1
การสรา้ งเว็บไซต์ เรอ่ื ง ระบบร้านคา้ ออนไลน์
ด้วย Dreamweaver
วิชดุ า เสภารัตนานันท์
รหสั นักศึกษา 63344150
โครงการน้ีเปน็ ส่วนหนงึ่ ของวชิ าโครงงาน รหสั วิชา 30204-8501
หลกั สูตรประกาศนยี บตั รชน้ั สูง (ปวส.) สาขาวิชาเทคโนโลยีธรุ กิจดิจทิ ลั
ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2565
วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาลาปางพาณชิ ยการและเทคโนโลยี
ก
ชื่อโครงงาน การสร้างเวบ็ ไซต์ ระบบร้านค้าออนไลน์ ด้วย Dreamweaver
ผจู้ ดั ทา นางสาววชิ ดุ า เสภารตั นานันท์
ครูที่ปรกึ ษา อาจารยร์ ัฐสทิ ธ์ิ ยะจอ่
ปกี ารศึกษา 2564
บทคดั ย่อ
การพัฒนาโปรแกรมระบบร้านค้าออนไลน์ จัดทาขึ้นเพ่ือวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบซื้อ-
ขายสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ ให้เพ่ือให้สามารถดูรายละเอียดสินค้าและส่ังซ้ือสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ได้
และสร้างความสะดวกสบายแก่ลูกค้าท่ีสามารถทาการเลือกซ้ือสินค้าได้โดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
และเพื่อเพ่ิมช่องทางในการจดั จาหน่ายสินค้า ลดความซ้าซ้อนของข้อมูล เพ่ือให้การจัดเก็บข้อมูลเกิด
ความถูกต้องและสะดวกในการใช้งานมากข้ึน ทางผู้ดาเนินโครงงานได้ทาการค้นหาปัญหาท่ีเกิดขึ้น
จากการดาเนนิ งานของระบบร้านค้านั้นจากนั้น ได้ทา การศึกษาถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขนึ้ แล้วทาการ
รวบรวมปัญหาและความต้องการของระบบร้านค้า ว่าต้องการให้เป็นแบบใด แล้วทาการออกแบบ
ข้ันตอนในการทางานของระบบ หลังจากนั้นจึงได้ออกแบบหน้าการใช้งานและฐานข้อมูลที่ใช้เก็บ
ข้อมูลของร้านค้าในส่วนประสานงานส่วนบริการลูกค้าที่ ในการเขียนโปรแกรมและ Dreamweaver
ในการเขียนโปรแกรมสร้างเว็บเพจแบบเสมือนจริง หลังจากที่ได้พัฒนาระบบข้ึนมาแล้วได้ทา
การทดสอบระบบงานว่า มีคุณภาพหรือมีข้อผิดพลาดหรือไม่ ตรงตามความต้องการของผู้ใช้หรือไม่
เพ่ือนาไปพัฒนาปรับปรุงให้ดีข้ึนกว่าเดิม ผลจากการพัฒนา ในส่วนประสานงานส่วนบริการลูกค้า
ช่วยทาให้การใช้งานง่ายขึ้น สามารถทาการซ้ือขายได้สะดวกย่ิงข้ึนย่ิงข้ึน การจัดเก็บข้อมูลเป็น
ระเบยี บ และรวบรวมข้อมลู ทั้งหมดไวใ้ นระบบ ซึ่งท้ังหมดนชี้ ่วยให้ระบบการ ดาเนินงานทางส่วนการ
ซ้ือ-ขาย งานส่วนบริการลูกค้าท่ีมีประสิทธิภาพในการทางานที่ดีข้ึนรวมทั้งลดข้อผิดพลาดในการ
ดาเนินงาน
ข
กติ ติกรรมประกาศ
โครงงานนี้สาเร็จลุล่วงได้ด้วยความกรุณาจากอาจารย์รัฐสิทธิ์ ยะจ่อ อาจารย์ที่ปรึกษา
โครงงานท่ีไดใ้ หค้ าเสนอแนะ แนวคิด ตลอดจนแก้ไขขอ้ บกพรอ่ งต่าง ๆ มาโดยตลอด จนโครงงานเล่ม
นี้ เสรจ็ สมบูรณผ์ ศู้ กึ ษาจงึ ขอกราบขอบพระคณุ เปน็ อยา่ งสงู
ขอกราบขอบพระคุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครอง ที่ให้คาปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ รวมท้ังเป็น
กาลงั ใจท่ีดีเสมอมา
และสุดท้ายขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ช่วยให้คาแนะนาดี ๆ เกี่ยวกับการเลือกหัวข้อโครงงาน และ
เก่ียวกับโครงงานชิ้นนี้ และได้ให้ความร่วมมือในการทาแบบทดสอบเร่ืองการใช้งานระบบ จนทาให้
โครงงานสาเร็จลุล่วงไปได้
ท้ายสุดนีผ้ ู้จดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ ว่าโครงงานน้ีจะเป็นประโยชน์ตอ่ การศกึ ษาของผู้สนใจตอ่ ไป
ถ้าผดิ พลาดประการใดก็ขออภยั มา ณ ท่ีนี้ดว้ ย
วชิ ดุ า เสภารตั นานนั ท์
สารบัญ ค
บทคดั ย่อ หน้า
กิตติกรรมประกาศ
สารบญั ก
สารบัญภาพ ข
สารบัญภาพ (ตอ่ ) ค
สารบญั ตาราง ง
จ
บทท่ี 1 บทนา ฉ
1.1 ความเป็นมาและความสาคญั ของปัญหา 1
1.2 วัตถุประสงค์ของการวิจยั 1
1.3 ขอบเขตของการวจิ ัย 1
1.4 เครื่องมือที่ใช้ในการพฒั นาระบบ 2
1.5 วธิ กี ารดาเนินงาน 3
1.6 แผนการปฏบิ ัตงิ าน 4
1.7 ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะไดร้ ับ 4
บทท่ี 2 เคร่ืองมือและทฤษฎีทีเ่ ก่ียวขอ้ ง 5
15
เครอ่ื งมือที่ใช้ในการพัฒนาระบบ
ทฤษฎีทีเ่ กี่ยวข้อง 31
36
บทท่ี 3 วธิ ดี าเนนิ การงาน 51
51
แผนผังลาดับการทางาน (Flowchart) 51
แผนภาพการไหลของข้อมลู (Data Flow Diagram)
58
บทที่ 4 ผลการดาเนนิ งาน 59
59
ผลการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
ผลจากการพัฒนาโปรแกรม
บทที่ 5 สรปุ และข้อเสนอแนะ
สรปุ ผลการดาเนนิ งาน
ขอ้ จากัดของโปรแกรมท่ีพัฒนา
ข้อเสนอแนะ
สารบัญภาพ ง
ภาพที่ 1 การใช้งานของโปรแกรม Macromedia Dreamweaver 8 13
ภาพที่ 2 เมนกู ารทางานของโปรแกรม PhotoScape 14
ภาพที่ 3 แสดงสัญลกั ษณ์ที่ใช้แสดงแทน Process 22
ภาพท่ี 4 สญั ลกั ษณเ์ สน้ ทางการไหลของข้อมลู 23
ภาพที่ 5 สัญลักษณ์การใช้เคร่ืองหมาย \ (back slash) 23
ภาพท่ี 6 สัญลักษณก์ ารตรวจสอบสมดุลของ DFD (Balancing DFD) 26
ภาพที่ 7 แสดงขั้นตอนการทางานของ Flowchart ขั้นตอนการ สมคั รสมาชกิ 31
ภาพที่ 8 แสดง Flowchart Login เข้าสู่ระบบ 32
ภาพท่ี 9 แสดง Flowchart ผดู้ แู ลระบบ (Administrator) 33
ภาพที่ 10 แสดง Flowchart การจัดการข้อมูลของผดู้ ูแลระบบ 34
ภาพที่ 11 แสดง Flowchart การจดั การข้อมลู ของสมาชกิ 35
ภาพที่ 12 แผนภาพ (Context Diagram) ระบบร้านขายสินคา้ ออนไลน์ 36
ภาพที่ 13 Data Flow Diagram Level 1 ระบบร้านขายสินค้าออนไลน์ 37
ภาพท่ี 14 Data Flow Diagram Level 1 Process 2 ระบบสัง่ ซอื้ สินค้า 38
ภาพที่ 15 Data Flow Diagram Level 3 ระบบบรกิ าร 38
ภาพที่ 16 การเขียน ER-Diagram ระบบงานใหม่ 39
ภาพที่ 17 Site map ของระบบงานใหม่ 43
ภาพที่ 18 การออกแบบ หนา้ แรก ของรา้ น 44
ภาพที่ 19 การออกแบบ หน้าสมคั รสมาชิกใหม่ 45
ภาพที่ 20 การออกแบบ เข้าระบบของสมาชกิ 46
ภาพที่ 21 การออกแบบ การสัง่ ซ้อื สินคา้ 47
ภาพท่ี 22 การออกแบบ การยนื การสงั่ ซือ้ สนิ ค้า 48
จ
สารบัญภาพ (ตอ่ ) 49
51
ภาพท่ี 23 การออกแบบ ใบสั่งซ้อื สินคา้ 52
ภาพที่ 24 แสดงหน้า index.php (หน้าหลกั ของระบบ) 52
ภาพที่ 25 แสดงหนา้ Member.php (เพื่อกรอกข้อมูลสมาชกิ ) 53
ภาพที่26 แสดงหน้า Member_Main.php (แสดงรายการข้อมูลเก่ียวกบั สมาชกิ ) 53
ภาพที่ 27 แสดงหน้า Login (เพือ่ เข้าใชร้ ะบบ) 54
ภาพท่ี 28 แสดงหนา้ Product.php (หนา้ ของสนิ ค้า) 54
ภาพที่ 29 แสดงหน้า Product_Detail.php (รายการท่ีจะสนิ ค้าเลอื กซื้อ) 55
ภาพที่ 30 แสดงหนา้ Order.php (แสดงรายการสั่งซอื้ ) 55
ภาพท่ี 31 หนา้ save_order.php (แสดงรายการสนิ ค้า,ราคาสินคา้ ) 56
ภาพท่ี 32 แสดงหน้า Ex_Order.php (แสดงข้อมลู วธิ ีการสัง่ ซื้อ) 56
ภาพท่ี 33 แสดงหน้า member_order1.php (แสดงข้อมูลใบสั่งซ้ือสนิ ค้า) 57
ภาพท่ี 34 แสดงหน้า Admin.php ( สาหรับผู้ดูแลระบบ)
ภาพที่ 35 แสดงหนา้ Admin_Main.php (แสดงเมนูการทางานของผู้ดูแลระบบ)
สารบญั ตาราง ฉ
ตารางท่ี หน้า
ตารางท่ี 1 แสดงตารางแผนการดาเนนิ งาน 4
ตารางท่ี 2 แสดงสญั ลกั ษณ์ทใ่ี ชใ้ นผังงาน พรอ้ มอธิบายความหมาย 16
ตารางท่ี 3 สญั ลกั ษณท์ ่ีใช้ในการเขยี น ER - Diagram พร้อมคาอธบิ าย 19
ตารางท่ี 4 TABLE member (ตารางลกู คา้ ) 40
ตารางที่ 5 TABEL product (ตารางสนิ คา้ ) 40
ตารางที่ 6 TABEL product_type (ตารางประเภทสนิ คา้ ) 40
ตารางท่ี 7 TABEL tb_order (ตารางใบสัง่ ซื้อสินคา้ ) 41
ตารางที่ 8 TABEL tb_order_detail (ตารางรายละเอียดใบสั่งซอื้ ) 41
ตารางที่ 9 TABE bank (ตารางธนาคาร) 41
ตารางที่ 10 TABLE board_question (ตารางกระทคู้ าถาม) 42
ตารางท่ี 11 TABLE board_answer (ตารางกระคาตอบ) 42
ตารางท่ี 12 Error Message Design 50
1
บทท่ี 1
บทนา
1.1 ความเปน็ มาและความสาคญั ของปญั หา
ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีได้กลายเป็นส่วนหน่ึงของชีวิตประจาวันไปแล้ว มีหลายอย่างท่ีสามารถ
กระทาผ่านอินเตอรเ์ น็ตได้ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมลู การซ้ือขายสินคา้ บนเวบ็ ไซต์ โดยเฉพาะธุรกิจ
ทางด้านอินเตอร์เน็ตกาลังเป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมาก ทาให้ธุรกิจทางด้านไอทีได้พัฒนาไปอย่าง
รวดเร็ว ซ่ึงในปัจจบุ ันนักพัฒนาและนักออกแบบคอมพิวเตอร์ได้พัฒนา และออกแบบคอมพิวเตอร์ให้
เหมาะสาหรับการใช้งานทางธรุ กิจในดา้ นต่าง ๆ มากขน้ึ
ดว้ ยเหตุดังกลา่ วนี้ จงึ มแี นวคิดในการพัฒนาที่จะเปดิ ร้านขายสนิ ค้าผ่านทางเวบ็ ไซต์ ซ่ึงเป็น
การจัดทาระบบขายร้านดอกไม้ออนไลน์ เพราะในปัจจุบันดอกไม้ก็เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมเป็น
อย่างมากในการนาไปใช้ในงานหลายโอกาส เพราะดอกไม้เป็นภาษาสากลท่ีแสดงถึงความรัก ร้าน
ดอกไม้ บริการสุดพิเศษให้คุณได้ส่งความรักถึงคนสาคัญด้วยช่อดอกไม้ กระเช้า และแจกัน พร้อม
บริการส่งดอกไม้ถึงมือ สามารถติดตามสถานะสินค้าได้ ท่ีจะให้บริการที่ดีท่ีสุดแด่คุณและคนที่คุณรัก
เพ่อื ไม่ให้เสียเวลาในการมาเลือกดูสินค้า เพื่อลดความยงุ่ ยากในการซ้ือขายสินค้า หรือบางคร้ังสนิ ค้าที่
เข้าไปเลือกดูอาจไม่ตรงตามความต้องการของลกู คา้ จึงได้มีการเปิดร้านขายร้านดอกไม้ออนไลน์ ผ่าน
ทางเว็บไซตข์ ึ้นมา ซึ่งการทาธุรกจิ ขายสนิ ค้าทางเวบ็ ไซต์นม้ี ีการจดั ทากันอยา่ งกวา้ งขวาง
จากท่กี ลา่ วมาข้างต้นผพู้ ัฒนาจึงเลง็ เหน็ การสร้างความพึงพอใจใหก้ บั ลูกค้า โดยทีผ่ ู้ขายสนิ ค้า
บนเว็บไซต์น้ีจะได้รับความสะดวกสบาย ประหยัดค่าใช้จ่าย โดยที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายมากในการต้ัง
ร้านค้าแบบท่ัวไป เปน็ การลดต้นทุนได้มาก ส่วนลูกค้าก็จะไดร้ บั ความสะดวกสบายเชน่ กัน อยา่ งเช่น
ในการเลือกซ้ือสนิ คา้ ก็สามารถเลือกซ้ือสินค้าที่ใด เวลาใดกไ็ ด้
1.2 วตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจยั
1.2.1. เพือ่ พฒั นาระบบซอื้ -ขายสินคา้ ผา่ นทางเว็บไซต์
1.2.2. เพ่อื ใหส้ ามารถดูรายละเอียดสนิ ค้าและสั่งซอ้ื สินคา้ ผ่านทางเวบ็ ไซต์ได้
1.2.3. เพื่อสร้างความสะดวกสบายแก่ลูกค้าท่ีสามารถทาการเลือกซ้ือสินค้าได้โดยผ่านระบบ
อนิ เตอรเ์ น็ต
1.2.4. เพ่ือเพมิ่ ช่องทางในการจัดจาหน่ายสินคา้
1.2.5. เพือ่ ลดความซา้ ซ้อนของขอ้ มลู
1.2.6. เพ่ือให้การจดั เกบ็ ขอ้ มลู เกิดความถูกต้องและสะดวกในการใช้งานมากข้นึ
1.3 ขอบเขตของการวิจยั
1.3.1 ผู้ดแู ลระบบ
1) ผดู้ แู ลระบบต้อง Login กอ่ นเขา้ ใชง้ านระบบ
2) ผู้ดแู ลระบบสามารถ เพม่ิ แกไ้ ข ลบ สนิ คา้ ในระบบได้
3) ผู้ดแู ลระบบสามารถ เพ่ิม แก้ไข ลบ ข้อมลู ธนาคารทจี่ ะใหล้ ูกคา้ ชาระเงินได้
4) ผู้ดูแลระบบสามารถ เพมิ่ แก้ไข ลบ ข้อมลู รปู แบบบริการจดั ส่งสินค้าได้
2
5) ผู้ดูแลระบบสามารถ แกไ้ ข ลบ ขอ้ มูลลูกคา้ ได้
6) ผ้ดู แู ลระบบสามารถ ดรู ายละเอียด ยกเลกิ ลบ ใบสั่งซอ้ื ได้
7) ผดู้ ูแลระบบสามารถ อนมุ ตั สิ นิ ค้าตามใบสัง่ ซื้อได้
8) ผ้ดู ูแลระบบสามารถ ออกรายงานการขายสินคา้ ตามชว่ งเวลาได้
9) ผูด้ ูแลระบบสามารถ เข้าไปตอบคาถามในกระทู้ หรอื ลบข้อมูลในเวบ็ บอรด์ ได้
1.3.2 บคุ คลทัว่ ไป
1) สมัครสมาชิก
2) ดขู อ้ มลู ตา่ ง ๆ บนเวบ็ ไซต์
1.3.3 สมาชกิ
1) สมาชกิ ต้อง Login เขา้ ระบบก่อนสั่งซอ้ื สินคา้
2) สมาชกิ สามารถดรู ายละเอยี ดขอ้ มูลสนิ คา้ และราคาสินค้าทีอ่ ยบู่ นเวบ็ ไซตไ์ ด้
3) สมาชิกสามารถส่ังซอ้ื สนิ คา้ บนเว็บไซต์ได้
4) สมาชิกสามารถดูรายละเอียดการสงั่ ซื้อสนิ ค้าในใบสั่งซ้ือได้
5) สมาชกิ สามารถ ยกเลิก ลบ ใบสัง่ ซือ้ ได้
6) สมาชกิ สามารถแก้ไขขอ้ มูลสว่ นตวั ได้
1.4 เครอ่ื งมือท่ีใช้ในการพฒั นาระบบ
1.4.1 ฮารด์ แวรท์ ี่ใชใ้ นการพัฒนาระบบ (Hardware)
1) ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) ขนาด 250 GB ขึ้นไป
2) แรม (แรม) ขนาด 4 GB ขน้ึ ไป
3) จอภาพ (Moniter)
4) แปน้ พิมพ์ (Keyboard)
5) เมาส์ (Mouse)
6) ปริน้ เตอร์ (Printer)
7) ซพี ยี ู (CPU) ขนาด 2.0 GHz ขน้ึ ไป
1.4.2 ซอฟตแ์ วร์ทีใ่ ชใ้ นการวเิ คราะหร์ ะบบ (Software)
1) โปรแกรม PHP เป็นภาษาทใ่ี ชใ้ นการพฒั นาเวบ็ ไซต์
2) โปรแกรม MySQL เป็นโปรแกรมทใ่ี ชใ้ นการจดั การฐานขอ้ มูล
3) โปรแกรม Photoshop CS6 เปน็ โปรแกรมทีใ่ ชส้ าหรับตกแต่งรปู ภาพ
4) โปรแกรม Dream weaver 2021 สาหรับออกแบบหนา้ เวบ็ เพจ็
5) โปรแกรม Appserver คอื โปรแกรมทีท่ าหนา้ ที่เปน็ เว็บ web server
6) โปรแกรม PHP MyAdmin คอื ตัวควบคุม MySQL Database ผ่านเว็บไซต์
7) โปรแกรม Microsoft office word 2019 ใช้พิมพร์ ายงาน
8) ระบบปฏิบัติการ Microsoft Window 2010
3
1.5 วิธกี ารดาเนินงาน
1.5.1 การวางแผนโครงการ (Project Planning Phase)
1) ศกึ ษาปญั หาและวิเคราะหค์ วามต้องการของระบบ โดยการวิเคราะห์ปัญหา ของระบบการ
ทางานว่ามีปัญหาอย่างไรบ้าง และรวบรวมไว้ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ความเป็นไป ได้ในการ
พัฒนาเป็นระบบใหม่
2) ศึกษาขั้นตอนการพัฒนาระบบ เมื่อทราบปัญหาของระบบแล้วนาข้อมูลที่ ได้น้ันมาศึกษา
ขั้นตอนการพัฒนาระบบใหม่ว่าควรจะทาอย่างไรบ้างเพื่อการทางานท่ีมีประสิทธิภาพ และสามารถ
แก้ปัญหาระบบแบบเดมิ ได้อย่างแท้จรงิ
3) ศึกษาเครือ่ งมือต่าง ๆ ท่ีใช้ในการพฒั นาระบบ การศึกษาว่าระบบ จาเปน็ ตอ้ งใช้เครื่องมือ
อะไรบ้างในการพัฒนา เพ่ือที่จะสามารถนาเครื่องมือเหล่านนั้ มาใช้ได้ถูกต้อง และสอดคล้องกับความ
ต้องการของระบบมากทีส่ ุด
1.5.2 การวิเคราะหร์ ะบบ (System Analysis)
1) ศึกษาความต้องการของผู้ใช้ระบบ โดยรวบรวมความต้องการในด้านต่าง ๆ และนามา
วิเคราะห์เพื่อสรุปเป็นข้อมูลความต้องการที่ชัดเจน พร้อมท้ังนาข้อมูลความต้องการ เหล่านั้นมา
พฒั นาเปน็ ความต้องการของระบบใหม่ต่อไป
2) สร้างแบบจาลองกระบวนการท างานของระบบใหม่ด้วยการวาดแผนภาพ กระแสข้อมูล
(Data Flow Diagram : DFD)
3) การออกแบบระบบ (System Design) เมื่อผ่านการศึกษาและวิเคราะห์ระบบและ
ออกแบบให้ตรงกบั ความต้องการของผู้ใช้งาน โดยจะได้รูปแบบ (Context Diagram) ทิศทางการไหล
ของข้อมูล (Data Flow Diagram) และผังงาน (Flowchart) ที่ใช้ในการออกแบบระบบตามความ
ตอ้ งการของผใู้ ชง้ าน
4) การพัฒนาระบบ (Development) คณะผู้จัดทาระบบได้ผ่านการวิเคราะห์และ ออกแบบ
ระบบแล้วเริ่มทาการพัฒนา ระบบจัดการขายหน้าร้านกาแฟกรณีศกึ ษาด้วยโปรแกรม Macromedia
Dreamweaver เชื่อมกับฐานข้อมูล My SQL Server และมีการทดสอบ กับข้อมูลจริงว่าระบบ
สามารถทางานได้ตรงตามขอบเขตที่ตั้งไว้หรือไม่ เม่ือระบบถูกต้องแล้วจะถูก นาไปทดสอบในข้ัน
ตอ่ ไป
5) ทดสอบระบบ (Testing) มีการนาระบบไปใช้เพื่อหาข้อบกพร่องโดยการสังเกต ผลลัพธ์ท่ี
ได้ว่าตรงตามความต้องการกับผู้ใช้งานหรือไม่ เมื่อพบจุดบกพร่องของโปรแกรมจะมีการ ปรับปรุง
แก้ไขเพอื่ ให้ตอบสนองกับผใู้ ชง้ านอย่างถูกต้อง
6) จดั ทาคู่มือเอกสาร จัดทาค่มู ือเอกสาร ข้ันตอนน้ีตอ้ งมีการจัดทาเอกสารคมู่ อื ประกอบการ
ใช้งานเพื่อให้ผู้ใช้งานใช้ระบบได้อย่างถูกต้องมีประสิทธิภาพ และลดความผิดพลาดใน การใช้งาน
ระบบ
4
1.6 แผนการปฏิบตั ิงาน
1.6.1 ระยะเวลาการดาเนินงาน
เร่มิ ต้งั แต่เดือน พฤศจิกายน 2564 - กุมภาพนั ธ์ 2565
1.6.2 แผนการดาเนินงาน (ให้ระบุข้นั ตอนเปน็ Gantt chart)
ตารางที่ 1 แสดงตารางแผนการดาเนินงาน
ขนั้ ตอนในการดาเนินงาน พ.ศ.2564 พ.ศ.2565
1.จัดหาหวั ขอ้ เค้าโครงงาน พ.ย ธ.ค. ม.ค. ก.พ.
2.เสนอหัวข้อโครงงาน
3.การออกแบบและวิเคราะห์ระบบ
4.จัดทาเว็บไซต์
5.ทดสอบระบบ
6.จดั ทาเอกสารประกอบโครงงานและคู่มือ
การใชโ้ ปรแกรม
7.นาเสนอโครงงาน
1.7 ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะได้รับ
1.7.1. ไดร้ ะบบการจดั ทาการขายทีม่ ีประสทิ ธิภาพ
1.7.2. มชี ่องทางการจดั จาหนา่ ยสนิ คา้ เพิม่ ข้ึน
1.7.3. อานวยความสะดวกให้กบั ลกู คา้ ในการเลือกซ้ือสินค้า
1.7.4. เพิ่มยอดขายใหก้ บั กิจการมากขนึ้
1.7.5. ผ้ปู ระกอบการได้รบั ข้อมลู ที่ถกู ต้อง เพ่ือนามาวางแผนในการพัฒนาต่อไป
5
บทที่ 2
เครื่องมือและทฤษฎที ี่เก่ยี วขอ้ ง
ในการสร้างและพัฒนาระบบร้านขายดอกไม้ออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์และเข้าดูสินค้าข้อมูล
ข่าวสารผ่านระบบเครอื ข่ายอินเตอร์เน็ต ผพู้ ัฒนาไดท้ าการศึกษาค้นควา้ ทฤษฎี เอกสารท่ีเก่ียวขอ้ งกับ
การพัฒนาเว็บไซต์ รวมถึงการศึกษาเคร่ืองมือที่ใช้ในการพัฒนาระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างและ
พัฒนาเว็บไซตใ์ หม้ ีความสมบรณู ์ และเกดิ ประโยชน์ในการบรหิ ารงานมที ฤษฎแี ละรายละเอยี ดดงั นี้
2.1 เคร่อื งมอื ที่ใช้ในการพัฒนาระบบ
2.1.1 โปรแกรมสาเรจ็ รูป Appserv
กาเนิดโปรแกรม AppServ สาหรับโปรแกรม AppServ นี้ไม่ได้เกิดการสนับสนุนจาก
หน่วยงานรัฐบาล หรือหน่วยงานเอกชน หรือองค์กรอิสระ แต่โปรแกรม AppServ ได้กาเนิดจากแรง
บันดาลใจจากเพื่อนของผู้พัฒนาคนหนึ่งท่ีได้เร่ิมศึกษาภาษา PHP และฐานข้อมูล MySQL และมี
ปญั หาทุกคร้ังในการติดต้ังกว่าจะตดิ ตั้งได้ก็ใชเ้ วลาไมน่ ้อยกวา่ 3 ช่ัวโมง บางทีทาได้บ้างไม่ได้บ้าง และ
ทกุ ครงั้ ท่ีติดต้ังไม่ได้ก็จะมาขอความช่วยเหลือจากผู้พฒั นา เปน็ ประจาทุกคร้ังจึงทาให้ผูพ้ ัฒนาได้สร้าง
โปรแกรมท่ีสะดวกในการตดิ ต้ัง เพ่ือให้เพื่อนของผู้พัฒนาสามารถนาไปใช้ในงานได้ทันที โดยไม่ต้องมา
ปวดหัวกับการติดตั้งที่ยุ่งยากอีกต่อไป ในช่วงแรกที่แจกจ่ายน้ัน ผู้พัฒนาได้แจกจ่ายในเว็บไซต์ท่ีเป็น
ภาษาอังกฤษ ผู้ใช้งานต่างประเทศให้ความสนใจและมีการใช้งานเป็นจานวนมากและในปัจจุบันได้
เพิ่มเติมในสว่ นของเว็บไซต์ภาษาไทยในอนาคตผพู้ ัฒนาจะจดั การเว็บไซตส์ ามารถรองรบั ทกุ ภาษาและ
เขา้ ถงึ ผใู้ ชง้ านทกุ คนท่วั โลก
1) ประวัตนิ ักพัฒนาโปรแกรม AppServ
สาหรบั ผพู้ ฒั นาน้นั ได้อาศัยอยใู่ นประเทศไทย ชอื่ ภาณพุ งศ์ ปญั ญาดี ช่ือเลน่
apples เกดิ วันที่ 14 สงิ หาคม 2523 สาเร็จการศึกษาระดับปรญิ ญาตรจี ากสถาบนั ราชภัฏเชียงใหม่
คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสาขาวทิ ยาการคอมพวิ เตอรม์ ีประสบการณแ์ ละความเช่ียวชาญพิเศษ
ในเร่ืองของ Linux Security, Linux Network, Network Security, Network Admin, PHP
Programming, MySQLDatabase, Linux/Unix, Hacking, System, WebDesign,ฯลฯ
ระบบปฏบิ ัติการท่ีเลอื กใช้ Desktop เลือก Windows แต่ถา้ เป็น Server/Network เลอื กเฉพาะ
DebianGNU/Linuxเทา่ นัน้
2) ความหมายของโปรแกรม AppServ
AppServ คือโปรแกรมทีร่ วบรวมเอา Open Source Software หลายๆ อย่างมา
รวมกันโดยมีPackageหลักดงั น้ี
1. ภาษา PHP
2. MySQL
3. Apache
4. phpMyAdmin
6
โปรแกรมต่างๆ ท่ีนามารวบรวมไว้ท้ังหมดนี้ ได้ทาการดาวน์โหลดจาก Official Release
ทัง้ สิ้นโดยตวั AppServ จึงให้ความสาคัญว่าทุกสิ่งทกุ อย่างจะตอ้ งให้เหมอื นกับตน้ ฉบับ เราจึงไม่ไดต้ ัด
ทอนหรือเพิ่มเตมิ อะไรทแ่ี ปลกไปกวา่ Official Release แต่อย่างได้ เพียงแตม่ ีบางส่วนเท่าน้ันท่ีเราได้
เพิ่มประสิทธิภาพการติดตัง้ ให้สอดคล้องกับการทางานแต่ละคน โดยที่การเพิ่มประสิทธิภาพน้ไี ม่ได้ไป
ยุ่ง ในสว่ นของ Original Package เลยแม้แต่นอ้ ยเพียงแตเ่ ป็นการกาหนดค่า Config เชน่ Apache ก็
จะเป็นในส่วนของ httpd.conf, PHP ก็จะเป็นในส่วนของ php.ini, MySQL ก็จะเป็นในส่วนของ
my.ini ดังนั้น รับประกันได้ว่าโปรแกรม AppServ สามารถทางานและความเสถียรของระบบได้
เหมือนกัน Official Release ท้ังหมด จุดประสงค์หลักของการรวมรวบ Open Source Software
เหล่าน้ีเพื่อทาให้การติดตั้งโปรแกรมต่างๆ ท่ีได้กล่าวมาให้ง่ายขึ้น เพื่อลดขั้นตอนการติดตั้งที่แสนจะ
ยุ่งยากและใช้เวลานาน โดยผู้ใช้งานเพียงดับเบิ้ลคลิก setup ภายในเวลา 1 นาที ทุกอย่างก็ติดต้ัง
เสร็จสมบูรณร์ ะบบต่างๆ กพ็ ร้อมทจ่ี ะทางานไดท้ ันทีทงั้ Web Server, Database Server เหตผุ ลนี้จึง
เป็นเหตุผลหลักที่หลายๆ คนทั่วโลก ได้เลือกใช้โปรแกรม AppServ แทนการที่จะต้องมาติดตั้ง
โปรแกรมต่างๆ ที่ละส่วนไม่ว่าจะเป็นผู้ท่ีความชานาญในการติดตั้ง Apache, PHP, MySQL ก็ไม่ได้
เป็นเร่ืองง่ายเสมอไป เนื่องจากการติดตัง้ โปรแกรมทแี่ ยกส่วนเหลา่ น้ีให้มารวมเปน็ ชนิ้ อันเดียวกัน ก็ใช้
เวลาค่อนข้างมากพอสมควร แม้แต่ ตัวผู้พัฒนา AppServ เอง ก่อนท่ีจะ Release แต่ละเวอร์ชั่นให้
ดาวน์โหลด ต้องใช้ระยะเวลาในการติดต้ังไม่น้อยกว่า 2 ช่ัวโมง เพ่ือทดสอบความถูกต้องของระบบ
ดังนั้นจึงจะเห็นว่าเราเองนั้นเป็นมือใหม่หรือมือเก่า ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะติดตั้ง Apache, PHP,
MySQL ในพริบตาเดียว มีบางคาถามที่พบบ่อยว่า AppServ สามารถนาไปเป็น Web Server หรือ
Database Server ไดท้ ันทีหรือไม่ ขอ้ น้ีต้องตอบว่าไดแ้ น่นอน 100% แต่ทางผู้พัฒนาเองขอแนะนาว่า
ระบบจัดการ Memory และ CPU บน Windows ที่ทางานเกี่ยวกับ Web Server หรือ Database
Server ไม่เหมาะกับการใช้งานหนักๆ เป็นอย่างย่ิง เพราะ Windows น้ันจะกลืนกินทรัพยากรอัน
มหาศาล และหากเทียบอัตรารองรับระบบงานกับ OS ตัวอื่นเช่น Linux/Unix จะยงิ่ เห็นได้ชัดว่า OS
ที่ป็น Windows ท่ีมีขนาด Memory และ CPU ท่ีเท่าๆ กัน OS ที่เป็น Linux/Unix น้ัน จะรองรับ
งานได้น้อยกว่ามากพอสมควร เช่น Windows รับได้ 1000 คนพร้อมๆ กัน แต่ Linux/Unix อาจรับ
ได้ถึง 5000 พร้อมๆกัน หากท่านต้องทางานหนักๆ ทางผู้พัฒนาแนะนาให้เลือกใช้ Linux/Unix OS
จงึ จะเหมาะสมกวา่
1. ภาษา PHP
PHP มาจากคาว่า Personal Home Page เป็นภาษาสคริปต์ แบบเซิร์ฟเวอร์ไซด์
(Server-side scripting language) หมายถึง การประมวลผลจะเกิดข้ึนบนเครื่องแม่ข่าย หรือ
เซิร์ฟเวอร์ แล้วจึง สร้างผลลัพธ์เป็นภาษา HTML ส่งให้กับเครื่องลูกข่ายหรือไคลเอดส์ เพื่อแสดงผล
ซ่ึงลดภาระการส่งถ่ายข้อมูลจานวนมากเพื่อมาประมวลผลบนเครื่องลูกข่าย ในปัจจุบันหน่วยงาน
ตา่ งๆนิยมทางานและติดต่อส่ือสารผ่านอินเตอรเ์ น็ตกันมากขึ้น โดยนามาเป็น Web base เพือ่ ทาการ
เก็บข้อมูลไว้ท่ีเดียวกันและไม่เปลืองเนื้อท่ีในการจัดเก็บ ภาษา PHP จึงมีส่วนช่วยในการทางานต่างๆ
PHP เป็นภาษาสครปิ ต์ที่มีความสามารถสูงสาหรบั การพัฒนา Web Site และความสามารถที่โดดเด่น
อีกประการหนึ่งของ PHP คือ Database-Enable web page ทาให้เอกสาร HTML สามารถท่ีจะ
7
เชื่อมต่อกับระบบฐานข้อมูล ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว จึงทาให้ความต้องการในเร่ืองต่าง ๆ
ทเี่ ก่ียวกบั การจัดเกบ็ ข้อมูลผา่ นอนิ เตอร์เน็ตเป็นไปได้โดยงา่ ย
การทางานของ PHP
PHP เป็นภาษา Script สาหรับแสดงเว็บเพจอย่างหนึ่ง จัดอยู่ในกลุ่ม Server Side
Script เชน่ เดยี วกบั ASP การทางานจะแทรกอยใู่ นเอกสาร HTML ส า ม า ร ถ Compileไ ด้ ทั้ ง
ระบบปฏิบัติการ UNIX, Windows NT/2000/XP, Windows 9x ความสามารถในการทางานสูง
โดยเฉพาะกับการติดต่อกับ Database เช่น MySQL, msSQL, Sybase และ PostgreSQL เป็นต้น
ทางานรว่ มกับเอกสาร HTML สามารถแทรกคาสัง่ PHP ได้ตามท่ีต้องการลงในเอกสาร HTML ทางาน
ในส่วนที่เป็นคาสงั่ ของ PHP กอ่ น เมือ่ มกี ารเรยี กใช้เอกสารนัน้ ๆแสดงผลออกทาง Web Browsers
ลกั ษณะสาคัญของ PHP
- ฟรแี ชร์ สามารถใช้ได้ฟรโี ดยไมเ่ สียค่าใช้จ่าย
- PHP เป็นโปรแกรมทวี่ ่งิ ข้าง Server ดงั นนั้ ขีดความสามารถไมจ่ ากดั
- เรียนรู้งา่ ย เน่ืองจาก PHP ฝงั เขา้ ไปใน HTML และใชโ้ ครงสรา้ งและไวยากรณ์ภาษาท่ี
ง่าย
- เร็วและมปี ระสิทธภิ าพ โดยเฉพาะเม่ือใหก้ ับ Apache Server เพราะไม่ต้องใช้
โปรแกรมจากภายนอก
- ใช้ร่วมกบั ตัวจัดการฐานขอ้ มูลได้หลายชนิด
- ใชก้ บั ระบบแฟ้มข้อมูลได้
- ใช้กบั ขอ้ มลู ตัวอกั ษรได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
- ใช้กับโครงสร้างขอ้ มลู แบบ Scalar, Array, Associative array
- ใช้กับการประมวลผลภาพได้
จาก PHP ท่ีได้กล่าวมาข้างต้น จงึ ไดน้ าภาษา PHP มาใชใ้ นการเขยี นคาส่ังตา่ งๆ
เพอ่ื ใหท้ างานอย่างมีประสทิ ธิภาพ เพราะสามารถนามาเชื่อมต่อกบั ระบบจัดการและควบคุมการ
ทางานของฐานข้อมลู ท่ีใชใ้ นการจดั เกบ็ ข้อมูลตา่ ง ๆ ได้
2. My SQL
SQL จัดเป็นภาษามาตรฐานบนระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ซึ่งเป็นภาษาที่
สามารถใช้งานได้ในคอมพิวเตอร์หลายระดับด้วยกันไม่ว่าจะเป็นระดับเมนเฟรมคอมพิวเตอร์จนถึง
ไมโครคอมพิวเตอร์ ชุดคาส่ัง หรือ ภาษา SQL นั้นถูกพัฒนาจากแนวความคิดทางคณิตศาสตร์ คือ
Relational Algebra และ Relation Calculus ตามแนวคิดของเทคโนโลยีฐานข้อมูลเชิง
สัมพันธ์ ท่ี E.F. Codd เป็นผู้คิดค้นขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1970 และต่อมาบริษัท IBM จึงเร่ิมทาการวิจัย
พัฒนาเมื่อ ปี ค.ศ. 1974 โดยใช้ช่ือว่า “SEQUEL” (Structured English Query Language)
จากนนั้ จึงมีการปรับปรุงและเปลย่ี นชือ่ มาเป็น SQL
หลังจากปี ค.ศ. 1970 เป็นต้นมา ระบบฐานข้อมูล ORACLE ซึ่งถูกพัฒนาโดยบริษัท
ORACLE Corporation และถือเป็นก้าวแรกในเชิงพาณิชย์สาหรับการพัฒนาระบบการจัดการ
ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (RDBMS) ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ SQL และต่อมาก็มีผลิตภัณฑ์อ่ืนๆ พัฒนา
ตามมา เชน่ INGRESS
8
เมื่อมีผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตต่างๆ มากขึ้น จึงทาให้เกิด SQL หลายๆรูปแบบจากผลิตภัณฑ์
ตา่ งๆ ดงั นั้นในราวปี ค.ศ. 1982 ทาง ANSI จงึ ได้คิดคน้ และรา่ งมาตรฐานของชุดคาสงั่ SQL เพอื่ ให้
ผู้ผลิตรายต่างๆ สร้างชุดคาส่ังดังกล่าวให้อยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน แต่ในปัจจุบันแต่ละผลิตภัณฑ์
ต่างก็มีการเพ่ิมคุณสมบัติพิเศษเพ่ิมเติมเพ่ือให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและถือเป็นจุดขายของ
ผลิตภัณฑ์ แต่ทั้งน้ี โดยหลักการแล้วชุดคาสั่งดังกล่าวยังคงต้ังอยู่บนพ้ืนฐานท่ีทาง ANSI บัญญัติไว้
โดยในปัจจุบันมีระบบการจัดการฐานข้อมูลต่างๆ อาทิเช่น ORACLE , DB2 , SYBASE , Informix ,
MS-SQL , MS-Access ตลอดจน MS-FoxPro เป็นต้น ซ่ึงการใช้งานภาษา SQL ในปัจจุบันมี
2 ลักษณะ คือ แบบโต้ตอบ (Interactive SQL) และ แบบฝังตัวในโปรแกรม (Embedded SQL)
วัตถปุ ระสงค์ของ SQL
1. สรา้ งฐานขอ้ มูลและโครงสร้างรีเลชนั่
2. สนบั สนนุ งานดา้ นการจดั การฐานขอ้ มลู พน้ื ฐาน เช่น การเพ่ิม การปรบั ปรงุ การลบ
ข้อมูลจากรีเลชัน่
3. สนับสนุนการค้นหา สืบถาม หรือคิวรี่ข้อมูลและการแปลงข้อมูลให้อยู่ใ นรูป
สารสนเทศ
ประเภทของคาสั่งภาษา SQL
1. ภาษานิยามข้อมูล (Data Definition Language : DDL) เป็นกลุ่มคาสั่งท่ีใช้ในการ
สร้างฐานข้อมูลการกาหนดโครงสร้างข้อมูลว่ามีคอลัมน์หรือแอตตริบิวต์ใดชนิดข้อมูลเป็นประเภทใด
รวมทัง้ การจัดการดา้ นการเพิ่ม แกไ้ ข ลบ แอตตรบิ ิวต์ตา่ งๆในรีเลชน่ั และการสร้างดัชนี
2. ภาษาการจัดการข้อมูล (Data Manipulation Language : DML) เป็นกลุ่มคาสั่งท่ี
ถอื เป็นแกนสาคัญของภาษา SQL โดยกลุ่มคาสั่งเหล่านี้จะใช้ในการ Update เพ่ิมปรับปรุงและการ
Query ข้อมูลในฐานข้อมูล ซ่ึงอาจเป็นชุดคาส่ังในลักษณะ Interactive SQL หรือ Embedded
SQL ก็ได้
3. ภาษาควบคมุ ขอ้ มูล (Data Control Language : DCL) ซึง่ เปน็ กลมุ่ คาสั่งที่จะชว่ ยให้
ผู้บริหารฐานข้อมูล (DBA) สามารถควบคุมฐานข้อมูลเพ่ือกาหนดสิทธิการอนุญาต (Grant) หรือการ
ยกเลกิ การเข้าใช้ (Revoke) ฐานข้อมลู ซ่ึงเป็นกระบวนการป้องกันความปลอดภยั ในฐานขอ้ มูล รวมท้ัง
การจัดการ ทรานเซก็ ชนั่ (Transaction Management) แต่ละ DBMS จะมีการกาหนดชนิดข้อมูลซึ่ง
ประกอบไปด้วยตวั แปรตา่ งๆ เชน่ numeric , string , date , time เป็นตน้
MySQL เป็นระบบฐานข้อมูลแบบโอเพนซอร์ท (Open Source Database) สาหรับ
จัดการระบบดาต้าเบส (Database System) ผ่านเอสควิ แอล (SQL) โปรแกรมนีถ้ ูกพัฒนาโดย บริษัท
MySQL AB ในประเทศสวเี ดน มที ง้ั แบบใชฟ้ รี และเชงิ ธุรกิจ
3. Apache
Apache พัฒนามาจาก HTTPD Web Server ที่มีกลุ่มผู้พัฒนาอยู่ก่อนแล้วโดย
ร็อบ แม็คคูล (Rob McCool) ท่ี NCSA (National Center for Supercomputing Applications)
มหาวิทยาลยั อิลลินอยส์ เออรแ์ บนา-แชมเปญจน์ สหรัฐอเมริกา แต่หลังจากที่ แมค็ คูล ออกจาก NCS
และหันไปให้ความสนใจกับโครงการอ่ืนๆ มากกว่าทาให้ HTTPD เว็บเซิร์ฟเวอร์ ถูกปล่อยทิ้งไม่มี
ผพู้ ัฒนาต่อแต่เนื่องจากเป็นซอรฟ์ แวร์ทอ่ี ยู่ภายใต้ลขิ สิทธิ์ กนู คือ ทกุ คนมีสิทธ์ิที่จะนาเอาซอร์สโค้ดไป
9
พฒั นาตอ่ ได้ ทาใหม้ ีผใู้ ช้กล่มุ หน่งึ ได้พฒั นาโปรแกรมขึ้นมาเพื่ออดุ ชอ่ งโหว่ ที่มีอยู่เดมิ (หรือ แพช) และ
ยงั ได้รวบรวมเอาขอ้ มลู การพัฒนา และการแก้ไขตา่ งๆ แตข่ ้อมลู เหล่านี้อย่ตู ามที่ตา่ งๆ ไม่ได้รวมอยู่ใน
ที่ท่ีเดียวกัน จนในที่สุด ไบอันบีเลนดอร์ฟ (Brian Behlendorf) ได้สร้างจดหมายกลุ่ม (mailing list)
ข้ึนมาเพ่ือนาเอาข้อมูลเหล่าน้ีเข้าไว้เป็นกลุ่มเดียวกัน เพ่ือให้สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่าน้ีได้ง่ายย่ิงขึ้น
และในท่ีสุด กลุ่มผู้พัฒนาได้เรียกตัวเองว่า กลุ่มอะแพชี (Apache Group) และได้ปล่อยซอฟต์แวร์
HTTPD เว็บเซิร์ฟเวอร์ ท่ีพัฒนาโดยการนาเอาแพชหลายๆ ตัวที่ผู้ใช้ได้พัฒนาข้ึนเพื่อปรับปรุงการ
ทางาน ของซอฟ์ตแวร์ตัวเดิมให้มีประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้นตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2539 Apache ได้รับความ
นิยมข้ึนเร่ือยๆ จนปัจจุบันได้รับความนิยมเป็น อันดับหน่ึง มีผู้ใช้งาน อยู่ประมาณ 65% ของเว็บ
เซริ ฟ์ เวอร์ท่ีให้บริการอยทู่ ง้ั หมด ความสามารถการที่อาปาเช่เป็นซอฟต์แวร์ที่อยู่ในลักษณะของ
โอเพ่นซอร์ส ที่เปิดให้บุคคลท่ัวไป สามารถเข้ามาร่วมพัฒนาส่วนต่างๆ ของอาปาเช่ได้ ซึ่งทาให้เกิด
เป็น โมดลู ทเ่ี กดิ ประโยชนม์ ากมาย เช่น mod_perl, mod_python หรือ mod_php ซงึ่ เป็นโมดูลท่ี
ทาให้อาปาเช่สามารถใช้ประโยชน์และทางานร่วมกับภาษาอื่นได้แทนท่ีจะเป็นเพียงเซิร์ฟเวอร์ที่
ให้บริการเพียงแค่ เอชทีเอ็มแอลอย่างเดียวนอกจากน้ีอาปาเช่เองยังมีความสามารถอ่ืนๆด้วยเช่นการ
ยืนยันตัวบุคคค mod_auth,mod_access, mod_digest) หรือเพิ่มความปลอดภัยในการส่ือสาร
ผ่าน โปรโตคอล https (mod_ssl) นอกจากนี้ ก็ยังมีโมดูลอื่นๆ ท่ีได้รับความนิยมใช้ เช่น
mod_vhost ทาให้สามารถสร้างโฮสท์เสมือน www.sample.com, wiki.sample.com,
mail.sample.com หรือ www.ilovewiki.org ภายในเครื่องเดียวกันได้ หรือ mod_rewrite เป็น
เครื่องมอื ทจ่ี ะชว่ ยให้ url ของเวบ็ นั้นอ่านงา่ ยขึน้
APACHE ( Apache web server ) คือ ซอฟต์แวร์สาหรับเปิดให้บริการเซิร์ฟเวอร์บน
โปรโตคอล HTTP โดยสามารถทางานได้บนหลายระบบปฏิบัติการ ท่ีมาของชื่อ apache มาจากชื่อ
ชนเผา่ อินเดยี แดงพ้นื เมอื งของทวปี อเมริกา คอื อะแพชี
ความเป็นมา
Apache พัฒนามาจาก HTTPD Web Server ท่ีมีกลุ่มผู้พัฒนาอยู่ก่อนแล้ว โดย
Rob McCool ท่ี NCSA (National Center for Supercomputing Applications) มหาวิทยาลัย
อลิ ลนิ อยส์ เออรแ์ บนา-แชมเปญจน์ สหรัฐอเมริกาแตห่ ลังจากที่ แม็คคลู ออกจาก NCS และหันไปให้
ความสนใจกับโครงการอ่ืนๆ มากกว่าทาให้ HTTPD เว็บเซิร์ฟเวอร์ ถูกปล่อยท้ิงไม่มีผู้พัฒนาต่อ แต่
เนื่องจากเป็นซอร์ฟแวร์ที่อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ กนู คือ ทุกคนมีสิทธ์ิที่จะนาเอาซอร์สโค้ดไปพัฒนาต่อได้
ทาให้มีผู้ใช้กลุ่มหนง่ึ ได้พัฒนาโปรแกรมขึ้นมาเพ่อื อุดช่องโหว่ ท่ีมีอยู่เดิม และยังได้รวบรวมเอาข้อมูล
การพัฒนา และการแก้ไขต่างๆ แต่ข้อมลู เหล่านอ้ี ยู่ตามที่ตา่ งๆ ไม่ได้รวมอยู่ในที่ทีเ่ ดียวกัน จนในท่ีสุด
Brian Behlendorf ได้สร้างจดหมายกลุ่ม ขึ้นมาเพื่อนาเอาข้อมูลเหล่านี้เข้าไว้เป็นกลุ่มเดียวกัน
เพอ่ื ใหส้ ามารถเข้าถงึ ขอ้ มูลเหลา่ น้ีไดง้ า่ ยย่ิงขน้ึ และในทีส่ ดุ กลมุ่ ผู้พัฒนาได้เรียกตัวเองวา่ กลุ่มอะแพชี
(Apache Group) และได้ปลอ่ ยซอฟต์แวร์ HTTPD เวบ็ เซิรฟ์ เวอร์ ทพี่ ัฒนาโดยการนาเอาแพชหลายๆ
ตัวท่ีผู้ใช้ได้พัฒนาข้ึนเพ่ือปรับปรุงการทางาน ของซอฟ์ตแวร์ตัวเดิมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน
ตัง้ แต่ ปี พ.ศ. 2539 Apache ได้รับความนยิ มขนึ้ เรื่อยๆ จนปัจจุบนั ได้รับความนิยมเป็นอันดับหน่ึง มี
ผูใ้ ช้งาน อยปู่ ระมาณ 65% ของเว็บเซริ ์ฟเวอรท์ ี่ใหบ้ ริการอยูท่ ้ังหมด
10
ความสามารถในการนา Apache ไปใชง้ าน
การที่Apacheเป็นซอฟต์แวร์ที่อยู่ในลักษณะของโอเพนซอร์สที่เปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถ
เข้ามาร่วมพัฒนาส่วนต่างๆของApache ได้ ซึ่งทาให้เกิดเป็น โมดูล ท่ีเกิดประโยชน์มากมาย เช่น
mod_perl , mod_python หรือ mod_php ซึ่งเป็นโมดูลที่ทาให้ Apache สามารถใช้ประโยชน์
และทางานร่วมกับภาษาอ่ืนได้ แทนท่ีจะเป็นเพียงเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการเพียงแค่ HTML อย่างเดียว
นอกจากนี้ Apache เองยังมีความสามารถอ่ืนๆ ด้วย เช่น การยืนยันตัวบุคคล หรือเพ่ิมความ
ปลอดภัยในการสื่อสารผ่าน โปรโตคอล https (mod_ssl) นอกจากนี้ ก็ยังมีโมดูลอื่นๆ ที่ได้รับความ
นิยมใช้เช่น mod_vhost ทาให้สามารถสร้างโฮสท์เสมือนwww.sample.com,wiki.sample.com,
หรือ www.ilovewiki.org ภายในเคร่ืองเดียวกันได้ หรือ mod_rewrite เป็นเคร่ืองมือท่ีจะช่วยให้
Url ของเว็บนน้ั อา่ นง่ายขึน้
หลักการทางานของ Apache
เม่ือเรา Browse ไปท่ี webpage ท่ีเป็น PHP script เช่น webboard โปรแกรม
webserver ซึ่งในที่น้ีคือ Apache ท่ีต้อง compile ให้ support PHP script ก็จะเรียก routine
ท่ีจัดการกับ script มาทางาน อย่างกรณีกระดานสนทนา นี้ script ก็จะเขียนให้ไปเช่ือมต่อกับ
database ซ่ึงเป็น MySQL database และเรียกข้อมูลที่ต้องการโดย MySQL ก็จะไปค้นหาข้อมูลมา
ให้ จากน้ัน PHP script ทเี่ ขยี นก็จะจัดทาข้อมูล ให้อยู่ในรูปของ html format และ webserver ก็
จะส่งข้อมูลนี้มายัง browser ของ user ซ่ึงจะตีความข้อมูล html format และแสดงข้อมูลของ
webboard บนหน้าจอ พีเอชพี มาย แอดมิน (อังกฤษ: phpMyAdmin) เป็นสคริปตต์ ิดต่อฐานขอ้ มูล
ทส่ี ร้างโดยภาษาพีเอชพี ซึ่งใช้จัดการฐานข้อมูล MySQL ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ โดยสามารถท่ีจะทาการ
สร้างฐานข้อมูลใหม่ หรือทาการสร้าง TABLE ใหม่ๆ และยังมี function ท่ีใช้สาหรับการทดสอบการ
query ข้อมูลด้วยภาษา SQL พร้อมกันน้นั ยงั สามารถทาการ insert delete update หรอื แมก้ ระท่ัง
ใช้ คาส่ังต่างๆ เหมือนกับกันการใช้ภาษา SQL ในการสร้างตารางข้อมูลในส่วนของการแสดงผลหน้า
แรกเม่ือเข้าสู่หน้าแสดงผล พีเอชพี มาย แอดมิน จะแสดงรุ่นของ พีเอชพี มาย แอดมิน ที่ใช้งานอยู่
พร้อมทั้งสามารถท่ีจะจัดการกับรหัสอักขระท่ีใช้ในการเก็บข้อมูลฝ่ังเมนูด้านซ้ายจะแสดงข้อมูลของ
ฐานข้อมูลปัจจบุ นั (DATABASE NAME) และเมอื่ ทาการเลือกแลว้ จะแสดงโครงสร้างของ ตารางขอ้ มลู
Apache Web Server เป็นโปรแกรมที่ใช้รองรับการให้บริการท่ีเรียกว่า World
Wide Web ผู้ใช้งานสูงสุดบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอีกด้วย ผู้ใช้ทั่วไปนิยมใช้บริการ WWW น้ีซ่ึง
ระบบร้านขายกล้องดิจิตอลผา่ นทางเว็บไซต์ ได้ใช้ประโยชน์ในการส่งผ่านข้อมูลท่วั ไป ในการทาธรุ กิจ
เพื่อการประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ลูกค้าเลือกดูสินค้าหรือส่ังซ้ือสินค้าที่สนใจ และใช้เป็นช่องทางการ
ติดต่อสอื่ สารกบั ลูกค้าอกี ทางหน่งึ
4. PHP Myadmin
การทางานของ MySQL น้ันอาจจะยุ่งยากในการคีย์ข้อมูล เพราะทางานบน DOS ดงั น้ันจึงมี
ผู้ผลิตโปรแกรมสาหรับเข้าไปจัดการฐานข้อมูลให้ง่ายข้ึนโปรแกรมน้ีเรียกว่า php Myadmin เป็น
โปรแกรม mysql client แบบ open source ที่ใช้จัดการ mySQL ได้ผ่านหน้า web browser ซ่ึง
โปรแกรมนีเ้ ขียนด้วย PHP สามารถดาวน์โหลดไดจ้ ากเวบ็ ไซต์
11
phpMyAdmin เป็นโปรแกรมประเภท mySQL Client ตัวหน่ึงที่ใช้ในการจัดการ
ฐานข้อมลู mySQL ผา่ นบราวเซอรไ์ ดโ้ ดยตรง โปรแกรมน้ีเขยี นขึ้นโดยนาย Tobias Retschiller และ
เปน็ โปรแกรมแบบ Open Source ดว้ ย เพราะวา่ เขียนดว้ ย PHP ทง้ั หมด
phpMyAdmin ตัวนี้จะทางานบน Web Server เป็น PHP Application ที่ใช้
ควบคุมจดั การกบั mySQL Server ความสามารถของ phpMyAdmin คือ
1.สรา้ งและลบ Database
2.สร้างและจัดการ Table เช่น แทรก record, ลบ record, แก้ไข record หรือลบ
Table, เพมิ่ หรอื แกไ้ ข field ในตาราง
3.โหลดเท็กซไ์ ฟลเ์ ขา้ ไปเก็บเปน็ ข้อมลู ในตารางได้
4.หาผลสรปุ (Query) ดว้ ยคาสั่ง SQL
และอีกหลายๆ ความสามารถท่ี phpMyAdmin ทาได้ ซึ่งเราจะมาดูกันภายในคู่มือการ
ใช้งานน้ี
PhpMyAdmin เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการจัดการฐานข้อมูลของ MySQL
PhpMyAdmin ทางานบน Web Server เป็น PHP Application ที่ใช้ควบคุมจัดการกับ mySQL
Server การใช้ PhpMyAdmin คือการ สร้างและลบ Database สร้างและจัดการ Table เช่น แทรก
record, ลบ record, แก้ไข record หรือลบ Table, เพ่ิมหรือแก้ไข field ในตาราง โหลดเท็กซ์ไฟล์
เขา้ ไปเกบ็ เปน็ ขอ้ มลู ในตารางขอ้ มลู และหาผลสรุป (Query) ดว้ ยคาสง่ั SQL
2.1.2 Macromedia Dream weaver 8
Macromedia Dream weaver 8 คือโปรแกรมหรือเครอ่ื งมือ ทใ่ี ช้ในการพัฒนาเว็บ
ไซดร์ ะดบั มอื อาชพี มคี วามสามารถในการใช้สรา้ ง ออกแบบ เขียนโค้ด เว็บเพ็จ บรหิ ารจดั การเว็บไซต์
และเว็บแอพพลิเคชน่ั ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ช่วยลดงาน ลดเวลาในการพัฒนาเวบ็ เพ็จ โดยสามารถ
สร้างโค้ดได้หลายภาษา เช่น HTML, PHP, ASP, JSP ฯ และสามารถติดต่อกับฐานข้อมูลได้หลาย
ฐานข้อมูล เช่น MySQL, PostgreSQL, MS Access, MS SQL Server ฯ โดยท่ีผู้ออกแบบเว็บเพ็จ
ไม่จาเป็นตอ้ งมีความความรู้ด้านภาษาและการจัดการฐานข้อมูล หรือมีความรู้เพียงเล็กน้อยกส็ ามารถ
สร้างเวบ็ เพ็จไดอ้ ย่างรวดเรว็
จุดเด่นของโปรแกรม Macromedia Dream weaver 8
1.โปรแกรมจะทาการแปลงรหัสให้เป็นภาษา HTML โดยอัตโนมัติดังน้ัน ผู้ใช้ที่ไม่มี
ความรู้ ด้านน้กี ส็ ามารถทาได้
2. มีแถบเครื่องมือ หรือแถบคาสั่ง ที่ใช้ในการควบคุมการทางาน แบ่งออกเป็น
หมวดหม่จู ึงช่วยในการทางานท่ดี ขี ึ้น และรวดเร็วย่งิ ข้นึ
3. สนบั สนุนเว็บเพจท่ีเปน็ ภาษาไทยไดด้ ี
4. มคี ณุ สมบตั ิท่สี ามารถจัดการกับรปู ภาพเคล่อื นไหว โดยไม่ตอ้ งอาศัย Plugin
5. สามารถเรียกใชต้ ารางจากภายนอก โดยการอิมพอรท์ จาก Text File
6. เป็นโปรแกรมที่สามารถสนบั สนนุ การใชง้ าน CSS (Cadcading Style Sheet)
7. มคี วามสามารถในการทา Drop Down Menu รวมไปถงึ การทาให้รูปภาพเปลย่ี น
เมอ่ื นาเมาส์ไปช้ี เป็นต้น
12
ความสามารถของ Macromedia Dreamweaver 8
- สร้างเวบ็ เพจภาษาไทย
- ร้จู ักฟงั ก์ชั่นตา่ ง ๆ ของ Macromedia Dreamweaver
การกาหนดค่า เพอื่ ใชใ้ นการสรา้ งเวบ็ เพจภาษาไทย
โ ป ร แ ก ร ม Macromedia Dreamweaver 8 มี ก า ร เ ขี ย น ขึ้ น ม า เ พื่ อ ค ว า ม
สะดวกสบาย ในการสร้างเว็บเพจ เน่ืองจากมีวิธีการใช้ท่ีเหมือนกับ โปรแกรม Microsoft Office มี
เมนูต่างๆ ให้ผู้ใช้เลือกใช้จากนั้น โปรแกรมจะทาการแปลงให้เป็น ภาษา HTML ซึ่งเป็นภาษาในการ
เขียนเวบ็ เพจ ให้เองโดยอัตโนมตั ิ
โปรแกรม Macromedia Dreamweaver 8 นั้นถูกออกแบบมา ให้ใช้ได้กับเว็บ
เพจทุกภาษา และสามารถที่จะเลือกใช้ฟอนต์ ได้ตามที่มีในระบบปฏิบัติการ ซึ่ง โปรแกรม
Macromedia Dreamweaver 8 จะมีวิธีในการเข้ารหัสท่ีเป็นตัวอักษรแบบมาตรฐานเท่านั้น คือ
(Unicode) ซึ่งจะทาให้มีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ที่ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเพ่ิมเติมเหมือนกับเวอร์ช่ัน
เก่าๆ แตใ่ นการทจี่ ะใชก้ บั ภาษาอะไร ต้องมีการกาหนดรหสั (Encoding) ใหก้ ับโปรแกรมด้วยเพื่อทจ่ี ะ
ไดไ้ ม่มปี ัญหาเกดิ ขนึ้ ภายหลัง
เนื่องจากภาษาไทยนั้น มีตัวอักษร ท่ีค่อนข้างจะละเอียดอ่อนมาก จึงทาให้เกิด
ปัญหาบางคร้ัง จะอ่านภาษาไทยไม่ได้ ดังน้ัน ก่อนที่จะ ลงมือในการสร้างเว็บเพจ ด้วยโปรแกรม
Macromedia Dreamweaver 8 น้ันต้องมีการกาหนดรหัส (Encoding) เพ่ือให้เว็บเพจน้ันสามารถ
อ่าน ภาษาไทยได้ ซึ่งมีวิธี ในการทจ่ี ะกาหนดเพ่ือให้ Macromedia Dreamweaver 8 อ่านภาษาไทย
ไดด้ ังน้ี
- เลือกคาส่ังที่เมนูบาโดยเลือก Modify จากนั้นเลือก Page Properties (หรือ
สามารถเลือกไดท้ ่ปี ุ่ม Page Properties ที่อยู่บนพาแนล Properties Inspector)
- จากน้ันให้เลอื กทหี่ มวดของ Title/Encoding
- ในชอ่ ง Encoding นั้นให้เลือกที่ Thai (Windows)
- จากนั้นคลกิ OK
ร้จู ักฟังก์ช่ันต่าง ๆ ของ Macromedia Dreamweaver
สาหรับโปรแกรม Macromedia Dreamweaver เป็น โปรแกรมเขียนเว็บ
ท่ีออกแบบมาเพื่อ ช่วยจัดการกับ เว็บเพจ โดยผู้ใช้ไม่จาเป็นต้องมีความรู้ ในภาษา HTML ซ่ึงเป็น
ภาษาสาหรับสร้างเว็บเพจ โดยตรง ดังน้ัน โปรแกรม Macromedia Dreamweaver จึงมีฟังก์ช่ัน
ต่างๆ มากมายซึ่งแต่ละ ฟังก์ช่ันก็จะ แสดงผลในลักษณะของ วินโดวส์ (WINDOWS) หรือแถบคาสั่ง
(PALETTE) ตัวอย่างของ ฟังก์ชั่น เช่น (BEHAVIOR) เป็น ฟังก์ช่ันสาหรับใช้ในการควบคุม การใช้
สคริปต์ต่างๆ เป็นต้น ในการท่ีจะเลือกใชฟ้ ังก์ชั่น ผใู้ ช้ต้องทาความเข้าใจ และเรยี นรู้วิธีในการควบคุม
การทางาน ของฟังก์ชั่นต่างๆ ให้เข้าใจเสียก่อน และวิธีเรียกใช้ฟังก์ช่ันต่างๆ ของโปรแกรม
Macromedia Dreamweaver ก็สามารถทาได้ดังน้ี เลือกคาส่ังที่เมนูบาโดยคลิกเลือกเมนู Window
กจ็ ะปรากฏ รายการของคาส่งั ควบคุม หรอื ฟังก์ช่นั ตา่ งๆ ใหเ้ ลือก
สาหรับฟังก์ชั่น ท่ีเป็นมาตรฐานในการ ทางานกับโปรแกรม Macromedia Dreamweaver
ทีม่ ีการใช้ งานบอ่ ยๆ กม็ ีอยู่ 3 ฟงั ก์ชน่ั ได้แก่
13
- ฟังก์ชั่น Insert จะเป็นฟังก์ชั่นที่ใช้สาหรับควบคุมเก่ียวกับวัตถุต่างๆ เช่น เลเยอร์,
รูปภาพ ซ่ึงแถบเคร่ืองมือน้ีจะประกอบไปด้วย ชุดเคร่ืองมือต่างๆ คือ Characters ,Common,
Form, Frames, head, Invisible
- ฟังก์ชั่น Properties เป็นฟังก์ช่ันลักษณะต่างๆ เช่น ใช้ในการกาหนดค่าของ
ขอ้ ความในเวบ็ สีของตัวหนงั สือ รูปภาพ ตาราง เป็นตน้
- ฟังก์ชั่น Launcher เป็นฟังก์ชั่นสาหรับใช้ในการจัดการหรือควบคุมในส่วนของ
สคริปต์ (Behaviors)
รปู ที่ 1 การใชง้ านของโปรแกรม Macromedia Dreamweaver 8
จากรูปท่ี 1 การใช้งานด้วยโปรแกรม Macromedia Dreamweaver 8 ซ่ึงร้านขาย
กดอกไม้น้ัน ได้นามาสร้างเป็นเว็บไซต์ในการจัดการร้านขายดอกไม้ผ่านทางเว็บไซต์ มีการพิมพ์
ขอ้ ความขอ้ มูลต่างๆ มกี ารใส่ตาราง แทรกรปู ภาพ สินคา้ ใหมต่ ่างๆและพนื้ หลงั ของเวบ็
ลิงค์ ถือว่าเป็นส่วนสาคัญของการสร้างเว็บเป็นการทาให้เว็บน้ันมีลูกเล่นท่ีมากข้ึน
ลิงค์เปน็ จุดเช่ือมโยงจากเว็บเพจตน้ ทางไปยังปลายทาง ซ่ึงเปน็ ได้ตั้งแต่เวบ็ เพจหน้า อนื่ ในเว็บไซตร์ า้ น
ขายกล้องดิจิตอล หรือเชือ่ มโยงไปยังเว็บไซตภ์ านอกอ่ืน ๆ กไ็ ด้ และในส่วนร้านขายกลอ้ งดิจิตอลผ่าน
ทางเว็บไซตน์ ้นั มีการเชอ่ื มโยงระหว่างเวบ็ ดว้ ยลงิ ค์หลายอยา่ งเชน่ กนั
2.1.3 Photoshop CS3
ความสามารถของ Photoshop มีอยู่มากมายอย่างที่นึกไม่ถึงแต่ท่ีเป็นความสามารถหลักๆ
ของตวั โปรแกรมจะถกู แบง่ ออกเปน็ 2 เรือ่ ง คอื
แก้ไขตกแต่งภาพถ่าย งานน้ีเป็นงานถนัดของ Photoshop เช่น การแก้ไขภาพท่ีมืดให้สว่าง
การลบร้ิวรอยที่ไม่ต้องการออกจากภาพ รวมถึงตัดต่อนาภาพหลายๆภาพมารวมกัน โดยในส่วนนี้จะ
เรียกเป็นสว่ นนจ้ี ะเรียกวา่ เปน็ ส่วนหน่งึ ของงาน “รีทัช”
ออกแบบสร้างสรรค์งานกราฟิก ความสามารถในส่วนนี้ จะเป็นเร่ืองของการขีดๆเขียนๆ
ออกแบบสร้างงานกราฟิก เช่น การวาดภาพตัวการ์ตูนหรือการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ชนิดต่างๆ
14
นอกจากน้ันในส่วนของการสร้างสรรค์งานกราฟิกยังได้รวมความสามารถของการออกแบบและ
สร้างสรรค์องคป์ ระกอบต่างๆสาหรับเว็บไซต์เอาไว้ โดยนอกจากความสามารถของตวั โปรแกรมเอง
จากที่กล่าวมาแล้วว่า โปรแกรม Photoshop CS3 นั้นเป็นโปรแกรมสาหรับการสร้างภาพ
และตกแต่งภาพ ซึ่งเราได้มีการนามาประยุกต์ใช้กับร้านขายกล้องดิจิตอลผ่านทางเว็บไซต์ในด้านการ
ตกแต่งแก้ไขรูปภาพสินค้า เชน่ การตดั ภาพ การย่อขยายภาพ การปรับค่าความสวา่ งและความคมชัด
แกร่ ปู ภาพรวมท้ังยงั ใชใ้ นการสร้างปุม่ คาส่งั ซง่ึ ถอื เป็นสว่ นหนึง่ ในการนาไปใชง้ านในเวบ็ ไซต์อีกด้วย
2.1.4 PhotoScape
โปรแกรม PhotoScape เป็นโปรแกรมแต่งภาพที่มีรูปแบบการใช้งานที่ง่ายและมี
เครื่องมือครบครันเหมาะสาหรับผู้ท่ีต้องการแต่งภาพของตัวเองให้สวยงามและยังเป็นโปรแกรม
Open Source เปน็ โปรแกรมขนาดเล็กไมก่ นิ ทรัพยากรของเครื่องเหมอื นโปรแกรม Photoshop
รูปที่ 2 เมนูการทางานของโปรแกรม PhotoScape
- Viewer: ใชส้ าหรบั ดไู ฟล์ภาพหรือทาสไลด์โชว์
- Editor: ในส่วนน้ีของโปรแกรม PhotoScape น้ันมีเครื่องมือในการแต่งภาพ
แก้ไขภาพมากมาย เช่น ลดขนาดภาพ, ปรับแสง สี, ใส่ effect, ใส่กรอบ, ตัดภาพ และอ่ืนๆอีก
มากมาย
- Batch editor: เป็นการแก้ไขภาพแบบกลุ่ม สามารถทาการแก้ไขภาพหลายๆ
ภาพโดยคลกิ เดียว จากเมนนู ี้
- Rename: เปลย่ี นชือ่ ไฟลร์ ูปแบบกลุม่
- Page: โปรแกรม PhotoScape น้ียังสามารถนาเอารูปภาพหลายๆ รูปภาพมา
รวมเป็นรปู เดียวได้ มรี ปู แบบมากมาย
- Combine: การรวมภาพหลายๆ ภาพทงั้ ในแนวตั้งและแนวนอน
- Animated GIF: สามารถทาภาพเคล่ือนไหวแบบ Gif animation ได้จากตัว
โปรแกรม PhotoScape นีด้ ว้ ย
- Printโปรแกรม PhotoScape มีฟังก์ชัน และรูปแบบในการพิมพ์ที่ง่าย
แบบฟอรม์ มาตรฐาน และแบบกาหนดเองได้
15
- Screen Capture: สามารถถา่ ยรปู หน้าจอคอมพวิ เตอร์ของเราได้จาก โปรแกรม
PhotoScape น้ีไดเ้ หมือนกนั
- Color Picker: สามารถหาคา่ ของสไี ดจ้ ากเมนนู ี้ ซงึ่ จะจับสีทเี่ ราเลือกจากรูปได้
ประเภทของงานกราฟกิ
ปัจจุบนั น้ีงานกราฟมีพนื้ ฐานการสร้าง 2 รปู แบบคือ
1. กราฟิกแบบ Vector เป็นการสร้างภาพที่มีรูปทรงเรขาคณิตโดยใช้เส้นแบบ
ต่างๆ มารวมกัน โดยสามารถประกอบกันเป็นรูปภาพ ข้อดี คือ สามารถขยายได้โดยไม่เสียความ
สมดุลของรูปภาพ ขอบของรูปภาพจะไม่แตกเมื่อมีการขยาย โปรแกรมที่สามารถสร้างภาพ Vector
ได้คือ CorelDraw, Illustrator
2. กราฟิกแบบ Bitmap เป็นการสร้างรูปภาพจากภาพที่ถ่ายซึ่งรูปภาพจะเกิด
จากจุดสีท่ีมีลักษณะเป็นจุดสี่เหล่ียม มาเรียงกันอยู่จานวนมาก เรียกว่า จุดพิกเซล ซึ่งสามารถนา
ภาพไปตกแต่งและแก้ไขได้ในโปรแกรม Photoshop
ความสามารถของโปรแกรม Photoshop มอี ยู่มากมายอย่างที่นกึ ไมถ่ งึ แต่ท่มี คี วามสามารถ
หลกั ๆ ของตวั โปรแกรมเองจะถกู แบ่งออกเปน็ 2 เรอ่ื ง คือ
แก้ไขตกแต่งภาพถ่าย งานน้ีเป็นงานถานัดของ Photoshop เช่น การแก้ไขภาพท่ีมืดให้
สว่าง การลบร้ิวรอยที่ไมต่ ้องการออกจากภาพ รวมถึงตัดต่อนาภาพหลายๆภาพมารวมกัน โดยในส่วน
น้จี ะเรยี กเปน็ สว่ นน้ีจะเรียกว่าเปน็ ส่วนหนง่ึ ของงาน “รีทชั ”
ออกแบบสร้างสรรค์งานกราฟิก ความสามารถในส่วนน้ี จะเป็นเรื่องของการขีดๆเขียนๆ
ออกแบบสร้างงานกราฟิก เช่น การวาดภาพตัวการ์ตูนหรือการออกแบบสื่อส่ิงพิมพ์ชนิดต่างๆ
นอกจากน้ันในส่วนของการสร้างสรรค์งานกราฟิกยังได้รวมความสามารถของการออกแบบและ
สร้างสรรค์องค์ประกอบต่างๆสาหรับเว็บไซต์เอาไว้ โดยนอกจากความสามารถของตัวโปรแกรมเอง
แล้ว Photoshop ยังควงแขนโปรแกรมคู่หูอย่าง Image Ready ซึ่งเป็นโปรแกรมท่ีถนัดในงานสร้าง
และแต่งภาพสาหรบั เวบ็ ไซต์โดยเฉพาะมาให้เราไดใ้ ชง้ านกนั อีกดว้ ย
จากท่ีกล่าวมาแล้วว่า โปรแกรม PhotoScape นั้นเป็นโปรแกรมสาหรับการสร้างภาพและ
ตกแต่งภาพ ซึ่งเราได้มีการนามาประยุกต์ใช้กับร้านขายกล้องดิจิตอลผ่านทางเว็บไซต์ในด้านการ
ตกแต่งแก้ไขรูปภาพสนิ คา้ เช่น การตดั ภาพ การย่อขยายภาพ การปรับค่าความสว่างและความคมชัด
แกร่ ปู ภาพรวมทัง้ ยังใชใ้ นการสร้างปุ่มคาสั่งซ่งึ ถือเป็นสว่ นหนึง่ ในการนาไปใชง้ านในเว็บไซต์อกี ด้วย
2.2 ทฤษฎีทเ่ี กยี่ วขอ้ ง
2.1.1 การเขียน Flowchart
2.1.2 การเขยี น Data Model
2.1.3 การเขยี น Process Model
2.1.4 อนิ เตอรเ์ น็ต
16
2.1.1 การเขียน Flowchart
ผังงาน (Flowchart) คือ รูปภาพหรือสัญลักษณ์ ที่ใช้เขียนแทนคาอธิบาย ข้อความ หรือ
คาพูดท่ีใช้ในอลั กอรทิ มึ เพราะการท่ีจะเข้าใจข้ันตอนได้งา่ ยและตรงกันน้ัน การใช้คาพูด หรอื ขอ้ ความ
อาจทาไดย้ ากกวา่ การใช้รูปภาพหรอื สญั ลกั ษณ์
ผังงาน(Flow chart) เปน็ เครอ่ื งมือแสดงขั้นตอนหรอื กระบวนการทางานโดยใช้สญั ลกั ษณ์ที่
เป็นมาตรฐานเดยี วกนั ซง่ึ ในสัญลักษณ์จะมีขอ้ ความสัน้ ๆ อธิบายข้อมูลท่ตี ้องการใช้ ผลลพั ธ์ หรือคาสั่ง
ประมวลผลของขั้นตอนนั้น แล้วเชื่อมโยงข้ันตอนเหล่านั้นด้วยเส้นทม่ี ีลูกศรชี้ทิศทางการทางานต้ังแต่
เริ่มตน้ จนจบกระบวนการ
รปู แบบของผังงาน
รูปแบบของผงั งาน สามารถแบง่ ออกได้ 3 รูปแบบหลกั ๆ คือ
1. แบบเรียงลาดับ (Sequence) เป็นรูปแบบผังงานท่ีง่ายสุด ไม่ซับซ้อน และไม่มี
การเปรยี บเทยี บเง่ือนไขใดๆโดยแสดงขัน้ ตอนการทางานไปตามลาดับตงั้ แตต่ ้นจนสิ้นสดุ กระบวนการ
2. แบบมีเงื่อนไข (Decision หรือ Selection) เป็นรปู แบบของผังงานที่มีเงื่อนไขให้
เลือกตดั สินใจ โดยเตรยี มข้นั ตอนการทางานไวร้ องรับสาหรับเงือ่ นไขนนั้ ๆ
3. แบบทาซ้า (Repeat หรือ Loop) เป็นรูปแบบผังงานท่ีมีข้ันตอนการทางานซ้า ๆ
โดยมีเง่ือนไขเป็นตัวควบคมุ เช่นเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเงื่อนไขเปน็ จริง จึงทางานขัน้ ตอนน้ัน ๆ ซา้ ๆ
ซึง่ จะทาภายใต้เงื่อนไขท่ีเป็นจริงเทา่ นน้ั (while do) หรือให้ทางานข้นั ตอนนัน้ ซา้ ๆ จนกวา่ เง่ือนไขจะ
เป็นจริง (do until)
สญั ลักษณท์ ีใ่ ช้ในผังงาน
ตารางที่ 2 แสดงสญั ลักษณท์ ี่ใชใ้ นผงั งาน พร้อมอธิบายความหมาย
สัญลักษณ์ ชอื่ เรยี ก ความหมาย
จุดเรมิ่ ต้น และจุดส้ินสุดของการทางาน
Terminator
Process การปฏิบัติงาน / ประมวลผล หรือกาหนดค่า
ข้อมูลใหก้ ับตัวแปร
Process เส้นแสดงทิศทางการทางาน ต้องมีหัวลูกศร
Flow line/Direction เดียวเทา่ นั้น
Input /Output รบั /แสดงผลข้อมูล ในกรณีท่ไี ม่ระบุอปุ กรณ์
เช่นจากคยี บ์ อรด์ หรือแฟม้ ข้อมลู หรือแสดง
ขอ้ มลู ทางจอภาพเครือ่ งพิมพ์ หรอื แฟม้ ข้อมูลก็
ได้
17
ตารางท่ี 2 แสดงสัญลักษณ์ที่ใช้ในผงั งาน พรอ้ มอธิบายความหมาย (ต่อ)
สัญลักษณ์ ชือ่ เรยี ก ความหมาย
In-Paper Connector จุดเชอ่ื มต่อ ภายในหน้าเดียวกนั
Between-page จดุ เช่ือมต่อไปยังหน้าอน่ื
connector
Manual Operator กระบวนการทท่ี าโดยคน
รับ/อา่ นข้อมลู ท่รี บั เขา้ มาจาก
Keyboard ช่อื ทเ่ี รยี ก คีย์บอรด์ ความหมาย
Monitor แสดงรายละเอียดข้อมูล หรอื ผลลัพธ์
ทางจอภาพ
Printer แสดงรายละเอียดข้อมูล หรือผลลัพธ์
ทางเคร่ืองพิมพ์
จากที่กล่าวมาแล้วว่าทฤษฎีการเขียน Flowchart น้ันเป็นการเขียนภาพแสดงลาดับขั้นตอน
การทางานของผังงาน การนามาประยุกต์ใช้งานในด้านการเขียนผังงาน ระบบร้านขายกล้องดิจิตอล
ผ่านทางเว็บไซต์ ของระบบงานปัจจุบันและระบบงานใหม่โดยการเขียนผังงานนั้นจะใช้สัญลักษณ์
ต่างๆในผังงานร้านขายกล้องดิจิตอลนั้นจะมีจุดเริ่มต้นและจุดส้ินสุดก็เพ่ือให้ทราบถึงขั้นตอนการ
18
เร่ิมต้นการทางาน คือ ลูกค้าดูกล้องดิจิตอลแล้วชอบจึงสั่งซ้ือกล้องดิจิตอลซ่ึงจะเป็นการทางานแบบ
ขั้นตอนและจุดท่ีส้ินสุดในการทางานคือ ลูกค้าก็ทาการชาระเงินและรับสินค้าส่วนผู้ขายจะทาการ
บันทึกข้อมูลการขายการรับเงินจากลูกค้าซึ่งทิศทางในการทางานของระบบร้านขายกล้องดิจิตอลน้ัน
จัดการลาดับขั้นตอนจากบนลงล่างและจากซ้ายไปขวาข้อความที่นามาใสใ่ นสัญลักษณ์ จะใช้ขอ้ ความ
ท่สี ้ันสามารถเข้าใจได้งา่ ยเชน่ การขาย สัง่ ซ้อื สินคา้ การชาระเงิน เปน็ ตน้
2. การเขยี น Data Model
การสร้างแผนภาพจาลองข้อมูลและกระบวนการดาเนินงานนั้นมีบทบาทสาคัญในการพัฒนาระบบ
เน่ืองจากสามารถแสดงโครงสร้างของข้อมูลและการทางานภายในระบบได้ชัดเจน ซ่ึงจะช่วยให้ทั้ง
นกั วิเคราะห์ระบบและผู้ใชง้ านเกิดความเขา้ ใจในการทางานของระบบอยา่ งถกู ต้อแบบจาลองข้อมูลท่ี
สร้างขึ้นในข้ันตอนการวิเคราะห์ความต้องการของระบบน้ียังเรียกว่าเป็น“การออกแบบฐานข้อมูลใน
ระดับแนวคิด (Conceptual Database Design)” ของข้ันตอนการออกแบบ (Design Phase) ใน
กิจกรรมการออกแบบฐานข้อมูลซ่ึงจะนา Conceptual Data Model ท่ีได้จากกิจกรรมย่อยนี้ไปทา
การปรับปรุงและออกแบบฐานข้อมูลในระดับ Logical และ Physical ต่อไป ในท่ีนี้เพ่ือความสะดวก
จะเรยี ก Conceptual Data Model วา่ “Data Model”
แบบจาลองข้อมูล (Data Model) หมายถึง การจาลองข้อมูลท่ีเกิดข้ึนท้ังหมดใน
ระบบ พร้อมท้ังจาลองความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลท่ีเกิดขึ้นนั้น โดยใช้ “แผนภาพแสดงความสัมพันธ์
ระหว่างข้อมูล (Entity Relationship Diagram: ER- Diagram)” แผนภาพแสดงความสัมพันธ์
ระหว่างข้อมูล (ER- Diagram) หมายถึง แผนภาพที่ใช้เป็นเคร่ืองมือสาหรับจาลองข้อมูลซึ่งจะ
ประกอบไปด้วย Entity (แทนกลุ่มของข้อมูลท่ีเป็นเรื่องเดียวกัน/เกี่ยวข้องกัน) และความสัมพันธ์
ระหว่างข้อมลู (Relationship) ท่ีเกดิ ขึ้นท้งั หมดในระบบ
หลังจากที่ได้ความสัมพันธ์ท้ังหมดแล้ว พยายามขจัดความซับซ้อนของ Attribute
ในแต่ละ Entity ให้มากที่สุดเพื่อเขียนเป็น Conceptual Schema และเพ่ือให้เกิดความเข้าใจง่าย
มนุษย์จึงคิด ER - Diagram เพอ่ื อธิบาย Conceptual Schema ให้งา่ ยตอ่ การเข้าใจและตคี วาม โดย
ใช้สญั ลกั ษณ์ดงั ต่อไปน้ี
19
สัญลกั ษณท์ ี่ใช้ใน ER - Diagram
ตารางที่ 3 สัญลกั ษณ์ที่ใชใ้ นการเขยี น ER - Diagram พร้อมคาอธบิ าย
Symbol Meaning
Entity
Weak Entity
Relationship
Attribute
Attribute
Key Attribute
20
ตารางที่ 3 สญั ลกั ษณ์ที่ใช้ในการเขยี น ER - Diagram พร้อมคาอธิบาย (ต่อ)
Symbol Meaning
Composite Attribute
Derived Attribute
Multivalued
Total Participation Of E2 In R
R
E1 E2
1N Cardinauty Ratio 1 : NFOR E1:E2
In R
R
E1 E2
Structural Constraint (min, max)
Min, Participation Of EIN R
E
21
จากท่ีกล่าวมาแล้วว่าทฤษฎีการเขียน Data Model คือการจาลองข้อมูลที่เกิดข้ึนทั้งหมดใน
ระบบ ท้ังเป็นการจาลองความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลที่เกิดข้ึน ซึ่งในระบบร้านขายกล้องดิจิตอลผ่าน
ทางเว็บไซต์ได้นามาประยุกต์ใช้งานคือการจาลองความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลซ่ึงระบบงานน้ันจะ
ประกอบด้วย เอนทิต้ีหลัก 2 เอนทิตี้ ได้แก่ ลูกค้ากับผู้ขาย และความสัมพันธ์ระหว่างตารางข้อมูล
เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับสินค้าเป็นความสัมพันธ์แบบ M : M คือลูกค้าหน่ึงคนสามารถมี
สินคา้ ได้หลายชิน้ แต่สินค้าหลายช้ินกส็ ามารถอยกู่ ับลูกค้าไดห้ ลายคนเปน็ ต้น
3.การเขียน Process Model
คาส่ังหรือโค๊ดโปรแกรมท่ีกาลังใช้ทรัพยากร (CPU) หรือโปรมแกรมท่ีถูก Execute Process
บน Unix จะมีการจัด Scheduling เพื่อเปล่ียนงานระหว่าง Process ต่างแบบ Multilevel Queue
Scheduling กล่าวคือแต่ละ Process จะมีเลข Piority ของตัวเองโดยเลข Piority ที่น้อยแปลว่า
Process นน้ั มคี วามสาคัญสูงกว่า และ Process ท่ีมีความสาคญั สูงดงั กล่าวจะมสี ิทธิได้ใช้ CPU TIME
มากกว่า อาจเปรียบเทียบโปรแกรมเหมือนกับรถยนต์ท่ีจอดนิ่งอยู่ที่พร้อมที่จะวิ่งไป ในระบบหลาย
โปรแกรม (multiprogramming) โปรเซสอาจเปรียบกับรถยนต์ที่วิ่งออกจากจุดเร่ิมต้น ถ้ามีหลาย
โปรเซสอยู่ในระบบก็เหมือนกับการที่เรามีรถหลายคันที่จะต้องออกว่ิงไปพร้อม ๆ กัน ตัวซีพียูเปรียบ
ได้กับคนขับรถ ถ้าซีพียูมีตัวเดียวก็เหมือนกับคนขับรถมีเพียงคนเดียว ดังน้ันเม่ือรถหลายคันออกว่ิง
การท่ีคนขับคนเดียวจะพารถหลายๆ คันวิ่งไปต้องขับรถทีละคันให้ว่ิงเดินหน้าไปทีละนิด เวียน
เปลี่ยนไปจนครบทุกคัน จนถึงจุดหมายปลายทาง ( โปรแกรมสิ้นสุดลง ) นั้นคือเราสามารถมีโปรเซส
หลายๆโปรเซสทางานไปพร้อมๆกันได้โดยมีซีพียูเพียงตัวเดียว (ส่วนที่เปรียบเทียบเอามาจากเน็ท
เข้าใจง่ายดี) สถานะของโปรเซสมี 4 สถานะ คือ ready, running, blocked, suspend ขณะ
คอมพิวเตอร์ทางานต้องการสร้าง และลบ process ตลอดเวลา จึงต้องมีการควบคุมให้ระบบคงสภาพ
อยู่ตลอดเวลา โปรเซสแม่ (Parent process) และโปรเซสลกู (Children process) ต้องถูกสร้างและ
หยุดทางานได้อยา่ งสอดคล้อง
จากท่ีกล่าวมาแล้วว่าทฤษฎีการเขียน Process Model นั้นเป็นการเขียนภาพแสดงลาดับ
ข้ันตอนการวิเคราะห์ระบบงานและออกแบบระบบงานใหม่ ซึง่ ก่อนที่จะออกแบบระบบงานใหม่น้ันก็
ได้มีการศึกษาแนวคิดและปัญหาข้อระบบงานปัจจุบันเพ่ือท่ีจะนามาประยุกต์ใช้กับระบบงานใหม่
ปัจจุบันร้านขายกล้องดิจิตอล เป็นร้านท่ีลูกค้าต้องเดินเข้ามาเลือกซ้ือสินค้าด้วยตนเองระบบงาน
ปัจจุบันน้ันขาดเทคโนโลยีท่ีทันสมัย คือ ในการจัดเก็บข้อมูลต่างๆควรท่ีจะแยกเป็นหมวดหมู่เพ่ือง่าย
ต่อการนามาใช้งาน หากมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะเป็นโอกาสที่ทางร้านสามารถที่จะขยายตลาด
โดยสะดวกแก่ผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งระบบงานเดิมเป็นการขายในร้านลูกค้าจะต้องมาส่ังซ้ือสินค้าท่ีร้าน
เท่านั้นแต่ระบบงานใหม่นั้นลูกค้าไม่จาเป็นจะต้องมาท่ีร้านก็สามารถสั่งสินค้าและรับสินค้าได้โดยไม่
ต้องเสียเวลาเดนิ ทาง
22
สัญลักษณ์ทใี่ ชแ้ สดงแทน Process
จากภาพท่ี 3 แสดงสญั ลกั ษณ์ทใี่ ชแ้ สดงแทน Process ดว้ ยส่เี หลย่ี มมุมบนประกอบไปด้วย 2
ส่วน คือ สว่ นบนใช้แสดงหมายเลขของ Process เช่น 0, 1.0, 1.1 เป็นตน้ ส่วนลา่ งจะใชแ้ สดงชอื่ ของ
Process เชน่
1 ชื่อ Process 2
Print Report X Maintenanc
e
รปู ท่ี 3 แสดงสญั ลกั ษณท์ ี่ใชแ้ สดงแทน Process
กฎของ Process
1. ต้องไม่มีข้อมูลรับเข้าเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีการส่งข้อมูลออกจากข้ันตอน
การทางาน (Process) เรียกข้อผิดพลาดชนิดน้ีว่า “Black Hole” เนื่องจากข้อมูลท่ีรับเข้ามาแล้วสูญ
หายไป จากรปู คือ Process ท่ีมีข้อผิดพลาดลักษณะน้ี
2. ต้องไม่มีข้อมูลออกเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีข้อมูลเข้าสู่ Process เลย จาก
รปู คือ Process 2.1.3 ทมี่ ขี อ้ ผดิ พลาดลกั ษณะนี้
3. ข้อมูลรับเข้าจะต้องเพียงพอในการสร้างข้อมูลส่งออก กรณีท่ีมีข้อมูลที่
รับเข้าไม่เพียงพอในการสร้างข้อมูลส่งออกเรียกว่า “Gray Hole” โดยอาจเกิดจากการรวบรวม
ข้อเท็จจริงและข้อมูลไม่สมบูรณ์ หรือการใช้ชื่อข้อมูลรับเข้าและข้อมูลส่งออกผิดจากรูปคือ Process
2.1.1 ท่ีมขี ้อผดิ พลาดลักษณะเชน่ น้ี เน่ืองจากขอ้ มูลที่รับเข้ามามีเพียง ท่ีอยขู่ องพนักงาน (Employee
Address) แต่ไม่มีข้อมูลกระแสเงินสดในธนาคารของลูกค้าท่ีเข้าสู่ Process ดังน้ันข้อมูลจึงไม่เพียง
พอที่จะสรา้ งเป็นรายงานสถานะทางการเงนิ ทางธนาคารของพนกั งานได้ (Bank Statement)
4 . ก า ร ต้ั ง ช่ื อ Process ต้ อ ง ใ ช้ ค า ก ริ ย า (Verb) เ ช่ น Prepare
Management Report, Calculate Data สาหรับภาษาไทยใช้เป็นคากริยาเช่นเดียวกัน เช่น บันทึก
ขอ้ มูลใบสัง่ ซ้ือ ตรวจสอบข้อมลู ลกู ค้า คานวณเงนิ เดอื น เป็นต้น
เสน้ ทางการไหลของข้อมูล (Data Flow)
เส้นทางการไหลของข้อมูล (Data Flows) เป็นการสื่อสารระหว่างขั้นตอนการ
ทางาน (Process) ต่างๆ และสภาพแวดลอ้ มภายนอกหรอื ภายในระบบ โดยแสดงถึงข้อมูลที่นาเข้าไป
ในแต่ละ Process และข้อมลู ที่ส่งออกจาก Process ใชใ้ นการแสดงถึงการบนั ทกึ ข้อมูล การลบขอ้ มูล
การแก้ไขข้อมูลต่างๆ ในไฟล์หรือในฐานข้อมูล ซ่ึงใน Data Flow Diagram เรียกว่า “Data Store”
สัญลักษณ์ของ Data Flowสัญลักษณ์ที่ใช้อธิบายเส้นทางการไหลของข้อมูลคือ เส้นตรงที่
ประกอบดว้ ยหัวลูกศรตรงปลายเพอ่ื บอกทิศทางการเดนิ ทางหรือการไหลของข้อมูล ดงั ภาพที่ 4
23
รปู ที่ 4 สัญลกั ษณเ์ ส้นทางการไหลของข้อมูล
กฎของ Data Flow
1.ช่ือของ Data Flow ควรเป็นช่ือของข้อมูลท่ีส่งโดยไม่ต้องอธิบายว่าส่งอย่างไร
ทางานอยา่ งไร
2. Data Flow ต้องมีจุดเริ่มต้นหรือส้ินสุดที่ Process เพราะ Data Flow คือข้อมูล
นาเขา้ (Inputs) และข้อมูลสง่ ออก (Outputs) ของ Process
3. Data Flow จะเดนิ ทางระหวา่ ง External Agent กบั External Agent ไมไ่ ด้
4. Data Flow จะเดินทางจาก External Agent ไป Data Store ไมไ่ ด้
5. Data Flow จะเดนิ ทางจาก Data Store ไป External Agent ไม่ได้
6. Data Flow จะเดนิ ทางระหว่าง Data Store กับ Data Store ไม่ได้
7. การต้ังชื่อ Data Flow จะต้องใช้คานาม (Noun) เช่น Inventory Data, Goods
Sold Data เป็นต้น
ตวั แทนข้อมลู (External Agent)
ตัวแทนข้อมูล (External Agents) หมายถึง บคุ คล หน่วยงานในองค์กร องค์กรอืน่ ๆ
หรือระบบงานอื่นๆ ท่ีอยู่ภายนอกขอบเขตของระบบ แต่มีความสัมพันธ์กับระบบ โดยมีการส่งข้อมูล
เข้าสู่ระบบเพื่อดาเนินงาน และรับข้อมูลที่ผ่านการดาเนินงานเรียบร้อยแล้วจากระบบ ในบางคร้ัง
เรยี กวา่ “External Entity”
สัญลักษณ์ของ External Agents สัญลักษณ์ท่ีใช้อธิบาย คือ สี่เหล่ียมจตุรัส หรือ
ส่ีเหล่ียมผืนผ้า ภายในจะต้องแสดงช่ือของ External Agent โดยสามารถทาการซ้า (Duplicate) ได้
ดว้ ยการใชเ้ ครอ่ื งหมาย \ (back slash) ตรงมุมล่างซ้าย
ช่อื External Agent ช่อื External Agent
ภาพท่ี 5 สญั ลักษณก์ ารใชเ้ ครื่องหมาย \ (back slash)
กฎของ External Agents
1. ข้อมูลจาก External Agent จะวิ่งไปสู่อีก External Agent หนึ่งโดยตรงไม่ได้
จะตอ้ งผา่ น Process กอ่ นเพื่อประมวลขอ้ มลู นั้น จึงได้ข้อมูลออกไปส่อู ีก External Agent
2. การตั้งชื่อ External Agent ต้องใช้คานาม (Noun) เช่น Customer, Bank เป็น
ตน้
แหล่งจดั เก็บขอ้ มลู (Data Store)
แหล่งจัดเก็บข้อมูล (Data Store) เป็นแหล่งเก็บ/บันทึกข้อมูล เปรียบเสมือน
คลังข้อมูล (เทียบเท่ากับไฟล์ข้อมูล และฐานข้อมูล) โดยอธิบายรายละเอียดและคุณสมบัติเฉพาะตัว
24
ของสิ่งที่ต้องการเก็บ/บันทึกสัญลักษณ์ของ Data Store สัญลักษณ์ที่ใช้อธิบายคือสี่เหลี่ยมเปิดหน่ึง
ข้าง แบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ทางด้านซ้ายใช้แสดงรหัสของ Data Store อาจจะเป็น
หมายเลขลาดับหรอื ตัวอักษรได้เช่น D1, D2 เป็นต้น สาหรับส่วนท่ี 2 ทางด้านขวา ใช้แสดงช่ือ Data
Store หรอื ชือ่ ไฟล์ เช่น Employee, Application, Member เป็นตน้
กฎของ Data Store
1. ข้อมูลจาก Data Store หนึ่งจะวง่ิ ไปสู่อีก Data Store หนง่ึ โดยตรงไม่ได้ จะต้อง
ผ่านการประมวลผลจาก Process ก่อน
2. ข้อมูลจาก External Agent จะว่ิงเขา้ สู่ External Agent โดยตรงไม่ได้
3. การต้ังช่ือ Data Store จะต้องใช้คานาม (Noun) เช่น Customer File,
Inventory หรือ Employee File เปน็ ต้น
วิธีการสร้างแบบจาลองข้นั ตอนการทางานของระบบดว้ ย DFD
หวั ข้อทีผ่ ่านมาได้รู้จกั กับแนวคิด สัญลักษณ์ และกฎเกณฑ์ตา่ งๆ ของแนวคิดทั้งหมด
ของแผนภาพกระแสข้อมูล (DFD) จะนาเสนอวิธกี ารสร้าง DFD ตามลาดบั ดังนี้
- สรา้ งแผนภาพบรบิ ท (Context Diagram)
- สรา้ งแผนภาพระดับ 0 (Level-0 Diagram)
- แบ่งยอ่ ยแผนภาพ (Decomposition of DFD)
- ตรวจสอบสมดุลของ DFD (Balancing DFD)
สร้างแผนภาพบรบิ ท (Context Diagram)
แผนภาพบริบท (Context Diagram) คือ แผนภาพกระแสข้อมูลระดับบนสุดที่แสดง
ภาพรวมการทางานของระบบท่ีมีความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมภายนอกระบบ ท้ังยังแสดงให้เห็น
ขอบเขต และเส้นแบ่งเขตของระบบที่ศึกษาและพัฒนา อันดับแรกของการสร้างแบบจาลองขั้นตอน
การทางานของระบบ นักวิเคราะห์ระบบควรจะทาการสร้าง Context Diagram ก่อน เน่ืองจาก
Context Diagram เป็นตวั กาหนดขอบเขต และเสน้ แบง่ เขตของระบบท่ศี ึกษาและพัฒนา แนวทางใน
การกาหนดขอบเขตมีดงั น้ี
1. เปรียบระบบเสมือนภาชนะบรรจุ เพ่ือแบ่งแยกส่ิงทีอ่ ยู่ภายในภาชนะออกจากสิ่ง
ท่ีอยภู่ ายนอกภาชนะ โดยไมต่ ้องสนใจสิง่ ทอี่ ยูภ่ ายในภาชนะมอี ะไรบ้าง
2. ศึกษาระบบโดยอาจจะการสอบถามผู้ใช้งานถึงเหตุการณ์ (Event) หรือ การ
ดาเนินงานประจาวันท่เี กิดขึ้นของระบบว่ามีการติดตอ่ จัดการ หรือดาเนินงานอย่างไรบ้าง และระบบ
มีการตอบสนองต่อเหตุการณ์น้ันๆ อย่างไร อะไรคือข้อมูลท่ีรับเข้ามา (Input) และส่งมาจากใคร
(External Agent)
3. สอบถามผู้ใช้ระบบว่าระบบจะต้องส่งข้อมูลอะไร (Output) ออกไปสู่ External
Agent บา้ ง ต้องการรูปแบบรายงาน การสอบถามขอ้ มลู (Query) แบบใด สง่ิ เหล่าน้ีทาใหน้ ักวิเคราะห์
ระบบสามารถพจิ ารณาการวาด Data Flow ได้
4. จาแนกแหล่งข้อมูลภายนอกระบบ (External data store) ท่ีระบบต้องการจาก
ไฟลห์ รือฐานข้อมูลจากระบบอื่น ซงึ่ อาจเป็นการอ่าน แกไ้ ข เปล่ียนแปลง ข้อมลู เหล่าน้ัน
25
5. ทาการวาด Context Diagram จากสิ่งท่ีรวบรวมได้จากข้อ 1-4 หลังจากท่ีได้
ศึกษาการทางาน ข้อมูลรับเข้า ข้อมูลส่งออก นักวิเคราะห์ระบบอาจมีเส้นทางการไหลของข้อมูล
(Data Flow) มากมาย ซึง่ ไมอ่ าจแสดงไดท้ ้ังหมดใน Context Diagram นี้ ดังน้นั Data Flow ที่แสดง
ควรเป็นข้อมูลหลักและมีความสาคัญต่อระบบ ส่วนรายละเอียดของการเคลื่อนไหวของข้อมูลนั้น
สามารถนาไปอธบิ ายใน DFD ระดับตอ่ ไปได้
ใน Context Diagram ประกอบด้วย Process ท่ีแทน Process ของระบบทั้งหมดเพยี งหนึ่ง
Process เท่านั้นท่ีอยู่ภายในขอบเขตของระบบ และให้แสดงหมายเลขศูนย์ (“o”) ตรงส่วนบนของ
สัญลักษณ์ Process นอกจากน้ีใน Context Diagram ยังแสดงรายละเอียดของ External Agent
และ External Data Store รอบๆ ข้ันตอนการดาเนินงาน (ภายนอกขอบเขตของระบบ) และมี Data
Flows แสดงการติดตอ่ ระหว่างระบบกับสิ่งท่ีอยู่ภายนอก และสง่ิ สาคญั คอื ภายใน Context Diagram
จะตอ้ งไมม่ ี Data Store ปรากฏอยู่
สร้างแผนภาพระดบั 0 (Level-0 Diagram)
Level-0 Diagram คอื แผนภาพกระแสขอ้ มูลในระดับทแี่ สดงข้ันตอนการทางานหลักท้ังหมด
(Process หลัก) ของระบบแสดงทิศทางการไหลของ Data Flow และแสดงรายละเอียดของแหล่ง
จดั เก็บขอ้ มลู (Data Store)
Level-0 Diagram เป็นการแสดงให้เห็นถึงรายละเอียดของ Process การทางานหลักๆ ท่ีมี
อยู่ภายในภาพรวมของระบบ (Context Diagram) ว่ามีข้ันตอนใดบ้าง โดยแต่ละ Process จะมี
หมายเลขกากับอยู่ด้านบนของสญั ลกั ษณ์ ตัง้ แต่ 1 เป็นต้นไป
แบง่ ยอ่ ยแผนภาพ (Decomposition of DFD)
ถ้าระบบใดมีการทางานท่ีซับซ้อนมาก นักวิเคราะห์ระบบจะไม่สามารถอธิบายการทางาน
ท้ังหมดได้ภายในขั้นตอนเดียวใน Context Diagram ดังนั้นในการวิเคราะห์ระบบจึงสามารถจาแนก
ระบบใหญ่หน่ึงระบบออกเป็นระบบย่อยๆ ได้หลายระบบ โดยแบ่งให้เป็นระบบย่อยที่มีขนาดเล็กลง
เร่ือยๆ จนสามารถอธบิ ายการทางานได้ท้ังหมด เรยี กวิธนี ี้ว่า “ การแบ่งย่อย (Decomposition) หรือ
Functional Decomposition”
Decomposition คือ การแบ่ง/แยก/ย่อยระบบและข้ันตอนการทางานออกเป็นส่วนย่อย
โดยในแต่ละข้ันตอนท่ีแยกออกมา (Subsystems) จะแสดงให้เห็นถึงรายละเอียดของการทางานเพิ่ม
มากข้ึน
การแบ่งย่อย Process น้ันสามารถแบ่งย่อยลงไปได้เรื่อยๆ จนกระทั่งถึงระดับท่ีไม่สามารถ
แบ่งย่อยได้อกี แลว้ เรยี กแผนภาพทไ่ี ม่สามารถแบ่งยอ่ ย Process ไดอ้ กี แล้วว่า Primitive DFD
ระดับของแผนภาพที่แบ่งย่อยมาจาก Level-0 เรียกว่า Level-1 ซ่ึงแผนภาพท่ีแบ่งย่อยใน
ระดับถดั มาจาก Level-0 diagram จะตอ้ งมี Process อยา่ งน้อย 2 Process ขึ้นไป
26
ตรวจสอบสมดลุ ของ DFD (Balancing DFD)
เมื่อมีการแบ่งย่อยแผนภาพจากระดับบนลงไประดับล่าง เช่น จาก Level-0 แบ่งย่อยไปใน
Level-1 ของ Process 1 นักวิเคราะห์ระบบ จะต้องการตรวจสอบความสมดุลของแผนภาพ
(Balancing DFD) ดว้ ย
Balancing DFD หมายถึง ความสมดุลของแผนภาพกระแสข้อมูลที่จะต้องมี Input Data
Flow ท่ีเข้าสู่ระบบและ Output Data Flow ที่ออกจากระบบใน DFD ระดับล่างครบทุก Input
Data Flow และ Output Data Flow ที่ปรากฏอยู่ใน DFD ระดับบน แต่ในระดับล่างอาจจะมี
มากกว่าได้ โดยมีเงื่อนไขว่า Input Data Flow และ Output Data Flow นั้นจะต้องเกิดจาก
Process ภายในระดับล่างเท่านั้น และจะนาไปใช้ตรวจสอบความสมดุลของแผนภาพอีกระดับ หากมี
การแบง่ ยอ่ ยแผนภาพในระดับลา่ งลงไปอีก ดังภาพท่ี 6
(a) External 0 D External
Agent 1 Agent 3
A (a) System
Process
External A1
(b) Agent 1 B Add A,B
External C
Agent 3
Refine C D External
Agent 3
รูปที่ 6 สญั ลกั ษณ์การตรวจสอบสมดุลของ DFD (Balancing DFD)
จากภาพที่ 6 (a) เป็น Context Diagram ท่ีมี Input Data Flow เข้าสู่ระบบคือ A จาก
External Agent 1 เท่านัน้ และมี Output Data Flow คอื D วิ่งไปยงั External Agent 2 เมือ่ มีการ
แบ่งย่อยแผนภาพลงที่ Level-0 Diagram ในภาพที่ 7 (b) สังเกตว่ามี Input Data Flow ท่ีเป็น B
จาก External Agent 3 เพม่ิ เขา้ มา ซึ่งใน Context Diagram ไม่มี External Agent 3 นี้ ดงั นั้นถือได้
ว่า DFD น้ีไม่สมดุลสาหรับ Input Data Flow C สามารถปรากฏอยู่ใน DFD ระดับล่างได้ เนื่องจาก
เป็น Input Data Flow ท่ีเกิดจาก Process ภายในระดบั ล่างนี้เท่านั้น
27
แนวทางในการสรา้ งแผนภาพกระแสขอ้ มลู ที่สมบรู ณ์
เม่ือนักวิเคราะห์ระบบสร้างแผนภาพกระแสข้อมูลของระบบปัจจุบัน และระบบใหม่ท่ีจะ
เสนอให้เป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาเสร็จสิ้นแล้ว นอกจาก Data Flow, Processes, Data
Stores และ External Agent จะเป็นไปตามกฎที่ได้กล่าวไว้ในหัวข้อ และตรวจสอบความสมดุลของ
แผนภาพแลว้ นักวิเคราะห์ระบบควรมีการตรวจสอบเพม่ิ เตมิ เพ่ือให้ไดแ้ ผนภาพที่สามารถแสดงใหเ้ ห็น
ถึงรายละเอียดขั้นตอนการทางาน ข้อมูลท่ีเกิดจากการประมวลผลแต่ละข้ันตอน และการจัดเก็บ
ข้อมูลไดอ้ ยา่ งถูกต้องและครบถ้วน โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
1. มคี วามสมบรู ณ์ (DFD Completeness)
ใจความสาคัญของหลักเกณฑ์นี้คือ หากมีการเพิ่มเติมรายละเอียดใดๆ ที่จาเป็นเข้ามาใน
ระบบ นักวิเคราะห์ระบบจะต้องเพ่ิมเติมรายละเอียดเหล่านั้นลงใน DFD ด้วยเสมอ และหาก Data
Flow, Data Store, Process และ External Agent บนแผนภาพ DFD ไม่เชื่อมต่ออยู่กับส่ิงใดๆ
แสดงว่า DFD น้ันไมส่ มบรู ณ์
2. มคี วามสอดคล้อง (DFD Consistency)
เป็นความสอดคล้องกันของส่ิงท่ีปรากฏอยู่บน DFD ในระดับบนและมีการแบ่งย่อยลงมาใน
ระดับล่าง กล่าวคือ สิ่งท่ีปรากฏอยู่บน DFD ในระดับบน เมื่อมีการแบ่งย่อย Process หรือแผนภาพ
ลงมาในระดับล่าง จะต้องมีสิ่งที่ปรากฏอยู่ในระดับบนน้ันด้วยเสมอ หลักเกณฑ์น้ีจะเกี่ยวข้องกับกฎ
ความสมดุลของแผนภาพ DFD
3. การทาซา้ (Iterative Development)
การสร้าง DFD ในรอบแรกน้ันจะยังไม่เป็นแผนภาพท่ีมีความถูกต้องและสมบูรณ์ได้ จะต้องมี
การตรวจสอบแผนภาพหรือมีการปรับปรุงแผนภาพทุกคร้ังที่มีการเปล่ียนแปลงหรือแก้ไขความ
ต้องการ การปรับปรุงแผนภาพนี้จะทาให้มีความถูกต้องมากขึ้นนั่นเอง หากองค์กรใดเลือกใช้ CASE
จะทาใหป้ ระหยดั เวลาในสว่ นนีไ้ ป
4. DFD ระดับล่างสุด (Primitive DFD)
เมื่อมีการแบ่งย่อยแผนภาพ DFD ลงมาที่ระดับล่าง เพื่ออธิบายรายละเอียดของข้ันตอนการ
ทางานภายในระบบ ปญั หาทเ่ี กดิ ขนึ้ คอื จะสิ้นสดุ การแบ่งยอ่ ย Process เม่ือใด” หลักเกณฑ์โดยท่วั ไป
ท่ีใช้ในการตัดสินว่า เมื่อใดที่ควรจะหยุดแบ่งย่อย Process คือ “ เม่ือไม่สามารถแบ่งย่อย Process
ไดอ้ ีกแล้ว” นอกจากหลักเกณฑ์ดงั กล่าวแลว้ ในท่ีนี้ยังมีหลักเกณฑ์ในการตดั สนิ ใจดังน้ี
1. เม่ือมีการแบง่ ย่อย Process แต่ละ Process ลงมาจนกระทัง่ มีการทางานใน Process นั้น
เพียงหนา้ ท่ีเดียว เช่นมีการอา่ นขอ้ มูล ปรบั ปรงุ สรา้ ง และลบขอ้ มลู ในฐานข้อมูล เป็นตน้
2. เมื่อแต่ละ Data Store ที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูล มีการจัดเก็บข้อมูลเพียงไฟล์เดียว เช่น
ไฟลล์ ูกค้า ไฟล์สินค้า หรอื ไฟลส์ ง่ั ซอ้ื เปน็ ต้น
3. เม่ือผ้ใู ชร้ ะบบเห็นว่าไมม่ ีรายละเอียดใดๆ ที่จะเป็นตอ่ การทางานของระบบแล้ว
เหลา่ นี้เป็นการเพิ่มความถูกต้องและสมบรู ณ์ของแผนภาพกระแสข้อมลู ทาใหม้ ่นั ใจได้ว่าข้อมูลที่แสดง
อยู่ในแผนภาพ รวมทั้งข้ันตอนการทางานต่างๆ น้ันไม่ผิดพลาดหรือขาดหายไปก่อนท่ีจะการนาเสนอ
ต่อผูบ้ รหิ ารและส่งมอบใหก้ บั นกั ออกแบบระบบต่อไป
28
จากทฤษฎีการเขียน Process Model ที่กล่าวมาข้างต้น จึงได้นา Process Model มาช่วย
ในการการรวบรวม บันทึก สร้างโครงสร้างและแสดงทศิ ทางของขอ้ มูลในการดาเนนิ งานขนั้ ตอนต่างๆ
รวมทัง้ ข้อมูลเชงิ ตรรกะ (Logical) หลกั การ (Policies) และขบวนการ(Procedures) ต่างๆ ของแตล่ ะ
ขั้นตอน เหตุผลของการจาลองข้ันตอนการทางานของระบบข้ึน คือต้องการแสดงข้อเท็จจริงในการ
ทางานและข้อมูลของระบบท่ีเก็บรวบรวมมาในรูปของข้อความ ให้เป็นแผนภาพเพ่ือความสะดวกใน
การส่ือสารระหว่างนักวิเคราะห์ระบบและโปรแกรมเมอร์หรือผู้ท่ีเกี่ยวข้องคนอื่นๆ และง่ายต่อความ
เข้าใจของผใู้ ช้และเจ้าของระบบ
4.อินเตอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต (Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์นานาชาติ ท่ีมีสายตรงต่อไปยัง
สถาบนั หรือหนว่ ยงานต่าง ๆ เพอื่ อานวยความสะดวกให้แก่ผ้ใู ชท้ ั่วโลก ผใู้ ชเ้ ครือข่ายน้ีสามารถสอื่ สาร
ถึงกันได้ทางอีเมล์ สามารถสืบค้นข้อมูลและสารสนเทศ รวมท้ังคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมา
ใช้ได้. อย่างไรก็ตาม มีผู้เปรียบเทียบว่า อินเทอร์เน็ตเป็นเหมือนทางหลวงระหว่างประเทศ แต่ละ
ประเทศจะต้องมีถนนเขา้ มาเช่อื มต่อเขา้ ไปในประเทศ กล่าวคอื จะต้องมีเครือข่ายภายในรับช่วงตอ่ อีก
ทอดหนึ่ง (เช่น เครือข่ายภายในมหาวิทยาลัย, องค์กร หรือเครือข่ายของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต)
มฉิ ะนนั้ กจ็ ะใชไ้ ม่ไดผ้ ล
โลกวันน้ีได้มาถึงจุดเลี้ยวต่อท่ีวัฒนธรรมได้หักมุมจากสังคม ท่ีแต่เดิมมีศูนย์กลาง อยู่ที่เครือ
ข่าย วิทยุ ทวี ีและโทรศพั ท์มาสู่เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทอ่ี ุดมไปด้วยข้อมลู ขา่ วสาร ซึ่งผลักดัน ให้สงั คม
ก้าวสู่สังคม ดิจิทัล (Digital Society) โดยทุกวันน้ีทั่วโลกมีมนุษย์ใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ประมาณ 200
ล้านคน หรือร้อยละ 3.2 ของประชากรโลกเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาแห่งเดียว มีผู้ใช้ถึง 80 ล้าน
คน (ประมาณร้อยละ 29 ของพลเมืองสหรัฐอเมริกา) จากข้อมูลการสารวจผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ของชาว
อเมริกัน พบว่าหน่ึงในสามของชาวอเมริกันใช้อินเทอร์เน็ตในการ จับจ่ายสินค้า ผ่านเน็ต ปรึกษา
แพทย์ผ่านเน็ต ฟังการถ่ายทอดวิทยุผ่านเน็ต ลงทุนผ่านเน็ต จานองบ้านผ่านเน็ต ติดตาม การขนส่ง
พัสดุผ่านเน็ต รับทราบข่าวผ่านเน็ต สนทนาโทรศัพท์ผ่านเน็ต รวมทั้งทากิจกรรม การ เมือง ผ่านเน็ต
และแมก้ ระท่ังสอื่ สารรกั กนั ผา่ นเนต็
กิจกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตต่างๆ เหล่าน้ี แสดงให้เห็นแนวโน้มว่า มนุษย์เราไม่ได้ใช้
อนิ เทอร์เนต็ เพยี ง เพื่อการสง่ ไปรษณีย์อเิ ล็กทรอนกิ ส์ (e-Mail) คน้ หา ข้อมลู หรอื พกั ผ่อน บันเทิงอีก
แล้ว แต่เป็นการปรับตัวใช้อินเทอร์เน็ตในการดาเนินวิถีชีพดิจิทัล เป็นเวลาร่วมกว่า 30 ปีที่เครือข่าย
ARPANET (Advanced Research Projects Agency NET work) ซ่ึงเป็นเครือข่ายสานักงาน
โครงการวิจัยช้ันสูงของรัฐบาลอเมริกาที่ช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาล และถาบันการศึกษา
สามารถเช่ือมโยงส่ือสารถึงกัน และถือ เป็นเครือข่ายเริ่มแรก ที่ต่อมาได้ถูกพัฒนาให้เป็นเครือข่าย
อินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน และเป็น เวลาร่วมกว่า 28 ปี ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือ
คอมพิวเตอร์ส่วนบคุ คลแพร่หลายสโู่ ลก
ทา้ ยสุดมาถึงอินเทอร์เนต็ ที่เริ่มเปิดตัวตอ่ สาธารณชนไม่ถึง 10 ปีแต่กลับใช้ระยะเวลาใน 5 ปี
หลังแปรสภาพจากเครือข่ายสื่อสารธรรมดาเป็นเครือข่ายอรรถประโยชน์สู่สาธารณชน (Public
Utility) ประกอบกับแรงขับหนุนของประสิทธิภาพของชิพ (Chip) สมรรถภาพของเคร่ืองคอมพิวเตอร์
การวางโครงข่ายสื่อสัญญาณความเร็วสูงด้วยเส้นใยนาแสง และโปรแกรมค้นดู หรือ บราวน์เซอร์
29
(Browser) ท่ีง่าย และสะดวกต่อการใช้งานนี่เอง จึงทาให้ชาวโลกหันมานิยมใช้อินเทอร์เน็ตใน การ
ส่ือสารและทาธุรกรรมร่วมกัน และเป็นท่ีแน่นอนว่านับจากนไ้ี ปอกี 2-3 ปี การเติบโตของธุรกิจ ใหม่ๆ
ในอินเทอร์เน็ต จะทาให้ตัวเลขของผู้ใช้อินเทอร์เนต็ ทั่วโลกกระโดดเพิ่มขึ้นอย่าง รวดเร็ว กระแสคล่ืน
เทคโนโลยีสารสนเทศ โถมถั่งไปทุกแวดวง ไม่ว่าแวดวงการศึกษา ธุรกิจ การเงิน การแพทย์ การ
ทอ่ งเที่ยว และการบริการ จนกล่าวได้ว่าข่าวสาร และการสือ่ สารต่างๆ เท่าท่ีมนุษย์เคยใชง้ านมา ต่าง
ถกู แปลงเป็นดิจิทลั (Digitized) แล้วแทบท้ังส้ิน
จากน้ีไปการติดต่อสื่อสารท่ีมนุษย์ไม่เคยคาดคิดว่า สามารถทาได้มาก่อนก็จะปรากฏให้ เห็น
ผ่าน เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ณ วันนี้ ผู้บริหารองค์กรต่างๆ ต้องคิดหนักว่าทาอย่างไรจึง จะนาธุรกิจ
ของตนไปประกอบการค้าบนอินเทอร์เน็ตได้ และโปรดเช่ือเถิดว่า ถ้าคุณไม่ทา คู่แข่งของคุณต้องทา
แน่ เมื่อกระแสการแข่งขันรุนแรง นวัตกรรม และรูปแบบธุรกจิ ใหม่ๆ จะทยอยไหลหลากตามมา วันนี้
เรามีการดาเนินธุรกรรมต่างๆ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อาทิ เช่น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-
Commerce) การศึ กษา ทาง ไกล ( e-Education) โ ท รเว ช ( e-Me dicine) โ ทรบั นเทิ ง ( e-
Entertainment) และการเมืองอิเล็กทรอนิกส์ (e-Politics) ทุกส่ิงท่ีกล่าวถึง เหล่าน้ี ล้วนมีอิทธิพล
ต่อการเปลย่ี นแปลง วิถีการดาเนนิ ชีวิตความคิด และการทางานนี้ ไม่ใช่ ส่ิงที่ จะเกิดข้ึนในอนาคต แต่
เป็นสง่ิ ท่เี กดิ ขน้ึ ตอนน้ี และทุกขณะนโ้ี ดยในชวี ติ ประจาวนั จะพบกับ
1. การจับจ่ายสนิ ค้าแบบเชื่อมตรงหรือผ่านเวบ็ ไซต์ (On-line Shopping)
2. การเรียนการสอนที่อาจารย์บรรยาย จากสถานที่แห่งหนึ่งผ่านไปยังนักศึกษาซ่ึง
อยู่อกี แหง่ ที่ห่างไกลออกไป
3. การพบแพทย์ แบบ เชื่อมตรงผ่านเครอื ข่ายอนิ เทอร์เน็ต
4. รปู แบบการบนั เทงิ ตามวันเวลาทต่ี ้องการของผ้ชู ม (Video on Demand)
5. การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และการลงคะแนนเสียงแบบเชื่อมตรง
เน่ืองจาก โครงข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นโครงข่ายเปิดท่ีเปิดให้ประชาคมโลกใช้กันอย่างเสรี จึงย่อมมี
ผลกระทบท้ังในแง่ดี และร้ายต่อสิทธิส่วนบุคคล และวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของมนุษย์ อินเทอร์เน็ต
ไม่แตกต่างไปจากเทคโนโลยีอน่ื คือ เป็นเพยี งเครื่องมอื อย่างหนง่ึ ของมนุษยชาติ การควบคมุ จดั การจึง
ตกอยู่กับพวกเราทุกคน ท่ีต้องคานึงถึงจรรยาบรรณ และความรับผิดชอบ ในการใช้อินเทอร์เน็ตให้
อย่างถกู ต้องตามครรลองคลองธรรม ถ้าตระหนักในภาระนี้กจ็ ะใช้ชีวิต e-Life อย่างมคี วามสขุ ในชีวิต
บนทางด่วนข้อมลู สารสนเทศ
ประวตั คิ วามเปน็ มาของอินเทอรเ์ น็ต
อินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นโครงการของ ARPA net (Advanced Research Projects
Agency Network) ซึ่งเป็นหน่วยงานท่ีสังกัด กระทรวงกลาโหม ของสหรัฐ (U.S. Department of
Defense – DoD) ถูกก่อตั้งเม่ือประมาณ ปีค.ศ.1960(พ.ศ.2503) และได้ถูกพัฒนาเรื่อยมา ค.ศ.
1969(พ.ศ.2512) ARPA ได้รับทุนสนับสนุน จากหลายฝ่าย ซึ่งหนึ่งในผู้สนับสนุนก็คือ Edward
Kenedy และเปลีย่ นชือ่ จาก ARPA เป็น DARPA(Defense Advanced Research Projects Agency)
พร้อมเปลี่ยนแปลงนโยบายบางอย่าง และในปีค.ศ.1969(พ.ศ.2512)น้ีเองท่ีได้ทดลองการเชื่อมต่อ
คอมพิวเตอร์คนละชนดิ จาก 4 แห่งเขา้ หากนั เปน็ ครงั้ แรก คอื มหาวิทยาลัยแคลิฟอรเ์ นีย สถาบันวิจัย
สแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และมหาวิทยาลัยยทู าห์ เครือข่ายทดลองประสบความสาเร็จ
30
อย่างมาก ดังนั้นในปีค.ศ.1975(พ.ศ.2518) จึงได้เปลี่ยนจากเครือข่ายทดลอง เป็นเครือข่ายที่ใช้งาน
จริง ซึ่ง DARPA ได้โอนหน้าทร่ี ับผิดชอบโดยตรงใหแ้ ก่ หน่วยการส่ือสารของกองทัพสหรัฐ (Defense
Communications Agency – ปั จ จุ บั น คื อ Defense Informations Systems Agency) แ ต่ ใ น
ปัจจุบัน Internet มีคณะทางานท่ีรับผดิ ชอบบรหิ ารเครอื ข่ายโดยรวม เช่น ISOC (Internet Society)
ดูแลวัตถุประสงค์หลัก, IAB (Internet Architecture Board) พิจารณาอนุมัติมาตรฐานใหม่ใน
Internet, IETF (Internet Engineering Task Force) พฒั นามาตรฐานที่ใชก้ ับ Internet ซึ่งเป็นการ
ทางานโดยอาสาสมัคร ทั้งส้ินค.ศ.1983(พ.ศ.2526) DARPA ตัดสินใจนา TCP/IP (Transmission
Control Protocal/Internet Protocal) มาใช้กบั คอมพิวเตอร์ทุกเครือ่ งในระบบ ทาให้เป็นมาตรฐาน
ของวิธีการตดิ ต่อ ในระบบเครอื ขา่ ย Internet จนกระทงั่ ปัจจบุ ัน จึงสงั เกตไดว้ ่า ในเครอื่ งคอมพิวเตอร์
ทุกเคร่ืองท่ีจะต่อ internet ได้จะต้องเพ่ิม TCP/IP ลงไปเสมอ เพราะ TCP/IP คือข้อกาหนดท่ีทาให้
คอมพิวเตอร์ท่ัวโลก ทุก platform คุยกันรู้เร่ือง และส่ือสารกันได้อย่างถูกต้องการกาหนดช่ือโดเมน
(Domain Name System) มีข้ึนเมื่อ ค.ศ.1986(พ.ศ.2529) เพ่ือสร้างฐานข้อมูลแบบกระจาย
(Distribution database) อย่ใู นแตล่ ะเครือข่าย และให้ ISP(Internet Service Provider) ชว่ ยจัดทา
ฐานข้อมูลของตนเอง จึงไม่จาเป็นต้องมีฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์ เหมือนแต่ก่อน เช่น การเรียกเว็บ
www.yonok.ac.th จะไปที่ตรวจสอบว่ามีชื่อน้ี หรือไม่ ท่ี www.thnic.co.th ซึ่งมีฐานข้อมูลของเว็บ
ที่ลงท้ายด้วย th ท้ังหมด เป็นต้น DARPA ได้ทาหน้าที่รับผิดชอบดูแลระบบ internet เรื่อยมาจนถึง
ค.ศ.1980 (พ.ศ.2523) และให้ มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Foundation –
NSF) เข้ามาดูแลแทนร่วม กับอีกหลายหน่วยงาน ค.ศ.1991 (พ.ศ.2534) ทิม เบอร์เนอร์ส ลี (Tim
Berners-Lee) แห่งศูนย์วจิ ัย CERN ได้คดิ ค้นระบบไฮเปอร์เท็กซ์ขนึ้ เว็บเบราวเซอร์ (Web Browser)
ตัวแรกมีชื่อว่า WWW (World Wide Web) แตเ่ วบ็ ได้รับความนยิ มอยา่ งจริงจัง เมอื่ ศูนย์วิจยั NCSA
ของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์เออร์แบน่าแชมเปญจ์ สหรัฐอเมริกา ได้คิดโปรแกรม MOSAIC (โมเสค)
โดย Marc Andreessen ซึ่งเป็นเว็บเบราว์เซอร์ระบบกราฟฟิก หลังจากนั้นทีมงานที่ทาโมเสคก็ได้
ออกไปเปิดบริษัทเน็ตสเคป (Browser Timelines : Mosaic 1993, IE 1995, Netscape 1994,
Opera 1996, Macintosh IE 1996)
จากทฤษฎีข้างต้น อินเตอร์เน็ต มีบทบาทในชีวิตปัจจุบันมากขึ้น สามารถช่วยในการสืบค้น
แหล่งข้อมูลต่างๆ หรือส่ือโฆษณาประชาสัมพันธ์ในการขายสินค้ารวมทั้งทางด้านบริการต่างๆ และ
การติดต่อสื่อสาร ที่ง่ายตอ่ การทางาน ดังน้ันจึงนาอินเตอร์เน็ตมาใช้ในการค้นหาข้อมูลเก่ียวกับสินค้า
เพอ่ื นามาประยกุ ต์ใช้ในระบบงาน
บทท่ี 3
31
วธิ กี ารดาเนนิ งาน
สาหรบั บทนี้กล่าวถงึ ขัน้ ตอนการดาเนินงานของระบบร้านขายดอกไม้ออนไลน์ เพ่ืออานวย
ความสะดวกในการเข้าถงึ ขอ้ มูลให้รวดเรว็ และความสะดวกในเว็บไซต์นั้น จะทาการจะทาการรวม
รวมข้อมลู ข้นั ตอนการทางานของระบบร้านขายดอกไม้ออนไลน์ โดยจะรายละเอียดมีข้ันตอนการ
ดาเนนิ งานดงั นี้
- แผนผงั ลาดับการทางาน(Flowchart)
- แผนภาพ(Context Diagram)
- แผนภาพการไหลของข้อมูล(Data Flow Diagram)
- Data Flow Description and Data Structure of Data Flow
- Data store Dictionary and Data Structure of Data Store
- External Entity Description
- คาอธบิ ายการประมวลผล (Process Description)
- แผนภาพ ER-Diagram
- การออกแบบฐานข้อมลู (Database Design)
- พจนานุกรมข้อมูล (Data Dictionaries)
- ออกแบบหนา้ จอโปรแกรม Graphic User Interface (GUI)
3.1. แผนผงั ลาดับการทางาน(Flowchart)
3.1.1. ลาดบั การทางานของการสมัครสมาชิก (Member Module) คอื สมาชิกทตี่ ้องการ
สั่งซื้อดอกไม้ออนไลน์ จะต้องผ่านโมดูลในการสมัครสมาชิกก่อน โดยจะมีขัน้ ตอน ดงั รปู ท่ี 3.1 ดังน้ี
เริม่ ตน้
กรอกขอ้ มูลสมาชิก
NO
ตรวจสอบความถกู ต้อง
ของขอ้ มลู
Yes
บันทกึ ขอ้ มูล
จบการทางาน
รปู ท่ี 7 แสดงข้นั ตอนการทางานของ Flowchart ขน้ั ตอนการ สมคั รสมาชกิ
32
จากรปู ท่ี 7 อธิบายข้ันตอนการทางานของ Flowchart ขนั้ ตอนการ สมัครสมาชกิ
- กรอกข้อมูลสมาชิก/รับข้อมลู สมาชกิ
- ตรวจสอบความถูกตอ้ งของข้อมลู
- ในกรณที ่ีกรอกข้อมลู ถูกต้องก็ทาการบันทึกข้อมูล
- ในกรณที ่ีกรอกข้อมูลไมถ่ ูกต้องกท็ าการกลับไปกรอกขอ้ มูลใหม่ใหถ้ กู ต้อง
- กรอกเสร็จแลว้ ทาการบนั ทึก
- จบการทางาน
3.1.2. ลาดบั การทางานการเขา้ สูร่ ะบบ (Login) คือ โมดูลในการเข้าส่รู ะบบ(Login) โดย
ใช้ Username และ Password เขา้ ใชง้ านระบบ เพื่อสง่ั ซื้อดอกไม้ออนไลน์ โดยมีข้ันตอน ดงั รปู ที่3.2
รปู ท่ี 8 แสดง Flowchart Login เข้าสรู่ ะบบ
จากรปู ท่ี 8 อธิบายข้นั ตอนการทางานของ Flowchart ขั้นตอนการ เข้าระบบ (Login)
- รบั ขอ้ มูล Username/Password
- ตรวจสอบขอ้ มลู สมาชกิ ถ้าไม่ถกู ต้อง
- ให้กลบั ไปใส่ Username/Password ใหม่
- ถา้ ถูกต้องให้เขา้ สรู่ ะบบ
- จบการทางาน
33
3.1.3. ลาดบั การทางานของผู้ดูแลระบบ(Administrator) คือโมดลู กระบวนการเข้าใช้โดย
ผ้ดู แู ลระบบ (Administrator) เพื่อจัดการข้อมูลต่าง ๆ ให้ระบบโดยมขี น้ั ตอนตา่ งๆ ดังนี้
ดังรปู ท่ี 3.3
รปู ที่ 9 แสดง Flowchart ผู้ดูแลระบบ (Administrator)
จากรปู ที่ 9 อธบิ ายขนั้ ตอนการทางานของ Flowchart ข้ันตอนการ เข้าระบบ (Login) ผู้ดแู ลระบบ
- รบั ขอ้ มูล Username/Password
- ตรวจสอบขอ้ มูลผดู้ ูแลระบบ
- ถ้าไม่ถูกต้อง
- ให้กลับไปใส่ Username/Password ใหม่
- ถา้ ถกู ต้อง
- ใหเ้ ขา้ ระบบและสามารถเพ่มิ /ลบ/แก้ไข ข้อมลู ในระบบ
- จบการทางาน
34
3.1.4. ลาดับการทางานกระบวนการของผู้ดูแลระบบ (Administrator) คอื โมดูลภาพรวม
กระบวนการเขา้ ใชก้ ารทางานระบบ เพ่ือจดั การระบบขายดอกไม้ออนไลน์ ดงั รปู ท่ี 3.4
รูปท่ี 10 แสดง Flowchart การจัดการข้อมลู ของผู้ดูแลระบบ
จากรูปท่ี 10 อธิบายขน้ั ตอนการทางานของ Flowchart ขนั้ ตอนการ จดั การขอ้ มลู ของ
ผ้ดู ูแลระบบ
- กรอก Username และ Password
- ถา้ ไม่ถกู ต้อง
- ใหก้ รอก Username และ Password ใหม่
- ถา้ ถูกต้อง
- ให้เข้าระบบเพ่ือจดั การแก้ไขระบบหรอื เพ่ือเขา้ มา เพิม่ ลบ และแก้ไขขอ้ มลู
- ทาการบนั ทึกข้อมูลลงฐานข้อมลู
- จบการทางาน
35
3.1.5. ลาดบั การทางานของกระบวนการของสมาชิก คือ กระบวนการขนั้ ตอนการทางาน
ของสมาชิกเขา้ ใช้งานระบบ เพ่อื สัง่ ซ้ือดอกไม้ออนไลนโ์ ดยใช้ Username และPassword ใชง้ าน
ระบบเพ่ือสัง่ ซ้ือดอกไม้ออนไลน์และแก้ไขข้อมลู ส่วนตัวส่วนของสมาชิก ดงั รปู ท่ี 3.5
เร่ิมตน้
Username และ Password
NO ตรวจสอบ
Yes
เลอื กรายการ
สง่ั ซือ้ สินค้า ขอ้ มูลส่วนตัว
ข้อมูลใบสัง่ ซื้อ แกไ้ ข
พิมพ์ใบสัง่ ซ้อื
บันทึก
จบการทางาน
รูปที่ 11 แสดง Flowchart การจดั การขอ้ มลู ของสมาชกิ
จากรูปท่ี 11 อธบิ ายขัน้ ตอนการทางานของ Flowchart ขนั้ ตอนการ จดั การข้อมลู ของ
ครูทีป่ รึกษา
- กรอก Username และ Password
- ถา้ ไม่ถูกต้อง ใหก้ รอก Username และ Password ใหม่
- ถา้ ถกู ตอ้ ง ใหเ้ ขา้ ระบบเพ่ือจัดการเลอื กทารายการ พมิ พ์รายงาน จดั การข้อมลู
สว่ นตัว สั่งซื้อสนิ ค้าได้
- ทาการบันทึกข้อมลู
- สามารถพิมพ์รายงานทางเครื่องพิมพ์ได้
- จบการทางาน
36
3.2. แผนภาพการไหลของข้อมลู (Data Flow Diagram)
การพัฒนาระบบร้านขายดอกไม้ออนไลน์ (SDQ) ใช้แผนภาพการไหลของข้อมูลเพ่ือให้
มองเห็นภาพการทางานของระบบได้ชัดเจนข้ึน แผนภาพการไหลของข้อมูลจะเริ่มต้นจาการมอง
ภาพรวมของระบบ แลว้ จงึ แยกสว่ นการทางานออกเปน็ สว่ นยอ่ ยๆ จาก Context Diagram ไปสู่ DFD
Level ตา่ งๆซ่งึ ในระบบจะมี External Entity ท่ีเกี่ยวขอ้ งงกนั อยู่ 2 External Entity คอื ผู้ดแู ลระบบ
สมาชิก เปน็ ต้น ซึง่ แผนภาพการไหลของข้อมูล ประกอบดว้ ย DFD Level ตา่ งๆ ดังต่อไปนี้
- Context Diagram
- Data Flow Diagram Level 0
- Data Flow Diagram Level 1
- Data Flow Diagram Level 2
รปู ท่ี 12 แผนภาพ (Context Diagram) ระบบร้านขายสินคา้ ออนไลน์
ผูด้ แู ลระบบ - Username / - Username / สมาชกิ
Password Password
- ข้อมลู สมาชิก - ข้อมลู สินคา้ - รายการสินคา้ ทีส่ ่งั ซอ้ื - Username /
- รายการสินค้าทส่ี ัง่ ซอื้ - ขอ้ มูลสมาชิก - ขอ้ มลู ใบสัง่ ซ้อื Password
- ข้อมลู ใบส่งั ซ้อื - ขอ้ มูลใบสง่ั ซ้ือ - ขอ้ มูลยกเลกิ ใบสง่ั ซ้ือ - ข้อมลู ใบสง่ั ซอื้
- ข้อมูลยกเลกิ ใบสง่ั ซื้อ - ข้อมลู อนมุ ตั ิใบสงั่ ซ้ือ - ขอ้ มูลรปู แบบจดั สง่ - ขอ้ มูลอนุมตั ใิ บสั่งซือ้
- ขอ้ มลู รปู แบบจัดสง่ - ขอ้ มลู ยกเลิกใบสง่ั ซอื้ - ขอ้ มูลเว็บบอรด์ - ข้อมูลยกเลิกใบสง่ั ซอ้ื
- ข้อมลู เวบ็ บอรด์ - ขอ้ มลู ธนาคาร - ข้อมลู สินคา้
- รายงานขายสินคา้ - ขอ้ มูลธนาคาร
0
- สมัครสมาชิก
ระบบรา้ นขายสินค้า
ออนไลน์
บุคคลท่วั ไป
37
Data Flow Diagram Level 1 ระบบรา้ นขายสินคา้ ออนไลน์
รูปท่ี 13 Data Flow Diagram Level 1 ระบบรา้ นขายสินค้าออนไลน์
38
Data Flow Diagram Level 2 ระบบส่ังซื้อสนิ คา้
รปู ที่ 14 Data Flow Diagram Level 1 Process 2 ระบบสัง่ ซือ้ สนิ คา้
Data Flow Diagram Level 3 ระบบบริการ
รปู ท่ี 15 Data Flow Diagram Level 3 ระบบบรกิ าร
3.2.1 Data Model ระบบงานใหม่ ตาราง 39
รายละเอียด
ตารางสมาชิก ตารางใบสง่ั ซื้อ ใบสงั่ ซ้ือ ตารางสนิ ค้า
ตารางบริการจัดสง่
ตารางธนาคาร ตารางกระทถู้ าม ตารางกระท้ตู อบ
รูปที่ 16 การเขยี น ER-Diagram ระบบงานใหม่
40
3.2.2 Data Dictionary for Relational Schema
ตารางท่ี 1 TABLE member (ตารางลูกคา้ ) (ตารางที่4)
Number Attribute Description Data-type Note
1 mb_id รหัสลกู คา้ Int (10) (pk),not null
2 mb_user ชื่อเข้าใช้ Varchar (50)
3 mb_pass รหัสผ่าน Varchar (20)
4 mb_name ชื่อ-นามสกลุ Varchar (150)
5 mb_sex เพศ Varchar (5)
6 mb_age อายุ Int (2)
7 mb_address ทอี่ ยู่ TEXT
8 mb_tel เบอร์โทร Varchar(20)
9 mb_email อีเมล์ Varchar(150)
10 mb_photo รปู ภาพ Varchar(20)
11 mb_status สถานะ Varchar(5)
12 mb_date วนั ที่สมคั ร DATE
ตารางที่ 2 TABEL product (ตารางสินคา้ )
Number Attribute Description Data-type Note
Int (10) (pk),not null
1 prd_id รหัสสินคา้ Varchar (25)
Varchar (25)
2 prd_name ชื่อสนิ คา้ Varchar (25)
float
3 prd_type ราคาสนิ ค้า Int(10)
Int(10)
4 prd_detail ประเภทสนิ ค้า Varchar (25)
Varchar (5)
5 prd_price รูปภาพสินค้า
6 prd_stock สต๊อกสินค้า
7 prd_sell จานวนทข่ี ายไป
8 prd_photo รูปสนิ ค้า
9 prd_status สถานะ
ตารางที่ 3 TABEL product_type (ตารางประเภทสนิ ค้า)
Number Attribute Description Data-type Note
(pk),not null
1 type_id รหัสประเภทสนิ คา้ Int (10)
Varchar
2 type_name ชื่อประเภทสนิ คา้ (100)
41
ตารางท่ี 4 TABEL tb_order (ตารางใบสั่งซ้ือสนิ ค้า) (ตารางที่7)
Number Attribute Description Data-type Note
1 (pk),not null
2 ord_id รหสั ใบสัง่ ซ้ือ Int (11) (fk)
3
4 ord_idmb รหัสลูกคา้ Int (11)
5
6 ord_name ชอ่ื -สกุลลูกคา้ Varchar (150)
7
8 ord_tel เบอร์โทร Varchar (10)
ord_total ราคารวม float
ord_date_now วันทีส่ ่ังซ้อื datetime
ord_date_money วันทีแ่ จ้งชาระเงนิ datetime
ord_status สถานะ Varchar (5)
ตารางที่ 5 TABEL tb_order_detail (ตารางรายละเอียดใบสั่งซ้ือ) (ตารางท่ี8)
Number Attribute Description Data-type Note
(pk),not null
1 od_id_ord รหัสใบสั่งซ้ือ Int (11)
2 od_id_prd รหัสสนิ ค้า Int (11)
3 od_num จานวนสินคา้ Int (11)
4 od_approve สนิ ค้าทีอ่ นุมตั ิ Int (11)
5 od_price ราคาสินคา้ Int (11)
6 od_status สถานะ Varchar (5) (fk)
ตารางท่ี 8 TABE bank (ตารางธนาคาร) (ตารางที่9)
Number Attribute Description Data-type Note
Int (11) (pk),not null
1 bn_id รหัสธนาคาร
Varchar
2 bn_bank ชื่อธนาคาร (150)
3 bn_name ชื่อบญั ชี Varchar
(150)
4 bn_number เลขท่ีบญั ชี
Varchar
5 bn_branch สาขา (150)
6 bn_photo รูปภาพ Varchar
(150)
Varchar (25)
42
ตารางที่ 10 TABLE board_question (ตารางกระทู้คาถาม) (ตารางที่10)
Number Attribute Description Data-type Note
(pk),not null
1 topic_id รหัสคาถาม Int (11)
2 topic_name โดยผตู้ ัง้ คาถาม Varchar (50)
3 topic_title หัวข้อคาถาม Varchar
(150)
4 topic_email อีเมล์ Varchar
(100)
5 topic_num จานวนผอู้ า่ น Int (11)
6 topic_photo รูป Varchar (20)
7 topic_detail รายละเอยี ดคาถาม TEXT
8 topic_date วันทเ่ี วลา Datetime
ตารางท่ี 11 TABLE board_answer (ตารางกระคาตอบ) (ตารางท่ี11)
Number Attribute Description Data-type Note
(pk),not null
1 ans_id รหสั กระทคู้ าตอบ Int (11) (fk)
2 ans_Idtopic รหสั กระทูค้ าถาม Int (11)
3 ans_name โดยผูต้ อบ Varchar (50)
4 ans_email อเี มล์ Varchar
(100)
5 ans_detail รายละเอียดการติดต่อ TEXT
6 ans_date วันท่ีเวลา Datetime
43
4.7 Site map ของระบบงานใหม่
ร้านขายสินค้า
หนา้ หลัก
รายการ ประเภท สมัครสมาชกิ เว็บบอรด์
สนิ คา้ สนิ คา้ เขา้ ระบบ กระทคู้ าถาม
ขอ้ มลู สมาชิก กระทู้ตอบ
รายละเอยี ด รายการ
สนิ คา้ ตาม
ขอ้ มลู ผ้ดู ูแลระบบ
รายละเอยี ด
ส่งั ซื้อสินคา้ ข้อมูลใบสง่ั ซ้ือ
ขอ้ มลู ใบสง่ั ซ้อื อนมุ ตั ิสนิ ค้า
แกไ้ ขข้อมลู ส่วนตัว
รปู ที่ 17 Site map ของระบบงานใหม่