แผนการจดั การเรยี นรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรูโ้ ดยใช้สมองเปน็ ฐาน
(Brain based Learning : BBL)
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2562 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การถ่ายโอนความร้อน
เร่ือง การถ่ายโอนความรอ้ นในชีวติ ประจำวัน เวลา 2 ช่ัวโมง
ผสู้ อน นางสาวมธรุ ดา บญุ ส่ง
1. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชี้วัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว.2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์
ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้างและแรยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของ
การเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลายและการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี
ตวั ชว้ี ัด
ว.2.1 ม.1/10 อธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่างพลังงาความร้อนกับการเปล่ียนแปลง
สถานะของสสารโดยใชห้ ลักฐานเชิงประจกั ษ์และแบบจำลอง
2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
มนุษย์นำความร้อนจากไฟ ดวงอาทิตย์ หรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้ามาใช้ประโยชน์หลาย ๆ
ประการ ความร้อนจากเตาไฟทำให้หมูกระทะสุกได้ ความร้อนจากเครื่องทำน้ำอุ่นทำให้เรามีน้ำอุ่น
สบายอาบในช่วงที่อากาศหนาว ความร้อนจากดวงอาทิตย์ทำให้เสื้อผ้าแห้ง การที่เรานำความร้อนมา
ใช้ประโยชน์ได้อย่างดีน้ี เป็นเพราะความร้อนสามารถถ่ายโอนหรือส่งผ่านจากวัตถุหนึ่งที่มีอุณหภูมิ
สูงกวา่ ไปสอู่ กี วัตถหุ นึง่ ท่มี ีอุณหภูมติ ่ำกว่าได้ วธิ ีการถ่ายโอนพลังงานความรอ้ นแบง่ ได้เปน็ 3 วธิ ี ดังนี้
1. การนำความร้อน (Conduction) เป็นการถ่ายโอนความร้อนโดยความร้อนจะ
เคลื่อนที่ไปตามเนื้อของวัตถุจากตำแหน่งที่มีอุณหภูมิสูงไปสู่ตำแหน่งที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า
โดยทว่ี ัตถุท่ีเปน็ ตัวกลางในการถา่ ยโอนความรอ้ นไมไ่ ด้เคลอื่ นที่
2. การพาความร้อน (Convection) เป็นการถ่ายโอนความร้อนโดยวัตถุที่เป็น
ตัวกลางในการพาความร้อนจะเคลื่อนที่ไปพร้อมกับความร้อนที่พาไป ตัวกลางในการพา
ความรอ้ นจึงเปน็ สารทโี่ มเลกุลเคลอื่ นทไี่ ด้ง่าย
3. การแผ่รังสีความร้อน (Radiation) เป็นการถ่ายโอนความร้อนโดยไม่ต้องอาศัย
ตัวกลาง เช่น การแผ่รังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์มายังโลก การแผ่รังสีความร้อนจากเตาไฟไปยัง
อาหารท่ีป้งิ ยา่ งบนเตาไฟ เป็นต้น
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
3.1.1) นกั เรียนมีความรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกับการถ่ายโอนความร้อนในชีวติ ประจำวัน
3.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
3.2.1) นักเรยี นสามารถสร้างแบบจำลองและทดลองเรื่องการถ่ายโอนความร้อนได้
3.2.2) นกั เรียนสามารถวเิ คราะห์และอภปิ รายเรือ่ งการถ่ายโอนความรอ้ นได้
3.2.3) นักเรียนสามารถเปรยี บเทยี บสถานการณ์การถ่ายโอนความร้อนด้วยวิธีตา่ ง ๆ
3.3) ดา้ นคณุ ลกั ษณะพึงประสงค์/เจตคติ (A)
3.3.1) นกั เรียนมคี วามตรงต่อเวลาและแตง่ กายถูกระเบยี บ
3.3.2) นกั เรียนมคี วามใฝเ่ รียนรู้และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน
3.3.3) นกั เรยี นมกี ระบวนการในการทำงานเปน็ กลุ่ม
4. สาระการเรียนรู้
4.1) ความหมายของการถ่ายโอนความร้อนและและการถา่ ยโอนความร้อนวิธตี ่าง ๆ
4.2) การถ่ายโอนความร้อนในชีวิตประจำวันและการแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวันโดยใช้
ความรู้ทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั การถา่ ยโอนความรอ้ น
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
5.1) ความสามารถในการส่อื สาร
5.2) ความสามารถในการคิด
5.3) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
6. จุดเนน้ สู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
ทกั ษะในศตวรรษท่ี 21
1. ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration
Teamwork and Leadership)
2. ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and Learning Skills)
ทกั ษะดา้ นการเรยี นรู้และนวัตกรรม
1. การสอื่ สารและการร่วมมอื
คณุ ลักษณะสำหรบั ศตวรรษที่ 21
1. ด้านการทำงาน ได้แก่ การปรับตวั ความเป็นผ้นู ำ
2. ด้านการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ การชี้นำตนอง การตรวจสอบการเรียนรู้ด้วยตนเอง
3. ดา้ นศีลธรรม ได้แก่ เคารพผอู้ ่ืน ความซ่อื สัตย์
7. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้เป็นการจัดตามรูปแบบการเรียนรู้โดยใชส้ มองเปน็ ฐาน (Brain
based Learning : BBL) มีขั้นตอนดังน้ี
ข้ันที่ 1 ข้ันอ่นุ เคร่ือง (Warm-up)
1. ครเู ข้ามาถึงหอ้ งเรียน กล่าวทักทายและนำนำตัวกบั นักเรยี น
2. ครใู หน้ ักเรียนทำสมาธเิ พ่ือเตรยี มความพร้อมเข้าสู่การเรยี นการสอน ระหว่างที่นั่งสมาธิครู
ทำการติดสติ๊กเกอร์ 5 สี ให้กับนักเรียนคนละสีโดยการสุ่ม เมื่อติดเสร็จครจู ึงให้นักเรียนลืมตาและนัง่
ตามกล่มุ ตามสที ่นี กั เรยี นแต่ละคนได้รบั
ขั้นที่ 2 เสนอความรู้ (Present)
1. ครูเปิด VDO เกี่ยวกับการถ่ายโอนความร้อน ในเว็บไซต์ยูทูป เรื่อง “Heat Transfer”
ตามลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=kNZi12OV9Xc ให้นักเรียนได้ชม ใช้เวลา
ประมาณ 5 นาที
2. ครูตั้งคำถามกับนักเรยี นดงั นี้
“นกั เรยี นสังเกตเหน็ คำศัพทใ์ ดในวิดีโอบ้างและทราบหรอื ไม่วา่ ในวนั นี้พวกเราจะมา
เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องอะไร” (เป็นคำถามระดับพื้นฐานโดยได้การสังเกต / แนวคำตอบ: Conduction,
Convection, Radiation, ความร้อนและการถา่ ยเทความรอ้ น)
“นักเรียนทราบความหมายและความแตกต่างกันของคำว่า Conduction,
Convection และ Radiation หรือไม่” (เป็นคำถามระดับพื้นฐานโดยให้บอกความหมายหรือคำ
จำกัดความ / แนวคำตอบ: วิธีการถ่ายโอนของความร้อน, การนำความร้อน, การพาความร้อน,
การถา่ ยเทความรอ้ นและแตกต่างกันทีว่ ิธแี ละตัวกลางท่ีใชใ้ นการถา่ ยโอนความร้อน)
3. ครูแจ้งกับนักเรียนว่า “วันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวการถ่ายโอนความร้อนในชีวิตประจำวัน
และวิธีการถ่ายโอนความร้อนวิธีต่าง ๆ กัน” พร้อมกับแจ้งกติกาในห้องเรียนว่า “วันนี้เราจะมีการทำ
การทดลองด้วยกัน เพราะฉะนั้นครูอยากนักเรียนทุกคนตั้งใจเรียน ร่วมมือทำกิจกรรมไม่ให้เพื่อนคน
ใดคนหนึ่งทำเพียงคนเดียว ระมัดระวังการใช้อุปกรณ์ในการทำการทดลอง และไม่ใช้โทรศัพท์หากไม่
จำเปน็ เพ่ือให้นักเรยี นทกุ คนเข้าใจและได้รบั ความรู้ไปไดม้ ากท่ีสุด” เป็นต้น
4. ครแู จกใบความรู้เรื่องการถ่ายโอนความร้อนในกลุ่มนักเรยี น 1 ชุด ต่อ กลมุ่ และเริ่มนำเข้า
สู่บทเรียนเร่ืองการถ่ายโอนความรอ้ นในชีวิตประจำวัน “มนุษย์นำความร้อนจากไฟ ดวงอาทิตย์ หรือ
แม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้ามาใช้ประโยชน์หลาย ๆ ประการ ความร้อนจากเตาไฟทำให้หมูกระทะสุกได้
ความร้อนจากเครื่องทำน้ำอุ่นทำให้เรามีน้ำอุ่นสบายอาบในช่วงที่อากาศหนาว ความร้อนจากดวง
อาทติ ย์ทำให้เส้อื ผา้ แหง้ การนำความรอ้ นมาใช้ประโยชน์นลี้ ว้ นเกี่ยวข้องกบั การถา่ ยโอนความรอ้ น”
5. จากนั้นครูให้ความรู้กับนักเรียนเรื่องการถ่ายโอนความร้อนและวิธีการถ่ายโอนความร้อน
ต่าง ๆ โดยมีใบความรู้เปน็ สอื่ ประกอบการสอน
ข้นั ท่ี 3 ขั้นลงมือเรยี นรู้ ฝกึ ทำ และฝกึ ฝน (Learn-Practice)
1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเริ่มทำกิจกรรทการทดลองที่ 1 เรื่องการนำความร้อน
โดยครูแจ้งวัตถุประสงค์และอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลองตามกิจกรรมที่ 5.5 ของหนังสือเรียน รายวิชา
พื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่มที่ 2 กับนักเรียนก่อน หลังจากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่ง
ตวั แทนไปรับอุปกรณต์ ามที่ครแู จ้ง จากน้นั ครูแจง้ วิธีทำการทดลองให้นักเรยี นทราบพรอ้ มกนั ดังนี้
1.1) ตดั แผ่นอลูมิเนยี มเป็นรูปส่ีเหลย่ี ม ขนาดด้านละ 15 ซม. หลงั จากนั้นใช้วงเวียน
วาดวงกลม 3 วง ซอ้ นกนั
1.2) นำแผ่นอลูมิเนียมไปวางบนที่กั้นลมของชุดตะเกียวแอลกอฮอล์ จากนั้นตัด
เทียนไขเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดเท่ากัน จำนวน 13 ชิ้น และนำเทียนไขไปวางบนแผ่นอลูมิเนียม
ตำแหนง่ ใดก็ได้บนเส้นวงกลม เสน้ ละ 4 ชนิ้ และวางในวงกลม อกี 1 ช้ิน
1.3) จุดเทียนไขและนำไปวางให้เปลวเทียนอยู่ตรงกลางใต้แผ่นอะลูมิเนียม จากนั้น
สงั เกตการเปลย่ี นแปลงทเ่ี กิดขึ้นกบั ช้ินเทยี นไขท่ตี ำแหน่งต่าง ๆ บนั ทึกผลการทดลอง
2. ครูทำการสุ่มนักเรียน 2 กลุ่มเพื่อมาอภิปรายผลการทดลองและบอกสิ่งที่สังเกตได้
จาก การทดลองที่ 1
3. ครูสรุปความรู้ เกย่ี วกบั การนำความร้อนที่ได้จากการทำกิจกรรมการทดลองที่ 1
4. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเริ่มทำกิจกรรทการทดลองที่ 2 เรื่องการพาความร้อน
โดยครูแจ้งวัตถุประสงค์และอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลองตามกิจกรรมที่ 5.6 ของหนังสือเรียน รายวิชา
พื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่มที่ 2 กับนักเรียนก่อน หลังจากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่ง
ตวั แทนไปรบั อปุ กรณต์ ามทีค่ รแู จ้ง จากน้ันครูแจ้งวิธที ำการทดลองใหน้ ักเรียนทราบพร้อมกนั ดังนี้
4.1) เติมน้ำปริมาตร 200 ลูกบาศก์เซนติเมตรในบีกเกอร์ จากนั้นนำบีกเกอร์ตั้งบน
ตะแกรงของชุดตะเกียงแอลกอฮอล์ หย่อนเมล็ดแมงลักที่พองแล้วจำนวน 10 เมล็ดให้จมลง
ไปที่ก้นบีกเกอร์ นำเทอร์มอมิเตอร์อันหนึ่งวัดอุณหภูมขิ องนำ้ ท่ีกน้ บีกเกอร์และอีกอนั หน่งึ วดั
อุณหภมู ิที่ผวิ น้ำ บันทึกผล
4.2) ให้ความร้อนแก่น้ำโดยใช้ตะเกียงแอลกอฮอล์และเริ่มจับเวลาวัดและบันทึก
อุณหภูมิของน้ำท้ังสองบริเวณทุก ๆ ครึ่งนาทีจนน้ำเดือด สังเกตและบันทึกผลการเคลื่อนท่ี
ของเมลด็ แมงลักตั้งแตเ่ ริม่ ต้นจนน้ำเดือด
5. ครูทำการสุ่มนักเรียน 2 กลุ่มเพื่อมาอภิปรายผลการทดลองและบอกสิ่งที่สังเกตได้
จาก การทดลอง 2
6. ครสู รปุ ความรู้ เก่ยี วกับการพาความรอ้ นท่ไี ดจ้ ากการทำกิจกรรมการทดลองท่ี 2
7. ครูต้งั คำถามกบั นักเรยี นว่า
“นักเรียนคิดว่าการพาความร้อนแตกต่างกับการนำความร้อนหรือไม่ อย่างไร”
(เป็นคำถามระดับสูงโดยการให้เปรียบเทียบ / แนวคำตอบ: แตกต่างกัน การนำความร้อนไม่มี
การเคลื่อนที่ของอนุภาคของของแข็งไปพร้อมกับความร้อน ส่วนการพาความร้อนมีการเคลื่อนที่ของ
อนุภาคของของเหลวหรือแก๊สไปพรอ้ มกับความร้อน)
8. ครูอธิบายความรูเ้ พิ่มเติมเกี่ยวกับการพาความร้อน เรื่องการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก
และตง้ั คำถามกบั นกั เรียนว่า
“การนำความร้อนและการพาความร้อนต้องอาศัยอนุภาคของสสารเป็นตัวกลางใน
การถ่ายโอนความร้อน แล้วบรเิ วณท่ีไม่มีสสารทเ่ี ป็นตัวกลาง เช่น ระหว่างโลกและดวงอาทติ ย์บางช่วง
สงสัยกันไหมว่าโลกของเราได้รับพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ได้อย่างไร” (เป็นคำถามระดับสูง
โดยการวิเคราะห์ / แนวคำตอบ: ส่งผ่านบริเวณสุญญากาศ, แผ่ความร้อน, แผ่ออกมาในรูปรังสี
อนิ ฟาเรดหรือคล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้า)
9. ครใู หค้ วามรู้นักเรียนเร่อื งการแผ่ความรอ้ น
4. ข้ันสรปุ ความรู้ (Summary)
1. ครใู หน้ ักเรยี นสรุปความรโู้ ดยการทำชิ้นงานเปน็ กลุม่ กลุ่มละ 2 ชิ้น ไดแ้ ก่
1.1) แผนผังสรปุ ความรู้ เร่อื งการถ่ายโอนความรอ้ น
1.2) แผนภาพแบบจำลองการถา่ ยโอนความร้อนวิธตี า่ ง ๆ (ให้เปน็ การบา้ น)
2. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียน 2 กลุ่มออกมานำเสนอแผนผังสรุปความรู้ เรื่องการถ่ายโอน
ความร้อนหน้าชน้ั เรยี น
5 ขั้นประยุกต์ใชค้ วามรู้ (Apply)
1. ครูสรุปความรู้ที่เรียนวันนี้และการนำความรู้เรื่องการถ่ายโอนความร้อนไปใช้ประโยชน์
ในชวี ิตประจำวนั
2. ครกู ล่าวลานักเรยี นและมอบหมายงาน (หากม)ี
8. ชิ้นงานหรือภาระงาน
1. กิจกรรมกลุม่ ท่ี 1 ความร้อนถา่ ยโอนผ่านขอแข็งอยา่ งไร
2. กจิ กรรมกลุม่ ท่ี 2 การถ่ายโอนความร้อนของแก๊สและของเหลวเปน็ อย่างไร
3. ชนิ้ งาน 2 ชน้ิ ได้แก่
1.) แผนผงั สรุปความรู้ เรอ่ื งการถ่ายโอนความร้อน
2.) แผนภาพแบบจำลองการถา่ ยโอนความร้อนวธิ ีตา่ ง ๆ
9. สือ่ การเรียนรู้
1. หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 เลม่ ที่ 2
2. ใบความร้เู ร่ืองการถา่ ยโอนความร้อน
3. VDO ความรู้เรอ่ื งการถา่ ยโอนความร้อน
10. แหล่งการเรยี นรู้
1. หอ้ งเรียน
2. อินเทอร์เนต็
11. การวดั และประเมนิ ผล
สิ่งที่ต้องการวดั ครู วิธีการ เคร่อื งมือวัด เกณฑ์
นักเรยี น การประเมนิ
ดา้ นความรู้ (K)
นกั เรียนมีความรู้
ความเข้าใจเกยี่ วกบั
การถา่ ยโอนความ
ร้อนในชวี ิตประจำวัน
ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)
1. นกั เรียนสามารถ
สร้างแบบจำลองและ
ทดลองเร่ืองการถ่าย
โอน ความรอ้ นได้
2. นักเรียนสามารถ
วเิ คราะหแ์ ละ
อภิปรายเร่ืองการ
ถา่ ยโอน ความ
รอ้ นได้
3. นักเรยี นสามารถ
เปรยี บเทยี บ
สถานการณ์การถา่ ย
โอนความร้อนดว้ ยวธิ ี
ต่าง ๆ
สิง่ ท่ีต้องการวัด วิธกี าร เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์
ครู นักเรียน การประเมนิ
ดา้ นคุณลักษณะพงึ ประสงค์/เจตคติ (A)
1. นกั เรยี นมีความ
ตรงตอ่ เวลาและแตง่
กายถกู ระเบียบ
2. นักเรยี นมคี วามใฝ่
เรยี นรู้และมุง่ มั่นใน
การทำงาน
3. นักเรียนมี
กระบวนการในการ
ทำงานเปน็ กลุ่ม
12. ข้อเสนอแนะ (ผใู้ ชแ้ ผนเขียนเสนอแนะ)
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
13. บันทึกผลหลังการสอน
13.1) สรปุ ผลการเรียนการสอน
นักเรยี นจำนวน…………….คน
ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้…………………..คน คิดเป็นร้อยละ…………………..
ไมผ่ า่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้……………….คน คิดเป็นรอ้ ยละ…………………..
13.2) ปญั หา/อปุ สรรค/แนวทางการแก้ไข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
13.3) ข้อเสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชือ่ …………………………………………………………………….. (ครผู ู้สอน)