The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นายเสฏฐวุฒิ จิตพิทักษ์ เลขที่ 4 ม.5/11

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sattawut.jitpitaks, 2022-03-08 12:07:25

นิราศพระประธม

นายเสฏฐวุฒิ จิตพิทักษ์ เลขที่ 4 ม.5/11

นิราศพระประธม

นำ เ ส น อ โ ด ย

เสฏฐวุฒิ จิตพิทักษ์
ม. 5/11 เลขที่ 4

ประวัติของนิราศ

นิราศพระประธม เป็นนิราศที่สุนทรภู่แต่งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2385
ขณะที่ลาจากสมณเพศ แล้วและอยู่ในอุปการะของพระบาท
สมเด็จพระปิ่ นเกล้าเจ้าอยู่หัวและกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ แต่ขึ้น
ขณะเดินทางไปนมัสการพระปฐมเจดีย์กับบุตรทั้งสอง คือนายพัด
และนายตาบ เป็นการเดินทางทางเรือ ผ่านสถานที่สำคัญ ๆ ของ
กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และนครปฐม โดยระหว่างเดินทางผ่าน
นนทบุรีสุนทรภู่ได้ผ่านสถานที่สำคัญๆ หลายแห่ง และได้บันทึกไว้

เรื่องย่อและเส้น
ทางการเดินทาง

นิราศพระประธมกล่าวถึงการเดินทางของสุนทรภู่และบุตรชายคือ
ตาบและนิลไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม เดินทางทางเรือ
ออกจากบริเวณพระราชวังเดิมผ่านสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ วัดระฆัง
คลองบางกอกน้อยผ่านตลาดแพ พระราชวังหลังสถานที่ที่สุนทรภู่เคย
รับราชการ บางหว้าน้อย วัดสุวรรณารามราชวรวิหารเป็นสถานที่ทำ
ศพของฉิมและนิ่มน้องสาวต่างบิดาของสุนทรภู่ วัดศรีสุดารามวรวิหาร
สถานที่ที่กวีเคยบวชอยู่ จังหวัดนนทบุรี เดินทางผ่านบางสนาม วัด
เกด วัดชลอ บางกรวย บางสีทอง บางอ้อช้าง วัดสักใหญ่ บางขนุน
บางขุนกอง บางนายไก บางระนก บางคูเวียง บางม่วง บางใหญ่
บางกระบือ บางสุนัขบ้า บางโสน บ้านใหม่ธงทอง คลองโยง บางเชือก
เข้าจังหวัดนครปฐม เดินทางผ่านลานตากฟ้า งิ้วราย สำประทวน
ปากน้ำสำประโทน บางแก้ว โพเตี้ย บางกระชับ วัดสิงห์ วัดท่าใน ต่อ
จากนั้นได้นั่งเกวียนต่อไปบ้านกล้วย บ้านธรรมศาลา บ้านเพนียด และ
พระปฐมเจดีย์

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

วิเคราะห์วรรณศิลป์
๑. การเล่นสัมผัสอักษร เช่น ถวิล-วัน,คลา-เคลื่อน,เลื่อน-ล่ำ
,พร้อย-พรม,หนาว-นึก,เชย- โฉม,เดือน-ดับ,พยับ-โพยม และ
ทุกข-โทมนัส
๒. การเล่นสัมผัสสระ เช่น วัน-จันทร์,วา-ห้า,นา-วา,เคลื่อน-
เลื่อน,สอง-กลอง,ย้อย-พร้อย,พรม-ลม,เคย-เชย,เหมือน-
เดือน,ดับ-พยับ และ ใน-ทัย
๓. การใช้อุปมาโวหาร เช่น มาสูญ”เหมือน”เดือนดับพยับ
โพยม

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

วิเคราะห์วรรณศิลป์
๑. การเล่นสัมผัสอักษร เช่น พึ่ง-พัก-พิศ,ไท่-เหมือน,ตรึก-
ตรอง,ฝัก-ฝ่าย,พอ-แพ,แล-ล้วน,สวน-สงัด,พยุ-พั ด,ดึก-
ดาวและ วาว-วาม
๒. การเล่นสัมผัสสระ เช่น ตำ-บำ,วาส-มาท,นึก-ตรึก,ตรอง-
สอง,ลง-ทรง,แพ-แล,ล้วน-สวน,ฮือ-ฮือ-พื อ,ดาว-วาว,วาม-
ตาม และ ให้-ใจ
๓. การใช้อุปมาโวหาร เช่น จะพึ่งพักพิศวาส”เหมือน”มาท
หมาย

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

วิเคราะห์วรรณศิลป์
๑. การเล่นสัมผัสอักษร เช่น สัก-รัก-ศักดิ์,เหิร-เห็น,คลา-
เคลื่อน,เลื่อน-ลอย,คอย-เคียง,คับ-คอง,ขนุน-ขุน,เขา-ขน-
ของ,ครั้ง-คราว และร้อง-เรียก
๒. การเล่นสัมผัสสระ เช่น วัด-สัก, สูง-ฝูง, เคลื่อน-เลื่อน,
ลอย-คอย, กอง-คลอง, ถนน-ขน, หลัง-ครั้ง, เฟือน-เหมือน
เป็นต้น
๓. การใช้อุปมาโวหาร เช่น ถึงวัดสัก“เหมือน”หนึ่งรักที่ศักดิ์สูง

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

วิเคราะห์วรรณศิลป์
๑. การเล่นสัมผัสอักษร เช่น สุด-สวน, ล้วน-เหล่า, พัน-พาด-
เพ่ง-พิศ, พาด-เพราะ, เกะ-กะ, ต้น-ต้อง, รก-เรื้อ-รัง, เสือ-
สาง เป็นต้น
๒. การเล่นสัมผัสสระ เช่น สวน-ล้วน, พิศ-คิด, สวาท-
พาด, ต้อง-ร้อง, เรื้อ-เสือ, ลูก-ถูก เป็นต้น
๓. การใช้อุปมาโวหาร เช่น เปรียบ“เหมือน”อย่างลูกสวาทศรี
ยาตรา
๔. การซ้ำคำว่า สวาท ซึ่งแปลว่า พืชชนิดหนึ่งหรือ ความรัก
ความพอใจในกามารมณ์

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

วิเคราะห์วรรณศิลป์
๑. การเล่นสัมผัสอักษร เช่น นี้-นก, กก-กิ่ง, ชื่น-ชู่, สู่-สม,
เชย-ช้อน-ชม, ทะ-ทุก เป็นต้น
๒. การเล่นสัมผัสสระ เช่น ให้-ไม้, ผล-มล, ยา-ชา, บัว-ตัว,
ชู่-สู่, สม-ชม, หวัง-มัง, เล-เว เป็นต้น
๓. การใช้อุปลักษณ์และการซ้ำคำว่า แม้น เพื่อเปรียบตัวเอง
เป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น แม้นเปนไม้ให้พี่นี้เปนนก
๔. ปรากฏรสวรรณคดีแบบ นารีปราโมทย์ ซึ่งเป็นการ
พรรณนาถึงนางเป็นที่รัก

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

วิเคราะห์วรรณศิลป์
๑. การเล่นสัมผัสอักษร เช่น ไม้-มิตร, คาญ-คิด, เขิน-ขวย,
หวย-หิว, ปลี-ปลิว, อ้น-อั้น, แล-เลย, เชย-ชม, ใหญ่-เยี่ยม,
ธา-ธาร เป็นต้น
๒. การเล่นสัมผัสสระ เช่น งาม-นาม, ขวย-หวย, ลี-ปลี,
รื่น-ชื่น, จน-อ้น, พา-ตา, เลย-เชย, ฟ้า-ธา เป็นต้น
๓. การซ้ำคำ เช่น ริ้วริ้ว, รื่นรื่น, ชื่นชื่น
๔. ปรากฏรสวรรณคดีแบบ ศัลลาปังคพิสัย ในบาทที่ ๓

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

วิเคราะห์วรรณศิลป์
๑. การเล่นสัมผัสอักษร เช่น เชย-ชื่น, โรย-ริน, ชวน-ชู,
เรียน-ลัก, เชย-ชัง เป็นต้น
๒. การเล่นสัมผัสสระ เช่น เชย-เคย, ชื่น-รื่น, โชย-โรย, ริน-
กลิ่น, ใจ-ไกล, ขาม-หนาม, ฉีก-อีก, ขวาง-ทาง, เตย-เชย,
ชัง-รัง เป็นต้น
๓. การใช้อุปมา เช่น โอ้ยามนี้มิได้เชยเหมือนเคยชื่น และ
เหมือนจะชวนชูใจเมื่อไกลเชย
๔. ปรากฏรสวรรณคดีแบบ นารีปราโมทย์ ซึ่งเป็นการ

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

วิเคราะห์วรรณศิลป์
๑. การเล่นสัมผัสอักษร เช่น คร่ำ-คร่า, หัก-หวง, ผล-ผูก,
โรย-ร้วง, งด-งาม, ยัก-ยอก, ดอก-เด็จ, รำ-ราม-รัก-ราย
เป็นต้น
๒. การเล่นสัมผัสสระ เช่น คร่า-น่า, ต้น-ผล, หมด-งด, รัก-
ยัก, ยอก-ดอก, ผล-คน, ลูก-ถูก, หัดถ์-กัด, ราย-ชาย
เป็นต้น
๓. การซ้ำคำ คำว่ารักและคน เช่นเห็นรักน้ำคร่ำคร่าไม่น่ารัก
และ เหมือนรักคนคนรักทำยักยอก

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

วิเคราะห์วรรณศิลป์
๑. การเล่นสัมผัสอักษร เช่น ซาบ-ซ่าน, น้อง-น้อย, สร้อย-
สัก, จอม-จน, พา-พิม เป็นต้น
๒. การเล่นสัมผัสสระ เช่น ทอง-คลอง, ซ่าน-หวาน, ทอง-
ของ, บอก-ดอก, นี้-พี่, จน-บ่น, น้อย-กลอย เป็นต้น
๓. การใช้อุปลักษณ์ เช่น เธอเป็นจอมเราเป็นจนต้องบ่นหา
๔. การซ้ำคำ โดยใช้คำว่าทอง เช่น บางศรีทอง,พี่ศรีทอง

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

วิเคราะห์วรรณศิลป์
๑. การเล่นสัมผัสอักษร เช่น ซ้อง-แซง-แซ่, เสียง-สำ, วัง-
หวีด, เสียง-สำ, ไตร-ตรัส, จ่าง-แจ้ง-แจ่ม, นวล-น้ำ เป็นต้น
๒. การเล่นสัมผัสสระ เช่น นก-หค, แซ่-แตร, หวาน-ขาน,
เสียง-เนียง, เสียง-เนียง, ทัย-ไตร, ฟ้า-ษา, พรรณ-รัญ,
หลาบ-อาบ เป็นต้น
๓. การใช้อุปมาโวหาร เช่น พอจวนรุ่งฝูงนกวิหคร้อง ประสาน
ซ้องเซงแซ่ดังแตรสัง และ กระเหว่าหวานขานเสียงสำเนียงดัง
เหมือนชาววังหวีดเสียงสำเนียงนวล

คุณค่าด้านสังคม

วิเคราะห์คุณค่าด้านสังคม

๑. ลมว่าว ในสมัยก่อนมีการเรียกลมที่พัดจากทิศเหนือไปทาง
ทิศใต้ในตอนต้นฤดูหนาว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรู้เกี่ยวกับ
ลมของคนไทยในสมัยก่อน
๒. ในสมัยนั้นยังมีการเรียกกรุงเทพมหานครว่า บางกอก ซึ่ง
สันนิษฐานว่าป็นชื่อที่เรียกมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

วิเคราะห์คุณค่าด้านสังคม

๑. แสดงให้เห็นการนับวันแบบข้างขึ้นและข้างแรม
๒. คนไทยลุ่มน้ำเจ้าพระยา กำหนดช่วงเวลาวันหนึ่งเป็น 8
ยามๆ ละ 3 ชั่วโมง แบ่งเป็นกลางคืนกับกลางวัน โดยนับ
ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งยามสองจะเป็นเวลา 21.00-
24.00 น.
๓. คนไทยในสมัยก่อนมักจะเดินทางไกลด้วยเรือ

วิเคราะห์คุณค่าด้านสังคม

๑. แสดงถึงการประกอบอาชีพประมงในบริเวณแถบริม
แม่น้ำเจ้าพระยา
๒. แสดงให้เห็นถึงการตั้งถิ่นฐานสองฝั่ งคลองของ
แม่น้ำเจ้าพระยา และความครึกครื้น
๓. แต่บริเวณปากช่องกลับไม่มีคนอยู่เลย

วิเคราะห์คุณค่าด้านสังคม

๑.กล่าวถึงตำนานพญากง พญาพาน โดยมีความเชื่อว่าพญา
พานสำนึกได้ว่าได้ฆ่าพระราชบิดา และโกรธที่ยายหอมปิดบังความ
จริง จึงได้สั่งให้ฆ่ายายหอม แต่ต่อมาได้สำนึกผิดที่ได้ ฆ่าพระราช
บิดาและยายหอมผู้มีพระคุณ จึงได้สร้างพระเจดีย์ขนาดใหญ่ สูง
ชั่วนกเขาเหินตามคำแนะนำของพระอรหันต์ คือ พระปฐมเจดีย์
เพื่อเป็นการล้างบาปที่ฆ่าพระราชบิดา และได้สร้างพระประโทณ
เจดีย์ เพื่อล้างบาปที่ฆ่ายายหอม

วิเคราะห์คุณค่าด้านสังคม

๑.แสดงให้เห็นว่าสมัยเมื่อก่อนพื้ นที่ที่ห่างไกลความเจริญ
จะมีความเชื่อเรื่องการนับถือผี

วิเคราะห์คุณค่าด้านสังคม

๑.กล่าวถึงการการทำเกษตรกรรมแถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น
กล้วย หรือน้ำเต้าลูกเท่ากระติก พริก และมะเขือ

วิเคราะห์คุณค่าด้านสังคม

๑. แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของธรรมชาติและสัตว์
ต่างๆ
๒. แสดงให้เห็นถึงความเงียบสงัดและความวังเวงของ
บรรยากาศการเดินทางในเวลากลางคืน
๓. แสดงความเชื่อเรื่องผี

วิเคราะห์คุณค่าด้านสังคม

๑. บรรยายถึงความงดงามแบะความเด่นขององค์พระปฐมเจดีย์
ว่าสูงสงาดอยู่บนโขดหิน ประกอบด้วยซุ้มมุขสูงไปถึงยอด

วิเคราะห์คุณค่าด้านสังคม

๑.แสดงให้เห็นว่ามีคนขึ้นไปเคารพองค์พระปฐมเจดีย์
จำนวนมาก ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
๒. แสดงให้เห็นถึงความเชื่อของพระพุ ทธศาสนา การอธิ
ฐานไปยังทางทิศใต้ หรือการเดินเวียนสามรอบ ถวายธูป
เทียน

วิเคราะห์คุณค่าด้านสังคม

๑. บรรยายให้เห็นภาพสภาพและวิถีชีวิตของเด็กในสมัยก่อนคือ
การวิ่งไล่นกหรือฝูงไก่อย่างสนุกสนาน

ขอบคุณที่รับชม


Click to View FlipBook Version