The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ด.ช.ธีรชัย ทองชูเชิด
ด.ช.ก้องฉัตร นวลแจ่ม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by watploykrachangsri, 2022-07-04 23:54:29

บาสปั้มรายงานปิงปอง

ด.ช.ธีรชัย ทองชูเชิด
ด.ช.ก้องฉัตร นวลแจ่ม

รายงาน
เร่อื ง กีฬาเทเบิลเทนสิ

เสนอ
ครูพษิ ณุ ประกอบนา

โดย
ด.ช.กอ้ งฉตั ร นวลแจ่ม

ด.ช.ธีรชยั ทองชเู ชดิ
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี2

รายงานนเี้ ป็นสว่ นหน่งึ ของรายวิชา พละศกึ ษา
ภาคเรยี นท่ี1 ปีการศกึ ษา2565

โรงเรยี นวดั พลอยกระจา่ งศรี

คำนำ

รายงานเลม่ นีจ้ ดั ทาขนึ้ เพ่อื เป็นสว่ นหนงึ่ ของวชิ าพละศกึ ษาชนั้ ม.2เพ่อื ใหไ้ ดศ้ กึ ษาหา
ความรูใ้ นเรอ่ื งเทเบลิ เทนสิ และไดศ้ กึ ษาอย่างเขา้ ใจเพ่อื ประโยชนก์ บั การเรียน
ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานเลม่ นจี้ ะมปี ระโยชนก์ บั ผอู้ ่าน หรอื นกั เรยี น นกั ศกึ ษา ท่กี าลงั
หาขอ้ มลู เรอ่ื งนอี้ ยู่ หากมขี อ้ แนะนาหรอื ขอ้ ผดิ พลาดประการใดผจู้ ดั ทาขอนอ้ มรบั ไวแ้ ละ
ขออภยั มา ณ ทน่ี ีด้ ว้ ย

ผจู้ ดั ทำ
ด.ช.กอ้ งฉตั ร นวลแจ่ม

ด.ช.ธีรชยั ทองชเู ชดิ

วนั ท่ี 1กรกฎาคม พ.ศ.2565

สำรบญั หน้า

ประวตั ิกีฬาเทเบิลเทนนสิ 4
กตกิ ารการเลน่ เทเบิลเทนนสิ 7

ประวัตกิ ฬี ำเทเบิลเทนนิส

เท่าท่มี หี ลกั ฐานบนั ทึกพอใหค้ น้ ควา้ ทาใหเ้ ราไดท้ ราบว่ากีฬาเทเบลิ เทนนสิ ไดเ้ ร่มิ ขึน้ ท่ีประเทศองั กฤษ
ในปี ค.ศ. 1890 ในครงั้ นนั้ อปุ กรณท์ ่ใี ชเ้ ลน่ ประกอบดว้ ย ไม้ หนงั สตั ว์ ลกั ษณะคลา้ ยกบั ไมเ้ ทนนสิ ใน
ปัจจบุ นั นี้ หากแต่ว่าแทนท่ีจะขงึ ดว้ ยเสน้ เอ็นก็ใชแ้ ผ่นหนงั สตั วห์ มุ้ ไวแ้ ทน ลกู ท่ีใชต้ เี ป็นลกู เซลลลู อยด์ เวลาตี
กระทบถูกพนื้ โตะ๊ และไมก้ เ็ กิดเสียง “ปิก-ป๊ อก” ดงั นนั้ กีฬานจี้ ึงถกู เรยี กอีกช่ือหนง่ึ ตามเสยี งทีไดย้ ินว่า
“ปิงปอง” (PINGPONG) ตอ่ มาก็ไดม้ กี ารววิ ฒั นาการขนึ้ โดยไมห้ นงั สตั วไ์ ดถ้ กู เปลยี่ นเป็นแผน่ ไมแ้ ทน ซ่งึ

ไดเ้ ลน่ แพรห่ ลายในกลมุ่ ประเทศยโุ รปก่อน

วธิ ีการเลน่ ในสมยั ยโุ รปตอนตน้ นเี้ ป็นการเลน่ แบบยนั (BLOCKING) และแบบดนั กด (PUSHING)
ซ่ึงต่อมาไดพ้ ฒั นามาเป็นการเล่นแบบ BLOCKING และ CROP การเล่นถูกตัด ซ่ึงวิธีนีเ้ องเป็นวิธีการ
เล่นท่ีส่วนใหญ่นิยมกนั มากในยโุ รป และแพรห่ ลายมากในประเทศต่าง ๆ ท่วั ยุโรป การจบั ไมก้ ็มีการจบั ไมอ้ ยู่
2 ลกั ษณะ คอื จบั ไมแ้ บบจบั มือ (SHAKEHAND)ซ่งึ เราเรียกกนั ว่า “จบั แบบยโุ รป” และการจบั ไมแ้ บบ
จบั ปากกา (PEN-HOLDER) ซง่ึ เราเรียกกนั วา่ “จบั ไมแ้ บบจีน” น่นั เอง

ในปี ค.ศ. 1900 เร่มิ ปรากฏว่า มีไมป้ ิงปองท่ีติดยางเม็ดเขา้ มาใชเ้ ลน่ กนั ดงั นนั้ วิธีการเลน่ แบบรุกหรือ
แบบบกุ โจมตี (ATTRACK หรือ OFFENSIVE) เรม่ิ มีบทบาทมากยิง่ ขึน้

และยคุ นจี้ ึงเป็นยคุ ของนายวติ เตอร์ บารน์ า่ (VICTOR BARNA) อยา่ งแทจ้ รงิ เป็นชาวฮงั การไี ดต้ าแหน่ง
แชมเปีย้ นโลกประเภททีม รวม 7 ครงั้ และประเภทชายเด่ยี ว 5 ครงั้

ในปี ค.ศ. 1929-1935 ยกเวน้ ปี 1931 ท่ีไดต้ าแหน่งรองเท่านัน้ ในยุคนีอ้ ุปกรณก์ ารเล่น โดยเฉพาะไมม้ ี
ลกั ษณะคลา้ ย ๆ กบั ไมใ้ นปัจจบุ นั นี้ วิธีการเลน่ ก็เช่นเดียวกนั คอื มที งั้ การรุก (ATTRACK)

และการรบั (DEFENDIVE) ทงั้ ดา้ น FOREHAND และ BACKHAND การ จับไมก้ ็คงการจบั
แบบ SHAKEHAND เป็นหลกั ดงั นนั้ เม่ือสว่ นใหญ่จบั ไมแ้ บบยโุ รป

แนวโนม้ การจับไมแ้ บบ PENHOLDER ซ่ึงเปลี่ยนแปลงไปมีนอ้ ยมากในยุโป ในระยะนั้นถือว่ายุโรปเป็น
ศนู ยร์ วมของกีฬาปิงปองอยา่ งแทจ้ รงิ

ในปี ค.ศ. 1922 ไดม้ ีบรษิ ัทคา้ เครื่องกีฬา ไปจดทะเบียนเครื่องหมายการคา้ ว่า “PINGPONG” ดว้ ย
เหตนุ กี้ ีฬานจี้ งึ เป็นช่ือมาเป็น “TABLE TENNIS” ไม่สามารถใชช้ ่ือ
ท่เี ขาจดทะเบยี นไดป้ ระการหน่งึ และเพ่อื ไม่ใช่เป็นการโฆษณาสินคา้ อกี ประการหนง่ึ และแลว้ ในปี ค.ศ. 1926
จงึ ไดม้ ีการประชมุ ก่อตงั้ สหพนั ธเ์ ทเบลิ เทนนสิ นานาชาติ
(INTERNATIONAL TABLETENNIS FEDERATION : ITTF) ขึ้นท่ีกรุงลอนดอนในเดือน
ธันวาคม ค.ศ. 1926 ภายหลงั จากการไดม้ กี ารปรกึ ษาหารอื ในขนั้ ตน้ โดย
DR. GEORG LEHMANN แห่งประเทศเยอรมนั กรุงเบอรล์ ิน เดือนมกราคม ค.ศ. 1926 ในปีนีเ้ อง
การแขง่ ขนั เทเบลิ เทนนสิ แหง่ โลกครง้ั ท่ี 1 กไ็ ดเ้ ร่มิ ขึน้ พรอ้ มกบั การก่อตงั้ สหพนั ธฯ์
โดยมีนายอีวอร์ มองตากู เป็นประธานคนแรก ในช่วงปี ค.ศ. 1940 นี้ ยังมีการเล่นและจบั ไมพ้ อจาแนก
ออกเป็น 3 ลกั ษณะดงั นี้

1. การจบั ไม้ เป็นการจบั แบบจบั มอื
2. ไมต้ อ้ งตดิ ยางเม็ด
3. วิธีการเลน่ เป็นวธิ ีพนื้ ฐาน คือ การรบั เป็นสว่ นใหญ่ ยคุ นยี้ งั จดั ไดว้ ่าเป็น “ยคุ ของยโุ รป” อีกเช่นเคย

ในปี ค.ศ. 1950 จงึ เร่มิ เป็นยคุ ของญี่ป่นุ ซง่ึ แทจ้ รงิ มีลกั ษณะพิเศษประจาดงั นีค้ อื
1. การตบลกู แมน่ ยาและหนกั หนว่ ง
2. การใชจ้ งั หวะเตน้ ของปลายเทา้

ในปี ค.ศ. 1952 ญ่ีป่นุ ไดเ้ ขา้ รว่ มการแข่งขนั เทเบลิ เทนนิสโลกเป็นครงั้ แรก ท่กี รุงบอมเบย์ ประเทศอินเดีย
และต่อมาปี ค.ศ. 1953 สาธารณรฐั ประชาชนจนี

จึงไดเ้ ขา้ ร่วมการแข่งขนั เป็นครง้ั แรกท่ีกรุงบูคาเรสต์ ประเทศรูมาเนีย จึงนบั ไดว้ ่ากีฬาปิงปองเป็นกีฬาระดบั
โลกท่แี ทจ้ รงิ ปีนนี้ ่นั เอง

ในยคุ นญี้ ่ีป่นุ ใชก้ ารจบั ไมแ้ บบจบั ปากกา ใชว้ ิธีการเลน่ แบบรุกโจมตีอย่างหนกั หน่วงและรุนแรง โดยอาศยั
อปุ กรณเ์ ขา้ ชว่ ย เป็นยางเม็ดสอดไสด้ ว้ ยฟองนา้ เพม่ิ เติม
จากยางชนดิ เมด็ เดิมท่ใี ชก้ นั ท่วั โลก

การเล่นรุกของยุโรปใชค้ วามแม่นยาและช่วงตีวงสวิงส้นั ๆ เท่านนั้ ซ่ึงส่วนใหญ่จะใชบ้ ่า ขอ้ ศอก และ
ขอ้ มือเทา่ นนั้ ซง่ึ เม่ือเปรยี บเทยี บกบั ญ่ีป่นุ ซง่ึ ใชป้ ลายเทา้ เป็น
ศนู ยก์ ลางของการตลี กู แบบรุกเป็นการเลน่ แบบ “รุกอย่างตอ่ เน่อื ง” ซง่ึ วธิ ีนสี้ ามารถเอาชนะวธิ ีการเลน่ ของยุโรป
ได้ การเลน่ โจมตแี บบนเี้ ป็นท่เี กรงกลวั ของชาวยุโรปมาก
เปรียบเสมือนการโจมตีแบบ “KAMIKAZE” (การบินโจมตีของฝูงบินหน่วยกลา้ ตายของญ่ีป่ นุ ) ซ่ึงเป็นท่ี
กลา่ วขวญั ในญ่ีป่นุ กนั วา่ การเลน่ แบบนเี้ ป็นการเลน่ ท่เี สี่ยงและ
กล้าเกินไปจนดูแลว้ รูส้ ึกว่าขาดความรอบคอบอยู่มาก แต่ญี่ป่ ุนก็เล่นวิธีนีไ้ ดด้ ี โดยอาศัยความสุขุมและ
Foot work ท่คี ลอ่ งแคลว่ จนสามารถครองตาแหนง่ ชนะเลิศถงึ
7 ครง้ั โดยมี 5 ครง้ั ตดิ ตอ่ กนั ตงั้ แตป่ ี ค.ศ. 1953-1959

สาหรบั ในยุโรปนั้นยังจับไมแ้ บบ SHAKEHAND และรบั อยู่ จึงกล่าวไดว้ ่าในช่วงแรก ๆ ของปี ค.ศ.
1960 ยงั คงเป็นจดุ มืดของนกั กีฬายโุ รปอยนู่ ่นั เอง

ในปี ค.ศ. 1960 เร่ิมเป็นยุคของจีน ซ่ึงสามารถเอาชนะญี่ป่ ุนไดโ้ ดยวิธีการเล่นท่ีโจมตีแบบรวดเร็ว
ผสมผสานกบั การปอ้ งกนั ในปี 1961
ไดจ้ ดั การแขง่ ขนั เทเบิลเทนนสิ ชงิ ชนะเลศิ

ครงั้ ท่ี 26 ท่ีกรุงปักก่ิง ประเทศจีน จีนเอาชนะญ่ีป่ นุ ทงั้ นีเ้ พราะญี่ป่ นุ ยงั ใชน้ กั กีฬาท่ีอายุมาก ส่วนจีนไดใ้ ช้
นกั กีฬาท่หี นมุ่ สามารถเลน่ ไดอ้ ยา่ ง

รวดเร็วปานสายฟ้าทงั้ รุกและรบั การจบั ไมก้ ็เป็นการจับแบบปากกา โดยจีนชนะทงั้ ประเภทเด่ียวและทีม 3
ครงั้ ติดต่อกนั ทงั้ นีเ้ พราะจีนไดท้ ่มุ เทกบั

การศกึ ษาการเลน่ ของญี่ป่ นุ ทงั้ ภาพยนตรท์ ่ีไดบ้ นั ทึกไวแ้ ละเอกสารต่าง ๆ โดยประยกุ ตก์ ารเล่นของญ่ีป่ นุ เขา้
กบั การเลน่ แบบสนั้ ๆ แบบท่จี นี ถนดั กลายเป็นวธิ ีการเลน่ ท่กี ลมกลนื ของจีนดงั ท่ีเราเห็นในปัจจบุ นั

ยุโรปเร่ิมฟื้นคืนชีพขึน้ มาอีกครง้ั หน่ึง โดยนาวิธีการเล่นของชาวอินเดียมาปรบั ปรุง นาโดยนักกีฬาชาว
สวเี ดนและประเทศอ่นื ๆ

ซ่งึ มีหวั กา้ วหนา้ ไม่มวั แต่แต่คิดจะรกั ษาหนา้ ของตวั เองว่าไมเ่ รียนแบบของชาติอ่ืนๆ ดงั นนั้ ชายยโุ รปจึงเร่มิ ชนะ
ชายคู่ ในปี 1967 และ 1969 ซ่งึ เป็นนกั กีฬาจากสวเี ดน ในชว่ งนนั้ การเลน่ แบบรุกยงั ไม่เป็นท่แี พรห่ ลายทงั้ นี้
เพราะวิธีการเล่นแบบรบั ไดฝ้ ังรากในยุโรป จนมีการพดู กนั ว่านกั กีฬายุโรปจะเรียนแบบการเล่นลกู ยาวแบบ
ญี่ป่นุ นนั้ คงจะไม่มที างสาเรจ็ แตก่ ารท่นี กั กีฬาของสวเี ดนไดเ้ ปลย่ี นวธิ ีการเลน่ แบบญ่ีป่ ุนไดม้ ีผลสะทอ้ น

ต่อการเปลี่ยนแปลงของเยาวชนรุ่นหลังของยุโรปเป็นอย่างมาก และแล้วในปี 1970 จึงเป็นปีของการ
ประจนั หนา้ ระหว่างผเู้ ลน่ ชาวยโุ รปและผเู้ ลน่ ชาวเอเชยี

ช่วงระยะเวลาไดผ้ ่านไปประมาณ 10 ปี ตัง้ แต่ 1960-1970 นักกีฬาของญี่ป่ ุนไดแ้ ก่ตัวลงในขณะท่ี
นกั กีฬารุ่นใหม่ของยโุ รปไดเ้ ร่มิ ฉายแสงเก่งขึน้ และสามารถควา้ ตาแหน่ง ชนะเลิศชายเด่ียวของโลกไปครองได้
สาเรจ็ ในการแข่งขนั เทเบิลเทนนสิ เพ่อื ความชนะเลิศแหง่ โลก ครง้ั ท่ี 31 ณ กรุงนาโกนา่

ในปี 1971 โดยนกั เทเบิลเทนนสิ ชาวสวีเดน ช่ือ สเตลงั เบนคส์ นั เป็นผเู้ ปิดศกั ราชใหก้ บั ชาวยโุ รป ภายหลงั
จากท่ีนกั กีฬาชาวยุโรปไดต้ กอบั ไปถึง 18 ปี ในปี 1973 ทีมสวีเดนก็ไดค้ วา้ แชมป์ โลกไดจ้ ึงทาใหช้ าวยุโรปมี
ความม่นั ใจในวิธีการเล่นท่ีตนไดล้ อกเลียนแบบและปรงั ปรุงมา ดงั นนั้ นกั กีฬาของยุโรปและนกั กีฬาของเอเชีย
จึงเป็นค่แู ข่งท่ีสาคญั ในขณะท่ีนกั กีฬาในกลมุ่ ชาติอาหรบั และลาตินอเมริกา ก็เร่มิ แรงขึน้ กา้ วหนา้ รวดเร็วขึน้
เร่มิ มีการใหค้ วามรว่ มมือช่วยเหลือทางดา้ นเทคนิคซ่งึ กนั และกนั การเล่นแบบตงั้ รบั ซ่งึ หมดยุคไปแลว้ ตงั้ แต่ปี

1960 เร่มิ จะมีบทบาทมากย่ิงขึน้ มาอีก โดยการใชค้ วามชานาญในการเปล่ียนหนา้ ไมใ้ นขณะเลน่ ลกู หนา้ ไม้
ซ่ึงติดดว้ ยยางปิงปอง ซ่ึงมีความยาวของเม็ดยางยาวกว่าปกติ การใช้ยาง ANTI – SPIเพ่ือพยายาม
เปล่ียนวิถีการหมุนและทิศทางของลูกเขา้ ช่วย ซ่ึงอุปกรณ์ท่ีใชน้ ีม้ ีส่วนช่วยอย่างมาก ในขณะนีก้ ีฬาเทเบิล
เทนนิสนับว่าเป็นกีฬาท่ีแพร่หลายไปท่ัวโลกมีวิธีการเล่นใหม่ ๆ เกิดขึน้ ตลอดเวลา ซ่ึงผูเ้ ล่นเยาวชนต่าง ๆ
เหลา่ นีจ้ ะเป็นกาลงั สาคญั ในการพฒั นากีฬาเทเบิลเทนนิส ต่อไป ในอนาคตไดอ้ ย่างไม่มีท่ีวนั สิน้ สดุ และขณะนี้
กีฬานีก้ ็ไดเ้ ป็นกีฬาประเภทหนึ่งในกีฬาโอลิมปิก โดยเร่ิมมีการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกในปี 1988 ท่ีกรุงโซล
ประเทศสาธารณรฐั เกาหลเี ป็นครงั้ แรก

กตกิ ำรกำรเล่น เทเบลิ เทนนิส
โตะ๊ เทเบิลเทนนสิ

1.1 พืน้ หนา้ ดา้ นบนของโต๊ะเรียกว่า “พืน้ ผิวโต๊ะ” (PLAYING SURFACE) จะเป็นรูปส่ีเหลี่ยมผืนผา้ มี
ความยาว 2.74 เมตร (9 ฟุต) ความกวา้ ง 1.525 เมตร (5 ฟุต) และจะตอ้ งสงู ไดร้ ะดับ โดยวดั จากพืน้ ท่ีตงั้ ขึน้
มาถึงพนื้ ท่ผี วิ โตะ๊ สงู 76 เซนตเิ มตร (2 ฟตุ 6 นวิ้ )

1.2 พนื้ ผวิ โตะ๊ ไม่รวมถงึ ดา้ นขา้ งตามแนวตงั้ ท่ีอย่ตู ่ากว่าขอบบนสดุ ของโตะ๊ ลงมา

1.3 พืน้ ผิวโต๊ะอาจทาด้วยวัสดุใด ๆ ก็ได้ แต่จะต้องมีความกระดอนสม่าเสมอเม่ือเอาลูกเทเบิลเทนนิส
มาตรฐานปลอ่ ยลงในระยะสงู 30 เซนตเิ มตร โดยวดั จากพืน้ ผิวโตะ๊ ลกู จะกระดอนขนึ้ มาประมาณ 23 เซนตเิ มตร

1.4 พืน้ ผิวโต๊ะจะตอ้ งเป็นสีเขม้ สม่าเสมอและเป็นสีดา้ น ไม่สะทอ้ นแสง ขอบดา้ นบนของพืน้ ผิวโต๊ะทงั้ 4 ดา้ น
จะทาดว้ ยสีขาว มีขนาดกวา้ ง 2 เซนติเมตร เสน้ ของพื้นผิวโต๊ะดา้ นยาว 2.74 เมตร ทงั้ สองดา้ นเรียกว่า “เสน้
ข้าง” (SIDE LINE) เส้นของพืน้ ผิวโต๊ะด้านกว้าง 1.525 เมตร ทั้งสองดา้ นเรียกว่า “เส้นสกัด” (END
LINE)
1.5 พืน้ ผิวโต๊ะจะถูกแบ่งออกเป็นสองแดน (COURTS) เท่า ๆ กนั กนั้ ดว้ ยตาข่ายซ่งึ ขึงตงั้ ฉากกบั พืน้ ผิวโตะ๊
และขนานกบั เสน้ สกดั โดยตลอด

1.6 สาหรบั ประเภทคู่ ในแต่ละแดนจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเท่า ๆ กัน ดว้ ยเสน้ สีขาว มีขนาดกวา้ ง 3
มลิ ลิเมตร โดยขดี ขนานกบั เสน้ ขา้ ง เรียกวา่ “เสน้ กลาง” (CENTER LINE) และใหถ้ ือวา่ เสน้ กลางนเี้ ป็นส่วน
หน่งึ ของคอรด์ ดา้ นขวาของโตะ๊ ดว้ ย
1.7 ในการแข่งขันระดบั มาตรฐานสากล โต๊ะเทเบิลเทนนิสท่ีใชส้ าหรบั การแข่งขนั จะตอ้ งเป็นย่ีหอ้ และชนิดท่ี
ไดร้ บั การรบั รองจากสหพนั ธเ์ ทเบิลเทนนิสนานาชาติ (ITTF) เท่านนั้ โดยโต๊ะเทเบิลเทนนิสจะมีสีเขียวหรือนา้
เงนิ และในการแข่งขนั จะตอ้ งระบสุ ีของโตะ๊ ท่ีจะใชแ้ ขง่ ขนั ลงในระเบยี บการแข่งขนั ดว้ ยทกุ ครงั้

สว่ นประกอบของตาข่าย

2.1 ส่วนประกอบของตาข่ายจะประกอบดว้ ย ตาข่าย ท่ีแขวนและเสาตงั้ รวมไปถึงท่ีจบั ยึดกบั โต๊ะเทเบิล
เทนนสิ

2.2 ตาข่ายจะต้องขึงตึงและยึดด้วยเชือกซ่ึงผูกติดปลายยอดเสาซ่ึงตั้งตรงสูงจากพืน้ ผิวโต๊ะ 15.25
เซนตเิ มตร (6 นวิ้ )

2.3 สว่ นบนสดุ ของตาข่าย ตลอดแนวยาวจะตอ้ งสงู จากพนื้ ผวิ โตะ๊ 15.25 เซนติเมตร
2.4 สว่ นลา่ งสดุ ของตาข่ายตลอดแนวยาวจะตอ้ งอย่ชู ิดกบั พื้นผิวโต๊ะใหม้ ากท่ีสดุ เท่าท่ีเป็นไปได้ และส่วน
ปลายสดุ ของตาขา่ ยทงั้ สองดา้ นจะตอ้ งอย่ชู ิดกบั เสาใหม้ ากท่สี ดุ เท่าท่เี ป็นไปได้
2.5 ในการแข่งขันระดับมาตรฐานสากล ตาข่ายท่ีใชส้ าหรบั แข่งขันจะตอ้ งเป็นย่ีหอ้ และชนิดท่ีไดร้ บั การ
รบั รองจากสหพนั ธเ์ ทเบลิ เทนนิสนานาชาติ (ITTF) เทา่ นนั้

ลกู เทเบิลเทนนสิ

3.1 ลกู เทเบลิ เทนนสิ จะตอ้ งกลมและมีเสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง 40 มิลลิเมตร

3.2 ลกู เทเบิลเทนนสิ จะตอ้ งมนี า้ หนกั 2.7 กรมั

3.3 ลกู เทเบิลเทนนิส จะตอ้ งทาดว้ ยเซลลลู อยดห์ รือวสั ดพุ ลาสติกอ่ืนใดท่ีคลา้ ยคลงึ กนั มีสีขาว หรือสีสม้ และ
เป็นสีดา้ น

3.4 ลูกเทเบิลเทนนิสจะตอ้ งเป็นย่ีหอ้ และชนิดท่ีไดร้ บั การรบั รองจากสหพนั ธ์เบิลเทนนิสนานาชาติ (ITTF)
เทา่ นนั้ และจะตอ้ งระบสุ ีของลกู ท่ใี ชแ้ ข่งขนั ลงในระเบียบการแข่งขนั ทกุ ครงั้

ไมเ้ ทเบลิ เทนนิส

4.1 ไมเ้ ทเบิลเทนนสิ จะมรี ูปรา่ ง ขนาด หรือนา้ หนกั อย่างไรก็ได้ แต่หนา้ ไมจ้ ะตอ้ งแบนเรียบและแข็ง

4.2 อย่างนอ้ ยท่สี ดุ 85 % ของความหนาของไม้ จะตอ้ งทาดว้ ยไมธ้ รรมชาติ ชนั้ ท่อี ดั อย่ตู ดิ ภายในหนา้ ไม้ ซ่งึ ทา
ดว้ ยวสั ดอุ ่นื ใด เช่น คารบ์ อนไฟเบอร์ กลาสไฟเบอร์ หรอื กระดาษอดั จะตอ้ งมคี วามหนาไมเ่ กิน 7.5 % ของความ
หนาทงั้ หมดของไม้ หรอื ไมเ่ กนิ 0.35 มลิ ลิเมตร สดุ แทแ้ ต่กรณีใดจะมีคา่ นอ้ ยกวา่

4.3 หนา้ ไมเ้ ทเบิลเทนนิสดา้ นท่ีใชต้ ีลกู จะตอ้ งมวี สั ดปุ ิดทบั วสั ดนุ นั้ จะเป็นแผ่นยางเม็ดธรรมดา แผ่นยางชนดิ นี้
เม่ือปิดทับหนา้ ไมแ้ ละรวมกบั กาวแลว้ จะตอ้ งมีความหนาทงั้ สิน้ ไม่เกิน 2 มิลลิเมตร หรือแผ่นยางชนิดสอดไส้
แผน่ ยางชนดิ นเี้ ม่อื ปิดทบั หนา้ ไมแ้ ละรวมกบั กาวแลว้ จะตอ้ งมีความหนาทงั้ สนิ้ ไม่เกิน 4 มิลลเิ มตร ทงั้ นีค้ วามสงู
ของเม็ดยางจะเทา่ กบั ความกวา้ งของเมด็ ยางในอตั ราสว่ น 1: 1

4.3.1 แผ่นยางเม็ดธรรมดา (ORDINARY PIMPLED RUBBER) จะตอ้ งเป็นแผ่นยางชิน้ เดียวและไม่
มีฟองนีร้ องรบั โดยหันเอาเม็ดยางออกมาดา้ นนอก จะทาด้วยยางธรรมชาติหรือยางสังเคราะห์ มีเม็ดยาง
กระจายอยู่อย่างสม่าเสมอไม่นอ้ ยกว่า 10 เม็ดต่อ 1 ตารางเซนติเมตร และไม่มากกว่า 30 เม็ดต่อ 1 ตาราง
เซนตเิ มตร

4.3.2 แผ่นยางชนิดสอดไส้ (SANDWICH RUBBER) ประกอบดว้ ยฟองนา้ ชนิดเดียวปิดคลมุ ดว้ ยแผ่น
ยางธรรมดาชิน้ เดียว โดยจะหนั เอาเม็ดยางอย่ดู า้ นในหรืออย่ดู า้ นนอกกไ็ ด้ ซ่งึ ความหนาของแผน่ ยางธรรมดานี้
จะตอ้ งมคี วามหนาไม่เกนิ 2 มิลลิเมตร

4.4 วสั ดปุ ิดทบั หนา้ ไมจ้ ะตอ้ งปิดทบั คลมุ หนา้ ไมด้ า้ นนนั้ ๆ และจะตอ้ งไม่เกินขอบนา้ ไมอ้ อกไป ยกเวน้ ส่วนท่ี
ใกลก้ บั ดา้ มจบั ท่สี ดุ และท่ีวางนวิ้ อาจจะหมุ้ หรือไม่หมุ้ ดว้ ยวสั ดใุ ด ๆ กไ็ ด้

4.5 หนา้ ไมเ้ ทเบิลเทนนิส ชนั้ ภายในหนา้ ไม้ และชนั้ ของวัสดุปิดทับต่าง ๆ หรือกาว จะตอ้ งสม่าเสมอและมี
ความหนาเทา่ กนั ตลอด
4.6 หนา้ ไมเ้ ทเบิลเทนนิส ดา้ นหน่ึงจะตอ้ งเป็นสีแดงสว่าง (BRIGHT RED) และอีกดา้ นหน่ึงจะตอ้ งเป็นสี
ดา (BLACK) และจะตอ้ งมสี ีกลมกลืนอยา่ งสม่าเสมอไม่สะทอ้ นแสง
4.7 วสั ดทุ ่ปี ิดทบั หนา้ ไมส้ าหรบั ตลี กู เทเบิลเทนนสิ จะตอ้ งมีเคร่ืองหมายการคา้ ของ บรษิ ัท ผผู้ ลติ ย่หี อ้ รุน่ และ
เครื่องหมาย ITTF แสดงไวอ้ ย่างชดั เจนใกลก้ บั ขอบของหนา้ ไม้ โดยจะตอ้ งเป็นช่ือ ย่ีหอ้ และชนิด (BRAND
AND TYPE) ท่ไี ดร้ บั การรบั รองจากสหพนั ธเ์ ทเบิลเทนนสิ นานาชาติ (ITTF) ครง้ั หลงั สดุ เท่านนั้
4.8 สาหรบั กาวท่ีมีส่วนประกอบของสารท่ีเป็นพิษ จะไม่อนุญาตใหใ้ ชท้ าลงบนหน้าไมเ้ ทเบิลเทนนิส ผูเ้ ล่น
จะตอ้ งใชก้ าวแผ่นสาเร็จรูปหรือกาวท่ีไดร้ บั การรบั รองจากสหพันธเ์ ทเบิลเทนนิสนานาชาติ (ITTF) เท่านั้น
และหา้ มใชก้ าวในการตดิ ยางกบั ไมเ้ ทเบลิ เทนนิสในบรเิ วณสนามแขง่ ขนั
4.9 การเปล่ียนแปลงเล็กนอ้ ยของความสม่าเสมอของผิวหนา้ ไมห้ รือวสั ดปุ ิดทบั หรือความไม่สม่าเสมอของสี
หรือขนาดเน่ืองจากการเสียหายจากอุบตั ิเหตุ การใชง้ านหรือสีจางอาจจะอนุญาตใหใ้ ชไ้ ด้ โดยเง่ือนไขว่าเหตุ
เหลา่ นนั้ ไม่ไดเ้ ปล่ยี นแปลงอยา่ งสาคญั ต่อคณุ ลกั ษณะของผิวหนา้ ไม้ หรอื วสั ดปุ ิดทบั
4.10 เม่ือเรม่ิ การแข่งขนั และเม่ือใดก็ตามท่ผี เู้ ลน่ เปลย่ี นไมเ้ ทเบลิ เทนนสิ ระหวา่ งการแขง่ ขนั ผเู้ ลน่ จะตอ้ งแสดง
ไมเ้ ทเบลิ เทนนิสท่เี ขาเปลีย่ นใหก้ บั คแู่ ข่งขนั และกรรมการผตู้ ดั สนิ ตรวจสอบก่อนทกุ ครง้ั
4.11 เป็นความรบั ผิดชอบของผเู้ ลน่ ท่จี ะตอ้ งม่นั ใจวา่ ไมเ้ ทเบลิ เทนนสิ นนั้ ถูกตอ้ งตามกติกา
4.12 ในกรณีท่มี ีปัญหาเก่ียวกบั อปุ กรณก์ ารเลน่ ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินจิ ของผชู้ ขี้ าด

คาจากดั ความ (DEFINITIONS)

5.1 การตีโต้ (RALLY) หมายถึงระยะเวลาท่ลี กู อยใู่ นการเลน่

5.2 ลกู อย่ใู นการเลน่ (INPLAY) หมายถึง เม่ือลกู เทเบิลเทนนิสไดห้ ยุดน่ิงบนฝ่ามืออิสระก่อนการส่งลกู
ในจงั หวะสดุ ทา้ ยจนกระท่งั ลกู นนั้ ถกู ส่งั ใหเ้ ป็นเลท หรอื ไดค้ ะแนน

5.3 การสง่ ใหม่ (LET) หมายถึง การตีโตท้ ่ไี มม่ ผี ลไดค้ ะแนน

5.4 การไดค้ ะแนน (POINT) หมายถึง การตโี ตท้ ่มี ีผลไดค้ ะแนน

5.5 มือท่ถี ือไม้ (RACKET HAND) หมายถงึ มือในขณะท่ีถือไมเ้ ทเบิลเทนนิส

5.6 มืออสิ ระ (FREE HAND) หมายถึง มือในขณะท่ีไม่ไดถ้ ือไมเ้ ทเบลิ เทนนิส

5.7 การตีลกู (STRIKES) หมายถึง การท่ผี เู้ ลน่ สมั ผสั ลกู ดว้ ยไมเ้ ทเบิลเทนนิสขณะท่ีถืออยู่ หรือสมั ผสั ลกู
ดว้ ยมอื ท่ถี ือไมเ้ ทเบลิ เทนนิสตงั้ แต่ขอ้ มือลงไป

5.8 การขวางลกู (OBSTRUCTS) หมายถึง ขณะท่ีลกู อยู่อย่ใู นการเล่น หลงั จากท่ีฝ่ายตรงขา้ มตีลกู มา
โดยลกู นนั้ ยงั ไม่ไดก้ ระทบแดนของอีกฝ่ายหนึ่ง หละยงั ไม่พน้ เสน้ สกดั ปรากฏว่าผเู้ ล่นหรือส่ิงใด ๆ ท่ีเขาสวมใส่
หรอื ถืออย่สู มั ผสั ถกู ลกู ขณะลกู นนั้ อยเู่ หนือระดบั พนื้ ผิวโต๊ะ หรอื ลกู นนั้ มที ิศทางวิง่ เหขา้ หาพนื้ ผวิ โตะ๊

5.9 ผสู้ ง่ (SERVER) หมายถงึ ผทู้ ่ตี ลี กู เทเบิลเทนนิสเป็นครง้ั แรกในการตีโต้

5.10 ผรู้ บั (RECEIV) หมายถึง ผทู้ ่ตี ีลกู เทเบิลเทนนิสเป็นครง้ั ท่ีสองในการตโี ต้

5.11 ผตู้ ดั สนิ (UMPIRE) หมายถงึ ผทู้ ่ถี กู แต่งตงั้ ขึน้ เพ่อื ควบคมุ การแข่งขนั

5.12 ผู้ช่วยตัดสิน (ASSISTANT UMPIRE) หมายถึง ผู้ท่ีถูกแต่งตั้งขึน้ เพ่ือช่วยผู้ตัดสินในการ
แขง่ ขนั

5.13 สิ่งใด ๆ ท่ผี เู้ ลน่ สวมใสห่ รือถืออยู่ หมายรวมถงึ สงิ่ ใด ๆ กต็ ามท่ผี เู้ ลน่ สวมใสห่ รือถืออยตู่ งั้ แต่เรม่ิ การตี
โต้

5.14 ลูกเทเบิลเทนนิสจะถูกพิจารณาว่าผ่านตาข่าย ถา้ ขา้ มผ่านหรือออ้ ม หรือลอดส่วนประกอบของตา
ข่าย ยกเวน้ ลกู ท่ลี อดระหวา่ งตาข่ายกบั พนื้ ผิวโตะ๊ หรอื ลกู ท่ลี อดระหวา่ งตาขา่ ยกบั อปุ กรณท์ ่ยี ดึ ตาข่าย

5.15 เสน้ สกดั (END LINE) หมายรวมถงึ เสน้ สมมตทิ ่ลี ากตอ่ ออกไปจากเสน้ สกดั ทงั้ สองดา้ นดว้ ย

การสง่ ลกู ท่ถี กู ตอ้ ง (A GOOD SERVICE)

6.1 เม่อื เรม่ิ สง่ ลกู เทเบลิ เทนนสิ ตอ้ งวางเป็นอิสระอยบู่ นฝ่ามืออิสระ โดยแบฝ่ามือออกและลกู จะตอ้ งอย่นู ่งิ

6.2 ในการส่ง ผสู้ ง่ จะตอ้ งโยนลกู ขึน้ ขา้ งบนดว้ ยมือใหล้ กู ลอยขึน้ ขา้ งบนใกลเ้ คียงกบั เสน้ ตงั้ ฉาก และใหส้ งู
จากจุดท่ีลูกออกจากฝ่ ามือไม่นอ้ ยกว่า 16 เซนติเมตร โดยลูกท่ีโยนขึน้ ไปนนั้ จะตอ้ งไม่เป็นลกู ท่ีถูกทาใหห้ มนุ
ดว้ ยความตงั้ ใจ

6.3 ผสู้ ่ง จะตีลกู ไดใ้ นขณะท่ีลูกเทเบิลเทนนิสไดล้ ดระดับจากจุดสงู สุดแลว้ เพ่ือใหล้ ูกกระทบแดนของผูส้ ่ง
ก่อน แลว้ ขา้ มหรือออ้ มตาข่ายไปกระทบแดนของฝ่ายรบั สาหรบั ประเภทคู่ ลกู เทเบิลเทนนิสจะตอ้ งกระทบครง่ึ
แดนขวาของผสู้ ง่ กอ่ น แลว้ ขา้ มหรือออ้ มตาขา่ ยไปกระทบครง่ึ แดนขวาของฝ่ายรบั

6.4 ตงั้ แตเ่ รม่ิ สง่ ลกู จนหระท่งั ลกู ถกู ตี ลกู เทบลิ เทนนสิ จะตอ้ งอย่เู หนือระดบั พืน้ ผิวโต๊ะ และอยหู่ ลงั เสน้ สกดั
และจะตอ้ งไม่ใหถ้ กู สว่ นใดสว่ นหน่ึงของรา่ งกาย หรือเสือ้ ผา้ ของผสู้ ง่ หรือคเู่ ลน่ ในประเภทคู่ บงั การมองเห็นของ
ผรู้ บั ขณะท่ีลกู เทเบิลเทนนิสถูกโยนขึน้ มืออิสระของผสู้ ่งจะตอ้ งเคล่ือนออกจากบริเวณพืน้ ท่ีระหว่างลาตวั ผสู้ ง่
และตาข่าย (NET) (วตั ถุประสงคข์ องกติกาขอ้ นี้ ตอ้ งการใหผ้ ูร้ บั เห็นลกู เทเบิลเทนนิสตลอดเวลา ทงั้ นีผ้ ูส้ ่ง
หรือค่ขู องผสู้ ง่ จะตอ้ งไมแ่ สดงทา่ ทางท่ีจะตอ้ งการบงั การมองเหน็ ของผรู้ บั ตลอดเวลาตงั้ แตล่ กู ออกจากมือของผู้
สง่ และเห็นถงึ หนา้ ไมด้ า้ นท่ใี ชต้ ีลกู )

6.5 เป็นความรบั ผิดชอบของผเู้ ลน่ ท่จี ะตอ้ งสง่ ใหผ้ ตู้ ดั สินหรือผชู้ ่วยผตู้ ดั สินเหน็ และตรวจสอบถงึ การสง่ นนั้
ว่าถกู ตอ้ งตามกติกาหรือไม่

6.5.1 ถา้ ผตู้ ดั สนิ สงสยั ในลกั ษณะการสง่ ว่าผสู้ ง่ ไดส้ ง่ ลกู ถกู ตามกตกิ าในโอกาสแตกของแมทชเ์ ดียวกนั
นนั้ จะแจง้ ใหส้ ง่ ลกู ใหม่ และเตอื นผสู้ ง่ โดยยงั ไม่ตดั คะแนน

6.5.2 สาหรบั ในครง้ั ต่อไปในแมทชเ์ ดียวกนั นนั้ หากผูเ้ ลน่ หรือค่เู ล่นยงั คงส่งใหเ้ ป็นขอ้ สงสยั ในทานอง
เดยี วกนั หรอื ในลกั ษณะน่าสงสยั อ่นื ๆ ผรู้ บั จะไดค้ ะแนนทนั ที

6.5.3 หากผสู้ ง่ ไดส้ ง่ ลกู ผิดกติกาอยา่ งชดั เจน ผสู้ ง่ จะเสียคะแนนทนั ที

6.6 ผูส้ ่งอาจไดร้ บั การอนุโลมไดบ้ า้ ง หากผูส้ ่งคนนั้นแจง้ ใหผ้ ูต้ ัดสินทราบถึงการหย่อนสมรรถภาพทาง
รา่ งกาย จนเป็นเหตใุ หไ้ ม่สามารถสง่ ไดถ้ กู ตอ้ งตามกตกิ า ทงั้ นีต้ อ้ งแจง้ ใหผ้ ตู้ ดั สินทราบก่อนการแขง่ ขนั ทกุ ครง้ั

การรบั ลกู ท่ถี กู ตอ้ ง (A GOOD RETURN)

7.1 เม่ือลกู เทเบิลเทนนิสไดถ้ ูกส่งหรือตีโตไ้ ปตกลงในแดนตรงขา้ มอย่างถูกตอ้ งแลว้ ฝ่ายรบั ตีลูกขา้ มหรือ
ออ้ มตาข่ายกลบั ไป เพ่ือใหล้ กู กระทบแดนของอีกฝ่ ายหน่ึงโดยตรง หรือสมั ผสั ส่วนใดส่วนหน่ึงของตาข่ายแลว้
ตกลงในแดนของฝ่ายตรงขา้ ม

ลาดบั การเลน่ (THE ORDER OF PLAY)

8.1 ประเภทเด่ียว ฝ่ายสง่ ไดส้ ง่ อยา่ งถกู ตอ้ ง ฝ่ายรบั จะตีโตก้ ลบั ไปอย่างถกู ตอ้ งหลงั จากนนั้ ฝ่ายสง่ และฝ่ าย
รบั จะผลดั กนั ตโี ต้

8.2 ประเภทคู่ ผสู้ ง่ ลกู ของฝ่ายส่งจะสง่ ลกู ไปยงั ฝ่ายรบั ผรู้ บั ของฝ่ายรบั จะตอ้ ตีลกู กลบั แลว้ ค่ขู องฝ่ายส่ง
จะตีลกู กลบั ไป จากนนั้ คขู่ องฝ่ายรบั กจ็ ะตลี กู กลบั ไปเช่นนสี้ ลบั กนั ไปในการตโี ต้

*******************************************

บรรณานกุ รม

http://www.ipelp.ac.th/Center%20Sport/sara/sara%204/sara4.html?clickt
ype=1&senttext=15


Click to View FlipBook Version