The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Mathurada Boonsong, 2021-11-23 09:12:13

แผนการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 4 MAT

จัดทำโดยนางสาวมธุรดา บุญส่ง

แผนการจดั การเรียนรู้แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 4 MAT

เรื่อง การนำความร้อน รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว21102 เวลา 3 คาบ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ พลงั งานความร้อน รวม 27 คาบ

กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนที่ 2

สาระท่ี 2 ชือ่ สาระ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน 2.1

ผู้สอน นางสาวมธรุ ดา บญุ ส่ง

1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชี้วดั
มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงานปฏิสัมพันธ์

ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ท่ีเกี่ยวข้องกับ
เสียง แสง และคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้ารวมท้ังนาํ ความร้ไู ปใช้ประโยชน์

ตวั ช้วี ัด
ม.1/5 เคราะห์สถานการณ์การถ่ายโอนความร้อนและคำนวณปริมาณความร้อนที่ถ่ายโอน
ระหวา่ งสสารจนเกดิ สมดลุ ความร้อนโดยใช้ สมการ Q สญู เสีย = Q ได้รับ
ม.1/6 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการถ่ายโอนความร้อนโดยการนำความร้อน การพา
ความรอ้ นการแผร่ งั สคี วามรอ้ น
ม.1/7 ออกแบบ เลือกใช้ และสร้างอปุ กรณ์ เพื่อแก้ปัญหาในชวี ิตประจำวนั โดยใชค้ วามรู้
เกี่ยวกบั การถา่ ยโอนความรอ้ น

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การถ่ายโอนความร้อนมี 3 วิธีคือ การนําความร้อน การพาความร้อนและการแผ่รังสีความร้อน

การนําความร้อนเป็นการถา่ ยโอนความร้อนที่อาศัยตัวกลาง โดยที่อนุภาคของตัวกลางไม่เคลือ่ นที่ แต่ส่ัน
ตอ่ เนอ่ื งกันไป การพาความรอ้ นเป็นการถ่ายโอนความร้อนซึง่ อาศยั ตัวกลางทเ่ี ปน็ ของเหลวหรอื แกส๊ โดยท่ี
อนุภาคของตัวกลางเคลื่อนที่ไปพร้อมกับพาความร้อนไปด้วย การแผ่รังสีความร้อนเป็นการถ่ายโอน
ความรอ้ นท่ีไม่ตอ้ งอาศัยตัวกลาง แต่ความร้อนส่งผ่านโดยคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟ้า

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1) ด้านความรู้ (K)
นกั เรยี นสามารถอธิบายการนำความรอ้ นในชีวิตประจำวนั ได้

2) ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
นักเรยี นสามารถปฏบิ ัติกจิ กรรมที่ 5.5 ความร้อนถ่ายโอนผ่านของแขง็ ได้อยา่ งไร
3) ด้านเจตคติ (A)
นกั เรียนปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเสรจ็ แลว้ เกบ็ อปุ กรณ์เข้าทีเ่ ปน็ ระเบียบ

4.คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผเู้ รยี น

 รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์  อยู่อยา่ งพอเพยี ง  ซอ่ื สัตย์สจุ ริต  ม่งุ มน่ั ในการทำงาน

 มีวินยั  รักความเปน็ ไทย ใฝ่เรยี นรู้  มีจติ สาธารณะ

5. ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
 ความสามารถในการสอื่ สาร
 ความสามารถในการคิด
 ความสามารถในการแก้ปัญหา
 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. สาระการเรียนรู้
การนำความร้อน (heat conduction) คือ ปรากฏการณ์ที่พลังงานความร้อนถ่ายเทภายใน

วัตถุหนึง่ ๆ หรือระหว่างวัตถุสองชิ้นทีส่ มั ผัสกัน โดยมีทิศทางของการเคลื่อนทีข่ องพลงั งานความร้อน
จากบริเวณที่มีอุณหภมู ิสูงไปยังบริเวณที่มีอุณหภูมิตำ่ กว่า โดยท่ีตัวกลางไม่มีการเคล่ือนท่ี เกิดข้ึนผ่าน
การสั่นสะเทือนระหว่างโมเลกุลหรือ กล่าวคือการนำความร้อนเป็นลักษณะการถ่ายเทความร้อนผ่าน
โดยตรงจากวัตถุหนึ่งไปยังอีกวัตถุหนึ่งโดยการสัมผัสกัน เช่น การเอามือไปจับกาน้ำร้อน จะทำให้
ความร้อนจากกาน้ำถา่ ยเทไปยงั มือ จึงทำใหร้ สู้ กึ รอ้ น เปน็ ตน้ วสั ดใุ ดจะนำความรอ้ นดีหรือไม่ดี ข้ึนอยู่
กับสมั ประสิทธิก์ ารนำความรอ้ น (k)

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ใช้รูปแบบการจัดการเรียนรูแบบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 4 MAT (8 ขัน้ )
3 คาบ

ขั้นท่ี 1 (กระตุ้นสมองซีกขวา) สรา้ งประสบการณ์ตรง
1. ครูกล่าวทักทายนักเรียน และสอบถามนักเรียนเกี่ยวกับการเรียนและความรู้สึกหลังจาก
เรียนจบบบทที่ 1 เรื่องความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงของสสาร และทบทวนความรู้เกี่ยวกับพลังงาน
ความร้อน ดังนี้ “ความร้อนเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งที่เกิดจากการสั่นและเคลื่อนที่ของอนุภาคใน
สสาร สามารถเปลี่ยนรูปและเกดิ การถา่ ยโอนจากบริเวณอุณหภูมสิ ูงไปอุณหภูมติ ่ำกว่าได้ การถา่ ยโอน
ความร้อนจะเกิดข้นึ จนกระท่งั อุณหภูมทิ ้ังสองบริเวณเท่ากนั เรียกสภาวะน้นั วา่ สมดุลความรอ้ น”

2. ให้นักเรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนเรื่องการถ่ายโอนความรอ้ นและสมดุลความร้อน โดย

ให้ทำผ่านโปรแกรม Google form

3. นกั เรียนและครรู ่วมกนั ทำกิจกรรม ดงั น้ี

- ครูใช้อุปกรณไ์ ด้แก่ เส้นลวดขนาดความยาว 15 เซนติเมตร ดินน้ำมันขนาดเท่าน้วิ

หัวแมโ่ ป้ง ทหี่ นบี ไม้ขีดไฟ และตะเกยี งแอลกอฮอล์

- ให้ตัวแทนนักเรียนจำนวน 2 คน นำก้อนดินน้ำมันปั้นให้กลมและปักไว้บริเวณ

ปลายของเส้นลวดด้านหนึ่ง คนหนึ่งใช้ที่หนีบหนีบเส้นลวดและถือไว้ และอีกหนึ่งคนจุดไฟที่ตะเกียง

แอลกอฮอล์

- ให้นกั เรียนนำเส้นลวดด้านท่ไี มม่ ดี ินนำ้ มนั ไปจ่อท่เี ปลวไฟของตะเกยี งแอลกอฮอล์

4. ใหน้ กั เรียนรว่ มกันสงั เกตการณ์เปล่ยี นแปลงทีเ่ กดิ ข้ึนกับดนิ นำ้ มัน

ข้ันท่ี 2 (กระตุ้นสมองซีกซ้าย) วิเคราะห์ประสบการณ์
1. ครตู ง้ั คำถามเกีย่ วกับกจิ กรรมดังนี้

- กอ้ นดนิ นำ้ มันที่ปลายลวดมีการเปลยี่ นแปลงอย่างไร
- ความร้อนเกดิ การถ่ายโอนจากสง่ิ ใดไปสสู่ ิ่งใด
- การถ่ายโอนความร้อนท่เี กิดขึ้นของเสน้ ลวดเป็นอย่างไร
(แนวคำตอบ ตอบตามความคิดของนักเรยี นและส่งิ ทีน่ กั เรยี นสงั เกตเหน็ ได้)
2. ให้นักเรียนเขียนคำตอบของตัวเองลงในสมดุ
ขัน้ ท่ี 3 (กระตนุ้ สมองซกี ขวา) สะท้อนประสบการณ์เป็นแนวคิด
1. ครอู ธบิ ายหลักการเกี่ยวกับการนำความร้อนทเี่ กิดขน้ึ จากการทำกจิ กรรมดังนี้
เมื่ออนุภาคของสสาร(เส้นลวด) ได้รับความร้อน อนุภาคจะเกิดการสั่นมากขึ้น และ
ชนกับอนุภาคข้างเคียง ทำให้อนุภาคที่อยู่ติดกันสั่นมากขึ้นตามไปด้วย อนุภาคของสสารจึงเป็น
ตัวกลางให้การถ่ายโอนความร้อนโดยการถ่ายโอนความร้อนอย่างต่อเนื่อง และถ่ายโอนจากบริเวณ
อุณหภูมิสูงกว่า(ปลายลวดด้านที่จ่อไฟ) ไปยังบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า(ปลายลวดด้านที่มีก้อนดิน
น้ำมัน) เรยี กการถ่ายโอนความร้อนดว้ ยวิธนี ้ีว่า “การนำความร้อน (Heat Conduction)”
การนำความร้อนเป็นวิธีการถ่ายโอนความร้อนโดยอาศัยตัวกลาง สามารถเกิดขึ้นได้
กับสารทุกสถานะ พลังงานความร้อนจะถูกส่งผ่านอนุภาค ของสสารที่เป็นตัวกลางโดยอนุภาคของ
สสารไม่มีการเคลื่อนที่ไปพร้อมกันความร้อน แต่อาศัยการสั่นและชนกับอนุภาคข้างเคียงเพ่ือส่งต่อ
ความรอ้ นต่อกนั ไป
สสารทุกสถานะสามารถนำความร้อนได้ แต่สสารแต่ละสถานะนำความร้อนได้ดีไม่
เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการจัดเรียงอนุภาคของสสารแต่ละสถานะ โดยทั่วไปถ้าเป็นสสารต่างสถานะกัน
ของแข็งจะนำความร้อนได้ดีกว่าของเหลวและของเหลวจะนำความร้อนได้ดกี ว่าแก๊ส แต่ถ้าเป็นสสาร
สถานะเดียวกัน สสารแต่ละชนิดจะมีคา่ สภาพการนำความร้อนแตกตา่ งกัน
2. ให้นักเรียนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับค่าสภาพการนำความร้อนของสสารแต่ละชนิดและถาม
คำถามว่า “สารที่นำความร้อนได้ดีที่สุด 3 อันดับแรกคือสารใดและสารที่นำความร้อนได้น้อยที่สุด 3
อันดับแรกคือสารใด” (แนวคำตอบ ตอบตามความคิดของนกั เรียน)

3. ครใู หค้ วามรอ้ นกบั นกั เรียนวา่ สารทีน่ ำความรอ้ นได้ดีหรอื ยอมใหค้ วามร้อนผ่านได้ เรยี กวา่
ตัวนำความร้อน ส่วนสารที่นำความร้อนไม่ได้หรือยอมให้ความร้อนผ่านได้น้อยมาก เรียกว่า ฉนวน
ความร้อน

ข้ันที่ 4 (กระตนุ้ สมองซีกซา้ ย) พัฒนาทฤษฎีและแนวคิด
1. ให้นักเรียนร่วมกันทำกิจกรรมกลุ่ม (ตามที่จัดไว้) “ตอบได้ ให้เลย” โดยให้ตอบคำถาม
เก่ียวกบั การนำความรอ้ นผ่านโปรแกรมแบบทดสอบออนไลน์ Kahoot หรือ Quizizz
ขั้นที่ 5 (กระตุ้นสมองซกี ซา้ ย) ดำเนนิ ตามแนวคิด และลงมือปฏิบัติหรือทดลอง
1. ใหน้ ักเรยี นทำกจิ กรรมการทดลองที่ 5.5 ความรอ้ นถ่ายโอนผา่ นของแขง็ อย่างไร โดยครูให้
เวลานักเรียนศึกษาจุดประสงค์ วัสดุอุปกรณ์ และวิธีการทดลองด้วยตนเอง เป็นเวลา 10 นาที
และเขียนแบบรายงานการทดลองลงในสมุดของตนเอง
2. ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มปรึกษาและแบง่ หนา้ ทใี่ นการทำกจิ กรรม และส่งตัวแทนกลุ่มออกมา
หยิบตะกรา้ อปุ กรณ์ทค่ี รเู ตรียมไวใ้ ห้
3. ครูเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัย ข้อควรระวังและความสะอาดก่อนทำกิจกรรม และให้
นกั เรียนเริ่มทำกจิ กรรมการทดลอง
ข้นั ท่ี 6 (กระตุ้นสมองซีกขวา) ต่อเติมเสริมแตง่ และสรา้ งองคค์ วามรดู้ ้วยตนเอง
1. หลังจากนกั เรยี นทำกจิ กรรมเสร็จ ครตู งั้ คำถามกบั นกั เรยี นดังน้ี

- เทยี นมกี ารเปลยี่ นแปลงอย่างไร
- ความร้อนมกี ารถา่ ยโอนจากสงิ่ ใดไปสูส่ ง่ิ ใด
- ตวั กลางในการสง่ ผา่ นความร้อนคอื อะไร
- การถ่ายโอนความรอ้ นดงั กล่าวเรยี กว่าอะไร

2. ให้นักเรียนออกมาอภิปรายผลการทดลองหน้าชั้นเรียนจำนวน 3 กลุ่ม โดยใช้การสุ่มด้วย

เกมวงลอ้
3. หลังจากที่นักเรียนอภิปรายผลการทดลอง ครูสรุปความรู้เกี่ยวกับการนำความร้อนให้

นักเรยี นอีกครั้ง
ขั้นท่ี 7 (กระตุ้นสมองซกี ซ้าย) วเิ คราะหแ์ นวทางทจ่ี ะนำความรู้ไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์
1. ให้นักเรียนร่วมกันคิดว่าหลักการนำความร้อนเกี่ยวข้องและมีการนำมาใช้ประโยชน์ใน

ชวี ติ ประจำวันของนกั เรยี นอยา่ งไร (แนวคำตอบ ตอบตามความคิดและประสบการณ์เดิมของนักเรียน)
2. ครูยกตัวอย่างการนำหลักการนำความร้อนที่นำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันเพิ่มเติม

จากนกั เรยี น (การทำอาหารและการเลอื กวัสดุในการทำอุปกรณ์ต่าง ๆ)
ขนั้ ท่ี 8 (กระต้นุ สมองซกี ขวา) ลงมือปฏบิ ัติ และแลกเปล่ียนประสบการณ์การเรียนรู้
1. ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ทำ Mind mapping สรปุ ความรู้ เรอื่ งการถ่ายโอนความร้อน

(การนำความรอ้ น)
2. เมื่อเสร็จกิจกรรมให้แต่ละกลุ่มวางผลงงานของกลุ่มตนเองไว้บนโต๊ะ และเดินแลกเปลี่ยน

ความรูร้ ะหวา่ งกล่มุ โดยให้แตล่ ะกล่มุ ร่วมกันให้คะแนนผลงานของเพื่อนกลุ่มอื่นด้วย
3. ใหน้ กั เรยี นแสดงความรู้สกึ ทีไ่ ด้ทำกิจกรรม
4. ครมู อบหมายงานหรอื การบ้าน และกล่าวลานักเรยี น

8. ส่อื การเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้
8.1 หนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์พ้นื ฐาน ม.1 เลม่ 2
8.2 กจิ กรรมที่ 5.5 ความร้อนถา่ ยโอนผ่านของแข็งอย่างไร
8.3 Power Point เร่ือง การถา่ ยโอนความร้อนในชีวิตประจำวัน
8.4 โปรแกรมแบบทดสอบออนไลน์ Kahoot หรอื Quizizz
8.5 สอื่ ออนไลน์

9. ภาระชิน้ งาน/กิจกรรม

9.1 รายงานผลการทดลองกิจกรรมท่ี 5.5
9.2 Mind mapping สรปุ ความรู้ เร่อื งการถา่ ยโอนความรอ้ น

10. การวดั และการประเมิน

สิ่งท่ตี ้องการวดั วิธกี าร เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์
การประเมนิ
นกั เรียน ครู - แบบประเมนิ
การตอบคำถาม ผา่ นเกณฑ์
ดา้ นความรู้ (K) ระดับ

1. นักเรยี นสามารถ - ตอบคำถามใน - ประเมินจาก คณุ ภาพ 2

อธิบายการนำความร้อน ห้องเรียนและ การตอบ

ในชีวิตประจำวันได้ กิจกรรมตอบได้ คำถาม

ให้เลย (ออนไลน์)

ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)

นกั เรียนปฏิบตั ิกจิ กรรม - ปฏิบัติกิจกรรมท่ี - ประเมินจาก - แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์
ระดบั
ที่ 5.2 ปจั จยั ใดบา้ งที่มี 5.5 ความร้อนถ่าย ทำกจิ กรรม การทำงานกลุม่
คณุ ภาพ 2
ผลต่อการเปลย่ี นแปลง โอนผ่านของแข็ง กลุ่ม - แบบประเมิน
ผ่านเกณฑ์
อณุ หภมู ขิ องสสารได้ อย่างไร - ตรวจสมุด การทำใบงาน/ ระดับ

- เขียนรายงานผล ช้ินงาน/สมดุ คณุ ภาพ 2

การทดลอง รายบคุ คล

ดา้ นเจตคติ (A)

นักเรียนปฏบิ ัติกจิ กรรม ดูแลความสะอาด - สังเกต - แบบประเมิน

เสรจ็ แลว้ เก็บอุปกรณ์ และเก็บอุปกรณ์ พฤติกรรมการ พฤติกรรม

เข้าที่เปน็ ระเบยี บ เข้าทเี่ ปน็ ระเบียบ ทำกิจกรรม

กลมุ่

บันทกึ หลงั การสอน

รหัสวิชา ว21102 รายวิชา วิทยาศาสตร์พืน้ ฐาน 2 ชน้ั ม. 1 ห้อง 1, 4 และ 5

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 เรื่อง การนำความร้อน

วนั ท่ี...............................เดอื น................................................ พ.ศ. 2564

...………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ผลการสอน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ปญั หา / ส่ิงท่ตี ้องพัฒนา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหาและพฒั นาในการจดั การเรียนรคู้ รง้ั ตอ่ ไป
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

หมายเหตุ บันทึกเป็นรายเร่ือง ลงชือ่ ............................................ครผู สู้ อน
(นางสาวมธุรดา บญุ สง่ )

ลงชื่อ.....................................................ครูพี่เล้ียง ............................................ผชู้ ว่ ยผู้อำนวยการ

(นางวนั ดี สรุ ยิ นั ต์) (นางปรงุ อินทมาตร์)

แผนการจัดการเรยี นรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 4 MAT

เรือ่ ง การพาความร้อนและการแผ่รังสีความร้อน รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว21102

เวลา 3 คาบ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 ช่ือหน่วยการเรียนรู้ พลังงานความรอ้ น รวม 27 คาบ

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2

สาระที่ 2 ช่ือสาระ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน 2.1

ผู้สอน นางสาวมธรุ ดา บุญส่ง

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด
มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงานปฏิสัมพันธ์

ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ท่ีเกี่ยวข้องกบั
เสียง แสง และคลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟ้ารวมทง้ั นาํ ความรไู้ ปใช้ประโยชน์

ตัวชว้ี ดั
ม.1/5 เคราะห์สถานการณ์การถ่ายโอนความร้อนและคำนวณปริมาณความร้อนที่ถ่ายโอน
ระหว่างสสารจนเกดิ สมดุลความร้อนโดยใช้ สมการ Q สญู เสีย = Q ไดร้ ับ
ม.1/6 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการถ่ายโอนความร้อนโดยการนำความร้อน การพา
ความร้อน การแผ่รงั สีความรอ้ น
ม.1/7 ออกแบบ เลือกใช้ และสร้างอุปกรณ์ เพื่อแก้ปัญหาในชวี ติ ประจำวันโดยใช้ความรู้
เก่ียวกบั การถ่ายโอนความรอ้ น

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การถ่ายโอนความร้อนมี3 วิธีคือ การนําความร้อน การพาความร้อนและการแผ่รังสีความร้อน

การนําความร้อนเป็นการถา่ ยโอนความร้อนทีอ่ าศัยตัวกลาง โดยที่อนุภาคของตัวกลางไม่เคลือ่ นที่ แต่ส่ัน
ตอ่ เนื่องกันไป การพาความรอ้ นเป็นการถา่ ยโอนความร้อนซึง่ อาศัยตวั กลางทเ่ี ป็นของเหลวหรอื แกส๊ โดยที่
อนุภาคของตัวกลางเคลื่อนที่ไปพร้อมกับพาความร้อนไปด้วย การแผ่รังสีความร้อนเป็นการถ่ายโอน
ความร้อนที่ไม่ตอ้ งอาศัยตัวกลาง แตค่ วามร้อนส่งผ่านโดยคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟา้

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1) ดา้ นความรู้ (K)
นกั เรียนสามารถอธิบายการนำความร้อนในชีวิตประจำวนั ได้

2) ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรมท่ี 5.6 ความรอ้ นถ่ายโอนผ่านของเหลวและแกส๊ ได้อยา่ งไร
3) ด้านเจตคติ (A)
นักเรยี นปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเสรจ็ แลว้ เกบ็ อุปกรณเ์ ข้าทเี่ ป็นระเบียบ

4.คุณลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผู้เรียน

 รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  อยู่อยา่ งพอเพยี ง  ซอื่ สตั ย์สจุ ริต  มุง่ มนั่ ในการทำงาน

 มวี นิ ยั  รักความเปน็ ไทย ใฝ่เรยี นรู้  มีจติ สาธารณะ

5. ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน
 ความสามารถในการสื่อสาร
 ความสามารถในการคิด
 ความสามารถในการแก้ปญั หา
 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. สาระการเรียนรู้
การพาความร้อน คือการถ่ายโอนความร้อนผ่านตัวกลางที่เป็นของเหลวหรือแก๊สโดยที่

ของเหลวหรือแก๊สส่วนที่ได้รับความร้อนจะเคลื่อนที่พาความร้อนไปด้วย โดยหลักการแล้วกลาวได้ว่า
การถ่ายโอนความร้อนที่เกิดจากที่สารใดสารหนึ่ง ได้รับความร้อนแล้วความหนาแน่นของอนุภาค
น้อยลงขยายตัวลอยตัวสูงขึ้น พร้อมทั้งพาความร้อนไปด้วย ขณะเดียวกันส่วนอื่นที่ยังไม่ได้รับ
ความร้อนยังมีความหนาแน่นของอนุภาคมากกว่า จะเคลื่อนมาแทนที่เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนสสาร
นนั้ ไดร้ บั ความรอ้ นทวั่ กนั เรยี กว่า "การพาความร้อน"

เราสามารถนําประโยชน์ของการพาความร้อนไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น บ้านที่มีช่องลม
หรืออาคารที่ติดพัดลมระบายอากาศก็ใช้หลักการพาความร้อน เมื่ออากาศร้อนลอยตัวขึ้นสูงออกไป
ตามช่องลมหรอื ตามพดั ลมระบายอากาศ อากาศทีเ่ ยน็ กว่าก็จะพัดเข้ามาแทนท่ี ทำให้อาคารหรือบ้าน
ไม่ร้อน การสร้างปล่องควัน เพื่อระบายควันและแก๊ส โรงงานอุตสาหกรรมทีใ่ ช้เชื้อเพลิงมาเผาไหม้ให้
ความร้อนจะสร้างปล้องควันสงู ๆ จากเตาไฟ เพื่อให้ควันและแก๊สร้อนซึง่ เกิดจากการเผาไหม้ขยายตวั
ลอยขึ้นไปได้สะดวก ทำให้มีการเผาไหม้ได้ดี อากาศที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจึงเข้าไปในเตาได้สะดวกด้วย
ทำให้มีการเผาไหม้ได้ดี

นอกการการถ่ายโอนความร้อนด้วยวิธีการพาความร้อนแล้ว ความร้อนสามารถถ่ายโอนได้
โดยการแผ่รังสีความร้อนออกมาในรูปของรังสีอินฟาเรด ซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยไม่ต้องอาศัย
ตวั กลางในการเคล่ือนที่ เรียกการถา่ ยโอนความร้อนวิธีนีว้ า่ การแผ่รังสคี วามร้อน

7. กจิ กรรมการเรียนรู้
การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ใชร้ ูปแบบการจดั การเรยี นรูแบบวัฏจักรการเรียนรู้ 4 MAT (8 ข้ัน)
3 คาบ

ขน้ั ท่ี 1 (กระตนุ้ สมองซีกขวา) สรา้ งประสบการณ์ตรง
1. ครกู ล่าวทักทายนักเรียนและทบทวนความรูเ้ กย่ี วกบั การนำความร้อนโดยใช้คำถามดังน้ี

- การนำความรอ้ นเป็นการถ่ายโอนความร้อนทม่ี ีลกั ษณะอยา่ งไร
- การนำความรอ้ นจะเกิดไดด้ ีในสสารสถานะใด เพราะเหตใุ ด
- สสารที่นำความร้อนไดด้ ี เรียกวา่ อะไร
2. ครสู าธติ การทดลอง เก่ยี วกบั เรือ่ งการพาความร้อนให้นักเรียนรว่ มกนั สังเกต ดังภาพ

ขั้นที่ 2 (กระต้นุ สมองซีกซ้าย) วิเคราะหป์ ระสบการณ์
1. ครกู ระต้นุ ความคดิ นักเรียน โดยใช้คำถามดงั น้ี

- นำ้ ทงั้ 2 ชุดมกี ารเปลย่ี นแปลงเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
- การเปลีย่ นแปลงทเ่ี กดิ ขึ้นเกี่ยวขอ้ งกับการถ่ายโอนความร้อนอย่างไร
(แนวคำตอบ ตอบตามความคิดของนักเรียนและส่งิ ท่นี ักเรยี นสังเกตเหน็ ได้)
ข้ันท่ี 3 (กระตนุ้ สมองซกี ขวา) สะท้อนประสบการณ์เป็นแนวคดิ
1. ครูอธิบายหลักการเก่ยี วกับการพาความร้อนท่ีเกิดขึ้น จากการทำกจิ กรรมดงั น้ี
อนุภาคของน้ำท่ไี ดร้ บั ความร้อน(น้ำร้อน) จะมพี ลงั งานสงู เคล่ือนท่ไี ดเ้ รว็ อนภุ าคอยู่
ห่างกันมากขึ้น ทำให้นี้ปริมาตรเพิ่มขึ้นและความหนาแน่นลดลง อนุภาคของน้ำร้อนจึงเคลื่อนท่ี
ลอยตัวขึน้ อยู่ด้านบน ส่วนอนภุ าคของของเหลวที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า(น้ำเย็น) มีความหนาแนน่ มากกว่า
จึงลอยตัวอย่ดู า้ นล่าง หรอื เคลื่อนที่เข้ามาแทนท่นี ำ้ ร้อน
ความร้อนที่ถูกถ่ายโอนไปพร้อมกับการเคลื่อนที่ของอนุภาคของของเหลวจาก
บริเวณที่มีอุณหภูมิสูงไปยังบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงกว่าเรียกวิธีถ่ายโอนความร้อนนี้ว่า “การพา
ความร้อน (Heat Convection)”
การพาความร้อน เป็นวิธีการถ่ายโอนความร้อนโดยอาศัยตัวกลาง ที่เป็นของไหล
(ของเหลวและแก๊ส) โดยพลังงานความร้อนจะถูกส่งผ่านอนุภาคของสสารที่เป็นตัวกลาง โดยอนุภาค
ของสสารจะเคลอื่ นท่ไี ปพร้อมกับความรอ้ นด้วย

ขนั้ ที่ 4 (กระต้นุ สมองซกี ซา้ ย) พัฒนาทฤษฎแี ละแนวคดิ
1. ให้นกั เรยี นทำกจิ กรรมการทดลองท่ี 5.6 ความร้อนถ่ายโอนผ่านของเหลวและแก๊สอย่างไร
โดยครูให้เวลานักเรียนศึกษาจุดประสงค์ วัสดุอุปกรณ์ และวิธีการทดลองด้วยตนเอง เป็นเวลา
10 นาทแี ละเขียนแบบรายงานการทดลองลงในสมุดของตนเอง
2. ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มปรึกษาและแบง่ หน้าท่ีในการทำกจิ กรรม และสง่ ตัวแทนกลุ่มออกมา
หยบิ ตะกรา้ อุปกรณท์ คี่ รเู ตรียมไวใ้ ห้
3. ครูเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัย ข้อควรระวังและความสะอาดก่อนทำกิจกรรม และให้
นักเรียนเริ่มทำกจิ กรรมการทดลอง
ข้ันที่ 5 (กระตุ้นสมองซีกซา้ ย) ดำเนนิ ตามแนวคดิ และลงมือปฏิบตั ิหรือทดลอง
1. หลังจากนกั เรียนทำกจิ กรรมเสรจ็ ครตู งั้ คำถามกับนกั เรียนดงั นี้

- จากกจิ กรรมตอนที่ 1 มตี วั กลางในการถ่ายโอนความร้อนคืออะไร
- จงอธบิ ายการถ่ายโอนความรอ้ นที่เกิดขน้ึ ขณะต้มนำ้
- จากกิจกรรมตอนท่ี 2 ตัวกลางในการถ่ายโอนความรอ้ นคอื
- การถ่ายโอนความร้อนดังกลา่ วเรยี กว่าอะไร

2. ให้นักเรียนออกมาอภิปรายผลการทดลองหน้าชั้นเรียนจำนวน 3 กลุ่ม โดยใช้การสุ่มด้วย

เกมวงล้อ
3. หลังจากที่นักเรียนอภิปรายผลการทดลอง ครูสรุปความรู้เกี่ยวกับการพาความร้อน

และประโยชนใ์ นชวี ติ ประจำวัน
4. ครูใชค้ ำถามเพอ่ื กระต้นุ ความคดิ นกั เรียนดังน้ี
- การพาความร้อน กบั การนำความรอ้ นเหมอื นและแตกตา่ งกนั อยา่ งไร
- นกั เรยี นคดิ ว่าหากไม่มีตวั กลางในการถา่ ยโอนความร้อน สสารจะสามารถถ่ายโอน

ความรอ้ นได้หรอื ไม่
ขั้นที่ 6 (กระต้นุ สมองซกี ขวา) ต่อเตมิ เสริมแต่ง และสร้างองค์ความรดู้ ้วยตนเอง
1. ให้นกั เรยี นศึกษาความรเู้ กี่ยวกบั การถา่ ยโอนความร้อน โดยการแผร่ ังสีความร้อน และทำ

ใบงานเพื่อ สรุปและตรวจสอบความรดู้ ว้ ยตนเอง
ขนั้ ท่ี 7 (กระตุน้ สมองซีกซ้าย) วิเคราะห์แนวทางทจ่ี ะนำความรไู้ ปใช้ให้เกิดประโยชน์
1. ให้นกั เรยี นร่วมกันคดิ วา่ หลกั การแผ่รงั สีความร้อนเกี่ยวข้องและมีการนำมาใช้ประโยชน์ใน

ชีวติ ประจำวันของนกั เรียนอย่างไร (แนวคำตอบ ตอบตามความคิดและประสบการณ์เดมิ ของนักเรียน)
2. ครูยกตัวอย่างการนำหลักการแผ่รังสีความร้อนที่นำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

เพมิ่ เตมิ จากนักเรยี น
ขั้นที่ 8 (กระตนุ้ สมองซีกขวา) ลงมือปฏิบัติ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรยี นรู้
1. ใหน้ กั เรยี นทำกจิ กรรมกลุ่ม เกมทายภาพและสถานการณท์ ีก่ ำหนดให้วา่ เปน็ การถ่ายโอน

ความร้อนแบบใด และตอบคำถามเก่ยี วกบั การถา่ ยโอนความรอ้ นและสมดุลความร้อน
2.ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันทำ Mind mapping สรปุ ความรู้ เรอ่ื งการถา่ ยโอนความร้อน
3. ครูมอบหมายงานหรือการบ้าน และกล่าวลานกั เรยี น

8. สอ่ื การเรยี นรู้ / แหล่งเรียนรู้
8.1 หนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์พ้ืนฐาน ม.1 เล่ม 2
8.2 กิจกรรมที่ 5.6 ความรอ้ นถ่ายโอนผ่านของเหลวและแก๊สอย่างไร
8.3 Power Point เรอ่ื ง การถ่ายโอนความร้อนในชีวิตประจำวนั และสมดลุ ความร้อน
8.4 สื่อออนไลน์

9. ภาระชนิ้ งาน/กิจกรรม

9.1 รายงานผลการทดลองกจิ กรรมที่ 5.6
9.2 Mind mapping สรุปความรู้ เรื่องการถา่ ยโอนความร้อน

10. การวดั และการประเมนิ

ส่งิ ทตี่ ้องการวดั วธิ กี าร เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์
การประเมนิ
นักเรยี น ครู - แบบประเมนิ
การตอบคำถาม ผ่านเกณฑ์
ดา้ นความรู้ (K) ระดับ

1. นกั เรยี นสามารถ - ตอบคำถามใน - ประเมินจาก คณุ ภาพ 2

อธิบายการนำความรอ้ น หอ้ งเรียน การตอบ

ในชวี ติ ประจำวันได้ - ตอบคำถามจาก คำถาม

กิจกรรมเกมทาย

ภาพ

ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)

นกั เรียนปฏบิ ตั กิ จิ กรรม - ปฏิบัติกิจกรรมที่ - ประเมนิ จาก - แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑ์
ระดบั
ที่ 5. 6 ความรอ้ นถ่าย 5. 6 ความร้อนถ่าย ทำกจิ กรรม การทำงานกลุ่ม
คณุ ภาพ 2
โอนผ่านของเหลวและ โอนผ่านของเหลว กลุม่ - แบบประเมิน
ผา่ นเกณฑ์
แก๊สอยา่ งไร และแก๊สอย่างไร- - ตรวจสมุด การทำใบงาน/ ระดับ

เขียนรายงานผล ชน้ิ งาน/สมดุ คณุ ภาพ 2

การทดลอง รายบุคคล

ด้านเจตคติ (A)

นกั เรยี นปฏิบัตกิ ิจกรรม ดูแลความสะอาด - สงั เกต - แบบประเมิน

เสร็จแล้วเกบ็ อปุ กรณ์ และเก็บอุปกรณ์ พฤติกรรมการ พฤติกรรม

เข้าทีเ่ ปน็ ระเบียบ เขา้ ที่เปน็ ระเบยี บ ทำกิจกรรม

กลุ่ม

บันทึกหลงั การสอน

รหัสวชิ า ว21102 รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์พน้ื ฐาน 2 ชนั้ ม. 1 ห้อง 1, 4 และ 5

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 5 เร่ือง การพาความร้อนและการแผร่ ังสีความร้อน

วันที่...............................เดอื น................................................ พ.ศ. 2564

...………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ผลการสอน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ปัญหา / ส่ิงทีต่ ้องพัฒนา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกป้ ัญหาและพัฒนาในการจัดการเรียนร้คู รั้งตอ่ ไป
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

หมายเหตุ บนั ทึกเปน็ รายเร่ือง ลงชอื่ ............................................ครผู ้สู อน
(นางสาวมธุรดา บญุ สง่ )

ลงชื่อ.....................................................ครูพเี่ ลย้ี ง ............................................ผ้ชู ่วยผู้อำนวยการ

(นางวันดี สรุ ิยนั ต์) (นางปรุง อินทมาตร์)


Click to View FlipBook Version