The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Mathurada Boonsong, 2021-11-23 09:07:46

แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)

จัดทำโดยนางสาวมธุรดา บุญส่ง

แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)

กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2562 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 พลังงานความร้อน เวลาเรียน 25 ช่วั โมง

เรือ่ งที่ 2 ความรอ้ นกับการเปล่ยี นแปลงอณุ หภูมิของสสาร เวลา 6 ชั่วโมง

ผสู้ อน นางสาวมธุรดา บุญสง่

1. มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชวี้ ัด
สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว.2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์

ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้างและแรยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของ
การเปลย่ี นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลายและการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี

ตัวชวี้ ดั
ว.2.1 ม.1/10 อธิบายความสัมพนั ธร์ ะหว่างพลังงานความร้อนกับการเปลย่ี นแปลง

สถานะของสสารโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์และแบบจำลอง

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
ความร้อนมีผลต่อการเปลี่ยนสถานะของสสาร เมื่อให้ความร้อนแก่ของแข็งอนุภาคของ

ของแข็งจะมีพลังงานและอณุหภูมิเพิ่มขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง ซึ่งของแข็งจะใช้ความร้อนในการเปลี่ยน
สถานะเป็นของเหลว เรียกความร้อนที่ใช้ในการเปลี่ยน สถานะจากของแข็งเป็นของเหลวว่า
“ความร้อนแฝงของการหลอมเหลว” และอุณหภูมิขณะเปล่ียนสถานะจะคงที่ เรียกอุณหภูมินี้ว่า
“จดุ หลอมเหลว”

เมื่อให้ความร้อนแก่ของเหลว อนุภาคของของเหลว จะมีพลังงานและอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจนถึง
ระดับหนึ่ง ซึ่งของเหลวจะใช้ความร้อนในการเปลี่ยนสถานะเป็นแก๊ส เรียกความร้อนที่ใช้ใน
การเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแกส๊ ว่า “ความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอ” และอุณหภูมิขณะ
เปลยี่ นสถานะจะคงทีเ่ รยี กอณุ หภูมนิ ว้ี ่า “จุดเดอื ด”

เมื่อทำให้อุณหภูมิของแก๊สลดลงจนถึงระดับหนึ่ง แก๊สจะเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว
เรียกอุณหภูมนิ ้วี ่า “จุดควบแนน่ ” ซ่งึ มอี ุณหภมู ิเดยี วกับจุดเดอื ดของของเหลวนั้น

เมื่อทำให้อุณหภูมิของของเหลวลดลงจนถึงระดับหนึ่ง ของเหลวจะเปลี่ยนสถานะเป็น
ของแข็งเรยี กอุณหภมู นิ ีว้ ่า “จุดเยือกแข็ง” ซ่ึงมีอณุ หภูมิเดยี วกับจดุ หลอมเหลวของของแขง็ น้ัน

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K - Knowledge)
3.1.1) นักเรียนอธิบายการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสสารเนื่องจากได้รับหรือ
สญู เสยี ความร้อนได้
3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P - Process)
3.2.1) นักเรียนสามารถใชเ้ ครอื่ งมือวทิ ยาศาสตรแ์ ละทำการทดลองได้
3.2.2) นักเรียนสามารถคำนวณปรมิ าณความรอ้ นทีท่ ำใหส้ สารเปล่ยี นอุณหภูมิได้
3.3) ด้านคุณลักษณะพงึ ประสงค์/เจตคติ (A - Attitude)
3.3.1) นักเรียนมีความตรงต่อเวลาและแตง่ กายถกู ระเบยี บ
3.3.2) นักเรียนมจี ิตวทิ ยาศาสตรใ์ นการสบื เสาะหาความรู้
3.3.3) นกั เรยี นมีกระบวนการในการทำงานเป็นกลุ่ม
3.3.4) นักเรยี นใฝเ่ รยี นรูแ้ ละมุ่งมน่ั ในการทำงาน

4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน
4.1) ความสามารถในการส่ือสาร
- การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน
4.2) ความสามารถในการคิด
- ทักษะการคดิ วิเคราะห์
4.3) ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
- กระบวนการทำงานกลุม่

5. จดุ เน้นสกู่ ารพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รยี น
ทักษะในศตวรรษที่ 21
1. ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration,
Teamwork and Leadership)
2. ทักษะอาชพี และทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning Skills)
3. มคี วามเมตตากรุณา วนิ ยั คณุ ธรรมและจริยธรรม (Compassion)
ทกั ษะดา้ นการเรยี นรแู้ ละนวัตกรรม
1. การส่อื สารและการร่วมมอื
คณุ ลักษณะสำหรับศตวรรษท่ี 21
1. ด้านการทำงาน ได้แก่ การปรับตวั ความเป็นผนู้ ำ
2. ด้านการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ การชี้นำตนอง การตรวจสอบการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง
3. ด้านศลี ธรรม ได้แก่ เคารพผอู้ น่ื ความซือ่ สัตย์

6. สาระการเรียนรู้
6.1) ปัจจยั ทีม่ ผี ลกบั การเปลยี่ นแปลงอณุ หภูมขิ องสสาร
6.2) การคำนวณปรมิ าณความรอ้ นท่ีทำใหส้ สารเปลีย่ นอณุ หภูมิ จากสูตร Q = mc∆t

7. กระบวนการจัดการเรยี นรู้
การจัดกิจกรรมการเรยี นรเู้ ป็นการจัดตามรูปแบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)

มีขั้นตอนดังน้ี
ขน้ั ท่ี 1 สร้างความสนใจ (Engagement)
1. ครูกลา่ วทักทายนกั เรยี นและแจง้ จุดประสงค์การเรียนรู้
2. ครถู ามคำถามกบั นักเรยี นเพือ่ ทบทวนความรู้เดิม ดังนี้
- ของแข็ง ของเหลวและแก๊สมีการเคลื่อนที่ของอนุภาคแตกต่างกันอย่างไร
(อนุภาค ของแข็งจะสั่นอยู่กับท่ี อนุภาคของของเหลวสามารถเคลื่อนที่ได้แต่ไม่อิสระ
และอนุภาคของแกส๊ สามารถเคลอ่ื นท่ีได้อย่างอสิ ระ)
- การสั่นหรือการเคลื่อนที่ของอนุภาคของสสารนี้ทำให้เกิดพลังงาน
ความร้อน (Thermal energy) ในสสาร ซึ่งเราไม่สามารถวัดความร้อนนี้ได้โดยตรง แล้วเรา
สามารถวดั ระดบั พลังงานความร้อนของสสารได้อย่างไรและใช้เครื่องมือใด (วัดระดับ
พลงั งานความรอ้ นด้วยการวัดอุณหภมู ิ โดยใช้เทอร์โมมเิ ตอร์)
3. ครนู ำเข้าสบู่ ทเรียน โดยยกสถานการณ์ในชีวติ ประจำวนั และตัง้ คำถาม ดงั นี้
- เมื่อเราไปเดินเล่นชายหาดในตอนเช้าตรู่ เมื่อเราได้สัมผัส น้ำทะเล
หาดทรายและอากาศ นักเรียนจะสัมผัสได้ว่าสสารเหล่านี้มีอุณหภูมิแตกต่างกันหรือไม่
และถ้าเรากลับไปเดินเล่นใหม่ในตอนบา่ ย ๆ นกั เรยี นจะรสู้ ึกถงึ อุณหภูมิของสสารท่ีแตกต่าง
กันหรอื ไม่ เพราะเหตุใดและมปี ัจจัยใดบา้ งท่ที ำให้เกดิ ความแตกต่างของอุณหภูมดิ งั กลา่ ว

ข้นั ที่ 2 สำรวจและคน้ หา (Exploration)
1. ครูแบ่งกลุ่มให้นักเรียนเพื่อให้แต่ละกลุ่มทำกิจกรรมการทดลองที่ 5.2 ปัจจัยที่มี

ผลต่อการเปลย่ี นแปลงอณุ หภูมขิ องสสาร
2. ครูทบทวนเรื่องการใช้เทอร์โมมิเตอร์แบบแท่งในการวัดอุณหภูมิและการอ่านค่า

เทอรโ์ มมิเตอรท์ ี่ถกู ต้องใหก้ ับนกั เรียน
3. ครูชี้แจงเรื่องการทำกิจกรรมกับนักเรียน และแจ้งข้อควรระวังในการทำ

การทดลองกับนักเรียน เนื่องจากมีการใช้ตะเกียงแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นสารไวไฟและใช้ไฟใน
การทดลอง

4. ให้นักเรียนออกมาหยิบอุปกรณ์ที่ครูเตรียมไว้ให้และทำกิจกรรมการทดลอง
3 ตอนดังนี้

ตอนที่ 1 ปรมิ าณความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงของอุณหภมู ิ
ตอนที่ 2 มวลของสสารกับการเปลยี่ นแปลงของอณุ หภูมิ
ตอนท่ี 3 ชนดิ ของสสารกับการเปล่ียนแปลงของอุณหภูมิ
5. ครูและนกั เรียนรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้องของกจิ กรรมเมอื่ จบการทดลอง

ขั้นท่ี 3 อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
1. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนกลมุ่ นำเสนอผลการทำกจิ กรรมการทดลอง
2. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการทำกิจกรรมการทดลอง

โดยใช้แนวคำถามต่อไปน้ี
- เมื่อให้ความร้อนกับน้ำโดยใช้เทียนขนาดต่างกันหรือจำนวนเทียนที่

แตกต่างกันทำให้สิ่งใดแตกต่างกัน อย่างไรและเมื่อเวลาผ่านไปอุณหภูมิของน้ำทั้งสองบีก
เกอรเ์ ป็นอยา่ งไร (อุณหภมู ิของนำ้ แตกตา่ งกนั น้ำบกี เกอร์ที่ใช้เทียนเล่มใหญ่ในการให้
ความร้อนมีอุณหภูมิสูงกว่าน้ำในบีกเกอร์ที่ใช้เทียนเล่มเล็ก และเมื่อเวลาผ่านไป น้ำทั้งสอง
บกี เกอร์จะมีอณุ หภมู ิสูงขึ้นหรือมีการเปลย่ี นแปลงอุณหภูมิ)

- เมื่อให้ความร้อนที่เท่ากันด้วยตะเกียงแอลกอฮอล์กับน้ำในบีกเกอร์ที่มี
ปริมาณ ต่างกัน ทำให้สิ่งใดต่างกันและเมื่อเวลาผ่านไปอุณหภูมิของน้ำทั้งสองบีกเกอร์เป็น
อยา่ งไร (อณุ หภมู ขิ องน้ำแตกตา่ งกัน และเมื่อเวลาผ่านไป น้ำทั้งสองบกี เกอร์มีอุณหภูมิสูงขึ้น
แต่บกี เกอรท์ ่มี ปี รมิ าณนำ้ นอ้ ยกวา่ มีอณุ หภูมสิ งู กวา่ บีกเกอร์ที่มีน้ำมาก)

- เมื่อให้ความร้อนกับสสารที่ต่างชนิดกันในปริมาณที่เท่ากัน สสารทั้ง
2 ชนิดมีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่อย่างไร (สสารทั้ง 2 ชนิดมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น
แต่เพมิ่ ขึน้ ไมเ่ ท่ากัน)

3. นักเรยี นและครูรว่ มกันสรปุ ผลจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยใอธิบายและให้ข้อสรุป
วา่ อณุ หภมู ิทเ่ี พม่ิ ขึ้นของน้ำ ขึน้ อยูก่ บั มวลของนำ้ และปริมาณความรอ้ นท่ีได้รบั สสารชนิดอื่น
ก็เช่นกัน ที่จะมีอุณหภูมิสูงขึ้นเมื่อได้รับความร้อน แต่ถ้าหากเราให้ความร้อนแก่น้ำกับสาร
ชนิดอื่น ๆ ในปริมาณที่เท่ากัน มวลของสสารเท่ากัน อุณหภูมิจะเปลี่ยนไปไม่เท่ากัน ดังน้ัน
สรปุ ได้วา่ ปจั จยั ทมี่ ผี ลต่อการเปลีย่ นแปลงของอุณหภมู ขิ องสสาร คอื ปริมาณความรอ้ น มวล
ของสสารและชนดิ ของสสาร

3.4 ครูให้นักเรียนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม
มีจดุ ใดบา้ งทีย่ งั ไม่เข้าใจหรอื ยงั มขี อ้ สงสัย หากมี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเขา้ ใจ

ข้ันที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration)
1. ครขู ยายความรโู้ ดยเชอื่ มโยงเหตกุ ารณใื นชีวิตประจำวนั ดงั น้ี
- เมื่อเราไปเดินหาดทรายในตอนเช้าตรู่จะรู้สึกว่า น้ำทะเล ทราย

และอากาศเย็นสบายแต่เมื่อกลับไปอีกครั้งตอนบ่าย ๆ จะรู้สึกร้อนขึ้น เนื่องจากสสารได้รับ
พลังงานความร้อนจาก ดวงอาทิตย์ สสารจึงมีอุณหภูมิสูงขึ้น แต่อุณหภูมิของสสารจะ

แตกต่างกัน เช่น ทรายจะมีอุณภูมิสูงกว่าน้ำทะเล ถึงแม้ว่าสสารเหล่านี้ได้รับพลังงาน
ความร้อนจากดวงอาทิตย์ปริมาณเท่ากับ เหตุใดสสารต่างชนิดกันจึงมีการเปลี่ยนแปลง
อณุ หภมู ทิ ่ีแตกต่างกนั

2. ครใู ห้ความรู้นักเรียนเรือ่ งความร้อนจำเพราะของสาร (Specific heat)
3. ครูยกตัวอย่างการคำนวณการหาปริมาณความร้อนที่สสารได้รับหรือสูญเสียเม่ือ
สสารมอี ุณหภมู เิ พ่มิ ขึ้นหรือลดลงอณุ หภมู ิ จากสูตร Q = mc∆t
4. ครูให้ความร้เู พ่ิมเติมเกีย่ วกับการเปลยี่ นหนว่ ยอณุ หภูมิและตวั อยา่ งการคำนวน

ขน้ั ที่ 5 ประเมิน (Evaluation)
1. ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยการใหต้ อบคำถาม ดังน้ี
- ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอุณภูมิของสสาร (ปริมาณความ

รอ้ น มวลของสสารและชนิดของสสาร)
- เพราะเหตุใดชนิดของสสารจึงมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสสาร

(เป็นเพราะความร้อนจำเพาะของสสารแต่ละชนิดแตกตา่ งกัน)
3. นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง การเปลี่ยนหนว่ ยหรอื คำนวณหาปริมาณ

ความรอ้ น
2. ครูให้การบ้านนักเรียน เรื่อง การคำนวณการหาปริมาณความร้อนที่ทำให้สสาร

เปลีย่ นแปลงอณุ ภมู ิ จากสตู ร Q = mc∆t

8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน
1. กจิ กรรมกลุม่ ตอนท่ี 1 ปริมาณความร้อนกบั การเปลยี่ นแปลงของอณุ หภูมิ
2. กิจกรรมกลุ่มตอนท่ี 2 มวลของสสารกับการเปลี่ยนแปลงของอณุ หภูมิ
3. กิจกรรมกลุ่มตอนท่ี 3 ชนิดของสสารกับการเปล่ยี นแปลงของอณุ หภมู ิ
4. การบา้ น เรือ่ ง การคำนวณการหาปริมาณความร้อนทท่ี ำให้สสารเปลี่ยนแปลงอณุ ภมู ิ

9. สื่อการเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เล่มที่ 2
2. ส่ือ Power point

10. แหล่งการเรยี นรู้
1. หอ้ งเรียน
2. อินเทอรเ์ นต็

11. การวดั และประเมนิ ผล

ส่ิงท่ตี อ้ งการวัด วิธกี าร เครอ่ื งมอื วัด เกณฑ์
การ
นกั เรยี น ครู ประเมนิ

ด้านความรู้ (K) - ทำกจิ กรรม - ประเมินจาก - แบบสังเกต ผา่ นเกณฑ์
การทดลอง การอภิปราย พฤติกรรมในชน้ั ร้อยละ 70
1. นักเรียนอธบิ ายการ - แบบทดสอบ และตอบ เรยี น
เปลี่ยนแปลงอณุ หภูมิ หลงั เรยี น คำถาม - แบบบันทกึ
ของสสารเนื่องจาก - ตรวจข้อสอบ คะแนน
ไดร้ บั หรอื สญู เสียความ
ร้อนได้

ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) - ประเมนิ จาก - แบบสงั เกต ผา่ นเกณฑ์
การทำกจิ กรรม พฤติกรรมในชนั้ รอ้ ยละ 70
1. นกั เรียนสามารถใช้ - ทำกิจกรรม การทดลอง เรียน
เครอื่ งมือวทิ ยาศาสตร์ การทดลอง
และทำการทดลองได้ ตอนที่ 1-3

2. นักเรียนสามารถ - นกั เรียนสง่ - ครูตรวจ แบบบนั ทึกการ ผ่านเกณฑ์
คำนวณปรมิ าณความ การบ้าน การบ้าน ตรวจการบ้าน รอ้ ยละ 70
รอ้ นที่ทำให้สสาร
เปล่ยี นแปลงอณุ หภูมิ
ได้

ดา้ นคุณลกั ษณะพงึ ประสงค์/เจตคติ (A)

1. นกั เรียนมคี วามตรง เข้าเรยี นส่งงาน สงั เกต แบบบนั ทึก
พฤติกรรมในชั้น
ต่อเวลาและแต่งกายถูก ตรงเวลาและ พฤติกรรมใน เรยี น ผา่ นเกณฑ์
รอ้ ยละ 70
ระเบียบ แตง่ กายถูก ชนั้ เรียน

ระเบียบ

สิง่ ท่ีตอ้ งการวดั วธิ กี าร เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์
การ
2. นกั เรียนมีความใฝ่ นักเรยี น ครู แบบบนั ทกึ ประเมนิ
เรยี นรู้และมงุ่ ม่ันใน พฤติกรรมในชั้น
การทำงาน นักเรียนตั้งใจ สงั เกต เรียน ผ่านเกณฑ์
ร้อยละ 70
3. นกั เรยี นมี ทำการทดลอง พฤติกรรมใน แบบบนั ทึก
กระบวนการในการ พฤติกรรมในชั้น ผา่ นเกณฑ์
ทำงานเป็นกลุ่ม และงานที่ได้รบั ชั้นเรยี น เรยี น ร้อยละ 70

4. นกั เรยี นมจี ติ วทิ ยา มอบหมาย แบบบันทกึ ผ่านเกณฑ์
ศาสตร์ ในการสบื พฤติกรรมในช้นั รอ้ ยละ 70
เสาะหาความรู้ นักเรียน สงั เกต เรียน

สามารถทำงาน พฤติกรรมใน

ร่วมกับเพื่อนใน ชน้ั เรยี น

ชนั้ เรยี น

นักเรียนมี สังเกต

กระบวนการใน พฤติกรรมใน

การสืบเสาะหา ช้ันเรียน

ความรู้

บนั ทึกผลหลงั การสอน
1. ผลการสอน

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ปญั หา/อปุ สรรค/แนวทางการแกไ้ ข

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………\

3. ข้อเสนอแนะ

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ……………………………………………… (ครผู สู้ อน)
วัน เดอื น ปี


Click to View FlipBook Version