หน่วยที่ 2 สารบรสิ ทุ ธิ์
สาร
สารเนือ้ เดยี ว สารเนอ้ื ผสม
สารบริสทุ ธิ์ สารละลาย สารแขวนลอย สารคอลลอยด์
ธาตุ สารประกอบ
โลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ
เคยได้ยินหรือไม่ ???
สสาร ?
สาร ?
สสารและสาร
สสาร (Matter) คือ สิ่งต่าง ๆ ท่ีอยู่รอบตัวเรา มีตัวตน สิ่งที่มีมวล ต้องการท่ีอยู่
และสามารถสมั ผัสได้ อาจมองเห็นหรอื ไมเ่ หน็ กไ็ ด้ เชน่ อากาศ เป็นต้น
สาร (Substance) คอื สสารทศี่ กึ ษาค้นควา้ จนทราบ
สมบัตแิ ละองค์ประกอบ ท่แี นน่ อนซงึ่ ก็คือ เน้อื ของสสาร
Self study
สมบัติของสสารมีอะไรบา้ ง เราสามารถจาแนก
สารไดอ้ ยา่ งไร และทาไมเราตอ้ งจาแนกสาร ???
นกั เรยี นศึกษาความรู้จากในความรเู้ รือ่ งสารบริสทุ ธห์ิ นา้ 4
หรือจากสือ่ ออนไลนท์ นี่ ักเรียนมี และตอบคาถามในหนา้ ที่ 5
จากนน้ั มาแบง่ กนั แบง่ ปนั ความรกู้ นั เถอะ
https://wheelofnames.com/
สามารถทดสอบสมบตั ขิ องสารได้
สมบัติ เครอื่ งมือทใี่ ช้หรอื วธิ ี
ใช้ในการตรวจสอบ
1. การนาไฟฟ้า ชดุ เครื่องตรวจการนาไฟฟ้า
2. การละลาย นาไปละลายในตวั ทาละลาย
สมบตั กิ ายภาพ สมบัติทางเคมี 3. ความเปน็ กรด-เบส ทดสอบดว้ ยกระดาษลติ มสั
(Physical Property) (Chemistry Property)
สารละลายทีม่ สี มบตั เิ ปน็ กรด
ความหนาแนน่ ความเป็นกรด - เบส
จดุ เดอื ด การติดไฟ จะเปลย่ี นสี กระดาษลิตมสั
จุดหลอมเหลว การเปน็ สนิม
จากสนี ้าเงินเป็นสแี ดง
สารละลายท่มี ีสมบัตเิ ป็นเบส
จะเปล่ียนสกี ระดาษลติ มสั
จากสีแดงเปน็ สีนา้ เงนิ
4. อุณหภูมิ เทอรม์ อมิเตอร์
5. มวล เครื่องชัง่
สถานะของแข็ง (Solid) สารที่ไมส่ ามารถละลายนา้ ได้
สถานะของเหลว (Liquid) สารทลี่ ะลายน้าไดบ้ ้าง
สถานะกา๊ ซ (Gas) สารที่ละลายนา้ ได้
ใช้สถานะเปน็ เกณฑ์ ใชก้ ารละลายนา้ เปน็ เกณฑ์
การจาแนกสาร
ใช้การนาไฟฟ้าเป็นเกณฑ์ ใชเ้ น้ือสารเปน็ เกณฑ์
สารท่ีนาไฟฟา้ ได้ สารเน้อื เดยี ว (Homogeneous Substance)
สารทีไ่ มน่ าไฟฟ้า สารเนอ้ื ผสม (Heterogeneous Substance)
Homogeneous Substance Heterogeneous Substance
สารท่ีมลี ักษณะของเน้ือสาร สารที่มลี ักษณะของเนื้อสาร
ผสมกลมกลืนกนั เปน็ เนื้อเดยี ว ไมก่ ลมกลืนเป็นเน้ือเดยี วกนั
1. สารบรสิ ทุ ธิ์ 1. สารแขวนลอย
2. สารคอลลอยด์
2. สารไมบ่ ริสทุ ธิ์
สาร
สารเนอ้ื เดยี ว สารเน้อื ผสม
สารแขวนลอย สารคอลลอยด์
สารบริสทุ ธิ์ สารละลาย
สารบริสทุ ธ์คิ อื อะไร ???
แตกต่างกนั หรือไม่ อย่างไร
ภาพที่ 1 ภาพที่ 2
สารเนื้อเดยี วทีป่ ระกอบด้วยสารเพียงชนดิ เดยี ว ไมม่ สี ารอนื่ เจือปน เป็นสารทีไ่ ม่สามารถแยกออกจากกันได้
ดว้ ยวธิ ที างกายภาพ มีองค์ประกอบทางเคมตี ายตวั และมีสมบตั ชิ ัดเจน อาจเปน็ ของแขง็ ของเหลวหรอื แก๊ส
แบง่ ได้เป็น ธาตุ และ สารประกอบ
สารละลาย คอื สารเนอื้ เดยี วทป่ี ระกอบดว้ ยสารตง้ั แต่ 2 ชนดิ ขึน้ ไป ด้วยอัตราส่วนทีไ่ ม่แนน่ อน นา้
นา้ ตาล
สามารถแยกออกจากกนั กนั ได้โดยกระบวนการทางกายภาพ สารท่ีเกดิ ใหมจ่ ะมีสมบตั ไิ ม่คงท่ี ขึ้นอยกู่ บั
ปรมิ าณของสารบริสทุ ธิ์ทีน่ ามาผสมกัน
ตัวอยา่ งธาตุ
Li = (ลิเทียม) โลหะ
Na = (โซเดยี ม)
Fe = (ไอออน)
ธาตุ สารประกอบ อโลหะ B = (โบรอน) กงึ่ โลหะ
โลหะ ก่ึงโลหะ Si = (ซิลิกอน) อโลหะ
As = (สารหนู)
F = (ฟลอู อรีน)
Cl = (คลอรีน)
Br = (โบรมีน)
กิจกรรมการทดลอง
กิจกรรมท่ี 2.1 จุดเดือดของสารบริสทุ ธ์ิและสารผสมเป็นอยา่ งไร ?
สารบรสิ ทุ ธ์ิ คอื สารใด ชว่ ยครูคดิ หนอ่ ย
สารผสม คือสารใด
สรุปไดว้ า่ อยา่ งไร ?
กิจกรรมท่ี 2.2 จดุ หลอมของสารบรสิ ุทธิ์และสารผสมเป็นอยา่ งไร ?
สารบรสิ ทุ ธิ์ คือสารใด
สารผสม คือสารใด
สรุปไดว้ า่ อยา่ งไร ?
จุดเดอื ดจุดหลอมเหลว
จดุ เดอื ด อณุ หภมู ิที่ ของเหลว เปลย่ี นสถานะเปน็ แกส๊ สารบรสิ ทุ ธิ์ จดุ เดอื ด
จดุ หลอมเหลว อณุ หภูมิท่ี ของแข็ง เปล่ยี นสถานะเป็น ของเหลว จุดหลอมเหลว คงท่ี
อุณหภมู ิ อณุ หภมู ิ
สารละลาย สารบริสทุ ธ์ิ
สารละลาย
สารบริสทุ ธิ์
จดุ เดอื ด จดุ หลอมเหลว
จากกราฟ สรปุ ไดว้ า่ จุดเดอื ด ของ สารละลาย สงู กวา่ สารบรสิ ุทธ์ิ
จุดหลอมเหลว ของ สารละลาย ตา่ กว่า สารบริสุทธิ์
เกร็ดความรู้ สูตรโครงสรา้ ง
กลีเซอรอล (glycerol) กลีเซอรอล (glycerol)
➢ เปน็ สารบรสิ ุทธท์ิ ่ีถูกค้นพบคร้ังแรกเมอื่ ปี พ.ศ. 2342 กลีเซอรอล
จากการทดลองสกัด น้ามันมะกอก โดยนักเคมชี าวสวีเดน
ชื่อ คารล์ ดบั บลิว ซีล (Carl W. Scheele)
➢ ปัจจบุ ันใช้กลเี ซอรอลเปน็ สารตงั้ ตน้ ท่สี าคญั ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
เช่น การผลติ สบู่ การผลติ ยา การผลติ เครอ่ื งสาอางค์
➢ กลเี ซอรอล เป็นของเหลวข้น หนืด ไม่มีสี มรี สหวาน มีจุดหลอมเหลว
18 oc และจุดเดือด 290 oc ละลายในนา้ และแอลกอฮอล์
➢ กลีเซอรอลสามารถผลิตได้จากกระบวนการผลติ น้ามันไบโอดเี ซล
นอกจากนย้ี ังผลติ ไดจ้ ากปฏกิ ริ ิยาเคมีอืน่ ๆ อกี ด้วย
เกร็ดความรู้ มวลของอากาศ 104 กิโลกรมั (kg)
กดลงบนพน้ื โลกขนาด 1 ตารางเมตร (m2)
ความดนั บรรยากาศ (atmospheric pressure)
แรงโน้มถ่วง (g)
คือ ความดันของบรรยากาศของโลก กดลงบนพ้นื โลก
ด้วยแรงโนม้ ถว่ ง ในแนวตั้งฉาก ความดนั นจี้ ะแปรเปล่ียน ความดนั 1 atm ทีพ่ ืน้ ผิว
ไปตามสภาพอากาศและความสงู จากพืน้ ดนิ ทรี่ ะดบั นา้ ทะเล
ความดันบรรยากาศจะมีคา่ 1 บรรยากาศ(atmosphere: atm) บารอมเิ ตอร์
ซึง่ มีคา่ เท่ากับ 101.3 กโิ ลปาสกาล (kPa) หรือเท่ากบั 101,325
ปาสกาล (Pa) ความดันบรรยากาศสามารถวดั คา่ ไดด้ ้วย “บารอมิเตอร์”
เกร็ดความรู้
จุดเดอื ด และ จดุ หลอมเหลว ของสาร จุดเดอื ดของ น้า ทีค่ วามดันตา่ ง ๆ
1. ขึ้นอยูก่ บั ความบริสุทธ์ิ
2. ขน้ึ อยู่กบั ความดันบรรยากาศ ความดนั (kPa) จดุ เดอื ด (oc) ความดนั (kPa) จุดเดอื ด (oc)
3.5 26.4 101.3 100.0
13.8 52.2 137.9 109.0
27.6 67.2 193.1 119.0
48.3 80.4 275.8 131.0
69.0 89.6 303.4 134.0
82.7 94.4 358.5 140.0
ณ ความดนั บรรยากาศ ทรี่ ะดบั ทะเล นา้ บรสิ ทุ ธ์ิ มีจดุ เดอื ดทอ่ี ณุ หภมู ิ 100 oc
แตเ่ มือ่ ความดันบรรยากาศ เพม่ิ ขึน้ หรือลดลง จดุ เดือดของน้าบรสิ ุทธิ์
จะมคี ่าเปลี่ยนไป ดังตาราง
จดุ เดอื ดจดุ หลอมเหลวในชีวิตประจาวัน
หม้ออบแรงดนั
อตุ สาหกรรมผลิตยา
2. ความหนาแนน่
ความหนาแนน่ อัตราส่วนของมวลตอ่ หนงึ่ หนว่ ยปริมาตร
ถ้าใชม้ วลของสารเป็น
หน่วยกรัม (g) ปรมิ าตรของสารจะใชห้ น่วย ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร cm3
ถ้าใชม้ วลของสารเปน็
หนว่ ยกรมั (kg) ปรมิ าตรของสารจะใช้หน่วย ลกู บาศกเ์ มตร m3
ความหนาแนน่ ของสาร = มวล (g) = มวล (kg)
ปรมิ าตร (cm3) ปรมิ าตร (m3)
ตวั อยา่ งโจทย์ : ความหนาแนน่
ตวั อยา่ งโจทย์ 1 ตัวอยา่ งโจทย์ 2
วตั ถชุ นดิ หน่งึ มมี วล 100 กรัม ปริมาตร 200 กลอ่ งพลาสตกิ ใบหน่ึงมวล 400 กรมั ปริมาตร 200
ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร กลอ่ งพลาสตกิ น้มี ีความหนาแนน่ เทา่ ใด
ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร วัตถุชิ้นนม้ี ีความหนาแนน่ เท่าใด
แนวคดิ มวล (g) แนวคิด มวล (g)
ปรมิ าตร (cm3) ปรมิ าตร (cm3)
ความหนาแน่นของวัตถุ (D) = ความหนาแนน่ ของกล่อง (D) =
100 (g) 400 (g)
= 200 (cm3) = 200 (cm3)
= 0.5 g/cm3 = 2 g/cm3
ดงั นน้ั วัตถุนี้มคี วามหนาแนน่ เทา่ กบั 0.5 g/cm3 ดังนัน้ กล่องใบนี้มคี วามหนาแนน่ เทา่ กบั 2 g/cm3
ตารางแสดง ความหนาแนน่ ของสารบางชนดิ ท่คี วามดัน 1 บรรยากาศ
ชนิ ดของสาร สถานะ ความหนาแน่น (g/cm3) เกรด็ ความรู้
ไอน้ำ (100 oC) แก๊ส ปรอท (Mercury:Hg)
แก๊สไนโตรเจน แก๊ส - เปน็ โลหะ
แก๊สคำรบ์ อนไดออกไซด์ แก๊ส - เป็นของเหลวสีขาวคลา้ ยเงนิ
ของเหลว - เม่อื แข็งตัวจะมคี ณุ สมบตั ิ
น้ำ ของเหลว
คำรบ์ อนไดออกไซดเ์ หลว ของเหลว คลา้ ยกบั โลหะทว่ั ไป
ของแขง็ - เปน็ สาระสาคัญในการทา
ปรอท ของแขง็
น้ำแขง็ ของแขง็ เทอรโ์ มมิเตอร์
น้ำแขง็ แหง้ ของแขง็
เงนิ
ทอง
เกรด็ ความรู้
วัตถุลอยนา้ เนื่องจากวัตถนุ ้ันมี วัตถลุ อยปร่มิ น้า เน่อื งจากวัตถุ วัตถุจมอยู่ใต้น้า เนื่องจากวัตถุ
ความหนาแนน่ น้อยกวา่ นา้ นั้นมีความหนาแนน่ เท่ากับนา้ นั้นมีความหนาแนน่ มากกวา่ นา้
ประเภทของพลาสตกิ
ประเภทพลาสตกิ PETE HDPE PVC
Polyethylene Terephthalate High-Density Polyethylene Polyvinyl Chloride
(High-Density Polyethyคleอ่ nนeข้า)งแข็งและเหนยี ว คอ่ นข้างน่มิ แตเ่ หนียวไมแ่ ตกงา่ ย มสี มบตั ิหลากหลาย
ส่วนใหญ่ทาให้มสี ีสันสวยงาม ทงั้ แข็ง น่ิม สามารถทาให้มี
สมบตั ิ ไม่เปราะแตกง่าย ทนสารเคมี นอกจากน้ยี งั ปอ้ งกนั
และสว่ นใหญ่จะใส สีสันสวยงามได้
การแพร่ผ่านความชืน้ ได้ดี
ขวดบรรจนุ า้ ดื่ม ขวดนม ขวดแชมพูสระผม ขวดแปง้ เด็ก ท่อน้าประปา สายยางใสแบบนิม่
ขวดนา้ มนั พชื และขวดนา้ อัดลม
ขวดสบเู่ หลว ถุงพลาสตกิ ทนรอ้ นชนดิ ขนุ่ แผน่ ฟลิ ์มสาหรับหอ่ อาหาร
ตัวอยา่ งการใชง้ าน และถุงหหู ้วิ แผ่นพลาสตกิ ปโู ต๊ะอาหาร
ขวดใสแ่ ชมพูสระผมชนดิ ใส
ประเภทของพลาสตกิ
ประเภทพลาสตกิ LDPE PP PS
สมบตั ิ
Low Density Polyethylene Polypropylene Polystyrene
น่มิ กว่า HDPE แข็งและเหนยี ว ใส แขง็ แตเ่ ปราะ
สามารถยึดตัวได้ในระดับหนง่ึ ทนต่อแรงกระแทกได้ดี และแตกง่าย
ทาใหม้ สี ีสันสวยงามได้
ใส
ฟิลม์ สาหรับห่ออาหาร กล่อง ชาม จาน ถัง ตะกรา้ ภาชนสาหรบั บรรจุของใช้
เชน่ ซดี ีเพลง โฟมบรรจุ
ตวั อย่างการใช้งาน และห่อของ ถงุ ใส่ขนมปงั กระบอกสาหรับใสน่ า้ แชเ่ ย็น อาหาร โฟมกนั กระแทก
และถงุ เยน็ สาหรบั บรรจุอาหาร ถงุ รอ้ นชนิดใส
การทดสอบพลาสตกิ
พลาสตกิ ทจ่ี มนา้ ทดสอบด้วยนา้ (Water tase) พลาสตกิ ทล่ี อยนา้
PETE / PVC/PS HDPE / LDPE / PP
ทดสอบโดยการเผาด้วยลวดทองแดง ทดสอบโดยการขดู ด้วยเลบ็
(Copper wire test) (scratch test)
เปลวไฟสเี ขยี ว เปลวไฟสสี ม้ เกดิ รอยขดู ขดี ไมเ่ กิดรอยขดู ขดี
PVC PETE / PS HDPE / LDPE PP
มตี อ่ สไลดถ์ ดั ไป
การทดสอบพลาสตกิ
PETE / PS
ทดสอบดว้ ยสารเมทิลเอทลิ คโี ตน ทดสอบโดยการอบ
(Methyl Ethyl Ketone / MEK test) (oven test)
แช่ในสารละลาย 20 นาที จดุ หลอมเหลว จดุ หลอมเหลว
ละลาย ไมล่ ะลาย ประมาณ ประมาณ
PS PETE / พลาสตกิ ประเภทอนื่
105 – 115 oc 120 – 130 oc
ทดสอบดว้ ยความร้อน ( heat test)
ใสใ่ นน้าเดอื ด LDPE HDPE
อ่อนตัวและบดิ เบ้ยี ว ไม่อ่อนตวั
PETE พลาสตกิ ประเภทอืน่
บทท่ี 2
CO2 H2O
การจาแนกและองค์ประกอบของสารบริสุทธิ์
NaCl H2O
กจิ กรรมการทดลองที่ 2.4 หนงั สอื หนา้ 40-42
เร่อื ง สารบริสทุ ธมิ์ อี งค์ประกอบอะไรบา้ ง
กิจกรรมการทดลองที่ 2.4
ผลการทดลอง
ชุดทดลอง การเปลย่ี นแปลง ส่ิงท่สี ังเกตเหน็ ได้ ผลการทดสอบดว้ ย
ขณะใหก้ ระแสไฟ ธูปทมี่ ถี า่ นแดง
สารในหลอดแก้ว ผลการทดสอบด้วย
เกิดฟองแกส๊ ผุดข้ึน ธูปทม่ี เี ปลวไฟ ธูปจะวาบ
ทีม่ ขี ้ัวบวก (O) ที่ดา้ นบนของหลอด เกิดแสงไฟสวา่ ง
มเี ปลวไฟสว่าง
สารในหลอดแก้ว เกิดฟองแกส๊ ผดุ ขึน้ จากเดมิ เลก็ นอ้ ย ไมเ่ กดิ
ทด่ี ้านบนของหลอด การเปลย่ี นแปลง
ท่ีมขี ้วั ลบ (H) สารที่อยูใ่ นหลอด
จะตดิ ไฟ เกิดเปลวไฟ
ไฟตดิ ตดิ ไฟ
แกส๊ ออกซิเจน ความรอ้ น แกส๊ ไฮโดรเจน ความร้อน
3 2
เชอ้ื เพลิง 1 ไฟ
H ธาตไุ ฮโดรเจน : H อนภุ าคมูลฐาน p+ = โปรตอน
C คารบ์ อน : C e- = อเิ ลก็ ตรอน
O ธาตอุ อกซเิ จน : O p+ , e- , n
n = นิวตรอน
อะตอม
อนภุ าคมูลฐานรวมตัวกันดว้ ยอตั ราส่วนตา่ ง ๆ
ตัวอยา่ งธาตุ
ธาตุ สารประกอบ
ประกอบดว้ ยอะตอมชนดิ เดยี ว อะตอมต่างชนดิ กนั มารวมตวั กัน
สารบรสิ ุทธ์
CO O CO O นา้ : H2O ตวั อยา่ ง
คาร์บอนมอนอกไซด์ : CO คาร์บอนไดออกไซด์ : CO2 HH สารประกอบ
เกร็ดความรู้
?โมเลกุล กับ สารประกอบ ธาตุ กบั สารประกอบ ต่างกันอยา่ งไร
โมเลกลุ ธาตุ 1. ประกอบด้วยอะตอมชนดิ เดียว
เกิดจากอะตอมของธาตุมารวมกัน 2. แยกออกโดยวิธเี คมไี ม่ได้
จะเปน็ ชนิดเดียวกนั หรือต่างชนดิ กไ็ ด้
3. เขียนแทนด้วยสญั ลักษณ์
สารประกอบ : เกิดจากอะตอมของธาตุ
สารประกอบ
“ตา่ งชนดิ กนั ” มารวมกนั
1. แยกออกโดยวธิ เี คมแี ละไฟฟา้ ได้
ดงั นัน้ สารประกอบทงั้ หมด เป็น “ โมเลกุล.”
2. เขียนแทนด้วยสตู รเคมี
สญั ลกั ษณข์ องธาตุ
และ
สตู รเคมี
สญั ลกั ษณ์ของธาตุ (Chemical symbol)
ตัวอักษรภาษองั กฤษท่ใี ช้เขยี นแทนชื่ออะตอมของธาตุนน้ั โดยตวั แรกจะเปน็ ตวั พิมพใ์ หญ่
กรณีตัวแรกของชื่อธาตุซ้ากันให้ใช้ตวั อักษรตวั อ่นื ท่ีเป็นพมิ พ์เลก็ ตามหลงั
EX. Mg K N S Ar Ag Al Cs Ca Cu
สตู รเคมี (Chemical formula)
กลุ่มสญั ลกั ษณ์ทเ่ี ขยี นแทนชอื่ ธาตแุ ละสารประกอบ ประกอบด้วยสัญลักษณ์ของธาตุ
และตวั เลขอตั ราสว่ นจ้านวนอะตอมของธาตทุ ่เี ปน็ ของประกอบสารนั้น
EX. O2 O3 S8 HCl CH3COOH C5H8NO6Na H2O2 CH4
ธาตุ หรอื สารประกอบ
ธาตุ ขอ้ มลู ธาตุ หรอื สาร ธาตุท่ีเปน็ องคป์ ระกอบ อัตราสว่ น
และสารประกอบ โมเลกลุ ของธาตุ ประกอบ จ้านวนอะตอมของธาตุ
น้า (H2O) ทเี่ ป็นองคป์ ระกอบ
แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2)
แก๊สไนโตรเจน (N2) ✓ ไฮโดรเจน, ออกซเิ จน 2:1
แกส๊ ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) 1:2
โซเดียม (Na) ✓ คารบ์ อนไดออกไซด์, ออกซิเจน 2
✓ ไนโตรเจน
โซเดยี มคลอไรด์ (NaCl)
✓ ไนโตรเจน, ออกซเิ จน 1:2
กลโู คส (C6H12O6)
แอมโมเนียมฟอสเฟต (NH4)3PO4 ✓ โซเดียม 1
✓ โซเดยี ม, คลอรนี 1:1
✓ คาร์บอน, ไฮโดรเจน, ออกซเิ จน 6 : 12 : 6
✓ ไนโตรเจน, ไฮโดรเจน ฟอสฟอรสั , ออกซเิ จน 3 : 12 : 1 : 4
ดิโมครติ สุ ลซู พิ ปุส คนแรก (Atom)
(Democritus) (Leucippus) ที่คน้ พบอะตอม
อะตอม (Atom) ในภาษากรีกโบราณอา่ นวา่ atomos แปลว่า แบ่งแยกไมไ่ ด้
ดงั นน้ั อะตอมหมายถึง อนุภาคท่ีเลก็ ท่สี ดุ ของธาตุทีส่ ามารถจะคงอยู่ได้ ไม่สามารถแบง่ แยกได้อีกแล้ว
นักวิทยาศาสตร์พยายามศึกษาอนุภาคของอะตอมที่มีขนาดเล็ก
มากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นน้ี โดยการทดลองและวิเคราะห์
ข้อมูลเก่ียวกับโครงสร้างอะตอม และใช้ “แบบจ้าลองอะตอม”
เพื่อใชอ้ ธบิ ายองคป์ ระกอบภายในอะตอม
โครงสรา้ งอะตอม
- นวิ เคลยี ส ประจุไฟฟ้าของธาตุมี 3 แบบ
-
- + - - + + - จา้ นวน e- เท่ากบั จา้ นวน p+
+ ++ - + - จงึ หกั ล้างกนั หมดพอดี
- e-เคลื่อนที่ เปน็ กลางทางไฟฟ้า e- หายไป 1 ตวั ท้าใหจ้ า้ นวน e-
- น้อยกวา่ จา้ นวน p+ ธาตจุ งึ เด่นประจุ 1+
รอบนวิ เคลียส - + -
e- เพิ่มมา 2 ตวั ทา้ ให้จ้านวน e-
+- + มากกวา่ จา้ นวน p+ ธาตุจงึ เด่นประจุ 2-
โครงสรา้ งอะตอม : ประกอบดว้ ยอนภุ าคมูลฐาน ดงั นี้ ประจไุ ฟฟ้าเป็นบวก
-- -
+ อนุภาคโปรตอน(p) มปี ระจุ + - + +- -
อนุภาคนิวตรอน(n) เปน็ กลางทางไฟฟา้ +
- อนภุ าคอเิ ลก็ ตรอน(e) มปี ระจุ - ประจไุ ฟฟา้ เป็นลบ
สญั ลกั ษณน์ วิ เคลยี ร์
A เลขมวล (Mass Number) ตวั อย่าง : การหาอนภุ าคมูลฐานของธาตุ
คือ จานวนโปรตอนและนวิ ตรอน
xz 2131Na p+ = z = 11
( p+ + n )
n = A – Z = 23 – 11 = 12
สญั ลกั ษณ์ของธาตุ
e- = p+ เมอื่ ธาตเุ ป็นกลาง = 11
เลขอะตอม (Atomic Number)
คอื จานวนโปรตอน p+ 2131Na+ p+ = z = 11
n = A – Z = 23 – 11 = 12
e- ≠ p+ เนอื่ งจากเสยี e- ไป 1 อิเล็กตรอน
ดังนั้น e- = 11 – 1 = 10
ตัวอย่าง : สัญลักษณ์นิวเคลยี ร์ของธาตุ p+ = z = 16
2131Na 24 Mg 12 C 40 Ca 32 S 2- n = A – Z = 32 – 16 = 16
12 6 20 16 e- ≠ p+ เน่อื งจากรบั e- เพิม่ มา 2 อเิ ลก็ ตรอน
ดังนั้น e- = 16 + 2 = 18
ธาตุ สารประกอบ
โลหะ กง่ึ โลหะ อโลหะ
การจาแนกธาตแุ ละสมบตั ขิ องธาตุ
สมบัติ สถานะ การนาไฟฟา้ การนาความรอ้ น จุดเดอื ด คณุ สมบัตเิ ฉพาะ
จุดหลอมเหลว
ชนิดของธาตุ เปน็ ของแข็งในสภาวะ นาไฟฟา้ ได้ดี นาความร้อนได้ดี - มีความมันวาว
ปกติ ยกเวน้ ปรอท สงู มาก ยกเวน้ - ยืดเป็นเส้น หรือ
โลหะ ปรอท จดุ เดือดจุด
ซึ่งเป็นของเหลว ตีเป็นแผน่ บางได้
หลอมเหลวต่า
ก่งึ โลหะ ของแข็ง นาไฟฟา้ ได้บางชนิด นาความรอ้ นได้ บางชนดิ ต่า เปราะ
บางชนิดสงู
เช่น โบรอน บางชนิด
อโลหะ มที ั้ง 3 สถานะ ไม่นาไฟฟ้า ไม่นาความรอ้ น ตา่ ยกเว้น คารบ์ อน - เปราะ
ของแข็ง ของเหลว ยกเว้น แกรไฟต์
หรอื นาความรอ้ น ท่เี ป็นโครงผลกึ - ไมม่ ันวาว
และแกส๊
ได้นอ้ ย ร่างตาขา่ ย
ตวั อยา่ งธาตุ
โลหะ ปรอท (Hg) ทองคา (Au)
แมกนีเซียม (Mg) อลมู เิ นียม (Al) ทองแดง (Cu)
กึง่ โลหะ
ซิลิคอน (Si) พลวง (Sb) โบรอน (B)
อโลหะ
กามะถัน (S) คาร์บอน (C) โบรมนี ในสถานะแกส๊ (Br2)
ธาตุกมั มันตรงสี (Radioaction elemant)
ธาตุท่มี เี ลขอะตอมสูงกว่า 83 จะสามารถปล่อยรงั สอี อกมาได้ เรยี ก
ธาตเุ หลา่ นวี้ ่า “ธาตุกมั มนั ตรงั ส”ี และเรียกรังสีทแี่ ผอ่ อกมาจาก
ธาตวุ ่า “กัมมนั ตภาพรงั สี”
รังสีแอลฟา (α )
มีประจไุ ฟฟา้ เปน็ บวก มอี า้ นาจทะลทุ ะลวงตา่้ เคล่ือนท่ีผา่ นอากาศได้ แต่ไม่สามารถ
ทะลุผ่านแผน่ กระดาษบาง ๆ ได้
รงั สีบีตา (β) กัมมนั ตภาพรงั สี
มี 3 ประเภท
มีประจไุ ฟฟา้ เปน็ ลบ มอี า้ นาจทะลทุ ะลวงสงู แตไ่ ม่สามารถทะลผุ า่ นแผ่นอะลูมิเนยี ม
หนา 2 มิลลิเมตรได้
รงั สีแกมมา (γ)
อนุภาคแกมมาไมม่ ปี ระจุและมวล มีอา้ นาจทะลุทะลวงสงู กวา่ รังสีบตี ามาก แตไ่ ม่
สามารถทะลุผ่านแผน่ ตะกั่วหนา 10 เซนติเมตรได้
ธาตกุ มั มันตรงั สี
ตรวจสอบความเข้าใจ
ข้อใดเรยี งล้าดับอ้านาจทะลทุ ะลวงของรงั สจี ากสงู ไปต่้าถูกต้อง
1. แอลฟา บตี า แกมมา
2. บตี า แอลฟา แกมมา
3. แกมมา บีตา แอลฟา
4. แอลฟา แกมมา บตี า
ประโยชน์ธาตุกัมมนั ตรังสี
ตัวอย่างธาตุกัมมันตรงั สแี ละการใช้ประโยชน์
C-14 คาร์บอน-14 ใช้ในการคานวณหาอายุ
ของโบราณวัตถุหรอื อายุของฟอสซิล
ดา้ นธรณีวิทยา ดา้ นอตุ สาหกรรม I-131 ไอโอดีน-131 ใชใ้ นการตดิ ตาม
ด้านการแพทย์ ด้านการเกษตร เพอื่ ศกึ ษาและรักษาโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ
U-238 ยูเรเนยี ม-238 ใช้ความรอ้ นจากปฏิกริ ิยา
นิวเคลยี รเ์ พ่ือใชใ้ นการผลิตกระแสไฟฟ้า
Co-60 โคบอลต์-60 ใชย้ ับย้ังการเจริญเติบโตเช้อื จลุ นิ ทรยี ์
Ra-226 เรเดยี ม-226 ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง
อันตรายธาตกุ ัมมนั ตรงั สี
1. อาหารฉายรังสี
เป็นกระบวนการถนอมอาหารชนดิ หนึง่ เพ่อื เก็บรักษาอาหารได้นานขึ้น
2. ระวังรงั สี
ปา้ ยเตือนอันตรายจากรงั สี จะอยูห่ น้าห้องเอกซเรยโ์ รงพยาบาล
ซ่งึ เปน็ บริเวณที่มรี งั สี ควรหลกี เลีย่ ง
3. อนั ตรายให้อยหู่ ่าง ๆ
สัญลกั ษณ์เตือนภยั จากรงั สีให้อย่หู ่างจากแหลง่ กาเนดิ รงั สี เพื่อช่วยลดการบาดเจบ็ และเสยี ชวี ติ
โดยไม่จาเปน็ ที่เกิดจากการไดร้ ับรังสจี ากตน้ กาเนดิ รังสีขนาดใหญ่โดยอบุ ัตเิ หตุ
Thank you for attantion
Goodluck for exam