The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

2_นิทรรศการช่างศิลป์_edit2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Mingming ST Gerrard, 2023-01-04 09:46:50

2_นิทรรศการช่างศิลป์_edit2

2_นิทรรศการช่างศิลป์_edit2

นิทรรศการ

“ช่างศิ ลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย”

ช่ า ง ศิ ล ป์ท้ อ ง ถิ่ น
ป ร ะ จำ ปี ง บ ป ร ะ ม า ณ 2 5 6 5

สารบัญ

หลักการและเหตุผล..............................................................................................1




กรอบการวิจัย .......................................................................................................2




แนวคิด ทฤษฎี และสมมติฐานงานวิจัย ...........................................................3




ระเบียบวิธีวิจัยและวิธีการดำเนินการวิจัย........................................................4




นิทรรศการและเสวนาวิชาการ เรื่อง “ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย..........5

น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง”





สรุปผลการดำเนินงาน ...................................................................................44

ทุนอุดหนุนการทำกิจกรรม : หลักการและเหตุผล
ประจำปีงบประมาณ 2565
กรอบงบประมาณ ตลอดระยะเวลาการขับเคลื่อน และกำกับติดตามงานวิจัย
1,433,400 บาท ของสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่นไปทุกภูมิภาค สถาบัน ฯ
ได้ประจักษ์แจ้งว่า เกือบทุกพื้นที่ของประเทศไทย ปรากฏผล
จากพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพซึ่งสมเด็จพระนางเจ้า
สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงได้
ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะทรงทุ่มเทกำลังพระวรกาย
และกำลังพระสติปัญญา ผ่านมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ซึ่งจัดสร้างขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ราษฎร
ตลอดจนเพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยไว้เป็นมรดก
ของปวงชนชาวไทยสืบไป ในปัจจุบัน ยังมีช่างศิลป์มากมาย
ที่เคยได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้ไปรับการฝึกอบรมที่
โรงฝึกศิลปาชีพสวนจิตรลดาหรือที่ศูนย์ศิลปาชีพของ
จังหวัด และยังมีช่างหัตถกรรมประเภทต่างๆที่ได้รับ
พระราชทานกำลังใจเป็นพระราชดำรัสชม หรือเป็นสิ่ง
ของ นับได้ว่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงมีคุณูปการอเนกอนันต์
ต่องานช่างศิลปกรรมไทย

อีกทั้ง โดยที่สถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่นได้ดำเนินภารกิจมาสู่
ปีที่สอง มีผลผลิตจากงานวิจัยครอบคลุมพื้นที่ 23 จังหวัด
จึงควรที่จะนำผลผลิตเหล่านี้เผยแพร่สู่สาธารณชนให้
ได้ใช้ประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจให้เห็นคุณค่า
ของมรดกภูมิปัญญาของไทย

วัตถุประสงค์ (เป้าหมายการดำเนินการวิจัย) 1

1. เพื่อให้สถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่นได้แสดงออกในการน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จ ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเนื่องในมหามงคลวโรกาส
เฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565

2. เพื่อเปิดโอกาสให้นักวิชาการของสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่นได้นำผลผลิตจากงานวิจัยเผยแพร่
ต่อสาธารณชน ให้เกิดประโยชน์ต่อไป

3. เพื่อเปิดเวทีวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับคุณค่าของทุนทางวัฒนธรรมไทย การต่อยอด
ไปสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อการสร้างอาชีพจากทุนวัฒนธรรมนี้ได้อย่างยั่งยืน

โ ค ร ง ก า ร “ ช่ า ง ศิ ล ป์ นิ เ ว ศ วิ ถี ”
ดำ เ นิ น ง า น ใ น ปี 2 5 6 5

กรอบการวิจัย

โครงการ “ช่างศิลป์ นิเวศ วิถี” ดำเนินงานในปี 2565 ภายใต้ แผนงานช่างศิลป์ท้องถิ่น ในส่วนของแผน
งานย่อย”โครงการภายใต้แผนงานช่างศิลป์ท้องถิ่น”ซึ่งการดำเนินงานประกอบด้วยกิจกรรมหลัก ดังนี้

กิจกรรมหลักที่ 1 ตั้งคณะทำงานส่วนกลาง กิจกรรมหลักที่ 2 นักวิจัยนำวัสดุและผลผลิตจักสานต่าง ๆ
เพื่อออกแบบแผนการดำเนินงาน ประชุม ไปทดสอบในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมเพื่อเร่ง
พิจารณาความเชื่อมโยงของช่างศิลป์ท้องถิ่น หาข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ในการพัฒนาคุณภาพของวัสดุ
ในพื้นที่งานวิจัยของสถาบันฯ กับโครงการ จักสานเพื่อป้องกันเชื้อรา
ด้านศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กิจกรรมหลักที่ 3 นักวิจัยของสถาบันช่างศิลป์ประสาน
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปี กับชุมชนเพื่อผลิตชิ้นงานต้นแบบเพิ่มโดยรับคำแนะนำ
หลวง แล้วพิจารณาคัดเลือกผลผลิตชิ้นงาน ไปพัฒนาเพิ่ม แล้วส่งกลับมาเพื่อจัดแสดงในนิทรรศการ
ต้นแบบและข้อค้นพบเพื่อนำมาสื่อสาร ให้คณะทำงานออกแบบการนำชิ้นงานผลผลิตต้นแบบ
เผยแพร่สู่ประชาชนในรูปแบบต่างๆ และข้อค้นพบจากงานวิจัยจัดแสดงนิทรรศการเพื่อ
สื่อสารให้ต้องตาคนรุ่นใหม่ในรูปแบบต่างๆ ทั้งบทความ
คลิปวิดีโอ การสาธิต ฯลฯ

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย กิจกรรมหลักที่ 4 คณะทำงานประชุมเพื่อวิเคราะห์และกำหนดประเด็นการเสวนา
วิชาการ และแนวทางการสื่อสารประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อประโยชน์ของ
2 การนำงานวิจัยเผนแพร่ให้ประชาชนรับรู้และนำไปใช้ประโยชน์
กิจกรรมหลักที่ 5 คณะทำงานจัดนิทรรศการและงานเสวนาวิชาการ “ช่างศิลป์ นิเวศ วิถี”
ระหว่างวันที่ 15-20 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 ณ บริเวณชั้น 5 และห้องประชุม
หอศิลป์กรุงเทพมหานคร
กิจกรรมหลักที่ 6 คณะทำงานสรุปรวบรวมผล ประเมินผลการจัดนิทรรศการและ
งานเสวนาและจัดทำรายงานเสนอต่อสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กิจกรรมหลักที่ 7 คณะทำงานจัดให้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานของสถาบันช่าง
ศิลป์ทั้งในรูปแบบบทความข่าว ทางสื่อสิ่งพิมพ์และทางออนไลน์ ตลอดจนทางสื่อโทรทัศน์

โ ค ร ง ก า ร “ ช่ า ง ศิ ล ป์ นิ เ ว ศ วิ ถี ”
ดำ เ นิ น ง า น ใ น ปี 2 5 6 5

แนวคิด ทฤษฎี และสมมติฐานงานวิจัย

ตลอดระยะเวลาที่จัดตั้งมา สถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่นได้ดำเนินภารกิจ ร่วมกับมหาวิทยาลัย 17 แห่ง และ
วิทยาลัยชุมชน 12 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 23 จังหวัด สถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่นประจักษ์ชัดในข้อค้นพบว่า
ในพื้นที่หลายจังหวัด ยังปรากฏร่องรอยและผลพวงจากพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพในสมเด็จ
พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยเฉพาะด้านการทอผ้าไทย ด้าน
จักสานและงานโลหะศิลป์ ได้ทรงพระวิริยะอุตสาหะอนุรักษ์ ฟื้ นฟู สืบสานมรดกภูมิปัญญาพื้นบ้านและ
พัฒนางานหัตถกรรมหลายด้านด้วยกุศโลบายและวิธีการต่างๆ พระราชทานกำลังใจและแนวพระราชดำริ
จนภูมิปัญญาพื้นบ้านเหล่านี้ได้คิดประดิษฐ์ลวดลายและมีทักษะเชี่ยวชาญสร้างสรรค์งานงามวิจิตร
ประณีตขึ้นจนเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ สามารถสร้างรายได้แก่

ประชาชนระดับรากหญ้าทั่วประเทศ ทรงทอด ภารกิจของสถาบันช่างศิลป์จึงนับได้ว่าเป็นการเดินตาม
พระเนตรเห็นคุณค่าของศิลปหัตถกรรมไทย รอยพระบาทในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม
ดังพระราชดำรัส “ข้าพเจ้านั้นภูมิใจเสมอมาว่า ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง หากเป็นการ
คนไทยมีสายเลือดของ ช่างฝีมืออยู่ทุกคน ไม่ ดำเนินงานในบริบทของสังคมปัจจุบันซึ่งสภาพการ
ว่าจะเป็นชาวไร่ ขาวนา หรืออาชีพใด อยู่ ประกอบอาชีพช่างศิลป์ได้แตกต่างไปแล้ว สถาบันช่าง
สารทิศใด คนไทยมีความ ละเอียดอ่อนและ ศิลป์ท้องถิ่นเห็นควรน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ฉับไวต่อการรับศิลปะทุกชนิด ขอเพียงแต่ให้ เนื่องในมหามงคลวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 90
เขาได้มีโอกาสฝึกฝน เขาก็จะแสดง ความ พรรษา 12 สิงหาคม 2565 และนำเสนอผลการวิจัย โดย
สามารถออกมาให้เห็น” (วันที่ 11 สิงหาคม เฉพาะแนวทางการสืบสานส่งต่อมรดกภูมิปัญญาของ
2532 ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา) กว่า ชาติในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การรักษาให้ภูมิปัญญาดำรง
30 ปีที่ผ่านมา พระองค์ทรงจัดตั้ง อยู่ได้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องบูรณาการศาสตร์และ
“มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนาง วิทยาการด้านต่างๆ อาทิ ศาสตร์ด้านการออกแบบ
ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล
เจ้าพระบรมราชินีนาถ” และด้านวิทยาศาสตร์

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2519 3

เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ราษฎร ตลอด ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
จนเพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ไทยไว้เป็น
มรดกของปวงชนชาวไทยสืบไป ทรงขยาย
งานศิลปาชีพไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
ปัจจุบันมีศูนย์ศิลปาชีพ จำนวน 141 แห่ง

ระเบียบวิธีวิจัย
และวิธีการดำเนินการวิจัย

โครงการเสวนาและนิทรรศการวิชาการ

“ช่างศิลป์ นิเวศ วิถี”

ดำเนินงานโดยมีสถาบันวิทยาลัยชุมชนเป็นแกน
หลัก มีหน้าที่ในการดำเนินงานบริหาร กำกับ
ดูแล ติดตามและประเมินผล ร่วมกับสำนักงาน
ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย
และนวัตกรรม เพื่อนำผลงานวิจัยในช่วงที่ผ่าน
มามาสังเคราะห์ วิเคราะห์ สรุปผล และนำเสนอใน
รูปแบบงานนิทรรศการและเสวนาวิชาการ ให้ได้
ผลการดำเนินงานและตัวชี้วัดความสำเร็จตาม
เป้าหมายที่สำนักงานปลัดกระทรวงการ
อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กำหนด โดยสำนักงานปลัดกระทรวงการ
อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จะ
สนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานผ่าน
สถาบันวิทยาลัยชุมชน

เอกสาร/งานวิจัยอ้างอิง
ทางวิชาการเกี่ยวกับโครงการ

ข่าวนิทรรศการเพียรสาน งานศิลป์
ศิลปหัตถกรรมพื้นบาน: เอกลักษณ์เฉพาะถิ่น
(online) (วิบูลย ลี้สุวรรณ, 2553)
วันที่ 14 ตุลาคม 2565

หนังสือศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน
(วิบูลย ลี้สุวรรณ, 2539)

หนังสือเครื่องจักสานในประเทศไทย
(วิบูลย ลี้สุวรรณ, 2539)

4 หนังสือเครื่องจักสานไทย
(วิบูลย ลี้สุวรรณ, 2540)

โครงการออกแบบและพัฒนาต้นแบบ

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย ผลิตภัณฑ์ ร่วมสมัยจากวัสดุจักสาน สืบสาน

จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งเสริมอัตลักษณ์เพื่อ
การพาณิชย์ (มหาวิทยาลัยศิลปากร)

โครงการการสำรวจผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์

จากกระจูด ของชุมชนหัตถกรรมจักสานในพื้นที่

จังหวัดนราธิวาส

นิ ท ร ร ศ ก า ร

“ช่างศิ ลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย”

ช่ า ง ศิ ล ป์ท้ อ ง ถิ่ น
ป ร ะ จำ ปี ง บ ป ร ะ ม า ณ 2 5 6 5

น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง”

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย 6

นิทรรศการ

น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

15-20 พฤศจิกายน 2565

ตลอดระยะเวลาการขับเคลื่ อนงานวิจัยของสถาบัน
ช่างศิลป์ท้องถิ่นไปทุกภูมิภาค ด้วยพลังของ 17
มหาวิทยาลัยและ 12 วิทยาลัยชุมชน ครอบคลุม
พื้นที่ 23 จังหวัด สถาบันฯได้ประจักษ์ว่าช่างศิลป์
ระดับฝีมือของแทบทุกจังหวัดโดยเฉพาะในพื้นที่
ชายแดนที่ยากลำบากทุรกันดารประชาชนยากจน
ล้วนเป็นผลผลิตอันสืบเนื่องจากพระราชกรณียกิจ
ด้านส่งเสริมศิลปาชีพซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงได้
ทรงวิริยะอุตสาหะทุ่มเทกําลังพระวรกายและกําลัง
พระสติปัญญาเพื่อดูแลให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขและมี
คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นักวิจัยได้พบว่า 7
ช่างศิลป์จำนวนหนึ่งเคยได้รับ
พระมหากรุณาธิคุณให้ไปฝึกอบรมที่โรงฝึก ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
ศิลปาชีพสวนจิตรลดา พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์
พระตำหนักภูพาน หรือที่ศูนย์ศิลปาชีพของจังหวัด ซึ่ง
ครูช่างศิลป์เหล่านี้ต่างยังสำนึกในน้ำพระราชหฤทัย
และล้วนกล่าวว่านอกจากสิ่งของพระราชทานแล้ว
ต่างจะไม่มีวันลืมการได้รับพระราชทานพระราชดํารัส
ที่ทรงชื่นชมเป็นกําลังใจ อีกทั้งพระเมตตาที่ทำให้มีวิชา
ติดตัวไว้ส่งลูกหลานเรียน และสร้างบ้านเรือนให้มั่นคง
ได้ดังปัจจุบัน

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ

ในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

กว่า 50 ปีที่ผ่านมานับแต่ที่พระองค์ทรงมีแนวพระราชดำริ
ให้ประชาชนใช้ฝีมือช่างสร้างอาชีพเสริมกอปรกับสาย
พระเนตรยาวไกลทั้งด้านการอนุรักษ์ฟื้ นฟู พัฒนา ส่งเสริม
และสืบสานภูมิปัญญาพื้นบ้านด้วยกุศโลบายและวิธีการ
ต่างๆ โดยทุกคราวที่เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรม
พระองค์จะเสด็จฯเยี่ยมราษฎรและทรงงานอย่างต่อ
เนื่องจากเช้าจนถึงดึก นับเป็นคุณูปการอเนกอนันต์ต่องาน
ช่างศิลป์ท้องถิ่นเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ราษฎร
ตลอดจนเพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยไว้เป็นมรดก
ของปวงชนชาวไทยในชั้นหลัง จวบจนก่อตั้งมูลนิธิส่งเสริม
ศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ”ขึ้น
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 งานศิลปาชีพจึงได้
ขยายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ทำให้ปัจจุบันมีศูนย์
ศิลปาชีพถึง 181 แห่ง

สิ่งสำคัญอันประมาณค่ามิได้คือการที่
พระองค์ทรงเชิญชวนให้คนไทยเห็น
คุณค่าของงานที่สร้างสรรค์ด้วย
ภูมิปัญญาไทยด้วยฝีมือพื้นบ้าน ทั้งยัง
ทรงทำหน้าที่เชื่อมความสัมพันธ์ยก
สถานะช่างฝีมือท้องถิ่นให้เป็นที่ยอมรับ
โดยทั่วไป ดังพระราชดํารัสที่ว่า

ข้าพเจ้านั้นภูมิใจเสมอมาว่า
คนไทยมีสายเลือดของช่างฝีมือ
อยู่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวไร่ขาว
นา หรืออาชีพใด อยู่สารทิศใด
คนไทยมีความละเอียดอ่อนและ
ฉับไวต่อการรับศิลปะทุกชนิด
8 ขอเพียงแต่ให้เขาได้มีโอกาส
ฝึกฝน เขาก็จะแสดงความ
สามารถออกมาให้เห็น

วันที่ 11 สิงหาคม 2532
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา

นอกจากนั้นยังทรงพัฒนาภูมิปัญญา
พื้นบ้านเหล่านี้ให้สามารถสร้างราย ได้แก่
ประชาชนระดับรากหญ้าทั่วประเทศอย่าง
ยั่งยืน จนกลายเป็นงานฝีมืองามวิจิตร
ประณีตเป็นที่รู้จักและยอมรับอย่าง
กว้างขวางทั้งในระดับประเทศและระดับสากล

ภารกิจของสถาบันช่างศิลป์จึงนับได้ว่าเป็นการ
เดินตามรอยพระบาทในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
โดยแท้ หากปราศจากรากฐานที่พระองค์ทรงพระ
วิริยะอุตสาหะวางไว้ ภูมิปัญญาไทยหลายด้านคง
อยู่ในสภาพเสี่ยงต่อการสูญหาย และลำบาก
ยากยิ่งในการที่จะฟื้ นฟู

เพื่อเป็นการน้อมรําลึก
ในพระมหากรุณาธิคุณ

เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนพรรษา ๙๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕ กอปรกับ
สถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่นได้ดําเนินภารกิจเข้าสู่ปีที่สอง นอกจากสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่นขอ
น้อมเกล้าฯ ถวายพระพรให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ทรงพระ
เกษมสำราญ สถิตเป็นพระมิ่งขวัญของปวงประชาสืบไปแล้ว

สถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่นยังได้คัดเลือกผลผลิตจากโครงการวิจัยด้านการงานผ้าทอ ด้าน
จักสานและงานแกะสลักไม้มาจัดแสดงในนิทรรศการ เพื่อเทิดพระเกียรติ พร้อมทั้งเชิดชู
คุณค่าของมรดกภูมิปัญญาของไทย รวมทั้งจัดเสวนาเกี่ยวกับแนวทางการบูรณาการ
ศาสตร์และวิทยาการด้านต่างๆ อาทิ ศาสตร์ด้านการออกแบบ ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และ
ด้านวิทยาศาสตร์

เพื่อสืบสานส่งต่อมรดกภูมิปัญญาของชาติอัน 9
ทรงคุณค่าให้ดำรงอยู่ได้อย่างสง่างามในยุคสมัย
ปัจจุบันและยั่งยืนไปถึงอนาคต อีกทั้งเปิดโอกาส ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
ให้นักวิชาการของสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่นได้นํา
ผลผลิตจากงานวิจัยเผยมาแพร่ให้เกิดประโยชน์
ต่อสาธารณชนต่อไปด้วย

สถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่น
น้อมรําลึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัยขาดทุนของข้าพเจ้า
คือกำไรของชาติ

โครงการศิลปาชีพในจังหวัดต่างๆ
เกิดจากการเสด็จพระราชดำเนิน
เยี่ยมเยือนราษฎรในพื้ นที่ของสมเด็จ
พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
แล้วทรงมีพระราชประสงค์ให้ชาวบ้าน
มีอาชีพเสริมเพื่ อสร้างรายได้ให้ครอบครัว
อยู่ดีมีสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี บุตรหลาน
ได้รับโอกาสทางการศึกษา
ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้ชาวบ้านทอผ้า
จักสาน ตลอดทั้งทำงานหัตถกรรมอื่ นๆ
10 ส่งถวาย โดยพระองค์จะทรงรับซื้อ
ผ่านมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จ
พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ที่ทรงจัดตั้งขึ้น
นับแล้วเป็นเวลากว่า 50 ปีที่สมเด็จ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงงาน
ทำให้เกิดการอนุรักษ์ฟื้ นฟู ส่งเสริมและ
สืบสานมรดกภูมิปัญญางานหัตถกรรม
ในแต่ละพื้ นถิ่นอย่างกว้างขวาง
สมดังพระราชดำริที่ว่า
“ขาดทุนของข้าพเจ้า คือกำไรของชาติ”

MR. FASHION Monthly Magazine

โซนผ้า

สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงสน
พระราชหฤทัยและโปรดผ้าทอพื้นเมืองมาก
โดยทรงเป็นผู้นำในการใช้ผ้าไทยด้วย
พระองค์เอง ทั้งยังทรงอนุรักษ์ ฟื้ นฟู และ
ส่งเสริมการใช้ผ้าไทยอย่างต่อเนื่อง นับได้
ว่าพระองค์ทั้งทรงวางรากฐานสำคัญในการ
พัฒนาและต่อยอดผ้าไทยให้ก้าวสู่ระดับ
สากลด้วยวิธีต่างๆ นอกจากการที่พระองค์
ตรัสชมว่าสวยและพระราชทานกำลังใจให้
“ทอผ้าให้สวยยิ่งขึ้นๆ” แล้ว ยังทรง “ชี้แนะ
มิใช่กำหนด” ให้พัฒนางานต่อยอด
ภูมิปัญญาเดิม เช่น ให้ขยายฟืมทอผ้าหน้า
กว้างขึ้น เพื่อให้ผ้าทอไทยมีขนาดที่เป็น
มาตรฐาน ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ให้ความรู้
เรื่องเทคนิคการทอผ้าให้ละเอียดประณีตยิ่ง
ขึ้น รวมทั้งการย้อมสี ลองทำการทดลอง
สร้างลวดลายที่แตกต่างไปจากที่มีอยู่เดิม

โซนผ้าจวนตานี 11

สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปี ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
หลวงทรงเล็งเห็นว่าการทอผ้าในพื้นที่ชายแดนใต้จะสูญหายไป
แล้ว ในช่วงที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินในระยะแรก จึงใช้เวลา
คัดเลือกสตรีเข้าเรียนทอผ้า ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์
และที่สวนจิตรลดา เพื่อกลับมาเป็นครูสอนทอผ้าภายในหมู่บ้าน
พร้อมทั้งพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อสร้างโรงทอผ้า
พระราชทานกี่ เส้นฝ้ายและอุปกรณ์ รวมถึงส่งครูไปอบรมด้าน
การย้อม โดยมีหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดเข้าไปสนับสนุน บาง
แห่งมีราษฎรสมทบแรงงาน มหาวิทยาลัยเข้าไปทำวิจัย ดังที่นาง
อนงค์ แดงนำ ประธานกลุ่มศิลปาชีพฯทอผ้าวัดพระพุทธ จังหวัด
นราธิวาส เล่าว่า

“นไดึแ้ก.ล.ใ.้สนวมใทจ่าาวช่นิากเกร็ทชุากจวคะนทนใำหทไ้ดทำ้นไอหาผมเ้ปา.็.ฝน.ใ้นอายทาี่ชแสีุพดลหกะ็สลพ่ังกยเหสา้ยลนัางดม้ทาแำยลนดะิาขบกย็มนันัาดกใ็กหทั้น.ำ..วจ่านจสะทำเอร็วจัน
ไหนทุกครั้งพอสมเด็จพระราชินีเสด็จฯสมาชิกก็สมัครเข้ามาเพิ่มทุกปี
ท่านก็รับไว้ทำให้ชาวบ้านมีงานมีรายได้ เริ่มจากทอไม่เป็นเลยจนตอนนี้
ทอตลอดเลยทำแล้วมีความสุขและที่ดีใจคือมีคนที่หมู่บ้านได้ถุง
พระราชทาน เปิดมาพบผ้าขาวม้าที่กลุ่มเราทอ ดีใจว่าต้องทอได้ดีท่าน
จแดึ้งลวเยะลยื.ั.อง.ดกไีดใไจ้ปเรอ่พอารยเบะี.้ร.ย..า.จชถา้ทากไามกน่าไคดร้นทสจมอันผค้ทารี่ใเศหดิ้ืลลอูปกดาเรชร้ีีอยพนนกดจ็ไีนมใจ่จรูว้บ่จาะทเเรุปกา็นไคดด้นชี่ร.ว.้.า”ยยเอหยล่ืาองคไรนอื่น

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัยพระบารมีจากพระราชเสาวนีย์ของ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม
ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2542
ที่ว่า

ผ้าไหมลีมา

สวยงามมากสมควร
ที่จะค้นคว้าทดลองต่อไป

12

ส่งผลให้การทอผ้าไหมลีมาหรือจวนตานี
ผ้าทอดั้งเดิมของจังหวัดปัตตานีและภาค
ใต้ตอนล่างซึ่งกำลังสูญหาย ได้กลับฟื้ น
คืนชีพอีกครั้ง ปัจจุบันจังหวัดปัตตานีได้
ประกาศให้ผ้าจวนตานีเป็นผ้าประจำ
จังหวัด ทำให้กลุ่มทอผ้าบ้านตรังและกลุ่ม
บ้านทรายขาวซึ่งทรงก่อตั้งได้พัฒนางาน
มาอย่างต่อเนื่ องจนมีชื่ อเสียงและมีรายได้
เลี้ยงตัวอย่างดีมาถึงทุกวันนี้

MR. FASHION Monthly Magazine

โซนผ้าขนแกะ 13
แม่ฮ่องสอน

วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2514
เมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม
ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
เสด็จเยี่ยมเยือนประชาชน ได้ทอดพระเนตร
เห็นผ้าที่ทอจากขนแกะที่บ้านห้วยห้อม
อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
จึงทรงให้จัดตั้ง

กลุ่มสตรีผ้าทอขนแกะบ้านห้วยห้อม

ทั้งทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้หน่วยงานท้องถิ่น
ช่วยปรับปรุงคุณภาพของสายพันธุ์แกะ
โดยนำพันธุ์จากออสเตรเลียมาทำการผสมพันธุ์
แกะพื้นเมือง เพื่อให้ได้ขนแกะที่มีคุณภาพมาใช้
ในการทอผสมกับใยฝ้าย ปัจจุบันผ้าทอขนแกะ
ได้เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน
โดยที่กลุ่มศิลปาชีพที่แม่ลาน้อยก็ยังคงเลี้ยงแกะ
ปแลระะเเทป็ศนไแทหยล่ง(วทาองผโ้ซานขจนักแสกาะนห)นึ่งเดียวใน

จังหวัดนราธิวาสมีป่าพรุซึ่งเป็นพื้นที่ดินและน้ำเปรี้ยวไม่เหมาะแก่การเพาะปลูก
ถึง 4 แสนไร่ ประชาชนส่วนใหญ่มีฐานะยากจน

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ใส่พระราชหฤทัยที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว ระหว่างปี2516 - 2550 จึงได้เสด็จนราธิวาสเสมอ
การเสด็จปฏิบัติราชภารกิจแทบทั่วทุกตำบลในครั้งนั้น ทรงเห็นว่าสตรีในหมู่บ้านมีเวลาว่าง
ควรฝึกให้มีอาชีพด้านต่างๆ จึงทรงส่งเสริมให้สตรีฝึกงานจักสานด้วยวัสดุในท้องถิ่น
เช่น กระจูด ใบลาน ปาหนันและลิเภา ให้สามารถเป็นอาชีพเสริมได้ ในชั้นต้นมูลนิธิส่งเสริมศิลปา
ชีพฯ ได้คัดเลือกครูศิลปาชีพไว้ 9 คนสำหรับดูแลช่างสานกระจูด 9 กลุ่ม ปัจจุบันได้ขยายเพิ่มขึ้น
เป็น 20 กลุ่มวิสาหกิจ ทำให้การสานกระจูดกลายเป็นหนึ่งในอาชีพที่โดดเด่น สามารถสร้างรายได้
อย่างดียิ่งแก่สตรีชาวจังหวัดนราธิวาส

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย

กระจูด ใบลาน ปาหนัน ลิเภา

MR. FASHION Monthly Magazine

วางโซนกรงนก

นายเซ็ง อาแว ชื่นชอบงานแกะสลักไม้มา
ตั้งแต่เด็ก แต่มีทักษะเพียงพื้นฐาน
เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม
ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
เสด็จเยี่ยมราษฎรที่อำเภอรือเสาะ จังหวัด
นราธิวาส ใน พ.ศ. 2522 ได้พบกับ นายเซ็ง
อาแว อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นผู้แกะสลักไม้เป็นตัว
หนุมานถวาย เมื่อสองพระองค์ทอดพระเนตร
ผลงาน ก็รับสั่งถามว่า “ผลงานชิ้นนี้ของใคร”

นายเซ็ง อาแว จึงยกมือขึ้นแสดงตน จึงทรง นายเซ็ง อาแว
โปรดเกล้าฯ ให้ นายเซ็ง อาแว เรียนงานช่าง
แกะสลักไม้กับช่างหลวงเพิ่มเติม
ณ พระตําหนักทักษิณราชนิเวศน์
ในช่วงเดือนกันยายนของทุกปี ตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2525 - 2540 จนมีความเชี่ยวชาญ
สามารถสร้างผลงานได้โดดเด่น จนมีรายได้
ทั้งจากงานที่รับทำเองและงานที่ศูนย์ศิลปาชีพ
ส่งให้ทำ

ในพุทธสักราช 2561 นายเซ็ง อาแว ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นครูช่างศิลปหัตถกรรม
ประเภทเครื่องไม้ (แกะสลักไม้) ประจำปีจากสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน)
ปัจจุบันนาย เซ็ง อาแว ได้ต่อยอดผลงานไปสู่งานเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งต่าง ๆ เช่น โคมไฟแขวน
ประยุกต์ที่ประยุกต์รูปทรงมาจากกรงนกกรงหัวจุก โต๊ะ และเก้าอี้ เป็นต้น

14

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย

Exhibition

in Honour of Her Majesty Queen Sirikit, November 15 - 20th, 2022
The Queen Mother,

While driving the research network to all regions
across Thailand, with 17 universities and 12
community colleges in 23 provinces, the
Institute of Thai Artisans has come to learn that
the skilled artisans especially in rural, desolate
areas, were the results of Her Majesty Queen
Sirikit The Queen Mother life-long effort in
promoting Thai arts and crafts. A patroness of
Thai crafts, The Queen Mother has devoted her
strength and wisdom to improve all rural Thais’
daily life to ensure a better, sustainable quality
of life.

Researchers have found that a number of 15
artisans had received training under the royal
patronage of The Queen Mother at several ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
training centers established under The Queen
Mother’s initiative. These include the
Chitralada Arts and Crafts Center, Thaksin
Ratchaniwet Palace, Phu Phan Palace, and the
provincial Arts and Crafts Centers. According
to these artisans, not only were their given
financial and moral encouragement, but also
the opportunity to learn traditional artistic
skills that they can use to support their family
and pass onto their descendants.

มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ

ในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

One of the most admirable IT HAS BEEN FOR MORE THAN 50 YEARS SINCE
aspects is The Queen Mother’s THE QUEEN MOTHER INITIATED THE IDEA OF
commitment to promote public GENERATING KNOWLEDGE IN ARTS AND
interest in the value of the works CRAFTS TO THAI VILLAGERS SO THAT THEY
created with Thai wisdom and HAVE AN EXTRA SOURCE OF INCOME TO
local craftsmanship, which has SUPPORT THEIR FAMILIES AND REJUVENATED
allowed local artisans to THAI TRADITIONAL CRAFTS. HER VISION WAS
become more acknowledged.

I always take pride that artistry ONE OF A KIND. SHE RECOGNIZED THAT
runs deep in every Thai’s blood. THERE WAS A NEED TO PRESERVE

Whatever occupation, farmers TRADITIONAL THAI ARTISTIC TECHNIQUES

or otherwise, and wherever AND LOCAL HANDICRAFTS. WHILE

they live, each and every of our TRAVELLING THROUGH THE COUNTRY, SHE
countrymen process artistry,
REGULARLY VISITED AND COMMISSIONED
finesse and sensitivity. If only
VILLAGE WOMEN TO PRODUCE TRADITIONAL
he is given an opportunity to
16 learn and train, his ability will TEXTILES, INSPIRING A REVIVAL IN THE
become evident. INTEREST OF TRADITIONAL THAI ARTS AND
CRAFTS. IN AN EFFORT TO PRESERVE THE
Royal Address, 11 August 1989,
at Sala Dusidalai, Chitralada CULTURAL IDENTITY WHILE PROMOTING

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย Residence OPPORTUNITY, “THE FOUNDATION FOR THE

Furthermore, The Queen Mother PROMOTION OF SUPPLEMENTARY
has improved and developed OCCUPATIONS AND RELATED TECHNIQUES
these local wisdoms to the point OF HER MAJESTY QUEEN SIRIKIT OF
where rural Thais across the THAILAND” WAS FOUND ON JULY, 21 1976.
country are able to generate TODAY, THERE ARE 141 ARTS AND CRAFTS
sustainable income through them. CENTERS UNDER THE ROYAL PATRONAGE OF
Today, many of the creations by HER MAJESTY THE QUEEN SIRIKIT, THE QUEEN
locals artisans are fine crafts of MOTHER IN ALL REGIONS OF THAILAND.
the highest quality and are widely
used both domestically and
globally.

It can be said that the work of the
Institute of Thai Artisans, stepping
into our 2nd year, is following in the
footsteps of Her Majesty Queen
Sirikit The Queen Mother. Without the
foundation laid by her, the local
wisdoms we are now trying hard to
preserve would have been obsolete
and impossible to restore.

In tribute to Her Majesty
Queen Sirikit, The Queen
Mother’s lifelong dedication

on the auspicious occasion of The Queen Mother’s 90th birthday on August
12, 2022, the Institute of Thai Artisans, wishing her excellent health and long
life, has selected local handicrafts that were the output of our research
projects for display in this exhibition. Furthermore, there will be also be a
seminar exploring the various approaches in preserving and promoting the
Thai artistic skills and heritage in the modern world.

The integration of designs, digital technology 17
and scientific knowledge with traditional
knowledge will be discussed with our sincere ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
hope to maintain Thai local wisdom and pass
on sustainably to the young generation.

The Institute of Thai Artisans
In tribute to Her Majesty Queen Sirikit,

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย 18

เ ว ที เ ส ว น า

1 5 - 2 0 พ ฤ ศ จิ ก า ย น พ . ศ . 2 5 6 5
ณ บ ริ เ ว ณ ชั้น 5 แ ล ะ ห้ อ ง ป ร ะ ชุ ม
ห อ ศิ ล ป์ ก รุ ง เ ท พ ม ห า น ค ร

ดร.สิริกร มณีรินทร์ผู้อำนวยการสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่น (ธัชชา) กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

กราบเรียนท่านองคมนตรีพลากร สุวรรณรัฐ ในนามของสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่น
ดิฉัน นาง.สิริกร มณีรินทร์ผู้อำนวยการสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่น ขอกราบขอบพระคุณท่านกอง
คมนตรีเป็นอย่างสูงที่ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานนิทรรศการและเสวนาวิชาการช่าง
ศิลป์ถิ่นไทยวิถีร่วมสมัยในวันนี้

สถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่นเป็นหนึ่งในสถาบันของวิทย ศิลปะท้องถิ่นเป็นตาน้ำ
สถานสังคมศาสตร์มนุษยศาสตร์และศิลปกรรม ศิลปะท้องถิ่นเป็นจะเรียก
ศาสตร์แห่งประเทศไทย หรือธัชชา ในสังกัดสำนักงาน ว่าเป็นมารดาของศิลปะ
ปลัด กระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม จัด
ตั้งขึ้นด้วยพันธกิจรวบรวมคลังข้อมูลความรู้อนุรักษ์ ส่วนกลางก็ได้
ฟื้ นฟูและพัฒนางานศิลป์ท้องถิ่นไทย รวมทั้งสืบสาน
มรดกภูมิปัญญาช่างศิลป์ไทยให้ส่งต่อสู่คนรุ่นใหม่ให้ 19
สามารถประกอบอาชีพบนฐานของทุนวัฒนธรรม
ดำเนินการด้วยงบประมาณจากสำนักงานการวิจัย ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
แห่งชาติ ตลอดระยะเวลาการดำเนินภารกิจไปทุก
ภูมิภาคด้วยการรวมพลังปัญญาของสถาบัน
อุดมศึกษาครอบคลุมพื้นที่ 23 จังหวัด สถาบันได้
ประจักษ์ว่าช่างศิลป์ระดับฝีมือช่างระดับฝีมือชั้นครู
โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่ทุรกันดาร ล้วนเป็น
ผลผลิตอันสืบเนื่องจากพระราชกรณียกิจด้านส่งเส
ริมศิลปาชีพซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรม
ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงวิริยะ
อุตสาหะทุ่มเทกำลังพระวรกายและกำลังสติปัญญา
เพื่อดูแลให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ขึ้นงานของสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่นจึงนับว่าเป็นการ
ดำเนินตามรอยพระบาทในพระองค์ท่านโดยแท้หาก
ปราศจากรากฐานที่พระองค์ทรงวางไว้ ภูมิปัญญา
หลายด้านของไทยคงอยู่ในสภาพเสี่ยงต่อการ
สูญหายและลำบากอย่างยิ่งในการที่จะฟื้ นฟู

เ ว ที เ ส ว น า ( ต่ อ )

1 5 - 2 0 พ ฤ ศ จิ ก า ย น พ . ศ . 2 5 6 5
ณ บ ริ เ ว ณ ชั้น 5 แ ล ะ ห้ อ ง ป ร ะ ชุ ม
ห อ ศิ ล ป์ ก รุ ง เ ท พ ม ห า น ค ร

เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิม
พระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565

ประกอบกับสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่นได้ดำเนินภารกิจเข้าสู่ปีที่ 2 นอกจากสถาบันช่างศิลป์
ท้องถิ่นขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงมีพระ
พลานามัยแข็งแรง ทรงพระเกษมสำราญสถิตเป็นพระมิ่งขวัญของปวงประชาชน
นอกจากนี้สถาบันยังคัดเลือกผลผลิตจากโครงการวิจัยของมหาวิทยาลัยจำนวน 7 แห่ง
วิทยาลัยชุมชน 11 แห่ง ทุกภูมิภาค โดยเน้นด้านงานผ้าทอ ด้านจักสาน งานแกะสลักไม้
และว่าว มาจัดแสดงในนิทรรศการ ซึ่งมีทั้งผลงานของครูช่าง เพื่อเทิดพระเกียรติ พร้อม
เชิดชูคุณค่าของมรดกภูมิปัญญาของไทยและจัดเสวนาเกี่ยวกับแนวทางการบูรณาการ
ศาสตร์และวิทยาการด้านต่างๆ อาทิ ศาสตร์ด้านการออกแบบ ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และ
ด้านวิทยาศาสตร์เพื่อสืบสาน ส่งต่อ มรดกภูมิปัญญาของชาติ ให้ดำรงอยู่ได้อย่างสง่า
งามในยุคสมัยปัจจุบันและยั่งยืนไปสู่อนาคต

คนไทยมีสายเลือดของช่าง
ฝีมืออยู่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็น
ชาวไร่ ชาวนา หรืออาชีพใด

ดร.สิริกร มณีรินทร์

ผู้อำนวยการ
สถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่น

ในโอกาสนี้ดิฉันใคร่ขอกราบเรียนเชิญท่านท่านองคมนตรีได้กรุณากล่าวเปิดงานช่างศิลป์
ถิ่นไทยวิถีร่วมสมัยน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรม
20 ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย

คำกล่าวเปิดงาน

โดย นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี

อาจารย์ ดร.สิริกร มณีรินทร์ แขกผู้มีเกียรติ ที่ได้มาชุมนุมอยู่ใน
ห้องนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติครับที่ได้รับเชิญให้มาเป็นประธานในพิธี
เปิดงานนิทรรศการอันนี้คุณค่าและงดงามนี้ ด้วยเหตุผล 2
ประการ

ประการแรก เป็นอีกโอกาสหนึ่งของคนไทยจะได้น้อมรำลึกถึงพระ
ราชกรณียกิจในองค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในด้านศิลปาชีพ

ประการที่สอง เป็นโอกาสที่ตัวกระผมเองได้มาชมผลงานจากความ

คิดสร้างสรรค์ของชาวครูช่างที่ได้รวบรวมมาจากทั่วทุกภาคของ
ประเทศไทย ผลงานที่ได้คัดเลือกวันนี้ล้วนมาจากหลากหลายพื้นที่

ไม่ว่าจะเป็นผ้าทอลายจวนตานีจากจังหวัดปัตตานี โคมไฟกรง

นกจากนราธิวาส ผลิตภัณฑ์จักสานกระจูดจากครูศิลปาชีพ หรือผ้า

ทอผสมขนแกะจากแม่ฮ่องสอน และทราบว่าของที่จัดแสดงบางชิ้น
หายากมาก ถ้าไม่อนุรักษ์ฟื้ นฟูพัฒนาและสืบสานก็น่าจะสูญหายไป

แล้วก็ได้ นายพลากร สุวรรณรัฐ
องคมนตรี
ในโอกาสนี้ขอชื่นชมความสำเร็จของสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่นในฐานะ
หน่วยงานน้องใหม่ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา ผมจะเล่าว่าการจัดงานครั้งนี้วัตถุประสงค์สำคัญคือ น้อม
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ได้จัดแสดงผลงานในครั้งนี้เพื่อ รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ในฐานะที่เรา
เป็นการเชิดชูและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ช่างศิลป์และผู้ปฏิบัติงาน พูดเรายกย่องว่าท่านเป็นองค์ที่หยิบยกเอาภูมิปัญญา
ในการสานต่องานศิลปะท้องถิ่น ประชาชนได้รักและหวงแหนต่องาน
ศิลป์ในท้องถิ่นของตน ซึ่งมุ่งหวังให้เป็นอนาคต ให้เป็นมรดกที่ล้ำค่า หยิบยกเอาหัวใจศิลป์ของชาวบ้านขึ้นมาให้คนไทยทั่ว
ของประเทศชาติของเรา ประเทศและต่างประเทศได้เห็น เขามีอยู่แล้วเขาสืบทอด
สืบสานมาจากบรรพบุรุษไทยอยู่แล้วแต่ไม่มีใครเห็นความ
ผมขอเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสตามเสด็จสมเด็จพระนาง สำคัญ บางครั้งเราอาจจะเห่อฝรั่งไปหน่อย อะไรที่มาจาก
เจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในช่วงที่ ต่างประเทศ ปารีส ลอนดอน อิตาลี ดูโก้ สวย ยิ่งมันแพงยิ่ง
ผมยังรับราชการอยู่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้งจังหวัด อยากจะไขว่คว้ามาเป็นเจ้าของ หารู้ไม่ว่าบางครั้ง บางเรื่อง
ปัตตานีซึ่งเป็นที่มาของผ้าจวนตานี ทั้งในช่วงที่รับราชการเป็นผู้ว่า ราวสิ่งเหล่านี้มันในหมู่บ้าน ในตำบล ในสายเลือดของพี่น้อง
ราชการจังหวัดเชียงใหม่เมื่อปี 2539 และช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้ ชาวไทยที่ส่วนมากก็เป็นเกษตรกรทำไร่ทำนา พระองค์จึง
จัดการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ ซึ่งเป็น รับสั่งเสมอว่า ดูสิพี่น้องหนุ่มสาวเหล่านี้เขาเป็นเกษตรกร
ช่วงเวลาที่ได้มีโอกาสให้ตามเสด็จ ทั้งที่เป็นการตามเสด็จในใน แต่เขามีสายเลือดของศิลปินอยู่ในสายเลือด ใช้เวลาว่างทำ
ฐานะที่เป็นผู้ที่จะถวายการรับเสด็จ ถวายความสะดวก ถวายการ หลังจากทำเกษตรกรรมมาทำเรื่องงานศิลปะ แต่ไม่มีใคร
รักษาความปลอดภัย ซึ่งงานศิลป์ท้องถิ่นดูประหนึ่งว่าน่าจะเป็น สนใจยกย่อง บางคนก็ทอมาใช้เอง ทั้งที่ถ้านำผ้าเหล่านี้มา
ฝ่ายสตรีเสียมากกว่า ยกเว้นงานแกะสลักซึ่งน้อยครั้งที่จะเห็นช่าง ขายปัจจุบันได้เป็นหลายหมื่นแล้ว
แกะสลักเป็นผู้หญิง งานทอผ้า การต้มตัวรังหม่อนรังไหม จนสาว
มาเป็นเส้นไหมแล้วก็เป็นทอเป็นผ้าไหม มีกลุ่มศิลปาชีพกลุ่มหนึ่ง 21
ประมาณไม่ถึง 15 คนเป็นผู้ชายล้วนๆ เป็นผู้ชายชาวปัตตานีหรือ
นราธิวาสผมจำไม่ได้ ทุกคนก็แปลกใจกันหมด คนที่ตามเสด็จ ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
แปลกใจทุกคนว่าทำไมกลุ่มทอผ้ากลุ่มนี้จึงเป็นผู้ชาย ซึ่งชอบงาน
นี้มานานแล้ว พอท่านมาจัดตั้งให้ก็รวมกลุ่มคนที่รักสิ่งที่เหมือนกัน

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัยเ ว ที เ ส ว น า ( ต่ อ )

1 5 - 2 0 พ ฤ ศ จิ ก า ย น พ . ศ . 2 5 6 5
ณ บ ริ เ ว ณ ชั้น 5 แ ล ะ ห้ อ ง ป ร ะ ชุ ม
ห อ ศิ ล ป์ ก รุ ง เ ท พ ม ห า น ค ร

เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิม
พระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565

ผมจะยกตัวอย่างถึงประทับใจที่ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะ ข่าวในพระราชสำนัก เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปแปร
พระราชฐานไปประทับแรมที่ภูพาน ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เชียงใหม่ หรือว่าทักษิณราชนิเวศน์ นราธิวาส ถ้าเป็นภาค
อีสานประมาณ 4 สัปดาห์ ถ้าเป็นภาคเหนือบางครั้ง 2 เดือน แล้วก็ที่ภาคใต้นราธิวาสก็เฉลี่ยประมาณ 4 - 6
สัปดาห์ ผมได้ตามเสด็จมากที่สุดก็คือเชียงใหม่ ก็ประมาณ 2 ครั้ง แล้วก็หลังจากมาเป็นผู้อำนวยการ ศ.อบต. 3
ปีเต็ม ทุกครั้งที่เสด็จ

เขาทำมาเป็นปีแล้วก็จะได้ชิ้นงานชิ้น
นี้ ดูการสร้างคนที่เป็นศิลปินของ
แผ่นดินได้เงินแค่นี้ไม่แพงนะ
ฉันอาจจะขาดทุนนะแต่ชาติบ้าน
เมืองได้กำไร คนไทยจะได้กำไร

พระราชดำรัส

ผมตามเสด็จท่านไปในฐานะเป็นเจ้าของพื้นที่ผู้ถวายความสะดวก ถวายความปลอดภัยพระองค์ท่าน แต่วิธีทรง
งานของท่าน ท่านจะประทับราบกับพื้นแล้วมีเสื่อปูบ้าง พรมปูบ้าง แล้วโต๊ะทรงงานก็เป็นโต๊ะเตี้ย ทรงพับเพียบ
นะครับ คนที่เฝ้าทั้งหมดก็คือผู้ที่ถวายงานใกล้ชิด ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ท่านผู้หญิงฉัตรแก้ว จะล้อมพระองค์
ท่านประมาณ 4 - 6 คน และเล่าถึงว่าคนนี้มีลูก 6 คน ปีที่แล้วฉันให้การบ้านเขาไปเป็นงานปักไหม ทรงมีรูป
ตัวอย่างให้เขาไปเมื่อปีที่แล้ว แล้วก็วิธีสอนให้โดยมีครูช่างศิลป์ส่วนมากจะเป็นภรรยาของข้าราชการนาวิกโยธิน
ที่ค่ายจุฬาภรณ์นราธิวาสซึ่งทรงฝึกไว้ก่อนแล้วประมาณ 6 - 10 คน ครูกลุ่มนี้จะสอนผู้ที่สนใจ ทำผิด ทำถูก ทำ
สวย ทำไม่สวย พอปีที่ 3 ผลงานออกมาดี เมื่อดูเสร็จท่านจะพระราชทานรางวัล ผลงานสวย ก็จะส่งเก็บเอาไว้ใน
คลังที่ศิลปาชีพกรุงเทพฯ เพื่อเป็นสมบัติของชาติต่อไปในอนาคต ถ้าสวยมากๆ ท่านจะพระราชทานรางวัล
ประมาณ 5-6 หมื่นบาท ผมแกล้งถามท่านว่าทำไมทรงพระราชทานเยอะจังเลย ท่านว่าเขาทำมาเป็นปีแล้วก็จะได้
ชิ้นงานชิ้นนี้ ดูการสร้างคนที่เป็นศิลปินของแผ่นดินได้เงินแค่นี้ไม่แพงนะ ฉันอาจจะขาดทุนนะแต่ชาติบ้านเมือง
ได้กำไร คนไทยจะได้กำไรต่อไปในอนาคตเธอคอยดูเถอะ เราก็เงียบเลยรีบก้มลงกราบขอพระราชทานอภัยโทษ
22 ท่านทรงพระราชทานเงินเหล่านี้ให้โดยไม่เสียดาย

แล้วทุกปีท่านก็จะทรงถามว่าเป็นยังไงปีนี้งานสวยขึ้นนะ ชาวบ้านก็บอกว่าเงินที่ท่านให้มาก็ไปซ่อมหลังคากัน
ฝนรั่ว ส่วนหนึ่งก็ส่งลูกเรียน สามีที่ต้องจากกันเพื่อไปรับจ้างเกี่ยวข้าว ไปรับจ้างกรีดยางที่มาเลเซียก็ได้กลับ
มาอยู่กันพร้อมหน้า ส่วนมากจะตอบว่าครอบครัวอบอุ่นขึ้น ครอบครัวไม่ต้องแยกย้ายกัน ลูกที่ตามพ่อไป
เรียนที่มาเลเซียก็กลับมาเรียนที่เมืองไทยได้ บ้านช่องก็มั่นคงแข็งแรงขึ้นแล้ว ลูกจะได้มาเรียนต่อในเมืองไทย
แล้ว อันนี้คือสังคมของพี่น้องชาวยะลา ปัตตานี นราธิวาสในอดีต เขาต้องไปขวนขวายช่วยเหลือตัวเองที่
ประเทศมาเลเซีย แต่บัดนั้นทุกคนได้กลับมาอยู่บ้านเดียวกัน ครอบครัวอบอุ่นกับผลงานที่เกิดขึ้นจากฝีมือ
ของแม่นี่แหละ ซึ่งเกิดมาบางคนไม่เคยปักผ้า บางคนอาจจะไม่เคยทอผ้า จะสนใจอยากเรียนทางไหนท่านจะ
สัมภาษณ์ก่อน วันนี้สมาชิกใหม่มาสมัคร สัมภาษณ์สนใจแบบไหนชอบทอผ้ามั้ย แต่ว่าได้มีการสัมภาษณ์มา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คณะทำงานก่อนส่งมาเข้าถวายตัวท่านแล้ว เนี่ยเขาสนใจทอผ้า เขาสนใจปักผ้า เขาสนใจทอ
เสื่อกระจูด เขาสนใจที่จะทำกระเป๋าจากย่านลิเภา เป็นต้น ใครสนใจตรงไหนก็จะทรงเอาตัวอย่างมาให้เลือก
อยากจะทำแบบไหนหยิบไปเลยเอาไปเป็นตัวอย่างแล้วปีหน้าผลงาน พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ 3 ปี 4 ปี

เ ว ที เ ส ว น า ( ต่ อ )

1 5 - 2 0 พ ฤ ศ จิ ก า ย น พ . ศ . 2 5 6 5
ณ บ ริ เ ว ณ ชั้น 5 แ ล ะ ห้ อ ง ป ร ะ ชุ ม
ห อ ศิ ล ป์ ก รุ ง เ ท พ ม ห า น ค ร

สิ่งที่ผมประทับใจท่านมักจะเสด็จออกจากพระที่นั่งทักษิณราชนิเวศน์นราธิวาส เสด็จ
ประมาณเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่ภาคใต้ฝนลงมาก บางครั้งเสด็จโดย
เฮลิคอปเตอร์ไม่ได้เพราะว่าฝนฟ้าไม่เป็นใจ ก็เสด็จโดยรถพระที่นั่ง 2-3 ชั่วโมง ถึงที่หมาย
ประมาณ 18:00 น ก็ทรงนั่งอยู่กับนั่งพับเพียบกับพื้นเฉลี่ยประมาณ 3-4 ชั่วโมง จนหลังๆ
ทรงมีพระอาการว่าทรงปวดกล้ามเนื้อที่ขามาก และทรงมีพระอาการเรื่องความดัน คณะ
แพทย์ก็แนะนำว่าขอให้ท่านได้หยุดพักทุกครึ่งชั่วโมง แล้วก็เดินออกกำลังรอบๆ ศาลาทรง
งานสัก 10 นาที แล้วก็มานั่งใหม่ แต่ท่านทำได้ไม่นาน ท่านบอกว่า "เวลาที่ฉันให้ชาวบ้าน มันมี
ค่า แทนที่ฉันจะเอาเวลาที่ฉันไปเดิน 5 นาทีมันเสียเวลาไปครอบครัวหนึ่ง เพราะฉะนั้นฉันไม่
เป็นไร หรอกฉันทนได้" อันนี้แสดงถึงน้ำพระทัยที่ท่านมีเมตตาต่อชาวบ้านจริงๆ

มีอยู่คราวหนึ่งเสด็จไปยังหมู่บ้านที่อยู่เชิงเขา ผมขอเรียกว่า "เวลา"ที่ฉันให้ชาวบ้าน มันมีค่า
เป็นเป็นกลุ่มผู้ที่มีความเห็นตรงข้ามกับรัฐบาล พวกเราก็ แทนที่ฉันจะเอาเวลา ที่ฉันไปเดิน
กราบทูลว่าตรงนี้มันอันตราย เพราะว่ามีกลุ่มโจรอยู่บนเขาห่าง 5 นาที มันเสียเวลาไปครอบครัวหนึ่ง
ไม่มาก แต่ภรรยาเขาอยู่ที่หมู่บ้านที่จะเสด็จไปทรงงาน ท่าน
บอกว่าไม่เห็นเป็นไร ฉันมาดี สามีเขาคงไม่ทำร้ายฉันหรอก เพราะฉะนั้นฉันไม่เป็นไรหรอก ฉันทนได้
ทหารตำรวจก็ต้องยอมท่าน แล้วก็มีสตรีท่านหนึ่งที่มาสมัคร
เป็นสมาชิกซึ่งทหารตำรวจก็มาเตือนแล้วคนนี้เป็นภรรยา พระราชดำรัส
ของโจรอยู่บนเขา แต่ท่านบอกว่าเขาตั้งใจมาสมัครก็รับเขาไว้
พอถึงเวลาก็ส่งให้ท่านมาเป็นผู้สัมภาษณ์ว่าสตรีท่านนี้สนใจ
เรื่องอะไรจะทอผ้า ปักผ้า หรือจะสานกระจูด หรือจะทำกระเป๋า
ย่านลิเภา เราก็ไปฟังท่านสัมภาษณ์ เขาบอกว่ามีลูก 6 คน สามี
หนีไปอยู่บนเขา ท่านให้ลองดูก่อน เขาจะมีฝีมือไหม มีความ
ตั้งใจไหม

1 ปีต่อมา นำผลงานมาถวายท่าน ถือเป็นคนมีฝีมือในการปัก 23
ผ้าสวยงามมาก เขามีฝีมือเขาก็เป็นสมาชิกที่เก่งและที่ดี และผล
งานสุดยอด ท่านก็พระราชทานเงินสดให้ เขาจะเอาส่วนเงินนี้จะ
ไปให้ใครอะไรยังไง จะไปซื้อเสบียงส่งสามีบนเขาก็เรื่องของเขา
ท่านทรงยืนอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง อุดมการณ์ทั้ง
สิ้น เขาก็เป็นพสกนิกรของบ้านเมืองของเรา ก็เป็นประชาชน
ของประเทศไทยเรา ท่านต้องเป็นกลางแล้วเขาก็ไม่ได้วุ่นวาย
กับท่าน

อันนี้คือตัวอย่างที่เห็นถึงน้ำพระทัยของท่านว่าลงไม่กลัวอะไร ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
ทั้งสิ้น แล้วมองประชาชนในแง่ของความเมตตากรุณาเสมอ
ภาคกัน ฉะนั้นเวลาที่ตามเสด็จเรากะไม่ได้เลยว่าเวลาไม่ต่ำกว่า
22:00 น ถ้าสภาพอากาศไม่ดีก็นั่งรถกลับที่พักตำหนักทักษิณ
ราชนิเวศน์ ถึงประมาณ 5 ทุ่ม 2 ยาม แล้วท่านก็จะได้เสวยมื้อ
เย็นก็ช่วงนั้นแหละครับ หลังจาก 2 ยามไปแล้ว

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัยเ ว ที เ ส ว น า ( ต่ อ )

1 5 - 2 0 พ ฤ ศ จิ ก า ย น พ . ศ . 2 5 6 5
ณ บ ริ เ ว ณ ชั้น 5 แ ล ะ ห้ อ ง ป ร ะ ชุ ม
ห อ ศิ ล ป์ ก รุ ง เ ท พ ม ห า น ค ร
เชียงใหม่ก็เช่นกัน ผมมีโอกาสตามเสด็จไปในหมู่บ้านส่วนมากจะเป็นบ้านที่อยู่ไกล อยู่บนดอย ส่วนมากโชคดี
ที่ช่วงเสด็จเชียงใหม่ก็เป็นมักจะเป็นเดือนธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์ อากาศจะดีท้องฟ้าโปร่งไม่มีเมฆ ไม่มี
หมอก ไม่มีฝนครับ อากาศจะดีมาก ใช้เวลาเสด็จ 3 - 4 ชั่วโมง ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ก็ตรงกับวัตถุประสงค์ของ
อาจารย์ ดร.สิริกร ว่าต้องการที่จะเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านว่าทรงมีความวิริยะอุตสาหะจริงๆ ทรงรัก
ประชาชนของท่านจริงๆ โดยเฉพาะทรงเห็นถึงคุณค่าของเขา ถึงความเป็นสายเลือดศิลปินของพี่น้องคน
ไทยในตัวของคนไทยทุกคน ว่าถ้าหยิบขึ้นมาให้ถูกต้อง เขาจะเป็นศิลปินที่ดี ที่เก่ง มีความสามารถ แล้วพระ
ราชทรัพย์ที่ได้พระราชทานลงไปทรงรับสั่งอยู่เสมอว่า ขาดทุนคือกำไร ใหม่ๆ เราก็ฟังแล้วไม่เข้าใจ ขาดทุนคือ
กำไรคืออะไร ในที่สุดเราก็เข้าใจ เราลงทุนวันนี้ด้วยเงินที่เราว่ามาก แต่ผลที่ได้รับกลับมายั่งยืนและยาวนาน
และส่งถึงผลกับคนหมู่มาก คือ ขาดทุนคือกำไร พระองค์ท่านสมเด็จพระนางเจ้าก็เช่นกันทรงขาดทุนทรัพย์
ส่วนพระองค์แต่กำไรคือของแผ่นดิน ผมคิดว่ามูลค่าของงานศิลปะที่ทรงสะสมไว้ในคลังของมูลนิธิศิลปาชีพ
แล้วทุกปีก็ออกมาขายให้กับคนที่สนใจ บางชิ้นราคาไม่แพง อาจจะทรงซื้อจากชาวบ้านมามากกว่าราคาที่ขาย
ไป แต่ผลงานของดี ๆ ทรงเก็บไว้เยอะมาก เป็นมรดกอันล้ำค่าต่อไปในอนาคต ซึ่งประเมินค่าไม่ได้
ต้องขอขอบคุณอีกครั้งหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ผมได้มาเล่าสู่กันฟังถึงเรื่องเก่าที่ได้ประสบด้วยตัวเองถึง
น้ำพระทัยของพระองค์ท่าน เดี๋ยวนี้ผมก็ยังเดินทางไปเยี่ยมศูนย์ราชการภาคเหนือไปเยี่ยมสมาชิกของท่าน
ทุกปี เวลาเข้าหน้าหนาวท่านก็รับสั่งว่าอย่าให้สมาชิกของฉันหนาวตายนะ รีบเอาผ้าห่มมาเอาเสื้อผ้าไปแจกเขา
ด้วยไม่ต้องรอใครนะ ก็ทำอยู่อย่างนี้แล้วสิ่งเหล่านี้แล้วก็ถือปฏิบัติมาจนบัดนี้ครับ ก็เล่าสู่กันฟังเพิ่มเติมนะ
ครับต้อง

24

ขอขอบคุณอีกครั้งหนึ่งที่เชิญผมมาร่วมในพิธีเปิดในวันนี้ครับขอบคุณครับ

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย 25

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย 26

ดร.สิริกร มณีรินทร์ 27

สวัสดีค่ะ ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาร่วมงานกับเราในวันนี้ ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
ซึ่งพวกเราก็ทำงานกันมาเข้าสู่ปีที่ 2 เรานี้หมายความว่านักวิชาการ นักวิจัย ของสถาบันช่างศิลป์จาก
มหาวิทยาลัยรวม 7 แห่ง วิทยาลัยชุมชน 11 แห่ง ที่นั่งอยู่ที่นี่ก็เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานวิจัย
ที่คัดเลือกมา ด้วยจากมุมมองหลากหลายประการ

ท่านแรก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วีรวัฒน์ สิริเวสมาศ ท่านเป็นรอง
คณบดีคณะมัณฑนศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร หัวหน้าโครงการวิจัย
เกี่ยวกับการออกแบบผลิตภัณฑ์จักสาน 4 จังหวัด คือ ยโสธร น่าน
นราธิวาส และจังหวัดตราด เราก็ทำงานกันมาร่วม 2 ปี วันนี้อาจารย์ก็จะ
เป็นเสมือนหนึ่งตัวแทนทางฝ่ายวิชาการที่จะให้มุมมองเกี่ยวกับการ
อนุรักษ์และพัฒนาที่เกี่ยวกับงานช่างศิลป์ในด้านจักสานในด้านวิชาการ

อ.ดร.กรกต หนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ทำงานทางด้านภูมิปัญญา
จักสานไปไกลส่งออกถึงต่างประเทศ เมื่อวานได้พานักวิจัยของเราไป
เยี่ยมชมโรงงานของท่าน ถามท่านอาจารย์ส่งออกมาแล้วกี่ประเทศ
ท่านบอกว่ามากกว่า 10 ประเทศ มีทั้งยุโรป อเมริกา เอเชีย ประเทศ
เพื่อนบ้านไปถึงมัลดีฟ ฟิลิปปินส์ จีน เราจะได้ฟังมุมมองของผู้ที่ทำงาน
ต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมไปส่งออกสู่สากลจนประสบความสำเร็จ

ดร.วุฒิไกร เป็นอาจารย์อายุ 34 แต่ ผศ.ดร.วีรวัฒน์ สิริเวสมาศ
ว่าทอผ้าเก่งมาก รู้จักกันครั้งแรกที่
บ้านของป้าจำปี ธรรมศิริครูศิลป์ ในวันนี้ผมเป็นตัวแทนของอาจารย์ 17 สถาบันที่ได้มีความร่วม
แผ่นดินด้านผ้าทอ อำเภอบ้านไร่
จังหวัดอุทัยธานี อาจารย์ฟา ทอผ้า มือในโครงการวิจัยและถือว่าเป็นตัวแทนในการบอกกล่าวเล่า
อยู่กับป้าจำปี 8 เดือน จนทอผ้าได้
เก่งออกแบบลายผ้าได้ แล้วก็ในงาน ขานถึงเครื่องมือที่ทางมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาได้ใช้ใน
วิจัยกับทางเรา อาจารย์ทำตำราเรื่อง
การทอผ้าลาวครั่งออกมาเป็น e- เรื่องของการเรียนการสอนและรวมถึงการเข้ามามีส่วนร่วมใน
book คือเป็นการผสมผสาน โครงการวิจัยนี้ อันดับแรกก็ขอขอบคุณ ดร.ดร.สิริกร มณีริ
ภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทยเรากับ นทร์ แล้วธัชชา กระทรวง อว. ที่เปิดโอกาสให้ทางคณะ
เทคโนโลยีดิจิทัลค่ะ มัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากรเป็น 1 ใน 17 สถาบัน ได้มี

อีก 2 ท่าน ยามิละห์ ดอเล๊าะ จะเป็นคน ส่วนร่วมในการทำโครงการวิจัยครั้งนี้ การทำโครงการวิจัย
เดียวในห้องนี้ที่เคยเข้าเฝ้าถวายงาน ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงพื้น
สมเด็จพระพันปีหลวง และเคยได้รับ ที่ทำงานกับกลุ่มผู้ประกอบการครูช่าง และวิทยาลัยชุมชน เรา
พระมหากรุณาธิคุณเกี่ยวกับงาน
หัตถกรรมจักสาน ซึ่งยามิละห์จะเล่า ก็ต้องมีเครื่องมือต่าง ๆ เครื่องมือทางการวิจัย ระเบียบวิธีวิจัย
ให้ฟังว่าบรรยากาศในช่วงนั้นเป็น
อย่างไร และยังเป็นเจ้าของผลงาน หรือแม้กระทั่งการเรียนการสอนในระดับสถาบันอุดมศึกษา
เก้าอี้สีแดงที่ตั้งโชว์อยู่ในนิทรรศการ องค์ความรู้ แล้วหาวิธีที่จะประยุกต์ใช้อาศัยช่องทางของ
ครั้งนี้ ถัดไปอายุน้อยที่สุดในห้องนี้ โครงการวิจัยที่ได้รับโอกาสกับทางธัชชา ทาง อว. ในการทำงาน
น้องโอม อรรถวิทย์ เป็นประธานกลุ่ม
จักสานเยาวชนยโสธร วันนี้น้องโอม ประกอบกับทีมคณะผู้วิจัยที่จะเข้ามาทำงาน คือคณาจารย์ของ
จะเล่าให้พวกเราฟังว่าในวัย 16 นี้เมื่อ
มาเป็นประธานกลุ่มเยาวชนจังหวัด หลักสูตรศิลปบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิต และมหาบัณฑิต ศิลปกรรม
ยโสธร น้องโอมจะเล่าที่มาที่ไปของ
การตั้งกลุ่มจักสานว่าน้องโอมทำ หลักสูตรนานาชาติ ของคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัย
อะไรกับกลุ่มนี้นะคะ
ศิลปากร ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ทำการเรียนการสอนในระดับ
เริ่มที่อาจารย์อ.วีรวัฒน์ นะคะ ท่านเป็น
รองคณบดีคณะมัณฑนศิลป์ อาจารย์ บัณฑิตศึกษา ในระดับนานาชาติ
28 จบปริญญาโทจากอิตาลีด้านออก
แบบจิวเวลรี่ แล้วก็จบปริญญาเอกช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
จากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม
อาจารย์จะให้มุมมองว่านักวิชาการจะ
ช่วยอะไรในการพัฒนาวงการช่างศิลป์
ท้องถิ่นไทยได้บ้างค่ะ เรียนเชิญค่ะ

ดร.สิริกร มณีรินทร์ ดร.สิริกร มณีรินทร์

ทราบว่าอาจารย์มีนักศึกษาจากประเทศจีนเกือบ 30 เนื่องจากว่าทางช่างศิลป์ทำงานกับมหาวิทยาลัยวิจัย
คน ในเวลานี้มาทำปริญญาเอกกับอาจารย์ หลากหลาย หลักๆ ตอนนี้ก็ร่วม 20 มหาวิทยาลัย แต่
ทีมศิลปากรเป็นทีมที่บูรณาการเก่ง เป็นทีมเดียวก็ว่า
ผศ.ดร.วีรวัฒน์ สิริเวสมาศ ได้ที่บูรณาการงานในปีที่ 2 ภูมิปัญญาที่เราได้จาก
ท่านศาสตราจารย์ ดร.นันทนิตย์ วานิชาชีวะ รอง
ทั้งหลักสูตรจะมีนักศึกษาจากต่างประเทศ ไม่เฉพาะ อธิการบดีฝ่ายวิจัย จะมีคุณค่าเป็นอย่างยิ่งต่อวงการ
นักศึกษาจีน ยังมีนักศึกษาอินโดนีเซีย มาเลเซีย จักสาน คืออาจารย์ได้การวิเคราะห์ ต่อยอด เป็นแรง
เวียดนาม ไต้หวัน ญี่ปุ่น ในหลาย ๆ ภูมิภาคซึ่งต่างก็ แรงหลักในการออกแบบนิทรรศการครั้งนี้ อาจารย์
เข้ามาเรียน เรียนรู้องค์ความรู้จักเราแล้วก็แลก ชัยนรินทร์มาจากเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
เปลี่ยนองค์ความรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ความรู้ พระนครเหนือ อาจารย์เรืองลดา จากศิลปากร คือ
ทางด้านหัตถศิลป์อินโดนีเซียก็เยอะ เราก็แลก เป็นการผสมกันทีมที่ลงตัว อาจารย์กรกต ผู้แทนจาก
เปลี่ยนกัน ณ ตอนนี้เป็นเครื่องมือหนึ่ง แล้วก็รวมทั้ง ฝ่ายประกอบการเป็นนักธุรกิจ เป็นการบูรณาการที่
เป็นบุคลากรในเชิงของผู้ช่วยวิจัยที่เข้ามามีส่วนร่วม เป็นลักษณะที่เด่นมาก
ในงานวิจัย ตรงนี้ทำให้การรวมทีมที่เราพยายามจะ
เรียกไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ ดร.เรืองลดา บุญลิขิต หนึ่ง
ในทีมผู้ช่วยวิจัยที่แข็งขันมากเรียกว่า
จริงๆ เป็นแม่บ้านของงานวิจัย มีทีมจากหลาย
สถาบันเข้ามาทำงานด้วยกัน

ผศ.ดร.วีรวัฒน์ สิริเวสมาศ

อาจารย์กรกต สวมหมวกเชิงวิชาการก็ถือว่าอยู่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีด้วย ถือว่าเป็นการร่วมมือกับหลากหลาย
สถาบัน โครงการแรกก็ได้มีโอกาสทำงานกับทีมวิทยาลัยชุมชนยโสธรและนราธิวาส ทีมเราเองได้เรียนรู้ไปด้วยกับการ
ลงพื้นที่ในจังหวัดต่าง ๆ ใหม่ ๆ ทั้งศิลปวัฒนธรรม วิธีการทำงานต่าง ๆ และทำให้ เราก็ต้องเปิดรับเรียนรู้

แล้วก็ในขณะเดียวกันเพราะเป็นโครงการที่ 2 ที่เป็นเรื่องของน่าน ตราด ซึ่งเห็นจุดที่น่าจะไปต่อได้ เช่นองค์ความรู้ทาง
วิทยาศาสตร์ทำให้ทางมหาลัยศิลปากร ชวนศาสตราจารย์ ดร.นันทนิตย์ วานิชาชีวะ ซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยของ
มหาวิทยาลัยศิลปากร เข้ามาร่วมงานในโครงการ ถึงแม้จะเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ก่อนก็ตามแต่เราเดี๋ยวจะค่อยหาวิธีขยาย
ผล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนำเกลือและการวิเคราะห์คุณสมบัติของเกลือ ที่จังหวัดน่านที่บ่อเกลือ ซึ่งอาจกลายเป็นสิ่ง
จำเป็นสำหรับงานจักสาน เพื่อพัฒนาคุณภาพของตัววัตถุดิบต่างๆ ซึ่งจะมีผลอย่างไรสำหรับการส่งออก

29

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย

ดร.สิริกร มณีรินทร์ ผศ.ดร.วีรวัฒน์ สิริเวสมาศ

โลกปัจจุบันจะรู้ศาสตร์เดียว รู้อย่างเดียวไม่ได้แล้ว ระบบการศึกษาของของมหาวิทยาลัยที่ให้ผลผลิตที่
ต้องบูรณาการ ต้องนำผู้เชี่ยวชาญ หลากหลาย สำคัญ เราก็รู้จักกันดี ดร.กรกต อารมย์ดี ซึ่งศึกษา
เข้ามาช่วยกัน เช่น การชวนศาสตราจารย์ ดร.นันท ทางด้านศิลปะศิลปะประยุกต์ ทำงานสร้างสรรค์ออก
นิตย์ วานิชาชีวะ คุณค่าที่จะได้มหาศาลมาก มาแล้วเข้ามาศึกษาในระดับปริญญาเอก ซึ่งตอนนั้น
ผมเองก็เป็นกรรมการก็ยังถามอาจารย์ว่ามาเรียน
ผศ.ดร.วีรวัฒน์ สิริเวสมาศ ทำไม มีบริษัทมีทำงานส่งออกอยู่แล้ว ซึ่งอาจารย์กรก
ตจะเสนอมุมมองการต่อยอดจากพื้นฐานเหล่านี้

เป็นมิติของการบูรณาการทางวิชาการ ในขณะ ดร.สิริกร มณีรินทร์
เดียวกันการลงพื้นที่นั่นแหละทางคณะผู้วิจัยก็
ต้องใช้อีกหลายๆ ทักษะนะฮะไม่ใช่แค่เรื่องความรู้
ภาพผลงานของอาจารย์กรกต อาจารย์เล่าให้ฟังว่า
นะเราเองก็ต้องไปเรียนรู้ด้วยนะ รวมถึงการลงไป แรงบันดาลใจของอาจารย์มาจากว่าว เพราะก๋งเล่น
ประสานงานทำงานกับทางวิทยาลัยชุมชนและก็
ว่าวผูกเงื่อน วิทยานิพนธ์ของอาจารย์ไปศึกษาเรื่อง
แม่ ๆ ป้า ๆ ครูช่างต่างๆ นะครับ ซึ่งมีองค์ความรู้ที่
การผูกเชือก ผูกเงื่อน ทึ่งมาก ผูกเงื่อนยังไงออกมา
เราเองทั้งผมเองอาจจะไม่ได้มีความรู้เหล่านั้นนะ
เราพยายามจะคุยกันระหว่างทีมนักวิจัยและหาวิธี สวยขนาดนั้น

เชื่อมโยงนะครับองค์ความรู้เหล่านี้ให้เกิดการต่อย ดร.กรกต อารมย์ดี
อดได้ แน่นอนเราก็ต้องพูดถึงเรื่องของการ

อนุรักษ์นะครับส่งเสริมพัฒนาแล้วก็สร้างสรรค์ ประเด็นแรก ท่านอาจารย์วีรวัฒน์ ได้แจ้งว่าโครงการนี้
จะมีส่วนในการที่จะช่วยคนในชุมชนโดยนำจักสาน
ต่อยอดนะครับ ซึ่งเป็นไปตามพระราชดำริของ
ในหลวงรัชกาลที่ 10 นะครับ ตรงนี้เราก็ต้องหา เข้าไป อาจารย์เลยชวนว่ามีเวลาแบ่งเวลามาทางนี้ ผม

ทางหาวิธีทำงานหากลไกต่างๆ ที่จะผลักดันสิ่ง รู้สึกยินดีมากเพราะว่าในกระบวนการศึกษาที่ไปเรียน
เหล่านี้ออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมในช่วงระยะเวลา
ในระดับปริญญาเอกในสาขาการออกแบบที่
ที่การทำงานวิจัยดำเนินอยู่ครับ
มัณฑนศิลป์ อยากจะกลับมาเอาเรื่องของวิชาการมา

พัฒนาเรื่องการจักสานของประเทศไทย เพราะว่าตรง

นี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าได้

อย่างชัดเจน ประเทศเรามีพืชที่อยู่หลังบ้านอยู่แล้ว

โดยที่ไม่ต้องไปลงทุนเพิ่ม และสิ่งที่เรามีก็คือความ
เป็นทักษะและความเป็นช่าง จะไปชี้เป้าให้เป็นเรื่องของ

การสร้างมูลค่า เพิ่มกับเรื่องของทักษะของเราได้ ต้อง
มาคิดว่าสิ่งที่เราจำเป็นจะต้องทำในเชิงพาณิชย์ก็คือ
ดร.สิริกร มณีรินทร์ การทำวัตถุดิบให้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการรับรองว่า

30 ได้ทราบมุมมองของนักวิชาการว่าจะช่วยพัฒนา ไม่มีเชื้อรา ไม่มีมอด ในผลิตภัณฑ์ เรามีส่วนคณะ
ทำให้วงการช่างศิลป์ซึ่งเวลาทำงานไปนี้ จะรู้กันเลย วิทยาศาสตร์ มีในส่วนไหนที่จะทำให้เรื่องของ
ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย ว่ามีความเป็นห่วงเพราะว่าจำนวนคนที่อายุเกิน 60 ผลิตภัณฑ์ของมีเรื่องของคุณภาพ ในการที่ลูกค้าซื้อ
มีเยอะมาก ในขณะที่จริงแล้ว ถ้าได้คนอายุได้น้อย ไปแล้วจะไม่โดนต่อว่า ผมเอาเรื่องของเชิงพาณิชย์มา
เช่น อาจารย์กรกต 40 กว่า อาจารย์ฟา 34 แล้วก็มา เกี่ยวข้องการที่จะมาพัฒนาโดยเอาปลายน้ำ แล้วมาดู
ถึงน้องโอม 16 ภาพเช่นขณะนี้ไม่ค่อยมีปรากฏค่ะ กลางน้ำ แล้วมาดูต้นน้ำว่าเป็นอย่างไร ท่านอาจารย์วีร
การมีผู้ประกอบการรุ่นปัจจุบัน ถ้ายิ่งมากก็ยิ่งดี วัฒน์ก็เลยเชิญศาสตราจารย์ ดร.นันทนิตย์ วานิชา
เหมือนมีผู้มารับไม้ต่อ เรามาฟังไม้ต่อทางด้านผู้ ชีวะ มาช่วย ทำเรื่องของคุณภาพวัตถุดิบซึ่งมีส่วน
ประกอบการบ้าง เรียนเชิญอาจารย์อ.วีรวัฒน์ค่ะ สำคัญที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ

ประเด็นต่อมา ดร.สิริกร ได้พาไปนักวิจัยที่บ้านเกิด ผม 31
ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่าในสิ่งที่เราจะต้องเตรียมวัตถุดิบก็ คือ
การแช่ในสวนสมุนไพรของบ้านโดยใช้เกลือ เกลือเป็น ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
วัตถุดิบที่เกิดขึ้นตามภูมิศาสตร์ของจังหวัดผม นำไม้ไผ่
ในไปแช่ในเกลือเพื่อจะทำให้แป้งกับน้ำตาลในไม่ไผ่ไม่บูด
หรือไม่เสียหาย เหมือนกับการดองหน่อไม้ แต่ลักษณะ
ของการเอามาใช้ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้บริโภค

เราทำงานเกี่ยวกับการตกแต่ง ตรงนี้เป็นส่วนสำคัญใน
การที่ทำให้เรื่องของผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ แล้วก็
สามารถต่อยอดไปเป็นเรื่องของการค้าปลีก การค้าส่ง
ในตลาด และเพิ่มเติมการตกแต่งสิ่งที่ทางกลุ่มนักวิจัย
ได้ลงถึงพื้นที่ส่วนใหญ่จะให้ดัดแปลงทำเก้าอี้ได้ไหม ทำ
โคมไฟรูปทรงนี้ได้ไหม นั่นคือการดูว่าสัดส่วนจะ
เกี่ยวข้องกับการเอาไปใช้แบบร่วมสมัย

ทักษะของเราสามารถดัดแปลงทักษะเหล่านี้ให้กลาย
เป็นเรื่องของสัดส่วนในการที่จะเอาไปใช้ในนานาชาติได้
ครูช่างสามารถดัดแปลงได้ไหม เพราะสิ่งที่เราจะต้องรับ
ว่าในการตลาดนั้นเขาจะมาสั่งว่าแจกันหรือว่าถาดรอง
ผลไม้นี้สามารถทำแบบละ 600 ชิ้นได้หรือไม่ พอเวลาเรา
ทำแล้วเรื่องหนึ่งที่ทำได้ แต่ว่าพอตลาดเข้ามาหาแล้วเรา
ยังทำไม่ได้ ตรงนี้เป็นส่วนที่เราจะต้องไปลองทำว่าเรา
สามารถแบ่งขั้นตอนการทำงานได้ไหม เมื่อวานครูช่าง
มาเห็นแล้วผมแบ่งขั้นตอนการทำงาน ไม่ต้องทำให้
ผลิตภัณฑ์เสร็จในคนเดียว ในการทำ มีคนขึ้น
โครงสร้าง มีการติดรูปทรง มีการเก็บรายละเอียด มี
การทำวัตถุดิบนะครับ แจกจ่ายกันไป แล้วงานจะได้
คุณภาพ และทันเวลา เพราะฉะนั้นในการรองรับการ
ตลาด เช่น ล่าสุดทางฝรั่งเศสสั่งชิ้นละประมาณ 300
ชิ้น สั่งปลาส่งเป็นของขวัญปีใหม่ประมาณ 1,500 ชิ้น

ดร.สิริกร มณีรินทร์ ประเด็นต่อมาก็คิดว่าอยากจะให้ลูกหลานไป
อาจารย์กรกต ไปรับยอดสั่งซื้อมาเมื่อ เรียนออกแบบ ก็เลยปลุกใจน้องโอมว่าเราควร
เดือนที่แล้วเป็นปลาตัวเล็กๆ ประมาณ จะทำให้การออกแบบมาเกี่ยวข้องการที่จะเพิ่ม
1500 ชิ้น มูลค่าวัตถุดิบ เพราะว่าตรงนี้เป็นส่วนสำคัญใน
การที่ทำให้คนที่ซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา ทำ
ดร.กรกต อารมย์ดี ผลิตภัณฑ์ของบ้านเราไปสู่นานาชาติได้ ประเด็น
มีดอกไม้ สำหรับคริสเตียน ดิออร์สำหรับจัดแสดงซึ่ง ต่อมาคือเมื่อมีการทำออกแบบแล้ว เราก็ไป
มาจากเปลือกกล้วยจริงๆ ได้สอบถามในกลุ่ม LINE เกี่ยวกับการตกแต่งได้ เราสามารถตกแต่งฝา
ใครทำได้ไหม ก็ปฏิเสธกัน ตรงนี้มีตลาดที่รองรับ ผนังได้ ทำบนอากาศได้ ทำโคมไฟ ทำ
จริงๆ มันสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าจากพืช เฟอร์นิเจอร์ได้
หลังบ้านและทักษะของเราเอง แต่แบ่งขั้นตอนนะครับ ดร.สิริกร มณีรินทร์
แล้วก็เงินจากต่างประเทศมาเป็นเงินยูโรแล้วสามารถ เรียนท่านผู้ฟังว่าทีมอาจารย์กรกตออกแบบปลา
ที่จะ เพิ่มค่าได้ เพราะว่าในการค้า การต่อรองไม่ใช่ราคา จักสานแขวนอยู่ที่สยามพารากอนในขณะนี้ ซึ่งมี
ที่เราทำอยู่ เราอาจจะขาย 10 บาท 20 บาท แต่พอแบ่ง ผลงานกระจูดของครูยามีละห์ สานเป็นปลา
ขั้นตอนการทำงาน เอารื่องของการทำงานเป็นวันมา กุเลา 10 ตัว
เกี่ยวข้องการทำราคา เพราะงั้นวันนึงเราทำ 350 เรา ดร.กรกต อารมย์ดี
จะทำได้ 8 ชิ้น 10 ชิ้น จะเพิ่มมูลค่า ตรงนี้เข้าไปจะทำให้ CONCEPT นี้คือร่วมกับคุณเพลินจันทร์ พี่มุก
32 เรื่องของผลกำไรมันเกิดขึ้น การทำกระติ๊บข้าวเหนียว ของบียอนด์ ลิฟวิ่ง พี่มุกจะสานผ้าได้เก่งมาก พี่
วันนึงทำได้ประมาณ 150 บาท หรือถามคุณพี่สดศรี มุกได้ถามว่าพี่อยากจะได้งานจักสานมาอยู่ข้าง
ว่าตัวนี้ราคา 60- 70 บาท แต่พอเวลาเราทรีตไม้ไผ่ ล่าง จะทำยังไงให้เชื่อมโยงกัน เพราะว่าจะเฉลิม
แล้วสามารถเพิ่มมูลค่าได้ประมาณ 150 - 250 บาท ฉลองในช่วงเวลาที่เป็นวันแม่แห่งชาติของ
เขาก็ซื้อ ไม่ได้ซื้อชิ้นเดียว ซื้อ 1000 ชิ้น เราสามารถ สมเด็จพระพันปีหลวง ผมจึงบอกว่า ในน้ำมีปลา
จัดการได้ไหม ผมไปติดต่อการค้าที่ออสเตรเลียแล้ว ในนามีข้าวนี่เป็นส่วนสำคัญ เพราะว่าในพืชของ
เราก็สามารถที่จะขายของได้ด้วย เรามีส่วนสำคัญในการที่ทำให้เกษตรของเรามี
ความสมบูรณ์ พี่มุกเป็นช่างทอผ้าเป็นแม่บ้าน
แม่ศรีเรือน พ่อบ้านจะเป็นการจักสานจะ
สนับสนุนแม่บ้าน ก็เลยเอาเรื่องของการจักสาน
มาที่เกี่ยวข้อง แต่จะทำให้อย่างไรให้เกิดความ
สมบูรณ์ก็คือเราต้องมีปลาในน้ำ คือทำจักสาน
เป็นรูปปลาด้วยเอาทักษะการมัด การผูก การ
สานกระจูด การทำโครงสร้าง แล้วมีเรื่องของ
การใช้จักสาน การใช้ทักษะ โดยใช้ปลาที่อยู่ภาค
เหนือคือปลาช่อน ปลาแค้ที่อยู่อีสานทางยโสธร
ทางภาคกลางก็จะมีปลาม้า

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย

ดร.สิริกร มณีรินทร์ ดร.สิริกร มณีรินทร์

อาจารย์ทำปลากี่ประเภทคะ ตรงนี้ทำให้อาจารย์กรกตแทบจะเป็นคนเดียวที่ทำงาน
หัตถกรรมในลักษณะหนึ่งเดียวในประเทศไทย อาจารย์กร
ดร.กรกต อารมย์ดี กตเน้นทำงานด้านภูมิปัญญาจักสานให้ได้คุณภาพ มี
มาตรฐาน อาจารย์จะมองถึงความปลอดภัย ลูบแล้วไม่คม
ผมทำปลาประจำภาค ทางภาคใต้ก็จะเป็นปลากุเลา ไม่บาดมือ ไม่ทำวัสดุที่เป็นพิษต่อร่างกาย แล้วก็อาจารย์
เพราะว่าเอาภาพจากจิตรกรรมฝาผนังเข้ามา เข้าใจกติกาสากล เวลามาตรวจโรงงานอาจารย์จะไม่มีเด็ก
เกี่ยวข้องการทำจักสานแล้วเลือกเอาสีต่าง ๆ ที่อยู่ อายุต่ำกว่า 15
จิตรกรรมฝาผนัง เพราะว่าถ้าเราทำปลาเฉย ๆ มัน
เป็นเรื่องของวิชาการเป็นวัตถุดิบ แต่เราต้องใส่เรื่อง ดร.กรกต อารมย์ดี
ของความสุนทรียความงามเข้าไป เลยเอาจิตรกรรม
ฝาผนังที่มีความงดงามมีการเลื่อนไหลของเส้นสาย ไม่มีเด็กต่ำกว่า 15 และก็ไม่มีสูงวัย 60-65 เพราะฉะนั้นใน
เข้ามาเกี่ยวข้องกับการสร้างภาพ ก็เลยทำให้ ทีมของผมจะเป็นวัยรุ่นทั้งหมดเลย
จิตรกรรมมีความนุ่มนวล หัตถกรรมมีความนุ่มนวล
มากขึ้น ดร.สิริกร มณีรินทร์

ดร.สิริกร มณีรินทร์ อาจารย์หาเวลาไปกับเรา เพราะว่าอยากให้ภูมิปัญญาที่
อาจารย์มีไปช่วยให้ชุมชนเขามีสตางค์
เมื่อวานที่ไปดูงาน ทางวิทยาลัยชุมชนต่าง ๆ จะเห็น
ว่ามีความต้องการงานภูมิปัญญานี้อยู่ แต่ขอให้เราไป ดร.กรกต อารมย์ดี
เข้าลู่ของของกติกาสากลให้ได้ ซึ่งอยากให้อาจารย์
กรกต สรุปกติกาสากลที่เราจะต้องไปเข้าลู่นั้น ไม่ว่าจะ มีสตางค์ มีกินมีใช้ สามารถเอาเงินมาเกี่ยวข้องกับการส่ง
เป็นพฤติกรรมการใช้สอยของคนในเมือง การยก ลูกหลานไปเรียน เพราะว่าการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้
ระดับรายได้ขึ้นมาจากภูมิปัญญาจากทุนทาง เราหนีความยากจนได้ แล้วตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เรา
วัฒนธรรมต้องมีกติการะดับหนึ่ง มาเพิ่มมูลค่าเกี่ยวกับวัตถุดิบที่อยู่หลังบ้านเราได้

ดร.กรกต อารมย์ดี ดร.สิริกร มณีรินทร์

เบื้องต้นก็คือการทำงานร่วมกันของนักออกแบบ ดร.วุฒิไกร ศิริผลหรืออาจารย์ฟา อายุ 34 ปี เรียน Textile
เพราะว่านักออกแบบจะเป็นสะพานในการที่จะเชื่อม จาก Royal College of Arts ด้วยทุนอานันทมหิดล
โยงเรื่อง 1 ก็คือวัตถุดิบ 2 คือทักษะ 3 ก็คือช่าง อันนี้
จะไปได้ไว เพราะว่านักออกแบบจะมีโปรเจ็ค ตอนนี้เป็นอาจารย์ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย
มีเทรนด์ มีการสร้างแนวคิดเกี่ยวกับการทำ
Concept ต่างๆ เกี่ยวกับโครงการ เกี่ยวกับการ ธรรมศาสตร์แต่ที่พิเศษคือ อาจารย์ทอผ้าเก่ง อาจารย์
ออกงาน Fair เกี่ยวกับการค้าขาย เกี่ยวกับการขนส่ง
และแพคเกจ จะมีการพูดสรุปเกี่ยวกับการตลาด ทอผ้าเป็นตั้งแต่ก่อนเข้าธรรมศาสตร์ สาเหตุที่ทำให้
อีกครั้ง อาจารย์ฟาสนใจทอผ้า หรือที่ศรีสะเกษบ้านเกิดของ

อาจารย์ฟา อาจารย์ทอผ้าเป็นตั้งแต่ตอนนั้น ดีใจมาก 33
เพราะว่าการที่คนรุ่นใหม่คนหนึ่งซึ่งปกติแล้วไม่ค่อยรับ

ช่วงงานหัตถกรรมอย่างนี้มาสนใจงานผ้าทอ

อีกประเด็นหนึ่งก็คือ เมื่อวานนี้ทางทีมช่างได้ไปดู ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
แล้วหัตถกรรมมีมูลค่าสูงจริง ๆ เพราะมันดูมีราคา
มากกว่า เห็นมั้ยครับว่าในการที่เราได้ไปสัมผัสสถาน
ที่จริง หัตถกรรมมีบทบาทในการทำให้คนมาใช้สอย
กับพื้นที่ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าในการดัดแปลง
ปรับปรุงทักษะของเราให้ร่วมสมัยมีบทบาทสำคัญที่
จะทำให้อนาคตของการทำหัตถกรรมต่อยอดไป
อย่างยั่งยืน

ดร.วุฒิไกร ศิริผลช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย ดร.วุฒิไกร ศิริผล
โครงการวิจัยทำงานร่วมกับวิทยาลัยชุมชน มี
เราเป็นเด็กศรีสะเกษ เรียนประถม มัธยม ที่ศรีสะเกษ เห็นยาย อาจารย์ทรายพร เป็นหัวหน้าโครงการวิจัยของ
ทอผ้า ตั้งแต่อยู่ตรงนั้นแต่เราก็ไม่เคยสนใจ พอมาเรียน วิทยาลัยชุมชน แล้วก็ทำงานร่วมกัน แล้วก็ใน
มัธยม ไม่ชอบเขียนหนังสือ จะนั่งวาดรูปเล่นในสมุดจด ครูก็ โครงการเป็นเรื่องของการทำตำรา แล้วก็
สอนไปก็จะนั่งวาดรูปเล่นไป เลยคิดว่าเราควรจะไปเรียนอย่าง หลักสูตรสำหรับการเรียนทอผ้า ทางวิทยาลัย
อื่นที่ไม่ใช่สายวิทย์ เราก็เลยอยากเรียนแฟชั่น ทีนี้พอมาเรียน ชุมชนทำงานเกี่ยวกับการสำรวจครูช่าง แล้วก็
แฟชั่นที่ธรรมศาสตร์เขาจะสอนแฟชั่นแล้วก็สิ่งทอ เราก็รู้สึก จัดทำฐานข้อมูลครูช่าง ในโครงการของ
ว่าสิ่งทอสนุก เพราะสิ่งทอมันเป็นของที่ไม่เคยเห็น เช่น สกรีน ธรรมศาสตร์ได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์
เสื้อ เคยเห็นแต่ผลิตภัณฑ์ที่สำเร็จแล้ว ไม่รู้ว่ากระบวนการมี ดร.พัชชา อุทิศวรรณกุล จากจุฬาลงกรณ์
อะไรอยู่ข้างหลังบ้าง พอได้ทำแล้วสนุก ทอผ้าก็เหมือนกัน มหาวิทยาลัย มาเป็นนักวิจัยร่วมและเป็นที่
เคยเห็นในสารคดีแต่พอได้ทำแล้วมันสนุกเราก็ เลยทำต่อมา ปรึกษาให้กับโครงการด้วย ตัวโครงการได้ถอด
เรื่อย ๆ เสียดายอยู่อย่างนึงก็คือยายเสียชีวิตไปก่อน ก็ไม่ได้ ความรู้ ตำราหรือหนังสือที่เกี่ยวกับผ้าไทยมี
เรียนจากยาย เรียนจากธรรมศาสตร์เลยแล้วก็ฝึกฝนมา เยอะในประเทศไทย
ทำงานก็มีโอกาสได้เรียนกับอาจารย์กรกตด้วย แล้วก็มี
โอกาสได้ไปเยี่ยมที่สตูิดิโอ ก็รู้สึกว่ามีอะไรที่เราทำได้ การที่เรา แต่ว่าโดยมากแล้วจะเป็นของคนที่ไปดูไปถาม
เป็นนักออกแบบอย่างหนึ่งที่เป็นนิสัยคือจะพยายามหาอะไร ถ่ายรูปแล้วนำมาเรียบเรียง แต่ตำราหรือ
ใหม่ ๆ หาสิ่งที่รู้สึกว่าเราน่าจะทำได้แล้วคนอื่นเขายังทำไม่ได้ หนังสือที่ถ่ายทอดจากมุมของคนทำหายาก
รู้สึกว่าเราพอจะหาเจอแล้วก็ทำต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ แล้วงาน เรียกว่ามีเล่มถึง 2 เล่มเท่านั้นที่อธิบาย
ทอผ้าเป็นงานที่มีอยู่ทุกภูมิภาค เรารู้สึกว่าเรามีประโยชน์ เรา ลักษณะที่ว่าช่างทอคิดอะไรแล้วช่างทอทำอะไร
ทำงานหลังจากเรียนจบ มีโอกาสไปต่างจังหวัดไปช่วยนัก อยู่ตรงไหน แล้วในลักษณะของการเรียนทอ
ออกแบบทำงานกับชุมชน รู้สึกว่าทักษะเรามีค่า แล้วก็พอเรา ผ้าไม่ใช่การเรียนแบบจดบันทึก แต่เป็นการ
ได้ไปเรียน สุดท้ายไปเรียนต่างประเทศ แต่ความรู้ที่เรามีจาก เรียนแบบนั่งทำ จับมือทำ ทำผิดเขาแก้ให้ ทำ
การเรียนในประเทศไทยไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่าเลย เราทอผ้าได้ อยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้นมุมมองของช่างทอจะอยู่
เราเข้าใจทุกอย่างที่เขาทำได้ เลยรู้สึกว่าถ้าเราอยากกลับมา แค่ตรงนี้ใกล้ ๆ 30 ซม. เราก็จะพยายาม
ทำงานในประเทศไทย ทำสิ่งที่มีประโยชน์กับประเทศไทย ถ่ายทอดมุมตรงนั้นออกมา พยายามที่จะยก
โดยตรง เลยอยากที่จะทำโครงการวิจัยที่เกี่ยวกับเรื่องของ ตัวอย่าง เช่นเรื่องของการสร้างลาย เก็บลาย
งานชุมชน โดยที่อยากรู้ว่านักออกแบบจะเรียนกับครูช่างได้ ด้วยไม้ นั่นคือสิ่งที่ช่างทอเห็น และเวลาที่เรา
อย่างไร นักออกแบบจะชำนาญกว่าครูช่างได้อย่างไร เพราะว่า เรียนทอผ้านั่นคือสิ่งที่เราเห็นเราก็จะพยายาม
โดยปกติแล้วนักออกแบบจะมาจากโครงการของรัฐบาลก็มา ที่จะทำตรงนั้นออกมา มันก็เป็นการใช้ความ
คุยครึ่งวันแล้วก็หายไป มันก็จะวนอย่างนี้ เลยรู้สึกว่าเราน่าจะ อดทน
มีการทำงานที่เชื่อมโยงกันมากขึ้น ก็มีโอกาสได้เจอท่าน
ดร.สิริกร ในช่วงนั้นครับ

ดร.สิริกร มณีรินทร์

34 ชวนอาจารย์มาทำวิจัยเรื่องผ้าทอลาวครั่งนะคะ ขอเจ้าหน้าที่
ช่วยขึ้นภาพตำราซึ่งทีมงานได้พัฒนาขึ้นซึ่งตอนนี้วิทยาลัย
ชุมชนอุทัยธานีได้นำตำรานี้ไปใช้ในการเรียนการสอนกับเด็ก
ซึ่งก็มีตัวอย่างงานผ้าทอของนักศึกษาอยู่ในนิทรรศการด้วย
อาจารย์ฟาถอดองค์ความรู้นี้ออกมาอย่างไร

ผศ.ดร.วีรวัฒน์ สิริเวสมาศ ดร.สิริกร มณีรินทร์
จากโครงการของอาจารย์วีรวัฒน์ อาจารย์กรกต อาจารย์
ได้เห็นความต่อเนื่องทั้งอาจารย์ฟา และดร.กรกต มา เอ๋ ลงไปที่นราธิวาส ทำงานกับวิทยาลัยชุมชนนราธิวาสก็
ถึงมุมที่เกี่ยวข้องกับครูช่าง เริ่มกันที่คุณครูยามิ พบว่าจากครูช่างศิลปาชีพด้านกระจูด 9 คน วันนี้มี 16 กลุ่ม
ละห์ ทราบว่าครูยามิละห์ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จ คือ 9 คนก็จะดูแล 9 กลุ่ม แต่ว่าวันนี้ขยายวง กลายเป็น
พระพันปีหลวง ตรงนั้นจะส่งผลอย่างไร ท่านทรง ผลิตภัณฑ์เศรษฐกิจของจังหวัดนราธิวาสที่โดดเด่นทีเดียว
งานอย่างไร แล้วส่งผลหรือมีอิทธิพลอย่างไรกับการ เป็นผลจากการทรงงานของสมเด็จพระพันปีหลวง ซึ่งใน
ทำงานในระดับครูช่างที่จังหวัดนราธิวาสบ้าง โอกาสนี้ ก็ขอเรียนเลยนะคะว่าต้นทาง โดยส่วนตัวเห็นมา
ทุกจังหวัด เห็นช่างแบบยามิละห์ที่เคยได้รับพระ
นางยามิละห์ ดอเล๊าะ มหากรุณาธิคุณหลายคน เห็นผลงานเห็นผลผลิตอันเกิด
จากพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ก็คิดว่าวันหนึ่ง
ได้มีโอกาสทำงานจักสาน มีความภาคภูมิใจแล้วก็ สถาบันช่างศิลป์ควรจะจัดงานน้อมรำลึกในพระ
ดีใจที่ว่าเราสามารถเข้ามาทำตรงนี้ นอกจากที่ว่า มหากรุณาธิคุณ นี่คือสาเหตุที่เรามานั่งอยู่ที่นี่วันนี้ แล้วผล
ตอนแรกตอนเราเด็ก ๆ คือแม่เราทำ ยายเราทำงาน งานของยามิละห์ที่เกิดจากงานวิจัยที่ทีมงานศิลปากรลงไป
ตรงนี้เลี้ยงดูครอบครัว ต่อมาเราก็มาทำตรงนี้ แล้ว ทำ น่าจะเป็นครั้งแรกที่สานเก้าอี้ ทีมอาจารย์วีรวัฒน์ ไป
ก็ได้มีโอกาสเข้าโครงการศิลปาชีพ พอได้ทำโครง ออกแบบร่วมกัน
การศิลปาชีพก็มีการจัดประกวด ทุกครั้งที่สมเด็จ
พระพันปีหลวงเสด็จพระตำหนักทักษิณจะมีการจัด 35
ประกวดงานศิลปาชีพทุกประเภท แล้วก็มีงานกระจูด
ด้วย ก็จะทำส่งเข้าประกวดหลาย ๆ ครั้ง ได้มีโอกาส ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
เข้าเฝ้ารับพระราชทานรางวัลจากฝีพระหัตถ์เลย ใกล้
ชิดมากเลยคะ ดีใจที่เราได้รับพระมหากรุณาธิคุณ
ตรงนี้ คือ เงินรางวัลที่ท่านให้ การที่เราทำงานทำ
ผลิตภัณฑ์ส่งเข้าโครงการตรงนี้เราได้มาต่อยอด
เป็นอาชีพ เราเอามาเป็นทุนในการประกอบอาชีพ
สามารถสร้างบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่อาศัยกับครอบครัว
ซื้อจักรยานยนต์ใช้ทำงาน เงินรายได้ตรงนี้ส่งให้ลูก
เรียน ตรงนี้คือความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง แล้วอีก
อย่างหนึ่งที่ภาคภูมิใจก็คือเราทำงานถวาย สมเด็จ
ท่านรักเรื่องงานหัตถกรรมมาก อยากให้สืบสานแล้ว
ก็สืบทอดให้รักษา ท่านกลัวว่าถ้าเราไม่รักษาไม่ดูแล
จะหายไป ท่านก็เลยแต่งตั้งครูแต่ละแผนก ซึ่งยามิ
ละห์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นครูศิลปาชีพแผนก
กระจูด คนที่ 9 ของจังหวัดนราธิวาส โดยมีลำดับ
ของครูเลยคะ ก็คือกลุ่มครูทุกคนแต่ละแผนกท่าน
อยากให้สืบสาน เผยแพร่แล้วถ่ายทอด ซึ่งที่ยามิละห์
ภูมิใจอย่างหนึ่งก็คือสามารถสอนสมาชิกที่สนใจ
หรือว่าชาวบ้านที่สนใจ แล้วตอนนี้ก็คือสืบทอดให้ลูก
แล้วลูกก็สนใจงานนี้ คนโตที่มาด้วยจะช่วยงานทั่วไป
แต่คนน้องจะออกแบบเก่ง แล้วก็เป็นลักษณะแบบ
สมัยใหม่ เพราะยามิละห์ก็เป็นแบบดั้งเดิมแบบพื้น
บ้าน แต่เขาจะเป็นลักษณะที่พัฒนาขึ้นมาเป็นแบบ
ผสมผสาน เอาลายโบราณลายดั้งเดิมมาเป็นลาย
ใหม่ แล้วก็สามารถสอนได้ด้วย

นางยามิละห์ ดอเล๊าะ ดร.สิริกร มณีรินทร์

ส่วนตัวดีใจมากที่โครงการนี้ลงไป คืออยากลองสิ่งที่เราทำ วิธีการทำงานร่วมกันอย่างเป็นกัลยาณมิตร

เป็น แล้วเราอยากต่อยอด ซึ่งอยากให้เป็นรูปแบบของ ไม่มีใครเก่งกว่าใคร ทั้งฝ่ายอาจารย์ของ

โครงสร้าง เลยบอกอาจารย์ว่าขอลอง แต่ยังไม่รู้ว่าออกมา วิทยาลัยชุมชน ทางฝ่ายชุมชนนักจักสาน

แล้วมันจะเป็นแบบไหน ก็คือต้นแบบยังไม่ได้สวย ยังต้อง อยากให้อาจารย์กรกต อธิบายทำไมเป็นเก้าอี้

ปรับปรุงอีกเยอะ แต่อาจารย์กรกตก็บอกว่าไม่เป็นไรมันคือ เราจะได้อะไรจากการสานเก้าอี้ขึ้นมา

ต้นแบบ เดี๋ยวเราพัฒนาต่อได้ แต่ว่าตัวนี้คือทำกับลูกคะเพราะ ดร.กรกต อารมย์ดี
ตัวยามิละห์เองคนเดียวก็คงทำไม่ไหว เพราะว่าลายยากจะให้
น้องเขาทำ น้องนัสรูน อายุ 20 ปี แต่ว่าน้องมีลักษณะที่ไม่ค่อย

สมบูรณ์ น้องเดินไม่ได้เพราะว่าน้องป่วยมาหลายปี จากการที่ จากการที่ได้ฝึกปรือฝีมือแล้วก็การเรียน

น้องป่วย น้องก็อยู่กับยาย ยายก็สานกระจูด น้องก็สานกระจูด ปฏิบัติที่อาจารย์วี คณะอาจารย์สอนมา ทุก

กับแม่กับยาย ความรู้ส่วนใหญ่ น้องจะรับจากยาย ยามีละห์แค่ อย่างที่เป็นกระบวนการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ

เสริม ด้วยการหัตถกรรมทำเพื่อให้เกิดความชำนาญ

ผศ.ดร.วีรวัฒน์ สิริเวสมาศ และประสบการณ์ เพื่อมาคุยกับครูช่างที่เก่งให้
เข้าใจตรงนี้ เป็นการสังเกต ผมสังเกตด้วยการ
ไปสเก็ตงานที่เป็น pattern ได้เรียนรู้เรื่องลาย

เรื่องกระบวนการออกแบบ สมมุติถ้าเราเป็นคณาจารย์นัก จักสานต่างๆ กับของชุมชนที่ทำ ของคุณครูยา

ออกแบบมืออาชีพต่างๆ ทั้งหลาย แต่พอเรามองเห็นบริบท มิละห์ เรื่องของการหุ้มกับตัวที่เป็นเส้นจะทำหู
เหล่านี้แล้วเนี่ย เรากำลังทำงานกับครูช่างซึ่งมีฝีมือ ซึ่งมีความ ตระกร้าก่อน ตรงหูสามารถเอามาทำ pattern

รู้ความเข้าใจในเรื่องของกระบวนการจักสานวัสดุที่ดีมากอยู่ ตรงส่วนของขาเก้าอี้ได้ เพื่อทำให้การแข็ง

แล้ว เราก็เลยคุยกับทีมงานวิจัยว่าเรามาทำงานออกแบบที่ดู กระด้างของโลหะมันลดทอนเป็นความนุ่มนวล

เหมือนไม่ใช่งานออกแบบก่อนดีกว่า คือเป็นเรื่องของการ อันนี้คือสีของความเป็นธรรมชาติ แล้วการสาน
เปลี่ยน Mindset ท้าทายให้แม่ๆ ป้าๆ ครูช่าง น้องๆ ทำงาน ที่เป็นลายเล็กๆ ไม่ค่อยจะมีคนทำ
อะไรบางอย่างที่ดูเหมือนจะไม่คุ้นเคย จากงาน 2 มิติ ลองมาทำ ประเด็นต่อมาเป็นเรื่องของการทดลองเอาลาย
3 มิติ จากนูนสูงมาเป็นนูนต่ำ จากนูนต่ำไปเป็นนูนสูง ไปเป็น เก่ากับลายใหม่ แล้วน้องนัสรูนมีความขยันและ
ลอยตัว ดังนั้นจะมีเรื่องของการสร้าง pattern ซึ่งทางครูช่าง ทดลองมา 2 คืนเพื่อจะทดลองให้สัมฤทธิ์ผล
อาจจะมีความชำนาญอยู่แล้ว เรามาหาวิธีเปลี่ยน pattern ไม่นอนแล้วนะครับ ครูยามิละห์บอกว่าทำให้

เหล่านั้นในรูปแบบที่แตกต่างจากเดิม แต่ยังตั้งอยู่บนพื้นฐาน บรรยากาศเก่ากลับมา ความอบอุ่น ความ
ขององค์ความรู้ความชำนาญของครูช่าง เปลี่ยนโครงสร้าง สามัคคีทำให้ผลิตภัณฑ์ออกมาแบบมีคุณค่า
จาก 2 มิติ จากระนาบให้เป็นโครงสร้าง 3 มิติ ที่มีโครงสร้างอยู่ เพราะผมเองไปดูเทรนด์ต่างๆ ที่อยู่นานาชาติ

ข้างใน เราก็เอาโจทย์เหล่านี้มาหารือกันในระดับนักวิจัยก่อน เราเองมีทีมช่างที่เก่งมากแต่เขาก็ทำเรื่องของ

และแน่นอนเราก็ต้องหารือกับอาจารย์วิทยาลัยชุมชนด้วย ซึ่ง ความเป็นชุมชนที่เป็นไลฟ์สไตล์ของเรา

อาจารย์วิทยาลัยชุมชนก็ช่วยกันประสานงาน มาประเมินความ

36 เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนในการส่งโจทย์เหล่านี้ให้ครูช่าง แม่ๆ

ป้าๆ น้องๆ กันทดลองทำ ถูกผิดไม่เป็นไร มีแต่ทุกอย่างคือ

การเรียนรู้ร่วมกันนั่นเองนะครับ แล้วผลลัพธ์ของการทดลอง
มันจะต้องมีการทดลอง
ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
การทดลองอาจจะมีทั้งสำเร็จไม่สำเร็จซึ่งทุกอย่างเป็นผลลัพธ์
ที่ดีทั้งนั้นเพราะเราจะเรียนรู้จริงๆ กรณีที่ยังไม่สำเร็จเราจะได้
มาหาวิธีวิเคราะห์แล้วก็หาวิธีแก้ไขในเรื่องของการออกแบบ
ต่อไป ตรงนี้ย่อมไม่เฉพาะแค่ทีมวิจัย ครูช่างต่างๆ บางทีท่าน
เป็นผู้หาวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านั้นด้วย เช่นการขึ้นโครงสร้าง
ต่างๆ บนโครงสร้างที่อาจจะยังไม่คุ้นเคย วิธีจบงานสานจะเป็น
อย่างไร บางทีเราเองเราอาจจะยังไม่มีความรู้ถึงขนาดนั้นแต่
เราเหมือนกับเราส่งโจทย์มาแล้วมาแก้ไขปัญหาร่วมกัน

ดร.กรกต อารมย์ดี (ต่อ) 37

พอเวลาเอาเก้าอี้ที่เป็นเรื่องของการพัฒนาแบบเข้ามา ตัวสีแดง ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
นะครับเป็นสีที่ต้องสังเกตว่าเป็นสีที่ทางกระจูดที่ทำได้สวยมาก
ซึ่งกระจูดเองเป็นสีเหลืองนะครับ แล้วก็จุดนี้ขึ้นที่ป่าพรุแล้วก็มี
ต้นเสม็ดขาว น้ำเจิ่งนองอยู่ระดับต่ำ ทำให้กระจูดที่นราธิวาส
ชะลูดสูง เส้นเหนียวและเส้นเล็ก ทำให้ลายสานของกระจูดของ
นราธิวาสมีความแน่นและทนทานได้ดี จึงเอามาสานตรงรูปแบบ
เก้าอี้ให้สวย แล้วใช้สีแดงที่เป็นสีที่ทำได้ยาก ติดบ้างไม่ติดบ้าง
เป็นธรรมชาติ ทำให้เก้าอี้ดูราคาแพง จากการที่ทำกระเป๋าใบหนึ่ง
ราคาประมาณ 2-300 บาท แต่ทำเก้าอี้เนี่ยเราจะขายได้ 2,600 -
3,000 บาท ในเชิงของเฟอร์นิเจอร์ซึ่งตอนนี้เราทำตัวแรก

จริง ๆ ในการออกแบบตัวแรกเราจะไม่ขาย เราจะขายตัวที่ 4-5
เพราะฉะนั้นในการทำครั้งแรกครูยามีละห์ มีปัญหามากทีเดียว ไม่
ว่าจะการเก็บขอบ การทำด้านข้าง การเว้นระยะ แล้วก็การลองนั่ง
แล้วพอลองนั่งแล้ว ผมใช้ผ้าลินินที่เป็นสีแดงมาผนึกเพราะว่าสี
อื่นไม่เหมาะสม สีผ้าลินินทำให้เรื่องของความโดดเด่นของกระจูด
ออกมาได้มากกว่า แล้วเราก็ทำให้สีเหล่านี้เป็นสีของเทรน มีสี
เขียวของครูน้อง ครูเจ๊ะเซาะเป็นสีน้ำเงิน แต่ละคนมีลักษณะใน
การย้อมสีเก่งมาก ซึ่งตรงนี้จะทำให้ลักษณะของเฟอร์นิเจอร์ที่
ออกมามีคุณค่าและขายได้ ปีหน้าเรามีงานของกระทรวงพาณิชย์
จะเอาไปวางโชว์ด้วย

ดร.สิริกร มณีรินทร์

มาถึงน้องน้อยของเรา น้องโอมซึ่งเป็นประธานกลุ่มจักสาน
เยาวชนจังหวัดยโสธร แล้วก็เป็นเจ้าของเพจจักสานไม้ไผ่แบรนด์
อรรถวิทย์ ท่านผู้มีเกียรติลองเข้าไปในเพจแบรนด์นี้นะคะ จะเห็น
มียอดสั่งกระติ๊บ 200 ใบ อยากฟังน้องโอม เล่าถึงที่มาที่ไปของ
การจัดตั้งกลุ่ม ตั้งเมื่อไหร่แล้วมีเยาวชนในกลุ่มกี่คน

นายอรรถวิทย์ โสตะวงษ์

ก่อนหน้าที่จะตั้งเป็นกลุ่มจักสานเยาวชนจังหวัดยโสธร หรือว่า
เป็นกลุ่ม OTOP มีการรวมตัวกันเป็นระยะเวลา 3 ปี กว่าจะ
รวบรวมคนแล้วดึงเยาวชนเข้ามาอยู่ในกลุ่มเพื่อพัฒนาอาชีพ
พัฒนาสืบสานวัฒนธรรมของหมู่บ้าน กลุ่มจักสานเยาวชนเป็นก
ลุ่มที่มีทั้งเยาวชน มีทั้งแม่ ๆ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ประเภทที่ 1
ก็คือเป็นกลุ่มเยาวชนที่มาทำงานกับเราเป็นนักเรียน ประเภทที่ 2
คือเป็นกลุ่มเยาวชนที่ไม่ได้เรียน ทางครอบครัวไม่มีทุนทรัพย์ที่จะ
ไปส่งเรียนชั้น ม.ปลาย จบแค่ ม.3 ผมจะดึงเยาวชนในชุมชน ใน
ตำบลในจังหวัดเข้ามาทำงานเพราะว่าอยากให้เยาวชนมีรายได้
แทนที่จะไปเล่นเกม ติดยา ประมาณ 80%

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย ดร.สิริกร มณีรินทร์
ทำไมอรรถวิทย์ถึงลุกขึ้นมาดึงเด็กนักเรียนเด็ก
เยาวชนมาร่วมกลุ่ม

นายอรรถวิทย์ โสตะวงษ์
ถ้าเราไม่ดึงเข้ามา ครอบครัวจะทำอย่างไรให้ลูก
กลับมาเป็นคนดี ไม่อยากให้เล่นเกม ไม่อยากให้
ติดยาเสพติด โรงเรียนบางโรงเรียนไม่ตาม
นักเรียนนะครับ เขาก็จะปล่อยไปช่วงชั้น ม.1-6
เป็นช่วงที่เยาวชนต้องการเพื่อน ความคิดคือจะ
อยู่กับเพื่อน ครอบครัวนี้เป็นรอง
กลุ่มยาวชนคนในตำบลรวบรวมอยู่ที่ 20-30 คน
แต่ไม่รวมกลุ่มเครือข่ายของโรงเรียน ถ้ากลุ่ม
เครือข่ายของโรงเรียน จะมีน้องๆ ประถม 2
โรงเรียน จำนวน 55 คน มีเยาวชนที่อยู่ในเขต
พื้นที่การศึกษาศรีษะเกษ ยโสธร 3 โรงเรียนคือ
ยโสธรพิทยาคม ทรายมูลวิทยา สอนแก้วว่องไว
วิทยา จำนวนร้อยกว่าคน เยาวชนร้อยกว่าคน จะ
แบ่งหน้าที่กัน ไม่ถือว่าจักสานเป็นทุกคน คนใน
กลุ่มที่จักสานเป็นจะอยู่ที่ 70 -80 % แล้วอีก 20
% ดึงทำงานที่ถนัด เช่นด้านเทคโนโลยี ด้านการ
ตลาด ด้านการเงิน หรือในด้านต่าง ๆ แม้แต่ด้าน
การออกแบบ โดยทางกลุ่มเราจะแบ่งออกเป็น 4
งาน คือ ผู้จ่ายงาน การเงิน กราฟฟิก และการ
ตลาด (ฝ่ายขาย) และก็มีแอดมินเพจซึ่งมีเยอะ
พอสมควร แอดมินเพจคือเราจะเอาคนที่มาทำ
กับเราจริง ๆ คืออยู่กับเราเป็นประจำ ก็คือโรง
เรียทรายมูลวิทยา จังหวัดยโสธร อันนี้คือผมดึง
มาเป็นแอดมินเพจเพราะว่าน้องที่อยู่ทรายมูล
วิทยาเป็นคนที่อยู่ในชุมชนของผมหมู่บ้านของ
ผม น้องเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ไปไหน ไม่ค่อยได้
ออกสังคม แล้วทางครอบครัวก็จะขาดแคลนทุน
ทรัพย์ เราก็จะมองว่าทำยังไงให้น้องมีรายได้มี
เงินไปเรียนในชั้นที่สูงขึ้น
คนที่มาทำจะอยู่ที่ 15 คน มีรายได้แตกต่างกัน
ส่วนมากออเดอร์จะเป็นแผ่นสาน บางคนเอาไป
ทำ เป็นกระเป๋า แผ่นสานจะมีรายได้ต่อคนไม่ต่ำ
38 กว่า 5,000 – 6,000 บาท/เดือน ช่วงเปิดเทอม
ครับ แต่ถ้าเป็นช่วงปิดเทอมจะอยู่ที่ประมาณ
9,000-10,000 บาท/เดือน
น้อง ๆ ไม่มีการหักค่าใช้จ่าย ไม่มีการหักค่า
อาหาร มีออเดอร์เข้ามา 200 แผ่น แล้วเป็นงาน
ชิ้นใหญ่ พอเป็นงานชิ้นใหญ่แล้วน้อง ๆ ต้อง
ผลิตต้องทำให้ได้ภายใน 1 อาทิตย์ ก่อนส่งลูกค้า
บางครั้งก็พักอยู่ที่บ้านกับผมทั้ง 15 คนเลย ให้
อยู่ให้กินที่บ้านผมโดยไม่หักค่าใช้จ่ายเลย

ดร.สิริกร มณีรินทร์

แล้วอะไรที่ขายดีที่สุด กระติ๊บหรือแผ่นสาน

นายอรรถวิทย์ โสตะวงษ์

ช่วงนี้ก็แผ่นสานขายดีครับ ผอบ และโคมไฟ
ลายขอมีที่นี่ที่เดียว ตัวนี้เป็นผลงานของน้อง
ๆ ที่กราฟฟิกเอง คือทางกลุ่มจักสานเยาวชน
ไม่ใช่มีแต่จักสานอย่างเดียวนะครับ มีกลุ่มผ้า
ที่อยู่ปราจีนด้วยครับ คือ กลุ่มเราจะเชื่อมโยง
กับกลุ่มผ้าเพื่อที่เราจะเอาลายผ้ามาประยุกต์
เป็นลายจักสาน คือลายขอพระราชทาน

ดร.สิริกร มณีรินทร์

การบริหารจัดการกลุ่ม น้องโอมทำหน้าที่อะไร
บ้างคะ

นายอรรถวิทย์ โสตะวงษ์

ผมจะเป็นฝ่ายเงิน ฝ่ายทุน แล้วก็เป็นฝ่าย
แจกงานครับ มีการประชุมอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
ทั้ง 100 กว่าคน ประชุมที่โรงเรียนยโสธร
พิทยาคม โดยมีท่านชัชพล รวมธรรม ผู้
อำนวยการโรงเรียน ได้สนับสนุนสถานที่

ดร.สิริกร มณีรินทร์ 39

ชื่นชมครูจังหวัดยโสธร โรงเรียนบ้านหนอง ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
เป้า วันที่เราทำ workshop ครูก็มาด้วย แล้ว
ก็เป็นครูสอนจักสานที่น่าชื่นชม น่าทึ่ง ยโสธร
เป็นแบบเมืองออแกนิก เมืองเกษตรอินทรีย์
จะสานโดยไม่ใส่สีเคมี เป็นเมืองน่ารักมาก ถ้า
ในแต่ละจังหวัดมีกลุ่มเยาวชนอย่างน้องโอม
2 กลุ่มก็จะสุดยอด อาจารย์กรกต บอกว่า
ต้องชวนน้องโอมไปเรียนออกแบบ น้องโอม
อยากเรียนครู แต่เราบอกว่าเรียนออกแบบก็
กลับไปเป็นครูได้ เพราะว่าทักษะฝีมือของ
น้องโอมไม่ธรรมดา

ดร.กรกต อารมย์ดี

วิทยาลัยชุมชนยโสธร ได้พาไปให้เห็นครูช่าง
อายุ 60-70 ปี กลุ่มพี่สดศรีพี่ดาวเรือง จะมี
กลุ่มของวัยทำงานอยู่บริเวณบ้านหนองเป้า
น้องโอมก็เป็นเยาวชนรุ่นใหม่ที่เห็นพ่อแม่
ปู่ย่าตายาย มีพี่ ๆ ทำให้เห็น สามารถที่จะทำให้
เกิดกลุ่มคนรุ่นใหม่ในการรักษางานจัักสานให้
สืบทอดต่อไป ยิ่งน้องเข้ามาใช้กลไกของการ
live สด การตลาดในเชิงรุ่นใหม่ทำให้การขาย
ตื่นตาตื่นใจ มีการจัดแจงขั้นตอนการทำงาน
เป็นระบบ

ดร.สิริกร มณีรินทร์ ดร.กรกต อารมย์ดี
พอเรามาทำงานเรื่องช่างศิลป์ท้องถิ่นจะเห็น
อย่างหนึ่งว่าความเป็นห่วงกังวลของทุกคน ต้องมีเรื่องของการต่อยอดเพิ่มขีดความสามารถ เรื่องนี้สำคัญมาก
คือส่วนใหญ่แล้วช่างจะเป็นผู้สูงอายุ แล้ว ในการต่อยอดในเรื่องของการทำ
บางกลุ่มแน่นอนที่สุดในเวลา 10 ปีเกิดล้ม จักสานขยายออกไป การใช้เชิงพาณิชย์เข้ามาหล่อเลี้ยง กับการ
หายตายจากไปตามวัฏจักรธรรมชาติ ทำงานจักสานของเรา งานจักสานมีตั้งแต่สมัยอียิปต์ แล้วก็มีทาง
เสียดายภูมิปัญญาที่จะสูญหายไป เพราะ จีน จะเป็นการจักสานมาตลอด ชีวิตที่มนุษย์เกิดขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน
เวลาที่เราทำงานหลายสิ่งสูญไปแล้ว เช่น การจักสานก็ยังใช้ได้อยู่ไม่ว่าจะเป็นจากเส้นใยจากธรรมชาติ หรือ
จังหวัดบุรีรัมย์ ทอมัดหมี่แบบขิดดินดาว ที่ เส้นใยที่เกิดจาการหลอมขึ้นมาใหม่จากพลาสติกหรือรีไซเคิล
เห็นแสดงอยู่ข้างนอกที่มีผ้าจวนตานี ซึ่งก็
เคยหายไปแล้วครั้งหนึ่ง หากไม่มีคนรุ่นใหม่

มารับสืบทอดต่อ วันหนึ่งประเทศเราจะเหลือ
อะไรนะคะ เป็นห่วงในประเด็นนี้ จะทำยังไรที่ การจักสานมีการใช้แพร่หลายในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็น
จะให้ภูมิปัญญาหัตถศิลป์เหล่านี้ดำรงอยู่ได้ เฟอร์นิเจอร์การทำผ้าม่าน หรือการทำโครงสร้างของบ้าน หรือ
แม้แต่ฝาผนังบ้าน มาจากเส้นใยธรรมชาติทั้งหมด เพียงแค่หาคนที่
40 ซื้อสินค้าของเราให้พบแล้วเราก็มาสร้างกลุ่ม ตรงนี้ในโครงการวิจัย
เขาเรียกว่า Reverse ใน process คือ ย้อนกลับไปที่กระบวนการ
ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย ตรงนี้เป็นปรากฏการณ์ไม่ว่าจะเป็นน้องโอมที่เป็นปรากฏการณ์ว่า
เกิดว่างานจักสานสามารถขายได้แล้วก็กลับมาสู่ชุมชนและสามารถ
สร้างรายได้ให้น้อง ๆ ไปสู่กระบวนการศึกษาอีกครั้งหนึ่ง เพียงแค่
เอาเทคนิคการสานกระติ๊บไปสานเป็นเฟอร์นิเจอร์ก็สามารถเพิ่ม
มูลค่า แล้วมาจัดทีมงานการตลาด การบัญชี มีนักออกแบบ มีช่าง
โครงสร้าง มีช่างประกอบงาน มีช่างขนส่ง มีช่างแพคเกจ แล้วก็มี
การทำออเดอร์

กลไกของการตลาดจะมี 3 ประเภท ก็คือ

1. การค้าปลีกหรือออเดอร์จำนวนมาก ในการทำค้าส่งกับร้าน
อย่างเช่น โฮมโปร หรือไทยวัสดุ อันนี้จะมีการจักสานอยู่ ในการ
ค้าปลีกเขาจะซื้อจำนวนมาก

2. คือการตกแต่ง ซึ่งจะเป็นเรื่องของการทำโปรเจค อย่างหอ
ศิลป์ก็จะมีเรื่องของที่นั่งซึ่งเป็นงานจักสานได้

3. คือการประดับเกี่ยวกับโรงแรม ร้านอาหาร เป็นส่วนหนึ่งของ
การทำการดัดแปลงเทคนิคเดิมให้ไปสู่กระบวนการเชิงพาณิชย์
3 ประเภทนี้ถ้าเราสามารถจัดคนให้รองรับกับการตลาดอย่างนี้
ได้ ก็สามารถพาจักสานของเราไปได้ตลอดรอดฝั่ งได้

ผศ.ดร.วีรวัฒน์ สิริเวสมาศ องค์ความรู้ตัวผลิตภัณฑ์ จากเดิมที่เคยใช้อยู่ใน
ชุมชนในแบบระดับ domestic ที่ใช้อยู่แล้ว ยังมีการ
จากที่ได้ฟังกันมา มีหลาย ๆ โมเดล ซึ่งก็คือ องคาพยพ ใช้สอยลักษณะนี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นเสื่อ กระติ๊บ และ
ของหัตถศิลป์ไทย มีหลายหน่วยงานกำลังขับเคลื่อนของ ประยุกต์ใช้องค์ความรู้ภูมิปัญญาเหล่านี้ให้เป็น
เขาอยู่นะครับ มี Dynamic มีพลวัตอยู่ ไม่ว่าจะเป็นระดับ ผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างไร อย่างที่อาจารย์กรกตว่าเป็น
น้อง ๆ คนรุ่นใหม่ ซึ่งตอนแรกก็จะห่วงว่ามีไม่เยอะ แต่ว่า เรื่องของวิถีชีวิตสมัยใหม่ การปรับคุณภาพสิ่งเหล่า
พอมีแล้ว เขาต้องเห็นช่องทางความเป็นไปได้การต่อยอด นี้ให้ไปอยู่ในบริบทวิถีชีวิต เก้าอี้ ชุดโต๊ะต่างๆ เข้าไปสู่
เป็นอย่างไร อย่างครูยามิละห์เป็นตัวแทนของครูจักสาน วิถีชีวิตของคนเมืองได้ และวิถีร่วมสมัยหรือ
ช่างจักสาน รุ่นกลาง รุ่นใหญ่ ซึ่งยังมีแรง มีสิ่งต่างๆ ที่จะ พลเมืองโลกอื่น ๆ ไปเชื่อมโยงกับนานาชาติที่มีวิถี
ขับเคลื่อน เราจะเห็นแม่ๆ ป้า ๆ ย่า ๆ ยาย ๆ เรามีโอกาส ชีวิตในการใช้สิ่งของเหล่านี้ เช่น โคมไฟ สมมุติเราทำ
ลงพื้นที่ที่ตราดนะครับ เป็นยาย ๆ แล้ว นี่อายุ 70-80 ปี กันเองคือ ฝาชีหรือกระบุง กระจาด ถ้าจับพลิกคว่ำ
พลิกหงาย ใส่หลอดไฟ สานให้ถี่ ห่าง มีความ
ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำงานจริงๆ ก่อนที่จะมาถึงโมเดลตรงนี้ มี โปร่งแสงทึบแสงบางส่วน จะกลับกลายเป็นโคมไฟ
หลายๆ กลุ่ม ในกลุ่มผู้ประกอบการ กลุ่มครูช่าง กลุ่มผู้ แม้ชาวต่างชาติก็นำไปใช้ได้
ทำงานจักสาน แล้วกลุ่มของสถาบันไม่ว่าจะเป็นวิทยาลัย อาจารย์กรกต พูดถึงการตกกแต่งบ้านของคน
ชุมชน วิทยาลัยอาชีวะต่าง ๆ ที่เป็นหน่วยย่อย ๆที่จะเข้าถึง ตะวันตก มีฤดูร้อน ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้
ชุมชนต่าง ๆ ทำงานกับช่างศิลป์์ กับครูช่างศิลป์รวมถึง ร่วง สิ่งเหล่านี้ก็ต้องผ่านคนที่ทำงานทางด้านการ
การคิดค้น การถอดบทเรียนให้ออกมาเป็นหลักสูตร ตลาด ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แล้วเข้าใจถึงบริบทอีก
สถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษาหลายๆ สถาบัน วัฒนธรรม

ต่างพยายามทำความเข้าใจเรื่องของการทำงานวิจัยก็ตาม 41
การเรียนการสอน การถอดองค์ความรู้ในระดับอุดมศึกษา
การเชื่อมโยงเข้ากับงานออกแบบที่ทันสมัยไม่ว่าจะเป็นใน
มิติของการอนุรักษ์ ในมิติของตัววัสดุศาสตร์ที่เชื่อมโยง
เข้ากับการถอดองค์ความรู้ทางด้านวัสดุศาสตร์ การทำให้
อยู่อย่างยั่งยืนเพื่อเชิงพาณิชย์หรือว่าการเข้าถึงการใช้
วัสดุซึ่งปัจจุบันก็ถือว่าเป็นแนวโน้มในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น
เรื่องของการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตัวผลิตภัณฑ์ที่
ช่างศิลป์ท้องถิ่นกำลังดำเนินการอยู่เป็นผลิตภัณฑ์จาก
วัตถุดิบธรรมชาติ ต้องไปอยู่ในกระบวนการของการทรีต
การปรับคุณภาพแบบเชิงธรรมชาติหรือบางส่วนผสม
ผสานในเชิงสังเคราะห์ เชื่อมโยงกับอาจารย์กรกต
อารมย์ดี ที่เป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ ที่จะไปเชื่อมโยง
ในเรื่องของการนำไปใช้ ไปปรับประยุกต์ วัตถุดิบ

จึงต้องหาวิธีประยุกต์ผลิตภัณฑ์เข้าไป เพราะฉะนั้น ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
กลไกเดิมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานวิจัยที่ก็ต้องขยับ

กันต่อ หลักสูตรต่าง ๆ ที่ไม่เพียงหลักสูตรต่างๆ
ของมหาวิทยาลัยเท่านั้น



แต่หาวิธีความร่วมมือกับวิทยาลัยชุมชน หลักสูตร
หรือสถาบันที่เข้าถึงชุมชน หรือแม้กระทั่งหลักสูตร
ในระดับต่างประเทศ เพราะเราก็ต้องมีเครือข่ายใน
ระดับต่างประเทศที่เห็นคุณค่าแล้วก็ทำวิธีการพัฒนา
สิ่งหล่านี้ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นระดับอาเซียน เอเซีย

หรือนานาชาติก็ตาม

ดร.วุฒิไกร ศิริผล ในอนาคตมี 2 อย่าง คือ


ความโชคดีอย่างหนึ่งของผ้าทอคือ มีตลาดในประเทศ
ที่แข็งแรง มีผู้บริิโภคผ้าทอมือ ส่วนใหญ่บริโภคใน 1. ปัจจุบันนี้เราไม่ได้ทอใช้เอง ไม่ได้ทอให้ลูกหลาน
ประเทศจึงส่งออก ในอนาคตผมว่ายังมีผู้บริโภคอยู่ ต้องทอเพื่อหาเงิน ทำยังไงทอแล้วได้เงิน บวกกับ
จริงๆ ประเด็นเรื่องของตลาดจะค่อนข้างคลายคลึง ความภูมิใจ ความมีเอกลักษณ์ผ้าทอของตัวเอง คือ
กับที่อาจารย์กรกต กล่าวคือ ตลาดมีหลายระดับ ผู้
บริโภคมีทั้งค้าปลีก ค้าส่ง ปัจจุบันมีคนรุ่นใหม่ก้าวขึ้น ในลักษณะของการทอผ้าประกอบอาชีพ
มาทำงาน ใช้วิธีคล้ายคลึงกัน live สด ขายผ่านเฟสบุ๊ค

ขายกันต่อเนื่อง แต่ว่าสัดส่วนน้อยมาก แล้วก็จะอยู่ใน
จังหวัดที่ยังมีการทอผ้าที่แข็งแรง จะเยอะในภาคอีสาน 2. ปัจจุบันมีแนวโน้มการทอผ้าเพื่อความพึงพอใจ
เชียงใหม่เนี่ยคือหลักสิบได้ในจังหวัดสุรินทร์ค่อนข้าง เป็นงานอดิเรกแล้วก็มีความจริงจัง สมัย 10 ปีที่
เข้มแข็ง เราต้องทำใจส่วนหนึ่งว่างานมันจะไม่เหลือ แล้วมีสตูดิโอเดียวในกรุงเทพ ปัจจุบันนี้มี 5-7 สตูดิโอ
เท่าเดิม กลุ่มแม่ ๆ ป้า ๆ รุ่นกลางอาจจะยังทอได้อยู่ แล้ว แล้วลูกค้าก็เป็นชาวต่างชาติ มีลูกค้าที่ให้ลูกไป
ประมาณ 20 ปีได้ แต่รุ่นครูช่าง รุ่น 60-70 ปี ขึ้น เรียน 2-3 ชม. เป็นอีกวิธีหนึ่งที่เอาหัตถกรรมเข้ามาสู่
จะเริ่มยากแล้ว คนที่มาเติมน้อยลง ชีวิต แล้วอาจจะเติบโตไปเป็นผู้บริโภคที่ดี มันก็อาจจะ

ควบคู่ไปทั้ง 2 ทาง



42

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย

นางยามิละห์ ดอเล๊าะ

โชคดีที่โรงเรียนบ้านโคกพยอมมีหลักสูตรสอนสานกระจูดเด็ก ป.4-5 ซึ่ง
ครูเจ๊ะเซาะเป็นคนสอน เพื่ออย่างน้อยให้เด็กรู้จักวิธีการสาน ถึงแม้ว่าตอน
เด็กๆ เขาจะยังไม่ได้จริงจัง แต่โตขึ้นเขาอาจจะหันมาสนใจ แล้วก็มีคนมา
สืบทอด และนอกจากที่เราจะสอนตัวต่อตัวให้เด็กแล้วหลักสูตรการเรียน
การสอนการจักสานกระจูดก็สำคัญเพราะว่าคนที่เขาไม่เคยสัมผัสกับ
กระจูด ถ้ามีหลักสูตรที่เข้าใจง่าย ก็จะเรียนรู้ได้เร็ว ทางวิทยาลัยชุมชน
นราธิวาสได้เก็บรวบรวมลวดลาย เขียนหลักสูตรสำหรับคนที่สนใจ ชาว
บ้าน นักเรียน นักศึกษา อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง อย่างน้อยมีหลักสูตร เวลาที่
คนสนใจ เขาอาจจะไม่เคยสัมผัสกระจูดเขาอาจจะเรียนหลักสูตร พอมาทำ
กระจูดจริง ๆ ก็อาจทำให้ง่ายขึ้น

นายอรรถวิทย์ โสตะวงษ์

ก่อนที่จะเข้ามาเป็นเยาวชนในงานจักสาน ได้จดทะเบียน OTOP ของ
พัฒนาชุมชน แล้วก็ขอใบรับรองมาตรฐาน มผช.จังหวัดยโสธร ผมตั้งกลุ่ม
เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2562 ซึ่งยังไม่ได้เป็น OTOP แต่มีวิทยาลัยชุมชน
เข้ามาสนับสนุนก่อนที่จะจด OTOP เขามาตั้งแต่ยังไม่เป็นอรรถวิทย์ แล้ว
ก็พอมาวันที่ 21 มีนาคม 2565 ก็เริ่มที่จะจด OTOP เป็นกลุ่ม OTOP ของ
จังหวัด มีวิทยาลัยชุมชนยโสธร มี ดร.ชูชาติ แก้วนอก สนับสนุน ผลักดัน
เพื่อที่เราจะสืบสานตรงนี้ต่อไป เพราะว่ากลุ่มแม่ ๆ ของเรามีทุกหมู่บ้าน แต่
ว่าเป็นช่วงอายุ 40 ขึ้น ซึ่งช่วงวัยนี้มีลูกมีหลาน แม่ ๆ ก็ไม่ค่อยมีเวลาที่จะ
โชว์ผลงาน หรือมาทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน งานจักสานก็จะค่อยๆ หายไป
สำหรับแม่ ๆ ที่เข้ามาทำเป็นประจำ กลุ่มจะให้ออเดอร์เลย ส่วนมากถ้าเป็น
เยาวชน จะเข้ามาสืบสานในเรื่องของลายต่าง ๆ ซึ่งลายพื้นบ้านเริ่มจะหาย
ไปแล้ว พวกผมก็เข้ามาพัฒนาแล้วก็ต่อยอดให้ลายนั้นๆ เข้าสู่สากลมากขึ้น
เช่น ลายดอกพิกุลซึ่งก่อนหน้านี้จะเป็นลายตะแหลว ผมก็เข้ามาพัฒนาให้มี
มูลค่ามากขึ้น และคงอยู่ในเยาวชน หมู่บ้าน ชุมชน

ดร.กรกต อารมย์ดี

น้องโอมได้พูดถึงเรื่องการผลิต ตรงนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราจะต้องทำงานใน 43
สังคมของหัตถกรรม พอได้รับออเดอร์แล้ว มาตรฐานชุมชนยังไม่ใช่
บทบาทของการที่จะไปต่อ คำว่า ISO ของการที่จะผลิต ส่งออก สิ่งที่จะต้อง ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย
ทำก็คือ ISO เป็นระบบโรงงาน แต่ของเราเป็นหัตถกรรม เขาจะเอาระบบ
โรงงานมาจับมาตรฐานของหัตถกรรมไม่ได้ ถ้าอนาคตมีโอกาสในการที่จะ
ทำให้เรื่องของมาตรฐานการทำงานหัตถกรรมให้สู่กระบวนการการค้าขาย
แบบสากล จะทำให้เรื่องของการกีดกันทางการค้า การส่งของนำเข้าไปต่าง
ประเทศแล้วไม่เสียภาษีจะเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญ เพราะว่าเวลาที่เขาสั่งออเด
อร์มาจำนวนมาก ๆ เขาจะเอา ISO มาจับ ทำให้ต้องจ่ายค่ามาตรฐานในการ
ตรวจแต่ละครั้ง กำไรที่ทำหายไป เพราะฉะนั้นจะคืนกำไรในส่วนตรงนี้ในการ
ทำแบบทุนนิยม แต่ถ้าเราเอากลไกเหล่านี้เข้ามาเกี่ยวข้องการสร้าง การทำ
มาตรฐานของหัตถกรรม ไม่ว่าจะเป็นการจักสาน การทำผ้า หรือการทำ
กลไกหัตถกรรมต่างๆ การสร้างพื้นที่ให้ปลอดภัย การทำสวัสดิการกับ
ชุมชน หรือพนักงานในการผลิต เรื่องของขยะมูลฝอย การทำพื้นที่ต่าง ๆ
มันไม่ใช่โรงงาน แต่เราทำหัตถกรรมเท่านั้นเอง
เราแค่เชื่อมกันให้ทำได้ ไม่ต้องเอามาตรฐานโรงงานมาใช้กับหัตถกรรม

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัยดร.สิริกร มณีรินทร์

สถาบันการศึกษามีส่วนช่วยมากในการเติมเต็มองค์ความรู้ที่ทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานหัตถกรรมควรจะรู้อะไร ไม่ว่า
จะเป็นเรื่องของทักษะ ลวดลาย แล้วก็ทักษะในการประกอบการต่าง ๆ ที่อาจารย์กรกตได้ให้ความรู้กับข้อมูลของเรา
จากผู้ที่ส่งออกมาแล้ว

ผศ.ดร.วีรวัฒน์ สิริเวสมาศ

ผมได้เรียนรู้มากมายจากโครงการวิจัยนี้ แล้วมีโอกาสได้ลงพื้นที่หลากหลายจังหวัด ผมขอแลกเปลี่ยน 2 ประเด็น
นอกเหนือจากการพัฒนาการออกแบบหรือการมุ่งเป้าไปถึงในเรื่องของการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์
เชิงพาณิชย์

1. มิติทางวัฒนธรรม ศิลปวัฒนธรรม ซึ่งทุกคนกำลังดำเนินการขับเคลื่อนผ่านหน่วยย่อย ๆ ของเรา
2. มิติทางสังคม จะเห็นว่ากลุ่มคนที่ทำงานในสายนี้กลุ่มใหญ่จะเป็นแม่ๆ ป้าๆ ย่าๆ ยายๆ กลุ่มคนผู้สูงอายุ กลุ่มคน
รุ่นใหม่ก็จะเริ่มให้ความสำคัญ ซึ่งอยู่ที่กลไกที่จะผลักดันให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าหรือเห็นมูลค่าก็ได้ ก็จะเป็นการ
ส่งเสริมให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาผ่านระบบไม่ว่าจะเป็นประถม มัธยม วิทยาลัยชุมชน สถาบันอาชีวะ

อีกมิตินึงที่จะพูดถึง ทางสังคมก่อนแล้วกัน ที่คุณหมอชาตรี ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนน่าน ได้กล่าว
ไว้คือ จริง ๆ พอผมเห็นย่า ๆ ยาย ๆ เข้ามาทำงานตรงนี้ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีอะไรทำนะครับ แต่จริง ๆ คือ
การสร้างความเข้มแข็งในชุมชน คุณหมอกล่าวถึงว่าทำอย่างไรให้เรา ๆ ท่านๆ กลับไปหาหมอกลับไป
โรงพยาบาลช้าที่สุด แน่นอนก็ต้องคำนึงว่าอีกหน่อยเราก็ต้องป่วย ต้องแก่ ต้องเจ็บ เราจะทำยังไงก็ได้
คือสิ่งที่คุณหมอศึกษาคือการ พยายามให้เรารักษาสุขภาพให้ดีที่สุดในที่ของตน งานศิลปหัตถกรรม
เหล่านี้แม่ๆ ป้าๆ ย่าๆ ย่าๆ ทำ แม้จะดูเป็นงานขยับอะไรเล็กๆ น้อยๆ ช่วยส่งเสริมสมอง กายภาพนะ
ครับ การเป็นอัลไซเมอร์ การขยับนิ้วมือ การหยิบจับ การจับการสาน การยกของไปมา ทำให้ร่างกายได้
ใช้การเคลื่ อนไหว จริงๆ แล้วคนทำงานด้านนี้สุขภาพค่อนข้างดี ความจำดี แล้วก็กึ่ง ๆ ทำสมาธิ ไม่ว่าจะ
เป็นการทำงานทอผ้าหรือว่างานจักสาน การอยู่กับอะไร ๆ วันหนึ่งหลายชั่วโมง ทำซ้ำ ๆ ด้วยความปิติ
และช่วยจัดระเบียบทางความคิดไปด้วย

การมีรายได้กลับมาในเบื้องต้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้เป็น
ภาระของครอบครัว ดีไม่ดีลูกหลานเข้าหาเอาเงินไปซื้อ
ขนมได้อีก แน่นอนระยะต่อไปถ้าเราสามารถบริหารจัดการ
ได้ ในหน่วยงาน ในองค์กร ในคลัสเตอร์
ก็ค่อยก้าวขึ้นในการทำธุรกิจในระดับประเทศหรือนานาชาติ
น้องโอมก็เป็นคนนึงในการสร้างคลัสเตอร์ ทำ BUSINESS
MODEL นี้ขึ้นมา มิติทางศิลปวัฒนธรรม จริง ๆ อันนี้ต้อง
ให้เครดิต ดร.สิริกร พูดถึง แม้กระทั่งที่อาจารย์เคยเล่า
เรื่องฝรั่งเศส เราเรียนศิลปวัฒนธรรมไปทำไมบางทีอาจจะ
มองเรื่องการงานพื้นฐานอาชีพ งานศิลปะเป็นวิชาส่งเสริม
44 เล็กๆ ในระดับประถม มัธยมนะครับ เด็กๆ อาจจะมุ่งไป
เรียนเลข เรียนวิทยาศาสตร์ เรียนวิชาอื่ น ๆ จริง ๆ วิชาเห
ล่านี้เนี่ยช่วยกรองคนที่ถูกจริต เราไม่ได้คัดกรองว่าต้อง
ได้เกรด 3 เกรด 4 เฉพาะวิชาหลักเท่านั้น ทุกคนอาจจะมี
จริตของตน น้องโอมเจอจริตของเขาแล้ว เราค่อยหาวิธี
ส่งเสริม เพราะฉะนั้นวิชาเหล่านี้เราก็ไม่ได้หมายความว่าเรา
มาเรียนศิลปะในระดับประถม มัธยมแล้วเราทำได้ไม่ดี เต็ม
10 ได้แค่ 2-3 วิชาพวกนี้มันเป็นเรื่องของ

ART APPRECIATION การมีความซาบซึ้งในงานสุนทรีย
ศิลปต่างๆ ต่อให้เพื่อนๆ ในชั้นอาจจะไม่ได้เก่งศิลปะแต่เขา
เกิดความซาบซึ้ง อาจารย์เล่าได้เยอะมากกว่า มันเป็นเรื่อง
ของอีกวัฒนธรรมหนึ่ง เป็นเรื่องของการสร้างให้เกิด
วัฒนธรรม การ APPRECIATE การซาบซึ้งในงานศิลป
วัฒนธรรมต่างๆ จะสร้างให้เกิดชุมชนเกิดเครือข่าย
สำหรับส่งเสริมยกระดับงานต่อไป

ดร.สิริกร มณีรินทร์
เวทีเสวนาวันนี้ ตอนออกแบบอยากให้ผู้ที่ฟังได้มุมมองแง่คิดว่าจะช่วยกันทำยังไรให้มรดกภูมิปัญญาไทยคงอยู่ได้
เป็นความกังวลของหลาย ๆ วง เช่น เครื่องเขิน ที่ตอนนี้เหลืออยู่ 4 ครอบครัว ในพม่า ในจีน ในญี่ปุ่น
ใช้เครื่องเขินในวิถีชีวิตประจำวัน เป็นต้น หรือด้านต่าง ๆ
อย่างเช่น เครื่องถมของนครศรีธรรมราช ซึ่งเคยเป็นสิ่งที่พระมหากษัตริย์ไทยจะถวายเป็น
เครื่องราชบรรณาการ (ของขวัญ) ก็จะนึกถึงเครื่องถม แน่นอนทุกคนไม่อยากให้สิ่งดีงามเหล่านี้ สิ่งที่เป็นอัตลักษณ์
ของชาติสูญหายไป ซึ่งเป็นความกังวลของทุกชาติ เพราะว่าของทำมือทำได้ช้า คนรุ่นใหม่บางทีทนไม่ไหว ไม่มีความ
อดทนพอที่จะมานั่งทำงาน จะมีกี่คนที่จะคิดแบบอาจารย์ฟา คนรุ่นใหม่เขาก็จะไปอยากจะทำอะไรที่รวดเร็ว
เวทีเสวนาอยากให้ท่านผู้ฟังท่านผู้ชมได้มุมมองแง่คิดว่าเราจะช่วยกันอย่างไร

ในการถนอมรักษาภูมิปัญญาของชาติตามบทบาทของตนเอง
อย่างพวกเรานักวิชาการ เราก็คงจะสื่ออกมาเป็นความรู้



อย่างน้อยที่สุดพอเข้าปีที่ 2 จะเห็นแล้วว่าเราจะเข้าไปเติมเต็ม
เช่นการเตรียมวัสดุจากไผ่จากหวาย

เตรียมวัสดุในการจักสาน เหมือนที่เวียดนาม

45

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย

น้องโอมกับทางครูดาวเรืองที่พากันไปดูป่า ไปตัดไผ่ วันหนึ่งอาจจะมีน้อยลงน้อยลง อันนี้ประเด็นแรกที่ต้อง
คิดกัน ประเด็นที่ 2 เราอาจจะต้องตัดมาเก็บไว้ แต่จะเก็บอย่างไร ไม่ให้ขึ้นรา เก็บอย่างเป็น ต้องคิดตั้งแต่
ต้นทางต้นน้ำ ซึ่งเราพยายามทำชุดความรู้นี้ขึ้นมา อันนี้เราพูดเฉพาะจักสาน ยังมีด้านอื่น ๆ อีก วันนี้ก็เป็น

บทบาทของพวกเรานักวิชาการของสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่น ซึ่งดิฉันในฐานะผู้อำนวยการสถาบันก็จะ

พยายามเติมเต็มองค์ความรู้เหล่านี้ นอกจากเรื่องทักษะซึ่งฟังน้องโอมพูดก็ดีใจ ครูยามิละห์ก็พูดถึงว่าใน

โรงเรียนก็เห็นคุณค่าก็สอนกัน ในงานศิลปหัตถกรรมแห่งชาติก็เป็นอีกเวทีนึงสำหรับเด็กนักเรียนที่จะได้

แสดงทักษะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราจะช่วย ๆ กันสานต่อองค์ความรู้นี้ รักษาไว้

ท้ายที่สุดนี้ต้องกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณว่าพระองค์ท่าน จริงๆ แล้วเราทำตามรอยพระบาท จริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นการอนุรักษ์ ฟื้ นฟู พัฒนา แล้วก็สืบสานอย่างที่อาจารย์ฟาบอกว่าท่านได้ทรงสร้างบรรยากาศ ให้
ใช้ผ้าไทยในประเทศนี่จริง พระองค์ท่านเป็นต้นแบบของการทรงผ้าไทย แล้วตัวดิฉันเองเป็นภรรยา
ข้าราชการก็รู้ว่าภรรยาข้าราชการ ครั้งที่รับราชการอยู่ต้องมีชุดสีฟ้า ชุดสีม่วง และชุดสีเหลือง ถ้าไม่มีแล้ว
ต้องถึงขั้นที่ว่าออกจากบ้านแล้วออกไปเข้าสังคมไม่ได้ ต้องถือว่าพระองค์ท่านทรงมีคุณูปการใหญ่หลวงใน
เรื่องของช่างศิลป์ท้องถิ่น นำของพื้นบ้านไปสู่ระดับวัง ไปสู่ระดับสากล ดังนั้นเราก็ต้องไม่ท้อถอยแล้วก็ทำ
ต่อไปนะคะ ต้องขอจบเวทีเสวนาแต่เพียงเท่านี้ ขอบพระคุณทุกท่านคะ

46

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย

สรุปผลการวิจัย 1.2 คำถามที่พบบ่อย
ใครเป็นผู้จัดงานนี้ อยู่ที่ไหน
1. สรุปผลการวิจัย สนใจผลงานสามารถติดตามได้ทางไหนบ้าง
ผลงานเป็น craft/handmade 100% ไหม
ผลการจัดนิทรรศการ “ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถี ลักษณะต้นกระจูดเป็นอย่างไร
ร่วมสมัยน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เก้าอี้ที่ทำจากกระจูดทนทานได้นานแค่ไหน
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ระหว่างวันที่ 1.3 มีผู้สนใจซื้อผลิตภัณฑ์จักสานมากที่สุด
15-20 พฤศจิกายน 2565 ณ ชั้น 5 หอศิลป ทั้งชาวต่างประเทศและชาวไทย แต่ไม่สามารถขายให้ได้
วัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) เนื่องจากเป็นชิ้นงานต้นแบบ เช่น งานจักสานตกแต่งรูป
สรุปผลการจัดนิทรรศการได้ดังนี้ ปลาแค้ จากยโสธร 3 ราย เก้าอี้จักสานกระจูดเช่น สตูล
เก้าอี้ 3 ราย เสื่อและตุ่มใบใหญ่จากตราด 2 ราย เท่าที่ได้ให้
1.1 ยอดผู้ชมนิทรรศการ รายละเอียดติดต่อไว้ รวมถึงมีผู้ถามราคากรงแมวของ
ประมาณวันละ 600-700 คน ในจำนวนนี้ ตราด และเสื่อต่าง ๆ พอควร ทั้งนี้ มีผู้สั่งซื้อย่ามจาก
มีชาวต่างชาติประมาณ 200 คน อุทัยธานี ช่างจักสานจากนราธิวาสได้ออเดอร์ทำเก้าอี้ 6
รวมทั้งคณะของผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรม ตัวและช่างจักสานจากตราดได้ออเดอร์ทำโคมไฟสานเป็น
ฝ่ายสื่อมวลชนและวัฒนธรรม สถาน รูปมะม่วงไปตกแต่งร้านอาหาร
เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา
ผู้ชมนิยมโซนจักสานมากที่สุด โซน 2. ข้อสรุปจากการจัดนิทรรศการนี้
วิทยาศาสตร์ก็มีผู้สนใจเช่นกัน ถ้าเป็นชาว
ต่างชาติ นิยมดูว่าว จักสาน และผ้าทอ การจัดแสดงผลงานวิจัยของชุมชนและช่างนี้นำ
ความภาคภูมิใจไปสู่ช่างหัตถกรรมเป็นอย่างยิ่ง ถือ
เป็นกำลังใจให้สร้างสรรค์งานต่อไป

สถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่นได้ประชาสัมพันธ์เผยแพร่
ผลงานให้สาธารณชนได้รับทราบ รวมทั้งได้ถอดบท
เรียนเพื่อช่วยกำหนดแนวทางการดำเนินงานต่อไป

47

ช่างศิลป์ถิ่นไทย วิถีร่วมสมัย

ช่ า ง ศิ ล ป์ท้ อ ง ถิ่ น
ป ร ะ จำ ปี ง บ ป ร ะ ม า ณ 2 5 6 5


Click to View FlipBook Version