The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ใบงานทักษะวิทย์5.28.63-ฉบับสมบูรณ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wasana19722515may, 2022-09-20 04:47:19

ใบงานทักษะวิทย์5.28.63-ฉบับสมบูรณ์

ใบงานทักษะวิทย์5.28.63-ฉบับสมบูรณ์

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

แบบฝกึ ทกั ษะและกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
( Science Process Skills)

ช่อื -สกุล…………………………………………………………….ชือ่ เล่น………….
โรงเรียน………………………………………………………………………………………

…………………….

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

คำช้แี จง

แบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตรข์ องนกั เรียนทมี่ ุ่งเน้นทบทวนทักษะขั้นพน้ื ฐาน และเสริมสร้าง
ทักษะขั้นบูรณาการ โดยในชุดแบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จะประกอบไป
ด้วยใบความรู้และใบกิจกรรมให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ไม่อนุญาตให้
นำไปดดั แปลงหรอื จำหนา่ ยเพอ่ื ทำการค้า หรอื เผยแพรบ่ นอินเตอรเ์ นต็

ทั้งนี้ในการเฉลยกิจกรรมบางส่วนเป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งที่ผู้จัดทำได้เขียนไว้
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการหาคำตอบ ซึ่งนักเรียนสามารถมีคำตอบที่หลากหลายตาม
ความคิดของตนเองได้ในบางกิจกรรม ดังนั้นการตรวจสอบความถูกตอ้ งจึงจำเป็นต้องใช้
การพิจารณาตามความเหมาะสมของครูผ้สู อน

ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นี้จะมีส่วน
ช่วยในการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และหากมีข้อผิดพลาดประการใด
ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ ทางผู้จัดทำยนิ ดที จี่ ะนำไปพฒั นาปรบั ปรุงให้ดีขึน้ ไป

ผจู้ ัดทำ

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (Science Process Skills)

ในการศึกษาวิทยาศาสตร์ จำเป็นต้องใช้ทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ เพื่อนำไปสู่การค้นหาความรู้จากการสำรวจตรวจสอบ
หรอื การทดลอง ทกั ษะกระบวนการวทิ ยาศาสตร์มี 14 ทกั ษะ ดงั น้ี

ทกั ษะขั้นพืน้ ฐาน 1. การสังเกต
ทักษะข้นั บูรณาการ 2. การวดั
3. การจำแนกประเภท
4. การหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสเปสกบั สเปส

และสเปสกับเวลา
5. การคำนวณ
6. การจัดกระทำและสื่อความหมายของข้อมลู
7. การลงความเห็นจากขอ้ มูล
8. การพยากรณ์
9. การตัง้ สมมตฐิ าน
10. การกำหนดนิยามเชิงปฏิบตั ิการ
11. การกำหนดและควบคุมตัวแปร
12. การทดลอง
13. การตีความหมายและลงขอ้ สรปุ
14. การสร้างแบบจำลอง

1

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ทกั ษะการสงั เกต

ทักษะการสังเกต หมายถึง กระบวนการหรือความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัส
อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างร่วมกัน เพื่อหาข้อมูลหรือรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ ที่ถูกต้อง
ตรงกบั ความเป็นจรงิ โดยไม่เพมิ่ ความคดิ เห็นสว่ นตัวลงไป

ขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการสงั เกต

1. ขอ้ มลู เชงิ คณุ ภาพ เป็นขอ้ มูลทีไ่ ด้จากการใชป้ ระสาทสัมผสั ทัง้ ห้า คือตา หู จมูก ลนิ้ และผวิ กาย
ในการสังเกตวตั ถนุ ัน้ ๆ เชน่

- ปากกาสีเขยี ว ( ตา )
- ดอกไม้ชนดิ นีก้ ลิน่ ฉนุ ( จมูก )
- สบู่เมื่อจับแล้วลื่น ( ผิวกาย ) เป็นต้น
2. ขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณ เป็นขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการสังเกตโดยอา้ งอิง หนว่ ยการวัด เชน่
- วตั ถุชนิ้ น้ีหนักประมาณ 10 กรมั
- ดินสอแท่งน้ียาวกวา่ ดนิ สอแทง่ นั้น
- คาดคะเนดว้ ยกายสมั ผัสว่า นำ้ ในแกว้ นม้ี ีอุณหภูมิประมาณ 40๐ C
3. ขอ้ มลู เกยี่ วกบั การเปลยี่ นแปลง เป็นขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากผลการเปล่ยี นแปลงของวตั ถุเมอื่ กระทำด้วย
วิธีการต่าง ๆ เชน่ การให้ความรอ้ น การบบี การนำไปแชน่ ้ำ เป็นต้น
เชน่ เม่อื นำเทยี นไขไปให้ความร้อนเทียนไขจะหลอมเหลว

การสงั เกตใชป้ ระสาทสมั ผสั ดงั น้ี
1. ประสาทตา สงั เกตได้โดยการดู
2. ประสาทหู สังเกตโดยการฟัง
3. ประสาทจมกู สังเกตโดยการดมกลิ่น
4. ประสาทล้ิน สงั เกตโดยการชมิ รส
5. ประสาทผวิ กาย สังเกตไดโ้ ดยการสัมผัส

2

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนน
เรอ่ื ง ทกั ษะการสงั เกต

ชื่อ…………………………………..............................................ชัน้ ……………….……..เลขที่……………….……..

ตอนที่ 1
คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นสงั เกตสงิ่ ตา่ ง ๆ ท่ีอยรู่ อบตวั นกั เรยี นมาคนละ 1 อยา่ ง ให้ได้ข้อมลู
มากที่สุด

สง่ิ ท่นี กั เรยี นสงั เกตคอื ………………………………………………………..

ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการสงั เกต ประสาทสมั ผสั ทใี่ ช้ ประเภทของขอ้ มลู

3

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ตอนที่ 2
คำชแ้ี จง : ให้นักเรยี นตอบคำถามตอ่ ไปนี้ให้ถูกตอ้ ง

ขอ้ ท่ี สิง่ ทสี่ งั เกตได้ ประเภทของขอ้ มลู ประสาทสมั ผสั ทใี่ ช้
1 น้ำตาลมรี สหวาน
2 น้ำแข็งเกดิ การหลอมเหลว
3 ตู้เสอ้ื ผ้ามสี ีนำ้ ตาล
4 ไอศกรีมเยลล่ีถ้วยนี้มกี ลน่ิ หอม
5 โต๊ะกินขา้ วมพี ้นื โต๊ะเป็นรูปวงกลม
6 องนุ่ ถุงนีห้ นักประมาณ 5 กโิ ลกรมั
7 น้ำในขวดใบน้มี ีรสเปร้ยี ว
8 เสอื้ สีม่วงตวั นีม้ ีเนื้อน่ิม
9 หอ้ งเรียนห้องน้มี ี 2 ประตู 4 หนา้ ตา่ ง
10 ณเดชน์สูงประมาณ 175 เซนติเมตร
11 พีต่ ูน บอด้แี สลมรอ้ งเพลงเสยี งดัง
12 ห้องน้ำห้องนย้ี าวประมาณ 6 เมตร
13 สมดุ เลม่ นี้ยาวประมาณ 10 นวิ้
14 นาฬิกาเรือนนเ้ี ดินเสียงดงั ตก๊ิ ตอ๊ ก ๆ
15 บีบฟองนำ้ แลว้ รูปทรงไม่เปลยี่ นแปลง

4

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ตอนท่ี 3
คำชี้แจง : ให้นักเรียนสังเกตภาพด้านล่างนี้ แล้วเขียนบรรยายว่านักเรียนเห็นเป็นภาพอะไร
ซึง่ ในแต่ละภาพสามารถมองเห็นเป็น 2 ลกั ษณะ

1. ภาพที่ 1
..........................................................................................
..........................................................................................
ภาพท่ี 2
.........................................................................................
.........................................................................................

2. ภาพท่ี 1
.........................................................................................
…………………………………………………………………………………………….

ภาพท่ี 2
.........................................................................................
.........................................................................................

3. ภาพที่ 1
.........................................................................................
........................................................................................
ภาพท่ี 2
.........................................................................................
………………………………………………………………………………………..

5

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

2. ทกั ษะการวดั

ทกั ษะการวดั คือ การใชเ้ คร่ืองมอื สำหรบั การวัดข้อมูลในเชิงปริมาณของสงิ่ ต่าง ๆ เพื่อให้ได้
ขอ้ มลู เปน็ ตัวเลขในหน่วยการวัดที่ถกู ต้องแม่นยำได้ โดยตอ้ งมีหน่วยกำกับเสมอ ทงั้ นีก้ ารใช้เคร่ืองมือ
จำเป็นต้องเลอื กใชใ้ ห้เหมาะสมกบั ส่ิงทตี่ ้องการวดั รวมถึงเข้าใจวิธีการวดั และแสดงข้นั ตอนการวัดได้
อย่างถูกตอ้ ง

สำหรับวิธีการวัด สามารถทำได้ 2 วิธคี อื

1. การวัดโดยตรง เป็นการวัดหาค่าของสิ่งต่าง ๆ โดยใช้เครื่องมือวัดวัดโดยตรงกับวัตถุ แล้ว
อ่านคา่ ท่วี ัดได้ออกมา เชน่ การวดั ความยาวของห้องเรียนโดยใช้ตลบั เมตร การวดั อุณหภูมขิ องน้ำโดยใช้
เทอรม์ อมิเตอร์ เป็นต้น

ไมบ้ รรทัด ตลบั เมตร สายวัดตัว เทอรม์ อมเิ ตอร์ ไมโ้ ปรแทรกเตอร์ ไมเ้ มตร

2. การวดั โดยอ้อม เปน็ การวัดท่ใี ชเ้ ครอ่ื งมอื วัดแล้วนำค่าท่ีไดจ้ ากการวัดมาคำนวณ
อีกคร้ังหนึง่ จงึ จะทราบคา่ ท่แี น่นอน เชน่ การวดั ปริมาตรของวัตถุ การวดั พน้ื ท่ขี องหอ้ ง เปน็ ต้น

6

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนน
เรอื่ ง ทกั ษะการวดั

ช่ือ…………………………………..............................................ช้ัน……………….……..เลขที่……………….……..

ตอนท่ี 1
คำชี้แจง : ให้บอกชือ่ เครอ่ื งมอื และหน่วยท่ใี ช้วดั ปรมิ าณของสิง่ ตอ่ ไปน้ี

ส่งิ ทต่ี อ้ งการวดั เครอื่ งมอื หน่วย
1.1 อณุ หภมู นิ ้ำในแกว้
1.2 ปริมาตรนำ้ ในแกว้
1.3 ความหนาแน่นของดนิ น้ำมัน
1.4 มวลของแตงโม 6 ผล
1.5 ความสูงของตน้ ถ่วั
1.6 ความยาวของห้อง
1.7 พืน้ ทขี่ องหนา้ ตา่ ง
1.8 ความดันอากาศ
1.9 มมุ ของรูปสามเหลย่ี ม
1.10 อุณหภูมิรา่ งกาย

7

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ตอนท่ี 2
คำชแ้ี จง ให้นกั เรียนทำกจิ กรรมตอ่ ไปนี้เพอ่ื ศกึ ษาวา่ สง่ิ ที่เหน็ ดว้ ยตาน้นั เช่อื ถือได้เสมอไปหรอื ไม่
โดยให้สงั เกตภาพ (ก) ถงึ (ค) แลว้ ตอบคำถาม

1. เมื่อสงั เกตด้วยตาอย่างเดียว นักเรียนคดิ วา่
รูป (ก) เส้นตรง AB กับ CD ยาวเท่ากันหรือไม่อย่างไร

A B .....................................................................
......................................................................

C D ......................................................................

รปู ก .

รปู (ข) เส้นในแนวนอนขนานกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร

.....................................................................
......................................................................
......................................................................
.

รปู (ค) วงกลมที่อยู่ขา้ งในมขี นาดเท่ากันหรือไมอ่ ยา่ งไร

.....................................................................
......................................................................
......................................................................
.

รูป A รูป B

8

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

3. ทกั ษะการจำแนกประเภท

ทักษะการจำแนกประเภท หมายถึง ความสามารถในการจัดจำแนกหรือเรียงลำดับวัตถุ หรือสิ่งท่ี
อยู่ในปรากฏการณ์ต่าง ๆ ออกเป็นหมวดหมู่โดยมีเกณฑ์ในการจำแนก เป็นกระบวนการที่ใช้จัดจำแนก
พวกวัตถุหรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่ต้องการศึกษาออกเป็นหมวดหมู่ โดยจัดสิ่งที่มีสมบัติบางประการ
รวมกันให้อยู่กลุ่มเดียวกัน ในการจำแนกประเภทต้องมีเกณฑ์ในการจำแนก เกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนก
ประเภทจะพจิ ารณาจากความเหมือนและความแตกต่าง หรือความสมั พนั ธอ์ ยา่ งใดอย่างหน่งึ ก็ได้

เกณฑ์ทีใ่ ชใ้ นการจำแนกประเภทมี 3 อย่าง ได้แก่
1. ความเหมือน 2. ความแตกต่าง 3. ความสัมพันธ์

การจำแนกประเภทจะทำใหส้ ามารถศกึ ษาขอ้ มลู ไดง้ า่ ยขึน้ เนือ่ งจากคณุ ลักษณะทเี่ หมือนกัน
ในแตล่ ะกลุ่ม เปน็ การนำเสนอผลการศกึ ษาคน้ คว้า เพอื่ ให้ผอู้ า่ นได้เกิดความเขา้ ใจไดง้ ่ายขึน้ เช่น
จำแนกสง่ิ ของทมี่ ีรปู รา่ งเหมือนกันอยเู่ ป็นกลุม่ ๆ ดงั ภาพ

ตวั อยา่ ง การจำแนกประเภทของสตั วป์ ระหลาดทงั้ 6 ชนดิ ดงั น้ี

การจำแนกประเภทโดยอาศยั คณุ สมบตั ขิ องวตั ถเุ ปน็ เกณฑ์

ที่ คณุ ลกั ษณะทสี่ ังเกตได้ มี ไมม่ ี
1,4,6 2,3,5
1 มีลำตัวเป็นจดุ 1,2,3 4,5,6
2,3,4,5,6
2 ตามลำตัวมลี กั ษณะคล้ายขนยนื่ ออกมา 1,3,4,5,6 1
2
3 มีหางขดเปน็ วง 4,5
1,2,3,6
4 ลำตัวมจี ุดสดี ำเป็นรปู ส่เี หล่ียมจตั รุ สั

5 มีขอบตามลำตวั เป็นเสน้ ตรงอยา่ งน้อย
1 เสน้

9

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

การจำแนกประเภทแบบหลายขนั้ ตอน

ภาพสัตว์ประหลาดทงั้ หมด
(1, 2, 3,4, 5, 6)

พวกทีม่ ลี ำตัวเปน็ จุด พวกทม่ี ีลำตวั ไมเ่ ป็นจุด
(1,4, 6) (2,3,5)

พวกท่ีมหี าง พวกทมี่ หี าง ลำตวั มีจดุ กลม ลำตัวไมม่ จี ุด
ไม่ใช่เสน้ ตรง เปน็ เส้นตรง ใหญ่ 1 จดุ กลมใหญ่
(3,5)
(4,6) (1) (2)

ลำตวั เป็น ลำตวั ไมเ่ ปน็ ลำตวั มีเครอื่ งหมายรูป ลำตัวมเี คร่ืองหมาย
มมุ แหลม มุมแหลม สี่เหล่ียมจตั ุรัส 1 อัน รปู ส่ีเหลีย่ มจตั ุรัส
มากกว่า 1 อัน
(4) (6) (3)
(5)

10

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

3. ทกั ษะการจำแนกประเภท คะแนน

ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์
เรอื่ ง ทกั ษะการจำแนกประเภท

ชื่อ…………………………………..............................................ช้ัน……………….……..เลขท่ี……………….……..

1. จงจำแนกยานพาหนะตอ่ ไปนอี้ อกเป็นหลาย ๆ ช้ัน จนกลุ่มย่อยสุดท้ายประกอบด้วย
ยานพาหนะชนิดเดยี ว โดยใชเ้ กณฑข์ องนักเรยี นเอง

2. ให้นักเรยี นจำแนกสตั ว์ต่อไปน้อี อกเป็น 3 กลุ่ม

11

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

4. ทกั ษะการหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปส
กบั สเปส และสเปสกบั เวลา

สเปสของวตั ถุ หมายถงึ ทวี่ า่ งที่วัตถนุ ้ันครองอยู่ ซ่ึงมีรปู ร่างลักษณะเชน่ เดียวกับวัตถุนั้น
โดยทวั่ ไปสเปสของวตั ถุจะมี 3 มติ ิ คือ ความกว้าง ความยาว และความสูง

ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปสกบั สเปสของวตั ถุ ไดแ้ ก่
ความสัมพนั ธ์ระหว่าง 2 มติ ิ กับ 3 มติ ิ เปน็ ความสัมพันธ์
ระหวา่ งตาํ แหนง่ ท่ีอยขู่ องวัตถุหนึ่งกับอีกวัตถหุ นึ่ง

ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปสของวตั ถกุ บั เวลา
คอื การหาความสัมพันธร์ ะหวา่ งการเปล่ียนแปลง
ตําแหนง่ ทอ่ี ยู่ รปู ทรง ขนาดของวตั ถุกับเวลาหรอื
ความสัมพันธ์ระหว่างสเปสของวตั ถทุ ี่เปลยี่ นไปกบั
เวลา

ประโยชน์ของการหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง
สเปสกับสเปส และสเปสกับเวลา

1. ทําใหท้ ราบความสัมพันธ์ระหวา่ งปรากฏการณ์ตา่ งๆ ท่ีเกิดข้นึ
2. ชว่ ยใหว้ างส่ิงของตา่ งๆ ไดเ้ หมาะสม สวยงาม
ความสามารถทีแ่ สดงว่าเกิดทักษะการหาความสมั พันธร์ ะหว่างสเปสกบั สเปส และสเปสกับเวลา
1. บอกหรอื วาดรปู 2 มิติ กบั 3 มติ ิ ได้
2. บอกความสมั พนั ธ์ระหวา่ งรูป 2 มติ ิ กับ 2 มติ ิ ได้
3. บอกตําแหน่งหรือทศิ ทางของวตั ถุได้
4. บอกความสมั พนั ธร์ ะหว่างสง่ิ ทีอ่ ยหู่ นา้ กระจกและภาพในกระจกได้

12

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

4. ทกั ษะการหาความสมั พนั ธร์ ะหว่างสเปสกบั สเปส และสเปสกบั เวลา

ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนน
เรอื่ ง ทกั ษะการหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปสกบั สเปส และสเปสกบั เวลา

ชอ่ื …………………………………..............................................ชัน้ ……………….……..เลขท่ี……………….……..

กจิ กรรมที่ 1 : คําชแี้ จง นักเรยี นศึกษาแผนผังที่แสดงที่ต้งั ของโรงเรยี นแห่งหน่ึง แล้วตอบคาํ ถาม

คาํ ถาม

1. หอ้ งสมดุ อย่ทู างทิศใดของโรงอาหาร
........................................................................................................................................................................... ...........................................
2. อาคารเรยี นมที ้ังหมดกีห่ ลงั
........................................................................................................................................................................... ...........................................
3. สนามฟตุ บอล อยทู่ างทิศใดของเสาธง
........................................................................................................................................................................... ...........................................
4. หอ้ งประชมุ 1 อย่ทู างทิศใดของอาคาร 2
........................................................................................................................................................................... ...........................................
5. ตน้ ไทรอยูท่ างทิศใดของของสนามฟตุ บอล
........................................................................................................................................................................... ......................................................
............................................................................................................

13

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

กจิ กรรมท่ี 2 : คำชแ้ี จง จงเขยี นภาพในกระจกเงาของรูปต่อไปน้ี
1.
2.
3.

4.

14

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

กจิ กรรมท่ี 3 : คำชแ้ี จง ใหนกั เรยี นวาดรปู ตัดท่ีไดจ้ ากการตดั ตามแนวทก่ี าํ หนดให้ตอไปนี้

ระนาบ
ระนาบ
ระนาบ

กจิ กรรมท่ี 4 : คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนวาดรูปคลี่ของรูปสามมิตติ ่อไปนี้

15

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

5. การคำนวณ

ทกั ษะการคาํ นวณ หมายถึง การนําค่าทไี่ ด้จากการสํารวจเชงิ ปริมาณ การวัด การทดลอง
จากแหล่งอื่นมาจัดกระทําให้เกิดค่าใหม่ โดยการนับ การบวก ลบ คูณ หาร การหาค่าเฉลี่ย
ยกกาํ ลังสอง หรอื อ่ืน ๆ เพอื่ ใชใ้ นการแปลความหมายหรอื ลงข้อสรุป

ประโยชนข์ องทกั ษะการคำนวณ
1. นำผลจากการวัดไปคำนวณและแปลความหมายไดถ้ ูกต้อง
2. ทำให้ทราบรายละเอียดตา่ ง ๆ ของขอ้ มูล
3. นำผลจากการคำนวณไปแกป้ ญั หาไดถ้ กู ตอ้ ง
4. ใชเ้ ปน็ พนื้ ฐานในการค้นควา้ ทางวิทยาศาสตร์

ความสามารถทแ่ี สดงการเกดิ ทกั ษะ
1. นับจำนวนสงิ่ ของได้ถูกตอ้ ง
2. ใชต้ ัวเลขแสดงจำนวนท่นี บั ได้
3. บอกวธิ คี ำนวณได้
4. คิดคำนวณไดถ้ กู ตอ้ ง
5. แสดงวิธกี ารคำนวณได้

16

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนน
เรอื่ ง ทกั ษะการคำนวณ

ชื่อ…………………………………..............................................ชั้น……………….……..เลขท่ี……………….……..

ตอนที่ 1
คำชแี้ จง : ใหน้ กั เรียนศกึ ษาขอ้ มูลต่อไปน้ี แลว้ ตอบคำถาม

ตกุ๊ กีเ้ ลย้ี งไกไ่ วห้ นงึ่ ตวั เพื่อศกึ ษาการเจริญเตบิ โตของไก่ เปน็ ระยะเวลา 6 สัปดาห์ ซึง่ ได้ผลดังน้ี

สัปดาห์ที่ นำ้ หนัก (กก.)
1 0.5
2 0.9
3 1.3
4 1.8
5 2.0
6 2.2

1. สัปดาห์ที่ไก่มนี ้าํ หนกั เพิ่มข้นึ เทา่ กันคอื ..........................................................................................................................
2. ช่วงสปั ดาห์ท่ี 4 ไก่หนกั ขน้ึ .............................................................................. กิโลกรัม
3. นำ้ หนกั เฉลยี่ ของไกต่ ้ังแตส่ ปั ดาห์ที่ 2-5 เทา่ กบั .......................................................................................................กิโลกรัม
4. สัปดาห์ที่ 6 ไก่หนกั ตา่ งกับสัปดาห์ที่ 3 เทา่ กับ ....................................................................................................... กิโลกรมั
5. ไก่น้ำหนกั เพม่ิ ขนึ้ มากท่สี ดุ ในชว่ งสัปดาหท์ .่ี ........................................................................................................................
6. ต้ังแต่สปั ดาห์ที่ 1-6 ไก่มนี ำ้ หนักเพ่ิมขน้ึ …………………………………………............………………………………………………………….กิโลกรัม

17

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ตอนที่ 2
คำชแ้ี จง : ให้นักเรียนตอบคำถามตอ่ ไปนี้พร้อมทั้งแสดงวธิ ที ำ

1. จงหาคา่ เฉลย่ี ของความสงู ของนกั เรียนในชั้น 7 คน ซ่งึ มคี วามสูง 156, 158, 164,159,160, 155
และ 162 เซนติเมตร ตามลำดบั

2. ถา้ วัตถุ A มมี วล 10 กรัม มีความหนาแน่น 0.4 กรัมตอ่ ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร วตั ถุ A มีปรมิ าตร
เท่าใด

3. กลอ่ งกระดาษชำระทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก กว้าง 8 เซนตเิ มตร ยาว 11 เซนตเิ มตร และสูง 23
เซนตเิ มตร กลอ่ งกระดาษชำระมีปรมิ าตรเทา่ ไร

4. ขายปลาไป 7 ของจำนวนปลาทง้ั หมดในบอ่ ถ้าปลาในบ่อเหลอื 300 ตวั เดมิ ในบอ่ มปี ลาเทา่ ไร

8

18

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

6. การจดั กระทำและส่อื ความหมายของข้อมูล

การจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล หมายถึง การนำข้อมูลที่ได้จากการสังเกต การวัด
การทดลอง และจากแหล่งอื่น ๆ มาจัดกระทำใหม่ เช่น การหาความถี่ เรียงลำดับ จัดแยกประเภท
หรอื คำนวณค่าใหม่ ทีส่ ามารถแสดงให้ผู้อื่นเข้าใจความหมายของข้อมูลชุดน้ันได้ดีขน้ึ โดยอาจแสดงใน
รปู ของตาราง แผนภมู ิ แผนภาพ แผนผงั วงจร กราฟ สมการ การเขียน หรือการบรรยาย เปน็ ตน้

ความสามารถทแ่ี สดงการเกดิ ทกั ษะ
1. เลือกรปู แบบการนำเสนอข้อมลู ไดอ้ ย่างเหมาะสม
2. บอกเหตุผลในการเลอื กรูปแบบนำเสนอขอ้ มลู ได้
3. ออกแบบการนำเสนอข้อมูลตามรูปแบบท่เี ลอื กได้
4. เปล่ียนแปลงข้อมูลใหอ้ ยู่ในรูปแบบใหมท่ เ่ี ขา้ ใจได้ง่ายขนึ้
5. บรรยายลกั ษณะของสงิ่ ใด ๆ ดว้ ยข้อความทเี่ หมาะสม
กะทัดรัด จนสื่อความหมายใหผ้ ู้อน่ื เข้าใจได้
6. บรรยายหรือวาดแผนผังแสดงตำแหน่งของสถานทจ่ี นส่ือ
ความหมายใหผ้ ้อู นื่ เขา้ ใจได้

19

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนน
เรอื่ ง ทกั ษะการจดั กระทำและสอ่ื ความหมายของขอ้ มลู

ชอ่ื …………………………………..............................................ช้นั ……………….……..เลขที่……………….……..

1. ประชากรในประเทศไทยจากการสำรวจในช่วง 5 ปี ตง้ั แต่ พ.ศ.2550 ถงึ พ.ศ.2554 เรยี งลำดบั จำนวน
ดงั นี้ 38, 40, 41, 42 และ43 ล้านคน นักเรียนจะแสดงวธิ กี ารจัดกระทำกับข้อมลู และสื่อความหมายขอ้ มลู
ไดอ้ ยา่ งไร

2. จากขอ้ มูลทีก่ ำหนดให้ ใหน้ ักเรียนจัดกระทำขอ้ มลู และสื่อความหมายของข้อมลู ใหเ้ ข้าใจง่ายยงิ่ ขนึ้
ความสงู ของนักเรยี น ช้นั ม.1 จำนวน 34 คน (ซ.ม.)
160 157 158 159 156 159 160 159 156 152 153 157 159 155 155 156 157
158 155 156 157 156 155 154 158 153 159 158 157 150 155 156 158 157

20

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

7. การลงความเหน็ จากขอ้ มลู

การลงความเห็นจากข้อมูล หมายถึง การเพิ่มเติมความคิดเห็นให้กับข้อมูลที่มีอยู่
อยา่ งมเี หตผุ ล โดยอาศัยความรูห้ รือประสบการณ์เดมิ มาชว่ ย ขอ้ มูลน้ีอาจได้จากการสังเกต การวัด
หรอื การทดลอง การลงความเหน็ จากข้อมูลต่างกับการทำนายในแงท่ ว่ี ่า การลงความเห็นจากขอ้ มูล
จะไม่บอกเหตกุ ารณ์ในอนาคต เป็นเพียงแตอ่ ธิบายความหมายจากข้อมูลทีม่ ีอยู่ โดยอาศัยความรู้
และประสบการณ์เดิมมาชว่ ยอยา่ งมเี หตุผล

การลงความเหน็ จากขอ้ มลู จะถกู ตอ้ งเพยี งใดขน้ึ อยู่กบั
1. ความถูกต้องของข้อมูล ถ้าข้อมลู ทเ่ี ราสังเกตไดม้ ี
ความคลาดเคลอื่ นการลงความเห็นก็จะไมถ่ กู ต้องดว้ ย
2. ขึ้นอยู่กับจํานวนขอ้ มลู ถา้ เรามีขอ้ มลู มากเพยี งพอ
การลงความเห็นจะต้องถกู มากย่งิ ข้นึ
3. ขนึ้ อย่กู บั ประสบการณเ์ ดิม การลงความเหน็ สว่ นหนึ่งจะ
เก่ียวข้องกับประการเดมิ ท่เี ราเคยพบเหตกุ ารณน์ น้ั ๆ มาแล้ว
ถ้าเรามปี ระสบการณเ์ กีย่ วกบั เรอ่ื งนน้ั ดีกจ็ ะทําใหก้ ารลง
ความเหน็ ถกู ตอ้ งมากขึ้น

21

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนน
เรอื่ ง การลงความเหน็ จากขอ้ มลู

ชอื่ …………………………………..............................................ช้ัน……………….……..เลขท่ี……………….……..

1. คำชแี้ จง : ให้นกั เรยี นพจิ ารณาขอ้ ความตอ่ ไปนวี้ ่า ข้อใดเปน็ การลงความเห็นจากข้อมลู
ถ้าเปน็ ใหใ้ ส่เคร่ืองหมาย ✓ ถา้ ไม่เปน็ ให้ใส่เครอ่ื งหมาย  หน้าขอ้ ความ
1. ดอกไมม้ สี ชี มพู มีกลบี ดอก 5 กลบี
2. ญาญ่าไม่ต้งั ใจเรยี นและขเี้ กียจจงึ สอบตก
3. มะมว่ งผลน้สี กุ เหลืองงอม มรี สหวาน
4. รถยนต์คันนสี้ ีสวยและขบั ใชง้ านไดด้ ีกว่ารถรนุ่ อน่ื ๆ
5. รถติดมาก ข้างหน้าน่าจะมอี บุ ัติเหตุ
6. หญา้ มีสีขาวเพราะไม่โดนแสงแดด
7. อาคารเรียนหลังน้มี ่ีทั้งหมด 10 ห้อง
8. มารโิ อป้ วดศรี ษะและตัวรอ้ น น่าจะเปน็ ไข้หวัด
9. ขนมรา้ นนมี้ ีคนซือ้ เยอะทุกวนั
10. ตูน บอดดีแ้ สลมร้องเพลงเพราะมาก

2. ใหน้ ักเรยี นอธบิ ายภาพดังต่อไปนี้

........................................................................ ........................................................................
........................................................................ ........................................................................
........................................................................ ........................................................................

22

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

8. การพยากรณ์

การทำนายหรือการพยากรณ์ หมายถึง เป็นการคาดคะเนคำตอบหรือสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ล่วงหน้าก่อนการทดลอง โดยอาศัยหลักฐานจากข้อมูล ข้อเท็จจริง หลักการ กฎ หรือทฤษฎีที่มี
อยู่แล้ว หรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ การทำนายที่แม่นยำเป็นผลจากการสังเกตที่รอบคอบ
การวัดทถี่ ูกต้อง การบันทกึ และการจัดกระทำข้อมลู อย่างเหมาะสม

ความสามารถทแี่ สดงวา่ เกดิ ทกั ษะ
การพยากรณ์ทั่วไป

1. ทำนายผลทีจ่ ะเกดิ ขึ้นจากขอ้ มูลทีเ่ ปน็ หลกั การ กฎ
หรอื ทฤษฎีทมี่ ีอย่ไู ด้

การพยากรณ์จากขอ้ มูลเชิงปรมิ าณ
1. ทำนายผลทจี่ ะเกิดขึ้นภายในขอบเขตของขอ้ มลู เชงิ
ปริมาณทม่ี ีอย่ไู ด้
2. ทำนายผลทจ่ี ะเกิดขน้ึ ภายนอกขอบเขตของข้อมลู เชิง
ปริมาณทม่ี อี ยู่ได้

23

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

8. การพยากรณ์

ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนน
เรอ่ื ง ทกั ษะการพยากรณ์

ชอื่ …………………………………..............................................ชัน้ ……………….……..เลขที่……………….……..

1. พดั ชาทำการทดลองแมเ่ หล็กไฟฟา้ โดยนำตะปูพันดว้ ยขดลวดและให้กระแสไฟฟ้านำไปดดู
ลวดหนีบกระดาษ ผลการทดลองพบวา่

จำนวนขดลวด 10 20 30 40 50
(รอบ)

จำนวนลวดหนีบ 1 5 9 13 17
กระดาษ (ตัว)

1.1 ให้นกั เรียนวาดกราฟความสมั พนั ธ์ของจำนวนขดลวดและจำนวนลวด
หนีบกระดาษ

1.2 เมือ่ เพม่ิ จำนวนขดลวดพนั รอบตะปูเปน็ 60 รอบ จะสามารถดดู ลวดหนบี กระดาษได้เท่าใด
1.3 จากกราฟนักเรียนสามารถพยากรณ์การทดลองได้อยา่ งไร หากพนั ขดลวดรอบตะปเู พม่ิ อีก

24

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

2. ให้นักเรยี นพยากรณ์เหตกุ ารณท์ ี่จะเกดิ ขน้ึ หลงั พบสถานการณ์ตอ่ ไปนี้
2.1 สถานการณ์ : มีเมฆสคี ลำ้ ลอยตำ่

การพยากรณ์ : …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.2 สถานการณ์ : พบปลาตายลอยเน่าอยเู่ ต็มแม่นำ้

การพยากรณ์ : …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.3 สถานการณ์ : นักเรียนว่ิงตากฝนกลับบา้ น

การพยากรณ์ : …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

25

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

9. การตงั้ สมมติฐาน

การต้ังสมมติฐาน หมายถึง การคิดหาคำตอบล่วงหน้าก่อนการทดลอง โดยอาศัยการสังเกต
ความรู้และประสบการณ์เดิมเป็นพื้นฐาน คำตอบที่คิดล่วงหน้านี้เป็นสิ่งที่ยังไม่ทราบหรือยังไม่เป็น
หลกั การ กฎ หรอื ทฤษฎมี าก่อน

สมมติฐานหรือคำตอบที่คิดไว้ล่วงหน้า ส่วนใหญ่เป็นข้อความที่บอกความสัมพันธ์ระหว่าง
ตัวแปรต้นและตัวแปรตาม สมมติฐานที่ตั้งไว้อาจถูกหรือผิด ซึ่งจะทราบได้ภายหลังการทดลอง
หาคำตอบ เพ่อื สนับสนนุ หรือคัดค้านสมมตฐิ านทตี่ งั้ ไว้

ส่งิ ทค่ี วรคำนงึ ในการต้งั สมมติฐาน
คือ ในการต้งั สมมติฐานต้องทราบตวั แปรจาก
ปญั หาและสภาพแวดล้อมของตวั แปรน้ัน
สมมติฐานทต่ี งั้ ข้ึนตอ้ งสามารถบอกใหท้ ราบ
ถงึ การออกแบบการทดลอง ซ่ึงต้องทราบวา่
ตวั แปรไหนเปน็ ตวั แปรตน้ และตัวแปรตาม

26

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนน
เรอื่ ง ทกั ษะการตงั้ สมมตฐิ าน

ชอื่ …………………………………..............................................ช้ัน……………….……..เลขท่ี……………….……..

สถานการณ์ ด.ช.บอย อยากทราบว่าถา้ ลากถุงทรายบนพนื้ ท่ีแตกต่างกันจะใชแ้ รงเท่ากันหรอื ไม่
เขาจงึ ทำการทดลองและออกแบบตารางผลการทดลองดังน้ี

การทดลองท่ี 1 คา่ ของแรงที่อา่ นได้ (นวิ ตนั )

พนื้ กระดาษทราย ชนดิ ของพื้น เรม่ิ ออกแรง เร่ิม เคลอ่ื นทดี่ ้วย
พืน้ โต๊ะ ผวิ สมั ผัส เคล่อื นท่ี ความเร็วคงตวั
พน้ื กระดาษหนังสือพมิ พ์
กระดาษทราย
โตะ๊

หนังสือพมิ พ์

การทดลองท่ี 2 ลากถงุ ทรายบนพื้นเดียวกนั แตเ่ พม่ิ จำนวนถุงทราย

จำนวนถุงทราย ค่าของแรงท่ีอ่านได้ (นิวตัน)
(ถุง) เริ่มออกแรง เรม่ิ เคลอื่ นท่ี เคลือ่ นที่ดว้ ยความเรว็ คงตัว
1
2
3

จากการทดลองดังกลา่ ว นักเรยี นคิดว่า ด.ช. บอย ตั้งสมมตฐิ านอยา่ งไรไดบ้ า้ ง

สมมตฐิ าน
การทดลองท่ี 1

สมมตฐิ าน
การทดลองท่ี 2

27

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

10. การกำหนดนยิ ามเชงิ ปฏิบตั กิ าร

การกำหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร หมายถงึ การกำหนดความหมายและขอบเขตของ
ตัวแปรทีอ่ ย่ใู นสมมตฐิ านทตี่ อ้ งการทดสอบให้เข้าใจตรงกนั และสามารถสงั เกตหรอื วดั ได้

นยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารมสี าระสำคญั 2 ประการคอื
1. ระบุส่ิงทส่ี ังเกต
2. ระบกุ ารกระทำซึ่งอาจไดจ้ ากการวดั ทดสอบ หรอื จากการทดลอง

ส่ิงทค่ี วรคำนงึ ถงึ ในการใหน้ ยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร มดี ังนี้
1. ควรใช้ภาษาท่ีชัดเจน ไมก่ ำกวม
2. อธิบายถึงสิ่งทสี่ ังเกตได้ และระบุการกระทำไว้ดว้ ย
3. อาจมนี ิยามเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารมากกวา่ 1 นิยามกไ็ ด้ขึน้ อย่กู บั สถานการณ์

สิ่งแวดล้อม และเนื้อหาในบทเรยี น

ความสามารถทแี่ สดงวา่ เกดิ ทกั ษะ
1. กำหนดความหมายและขอบเขตของคำ
หรือตัวแปรตา่ ง ๆ ให้สามารถทดสอบหรอื วัดได้
2. แยกนิยามเชิงปฏบิ ตั กิ ารออกจากนิยาม
ท่ีไมใ่ ชน่ ยิ ามเชิงปฏิบตั ิการได้
3. สามารถบง่ ชี้ตวั แปรหรอื คำทต่ี ้องการ
ใชใ้ นการใหน้ ิยามเชิงปฏบิ ัติการได้

28

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนน
เรอ่ื ง ทกั ษะการกำหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร

ชอื่ …………………………………..............................................ช้นั ……………….……..เลขที่……………….……..

1. จงพจิ ารณาข้อความตอ่ ไปน้วี า่ เหมาะสมเป็นนิยามเชิงปฎบิ ตั กิ ารหรอื ไม่ อย่างไร

1.1 แกส๊ ไนโตรเจน หมายถึง แก๊สที่สัญลกั ษณ์ N ในตารางธาตุ มีเลขอะตอม 7 เลขมวล 14
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………...
1.2 ความยืดหยุ่น หมายถงึ ความสามารถในการเปลี่ยนรปู ร่างของวัตถุเม่อื ออกแรงดงึ และ
กลบั คืนสสู่ ภาพเดิม เมอ่ื ไมไ่ ด้ออกแรงดงึ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………...

2. คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรยี นกำหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารของคำตอ่ ไปน้ี

1. การเจริญเติบโตของพชื หมายถึง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………...
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………...

2. อณุ หภมู ขิ องสารละลาย หมายถึง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………...

3. ประสิทธิภาพของกระดาษ หมายถึง

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………...
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………...

29

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

11. การกำหนดและควบคมุ ตัวแปร

การกำหนดและควบคุมตัวแปร หมายถึง การบ่งชี้ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปร
ทีต่ อ้ งควบคุมในสมมติฐานหน่ึง และการควบคุมตัวแปรอ่ืน ๆ นอกเหนอื จากตัวแปรตน้ ซ่ึงจะทำให้
ผลการทดลองคลาดเคลื่อนถ้าหากไมค่ วบคุมให้เหมอื น ๆ กนั

ในการศึกษาคน้ ควา้ ทางวิทยาศาสตร์ ได้แบง่ ตวั แปรออกเป็น 3 ประเภท ดังน้ี
1. ตัวแปรต้นหรือตัวแปรอิสระ ( independent variable ) คือสิ่งที่เป็นสาเหตุที่ทำให้
เกดิ ผลตา่ งๆ หรือสง่ิ ทเี่ ราตอ้ งการทดลองดวู า่ เป็นสาเหตุทก่ี ่อให้เกดิ ผลเชน่ นัน้ จริงหรือไม่
2. ตัวแปรตาม ( dependent variable ) คือสิ่งที่เป็นผลเนื่องจากตัวแปรต้น
เม่อื ตวั แปรตน้ หรือส่ิงท่ีเป็นสาเหตเุ ปล่ยี นไป ตัวแปรตามหรอื สิง่ ทีเ่ ป็นผลจะเปลย่ี นตามไปด้วย
3. ตัวแปรควบคุม ( controlled variable ) คือสิ่งอื่น ๆ นอกเหนือจากตัวแปรต้น
ที่มีผลต่อการทดลองด้วย ซึ่งควบคุมให้เหมือน ๆ กัน มิเช่นนั้นอาจทำให้การผลการทดลอง
คลาดเคลอ่ื น

30

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนน
เรอ่ื ง ทกั ษะการกำหนดและควบคมุ ตวั แปร

ชื่อ…………………………………..............................................ช้นั ……………….……..เลขที่……………….……..

คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นกำหนดตวั แปรจากขอ้ มูลทค่ี รูกำหนดใหต้ อ่ ไปน้ี

1. ในการทดลองหน่ึง มีสมมตฐิ านวา่ “พืชทปี่ ลูกในภาชนะทตี่ า่ งกัน จะมีการเจริญเตบิ โตแตกตา่ งกัน”
จากสมมตฐิ านดังกล่าว ใหน้ ักเรียนกำหนดและควบคมุ ตวั แปรต่อไปน้ี
ตวั แปรต้น คอื …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ตัวแปรตาม คอื ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ตวั แปรควบคุม คือ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ในการทดลองหนง่ึ มกี ารทดลองดังนี้
2.1 เตรียมกระบะทรายทีม่ ที รายอยูเ่ ต็มภาชนะ พรอ้ มท้ังปาดผิวทรายใหเ้ รยี บ
2.2 ปล่อยลูกเหล็ก 2 ลูก ที่มีขนาดเท่ากันจากระดับความสูงเดียวกัน สังเกตการเปลี่ยนแปลงของ
ผวิ ทราย แล้ววดั ระดบั ความลกึ ท่ีลูกเหลก็ ทัง้ 2 ลกู จมลงในทราย
2.3 ทำการทดลองใหม่อีกครั้ง โดยให้ปล่อยลูกเล็กที่ระดับต่างกัน สังเกตการเปลี่ยนแปลงของ
ผิวทราย แล้ววัดระดับความลกึ ที่ลกู เหลก็ ทง้ั 2 ลูก จมลงในทราย

จากวิธีการทดลองดังกลา่ ว ใหน้ กั เรียนกำหนดและควบคมุ ตัวแปรตอ่ ไปนี้

ตัวแปรตน้ คือ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ตวั แปรตาม คอื ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ตัวแปรควบคุม คอื ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

31

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

12. การทดลอง

การทดลอง หมายถึง การลงมือปฏิบัติการทดลองจริง และใช้อุปกรณ์ได้เหมาะสม
และถูกตอ้ ง เพื่อหาคำตอบหรอื เพอื่ ทดสอบสมมติฐานท่ีตั้งไวป้ ระกอบดว้ ยกจิ กรรม 3 ข้นั ตอน คอื

1. การออกแบบการทดลอง หมายถึง การวางแผนการทดสอบก่อนลงมือทดลองจริงเพื่อ
กำหนด

1.1 วิธกี ารทดลอง ซง่ึ เกยี่ วข้องกบั การควบคมุ ตัวแปร
1.2 อุปกรณ์ หรือสารเคมที ตี่ ้องใช้ในการทดลอง
2. การปฏิบัติการทดลอง หมายถึง การลงมือปฏิบัติการทดลองจริง ๆ และใช้อุปกรณ์
ได้เหมาะสมและถูกต้อง
3. การบันทึกผลการทดลอง หมายถึงการจดบันทึกข้อมูล ซึ่งอาจจะเป็นผลจาก
การสงั เกต การวดั และอนื่ ๆ ไดอ้ ยา่ งคล่องแคลว่ ชำนาญ และถูกต้อง

ความสามารถทีแ่ สดงว่าเกดิ ทกั ษะ
1. กำหนดวธิ ีการทดลองได้อยา่ งเหมาะสม และสอดคล้องกับสมมติฐาน
โดยคำนึงตวั แปรตน้ ตัวแปรตาม และตวั แปรที่ตอ้ งควบคุม
2. ระบวุ ัสดุอุปกรณ์ หรือสารเคมี ทีจ่ ะตอ้ งใช้ในการทดลอง
3. ปฏิบัตกิ ารทดลอง และใช้อปุ กรณ์ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง คล่องแคล่ว และ
ปลอดภัย
4. บนั ทกึ ผลการทดลองได้อยา่ งคลอ่ งแคลว่ และถกู ตอ้ ง

32

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนน
เรอื่ ง ทกั ษะการทดลอง

ชอ่ื …………………………………..............................................ชัน้ ……………….……..เลขที่……………….……..

คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นออกแบบการทดลองจากสถานการณ์ต่อไปนี้

สถานการณท์ ี่ 1 : “ในหม่บู ้านของนกั เรยี นมีผกั ตบชวาปรมิ าณมากในแม่น้ำ ทำให้กีดขวางการสัญจร
ทางนำ้ และกีดขวางการไหลของนำ้ ”

ปญั หา .........................................................................................................................................................................................................................
สมมตฐิ าน .................................................................................................................................................................................................................
ตัวแปรต้น .................................................................................................................................................................................................................
ตัวแปรตาม................................................................................................................................................................................................................
ตัวแปรควบคุม .....................................................................................................................................................................................................
อปุ กรณ์ .....................................................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................................................................
วธิ กี ารทดลอง
................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................
ตารางบันทกึ ผลการทดลอง

33

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

สถานการณท์ ่ี 2 : “ที่บา้ นของนกั เรยี นเล้ียงไก่ แตพ่ บว่าไก่ของนกั เรยี นมีขนาดเล็กกว่าไก่ของบ้านอนื่ ๆ
ท่เี ริ่มเลี้ยงพร้อมกนั ”

ปญั หา .........................................................................................................................................................................................................................
สมมตฐิ าน .................................................................................................................................................................................................................
ตัวแปรต้น .................................................................................................................................................................................................................
ตวั แปรตาม................................................................................................................................................................................................................
ตวั แปรควบคุม .....................................................................................................................................................................................................
อุปกรณ์ .....................................................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................................................................
วธิ ีการทดลอง
....................................................................................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ตารางบันทกึ ผลการทดลอง

34

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

13. การตีความหมายและลงข้อสรปุ

การตคี วามหมายขอ้ มลู และการลงขอ้ สรุป หมายถงึ การแปลความหมายหรอื บรรยายลักษณะ
ขอ้ มูลทมี่ อี ยู่ การตีความข้อมลู ในบางคร้ังอาจต้องใช้ทกั ษะกระบวนการอื่น ๆ ด้วย
เช่น ทักษะการสังเกต ทักษะการคำนวณ เป็นต้น และนำข้อมูลที่ตีความได้ไปสู่การสรุป
ความสัมพันธข์ องข้อมลู ทง้ั หมด

ข้อมลู ทางวิทยาศาสตรส์ ว่ นใหญ่มักอยู่ในรปู ของสัญลกั ษณ์ ตาราง รปู ภาพ หรือกราฟ ฯลฯ
ที่รวบรวมรายละเอียดต่าง ๆ ของข้อมูลไว้อย่างครบถ้วนและกะทัดรัด สะดวกต่อการนำไปใช้
และการนำข้อมูลไปใช้จำเป็นต้องตีความหมายข้อมูลดังกล่าวให้อยู่ในรูปของภาษาพูดหรือ
ภาษาเขยี น ทีส่ ่อื ความหมายกับคนท่วั ๆ ไปไดโ้ ดยเปน็ ที่เข้าใจตรงกนั

ความสามารถทแี่ สดงวา่ เกดิ ทกั ษะ
1. แปลความหมายหรือบรรยาย

ลกั ษณะขอ้ มูลท่มี ีอยไู่ ด้
2. อธิบายความหมายของข้อมลู ที่จดั ไว้

ในรูปแบบตา่ ง ๆ ได้
3. บอกความสมั พันธข์ องข้อมูลหรอื

ตัวแปรท่มี ีอยไู่ ด้

35

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนน
เรอื่ ง ทกั ษะการตคี วามหมายและลงขอ้ สรปุ

ชอ่ื …………………………………..............................................ช้ัน……………….……..เลขที่……………….……..

คำชแ้ี จง : ให้นักเรยี นตคี วามหมายและลงขอ้ สรุป จากขอ้ มูลหรือผลการทดลองท่กี ำหนดให้

1. นักเรยี นทำการทดลองเรอื่ ง แรงเสียดทาน ซึง่ ผลการทดลองเป็นดงั นี้
ตารางบอกคา่ ของแรงทใ่ี ชใ้ นการเลื่อนกล่องให้ไถลไปบนพน้ื ผิวชนิดตา่ ง ๆ เมื่อใชค้ วามเรว็ คงท่ี
เปน็ ดงั นี้

ชนดิ ของพน้ื ผวิ แรงทใ่ี ช้ (นวิ ตนั )

ผวิ ลน่ื 42-56
ผิวท่เี ปน็ ผ้า 112
ผวิ ทเ่ี ป็นกระดาษทราย 140
ผวิ ทเ่ี ปน็ แกว้ 84

จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกตอ้ ง
1. ถ้าเลื่อนกล่องบนท่เี ปน็ แก้วต้องออกแรงเท่าใด ...........................................................................................................................................
2. เลือ่ นกล่องบนพ้ืนผิวชนิดใดออกแรงมากที่สุด และตอ้ งออกแรงเท่าใด ...................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
3. เลอ่ื นกล่องบนพนื้ ผวิ ชนดิ ใดออกแรงน้อยทีส่ ุด และตอ้ งออกแรงเทา่ ใด......................................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
4. ถ้าออกแรง 80 นิวตันเล่ือนกล่องบนพ้ืนผิวล่นื กบั พื้นผวิ ท่ีเป็นผา้ กล่องชนดิ ใดจะเคลื่อนท่ไี ปไดไ้ กลกว่ากัน
...............................................................................................................................................................................................................................................................
5. จากผลการทดลองสรุปได้วา่ อย่างไร………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

36

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

2. นักเรยี นทำการทดลองเรอ่ื ง การแยกช้ันของสาร ซ่ึงผลการทดลองเปน็ ดังน้ี

ไม้ นำ้ มนั
พลาสตกิ นำ้
ดนิ นำ้ มนั กลเี ซอรนี
ยางลบ นำ้ เชอื่ ม
ทองแดง

จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้ใหถ้ ูกต้อง
1. ของเหลวชนดิ ใดมคี วามหนาแน่นน้อยทส่ี ดุ เพราะเหตุใด................................................................................................
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ของเหลวชนดิ ใดมีความหนาแนน่ มากทส่ี ดุ เพราะเหตใุ ด................................................................................................
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. เพราะเหตุใดวตั ถุแตล่ ะชนดิ จึงลอยในของเหลวต่างกนั ………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
4. ถา้ ไมล้ อยอยู่ในน้ำ หมายความว่าอยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5. จากผลการทดลองสรปุ ได้วา่ อยา่ งไร……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

37

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

14. ทกั ษะการสร้างแบบจำลอง

การสรา้ งแบบจำลอง หมายถึง การสร้างของสง่ิ หนึ่งเพอ่ื แทนวัตถุ กระบวนการ ความสัมพนั ธ์
หรอื สถานการณ์ เป็นการนำเสนอขอ้ มลู แนวคดิ หรือความคดิ รวบยอด เพือ่ ให้ผู้อน่ื เขา้ ใจในรปู ของ
แบบจำลองตา่ ง ๆ เชน่ กราฟ รปู ภาพ ภาพเคล่ือนไหว วงจร เป็นตน้

TOMSON (1897) Bohr (1913)

Dalton (1803) Rutherford(1911) กลมุ่ หมอก (1926)
รปู ภาพแสดง แบบจำลองอะตอม สตั ว์

เล้ยี งลูกดว้ ยนม เล้ือยคลาน

สนุ ัข งู
แมว กง้ิ ก่า
วาฬ จระเข้

รูปภาพแสดง แบบจำลองวัฏจกั รของน้ำ รปู ภาพแสดง แบบจำลองความคิดรวบยอด

38

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนน
เรอ่ื ง ทกั ษะการสรา้ งแบบจำลอง

ชื่อ…………………………………..............................................ช้นั ……………….……..เลขท่ี……………….……..

คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนออกแบบจำลองเพอื่ อธิบายขอ้ มูลต่อไปนี้

1. จากการทดลองนำ ผ้า ไม้ กระดาษ ทองแดง แผ่นพลาสตกิ แผน่ ยาง มาทดลองการดูดซับน้ำ
นักเรียนพบว่า ผ้า ไม้ และกระดาษ สามารถดูดซับน้ำได้ แต่ทองแดง แผ่นยาง และแผ่นพลาสติก
ดูดซับน้ำไม่ได้ โดยวัสดุที่ดูดซับน้ำได้ดีจะมีลักษณะมีรูพรุน ผ้ามีรูพรุนมากสามารถดูดซับน้ำได้ดีที่สุด
รองลงมาคอื ไม้และกระดาษ ดูดซับน้ำไดล้ ดลงมาตามลำดบั จึงสรปุ ได้ว่า วสั ดุทมี่ ีรูพรนุ มาก จะดูดซบั น้ำ
ได้ดีกว่าวัสดุทีม่ ีรูพรนุ น้อย

รปู แบบที่ 1 แผนผงั ความคดิ รวบยอด

39

แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

รปู แบบที่ 2 ภาพจำลอง

2. ใหน้ ักเรยี นออกแบบจำลอง วฏั จกั รของน้ำ โดยใช้วัสดุท่กี ำหนดให้ไดแ้ ก่ กระดาษ สี สำลี ขวดนำ้
กิ่งไม้ ดนิ นำ้ มนั

40


Click to View FlipBook Version