The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชื่องานวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by วรรณิสา ร้อยกรอง, 2023-08-31 07:21:57

วิจัยการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

ชื่องานวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

ชื่องานวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบร่วมมือเทคนิค TGT (Teams - Games Tournament) เรื่อง ความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์รายวิชาอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น รหัสวิชา ว23201 ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสวรรค์อนันต์วิทยา ผู้วิจัย วรรณิสา ร้อยกรอง ตำแหน่ง ครูคศ.2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปีที่ทำการวิจัย 2566 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในสังคมโลกปัจจุบันและอนาคตที่มีวิวัฒนาการที่เจริญก้าวหน้า อยู่ตลอดเวลาเพราะวิทยาศาสตร์ทำให้คนได้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดที่เป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิด วิเคราะห์วิจารณ์ การสร้างความเข้มแข็งทางด้านวิทยาศาสตร์องค์ประกอบที่สำคัญประการหนึ่งคือ การจัดการ ศึกษาเพื่อเตรียมคนให้อยู่ในสังคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพ วิชาอิเล็กทรอนิกส์เป็นแขนงหนึ่งของวิทยาศาสตร์ ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และการ ต่อวงจรไฟฟ้า ในปัจจุบันปัญหาที่พบมาก คือ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ และขณะเรียนนักเรียนที่ เรียนเก่งมักรวมกลุ่มกัน และไม่ช่วยเหลือนักเรียนที่เรียนอ่อนกว่า ทำให้ระหว่างเรียนนักเรียนที่อ่อนจะตามไม่ ทันและ ไม่มีคะแนนเหมือนกับนักเรียนที่เก่ง ดังนั้น ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจึงควรใช้การจัด กิจกรรมการเรียน การสอนที่สามารถทำให้นักเรียนรู้สึกสนุก อยากเรียน และทำให้นักเรียนทั้งเก่งและไม่เก่ง สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันในระหว่างการเรียนได้โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT เป็นรูปแบบหนึ่งในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่แบ่งผู้เรียนเป็น กลุ่มๆ ละ 4 - 6 คน คละความสามารถด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน ภาระงานของ กลุ่มคือ หลังจากที่ครูนำเสนอบทเรียนทั้งชั้นแล้ว ให้แต่ละกลุ่มทำงานตามที่ครูกำหนด และเตรียมสมาชิกทุก คนให้พร้อมสำหรับการแข่งขัน ในการแข่งขันครูจะจัดให้นักเรียนที่มีผลการเรียนในระดับเดียวกันแข่งขันกัน คะแนนที่สมาชิกทำได้จะนำมารวมกันเป็นคะแนนของกลุ่ม กลุ่มที่ได้รางวัลคือ กลุ่มที่ทำคะแนนได้สูงสุด ทำให้ นักเรียนที่เรียนเก่งและเรียนอ่อนช่วยเหลือกันได้ และทำให้นักเรียนมีความรู้สึกสบายใจและ มีความสุขในการ เรียนมากขึ้น จากการทดสอบก่อนเรียน พบว่า นักเรียนมีผลคะแนนก่อนเรียน เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ อิเล็กทรอนิกส์ผู้วิจัยจึงเลือกใช้การจัดการเรียนการสอนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT มาช่วยแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและ หลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรายวิชาอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น รหัสวิชา ว23201 ปี การศึกษา 2566


วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ รายวิชาอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TGT ขอบเขตของการศึกษา การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) โดยศึกษาเพื่อเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT มีขอบเขตการวิจัย ดังนี้ 1. กลุ่มเป้าหมาย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสวรรค์อนันต์วิทยา อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย ภาค เรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 2. ตัวแปรที่ศึกษา 2.1 ตัวแปรต้น คือ วิธีการสอนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT 2.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TGT เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ 3. ระยะเวลาในการทดลอง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ระหว่างเดือนกรกฎาคม 2566 ถึงเดือนสิงหาคม 2566 สมมติฐานของการศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการศึกษา ใช้สำหรับเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนในเนื้อหาที่นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ ให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างสนุกสนาน และมีความรู้ที่คงทน กรอบแนวคิดในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ อิเล็กทรอนิกส์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 รวมเวลา 4 ชั่วโมง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TGT ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน


2. แบบทดสอบ เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์รายวิชารายวิชาอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น รหัสวิชา ว23201 แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ วิธีการสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ อิเล็กทรอนิกส์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 1.1 ศึกษาวิธี หลักการและเทคนิคการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ เอกสาร และงานวิจัยที่ เกี่ยวข้อง ซึ่งการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้นั้น ต้องมีการกำหนดจุดมุ่งหมาย เนื้อหา กิจกรรมการเรียน การสอน สื่อการสอน การวัดผลประเมินผล เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายอย่างมีประสิทธิภาพแล้วทดลองใช้เพื่อ ปรับปรุงแก้ไข จึงนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้จริง 1.2 ศึกษาการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT 1.3 ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และหลักสูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 1.4 ศึกษาคำอธิบายรายวิชา หน่วยการเรียนรู้ เนื้อหารายวิชาเพิ่มเติม รายวิชาอิเล็กทรอนิกส์ เบื้องต้น รหัสวิชา ว23201 เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 1.5 สร้างแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยเน้นการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ 2 แผน ดังนี้ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การเพิ่มสมบัติการนำไฟฟ้าของสารกึ่งตัวนำ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ความสัมพันธ์ของความต่างศักย์ กระแสไฟฟ้า และตัว ต้านทาน องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้โดยเน้นการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ TGT เรื่อง ความรู้ พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ 1. ปกหน้า 2. ปกใน 3. คำชี้แจง 4. แผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT ซึ่ง ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน คือ 1. ขั้นนำ 2. ขั้นสอน 3. ขั้นจัดทีม 4. ขั้นการแข่งขัน 5. ขั้นสรุป 5. แบบทดสอบก่อนเรียน


6. สื่อการเรียนรู้ 7. การวัดและการประเมินผล 8. แบบทดสอบหลังเรียน 2. การสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีขั้นตอน การสร้างและหาคุณภาพ ดังนี้ 2.1 วิเคราะห์จุดมุ่งหมายของการหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มาตรฐานการเรียนรู้ สาระกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ผลการเรียนรู้ เนื้อหา เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ จุดประสงค์การเรียนรู้ แล้วกำหนดรูปแบบของข้อสอบเป็น แบบปรนัย 4 ตัวเลือก 2.2 จัดทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชารายวิชาอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ โดยให้ครอบคลุมผลการเรียนรู้และจุดประสงค์การเรียนรู้ 2.3 จัดพิมพ์แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นข้อสอบ แบบปรนัย 30 ข้อ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ฉบับสมบูรณ์เพื่อใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลต่อไป การเก็บรวมรวมข้อมูล 1. ขั้นเตรียม - ผู้วิจัยสร้างแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT เรื่อง ความรู้ พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. ขั้นดำเนินการทดลอง - ผู้วิจัยให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนก่อนการทดลองสอนด้วยการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TGT เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้เวลาทำ 1 ชั่วโมง จากนั้นนำคะแนนมาหาค่าเฉลี่ยเลขคณิตและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน แล้วนำมาทดสอบค่าที (t-test) - ผู้วิจัยดำเนินการจัดการเรียนรู้โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT เรื่อง ความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 6 ชั่วโมง - ผู้วิจัยให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนหลังจากได้ทดลองสอนด้วยการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TGT เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้เวลาทำ 1 ชั่วโมง จากนั้นนำคะแนนมาหาค่าเฉลี่ยเลขคณิตและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน แล้วนำมาทดสอบค่าที (t-test)


แบบแผนการทดลอง ตารางที่ 1 แสดงแบบแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้การจัดการ เรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 การทดสอบก่อน จัดกระทำ การทดสอบหลัง T1 X T2 สัญลักษณ์ที่ใช้ในแบบแผนการวิจัย X แทน การสอนโดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TGT เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ T1 แทน การสอบก่อนได้รับการสอนโดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TGT เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ T2 แทน การสอบหลังได้รับการสอนโดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TGT เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ ตารางที่ 2 แสดงเวลาในการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้การจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือเทคนิค TGT ว/ด/ป ที่ทดลองใช้ รายละเอียดการใช้การจัดการเรียนรู้ เวลาที่ใช้ หมายเหตุ 14/07/66 - แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การเพิ่มสมบัติ การนำไฟฟ้าของสารกึ่งตัวนำ - คำถามหรือโจทย์ที่ใช้ในการแข่งขัน 2 ชั่วโมง 21/07/66 - แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ความสัมพันธ์ ของความต่างศักย์ กระแสไฟฟ้า และตัวต้านทาน - คำถามหรือโจทย์ที่ใช้ในการแข่งขัน 2 ชั่วโมง การวิเคราะห์ข้อมูล 1. หาค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเลขคณิตและหาค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ 2. หาค่าความยากง่าย และค่าอำนาจจำแนกของแบบทดสอบ 3. ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนที่ได้รับการเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือเทคนิค TGT เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการวิเคราะห์คะแนนเฉลี่ย t-test (Dependent Samples)


สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 1. ค่าเฉลี่ยพื้นฐาน ได้แก่ 1.1 ค่าเฉลี่ย (Mean) 1.2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) 2. สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐาน การวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ t-test (Dependent Sample) ผลการวิจัย การทำวิจัย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TGTเรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์รายวิชาอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น รหัสวิชา ว23201 ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสวรรค์อนันต์วิทยา ผลการวิจัยพบว่า คะแนนการทดสอบก่อนเรียนและ หลังเรียนของนักเรียน มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 17.48 คะแนน และ 23.30คะแนน ตามลำดับ และคิดเป็น คะแนนทีเฉลี่ยก่อนเรียนและหลังเรียน เท่ากับ 41.59 และ 58.41 ซึ่งเพิ่มขึ้น 16.82 โดยคิดเป็นร้อยละของ คะแนนทีเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นเท่ากับ 40.45 สรุปและอภิปรายผล การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGTสามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ ผู้เรียนให้สูงขึ้นได้ โดยมีคะแนนการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนที่เพิ่มขึ้น 16.82 คะแนน โดยคิดเป็นร้อย ละของคะแนนทีเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นเท่ากับ 40.45 ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนี้อาจเนื่องมาจากผู้วิจัยได้จัดกิจกรรมการ เรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT โดยแบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 - 6 คน คละความสามารถด้านผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน โดยแต่ละกลุ่มมีนักเรียนที่มีความสามารถสูง ปานกลาง และต่ำ สมาชิกทุกคนภายในกลุ่มมีความ ร่วมมือกัน ให้ความช่วยเหลือต่อกัน มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ซึ่ง กันและกัน ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของ วัชรา เล่าเรียนดี(2547: 1) ว่าการเรียนแบบร่วมมือ เป็นการจัดการ เรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญแบบหนึ่ง เพื่อให้นักเรียนได้ร่วมกันเรียนรู้และปฏิบัติกิจกรรมให้บรรลุผล สำเร็จตามจุดมุ่งหมาย มุ่งเน้นการร่วมกันปฏิบัติงานที่มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมุ่งส่งเสริมพัฒนา ทักษะทางสังคม และให้ทุกคนรับผิดชอบต่อผลงานของตนเองและของกลุ่ม ทุกคนต้องมีการแลกเปลี่ยนความ คิดเห็น ช่วยเหลือพึ่งพากันยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน รวมทั้งช่วยเหลือเพื่อนสมาชิกให้สามารถเรียนรู้ ได้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด การจัดกิจกรรมการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค TGT ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ภายในกลุ่มได้เป็นอย่างดี มีการแข่งขันเกมวิชาการ ทำให้การเรียนการสอนมีความสนุกสนานน่าเรียน ผู้เรียนจะไม่รู้สึกเบื่อหน่ายต่อการ เรียน ซึ่งการแข่งขันเป็นการแข่งขันการตอบคำถามและการแก้โจทย์เกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียน โดยนักเรียนที่มี ความสามารถทัดเทียมกันจะแข่งขันกัน การที่นักเรียนที่มีความสามารถทัดเทียมกันของแต่ละกลุ่มแข่งขันกัน


จะทำให้ผู้แข่งขันแต่ละคนมีโอกาสเท่าเทียมกันในการทำคะแนนจากการแข่งขัน ได้ช่วยเหลือกลุ่มให้ประสบ ผลสำเร็จเท่าเทียมกัน จากเหตุผลและข้อสนับสนุนดังกล่าวสรุปได้ว่า วิธีการสอนโดยการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค TGT เป็นเทคนิคที่น่าสนใจมาก เนื่องจากเป็นวิธีที่สามารถนำมาใช้ในกิจกรรมการเรียน การสอนได้ในหลายระดับ การศึกษา พร้อมทั้งมีเกมทางวิชาการให้ผู้เรียนได้ร่วมสนุก ทำให้เกิดความสนใจ กระตือรือร้นในการเรียนมาก ขึ้น ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน ข้อเสนอแนะ 1. ครูผู้สอนที่จะนำรูปแบบการสอนแบบร่วมมือเทคนิค TGT ไปทดลองใช้ควรศึกษาวิธีการสอนให้ เข้าใจทุกขั้นตอนจนเกิดความชำนาญ เพื่อจะได้นำไปประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างมี ประสิทธิภาพต่อไป 2. ในการจัดการเรียนรู้โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT ปัญหาที่พบบ่อย คือ ข้อจำกัดของ เรื่องเวลา ครูผู้สอนจึงควรวางแผนและจัดสรรเวลาให้เหมาะสมในแต่ละขั้นตอนของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อเสนอแนะเพื่อการวิจัยครั้งต่อไป 3. ควรมีการศึกษาถึงตัวแปรต่างๆ ที่มีผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนหลังเรียนด้วย หรือจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือเทคนิค TGT กับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบอื่นๆ แล้วนำไปเปรียบเทียบกันเพื่อหาว่าการจัด กิจกรรมจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT มีประสิทธิภาพที่สามารถทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ดีกว่าการจัด กิจกรรมการเรียนรู้แบบอื่นๆ เอกสารอ้างอิง ขนิษฐา กรกำแหง. (2551). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และคุณธรรมจริยธรรมทาง วิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่โรงเรียนโยธินบำรุงที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT กับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. จันทร์เพ็ญ เชื่อพานิช. (2542). ประมวลบทความการเรียนการสอนและการวิจัยระดับมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ชัยยา โพธิ์แดง. (2540). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษารายวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในโลก ปัจจุบันของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 ระหว่างกลุ่มที่สอนโดยการเรียนแบบร่วมมือกันเป็น กลุ่มกับการเรียนแบบปกติ. รายงานการวิจัยผลงานทางวิชาการ โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม นนทบุรี. ธนัดดา คงมีทรัพย์. (2555: บทคัดย่อ). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และ จิตวิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบนิเวศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการ จัดการเรียนรู้ รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TEAMS - GAMES - TOURNAMENT (TGT) กับแบบ ปกติ. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต. ทิศนา แขมมณี. (2552). ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. หน้า 10.


ภพ เลาหไพบูลย์. (2542). แนวการสอนวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช. ________. (2542). แนวการสอนวิทยาศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิชย์. วัชรา เล่าเรียนดี. (2545). เทคนิคการจัดการสอนและการนิเทศ. นครปฐม: โครงการส่งเสริมการผลิตตำรา และเอกสารการสอน คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์. ________. (2547). เทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้สำหรับครูมืออาชีพ. (หน้า 1). นครปฐม: โครงการส่งเสริมการผลิตตำราและเอกสารการสอน คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัย ศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์. วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2542). แผนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: คอมพิวเตอร์กราฟฟิค. ________. (2545). เทคนิคและกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตามหลักสูตรขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544. กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิค. สารสิน เล็กเจริญ. (2544: บทคัดย่อ). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการเขียนสะกดคำ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่1 ที่ได้รับการสอนโดยการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค TGT กับ การสอนแบบปกติ. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต. สุพัชยา ปาทา. (2554 : บทคัดย่อ). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้ เทคนิค TGT และการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต. สุลัดดา ลอยฟ้า. (2536). รูปแบบการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้. ขอนแก่น: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. อรพรรณ พรสีมา. (2540). การเรียนแบบร่วมมือร่วมใจ. (หน้า 1 – 4). กรุงเทพฯ: โครงการพัฒนา คุณภาพการเรียนการสอน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ.


Click to View FlipBook Version