮโดรคลอริกและจากเอนไซม์ 2. Parietal cell ทำหน้าที่สร้างกรดไฮโดรคลอริก กรดไฮโดรคลอริกมีหน้าที่กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์และ ปรับสภาวะในกระเพาะให้เป็นกรด และความเป็นกรดนี้ยังสามารถช่วยทำลายแบคทีเรียบางชนิดที่มากับอาหารได้ด้วย 3. Chief cell ทำหน้าที่สร้างเพปซิโนเจน โดยเพปซิโนเจน คือเอนไซม์ที่ยังไม่สามารถทำงานได้ กรดไฮโดรคลอริกจะเปลี่ยนเพปซิโนเจนให้เป็นเอนไซม์ ที่ทำงานได้ เรียกว่า เพปซิน เอนไซม์เพปซินสามารถ ย่อยอาหารประเภทโปรตีนที่เป็นพอลิเพปไทด์ขนาดใหญ่ ให้เป็นพอลิเพปไทด์ขนาดเล็กลง พอลิเพปไทด์ขนาดเล็ก ที่ได้ จะถูกส่งไปย่อยต่อที่ลำไส้เล็ก การย่อยเชิงเคมีในกระเพาะ เป็นการย่อยโปรตีน โดยเอนไซม์เพปซิน ได้พอลิเพปไทด์ขนาดเล็ก ในกระเพาะอาหารมีการย่อยเชิงกลและการดูดซึมสารอาหารหรือไม่ ?? แผลในกระเพาะอาหารเกิดจากอะไร การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา การติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori การรับประทานยาที่ลดการสร้างเมือกใน กระเพาะ เช่น ยาแอสไพริน ยารักษาโรค กระดูกและข้ออักเสบ ยาแก้อักเสบ การรับประทานอาหารที่กระตุ้นการหลั่งกรดใน กระเพาะ เช่น อาหารรสจัด แอลกอฮอล์ คาเฟอีน การสูบบุหรี่และความเครียดก็เป็นตัวกระตุ้น การหลั่งกรดในกระเพาะ โรคกรดไหลย้อน เป็นภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลกลับขึ้นไปในหลอด อาหาร จนทำให้เกิดการอักเสบของหลอดอาหารขึ้น อาการสำคัญ ได้แก่ ความรู้สึกแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ขึ้นมาที่หน้าอกและคอ มีน้ำรส เปรี้ยวหรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในปากท้องอืด แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียนหลังรับประทานอาหาร เจ็บหน้าอก ไอแห้งๆ เสียงแหบ เจ็บคอ เนื่องจากกรดจากกระเพาะทำให้กล่องเสียงอักเสบเรื้อรัง พฤติกรรมและการดำเนินชีวิตมีผลทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนได้ เช่น การดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้หรืออาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด เผ็ดจัด อาหารไขมันสูง ช็อกโกแลต สุรา การสูบบุหรี่ รับประทาน อาหารมื้อเย็นปริมาณมาก และการนอนทันทีหลังรับประทานอาหาร
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 12 การย่อยอาหารในลำไส้เล็ก ลำไส้เล็กเป็นส่วนที่ต่อจาดกระเพาะอาหาร มีลักษณะเป็นท่อยาวประมาณ 6-7 เมตร แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังตาราง ลำไส้เล็กส่วนที่ หน้าที่ 1. ดูโอดีนัม (duodenum) ยาวประมาณ 25 cm ผลิตฮอร์โมนส่งให้ตับอ่อน เพื่อกระตุ้นให้ตับอ่อนสร้างโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต (NaHCO3) แล้วส่งมายังลำไส้เล็กเพื่อลดความเป็นกรดของอาหารที่มาจากกระเพาะ อาหาร เนื่องจากเอนไซม์ในลำไส้เล็กทำงานได้ดีในสภาพค่อนข้างเป็นกลาง ผลิตเอนไซม์ย่อยโปรตีน ได้แก่ แอมิโนเพปทิเดส ไดเพปทิเดส ไตรเพปทิเดส ผลิตเอนไซม์ย่อยคาร์โบไฮเดรต ได้แก่ มอสเทส ซูเครส แล็กเทส ผลิตเอนไซม์ย่อยลิพิด ได้แก่ ลิเพส เป็นลำไส้เล็กส่วนที่เกิดการย่อยอาหารมากที่สุด 2. เจจูนัม (jejunum) ยาวประมาณ 2.5 cm เป็นส่วนที่มีการดูดซึมสารอาหารที่ย่อยเรียบร้อยแล้วมากที่สุด 3. ไอเลียม (ileum) ยาวประมาณ 3.5 cm เป็นส่วนที่มีการดูดซึมสารอาหารที่ย่อยเรียบร้อยแล้ว
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 13 ลำไส้เล็กเป็นส่วนที่มีการย่อยอาหารทุกประเภท โดยมีเอนไซม์ที่ลำไส้เล็กผลิตเอง และมีอวัยวะที่ช่วยในการผลิต เอนไซม์และน้ำดี ได้แก่ ตับอ่อนและตับ ผู้ช่วยลำไส้เล็ก อวัยวะ หน้าที่ ตับอ่อน ผลิตเอนไซม์ส่งให้ลำไส้เล็กส่วนดูโอดีนัม ดังนี้ เอนไซม์ย่อยโปรตีน ได้แก่ ทริปซิโนเจน ไคโมทริปซิโนเจน และคาร์บอกซิเพปทิเดส เอนไซม์ย่อยคาร์โบไฮเดรต ได้แก่ อะไมเลส เอนไซม์ย่อยไขมัน ได้แก่ ลิเพส เอนไซม์ย่อยกรดนิวคลีอิก ได้แก่ ดีออกซีไรโบนิวคลีเอส ไรโบนิวคลีเอส และ นิวคลีโอทิเดส ตับ ผลิตน้ำดี (bile) นำไปเก็บที่ถุงน้ำดี (gallbladder) แล้วส่งให้ลำไส้เล็กส่วนดูโอดีนัม น้ำดีไม่ใช่เอนไซม์ ทำหน้าที่ช่วยให้ลิพิดแตกตัวเป็นหยดเล็กๆ เป็นอิมัลชัน อาหารแต่ละประเภทมีการย่อยในลำไส้เล็กอย่างไร ?? ตับอ่อน ถุงน้ำดี กระเพาะอาหาร ตับ น้ำดี น้ำดี น้ำย่อยจาก ลำไส้เล็ก ลำไส้เล็กส่วนดูโอดีนัม
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 14 การย่อยโปรตีนที่ลำไส้เล็ก ตับอ่อน ลำไส้เล็ก เอนไซม์จากตับอ่อนที่ยัง ไม่พร้อมทำงานส่งให้ลำไส้ เล็ก ได้แก่ ทริปซิโนเจน ไคโมทริปซิโนเจน โพรคาร์บอกซิเพปทิเดส ลำไส้เล็กผลิต เอนเทอโรไคเนส ทริปซิโนเจน ทริปซิน ย่อยโปรตีนให้เป็นเพปไทด์ที่สั้นลง ไคโมทริปซิโนเจน ทริปซิโนเจน ย่อยโปรตีนให้เป็นเพปไทด์ที่สั้นลง โพรคาร์บอกซิเพปทิเดส คาร์บอกซิเพปทิเดส ย่อยเพปไทด์ได้กรดแอมิโน เอนไซม์จากลำไส้เล็ก ไตรเพปทิเดส ย่อย ไตรเพปไทด์ ได้ ไดเพปไทด์ และ กรดแอมิโน ไดเพปทิเดส ย่อย ไดเพปไทด์ ได้ กรดแอมิโน แอมิโนเพปทิเดส ย่อย ย่อยเพปไทด์ได้กรดแอมิโน ส่งให้ กระตุ้น กระตุ้น กระตุ้น COOH NH2 กรดแอมิโน พอลิเพปไทด์ขนาดใหญ่ ทริปซิน ไคโมทริปซิน NH2 COOH เพปไทด์ NH2 COOH NH2 COOH NH2 แอมิโนเพปทิเดส คาร์บอกซิเพปทิเดส NH2 COOH ไตรเพปทิเดส NH2 COOH NH2 COOH ไตรเพปไทด์ กรดแอมิโน ไดเพปไทด์ NH2 COOH NH2 COOH NH2 COOH COOH ไดเพปทิเดส กรดแอมิโน กรดแอมิโน กรดแอมิโน แอมิโนเพปทิเดสย่อยเพปไทด์ตรง ปลายสายด้านที่มีหมู่แอมิโน คาร์บอกซิเพปทิเดสย่อยเพปไทด์ ตรงปลายสายด้านที่มีหมู่คาร์บอกซิล
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 15 การย่อยคาร์โบไฮเดรตที่ลำไส้เล็ก ตับอ่อน ลำไส้เล็ก เอนไซม์จากตับอ่อน อะไมเลส อะไมเลส ย่อย แป้ง ได้ เดกซ์ทริน และมอลโทส เอนไซม์จากลำไส้เล็ก ได้แก่ มอสเทส ย่อย มอลโทส ได้ กลูโคส 2 โมเลกุล ซูเครส ย่อย ซูโครส ได้ กลูโคส และ ฟรักโทส แล็กเทส ย่อย แล็กโทส ได้ กลูโคส และ กาแล็กโทส การย่อยไขมันที่ลำไส้เล็ก ตับ ลำไส้เล็ก ตับอ่อน น้ำดี ถุงน้ำดี น้ำดีมีเกลือน้ำดีทำให้ไขมันแตกตัว ไขมัน หยดไขมันเล็กๆ ในรูปอิมัลชัน เอนไซม์จากลำไส้เล็ก ได้แก่ ลิเพส (ลิเพสจึงมีจากลำไส้เล็กผลิตเอง และส่งมาจากตับอ่อน) ลิเพส ย่อย ลิพิดในรูปหยดไขมัน ได้ กรดไขมัน และ กลีเซอรอล หรือ ไดกลีเซอไรด์ หรือ มอนอกลีเซอไรด์ เอนไซม์จากตับอ่อน ลิเพส ส่งให้ อะไมเลส อะไมเลส แป้ง มอลโทส เดกซ์ทริน มอลโทส มอลเทส กลูโคส กลูโคส เก็บที่ เกลือน้ำดี ส่งให้ ส่งให้ ลิพิด เกลือน้ำดี หยดไขมัน ในรูปอิมัลชัน ลิเพส กรดไขมัน เกลือน้ำดี ถูกดูดซึมที่ ลำไส้ใหญ่ มอนอกลีเซอไรด์
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 16 การย่อยกรดนิวคลีอิกที่ลำไส้เล็ก ลำไส้เล็กผลิตเอนไซม์ ย่อยกรดนิวคลีอิก ได้แก่ • เอนไซม์ดีออกซีไรโบนิวคลีเอส ย่อย DNA ได้ นิวคลีโอไทด์ • เอนไซม์ไรโบนิวคลีเอส ย่อย RNA ได้นิวคลีโอไทด์ • เอนไซม์นิวคลีโอทิเดส ย่อย นิวคลีโอไทด์ได้ หมู่ฟอสเฟต และ นิวคลีโอไซด์(เบสและน้ำตาล) การดูดซึมสารอาหารที่ลำไส้เล็ก ผนังด้านในของลำไส้เล็กบุด้วยเซลล์บุผิวชั้นเดียว โดยผนังด้านในของลำไส้เล็กมีลักษณะยื่นออกมาคล้าย นิ้วเล็กๆ เรียกว่า วิลลัส (villus) จำนวนมาก เซลล์บุผิวที่วิลลัส ยังมีส่วนที่ยื่นออกมาเรียกว่า ไมโครวิลลัส (microvillus) โครงสร้างทั้ง วิลลัสและไมโครวิลลัส ช่วยเพิ่มพื้นที่ผิวในการดูดซึมสารอาหารที่ลำไส้เล็ก สารอาหารจะถูกดูดซึมเข้าสู่ เส้นเลือดฝอย และหลอดน้ำเหลืองฝอยที่อยู่ภายในวิลลัส villus หลอดน้ำเหลืองฝอย microvillus หลอดน้ำเหลือง
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 17 จากภาพอธิบายการดูดซึมสารอาหารที่ลำใหญ่เล็กได้ดังนี้ 1. การดูดซึมเข้าทางหลอดเลือดฝอยในวิลลัส 2. การดูดซึมเข้าทางหลอดน้ำเหลืองฝอยในวิลลัส หลอดเลือดฝอยในวัลลัส หลอดน้ำเหลืองฝอยในวัลลัส ลำเลียงไปสู่หลอดเลือดเวนจาก ลำไส้เล็กไปสู่ตับ (hepatic portal vein) ช่องภายในลำไส้เล็ก ไมโครวิลลัส กลูโคส และ กาแล็กโทส ฟรักโทส กรดแอมิโน ไดเพปไทด์ ไตรเพปไทด์ กรดไขมันขนาดเล็ก กรดไขมันขนาดใหญ่ มอนอกลีเซอไรด์ วิตามินที่ละลายในไขมัน น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว กรดแอมิโน ,ไดเพปไทด์ , ไตรเพปไทด์ วิตามินที่ละลายน้ำ แร่ธาตุ ดูดซึม หลอดเลือด ฝอยในวิลลัส หลอดเลือดเวนจาก ลำไส้เล็กไปตับ (Hepatic portal vein) เข้าสู่ ตับ : กำจัดสารพิษและ จุลินทรีย์ที่ปนเปื้อน เข้าสู่ หลอดเลือด เวนเข้าสู่หัวใจ เข้าสู่ เข้าสู่ หัวใจ สูบฉีด ส่วนต่างๆ ของร่างกาย กรดไขมันขนาดใหญ่ กลีเซอรอล วิตามินที่ละลายในไขมัน ดูดซึม ไมโครวิลลัสของเซลล์บุผิว : ภายในเซลล์บุผิวกรดไขมันและกลี เซอรอลรวมเป็น ไตรกลีเซอไรด์ และไตรกลีเซอไรด์รวมกับโปรตีน และลิพิด ได้เป็น ไคโลไมครอน ดูดซึม หลอดน้ำเหลือง ฝอยในวิลลัส เข้าสู่ หลอดเลือดเวนจาก ลำไส้เล็กไปตับ (Hepatic portal vein) เข้าสู่ หลอดเลือด เข้าสู่ เวนเข้าสู่หัวใจ หัวใจ สูบฉีด ส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 18 การดูดซึมลิพิดที่ลำไส้เล็ก ตารางสรุปการย่อยอาหารในทางเดินหารของมนุษย์ ทางเดินอาหาร การย่อย คาร์โบไฮเดรต การย่อยโปรตีน การย่อยไขมัน การดูดซึมสารอาหาร ปาก กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก กรดไขมัน กลีเซอรอล มอนอกลีเซอไรด์ ถูกดูดซึมเข้าสู่ เซลล์บุผลิวที่ผนังลำไส้เล็ก กรดไขมัน กลีเซอรอล ถูกสังเคราะห์เป็นไตรกลีเซอไรด์ ไตรกลีเซอไรด์รวมกับโปรตีนและ ลิพิดได้เป็นไคโลไมครอน ไคโลไมครอนถูกดูดซึมเข้าสู่ หลอดน้ำเหลืองฝอยในวิลลัส
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 19 การขับถ่ายกากอาหาร ลำไส้ใหญ่มีความยาวประมาณ 1.5 เมตร มี 3 ส่วน คือ ซีกัม (caecum) โคลอน (colon) และ ไส้ตรง (rectum) ส่วนซีกัม มีไส้ติ่ง (appendix) ยื่นออกมา และส่วนไส้ตรงต่อกับทวารหนัก (anus) อาหารที่ย่อยไม่หมดหรืออาหารที่ย่อย ไม่ได้ เรียกว่า กากอาหาร กากอาหาร รวมทั้งวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ บางส่วนที่ไม่ถูกดูดซึม จะเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ เซลล์ที่ ผนังลำไส้ใหญ่ มีหน้าที่ดูดซึมน้ำ วิตามิน แร่ธาตุ ออกจากกากอาหาร และขับเมือกมาหล่อลื่น กากอาหารให้เคลื่อนที่ในลำไส้ใหญ่ได้ ในลำไส้ใหญ่มีจุลินทรีย์หลายชนิด เช่น Escherichia coli ที่ดำรงชีวิตโดยอาศัยสารอาหารจากกากอาหาร และช่วยสังเคราะห์วิตามิน K B7 B9 B12 ให้แก่มนุษย์ นอกจากนี้มีแบคทีเรียบางพวกที่ย่อยสลายกากอาหารแล้วทำให้เกิดแก๊สมีเทนและไฮโดรเจนซัลไฟด์ มนุษย์ขับแก๊สเหล่านี้ ออกมาโดยการผายลม ในทางเดินอาหารของมนุษย์พบจุลินทรีย์มากกว่า 100 ชนิด เรียกว่า ไมโครไบโอม (microbiome) จุลินทรีย์ บางชนิดเป็นประโยชน์ บางชนิดก่อให้เกิดโรค เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง บางชนิดก็เกี่ยวกับการการเกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ โรคข้อรูมาตอยด์ โรคตับแข็ง โรคไขมันพอกตับ และโรคมะเร็งตับ ซีกัม โคลอน โคลอน ไส้ติ่ง ไส้ตรง โพรไบโอติก (Probiotics) เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่มีชีวิต จุลินทรีย์เหล่านี้ได้รับการคัดเลือกแล้วว่าเป็นสายพันธุ์ที่มี ประโยชน์ต่อร่างกายเมื่อรับประทานเข้าไปในร่างกายแล้วจะ ไปตั้งรกรากอาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ ช่วยปรับสมดุลของ จุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่แต่เดิมในลำไส้ ทำให้แบคทีเรียที่ดีมี จำนวนมากขึ้น และแบคทีเรียที่ไม่ดีจำนวนลดลง (คือพวกที่ ทำให้ท้องอืด ท้องเสีย สร้างสารก่อมะเร็ง สารที่มีกลิ่นเหม็น ฯลฯ) ทำให้สุขภาพของลำไส้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังให้ประโยชน์ อื่นๆ เช่น เพิ่มภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ นั้นๆ จุลินทรีย์ที่จัดเป็นโพรไบโอติก เช่น lactic acid bacteria พบในนมเปรี้ยว โยเกิร์ต ข้าวหมาก ผักดอง เป็นต้น พรีไบโอติก (Prebiotics) เป็นอาหารที่ไม่ถูกย่อยใน ทางเดินอาหาร ช่วยกระตุ้นการเจริญของแบคทีเรียโพร ไบโอติก ส่วนมากเป็นพวกคาร์โบไฮเดรต ดีต่อสุขภาพ คือ ช่วยลดอาการท้องผูก ท้องเสีย ป้องกันมะเร็งลำไส้ ลดคอเรสเตอรอลในเลือด อาหารพรีไบโอติกมักเป็นผัก และผลไม้ เช่น กล้วยน้ำว้า หัวหอม กระเทียม หน่อไม้ฝรั่ง
ครูวิภาณีย์ จิรธรภักดี สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 20 แบบฝึกหัด เรื่อง การย่อยอาหารของสิ่งมีชีวิต 1. เติมเครื่องหมาย ลงในตารางให้ตรงกับลักษณะทางเดินอาหารและการย่อยอาหารของสิ่งมีชีวิตที่กำหนดให้ สิ่งมีชีวิต ทางเดินอาหาร การย่อยอาหาร ไม่มีทางเดิน อาหาร ทางเดินอาหาร แบบไม่สมบูรณ์ ทาเดินอาหาร แบบสมบูรณ์ ภายในเซลล์ ภายนอกเซลล์ อะมีบา พารามีเซียม ฟองน้ำ ไฮดรา พลานาเรีย ไส้เดือนดิน 2. นำชื่อสิ่งมีชีวิตที่กำหนดให้เติมลงในช่องว่างหน้าข้อให้สัมพันธ์กับลักษระของระบบย่อยอาหาร ตั๊กแตน พลนาเรีย ไฮดรา ไส้เดือนดิน นก ปลา ..............2.1 มีกระเพาะอาหารบริเวณอก ใช้โพรเวนทิคิวลัสช่วยบดอาหาร มีต่อมสร้างเอนไซม์ ..............2.2 ไม่มีฟันและต่อมน้ำลาย ใช้กึ๋นช่วยบดอาหาร มีตับ ตับอ่อนสร้างเอนไซม์ และขับอาหารทางทวารหนัก ..............2.3 จับเหยื่อด้วยเข็มพิษ ปล่อยเอนไซม์จากเนื้อเยื่อชั้นในของช่องว่างภายในลำตัว ..............2.4 กินอาหารทางปาก ไม่มีฟัน ลำไส้สร้างเอนไซม์มาย่อยอาหาร มีกระเพาะพักอาหาร ..............2.5 ปล่อยเอนไซม์จากทางเดินอาหารผ่านคอหอยมาย่อยอาหารภายนอกตัว แล้วดูดอาหารเข้าไปย่อยต่อใน ทางเดินอาหาร ขับกากอาหารทางปาก 3. เติมเครื่องหมาย หน้าข้อความที่ถูก และเติม หน้าข้อความที่ผิด พร้อมทั้งแก้ไขให้ถูกต้อง ................3.1 ไฮดรามีทั้งการย่อยภายในเซลล์และการย่อยภายนอกเซลล์ ................3.2 โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต คือเอนไซม์ที่สร้างจากลำไส้เล็กส่วนดูโอดีนัม เพื่อเปลี่ยนเอนไซม์ที่มาจากตับ อ่อนให้สามารถทำงานได้ ................3.3 อาหารประเภทลิพิดที่ย่อยแล้ว จะถูดดูดซึมเข้าสู่เส้นเลือดฝอยภายในลำไส้เล็ก ลำเลียงเข้าสู่ตับ แล้วลำเลียง สู่หัวใจ ................3.4 ลำไส้ใหญ่มีหน้าที่ดูดซึมน้ำ วิตามิน แร่ธาตุ ออกจากกากอาหาร และขับเมือกช่วยการเคลื่อนที่ของกาก อาหาร ................3.5 ผู้ป่วยที่ท่อน้ำดีอุดตัน จะไม่สามารถย่อยอาหารพวกลิพิดได้