รายงาน
เร่ือง โครงการฝนหลวง
เสนอ
อาจารย์ สดุ ใจ จโิ รจนก์ ลุ
จดั ทำโดย
นางสาววรรณพร พลายเนนิ รหสั นักศกึ ษา 6550111029
นางสาววสติ า หวงั ยเี สน็ รหัสนักศกึ ษา 6550111031
นางสาวแวอาอีดะห์ แวนายี รหสั นกั ศกึ ษา 6550111034
นางสาวสปุ ระวณี ์ อุ่นคำย่ี รหสั นกั ศึกษา 6550111043
นางสาวอสั มีมี ดอเลาะ รหสั นกั ศกึ ษา 6550111052
นางสาวอจั ฉรยิ า คงสขุ รหสั นกั ศึกษา 6550111067
นางสาวอารีณี ตาเละ รหสั นกั ศกึ ษา 6550111079
นางสาวฮัสนะห์ สุลง รหัสนกั ศกึ ษา 6550111081
นางสาวนำ้ ทิพย์ มะสุณยี ์ รหัสนักศกึ ษา 6550111087
สาขาการบญั ชี คณะพาณิชยศาสตร์และการจัดการ
รายงานฉบบั บนเี้ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของรายวชิ า สง่ิ แวดลอ้ มเพอ่ื ชวี ติ 941-401
ภาคการศกึ ษาท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วทิ ยาเขตตรงั
คำนำ
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา 942-401 สิ่งแวดล้อมเพื่อชีวิต (Environmental for life)
ในระดับชั้นปีที่ 1 โดยมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาหาความรู้ที่ได้จากเรื่อง โครงการฝนหลวง ซึ่งเป็นโครงการ
พระราชดำริส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช โดยรายงาน
ฉบับนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ต้นกำเนิดโครงการพระราชดำริ ขั้นตอนวิธีการทำฝนหลวง ประโยชน์ของฝนหลวง
เป็นตน้
คณะผู้จัดทำได้เลือกหัวข้อนี้ในการทำรายงาน เนื่องจากประเทศไทยมีหลายจังหวัดที่ประสบภัยแล้ง
เช่น พิษณุโลก สุโขทัย พิจิต เป็นต้น ส่งผลต่อประชาชนในด้านการทำเกษตรกรรม การอุปโภคบริโภค รวมถึง
อาจเพิ่มโอกาสการเกิดไฟป่าในช่วงภัยแล้ง จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญของโครงการฝนหลวง เพื่อสร้างฝนเทียม
สำหรบั บรรเทาความแหง้ แลง้ ขาดแคลนน้ำ อกี ทัง้ ยงั ช่วยในเร่ืองของการเพ่มิ ปรมิ าณน้ำในเขื่อนอีกดว้ ย ดังนั้น
โครงการฝนหลวงจึงเป็นโครงการอีกโครงการหนึ่งที่สำคัญสำหรับประชาชนในประเทศไทย คณะผู้จัดทำต้อง
ขอขอบคุณอาจารย์ สุดใจ จิโรจน์กุล ผู้ให้ความรู้แนวทางการศึกษา ตลอดจนให้คำแนะนำในการทำรายงาน
ฉบับนี้ และขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือโดยตลอด คณะผู้จัดทำหวังว่า รายงานฉบับนีจ้ ะเป็น
ประโยชนต์ อ่ ผ้อู ่านไม่มากก็นอ้ ย หากมขี อ้ ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ โอกาสน้ีด้วย
คณะผ้จู ดั ทำ
สารบญั หน้า
เรอ่ื ง 1
2
ฝนหลวง 2
ความเปน็ มาของโครงการฝนหลวง
2-3
• ตน้ กำเนดิ โครงการพระราชดำริ 3-4
• ความเป็นมาของวันท่ี 14 พฤศจิกายน "วันพระบิดาแหง่ ฝนหลวง" 5-6
• ทฤษฎตี ้นกำเนดิ 7
ความสำคญั ของการทำฝนหลวง 7-10
วัตถปุ ระสงค์ของโครงการฝนหลวง 11
แนวพระราชดำริ 11
วิธีการดำเนนิ งานและระยะเวลาในการทำฝนหลวง
• การขอฝนหลวงต้องทำอยา่ งไร 11
• ฝนหลวงขนึ้ อยู่กบั หนว่ ยงานใด 11
• การติดต่อโดยตรง 11
• สภาพอากาศเชน่ ไรที่เหมาะกับการทำฝนหลวง
• การเลอื กพื้นท่ีในการทำฝนหลวง 11
• ใช้เวลานานเทา่ ใดจึงจะทำให้ฝนตกได้ 11
• การประเมินผลการปฏิบัตกิ ารฝนหลวง 12
เครอื่ งมอื และอุปกรณ์สำคญั ท่ีใช้ประกอบในการทำฝนหลวง 13
• เคร่อื งมอื และอุปกรณ์ 13-14
• สารเคมีฝนหลวง 14-15
ขนั้ ตอนการทำฝนหลวง 16-17
บทบาทของฝนหลวง 18-19
ประโยชน์และผลกระทบของการทำฝนหลวง 20
ฝนหลวงกับการบรรเทาความเดอื ดร้อนของประชาชน 21-22
ฝนหลวงในอนาคต 23
พระราชกรณยี กจิ 24-27
ตัวอยา่ งการนำหลักการฝนหลวงมาใชแ้ ก้ปญั หา 28-30
บรรณานกุ รม 31
1
ฝนหลวง
"ฝนหลวง" เป็นเทคโนโลยีท่ีพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรม
นาถบพิตร ทรงประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาและพระราชทานให้เป็นเทคโนโลยีในการดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดฝน
จากเมฆอุ่น (Warm Cloud) และเมฆเย็น (Cold Cloud) ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาตร์ทีก่ ระทำด้วยความ
ตั้งใจของมนุษย์ ซึ่งมีการวางแผนการปฏิบัติการหวังผลที่แน่นอนโดยการใช้สารทำฝนที่ดูดซับคว ามชื้นได้ดี
(Hygroscopic substance) ทงั้ ในบรรยากาศหรือเมฆทมี่ ีอุณหภมู ิสูงกวา่ หรอื ตำ่ กว่าจุดเยือกแขง็ เปน็ ตัวกระตุ้น
หรือเร่งเร้าให้เกิดกระบวนการเกิดฝนเร็วขึ้นและปริมาณมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนการเกิดเมฆ ( Cloud
formation) การเจริญของเมฆ (Cloud-growth) และการเกิดฝน (Rain initiation) การยืดอายุฝน
(Prolonging Rain duration) ให้นานขึ้น มีวันฝนตกถี่ขึ้น เพิ่มปริมาณฝน (Rain enchancement) ให้ฝนตก
กระจายอย่างทั่วสม่ำเสมอ (Rain redistribution) บังคับและชักนำฝนให้ตกลงสู่พื้นที่เป้าหมายที่กำหนดได้
อย่างแม่นยำ และแผ่เปน็ บริเวณกว้างมากกวา่ ทีจ่ ะเกิดขน้ึ เองตามธรรมชาติ
2
ความเปน็ มาของโครงการฝนหลวง
• ตน้ กำเนดิ โครงการพระราชดำริ
"...แต่มาเงยดูทอ้ งฟ้า มเี มฆ ทำไมมเี มฆอย่างน้ี ทำไมจะดึงเมฆนี่ลงมาให้ได้ กเ็ คยได้ยินเร่ืองการทำฝน
ก็มาปรารภกับคณุ เทพฤทธิ์ ฝนทำได้ มหี นังสือ เคยอา่ นหนงั สือทำได้..."
โครงการพระราชดำริฝนหลวง เกิดขึ้นจากพระราชดำริส่วนพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระบรมชน
กาธเิ บศร มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เม่ือคราวเสดจ็ พระราชดำเนนิ เย่ยี มราษฎรในพ้ืนที่แห้ง
แลง้ ทุรกนั ดาร 15 จงั หวดั ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ระหว่างวนั ท่ี 2-20 พฤศจิกายน พ.ศ.2498 ในวนั จนั ทร์
ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2498 เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์เดลาเฮย์ ซีดานสีเขียว จากจังหวัดนครพนมไป
จังหวัดกาฬสินธุ์ ผ่านจังหวัดสกลนครและ เทือกเขาภูพาน ได้ทรงรับทราบถึงความเดือดร้อน ทุกข์ยากของ
ราษฎร และเกษตรกรทขี่ าดแคลนน้ำอปุ โภคบรโิ ภค และการเกษตร นอกจากนไี้ ด้ทรงพบเหน็ ท้องถน่ิ หลายแห่ง
ประสบปัญหาพื้นดินแห้งแล้ง หรือการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และทำการเกษตร โดยเฉพาะ
อย่างย่ิงในฤดูเพาะปลกู เกษตรกรมักจะประสบความเดือดรอ้ นทุกขย์ ากมาก เนือ่ งจากบางครั้งเกิดภาวะฝนท้ิง
ช่วงในระยะวิกฤตขิ องพืชผล กล่าวคือหากขาดน้ำในระยะดังกล่าวนีจ้ ะทำให้ผลผลิตตำ่ หรืออาจไม่มผี ลผลิตให้
เลยรวมทงั้ อาจทำใหผ้ ลผลิตที่มีอยู่เสียหายได้ การเช่นนี้เมอื่ เกิดภาวะฝนแล้งหรือฝนท้ิงช่วงในคราใดของแต่ละ
ปี จึงสร้างความเดือดร้อนอย่างสาหัสและก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจแก่เกษตรกรอย่างใหญ่หลวง
นอกจากนี้ภาวะความต้องการใช้น้ำของประเทศนับวันจะทวีปริมาณความต้องการสูงขึ้นอย่างมหาศาลเพราะ
การขยายตัวเจริญเติบโตทางดา้ นอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และการเพิ่มขึ้นของประชากร ซ่งึ ส่งผลให้ปริมาณ
น้ำต้นทุนจากทรัพยากรน้ำที่มีอยู่ไม่เพียงพอ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลบั ถึงกรุงเทพมหานคร ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ให้หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล วิศวกรและนักประดิษฐ์ควายเหล็กที่มีชื่อเสียงเข้าเฝ้าฯ แล้ว
พระราชทานแนวความคดิ น้นั แก่หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกลุ
• ความเปน็ มาของวนั ที่ 14 พฤศจกิ ายน "วนั พระบิดาแห่งฝนหลวง"
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น อันกอปรด้วยพระอัจฉริยภาพ พระวิสัยทัศน์อันกว้างไกล พระ
ราชอตุ สาหะวริ ยิ ะและการที่ทรงสละเวลาสว่ นพระองค์แม้ในยามดึกดน่ื ค่ำคนื อย่างเหน็ดเหน่ือยตรากตรำ พระ
วรกายมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน นับตั้งแต่ ที่เสด็จพระราชดำเนินทรงเยือนราษฎรในภาค
ตะวนั ออกเฉียงเหนือ เม่ือวนั ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2498 ทรงพบวา่ ราษฎรเดือดร้อนพืชผลเสยี หายจากท้ังฝน
แล้งและน้ำท่วม ทำให้ทรงเกิดแนวคิดในการแก้ปัญหาทุกข์ร้อนของราษฎรอย่างฉับพลันในขณะนั้นว่า
“สมควรที่จะสร้างฝายหรือเข่ือนขนาดเล็ก (Check dams) และอ่างเก็บน้ำจำนวนมากขวางทางน้ำ เพื่อ
ป้องกันหรือลดความรุนแรงการไหลบ่า และเก็บกักน้ำไว้ในฤดูแล้งซึ่งเป็นการบรรเทาสภาวะแห้งแล้งได้ทาง
3
หนึ่ง” ที่สำคัญทรงเกิดประกายความคดิ ด้วยความมั่นพระทัยว่านา่ จะนำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาชว่ ย
ให้เกิดฝนได้ และน่าจะมีวิธีการท่ีจะรวมเมฆที่กระจายอยู่ในท้องฟ้า แต่ลอยผ่านพื้นทีแ่ ห้งแล้งไปหมดดังที่ทรง
สังเกตเห็น ในขณะนั้นให้เมฆเหล่านั้นรวมตัวกันเกิดเป็นฝนตกลงสู่พื้นที่แห้งแล้งดังกล่าวได้ อันเป็นต้นกำเนิด
ของแนวพระราชดำริทีไ่ ด้มีการพัฒนาอย่างต่อเน่ืองมาจนเป็น “โครงการพระราชดำรฝิ นหลวง” ในปัจจบุ นั
• ทฤษฎตี ้นกำเนิด
"หลักการแรก คือให้โปรยสารดูดซับความชื้น (เกลือทะเล) จากเครื่องบิน เพื่อดูดซับความชื้นใน
อากาศ แลว้ ใช้สารเยน็ จัด (น้ำแข็งแหง้ ) เพ่อื ให้ความชืน้ กลนั่ ตวั และรวมตัวเป็นเมฆ"
ความคิดเริ่มแรกในการดัดแปรสภาพอากาศ เพื่อให้เกิดฝน จาก พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา ทรงศึกษา
ค้นคว้า และวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ ซึ่งทรงรอบรู้ และ
เชี่ยวชาญ เปน็ ที่ยอมรับท้ังใน และต่างประเทศ จนทรงมั่นพระทยั จงึ พระราชทานแนวคิดน้ีแก่ หม่อมราชวงศ์
เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยประดิษฐ์ทางด้านเกษตรวิศวกรรม ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ขณะนั้น ในปีถัดมา และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้หาลู่ทางที่จะทำให้เกิดการทดลอง
ปฏิบัตกิ ารในท้องฟ้าให้เปน็ ไปได้
การทดลองในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก จนถึงปี พ.ศ. 2512 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งหน่วย
บนิ ปราบศตั รพู ืชกรมการขา้ ว และพร้อมท่จี ะให้การสนบั สนุนในการสนองพระราชประสงค์ หมอ่ มราชวงศ์เทพ
ฤทธิ์ เทวกุล จึงได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบว่า พร้อมที่จะดำเนินการตามพระราช
ประสงค์แล้ว ดังนั้นในปีเดียวกันนั้นเอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟา้
เป็นครงั้ แรก เมื่อวนั ที่ 1-2 กรกฎาคม 2512
โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้งให้ หม่อมราชวงศเ์ ทพฤทธิ์ เทวกุล เป็นผู้อำนวยการโครงการ
และหวั หนา้ คณะปฏิบัติการทดลองเปน็ คนแรก และเลอื กพื้นทวี่ นอุทยานเขาใหญ่เป็นพน้ื ท่ีทดลองเป็นแห่งแรก
โดยทดลองหยอดก้อนน้ำแข็งแห้ง (dry ice หรือ solid carbondioxide) ขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไป
ในยอดเมฆสงู ไม่เกนิ 10,000 ฟุต ทล่ี อยกระจดั กระจายอยู่เหนือพ้นื ที่ทดลองในขณะนั้น ทำให้กลุ่มเมฆทดลอง
เหล่านัน้ มีการเปลี่ยนแปลงทางฟิสกิ ส์ของเมฆอย่างเห็นได้ชัดเจนเกิดการกล่ันรวมตวั กนั หนาแนน่ และก่อยอด
สูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็วแล้วเคลือ่ นตัวตามทิศทางลมพ้นไปจากสายตาไม่สามารถสังเกต
ได้เนื่องจากยอดเขาบงั แต่จากการติดตามผลโดยการสำรวจทางภาคพ้ืนดิน และได้รบั รายงานยืนยันด้วยวาจา
จากราษฎรวา่ เกดิ ฝนตกลงสู่พ้ืนท่ีทดลองวนอทุ ยานเขาใหญ่ในที่สุด นบั เปน็ นิมิตหมายบง่ ช้ีให้เห็นว่าการบังคับ
เมฆใหเ้ กดิ ฝนเปน็ สงิ่ ท่ีเปน็ ไปได้
4
โครงการฝนหลวง เป็นโครงการท่ีเกดิ ข้ึนจากพระราชดำริสว่ นพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชน
กาธเิ บศร มหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช เพื่อสรา้ งฝนเทยี มสำหรับบรรเทาปัญหาความแห้งแล้งขาดแคลนน้ำใน
การเกษตร
เมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เสด็จพระราชดำเนิน
เยยี่ มเยียนพสกนกิ ร เมื่อปี พ.ศ. 2498 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ได้ทรงรบั ทราบถงึ ความเดือดร้อนทุกข์ยาก
ของราษฎรและเกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำอปุ โภคบริโภคและการเกษตร จึงได้มพี ระมหากรุณาธิคุณพระราชทาน
โครงการพระราชดำริ "ฝนหลวง"(Artificial rain) ให้กับ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ไปดำเนินการ ซึ่งต่อมาได้เกิด
เป็นโครงการค้นคว้าทดลองปฏิบัติการฝนเทียมหรือฝนหลวงขึ้น ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์ เมื่อปี พ.ศ. 2512 ด้วยความสำเร็จของ โครงการ จึงได้ตราพระราชกฤษฎีการก่อตั้งสำนักงาน
ปฏิบัติการฝนหลวงขึ้นในปี พ.ศ. 2518 ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเป็นหน่วยงานรองรับ
โครงการพระราชดำริฝนหลวงต่อไป
ในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556 รัฐบาลได้รับการก่อตั้งกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ตาม
พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2556 เปิดกรมฝนหลวงและการบินเกษตร
ขึน้ เป็นกรมในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปจั จุบันมี นายสำเรงิ แสงภู่วงค์ เป็นอธิบดี
5
ความสำคัญของการทำฝนหลวง
ในระยะเริ่มแรกของการบุกเบิกโครงการพระราชดำรฝิ นหลวง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหา
ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงบริหารโครงการด้วยพระองค์เองอย่างใกล้ชิด โดยทรงตั้งศูนย์
อำนวยการ ซึ่งต่อมาเรียกว่า ศูนย์อำนวยการปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษขึ้น ณ อาคารสถานีวิทยุ อ.ส.พระ
ตำหนักจิตรลดารโหฐาน เพื่อทรงใช้เป็นศูนย์บัญชาการถ่ายทอดพระราชกระแส และข้อแนะนำทางเทคนิค
พระราชทานในการวิจยั คน้ ควา้ ทดลอง และพัฒนากรรมวิธกี ารทำฝนหลวง รวมทั้งทรงบัญชาการปฏิบัติการฝน
หลวงพิเศษด้วยพระองค์เองเป็นครั้งคราว ทั้งโดยตรงหรือผ่านข่ายวิทยุตำรวจ ข่ายโทรพิมพ์ส่วน พระองค์
ข้าราชการสำนักที่โปรดเกล้าฯ ให้มีส่วนร่วม เช่น องคมนตรี ราชเลขาธิการสมุหราชองครักษ์ ศ.ร.ภ. สำนัก
พระราชวัง เป็นต้น ทรงระดมบุคลากรทั้งที่เป็นข้าราชการสำนักที่มีรหัสเรียกขานว่า ศุภราช ซึ่งเป็น
ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง (ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการที่เกษียณอายุแล้ว เช่น องคมนตรีบางท่าน
อดตี อธิบดกี รมอุตนุ ิยมวิทยา อธิบดีกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ เปน็ ตน้ ) สำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรวิศวกรรม
(ในขณะนั้น) และนักวิชาการฝนหลวงรุ่นแรกบางนายเข้าไปร่วมและต่อเนือ่ งมาจนผ่านพ้นช่วงการวิจัย จนถึง
การทดลองปฏิบตั กิ ารพฒั นากรรมวิธี และการปฏิบตั กิ ารกูห้ รอื ขจดั ภัยแล้งอย่างหวงั ผลมาจนถงึ ปัจจบุ นั
หลังจากการก่อตั้งสำนักงานปฏิบัติการฝนหลวง เป็นหน่วยราชการถาวรขึ้น ในสำนักงานปลัดกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2518 เป็นต้นมา ในฐานะองค์กรรองรับการปฏิบัติการตามโครงการ
พระราชดำรฝิ นหลวงโดยตรง ได้มกี ารจัดตั้งคณะปฏบิ ัติการฝนหลวงเพ่ิมมากข้ึนตามลำดับ จึงทรงว่างเว้นพระ
ราชกรณียกิจด้านการวิจัยและพัฒนาลงบ้าง แต่ยังทรงพัฒนาเทคนิคและเทคโนโลยีฝนหลวงและทรงติดตาม
ผลปฏิบัติการ โดยโปรดเกล้าฯ ให้คณะปฏิบัติการฝนหลวงแต่ละคณะ ถวายรายงานการปฏิบัติการอย่าง
สม่ำเสมอมาจนถึงปจั จุบัน และยังคงพระราชทานข้อแนะนำทางเทคนิค เพอื่ พฒั นาข้ันตอนการปฏิบัติการตาม
เทคโนโลยีให้มีศักยภาพและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งคณะปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษท่ี
ทรงมีส่วนร่วมและบัญชาการอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งคราวตลอดมา นอกจากนั้นยังโปรดเกล้าฯ ให้ ฯพณฯ
องคมนตรบี างท่าน เช่น ฯพณฯ องคมนตรี พระวรวงศ์เธอพระองค์เจา้ จักรพนั ธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ มาตรวจเยย่ี ม
สำนักงานและคณะปฏิบัติการฝนหลวงอยู่ต่อเนื่อง เพื่อพระราชทานขวัญกำลังใจและแสดงถึงพระมหา
กรุณาธคิ ณุ ว่ามิได้ทอดทิ้ง แต่ทรงมีพระราชกรณียกจิ อื่นอีกมากมาย ศูนยอ์ ำนวยการปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษ
จึงยังคงมีอยู่ถึงปัจจุบัน ดังจะเห็นได้ว่าทรงมีพระราชกระแสถึงศูนย์อำนวยการปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษ และ
คณะปฏิบัติการฝนหลวงเคล่ือนทีเ่ ร็วติดตามพระองค์ เมือ่ ครงั้ ท่ปี ลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายปีติพงศ์
พึ่งบุญ ณ อยุธยา) นำคณะข้าราชการในสังกัดและคณะบุคลากรของคณะปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษกู้ภั ยแล้ง
พ.ศ.2542 เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระตำหนกั จติ รลดารโหฐาน เม่อื วันที่ 17 เมษายน 2542
6
ในระยะเริ่มแรกของการบุกเบิกโครงการพระราชดำริฝนหลวง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหา
ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ใช้สนามบินบ่อฝ้าย อำเภ อหัวหิน
จงั หวัดประจวบครี ขี นั ธ์ เปน็ ฐานปฏบิ ตั ิการเรม่ิ แรกในการวิจัย ทดลองค้นควา้ และพฒั นากรรมวธิ ีปฏิบัติการฝน
หลวงตงั้ แต่ พ.ศ.2512 เปน็ ต้นมา และเสดจ็ พระราชดำเนินมาทรงงานประกอบพระราชกรณียกิจดังกล่าวด้วย
พระองค์เองบ่อยครั้ง ทั้งระหว่างที่ทรงแปรพระราชฐานมาประทับ ณ พระราชวังไกลกังวล หรือประทับ ณ
พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน กรมการบนิ พาณิชย์ ได้จัดอาคารทา่ อากาศยานในขณะนั้นใหเ้ ป็นสถานที่ทรงงาน
จนเรยี กกันตดิ ปากวา่ “ศาลาท่ีประทับ” ตงั้ แต่นนั้ มา แม้ในระยะหลงั ๆ เม่ือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหค้ ณะ
ปฏิบัติการฝนหลวงมาปฏิบัติการในพื้นที่นี้ ทั้งปฏิบัติการปกติและปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษตามพระราช
ประสงค์ และในครั้งล่าสุดได้เสด็จพระราช ดำเนินมาทรงตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษและคณะ
ปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษเคลื่อนที่เร็วติดตามพระองค์ ทรงบรรยายและสาธิตการทำฝนหลวงแก่นักเรียน
โรงเรียนวังไกลกังวลในรายการศึกษาทัศน์ของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม
พ.ศ.2544 กรมการบินพาณิชย์ และท่าอากาศยานหัวหินยังคงจัดให้ ศาลาที่ประทับเป็นที่ทำการหรือฐาน
ปฏิบัติการเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน จนนับได้ว่าสถานที่นี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโครงการ
พระราชดำริฝนหลวง
7
วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการฝนหลวง
จากความเป็นมาของโครงการฝนหลวงนั้นจะเหน็ ไดว้ ่า วตั ถปุ ระสงคห์ ลักของโครงการดังกล่าวเกิดขึ้น
เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของประชาชนในประเทศ โดยเฉพาะการท่ีทอ้ งถิน่ หลายแห่งที่ประสบปญั หาพื้นดิน
แห้งแล้ง หรือการขาดแคลนน้ำเพื่อการอปุ โภค บรโิ ภค และทำการเกษตร นอกจากน้ภี าวะความต้องการใช้น้ำ
ของประเทศ ที่นับวันจะทวีปริมาณความต้องการสูงขึ้น เพราะการขยายตัวเจริญเติบโตทางด้านอุตสาหกรรม
เกษตรกรรม
แนวพระราชดำริ
ในปี พ.ศ.2498 ในวโรกาสทีพ่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั เสด็จพระราชดำเนินโดยพระราชพาหนะ
เครื่องบินพระที่นั่ง เพื่อทรงเยี่ยมเยียนทุกข์สุของพสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือย่านบริเวณเทือกเขาภู
พานนั้น ทรงพบเห็นว่าภาวะแห้งแล้งได้ทวีความถี่และมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงยิ่งขึ้นเป็นลำดับ น่าจะมีสาเหตุ
เกิดขึ้นจากการผันแปรและคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติ อีกทั้งการตัดไม้ทำลายป่าอาจจะเป็นอีก
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้สภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้สภาพอากาศจากพื้นดินถึง
ระดับฐานเมฆไม่เอื้ออำนวยต่อการกลั่นตัวของไอน้ำที่จะก่อตัวเกิดเป็นเมฆ และทำให้ยากต่อการเหนี่ยวนำให้
ฝนตกลงสพู่ ้นื ดิน จงึ มฝี นตกนอ้ ยกว่าเป็นปกติหรือไม่ตกเลย ทรงสงั เกตวา่ มีเมฆปริมาณมากปกคลุมเหนือพ้ืนท่ี
ระหวา่ งเสน้ ทางบนิ แต่ไม่สามารถก่อรวมตวั จนเกิดเป็นฝนตกได้ เป็นเหตุให้เกิดสภาวะฝนท้ิงชว่ งเปน็ ระยะเวลา
ยาวนานทั้งที่เป็นช่วงฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นฤดูฝน เกิดสภาพความแห้งแล้งทั่วพื้นที่ ทั้งที่ท้องฟ้ามี
เมฆมาก คอื จุดประกายข้อสังเกต ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู ัว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานสัมภาษณ์เกี่ยวกับฝนหลวงแก่
ข้าราชการสำนักงาน กปร. ประกอบด้วย นายสุเมธ ตันติเวชกุล นายมนูญ มุกข์ประดิษฐ์ และนายพิมลศักด์ิ
สวุ รรณทตั เมื่อวันที่ 17 มนี าคม พ.ศ.2529 ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
เรื่องฝนเทียมนี้เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2498 แต่ยังไม่ได้ทำอะไรมากมาย เพราะว่าไปภาคอีสานตอนนั้น
หน้าแล้งเดือนพฤศจิกายน ทไ่ี ปมีเมฆมาก อีสานกแ็ ลง้ ก็เลยมีความคิด 2 อย่าง ต้องทำ Check dam ตอนน้ัน
เกดิ ความคิดจากนครพนม ผา่ นสกลนครข้ามไปกาฬสินธ์ุ ลงไปสหสั ขนั ธ์ ไปจอดทีน่ ั่นไปเยีย่ มราษฎร มันแล้งมี
ฝุ่น แต่มาเงยดูท้องฟ้า มีเมฆ ทำไมมีเมฆอย่างนี้ทำไมจะดึงเมฆนี่ใหล้ งมาได้ ก็เคยได้ยินเรื่องทำฝนก็มาปรารภ
กับคุณเทพฤทธิ์ ฝนทำได้มีหนังสือ เคยอ่านหนังสือทำได้ นับเป็นต้นกำเนิดแห่งพระราชดำริ ฝนหลวง ท่ี
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวทรงค้นพบด้วยพระองคเ์ องอย่างแทจ้ ริง
8
ด้วยพระเนตรที่ยาวไกล และทรงความอัจฉริยะของพระองค์ท่านที่ประกอบด้วยคุณลักษณะของ
นักวิทยาศาสตร์ จึงทรงสังเกต วิเคราะห์ข้อมูลในขั้นต้นแล้ว จึงได้มีพระราชดำริครั้งแรก ในปี พ.ศ.2498 แก่
ม.ร.ว.เทพฤทธ์ิ เทวกุล ว่าจะทรงคน้ หาวธิ ีการทีจ่ ะทำให้เกิด ฝนตกนอกเหนือจากทีจ่ ะไดร้ ับจากธรรมชาติ โดย
การนำเทคโนโลยสี มัยใหม่มาประยุกตก์ ับทรัพยากรท่มี ีอยู่ให้เกดิ มีศกั ยภาพของการเปน็ ฝนให้ได้
ทรงเชื่อมั่นในพระราชหฤทัยว่าด้วยลักษณะภูมิอากาศและภูมิประเทศของบ้า นเราจะสามารถ
ดำเนินการใหบ้ ังเกิดผลสำเรจ็ ได้อย่างแน่นอน เน่ืองจากนำ้ เปน็ ท่ีได้รับการกลา่ วขวัญถึงตลอดเวลาในสังคมไทย
ที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงอันเนื่องมาจากขาดแคลนน้ำอยู่ในขณะนั้น เป็นเพราะน้ำคือปัจจัยขั้น
พื้นฐานที่สำคัญในการดำรงชีพของมนุษย์และพืชพรรณธัญญาหารตลอดจนสิงสาราสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง การ
ขาดแคลนน้ำจึงมิได้มีผลโดยตรงแค่เพียงความเป็นอยู่ของประชาชนเท่านั้นแต่ยังได้ก้าวล่วงไปถึงการพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยส่วนรวมอีกด้วย และถึงขนาดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราช
ดำรสั ว่า นำ้ คอื ชีวิต
แม้ว่าประเทศไทยเราได้พยายามอย่างสุดกำลังที่จะทำการแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการพัฒนา
ทรัพยากรแหล่งน้ำของชาติทุกประเภทที่มีอยู่ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าแหล่งทรัพยากรน้ำของประเทศที่มีอยู่ใน
ปัจจุบัน ยังอยู่ห่างจากระดับความเพียงพอของความต้องการใชน้ ้ำของประชากรในประเทศเป็นอย่างมาก อีก
ท้ังยังมีพน้ื ท่ีเกษตรกรรมที่ต้องพึ่งพาน้ำฝนเปน็ หลักใหญ่อยู่อีกถึง 82.6% ดังน้ัน จึงทรงคาดการณ์ว่า ก่อนที่จะ
ถึงสภาพท่สี ดุ วิสัยหรอื ยากเกนิ กว่าจะแก้ไขได้นัน้ ควรจะมีมาตรการหนึ่งทจี่ ะป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้
จึงพระราชทานพระราชดำริในปี พ.ศ.2499 แก่ ม.ล.เดช สนิทวงศ์ ว่า น่าจะมีลู่ทางที่จะคิดค้นหาเทคนิคหรือ
วิธีการทางวิทยาศาสตร์ด้านการดัดแปรสภาพอากาศมาช่วยให้เกิดการก่อและรวมตัวของเมฆให้เกิด ฝน ได้
การรับสนองพระราชดำริได้ดำเนินการอย่างจริงจังจากความร่วมมือกันระหว่าง ม.ล.เดช สนิทวงศ์ ม.จ.จักร
พันธเ์ พญ็ ศริ ิ จักรพนั ธ์ุ และ ม.ร.ว.เทพฤทธ์ิ เทวกุล ในอันที่จะศกึ ษาและนำวิธีการทำฝนอย่างในต่างประเทศมา
ประยุกต์ใช้กับสภาพอากาศของเมืองไทย ฝนหลวง หรือ ฝนเทียม จึงมีกำเนิดข้ึนจากการสนองพระราชดำริ
โดยประยุกต์ใช้จากผลการวิจัยค้นคว้าทางวิชาการด้านทำฝนเทียมของประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา
ออสเตรเลีย และอิสราเอล ภายใต้การพระราชทานข้อแนะนำจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่าง
ใกล้ชิดพร้อมกันนี้ได้มีการจัดตั้งส่วนราชการ สำนักงานปฏิบัติการฝนหลวง ขึ้น รับผิดชอบการดำเนินการฝน
หลวงในระยะเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบัน ในระยะแรกของการดำเนินการตามพระราชดำริน้ี ขอ้ มูล หรือหลักฐาน
ที่นำมาทดลองพิสูจน์ยืนยันผลนั้นยังมีน้อยมาก และขาดความน่าเชื่อถือทางวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
ประเทศไทยเรายังไม่มีนักวิชาการด้านการัดแปรสภาพอากาศ หรือนักวิชาการทำฝนอยู่เลย ดังนั้น ในช่วง
เริ่มต้นของการทดลองปฏิบัติการฝนหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้ทรงติดตามผล วางแผนการ
ทดลองปฏบิ ตั ิการ โดยทรงสังเกตจากรายงานแทบทกุ ครัง้ อยา่ งใกลช้ ดิ
9
วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2512 นับเป็นประวัติศาสตร์แห่งการทำฝนหลวงของประเทศไทยเพราะเป็น
วันปฐมฤกษ์ในการปฏิบตั ิการทดลองทำฝนเทียมกบั เมฆในท้องฟ้าเหนือภาคพื้นดิน บรเิ วณวนอุทยานแห่งชาติ
เขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยการใช้น้ำแข็งแห้ง (dry-ice) โดยที่ยอดของกลุ่มก้อนเมฆ
ปรากฎว่าหลังการปฏิบัติการประมาณ 15 นาที ก้อนเมฆในบริเวณนั้นเกิดมีการรวมตัวกันอย่างหนาแน่นจน
เห็นได้ชัด สังเกตได้จากสีของฐานเมฆได้เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเทาเข้ม ซ่ึงผลการทดลองเป็นที่น่าพอใจ
เพียงแต่ยังไม่อาจควบคุมให้ฝนตกในบริเวณท่ีตอ้ งการได้ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั ได้พระราชทาน
คำแนะนำเพิ่มเติมตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น การเปลี่ยนที่ทดลองไปยังจุดแหง้ แล้งอื่นๆ เช่น ท่ีอำเภอ
ชะอำ จงั หวัดเพชรบุรี เปน็ ต้น จะเห็นไดว้ ่าการปฏิบัติงานฝนหลวงเมื่อตอนเริม่ ต้นต้องพบกบั ความยากลำบาก
และอุปสรรคมากมายนานาประการ ส่งิ สำคญั คือจะต้องมสี ภาพดินฟ้าอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการทำฝนทดลอง
กล่าวคือ จะต้องดลู ักษณะเมฆทม่ี ศี กั ยภาพท่จี ะเกดิ ฝนได้ ซงึ่ เมฆในลักษณะในลักษณะเชน่ นม้ี องเผนิ ๆ จะคลา้ ย
ขนแกะในท้องฟ้า ถ้าไม่มีก็จำเป็นตอ้ งสรา้ งให้เกิดเมฆขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิง่ ความชื้นจะต้องอยู่ในระดบั 70%
การปฏิบัตงิ านจงึ จะได้ผล แตถ่ า้ ความช้ืนต่ำลงเท่าใดก็จะยิ่งได้ผลน้อยลงจนไม่คมุ้ ค่า ฉะนัน้ การสร้างเมฆก็คือ
การสร้างความชื้นขึน้ ในอากาศนน่ั เอง โดยใชเ้ คมีภัณฑ์ หลายชนดิ ซ่ึงได้ทดสอบแล้ววา่ ได้ผลดีและปลอดภัยต่อ
ชวี ิตมนษุ ย์มาใชใ้ นการทำฝนหลวง
จากพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อมีปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับการ
ทดลอง จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานคำแนะนำและมีพระราชดำริเพิ่มเติมในการปรับปรุงหลายประการจน
สามารถปฏิบัติการฝนหลวงได้ดี และทรงให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะทรงติดตามการปฏิบัติงาน
ทดลองอย่างใกล้ชิดทุกระยะ และทรงแนะนำฝึกฝนนักวิชาการให้สามารถวางแผนปฏิบัติการอย่างเหมาะสม
กับสภาพภูมิอากาศของแต่ละท้องถิ่น บางครั้งพระองค์ก็ทรงทดลองและควบคุมบัญชาการทำฝนหลวงด้วย
พระองค์เอง
ก่อนจะทำฝนหลวงแตล่ ะคร้ัง จะทรงเตือนใหเ้ จา้ หน้าท่ีตรวจสอบสภาพอากาศล่วงหน้า เพื่อป้องกันมิ
ให้เกดิ ความเสียหายแก่พชื ผลและทรัพยส์ นิ ของราษฎร ทรงเรง่ ให้ปฏบิ ัติการ เมอื่ สภาพอากาศอำนวยเพ่ือจะได้
ปรมิ าณนำ้ ฝนมากย่ิงข้ึนกับทรงแนะนำให้ระมัดระวังสารเคมีที่ใช้ปฏิบตั ิการต้องไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ด้วย จน
ในท่ีสุดการศกึ ษาวิจยั เปน็ การส่วนพระองค์ในเร่ืองเกี่ยวกับกระแสและทิศทางลมในแต่ละพืน้ ทีแ่ ต่ละเวลามีการ
ทดสอบปรับปรุงหลายประการจนนำไปใชก้ ารได้ดี จนสามารถพระราชทานขอ้ แนะนำให้ดงึ หรือสร้างเมฆได้ ทั้ง
ยังสามารถบังคับเปลี่ยนทิศทางของเมฆให้เกิดฝนตกในบริเวณรับน้ำที่ต้องการ เช่น อ่างเก็บน้ำ ห้วย หนอง
คลองบึง หรือบริเวณใกล้เคียงที่กำหนดไว้จึงนับว่า ฝนหลวงเป็นความสำเร็จที่เกิดจากพระรอัจฉริยภาพ และ
ความสนพระราชหฤทยั อยา่ งจริงจงั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั โดยแท้
10
การพฒั นาค้นคว้าที่เกยี่ วกับฝนหลวงได้พฒั นาก้าวหน้าข้นึ เป็นลำดบั ท้ังนี้ เพราะพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว ได้ทรงทำการทดลองวิจัยด้วยพระองค์เอง รวมทั้งได้พระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์เป็น
ค่าใช้จ่าย เพื่อทำการทดลองปฏิบัติการฝนหลวงด้วยพระเมตตาธรรม ระยะเวลาที่ทรงมานะบากบั่น อดทน
ด้วยพระวิริยะอุตสาหะนับถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 30 ปี ในที่สุดด้วยพระปรีชาสามารถและพระอัจฉริยภาพที่
ทรงสั่งสมจากการทดลอง สามารถทำให้กำหนดบังคับฝนให้ตกลงสู่พื้นที่เป้าหมายได้สำเร็จกลายเป็นหลัก
แนวทางให้นักวิชาการฝนหลวงรุ่นปัจจุบัน ได้ทำการศึกษาวิจัยอย่างมีระเบียบและเป็นระบบวิทยาศาสตร์ที่
แท้จรงิ
11
วธิ ีการดำเนินงานและระยะเวลาในการทำฝนหลวง
• การขอฝนหลวงต้องทำอยา่ งไร
การกรอกแบบฟอร์มขอสนับสนุนการทำฝนหลวงจากทางเว็บไซต์ เข้าไปที่หน้าแรกของเว็บฝนหลวงแล้ว
คลกิ ท่ี "ขอสนับสนนุ การทำฝนหลวง"
• ฝนหลวงขนึ้ อยกู่ ับหน่วยงานใด
ถ้าเกิดสภาพแห้งแล้งจะสามารถติดตอ่ ขอฝนได้ที่ใด หน่วยงานที่รับผดิ ชอบ โครงการพระราชดำริฝน
หลวง คือ สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การติดต่อขอฝนนั้น
สามารถติดต่อได้ทีส่ ำนักฝนหลวงและการบินเกษตร หรือหน่วยปฏบิ ัตกิ ารฝนหลวงในจังหวดั ตา่ งๆ โดยตรง
• การติดตอ่ โดยตรง
การออกปฏิบัติการช่วยเหลือแต่ละครั้ง จะดำเนินการเมื่อได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มเกษตรกร ,
สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร , ผ้วู า่ ราชการจงั หวดั หรอื ประสานงานโดยตรงกับคณะปฏิบัติการฝนหลวง
• สภาพอากาศเชน่ ไรทีเ่ หมาะกบั การทำฝนหลวง
ในการทำฝนหลวงนน้ั จะตอ้ งมกี ารศกึ ษาสภาพข้อมลู อากาศ อณุ หภูมิและความชื้นของบรรยากาศแต่
ละระดับจะถูกนำมาคำนวณและวิเคราะห์ตามทฤษฎีทางอุตุนยิ มวทิ ยา เพื่อหาสาเหตุที่ขัดขวางการก่อตัวของ
เมฆ เช่นปริมาณความชื้นต่ำเกินไป หรือบรรยากาศเกิดสภาวสมดุล (Stable) หรือเกิดชั้นของอุณหภูมิ
ยอ้ นกลับ (Inversion) ขึน้ เป็นต้น นอกจากนย้ี ังต้องทราบถึงระดับความช้นื อ่ิมตัว ระดบั เมฆฝนเริ่มก่อตัว หรือ
ระดับฐานเมฆฝน หรือระดับที่หยุดยั้งการเจริญเติบโตของยอดเมฆ ข้อมูลอื่นๆ ที่จะต้องนำมาประกอบได้แก่
สภาพภมู ปิ ระเทศ ลกั ษณะเมฆ ขอ้ มูลแผนทอ่ี ากาศ
• การเลือกพน้ื ที่ในการทำฝนหลวง
ในการกำหนดพ้ืนท่ที ำงานนั้นทศิ ทางและความเรว็ ลมจะเปน็ ตัวกำหนดบรเิ วณหรือแนวพิกดั ท่ีจะโปรย
สารเคมี ซึ่งจะต้องเป็นต้นลมทพี่ ัดเข้าหาพน้ื ทเ่ี ป้าหมาย เพือ่ ท่ฝี นจะได้ตกลงสพู่ ้ืนท่ีเป้าหมายได้อยา่ งถูกต้อง
• ใช้เวลานานเทา่ ใดจึงจะทำให้ฝนตกได้
ระยะเวลาที่ใช้ในการทำฝนนั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศว่ามีความเหมาะสมเพียงใด ซึ่งโดยปกติเมื่อเรมิ่
ปฏบิ ตั ิการต้งั แต่ขั้นตอนแรก "กอ่ กวน" ซึง่ จะเรม่ิ ในตอนเช้าเพ่อื เป็นการก่อเมฆ และเมอื่ เมฆกอ่ ตวั จึงปฏิบัติการ
ข้นั ตอนตอ่ ไปคือ"เล้ยี งใหอ้ ว้ น" และ "โจมตี" ซ่ึงโดยปตแิ ลว้ จะเรม่ิ ปฏบิ ัตกิ ารและก่อให้เกดิ ฝนตกได้ในตอนบ่าย
12
• การประเมนิ ผลการปฏิบัติการฝนหลวง
การประเมนิ ผลการปฏิบัติการฝนหลวง เป็นการประเมนิ ผลความสำเร็จของการปฏบิ ัติการฝนหลวงใน
แตล่ ะข้นั ตอน โดยภายหลังจากการปฏบิ ตั ิการฝนหลวงแตล่ ะข้นั ตอนเสร็จส้ินแลว้ กลุ่มเมฆท่เี ขา้ ไปปฏิบัติการมี
การเปลี่ยนแปลงหรือ พัฒนาตัวในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งการประเมินผลความสำเร็จของการ
ปฏิบัติการฝนหลวงตามภารกิจการช่วยเหลือในพื้นที่เป้าหมายที่กำหนดประจำวันว่าสามารถช่วยเหลือ แก้ไข
และบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชนหรือหน่วยงานต่างๆได้บรรลุตามวัตถุประสงค์หรือไม่ หลักเกณฑ์
การประเมินผลการปฏิบัติการฝนหลวง ประกอบด้วย หลักเกณฑ์ในการประเมินผลการปฏิบัติการฝนหลวงใน
แตล่ ะข้ันตอน และหลักเกณฑ์ในการประเมินผลการทำฝนตามภารกิจประจำวัน
13
เคร่ืองมอื และอปุ กรณ์สำคัญที่ใช้ประกอบในการทำฝนหลวง
• เครื่องมอื และอปุ กรณ์
1. เครื่องมืออุตุนิยมวิทยา ใช้ในการตรวจวัดและศึกษาสภาพอากาศประกอบการวางแผนปฏิบัติการ
นอกเหนอื จากแผนที่อากาศ ภาพถา่ ย ดาวเทียมทีไ่ ด้รบั สนบั สนุนเป็นประจำวันจากกรมอุตุนิยมวิทยา
ทีม่ ใี ช้ได้แก่
2. เครื่องวดั ลมช้ันบน (pilot balloon) ใช้ตรวจวัดทศิ ทางและความเร็วลมระดบั สงู จากผวิ ดินข้ึนไป
3. เครื่องวิทยุหยั่งอากาศ (radiosonde) เป็นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบด้วยเครื่องส่งวิทยุ ซึ่งจะ
ติดไปกับบอลลูน และเครื่องรับสัญญาณวิทยุซึ่งจะบอกให้ทราบถึงข้อมูลอุณหภูมิความชื้น ของ
บรรยากาศในระดบั ตา่ ง ๆ
4. เครื่องเรดาร์ตรวจอากาศ ที่มีใช้อยู่เป็นแบบติดรถยนต์ เคลื่อนที่ได้มีประสิทธิภาพ สามารถบอก
บริเวณที่มีฝนตกและความแรง หรือปริมาณน้ำฝนและการเคลื่อนที่ของกลุ่มฝนได้ในรัศมี 200-400
กม. ซึ่งนอกจากจะใช้ประกอบการวางแผนปฏิบัติการแล้ว ยังใช้เป็นหลักฐานในการประเมินผล
ปฏิบัติการฝนหลวงอีกด้วย
5. เครอ่ื งมือตรวจอากาศผวิ พนื้ ต่าง ๆ เช่น เคร่ืองวดั อณุ หภมู ิ เคร่อื งวัดความเร็วและทิศทางลม เครื่องวัด
ปรมิ าณน้ำฝน เป็นต้น
6. เครื่องมือเตรียมสารเคมี ได้แก่เครื่องบดสารเคมีเครื่องผสมสารเคมี ทั้งแบบน้ำและแบบผง ถังและ
กรวยโปรยสารเคมี เปน็ ต้น
7. เครือ่ งมอื ส่ือสาร ใช้ในการตดิ ต่อสื่อสารและส่ังการระหว่างนักวิชาการบนเคร่ืองบินกับฐานปฏิบัติการ
หรอื ระหวา่ งฐานปฏบิ ตั ิการ 2 แหง่ หรือใช้รายงานผลระหว่างฐานปฏิบัติงานสำนักงานฯ ในส่วนกลาง
โดยอาศัยข่ายร่วมของวิทยุตำรวจ ศูนย์สื่อสารสำนักงาน ปลัดกระทรวงมหาดไทย วิทยุเกษตร และ
กรมไปรษณีย์โทรเลข เครื่องมือสื่อสารที่ใช้ในปัจจุบัน ได้แก่วิทยุซิงเกิลไซด์แบนด์ วิทยุ FM.1, FM.5
เครอ่ื งโทรพมิ พ์ เปน็ ต้น
8. เครื่องมอื ทางวชิ าการอน่ื ๆ เชน่ อุปกรณ์ทางการวางแผนปฏิบตั ิการ เขม็ ทิศ แผนที่ กลอ้ งส่องทางไกล
เครอ่ื งมือตรวจสอบสารเคมี กล้องถา่ ยภาพ ฯลฯ
9. สถานีเรดาร์ฝนหลวง หรือ เรดาร์ดอปเปลอร์ (Doppler radar) ในบรรดาเครื่องมืออุปกรณ์
วิทยาศาสตร์ภายใต้โครงการวิจัยทรัพยากรบรรยากาศประยุกต์จำนวน 8 รายการนั้น เรดาร์ดอป
เปลอร์จัดเป็นเครื่องมือที่มีมูลค่าสูงสุด เรดาร์นี้ใช้เพื่อวางแผนการทดลองและติดตาม ประเมินผล
ปฏิบัติการฝนหลวงสาธติ เคร่ืองมือชนิดนี้ทำงานโดยใช้ระบบคอมพวิ เตอร์ (Microvax 3400) ควบคุม
สั่งการ เก็บบันทึก รวบรวมข้อมูล สามารถนำข้อมูลกลับมาแสดงใหม่จากเทปบันทึก ในรูปแบบการ
ทำงานของ IRIS (IRIS Software) ผ่านโพรเซสเซอร์ (RUP-6) กล่าวคือ ข้อมูลจะถูกบันทึกไว้ในเทป
14
บันทึกข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถนำมาใช้ได้ตลอด ซึ่งเชื่อมต่อกับระบบเรดาร์ การ
แสดงผล/ข้อมูล โดยจอภาพ สถานที่ตั้งเรดาร์ดอปเปลอร์นี้อยู่ที่ ตำบลยางเปียง อำเภออมก๋อย
จงั หวดั เชียงใหม่
• สารเคมฝี นหลวง
ในขั้นตอนการทำฝนเทียม มีหลักการคือต้องให้เกิดกระบวนการความรอ้ นชื้นปะทะความเย็น โดยใช้
สารเคมีที่ที่มีคุณสมบัติดูดซับความชื้นได้ดี ทำหน้าที่เป็นแกนกลั่นตัวของเมฆ ซึ่งมีลักษณะเป็นแกนแข็ง และ
สารละลายเข้มข้น และชักนำให้หยดน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง ก่อนการโปรยสารเคมีต้องมีการพิจารณาความช้ืน
ของจำนวนเมฆ ทิศทางลม และเมื่อความร้อนชื้นที่ระดับผิวพื้นขึ้นสู่อากาศเบื้องบน อุณหภูมิของมวลอากาศ
จะลดตำ่ ลงจนถึงความสงู ท่ีระดับหนึ่ง อณุ หภูมิทลี่ ดต่ำลงนัน้ มากพอจะทำให้ไอน้ำในมวลอากาศอ่ิมตวั จนเกิด
ขบวนการกลั่นตัวเองของไอน้ำขึ้นบนแกนกลั่นตัวจนกลายเป็นฝนตกลงมา ฉะนั้น สารเคมีดังกล่าวจึง
ประกอบด้วยสูตรร้อน เพื่อใช้กระตุ้น กลไกการหมุนเวียนของ บรรยากาศ สูตรเย็น ใช้เพื่อกระตุ้นกลไกการ
รวมตัวของละอองเมฆให้โตขึ้นเป็นเม็ดฝน และสูตรที่ใช้เป็นแกนดูดซับความชื้น เพื่อกระตุ้นกลไกระบบการ
กลั่นตัวให้มีประสิทธิภาพที่สูงข้ึน โดยสารเคมีท่ีใชใ้ นการทำฝนเทียม จะมีคุณสมบัติทางเคมีคือดดู ซับความชืน้
ได้ดี เมื่อดูดความชื้นจะเกิดปฏิกิริยาซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดกระบวนการท่ีทำให้อุณหภูมิมสี ูงขึ้นหรือต่ำลง
โดยทัว่ ไปมีสารเคมี 3 ประเภท คือ
1. สารเคมีประเภททำใหอ้ ณุ หภมู สิ ูงขนึ้ (Exothermic Chemicals)
เป็นสารเคมีประเภทคายความร้อนหรือทำให้อุณหภูมสิ ูงขึ้น (สูตรร้อน) เมื่อใช้สารเคมีประเภทน้ี จะ
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพบรรยากาศโดยเปลี่ยนแปลงพลังความร้อน ด้วยการเพิ่มความร้อนอย่าง
ฉับพลันที่เกิดจากปฏิกิริยา (Sensible heat) และความร้อนแฝงที่เกิดจากการกลั่นตัว ของไอน้ำรอบอนุภาค
สารเคมี ที่เป็นแกนกลั่นตัวด้วย เมื่อได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์เพิ่มเติม มวลอากาศในบริเวณที่โปรย
สารเคมจี ะสูงขน้ึ และเกิดการลอยตวั สารประเภททนมี้ ี 3 ชนิดคอื
• แคลเซียมคาร์ไบด์ (Calcium Carbide) CaC2 เมื่อดูดซับความชื้นแล้วจะให้ความร้อน และ
กลายเป็นแกนกลนั่ ตวั แบบแกนแข็ง
• แคลเซยี มคลอไรด์ (Calcium Chloride) CaCl2 เมอ่ื ดูดซับความชนื้ แลว้ จะใหค้ วามร้อน และ
กลายเปน็ แกนกล่นั ตวั ทเี่ ปน็ สารละลายเขม้ ขน้ ทีม่ คี วามไวในการดดู ซบั ความช้นื ท่ีผวิ สงู
• แคลเซียมออกไซด์ (Calcium Oxide) CaO เมื่อดูดซับความชื้นแล้ว จะให้ความร้อน โดย
เกิดปฏกิ ิริยา 2 ขน้ั และ กลายเป็นแกนกลนั่ แบบแข็ง
15
2. สารเคมีประเภททำใหอ้ ณุ ภมู ติ ่ำลง (Endothemic Chemicals) (สตู รเยน็ )
เป็นสารเคมีประเภทดูดกลืนความร้อนแล้วทำให้อุณภูมิต่ำลง (Endothemic Chemicals) เมื่อใช้
สารเคมีประเภทนี้ ประสิทธิภาพในการดูดซับความชื้นจะสูง ทำให้การกลั่นตัวสูงขึ้นและทำให้เม็ดน้ำในก้อน
เมฆมีขนาดใหญ่เร็วขึ้น เกิดความร้อนแฝงให้เกิดการลอยตัวขึ้นของมวลอากาศ และทำให้เกิดขบวนการกลั่น
ตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ขบวนการชนและรวมตัวกันของเม็ดน้ำ ให้เจริญใหญ่ขึ้นเป็นเม็ดน้ำขนาดใหญ่นก
ลายเปน็ ฝนตกลงมา นบั เป็นขน้ั ตอนท่ีเรียกว่าเป็นการขยายขนาดเมฆ และเพม่ิ ปรมิ าณใหส้ ูงข้นึ สารประเภทท
นมี้ ี 3 ชนิดคอื
• ยูเรีย (Urea) CO(NH2)2) เมื่อดูดซับความชื้นแล้วดูดกลืนความร้อนออกมา กลายเป็นแกน
กลั่นตัว (nuclei) ซึ่งเป็นสารที่มีความไวในการดูดซับความชื้นที่สูง ทำให้กลายเป็นหยดน้ำ
ขนาดใหญ่
• แอมโมเนียมไนเตรท (Ammonium Nitrate) NH4NO3 เมื่อดูดซับความชื้นแล้วดูดกลืน
ความรอ้ นออกมากลายเป็นแกนกล่นั ตวั เช่นเดยี วกับยเู รยี
• น้ำแข็งแห้ง (Dry Ice) CO2(Solid)) น้ำแข็งแห้งบดเป็นเกล็ด เมื่ออยู่ในความกดดันปกติ จะ
ดูดกลืนความร้อนเข้าไประเหิด เปลี่ยนจากสภาพของแข็ง เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
(CO2) ทำใหส้ ภาวะไอน้ำในอากาศ เกิดการควบแนน่ และกลายเปน็ เกลด็ นำ้ แข็ง
3. สารเคมีทท่ี ำหนา้ ทแี่ กนกลน้ั ทด่ี ดู ซบั ความชนื้ ประเภทเดยี ว (Condensation Nuclei)
สารเคมปี ระเภทนี้ จะคายความร้อนแฝงในขบวนการกลั่นตัว ทำใหเ้ กิดการลอยตวั ขึน้ ของมวลอากาศ
กอ่ ให้เกิดขบวนการกลัน่ ตัวอยา่ งตอ่ เน่ืองเช่นเดยี วกัน สารเคมปี ระเภทน้ี ได้แก่
• เกลอื (Sodium Chloride) NaCl
• สารเคมีสตู ร ท.1: สารเคมีท่เี ปน็ สารผสมสารประกอบหลายชนิด (ปัจจุบนั ไมใ่ ช้ในการทำฝน
หลวง)
16
ขั้นตอนและระยะเวลาในการทำฝนหลวง
• ขน้ั ตอนท่หี น่ึง : กอ่ กวน
โดยการใช้สารเคมีไปกระตุ้นมวลอากาศทางด้านเหนือลมของพื้นที่เป้าหมาย ให้เกิดการลอยตัวขึ้นสูเ่ บื้อง
บนรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนเมฆฝน ขั้นตอนแรกนี้เป็นขั้นตอนที่เมฆธรรมชาติเริ่มก่อตัวทางแนวตั้ง การทำฝน
หลวงในขั้นตอนนี้จึงมุง่ ใช้สารเคมีไปกระตุน้ อากาศให้เกดิ การลอยตัวขึ้นสูเ่ บื้องบน เพื่อให้เกิดกระบวนการชกั
นำไอน้ำหรือความชื้นเข้าสู่ระดับการเกิดเมฆ ระยะเวลาที่เหมาะสมในการปฏิบัติงานของขั้นตอนแรกนี้ ควร
ดำเนินการในช่วงเช้าของแต่ละวัน สารเคมีที่ใช้ในขั้นตอนนี้ ได้แก่ สารแคลเซียมคลอไรด์ สาร
แคลเซยี มคาร์ไบด์ สารแคลเซียมอ๊อกไซด์ หรอื สารผสมระหวา่ งเกลือแกงกับสารยเู รยี หรือสารผสมระหว่างสาร
ยูเรียกับสารแอมโมเนียไนเตรทซึง่ สารผสมดังกล่าวนี้ แมจ้ ะมีเปอร์เซน็ ตค์ วามชนื้ สมั พัทธ์ต่ำก็ตาม แต่ก็สามารถ
ดูดซับไอน้ำจากมวลอากาศได้อันเป็นการกระตุ้นกลไกของกระบวนการกลั่นตัวของไอน้ำในมวลอากาศ อีกทั้ง
ยังเสริมสร้างให้เกิดสภาพแวดล้อมโดยรอบที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเมฆทางด้านเหนือลมของพื้นที่
เป้าหมายอีกด้วย เมื่อเมฆเริ่มเกิดมีการก่อรวมตัวและเจริญเติบโตทางตั้งแล้ว จึงใช้สารเคมีที่ให้ปฏิกิริยาคาย
ความร้อนโปรยเป็นวงกลมหรือเป็นแนว ถัดมาทางใต้ลมเป็นะระยทางสั้นๆ เข้าสู่ก้อนเมฆ เพื่อกระตุ้นให้เกิด
ก้อนเมฆเป็นกลุ่มแกนร่วมในบริเวณพื้นที่ปฏิบัติการ สำหรับใช้เป็นแกนกลางในการสร้างกลุ่มเมฆฝนในระยะ
ต่อมา
การวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงในขน้ั แรกนี้ กอ่ นดำเนนิ การจะต้องทำการศึกษาข้อมูลสภาพอากาศและ
กำหนดพื้นที่เป้าหมายในแต่ละวันโดยใช้ทิศทางและความเร็วของลมเป็นตัวกำหนดบริเวณหรือแนวพิกัดที่จะ
โปรยสารเคมี อุณหภูมิและความชื้นของบรรยากาศ แต่ละระดับจะถกู นำมาคำนวณและวิเคราะห์ตามวชิ าการ
ทางอุตุนยิ มวิทยา เพือ่ หาสาเหตทุ ข่ี ัดขวางการก่อตวั ของเมฆท่ีอาจเกิดขึ้นระหวา่ งดำเนนิ การ เช่น
- ปริมาณความชื้นท่ีต่ำเกินไป
- อากาศเกินภาวะสมดุล
- ระดบั ที่ความช้นื อ่ิมตัว
- ระดับท่เี มฆฝนเรม่ิ กอ่ ตวั
- ระดบั ที่หยุดย้งั การเจริญเตบิ โตของยอดเมฆ
- สภาพภมู ปิ ระเทศ เชน่ แนวเขา ปา่ ไม้ แหล่งความชื้น ฯลฯ
- ลักษณะของเมฆทส่ี งั เกตเหน็
- ขอ้ มลู แผนท่ีทางอากาศ พายุโซนรอ้ นและเหตุอืน่ ๆ ที่อาจจะมีอิทธิพลต่อ
- สภาพอากาศในพ้นื ท่ีเป้าหมาย
17
ทั้งหมดของข้อมูลและสาเหตุต่าง ๆ นี้ มีความสำคัญต่อการกำหนดชนิดและปริมาณของสารเคมีที่จะ
นำมาใช้ในการทำฝนหลวง ซึ่งจะต้องกระทำด้วยความชำนาญควบคู่ไปกบั การคำนึงถึงระดับความสูงผนวกกับ
อัตราการโปรยสารเคมี รวมถึงลักษณะของแนวโปรยสารเคมีด้วย หากแต่ละวันมีลักษณะข้อมูที่แตกต่างกัน
ออกไป กย็ อ่ มทำให้ตอ้ งมกี ารปรับเปลีย่ นแผนปฏิบัตงิ านแต่ละครั้งดว้ ย
• ขนั้ ตอนทีส่ อง : เลี้ยงให้อ้วน
เป็นขั้นตอนที่เมฆกำลังก่อตัวเจริญเติบโตซึ่งเป็นระยะสำคัญมากในการปฏิบัติการ เพราะจะต้องเพ่ิม
พลังงานให้แกก่ ารลอยตวั ขึ้นของก๊าซ (updraft) ให้ยาวนานออกไป ต้องใชเ้ ทคโนโลยีและประสบการณ์การทำ
ฝนควบคู่ไปพร้อมกันเพื่อตัดสินใจโปรยสารเคมีชนิดใด ณ ที่ใดของกลุ่มก้อนเมฆ และในอัตราใดจึงเหมาะสม
เพราะตอ้ งให้กระบวนการเกิดละอองเมฆสมดลุ กับความแรงของ updraft มฉิ ะนนั้ จะทำใหเ้ มฆสลาย
• ขน้ั ตอนที่สาม : โจมตี
เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกรรมวิธีปฏิบัติการฝนหลวง เมฆ หรือ กลุ่มเมฆฝนมีความหนาแน่นมาก
พอที่จะสามารถตกเป็นฝนได้ ภายในกลุ่มเมฆจะมีเม็ดน้ำขนาดใหญ่มากมาย หากเครื่องบินเข้าไปในกลุ่มเมฆ
ฝนนี้จะมีเม็ดน้ำเกาะตามปีกและกระจังหน้าของเครื่องบิน เป็นขั้นตอนที่สำคัญ ต้องอาศัยประสบการณ์มาก
เพราะจะต้องปฏิบัติการเพื่อลดความรุนแรงของ updraft หรือทำให้อายุของ updraft หมดไป สำหรับการ
ปฏิบัตกิ ารในขนั้ ตอนน้ี จะต้องพิจารณาจุดมงุ่ หมายของการทำฝนหลวง ซึง่ มอี ยู่ 2 ประเด็นคือเพ่ือเพ่ิมปริมาณ
ฝนตก และเพอ่ื ให้เกดิ การกระจายการตกของฝน จงึ ทำใหเ้ กดิ ฝนขนึ้
18
บทบาทของฝนหลวง
วันนี้เริ่มจากแก้ไขภัยแล้งก้าวไปสู่การบรรเทาสาธารณภัยและเพิ่มพูนเศรษฐกิจ ฝนหลวงจึงต้องเข้ามารบั
ภาระหน้าที่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์มากเกินกว่าที่คาดคิดกันไว้นัก เพราะฝนหลวง
กลบั กลายจากจดุ มุ่งหวังท่ีในครงั้ แรกเพื่อชว่ ยเหลือเกษตรกรทปี่ ระสบภัยแล้งนนั้ ไดร้ ับการร้องขอให้ขยายการ
บรรเทาความเดือดร้อนที่สืบเนื่องมาจากการพัฒนาอุตสาหกรรมและภาวะสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษอีกด้วย
กล่าวคือ ฝนหลวง มสี ว่ นช่วยเหลือการพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยหลายประการดงั นี้
• ด้านการเกษตร มีการร้องขอฝนหลวงเพื่อแกไ้ ขปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงทีเ่ กิดภาวะฝนแล้ง หรือฝน
ทิ้งช่วงยาวนานซึ่งมีผลกระทบต่อแหล่งผผลิตทางการเกษตรที่กำลังให้ผลผลิต เช่น แถบจังหวัด
จันทบุรี หรือเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ เป็นจำนวนมากหลายราย ซึ่งได้พระราชทานความ
ช่วยเหลือเสมอมา ทำฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำให้กับริเวณพื้นที่ลุ่มรับน้ำของแม่น้ำสายต่างๆ ที่มี
ปริมาณน้ำต้นทุนลดน้อยลง เช่น แม่น้ำปิง วัง ยม น่าน เป็นต้น โดยเฉพาะในปีที่เกิดวิกฤตขิ าดแคลน
น้ำที่เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ สามารถจัดเก็บน้ำจากฝนหลวงนับตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม พ.ศ.
2536 ถึง 28 ตุลาคม พ.ศ. 2536 อันเป็นวันสุดท้ายของการปฏิบัติงานฝนหลวงในปีนั้นได้ถึง
4,204.18 ลา้ นลูกบาศกเ์ มตร ในขณะที่ก่อนทำฝนหลวงมีน้ำเหลือเพียง 3,497.79 ล้านลูกบาศก์เมตร
เทา่ น้นั
• เพื่อการอุปโภค บริโภค ภาวะความต้องการน้ำทั้งจากน้ำฝนและอ่างเก็บน้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง
เป็นความต้องการที่สามัญของผู้คนอย่างยิ่ง การขาดแคลนน้ำกิน น้ำใช้ มีความรุนแรงมากในภาค
ตะวนั ออกเฉียงเหนือ เนอ่ื งจากคุณสมบัติของดินในภมู ภิ าคน้ีเป็นดนิ ร่วนปนทรายไม่สามารถอุ้มซับน้ำ
ได้ จึงไมส่ ามารถเกบ็ กกั นำ้ ได้ดเี ท่าท่คี วร
• ช่วยในการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ ภายใต้พื้นดินของภาคอีสานมีแหล่งหินเกลือเป็นจำนวนมากและ
ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง ดังนั้น อ่างเก็บน้ำขนาดเล็กและขนาดกลางที่ไม่มีทางระบายออก หากมี
ปริมาณน้ำเหลือน้อย นำ้ จะกรอ่ ยหรือเค็มได้ เพราะหินเกลือที่อยูด่ ้านลา่ งเกิดมีการละลายแล้วลอยตัว
เคลอ่ื นทข่ี นึ้ มาบนผิวดนิ
• เสริมสร้างเสน้ ทางคมนาคมทางนำ้ เมือ่ การขาดปริมาณน้ำเกดิ ข้นึ ดุจภาวะลกู โซ่เชน่ นี้ ก็ส่งผลมาถึง
ระดับน้ำในแมน่ ้ำลดต่ำลงบางแห่งตนื้ เขินจนไมส่ ามารถสัญจรไปมาทางเรือได้ เชน่ ทางน้ำในแมน่ ำ้
เจ้าพระยาบางตนในปัจจบุ ันการทำฝนหลวงเพ่ือเพ่มิ ปริมาณนำ้ ให้กบั บรเิ วณดังกลา่ วจึงนับเป็นสงิ่
สำคัญย่ิง เพราะการขนส่งสินคา้ ทางน้ำเสยี ค่าใช้จ่ายนอ้ ยกว่าทางอนื่ และการจราจรทางบกนับวันจะ
มปี ญั หารุนแรงมากขึน้ ทกุ ขณะ
19
• ป้องกนั และบำบัดภาวะมลพิษของส่งิ แวดลอ้ ม หากน้ำในแม่นำ้ เจา้ พระยาลดน้อยลงเมื่อใด น้ำเค็มจาก
ทะเลอ่าวไทยก็จะไหลหนนุ เนอ่ื งเขา้ ไปแทนทท่ี ำใหเ้ กดิ น้ำกร่อยขนึ้ และเกิดความเสียหายแกเ่ กษตรกร
เปน็ จำนวนมาก จงึ จำเป็นทตี่ ้องมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมพิ ล เพ่ือผลักดันนำ้ เคม็ มิใหห้ นุนเขา้ มาทำ
ความเสียหายต่อการอุปโภค บริโภคหรือเกษตรกรรม รวมทงั้ ส่งิ ที่เราอาจไมค่ าดคิดมาก่อนวา่ ฝน
หลวง ไดบ้ รรเทาภาวะสิ่งแวดล้อมทเ่ี ป็นพษิ อนั เกิดจากการระบายน้ำเสียท้ิงลงสู่แม่น้ำเจา้ พระยาและ
ขยะมลู ฝอยทีผ่ ูค้ นท้ิงลงในสายนำ้ กนั อยา่ งมากมายนัน้ ปริมาณนำ้ จากฝนหลวงจะชว่ ยผลกั ดนั ออกสู่
ทอ้ งทะเล ทำให้ภาวะมลพิษจากน้ำเสยี เจอื จางลง ซง่ึ สงั เกตเหน็ ไดช้ ดั เจนจากขยะมูลฝอยและ
กระแสนำ้ เสียตา่ งสีในบริเวณปากน้ำจนถงึ เกาะลา้ นเมืองพัทยา
• เพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์เพื่อผลิตแระแสไฟฟ้า บ้านเมืองของเราประสบปัญหา
การขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าขึ้นทุกขณะ เนื่องจากมีความต้องการใช้ไฟฟ้าในปริมาณสูงมากจากการ
ขยายตัวทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เมื่อเกิดภาวะวิกฤติระดับน้ำเหนือเขื่อนมีระดับต่ำมากจนไม่
เพยี งพอต่อการใช้พลังงานนำ้ ไมส่ ามารถผลิตกระแสไฟฟ้าส่งให้ผใู้ ช้ได้อยา่ งทั่วถึงจนถึงขนาดเกรงกัน
ว่าอาจจำเป็นตอ้ งใชม้ าตรการต่างๆ ในการประหยัดพลงั งานไฟฟ้ากันบ้างเพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์
ทเ่ี กดิ ขน้ึ
การทำฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำเหนือเขื่อนภูมิพล ซึ่งเกิดวิกฤตขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรงที่สุดเป็น
ประวตั ิการณ์ จึงเปน็ ภารกจิ สำคญั ย่งิ ที่เริม่ ดำเนินการเมื่อวนั ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2536 ถึงวันท่ี 2 พฤศจิกายน
พ.ศ 2536 ฝนหลวงได้มีส่วนในการเพิ่มปริมาณน้ำให้เพียงพอต่อการใช้พลังน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้ามิให้การ
พัฒนาด้านต่างๆ เกิดการสะดุดหยุดชะงักและสามารถดำเนินการไปได้อย่างราบรื่นมั่นคง ในปีนี้สามารถเพ่ิม
ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลได้ถึง 5,274.63 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยที่ปริมาณน้ำก่อนปฏิบัติการฝนหลวงเหลือ
เพียง 4,037.30 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งนับว่าทำให้กำลังผลิตสำรองกระแสไฟฟ้าที่ใช้ได้ในปีนี้อยู่ในเกณฑ์ที่
เพยี งพอ
20
ประโยชน์ของการทำฝนหลวง
1. เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในการเกษตรในช่วงที่เกิดภาวะฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วงยาวนานเพื่อเพ่ิม
ปริมาณนำ้ ให้กบั พ้นื ท่ลี มุ่ รับนำ้ ของแมน่ ้ำสายต่างๆที่มปี ริมาณน้ำตน้ ทุนลดน้อยลง
2. เพอื่ แกป้ ญั หาการขาดแคลนนำ้ เพื่อการอุปโภคบรโิ ภคเสริมสร้างเสน้ ทางคมนาคมทางน้ำ เป็นการเพิ่ม
ปริมาณน้ำโดยเฉพาะในบริเวณแม่นำ้ ท่ีตนื้ เขนิ ใหส้ ามารถใช้เป็นเสน้ ทางคมนาคมได้
3. เพื่อป้องกันและบำบัดภาวะมลพิษของสิ่งแวดล้อม “ฝนหลวง” ได้บรรเทาภาวะแวดล้อมเป็นพิษอัน
เกิดจากการระบายน้ำเสยี และขยะมลู ฝอยลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาปริมาณน้ำจากฝนหลวงจะทำใหภ้ าวะ
มลพษิ จากนำ้ เสียเจอื จางลง
4. เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ฝนหลวงในอนาคต
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ได้พระราชทานแนวความคิดให้ทำการศึกษาวิจัยพัฒนาฝนหลวง หลาย
ประการ คือสร้างจรวดฝนเทียมบรรจุสารเคมีจากพื้นดินเข้าสู่เมฆหรือยิงจากเครื่องบิน การใช้เครื่อง
พ่นสารเคมีอัดแรงกำลังสูงจากยอดเขาสู่ฐานของก้อนเมฆโดยตรงเพื่อช่วยให้เมฆที่ลอยปกคลุมอยู่
เหนือยอดเขาสามารถรวมตัวหนาแนน่ จนเกิดฝนตกลงสบู่ ริเวณภเู ขาหรอื พื้นท่ีใตล้ มของภเู ขา
ทั้งนี้จากประโยชน์นานัปการของโครงการฝนหลวง อันเกิดจากพระปรีชาสามารถและสายพระเนตรอัน
ยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงคำนึงถึงประโยชน์ทุกข์สุขของราษฎรชาวไทยเสมอมาการ
ขนานนามพระองคว์ ่า พระบดิ าแห่งฝนหลวง จงึ เป็นการแสดง ความรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันย่ิงใหญ่ ท่ี
จะคงอยใู่ นใจของปวงชนชาวไทยตลอดไป ตราบนานเท่านาน
ผลกระทบของการทำฝนหลวง
ทำให้เกิดปรากฏการณ์ Thermal Inversion ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อพื้นดินและอากาศบริเวณพื้นดินเย็น
ตัวลงฉับพลัน ทำให้อากาศที่อยู่สูงขึ้นไปเย็นตวั ลงตามไม่ทัน และเกิดเป็นการสลับชั้นของมวลอากาศเย็นและ
มวลอากาศร้อนในรูปแบบ ช้ันลา่ งสดุ เย็น ช้ันกลางรอ้ น ชัน้ บนเย็น
21
ฝนหลวงกบั การบรรเทาความเดอื ดรอ้ นของประชาชน
หลังจากที่ทรงประสบผลสำเร็จและมีการยอมรับจากทั้งภายในและตา่ งประเทศแล้วนั้นปริมาณความ
ต้องการฝนหลวงเพื่อช่วยพื้นที่เกษตรกรรม และการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคได้รับการ
ร้องเรียนขอความช่วยเหลือเพิ่มมากขึ้น เห็นได้ชัดในช่วงระหว่าง พ.ศ.2520 - 2534 มีการร้องเรียนขอฝน
หลวงเฉลี่ยถงึ ปีละ 44 จังหวัด ซึ่งทรงพระเมตตาอนุเคราะห์ช่วยเหลือเกษตรกรไทยในการบรรเทาการสูญเสีย
ทางเศรษฐกิจให้ประสบความเสียหายน้อยที่สุด นอกจากนี้ประโยชน์สำคัญที่ควบคู่ไปกับการปฏิบัติการฝน
หลวงเพื่อเกษตรกรรม และการอุปโภคบริโภค ก็คือ เป็นการช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้แก่อ่างและเขื่อนกัก
เก็บน้ำเพื่อการชลประทาน และผลิตกระแสไฟฟ้า แหล่งน้ำและต้นน้ำลำธารธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นการช่วย
ทำนุบำรุงปา่ ไม้ โดยเฉพาะในชว่ งฤดแู ล้งความชุ่มชนื้ ท่ีได้รับเพ่ิมขึ้นจากฝนหลวงจะช่วยลดการเกิดไฟป่าได้เป็น
อยา่ งมาก ฝนหลวงไดเ้ ข้ามามสี ว่ นช่วยแกไ้ ขปัญหาส่ิงแวดลอ้ มในการบรรเทามลภาวะทเี่ กิดข้ึนในบา้ นเมืองของ
เราหลายประการ อาทิเช่น ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในแม่น้ำลำคลอง โรคระบาด อหิวาตกโรค การระบาด
ของศตั รพู ชื บางชนดิ เชน่ เพลี้ย ต๊กั แตกปาทังก้า เหล่าน้ีเปน็ ตน้ ซึ่งลว้ นแต่ไดร้ ับความสำเร็จอยา่ งดีเยี่ยมตลอด
มา
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวทรงไดร้ ับความร่วมมือจากเหลา่ พสกนิกรทั่วประเทศท่เี ห็นคุณค่าของฝน
หลวง ดังจะเห็นได้จากการที่ประชาชนในหลายจังหวัดได้ร่วมกนั ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงนิ โดยเสด็จพระ
ราชกุศลในการจัดซื้อเครื่องบินสำหรับทำฝนหลวงเป็นจำนวนมาก เช่น เครื่องบินแอร์ทรัคซึ่งราษฎรจังหวัด
กาญจนบุรีได้ร่วมกันจัดซื้อเมื่อ พ.ศ.2515 นับเป็นเครื่องแรกที่ได้นำขึ้นน้อมเกล้าฯ ถวายเพื่อใช้ในกิจกรรม
คน้ ควา้ ทดลองปฏิบัติการ ตอ่ มาราษฎรจังหวดั สุพรรณบรุ ี ได้ร่วมกนั จดั ซอ้ื เคร่ืองบินแอร์ทัวเรอร์น้อมเกล้าน้อม
กระหม่อมถวายเพื่อใช้ในการบินอำนวยการทดลองปฏิบัติการฝนหลวงอีกเครื่องหนึ่งด้วย นอกจากนี้ยังมี
ราษฎรจัดงหวัดขอนแก่น ชลบุรีและกาญจนบุรี ได้ร่วมกันจัดซื้อเครื่องบินปอร์ตเตอร์น้อมเกล้าฯ ถวายใช้ใน
งานฝนหลวง ความสำคัญในพระองค์ท่านนั้นเห็นได้ชัดเจนซึ่งจากการที่พระบาทสมเด็จพระเ จ้าอยู่หัว
พระราชทานพระบรมราโชวาสให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นำชาวสวนจังหวัดจันทบรี
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาททูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงินซึ่งได้ร่วมกันบริจาคโดยเส ร็จพระราชกุศลในการ
จัดซื้อเครื่องบินสำหรับโครงการการทำฝนเทียม และน้อมเกล้าฯ ถวายผลไม้ที่รอดพ้นจากความเสียหายอัน
เนื่องมาจากภัยแล้ง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตลดา เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2515 ในวโรกาสนี้
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ได้พระราชทานพระราชดำรสั แกช่ าวสวนจงั หวัดจันทบรุ ีความว่า
ท่านทั้งหลายกเ็ ปน็ ประจักษ์พยานว่า การทำฝนเทียมได้ชบุ ชีวิตต้นไม้ซ่ึงมฉิ ะนั้นก็เสียหายไปฉะนั้นจึง
เกิดความยินดีมากที่ท่านทั้งหลายได้มาพบกันในวันนี้ ได้นำเงินมาสมทบในกิจการฝนเทียม และได้นำพา
ผลิตผลซงึ่ เปน็ ประจักษ์พยานมาให้ ความดีใจน้ีมหี ลายประการอย่างหนึ่งก็ได้เห็นวา่ ท่านท้ังหลายได้มีความสุข
22
สบาย อกี อยา่ งหน่ึงก็ท่เี ห็นว่ากิจการมผี ลดีและท่านท้ังหลายทราบดี กข็ อขอบใจทา่ นท้ังหลายท่ีร่วมมือทั้งฝ่าย
เจ้าหน้าที่ที่ได้ร่วมมือในกิจการ และกำลังช่วยให้ประชาชนมีความสุข ความเรียบร้อยทุกประการ ตามหน้าท่ี
อนั น้นี ำความปลาบปลื้มแก่ขา้ พเจ้าอย่างมาก ฉะน้ันกข็ อขอบใจท่านท้งั หลายทกุ ฝ่ายที่ไดร้ ว่ มมืออย่างมีสามัคคี
กระชบั แนน่ แฟ้นท่สี ุด เป็นทางทท่ี ำให้ท้องทมี่ ีความเจริญมัน่ คง และเม่ือท้องท่ีมีความเจริญม่ันคงแล้วประเทศ
ย่อมอยู่ได้มีทางที่จะก้าวหน้าเพราะทุกคนร่วมมือกัน ทุกคนช่วยซึ่งกันและกัน ทุกคนมีความเห็นอย่างไรก็แจง้
ออกมา ผู้ที่ได้รับฟังก็ย่อมรับฟังด้วยเหตุผลที่ดี อันเป็นวิธีการที่จะอยู่ในชีวิตของประเทศชาติ อันนี้เป็นความ
ปลื้มที่ใหญ่ที่สุดที่เห็นความสามัคคี ความขยันหมั่นเพียร ความซื่อสัตย์สุจริตประจักษ์ออกมา ก็ขอขอบใจทุก
ท่านทุกฝ่ายที่ได้แสดงว่าเมืองไทยเรา วิธีปฏิบัติ จะไม่เรียกว่าวิธีการปกครอง วิธีปฏิบัติทั้งในด้านชีวิต ทั้งใน
ด้านอาชพี ตง้ั แตก่ ารเปน็ อยสู่ ว่ นตัว จนกระทง่ั ถึงการจดั ระเบยี บการทุกขน้ั อยา่ งมีเหตุผล มจี ติ ใจเอ้ือเฟ้ือซึ่งกัน
และกนั เปน็ ความหวังสำหรับอนาคตของบ้านเมืองทจี่ ะทำให้เมืองไทยคงอยดู่ ว้ ยความผาสุกด้วยความม่ันคงไป
ตลอดกาล
23
ฝนหลวงในอนาคต
การทำฝนหลวงในปัจจุบันโดยใช้วิธีการโปรยสารเคมีจากเครื่องบินเพื่อเร่งหรือเสริมการก่อตัวและการ
เจริญเติบโตของเมฆ และโจมตีกลุ่มเมฆฝนให้เกิดฝนตกลงสู่พื้นที่เป้าหมายที่ต้องการนั้น บางครั้งก็ประสบ
ปัญหาที่ไม่สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนกรรมวิธีให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เช่น ในการขึ้นโจมดีให้ฝนตกลงสู่พื้นที่
เป้าหมายไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากฝนตกปกคลุมสนามบินเกิดลมพายุปั่นป่วนและรุนแรง เครื่องบินไม่
สามารถข้ึนปฏิบัติการได้ทำให้กลุ่มเมฆเคลื่อนที่พ้นพื้นที่เป้าหมาย จากปัญหาต่างๆ เหล่านี้จึงได้มีการ
ค้นคว้าวิจัยทดลองกรรมวิธีทำฝน เพื่อพัฒนาให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกรุณา
พระราชทานแนวทางคดิ ในการวจิ ยั พฒั นาฝนหลวงเพื่อเกษตรกรหลายประการ คือ
ประการแรก คือ สร้างจรวดฝนเทียมบรรจุสารเคมีจากพื้นดินเข้าสู่เมฆหรือยิงจากเครื่องบิน ซึ่งได้มีการ
ทดลองแล้วมีความก้าวหนา้ ขึ้นมาเปน็ ลำดับขณะนีก้ ำลังอยู่ในขัน้ ทำการผลิตจรวดเชิงอุตสาหกรรมและคาดวา่
อกี ไม่นานเกินรอ ไทยเราก็คงไดเ้ ปน็ ผู้นำของการทำฝนหลวงในภมู ิภาคนีอ้ ีกครง้ั หนง่ึ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาพระราชทานแนวความคิดในการวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาในการ
ใช้เครื่องบินทำฝนหลวง ดว้ ยการให้ทำการวจิ ัยสรา้ งจรวดบรรจุสารเคมียิงจากพ้ืนดินเข้าสู่กอ้ นเมฆ หรอื ยิงจาก
เครื่องบิน จึงได้มีการเริ่มวิจัยประดิษฐ์จรวดทำฝนร่วมกับกรมสรรพาวุธทหารบก เมื่อ พ.ศ.2515 - 2516 จน
ก้าวหน้าถึงระดับทดลองประดิษฐ์จรวด เพื่อทำการยิงในเบื้องตนแล้ว แต่ต้องหยุดชะงักด้วยความจำเป็นบาง
ประการของกรมสรรพาวุธ ทหารบกจนถึง พ.ศ.2524 คณะกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะทำงาน
พัฒนาและวิจยั จรวดฝนเทยี มข้ึนประกอบดว้ ยผู้เช่ียวชาญดา้ นจรวดของกองทัพบก กองทัพเรอื กองทัพอากาศ
นักวชิ าการจากสภาวิจยั แหง่ ชาตแิ ละนักวชิ าการฝนหลวง ซึง่ ได้รว่ มทำการวจิ ยั คน้ ควา้ และพัฒนาจรวดต้นแบบ
ขั้นเพื่อทำการทดลองยิงและถึงขั้นนบรรจุสารเคมีเพื่อทดลองยิงเข้าสู่ก้อนเมฆจริงแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530
ในขณะน้ีจึงอยรู่ ะหวา่ งขน้ั ทำการผลิตจรวดเชิงอตุ สาหกรรมในลำดบั ต่อมา
ประการทส่ี อง คอื การใชเ้ ครื่องพ่นสารเคมีอัดแรงกำลังสูงจากยอดเขาสู่ฐานของก้อนเมฆโดยตรงเพ่ือช่วย
ให้เมฆทอ่ี ยู่ตามปกติลอยปกคลุมอยูเ่ หนือยอดเขาสามารถรวมตวั หนาแนน่ จนเกิดฝนตกลงสู่บริเวณภูเขาหรือ
พื้นท่ีใต้ลมของภเู ขา หากผลการทดลองลุล่วงเรยี บร้อยเมอื่ ใดก็คงได้นำไปใชก้ ันอย่างทัว่ ถึง
ประการสุดท้าย คือ การทำฝนในเมฆเย็นจัด (Super Cooled Cloud) โดยใช้สารที่ทำให้เกิดฝนในกลุ่ม
เมฆเย็นจัด (ที่อยู่สูงเกินกว่า 18,000 ฟุต) ให้สารนี้เป็นตัวเกิดหรือเร่งเรา้ กระตุ้นกลไกของการเกิดผลึกน้ำแขง็
ในก้อนหรือกลมุ่ เมฆน้นั การวจิ ัยน้อี ยู่ภายใตโ้ ครงการวจิ ยั ทรพั ยากรบรรยากาศประยุกตซ์ ง่ึ เป็นโครงการร่วมมือ
ของรฐั บาลไทยและอเมริกาตง้ั แต่ปี 2531 เปน็ ต้นมา
24
พระราชกรณยี กจิ
ดังได้กล่าวแล้วว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จัก
รีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นผู้มีพระราชดำริให้ทำฝนหลวงขึ้นในประเทศไทยเป็น
ครั้งแรก และทรงสนับสนุนงานด้านนี้มาตั้งแต่ต้น โดยทรงติดตามการปฏิบัติงานทดลองอย่างใ กล้ชิดมาทุก
ระยะ เมื่อทรงทราบว่า คณะปฏิบัติการฝนหลวงประสบปัญหาบางประการ ก็มีพระกรุณาพระราชทาน
ข้อคิดเห็นที่จะขจัดปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เช่น ทรงพระราชทานคำแนะนำให้ไปทดลองที่หัวหินเป็นประจำ
ทุกเดือน เพื่อหาข้อมูลในการทำฝนหลวงให้ได้ตลอดปี ทรงแนะนำฝึกฝนนักวิชาการให้สามารถวางแผน
ปฏิบัติการอย่างเหมาะสม กับสภาพภูมิอากาศของแต่ละท้องถิ่นบางทีพระองค์ก็ทรงทดลองและควบคุม
บัญชาการทำฝนหลวงด้วยตัวพระองค์เอง ก่อนจะทำฝนหลวงแต่ละครั้งจะทรงเตือนให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
สภาพอากาศล่วงหน้า เพื่อป้องกันมิให้ก่อความเสียหายแก่พืชผลและทรัพย์สินของราษฎร ทรงให้เร่ง
ปฏิบัติการเมอ่ื สภาพอากาศอำนวยเพื่อจะได้ปริมาณน้ำฝนมากย่งิ ขึน้ ทรงแนะนำใหร้ ะวงั สารฝนหลวงบางอย่าง
ซึ่งจะเกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ พระราชกรณียกิจเกี่ยวกับฝนหลวงของพระองค์ มีเป็นอันมาก จะขอยกตัวอย่างให้
ทราบดังน้ี
• วนั ท่ี 20 สงิ หาคม พ.ศ. 2512
ทรงพระกรุณาเสด็จฯ พร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทอดพระเนตรการทดลองทำฝนหลวง
ของคณะเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่สนามบินบ่อฝ้าย อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่ง
เป็นการปฏบิ ัติการครั้งท่ี 5 พร้อมกับได้รับพระราชทานพระบรมราโชวาทให้คณะปฏิบัติการฯ พยายามอดทน
ต่อความยากลำบาก เพราะเป็นงานที่มีความสำคัญยิ่งในการช่วยให้ประชาชนคลายความเดือดร้อนจากการ
ขาดแคลนน้ำ ทรงแนะนำให้ศึกษาข้อมูลและปัจจัยที่เกี่ยวข้องทางภาคพื้นดินให้มากยิ่งขึ้น เช่น แผนภูมิ
ความชื้นสัมพัทธ์ทางภาคพื้นดินในอาณาบริเวณนั้น การสร้างเปอร์เซ็นต์ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศตอนใกล้
พื้นดินให้สูงขึ้น พร้อมกับทรงสาธิตให้คณะเจ้าหน้าที่ดูวิธีการสร้างความชื้นสัมพัทธ์โดยโปรดเกล้าฯ ให้
รถดับเพลิงของพระราชวังไกลกังวลมาพน่ ละอองน้ำให้เป็นฝอยขึ้นในอากาศ แล้วเสดจ็ ฯ เข้าไปในละอองน้ำท่ี
ฉดี เพ่อื นำเคร่ืองมือเขา้ ไปวดั ความชน้ื โดยไม่หวัน่ ว่าพระวรกายจะเปียกเปื้อนแตป่ ระการใด ปรากฏว่าสามารถ
สร้างความชื้นสัมพัทธ์ได้ตามที่ทรงรับสั่ง นอกจากนั้นยังทรงแนะนำว่าควรเพิ่มหน่วยสังเกตการณ์ภาคพื้นดิน
เพอื่ จะไดศ้ ึกษาปรมิ าณน้ำฝนตามจดุ ต่างๆ และได้รับขอ้ มูลอน่ื ๆ ละเอียดยงิ่ ขึ้น
ในการเสด็จทอดพระเนตรครั้งนี้ ได้ทรงพระกรุณาพระราชทานพระบรมราโชวาท ซึ่งคณะปฏิบัติการ
ทดลองในครั้งนั้น น้อมเกล้าน้อมกระหม่อม จดจำไว้เปรียบเสมือนเป็นพระบรมราโชวาทและได้ปฏิบัติตาม
สบื เนอ่ื งมาจนถงึ ปัจจุบันนี้ พอสรุปได้ดงั น้ี
25
1. การวิจัยและคน้ ควา้ ทดลองเป็นส่ิงสำคญั ต้องดำเนินการตอ่ เนอ่ื งไปไม่มที ส่ี ้นิ สุด
2. อยา่ สนใจต่อขอ้ วิพากษว์ จิ ารณ์ทก่ี ่อใหเ้ กดิ ความท้อแทใ้ จใหม้ ุ่งมน่ั พัฒนาตอ่ ไป
3. ใหบ้ นั ทกึ รวบรวมไว้เปน็ ตำรา
• วนั ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2514
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จพระราชดำเนินไปที่สนามบินบ่อฝ้าย อำเภอหัว
หิน เพื่อทอดพระเนตรการทดลองทำฝนหลวง พร้อมกับพระราชทานปีกเครื่องหมายฝนหลวงแก่คณะ
เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและทรงประกอบพิธีเจิมเครื่องบินทำฝนหลวงลำใหม่ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสห กรณ์
ไดร้ ับงบประมาณให้จัดซื้อสำหรับใช้ทำฝนหลวงเป็นลำแรก เพื่อเปน็ กำลังใจแกเ่ จ้าหนา้ ท่ผี ู้ต้องปฏิบัติงานเส่ียง
อันตราย ในโอกาสนี้ได้โปรดเกล้าฯ ให้คณะเจ้าหน้าที่จากประเทศออสเตรเลีย 3 นาย ซึ่งตามเสด็จไปชมการ
ทดลองทำฝนหลวงในครั้งนี้ได้เข้าเฝ้าฯ และทรงมีพระราชปฏิสันถารแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำ
ฝนหลวงกบั ผู้เข้าเฝา้ ฯ อยา่ งใกลช้ ดิ โดยไมถ่ ือพระองค์ ทัง้ นท้ี ำให้ชาวตา่ งประเทศทั้ง 3 นาย ต่างรู้สึกซาบซ้ึงใน
พระมหากรุณาธิคุณ พร้อมกับชมวา่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดชทรงมีพระปรีชาชาญใน
เรื่องฝนหลวงอยา่ งย่ิง
26
• วันที่ 19 ตลุ าคม พ.ศ. 2515
ทรงควบคุมบัญชาการทดลองทำฝนหลวงสาธิตให้คณะผู้แทนรัฐบาลสิงคโปร์รวม 3 นาย ชมที่บริเวณอ่าง
เก็บน้ำแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ด้วยความมั่นพระทัยว่า จะสามารถทำให้ฝนตกในอ่างเก็บน้ำดังกล่าวได้
การที่ทรงเลือกอ่างเก็บน้ำดังกล่าวเป็นเป้าหมาย เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศใกล้เคียงกับ
ประเทศสิงคโปร์ เพอื่ คณะผู้แทนสิงคโปรอ์ าจนำวธิ ีการไปปฏบิ ัตไิ ด้ อ่างเกบ็ นำ้ แกง่ กระจานน้ี นับเปน็ เป้าหมาย
ปฏิบัติการที่เล็กที่สุด ยากที่จะทำให้ฝนตกตรงเป้าหมายอันมีเนื้อที่จำกัดได้ การทดลองครั้งนี้ได้ใช้เครื่องบิน
ของกองบนิ ตำรวจรว่ มกับเครื่องบินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และตั้งฐานปฏบิ ัติการท่ีสนามบินบ่อฝ้าย
อำเภอหัวหิน โดยพระองค์ทรงควบคุมบัญชาการด้วยวิทยุของพระองค์เองจากแก่งกระจาน ด้ วยพระปรีชา
สามารถทำใหฝ้ นตกอ่างเกบ็ น้ำพอดี ภายในเวลาเพยี ง 5 ชวั่ โมง เป็นที่ตนื่ เต้นและประทับใจของผู้แทนสิงคโปร์
เปน็ อยา่ งย่งิ
• วนั ท่ี 15-29 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2515
ทรงวางแผนปฏิบัตกิ ารและบัญชาการทำฝนหลวงด้วยพระองคเ์ องจากพระตำหนักจิตรลดาฯ โดยทางวิทยุ
ตำรวจเพือ่ เพม่ิ ปริมาณน้ำในอ่างเก็บนำ้ ของเข่ือนภูมิพล จงั หวัดตาก ให้มากขึน้ ในช่วงท้ายฤดฝู น ซ่ึงไม่มีตัวการ
หรือดีเปรสชั่นที่จะทำให้เกิดฝนตก แต่สภาพภูมิอากาศที่เขื่อนภูมิพลขณะนั้นยังมีความชื้นสัมพัทธ์พอจะ
อำนวยให้ปฏิบัติการทำฝนหลวงได้ ปรากฏว่าในช่วงเวลาท่ีทรงปฏิบตั ิการน้ันตามสถิตขิ องเขือ่ นภูมิพลปริมาณ
น้ำในอ่างกำลังเร่ิมลดระดับลงเร่ือยๆ เนื่องจากปรมิ าณฝนธรรมชาติเริ่มน้อยลงตามลำดับ การปฏิบัติการคร้ังนี้
ใชเ้ ครอื่ งบินของกระทรวงเกษตรและสหกรณต์ ้ังฐานปฏบิ ตั ิการทีส่ นามบนิ ของเขื่อน ทำให้ฝนตกลงสู่ผิวน้ำและ
ลุ่มรับน้ำของเข่ือนทุกวันคิดเป็นปริมาณนำ้ ที่เพิ่มขึ้นในอ่างถึง 620 ล้านลูกบาศก์เมตร และระดับน้ำสูงขึ้นจาก
เดิมถึง 150 เซนติเมตร แทนที่จะลดลงตามสถิติดังเช่นทุกปีมา ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นนี้เมื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า
แล้วจะเป็นมลู ค่าไม่น้อย
27
• วันท่ี 13 กรกฎาคม ถงึ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2517
ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานฝนหลวงพิเศษ โดยทรงปฏิบัติการร่วมกับคณะปฏิบตั กิ ารฝนหลวง
ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากเกิดภาวะฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วงระยะ
ยาวใน 16 จังหวดั ราษฎรขาดแคลนน้ำสำหรับตน้ กลา้ ข้าว สว่ นกล้าทีต่ กไว้กข็ าดนำ้ หลอ่ เล้ียงกำลงั จะแห้งตาย
เปน็ สว่ นใหญ่ ชาวนาไมส่ ามารถไถเตรียมเทือกเพื่อปักดำกล้าขา้ วทีไ่ ด้อายุครบปักดำนับเป็นพ้ืนที่แห้งแล้งกว้าง
ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยทำฝนหลวงมา จากรายงานของทั้ง 16 จังหวัดที่แห้งแล้งในภาคนี้ เป็นพื้นที่ถึง 17 ล้านไร่
การปฏิบัติการได้ใช้เคร่ืองบินบรรทกุ ขนาดใหญ่แบบ C123 ของกองทัพอากาศถึง 2 เครอ่ื ง กับเครื่องบินปอร์ต
เตอร์ของกรมตำรวจอีก 2 เครื่อง สมทบกับเครื่องบินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีก 8 เครื่อง ระดมกัน
ปฏิบัติการช่วยเหลือเป็นเวลา 45 วัน โดยตั้งฐานปฏิบัติการที่สนามบิน จังหวัดขอนแก่น ปฏิบัติการครั้งน้ี
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงอำนวยการและวางแผนปฏิบัติการประจำวันเป็นส่วน
ใหญ่ ปรากฏว่า ก่อนลงมือปฏิบัติการชาวนาสามารถปักดำได้เพียงรอ้ ยละ 5 ของเนื้อที่ปักดำทั้งหมดในภาคน้ี
และหลังจากปฏิบัติการแล้วได้รับรายงานจากทุกจังหวัดในเขตปฏิบัติการว่า ชาวนาสามารถตกกล้าข้าวได้
เพิ่มขึ้น ทั้งช่วยกล้าข้าวที่เพาะไว้แล้วให้รอดพ้นจากความเสียหาย จนสามารถปักดำเป็นเนื้อที่เพิ่มเฉล่ีย
ประมาณร้อยละ 55 และมีหลายจังหวดั ทสี่ ามารถปกั ดำไดเ้ กือบเต็มพ้นื ที่นาทงั้ หมด
28
ตวั อยา่ งการนำหลกั การฝนหลวงมาใชแ้ กป้ ญั หา
• รมว.เกษตรฯ เปดิ ปฏบิ ตั ิการฝนหลวงสภู้ ยั แลง้ ประจำปี 2565 พรอ้ มปลอ่ ยขบวนคาราวาน
เครอื่ งบนิ ฝนหลวง
ดร.เฉลมิ ชยั ศรีอ่อน รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเปน็ ประธานในพิธี
เปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้ง ประจำปี 2565 โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ
สนามบินนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ วันนี้ (3 มี.ค.)ว่า ในขณะนี้หลายพื้นที่ทั่วทุกภาคของประเทศเริ่มมี
สถานการณ์ภัยแล้งเกิดขึ้น น้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่าง ๆ มีปริมาณน้ำเก็บกักลดลงตามลำดับ และ
ในช่วงฤดูร้อนนี้ มีแนวโน้มของสถานการณ์การเกิดไฟป่า ปัญหาหมอกควัน และปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก
(PM 2.5) เกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน รวมไปถึงแนวโน้มการเกดิ พายุลูกเห็บ
ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้จัดทำแผนปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2565
ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 10 หน่วยปฏิบัติการทั่วประเทศ โดยได้น้อมนำศาสตร์ตำราฝนหลวง
พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ในหลวง
รัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติการป้องกันและช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้อง
ประชาชน และพื้นทกี่ ารเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว
สำหรับแผนปฏิบตั ิการฝนหลวง ประจำปี 2565 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร มีแผนปฏิบัตกิ ารฝน
หลวงช่วยเหลือพ้ืนที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง และสรา้ งความชมุ่ ชืน้ ให้กับป่าไม้ การเติมน้ำต้นทุนให้กับอ่าง
เก็บน้ำและเขื่อนต่าง ๆ ของประเทศ ป้องกันการเกิดไฟป่าและบรรเทาปัญหาหมอกควัน รวมทั้งสถานการณ์
ปญั หาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกนิ เกณฑม์ าตรฐาน ตง้ั แต่วันท่ี 3 มนี าคม 2565 เปน็ ตน้ ไป โดยต้ังหน่วย
ปฏิบัตกิ ารฝนหลวงประจำ 5 ภมู ภิ าค จำนวน 10 หนว่ ยปฏบิ ัตกิ าร ได้แก่
- ภาคเหนือตอนบน ตั้งหนว่ ยปฏิบัติการฝนหลวงที่ จ.เชยี งใหม่ และ จ.ตาก
- ภาคเหนือตอนลา่ ง ตง้ั หน่วยปฏิบตั ิการฝนหลวงท่ี จ.แพร่ และ จ.พษิ ณุโลก
- ภาคกลาง ตง้ั หนว่ ยปฏบิ ตั ิการฝนหลวงท่ี จ.นครสวรรค์ และ จ.กาญจนบรุ ี
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบน ต้งั หนว่ ยปฏิบตั กิ ารฝนหลวงท่ี จ.อุดรธานี
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ตอนล่าง ตง้ั หน่วยปฏิบตั ิการฝนหลวงที่ จ.บุรีรมั ย์
- ภาคตะวันออก ต้งั หนว่ ยปฏบิ ตั ิการฝนหลวงที่ จ.จันทบรุ ี
- ภาคใต้ ตง้ั หน่วยปฏบิ ัติการฝนหลวงท่ี อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
29
นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งฐานเติมสารฝนหลวง จำนวน 2 แห่ง ที่ จ.ขอนแก่น และ จ.ระยอง โดยใช้
เครอ่ื งบนิ กรมฝนหลวงและการบนิ เกษตร จำนวน 24 ลำ และได้รับการสนบั สนนุ เครอื่ งบินกองทพั อากาศ ชนดิ
ALPHA JET จำนวน 1 ลำ ทง้ั น้ี ต้งั แตว่ นั ที่ 15 กุมภาพนั ธ์ 2565 ทผี่ ่านมา กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้
มีการจดั ตัง้ ปฏิบัตกิ ารฝนหลวง จำนวน 4 หนว่ ยปฏบิ ตั กิ าร เพือ่ ติดตามสถานการณแ์ ละช่วงชิงสภาพอากาศใน
การปฏิบัติการฝนหลวงช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งและความต้องการน้ำในบางพื้นที่ รวมถึงสนับสนุน
เฮลิคอปเตอรบ์ ินสำรวจสถานการณ์ไฟปา่ หมอกควันในพื้นทีภ่ าคเหนืออีกด้วย
ด้าน นายสำเริง แสงภู่วงค์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายในงานมีการ
ประกอบพิธสี งฆ์ การตรวจแถวชุดปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 9 ชดุ ประกอบดว้ ย ชุดปฏบิ ตั กิ ารเคร่ืองบินของ
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 7 ชดุ ชุดปฏบิ ตั กิ ารเฮลิคอปเตอร์ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร
จำนวน 1 ชุด และชุดปฏิบัติการฝนหลวงของกองทัพอากาศ จำนวน 1 ชุด การแสดงบินหมู่ของเครื่องบินฝน
หลวงและเฮลิคอปเตอร์ และการปล่อยขบวนคาราวานเครื่องบินฝนหลวงออกไปปฏิบัตกิ ารฝนหลวง ซึ่งแสดง
ถงึ ความพร้อมของหนว่ ยปฏบิ ตั กิ ารฝนหลวงทุกหนว่ ยทีจ่ ะปฏิบตั ภิ ารกจิ ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มกำลังความสามารถ และจะ
ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งในด้านข้อมูลสภาพอากาศ ปริมาณน้ำ การวิเคราะห์ -
วิจัยข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำมาวางแผนการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและพื้นที่การเกษตรให้
เกดิ ประสทิ ธภิ าพอย่างสงู สดุ ” นายสำเรงิ กลา่ ว
• ฝนหลวงฯ ขน้ึ บนิ ดบั ไฟปา่ -เตมิ น้ำเขอ่ื นภมู ิพล
ฝนหลวงฯ ขึ้นบินช่วยเหลือพื้นที่เกษตร ดับไฟป่า พร้อมเร่งหนุนเติมน้ำในเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ด้าน
อธบิ ดี สงั่ เตรยี มความพร้อมติดตามสภาพอากาศ เพอ่ื วางแผนปฏิบตั กิ ารช่วงวนั หยดุ เทศกาลสงกรานต์
สัปดาห์ที่ผ่านมา กรมฝนหลวงและการบินเกษตรมีการปรับแผนการตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง
เมษายน 2565 โดยตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทั่วทุกภูมิภาค 11 หน่วยฯ เพื่อรองรับสภาพอากาศท่ี
เปลีย่ นแปลงและความต้องการใชน้ ้ำของพื้นท่กี ารเกษตรที่เรมิ่ มกี ารเพาะปลูก ซงึ่ ทางหนว่ ยปฏิบตั กิ ารฝนหลวง
ทกุ แห่งมีการตดิ ตามสภาพอากาศเปน็ ประจำทุกวันและวางแผนปฏิบัตกิ ารฝนหลวงชว่ ยเหลอื พื้นที่ดังกล่าว
นายสำเริง แสงภู่วงค์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่าในช่วงวันที่ 4-10 เมษายน
2565 หน่วยปฏบิ ัตกิ ารฝนหลวง จ.ตาก มีการขึน้ บินปฏบิ ตั กิ ารชว่ ยเหลือพนื้ ที่การเกษตร ดบั ไฟป่า และเติมน้ำ
ให้พื้นที่ลุ่มรับน้ำ ทำให้มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลางบริเวณพื้นที่เกษตร พื้นที่ป่าไม้ จ.เชียงใหม่ มีฝนตก
เล็กน้อยถึงปานกลางบริเวณพ้ืนที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนภูมพิ ล จ.ตาก และมีฝนตกเล็กนอ้ ยบรเิ วณพื้นที่ประสบปัญหา
หมอกควันและไฟปา่ จ.ตาก
30
ดา้ นหนว่ ยปฏิบตั กิ ารฝนหลวง จ.ลพบุรี ข้ึนบินปฏบิ ัตกิ ารช่วยเหลือพ้ืนท่ีการเกษตรและพื้นทปี่ ่าไม้ ทำ
ให้มีฝนตกเล็กน้อยบริเวณพื้นที่เกษตร จ.อุทัยธานี พื้นที่ป่าไม้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี
และหนว่ ยปฏิบัติการฝนหลวง จ.กาญจนบรุ ี ขึ้นบินปฏิบัติการชว่ ยเหลือพืน้ ที่การเกษตร ทำให้มีฝนตกเล็กน้อย
บรเิ วณพ้นื ทีก่ ารเกษตรบางสว่ นของ จ.กาญจนบรุ ี
ทั้งนี้ ในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงปฏิบัติงานและมีการ
ติดตามสภาพอากาศเป็นประจำทุกวัน เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและพื้นที่การเกษตรที่ต้องการน้ำอย่าง
ต่อเนอื่ ง
ด้านนางสาวเครือวัลย์ แสงโพธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนล่าง จ.พิษณุโลก
เปิดเผยเพิ่มเติมว่าสำหรับการติดตามสภาพอากาศในสัปดาห์นี้ ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2565 นี้จาก
ข้อมูลของกรมอุตนุ ิยมวิทยาในช่วงวันท่ี 11 – 14 เม.ย. 2565 มีความกดอากาศต่ำเน่ืองจากความร้อนปกคลุม
ประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกลา่ วมีอากาศร้อนโดยท่ัวไป
ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทย
ตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรงบางแห่ง สว่ นในชว่ งวนั ที่ 15 – 17 เม.ย. 65
บริเวณความกดอากาศสงู หรอื มวลอากาศเยน็ จากประเทศจนี จะแผ่ลงมาปกคลมุ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือของ
ประเทศไทย ในขณะทีป่ ระเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน
ทำใหบ้ ริเวณดังกลา่ วมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเกดิ ข้ึนได้บางพนื้ ทสี่ ำหรับข้อควรระวังเกี่ยวกับ
สภาพอากาศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ (วนั ท่ี 11– 17 เม.ย. 2565) ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวัง
อันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและ
ระวงั ความเสียหายที่จะเกดิ ตอ่ ผลผลิตทางการเกษตรไวด้ ว้ ย
โดยจากลักษณะดงั กล่าว กรมฝนหลวงและการบินเกษตรมีโอกาสวางแผนบินปฏิบัติการฝนหลวงเพอื่
เพ่มิ ปรมิ าณฝนในพน้ื ที่การเกษตร รวมท้ังการทำฝนในพ้ืนทล่ี ุ่มรับน้ำเพ่ือเพ่ิมปริมาณน้ำเก็บกักของเขื่อนต่างๆ
ต่อไป
31
บรรณานกุ รม
กองปฏบิ ัติการฝนหลวง.(2560).พระราชกรณียกิจ.สบื ค้นเมือ่ 12 สงิ หาคม 2565.สบื ค้น
จาก: http://rainmaking.royalrain.go.th/Story/Duties
อรวรรณ อนิ สา.(2515).โครงการฝนหลวง.สืบค้นเม่ือ 12 สงิ หาคม 2565.สืบคน้ จาก:
https://fonluang2015.wordpress.com/
นชุ นาฏ เนยี มฉมิ พลี.ประโยชน์และความสำคัญ.สบื ค้นเม่ือ 13 สงิ หาคม 2565.สบื ค้นจาก:
https://fonluang2015.wordpress.com/
มลู นิธชิ ยั พฒั นา.แนวคิดและทฤษฎี.(2560).สบื คน้ เมอ่ื 13 สงิ หาคม 2565.สืบค้นจาก:
https://www.chaipat.or.th/concept-and-theory-development/artificial-rain.html
ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน. 14 พฤศจิกายน วันพระบิดาแหง่ ฝนหลวง.(2560).สบื ค้นเมือ่ 14
สิงหาคม 2565.สบื คน้ จาก: http://huahin.royalrain.go.th/prabidaday.php
กรมฝนหลวงและการบนิ เกษตร.ความเป็นมาของโครงการพระราชดำริฝนหลวง.สืบคน้ เมือ่
14 สิงหาคม 2565.สืบค้นจาก:
https://www.royalrain.go.th/royalrain/Editor_Page.aspx?MenuId=15
คลังความรู้ SciMath.สารเคมฝี นหลวง.สืบค้นเม่ือ 20 สงิ หาคม 2565.สบื ค้นจาก:
https://www.scimath.org/article-chemistry/item/7581-2017-10-17-02-41-20
ฐานเศรษฐกจิ .ฝนหลวงฯ ข้นึ บินดบั ไฟป่า-เติมนำ้ เข่อื นภูมพิ ล.(2565).สืบคน้ เมื่อ 23
สงิ หาคม 2565.สบื ค้นจาก: https://www.thansettakij.com/economy/general-
economy/521347?fbclid=IwAR0FY1W_3xi04cbqjRZWMTHUNwf1KSaj7aasaR_0OwC8
T2PNm_hWu8zGmQU
ไทยรัฐออนไลน์.รมว.เกษตรฯ เปดิ ปฏบิ ตั กิ ารฝนหลวงสู้ภัยแลง้ .(2565).สืบค้นเมอื่ 23
สิงหาคม 2565.สืบค้นจาก:
https://www.thairath.co.th/news/local/2331525?fbclid=IwAR1y1VeGNv48vIbwctrgiB
16jvs29zIr68d-uSalKAOZFVlcExi1O70SN0U
กรมฝนหลวงและการบนิ เกษตร.ฝนหลวงฯ ทำฝนช่วยพน้ื ทป่ี ลูกขา้ วนาปีในพ้ืนที่ จ.ชัยภูมิ.
(2565).สืบค้นเมอื่ 23 สิงหาคม 2565.สืบคน้ จาก:
https://www.royalrain.go.th/royalrain/ShowDetail.aspx?DetailId=15475&fbclid=IwAR
23qR7AqL8SdNCbt4kE36b_q6Ohlrdm9r_cxfrpCnFEn0Uc0e1SVYLFfkY