ระเบียบในการปฏิบัติงานของพยาบาลตรวจการ 1. ผู้ตรวจการเวรเช้าปฏิบัติงานตั้งแต่เวลา08.00 - 16.00 น.เวรบ่าย 16.00– 24.00 น. เวรดึก 24.00 – 08.00 น. 2. วันธรรมดา รับ – ส่ง เวร ณ สำนักงานกลุ่มการพยาบาล วันหยุดและนอกเวลาราชการ รับ – ส่งเวรที่ศูนย์refer พยาบาลวิชาชีพ หน้าที่รับผิดชอบหลักของพยาบาลวิชาชีพ จำแนกออกเป็นหน้าที่รับผิดชอบหลักพยาบาล วิชาชีพระดับปฏิบัติและระดับบริหาร โดยมีรายละเอียด ดังนี้ คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง 1. จบพยาบาลวิชาชีพจากสถาบันที่ได้รับการรับรองหลักสูตรจากสภาการพยาบาล 2. ได้รับใบประกอบวิชาชีพ สาขาการพยาบาล / การพยาบาลและการผดุงครรภ์จากสภาการ พยาบาลที่ไม่หมดอายุ หน้าที่ความรับผิดชอบหลักของพยาบาลวิชาชีพระดับปฏิบัติการ พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ ลักษณะงานที่ปฏิบัติ : ปฏิบัติการพยาบาลแบบองค์รวม โดยมีการประยุกต์ใช้ความรู้ และ ทฤษฎีทางการพยาบาลในการให้การพยาบาลโดยตรง / โดยอ้อมแก่ ผู้ใช้บริการ ครอบครัว และชุมชน โดยใช้กระบวนการพยาบาล เพื่อให้บุคคลดังกล่าวได้รับการดูแลที่ถูกต้องเหมาะสมและปลอดภัย หน้าที่รับผิดชอบหลัก 1. ด้านปฏิบัติการพยาบาล 1. ปฏิบัติการพยาบาลตามแนวทางที่กำหนดและมาตรฐานวิชาชีพ มาตรฐานจริยธรรม เพื่อให้ เกิดความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่พึงประสงค์กับผู้ใช้บริการ 2. ปฏิบัติการพยาบาลโดยคำนึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคลของผู้รับบริการ เพื่อให้บริการ พยาบาลที่ ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของผู้รับบริการ ครอบคลุมด้านร่างกาย จิตสังคมและจิตวิญญาณ 3.วิเคราะห์ปัญหา และความต้องการด้านสุขภาพของผู้ป่วย เพื่อวางแผนให้การพยาบาลได้ อย่าง เหมาะสม 4. ประเมินอาการ จำแนกความรุนแรง วินิจฉัยปัญหา ความผิดปกติและภาวะเสี่ยงของ ผู้รับบริการที่อยู่ ในความดูแลรับผิดชอบ เพื่อวางแผนการดูแลได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และทันเวลา 5.ติดตามสังเกตอาการ ประเมินและเฝ้าระวังผู้ป่วย เพื่อตัดสินใจช่วยเหลือผู้ป่วยในกรณีฉุกเฉิน และรีบด่วนได้อย่างปลอดภัย 6. ประเมินผลการปฏิบัติการพยาบาล เพื่อดูการตอบสนองต่อการดูแลและใช้เป็นข้อมูลในการ ปรับแผนการดูแลต่อเนื่อง 7.ดูแลและให้การพยาบาลแก่ผู้ป่วยหรือจัดเตรียมผู้ป่วยตามเงื่อนไขที่จำเป็นและเหมาะสม เพื่อเตรียมผู้ป่วยให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะรับการรักษา 8. ให้การดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ตลอดจนควบคุมอนามัยและสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วย เพื่ออำนวย ความปลอดภัยและความสุขสบายแก่ผู้ป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ 9. ปฏิบัติการในการป้องกันโรค ส่งเสริมสุขภาพ และฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ เพื่อให้ ผู้รับบริการ มีสุขภาพแข็งแรง สามารถดูแลสุขภาพตนเอง และครอบครัวได้ตามศักยภาพ
10.บันทึกข้อมูลผลการปฏิบัติการพยาบาล อาการและความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ตลอดจน ประเมินสภาพผู้ป่วยประกอบกับผลตรวจวินิจฉัย เพื่อเป็นข้อมูลในการรักษาพยาบาลของทีม สุขภาพสำหรับกำหนดวิธีการรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง และเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา ขยายผลหรือปรับปรุงการรักษาพยาบาลผู้ป่วย 2. ด้านวางแผน 1. วางแผนการจำหน่ายผู้ป่วย และประสานงานส่งต่อการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแล รักษาอย่าง ต่อเนื่อง 2. จัดเตรียมสถานที่ เครื่องมือ อุปกรณ์ และเวชภัณฑ์ เพื่อให้พร้อมใช้ในการให้บริการ รักษาพยาบาลตลอดเวลา 3. มีส่วนร่วมในการวางแผนป้องกันโรค ส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพประชาชน รวมถึงการพัฒนา ระบบบริการสุขภาพของหน่วยงาน เพื่อกำหนดบริการพยาบาลตามความเหมาะสม 4. มีส่วนร่วมในการวางแผนพัฒนาคุณภาพการพยาบาลตามขอบเขต เป้าหมาย และตัวชี้วัด เพื่อให้ ผู้ใช้บริการได้รับบริการพยาบาลที่มีคุณภาพ 3. ด้านการบริการวิชาการ 1. สอนและให้คำแนะนำด้านสุขภาพแก่บุคคล ผู้ป่วย ครอบครัว และชุมชน เพื่อให้ทราบวิธี ปฏิบัติตน ให้ปลอดภัยจากโรค 2. ให้คำปรึกษาและแนะนำด้านสุขภาพแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้หน่วยงานดังกล่าวได้ ข้อมูลเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน 4. ด้านการประสานงาน 1. ร่วมทีมแพทย์ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยตามขอบเขต พรบ.วิชาชีพการพยาบาลและผดุง ครรภ์เพื่อให้กระบวนการรักษาพยาบาลมีประสิทธิภาพ 2. ประสานงานกับบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล เพื่อให้ผลลัพธ์ของ การรักษาพยาบาลเกิดประสิทธิภาพสูงสุดแก่ผู้รับบริการ 3. สามารถใช้แหล่งประโยชน์ และประสานความร่วมมือจากทีมสุขภาพ บุคคลและองค์กรที่ เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนการดูแลผู้รับบริการในความรับผิดชอบทั้งในโรงพยาบาล แลใน ชุมชน พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ลักษณะงานที่ปฏิบัติ : ปฏิบัติการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยเฉพาะโรค หรือผู้ป่วยภาวะวิกฤต หรือผู้ป่วยที่มีปัญหาซับซ้อน ด้วยการบูรณาการความรู้ และทฤษฎีทางการพยาบาลในการปฏิบัติงาน ศึกษา วิเคราะห์ และปรับปรุงมาตรฐานการพยาบาล ตลอดจนการพัฒนาและส่งเสริมกิจกรรมการ พยาบาลของหน่วยงาน อันจะนำไปสู่การจัดบริการรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและ สอดคล้องกับเป้าหมายของหน่วยงาน หน้าที่รับผิดชอบหลัก 1. ด้านปฏิบัติการพยาบาล 1. บูรณาการความรู้และทฤษฎีทางการพยาบาลมาใช้ในการพยาบาลผู้ป่วยเฉพาะโรค ผู้ป่วย ภาวะวิกฤต หรือผู้ป่วยที่มีปัญหาซับซ้อน เพื่อให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นและได้รับการดูแลที่ ถูกต้อง เหมาะสม ตามแผนการรักษาของแพทย์
2. ให้การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับอุบัติเหตุอาการสาหัส หรือในกรณีที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ ช่วยผู้ป่วยกรณีระบบหายใจและหัวใจล้มเหลว เพื่อประคองอาการของผู้ป่วยและช่วยชีวิต ผู้ป่วยก่อนได้รับการรักษาจากแพทย์ 3. สังเกตและประเมินอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยภาวะวิกฤตได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว เพื่อให้การพยาบาลและแก้ไขภาวะวิกฤตที่จะคุกคามชีวิตผู้ป่วย 4. ใช้ข้อมูลที่เป็นผลจากการดูแลผู้ป่วยมาประกอบการตัดสินใจแก้ปัญหาร่วมกับทีมการ พยาบาลและ ทีมสุขภาพอื่น ๆ เพื่อหาทางเลือกที่ปฏิบัติได้ดีที่สุด โดยอาศัยองค์ความรู้ ทักษะและประสบการณ์ทางด้านการพยาบาล 5. ศึกษา และวิเคราะห์ปัญหาด้านการรักษาพยาบาลในประเด็นต่าง ๆ เพื่อพิจารณาหาแนว ทางแก้ไข ที่เหมาะสม 6. ศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำมาตรฐานบริการพยาบาล แนวทางในการปฏิบัติงาน เพื่อ ให้บริการพยาบาลมีมาตรฐานที่สูงขึ้น นำไปสู่การให้การรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับ เป้าหมายของหน่วยงาน 7. ช่วยแพทย์ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยตามขอบเขต พรบ.วิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์ ในผู้ป่วยเฉพาะโรค ผู้ป่วยภาวะวิกฤต หรือผู้ป่วยที่มีปัญหาซับซ้อน เพื่อให้การ รักษาพยาบาลเป็นไปด้วย ความคล่องตัวและรวดเร็ว ทันท่วงที 8. ควบคุมดูแลสิ่งแวดล้อมในหอผู้ป่วยหรือหน่วยงานให้มีความสะอาด ถูกสุขลักษณะ เพื่อให้ ผู้ป่วยหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมีสภาพร่างกายและจิตใจที่ดี ปลอดภัยจากการแพร่กระจาย ของเชื้อโรค 9. มอบหมายงานให้กับบุคลากรระดับรองลงมาตามความรู้ ความสามารถ เพื่อประโยชน์ใน การดูแล ผู้รับบริการอย่างต่อเนื่อง 10.ให้ความร่วมมือ/มีส่วนร่วมในการทำวิจัยทางการพยาบาล เพื่อประโยชน์ต่อวิชาชีพ และ ใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงคุณภาพการพยาบาลของหน่วยงาน 11.บูรณาการความรู้ด้านต่าง ๆ โดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ และผลงานวิจัย เพื่อให้เกิดการ บริการพยาบาลที่มีคุณภาพ และประโยชน์สูงสุดกับผู้ใช้บริการ 2. ด้านวางแผน 1. วางแผนการบริการพยาบาล การฟื้นฟูผู้ป่วย ตลอดจนการพัฒนาและส่งเสริมกิจกรรมการ พยาบาลของหน่วยงาน เพื่อให้มีแนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินงาน สอดคล้องกับ เป้าหมายและนโยบายของหน่วยงาน 2. วางแผนดำเนินการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและป้องกันโรคเชิงรุก เพื่อให้ผู้รับบริการ ครอบครัว ประชาชนและชุมชน ได้รับการดูแลและปกป้องสุขภาพ 3. วางแผนพัฒนาคุณภาพการพยาบาลของหน่วยงานตามขอบเขต เป้าหมาย ตัวชี้วัด และ ข้อมูลความเสี่ยงในหน่วยงาน เพื่อหาแนวทางปฏิบัติที่ก่อให้เกิดบริการที่มีคุณภาพ จัดบริการรักษาพยาบาล เพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของผู้ใช้บริการและ ชุมชน 3. ด้านการบริการวิชาการ 1. ให้คำปรึกษาแนะนำหรือเพิ่มพูนความรู้แก่บุคลากรระดับรองลงมา ตลอดจนประเมินผล การปฏิบัติงาน เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและลุล่วงไปด้วยดีตาม เป้าหมายของหน่วยงาน 2. จัดโปรแกรมการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาความรู้บุคลากรในหน่วยงาน
3. คิดค้น ปรับปรุงการสอนหรือแนะนำผู้ป่วย หรือประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตนในการ รักษาสุขภาพ เพื่อให้การสอนหรือแนะนำดังกล่าวได้ผลดี มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์ สูงสุดต่อบุคคลดังกล่าว 4. ด้านการประสานงาน 1. ประสานงานกับบุคคลหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การปฏิบัติงาน/การดำเนินงาน หน่วยงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพสูงสุด 2. สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงในองค์กร เพื่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพบริการรักษาพยาบาล 3. ส่งเสริม สนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้รับบริการ และชุมชน ในการบริการรักษาพยาบาล เพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของผู้รับบริการ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ ลักษณะงานที่ปฏิบัติ : ปฏิบัติการพยาบาลที่ต้องใช้ความชำนาญเป็นพิเศษในการดูแลผู้ป่วย ภาวะวิกฤต และ/หรือที่มีปัญหายุ่งยากซับซ้อน พัฒนารูปแบบ/ระบบบริการพยาบาลสำหรับผู้ใช้บริการ เฉพาะกลุ่ม/เฉพาะโรค ศึกษา คิดค้นหาความรู้หรือวิธีการใหม่ๆ โดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์และ กระบวนการวิจัยเพื่อจัดระบบบริการตามความต้องการที่หลากหลายของผู้รับบริการ หน้าที่รับผิดชอบหลัก 1. ด้านปฏิบัติการพยาบาล 1. ปฏิบัติงานที่ต้องใช้ความชำนาญด้านการพยาบาลเป็นพิเศษในการดูแลผู้ป่วยภาวะวิกฤต และ/หรือการเจ็บป่วยที่มีปัญหายุ่งยากซับซ้อน เพื่อให้การรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง เหมาะสม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ป่วย 2. จัดระบบบริการพยาบาลสำหรับผู้รับบริการ ประชาชนเฉพาะกลุ่ม/เฉพาะโรค ตามผลการ วิเคราะห์แนวโน้มความต้องการของผู้รับบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพ และเพิ่มระดับความพึงพอใจของประชาชนและผู้รับบริการ 3. ศึกษา วิจัย คิดค้น หาความรู้หรือวิธีการใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดบริการพยาบาล เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับสภาพการปฏิบัติงานและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด อีก ทั้งยกมาตรฐานการรักษาพยาบาลของหน่วยงานให้สูงขึ้น 4. พัฒนารูปแบบการทำงานระหว่างวิชาชีพ ผู้ใช้บริการ ครอบครัว และชุมชน/ท้องถิ่น เพื่อ นำไปสู่การจัดบริการพยาบาลที่สามารถบรรลุผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่พึงประสงค์ 5. ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์และ/หรือกระบวนการวิจัย (Evidence based and/or Research based) เพื่อพัฒนาแนวทางปฏิบัติการพยาบาล ที่ป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพ ผู้รับบริการ และประชาชนแบบองค์รวม 6. พัฒนาระบบประเมินผลการปฏิบัติการพยาบาลในสาขาที่มีความชำนาญเป็นพิเศษ เพื่อให้ ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาลในหน่วยงาน 2. ด้านการวางแผน 1. วางแผนการศึกษา/ฝึกอบรมในคลินิกแก่พยาบาลหลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทางเพื่อ พัฒนาให้เป็นบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางการพยาบาล 2. วางแผนการศึกษา/ฝึกอบรมในคลินิก/ แก่นักศึกษาหลักสูตรการพยาบาลและผดุงครรภ์ ตามภารกิจหน่วยงาน เพื่อให้การเรียนการสอนดังกล่าวมีความสมบูรณ์ ถูกต้อง และได้ บุคลากรพยาบาลที่มี คุณภาพเหมาะสมกับการปฏิบัติงานพยาบาล
3. วางแผนการนิเทศและพัฒนางานวิชาการพยาบาล แก่บุคลากรพยาบาล และบุคลากร สาธารณสุข อื่นทั้งในและนอกหน่วยงาน เพื่อให้บุคลากรปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับภารกิจของหน่วยงาน 3. ด้านการบริการวิชาการ 1. ให้ความรู้และเป็นวิทยากรด้านการพยาบาล ในการฝึกอบรมแก่บุคลากรสุขภาพหรือ หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถให้บุคคลหรือหน่วยงานดังกล่าว สามารถปฏิบัติงาน/ให้การดูแล สุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 2. เป็นผู้นำ/ที่ปรึกษาในการแก้ปัญหาผู้รับบริการ ที่มีความยุ่งยากซับซ้อน เพื่อให้การจัดการ บริการ สุขภาพมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ 3. ให้คำแนะนำทางการพยาบาลแก่บุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเด็นที่ต้องใช้ความ ชำนาญเป็นพิเศษ เพื่อให้บุคคลหรือหน่วยงานดังกล่าว มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอ เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นปัญหาและสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตาม แนวทางที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อการรักษาพยาบาล 4. ด้านประสานงาน 1. เป็นตัวแทนสาขาที่ชำนาญการเป็นพิเศษ เพื่อเสนอแนะและกำหนดแนวทางปฏิบัติงาน ด้านการพยาบาลที่เหมาะสมสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของหน่วยงานและนโยบายรัฐ 2. สร้างความเป็นมิตรระหว่างผู้รับบริการ ครอบครัว และชุมชน เพื่อนำไปสู่การจัดบริการ พยาบาลให้สามารถบรรลุผลลัพธ์ด้านที่พึงประสงค์ 3. มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบการสื่อสาร เพื่อการส่งต่อข้อมูลทางสุขภาพระหว่างบุคลากร วิชาชีพและหน่วยงานทั้งในโรงพยาบาลและชุมชนที่มีประสิทธิภาพ 4. อื่นจัดให้มีการแลกเปลี่ยน ความรู้ ทักษะและประสบการณ์ด้านการพยาบาลและศาสตร์ สาขาที่ เกี่ยวข้องระหว่างหน่วยงาน เพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติงาน ของบุคลากร พยาบาลเทคนิค หน้าที่ความรับผิดชอบ 1. ด้านปฏิบัติการพยาบาล 1. ให้การพยาบาลแก่ผู้รับบริการและสมาชิกในครอบครัวที่มีปัญหาด้านร่างกาย จิตใจ และ สังคมที่ไม่ ยุ่งยากซับซ้อน โดยเน้นที่การตอบสนองความต้องการในกิจวัตรประจำวัน ตลอดทั้งดูแลให้ผู้ป่วยได้รับอาหารและน้ำเพียงพอ รวมทั้งความสุขสบายและความ ปลอดภัยของผู้ป่วยตามแผนการพยาบาลที่กำหนด 2. ประสานความร่วมมือกับทีมสุขภาพที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กระบวนการดูแลผู้ป่วยและ ครอบครัวดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ จัดเตรียมผู้ป่วยรับการตรวจทั่วไปและการตรวจ พิเศษต่าง ๆ และการให้การพยาบาลเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยในสถานการณ์ ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม 3. เฝ้าสังเกตอาการและการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยที่รับผิดชอบ รายงานการเปลี่ยนแปลงต่อ หัวหน้าทีมหรือพยาบาลวิชาชีพที่มีประสบการณ์ได้ถูกต้อง เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยได้ ทันท่วงทีก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะวิกฤติ หรือปัญหาซับซ้อนตามมา รวมทั้งเขียนบันทึกต่างๆ ลงในแบบฟอร์มที่จัดไว้ให้
4. ประเมินปัญหาและให้การพยาบาลผู้ป่วยและครอบครัว ในกรณีลักษณะปัญหาที่ยุ่งยาก ซับซ้อนตามแผนการพยาบาลและการมอบหมายของพยาบาลที่มีใบประกอบวิชาชีพ ชั้น 1 เช่น การเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด การจัดเตรียมและส่งเครื่องมือในการทำ Excision เป็นต้น 5. มีส่วนร่วมในการประชุมปรึกษาหารือกับบุคลากรภายในหอผู้ป่วย หรือหน่วยงานหรือใน ทีม เพื่อประเมินปัญหาและร่วมหาแนวทางแก้ไข เพื่อพัฒนาคุณภาพของการดูแลอย่าง ต่อเนื่อง 6. เตรียมเครื่องมือในการตรวจรักษาพยาบาลให้พร้อมที่จะใช้ได้ทันที และทำความสะอาดให้ ปราศจากเชื้อหลังใช้ 7. จัดเก็บ ดูแลรักษาเครื่องมือ อุปกรณ์และเครื่องใช้ที่จำเป็นในการรักษาพยาบาลภายในหอ ผู้ป่วย/ หน่วยงาน ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะใช้งานได้ตลอดเวลา 8. เตรียมผู้ป่วยเพื่อการตรวจรักษาต่าง ๆ ตามขั้นตอนที่กำหนด 9. ดูแลความสะอาดเรียบร้อยของหน่วยงาน และสิ่งแวดล้อมให้เกิดความปลอดภัยแก่ ผู้รับบริการ และบุคลากรในทีมสุขภาพ 10.ปฏิบัติและป้องกันและการควบคุมการแพร่กระจ่ายเชื้อโรคตามหลักการและวิธีที่การ กำหนด 11.สอนและให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยและครอบครัว เกี่ยวกับการดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคลและ คำแนะนำเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยกลับไปใช้ชีวิตปกติกับครอบครัวได้เร็วที่สุด ในกรณีที่ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน หรือปฏิบัติตามกิจกรรมที่หัวหน้าทีมมอบหมาย 12.ประสานงานและติดต่อกับเจ้าหน้าที่ในทีมสุขภาพที่เกี่ยวข้อง รวมถึงครอบครัวของผู้ป่วย ตามการมอบหมายของพยาบาลวิชาชีพ 2. ด้านการบริหาร 1. มีส่วนร่วมในการสร้างทีมการพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ ในการดูแลผู้ป่วยและครอบครัว 2. มีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ปัญหา และแก้ไขอุปสรรคที่เกิดจากระบบงาน บุคคลและสิ่งแวดล้อม 3. มีส่วนร่วมในโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอนามัยในหน่วยงานที่ปฏิบัติ 4. มีส่วนร่วมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาการให้บริการพยาบาลหอผู้ป่วย หรือ หน่วยงานอย่างต่อเนื่อง 5. ให้ความร่วมมือในการศึกษาและดูงานของนักศึกษาหลักสูตรต่าง ๆ รวมทั้งบุคคลหรือกลุ่ม บุคคลที่มาศึกษาดูงานในหน่วยงานตามที่ได้รับมอบหมาย 6.ร่วมประชุมปรึกษาหารือกับผู้บริหารทางการพยาบาล เพื่อประเมินคุณภาพของการ ให้บริการพยาบาลในหอผู้ป่วยหรือหน่วยงาน 7. มีส่วนร่วมในกิจกรรมของหน่วยงาน กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลและหรือองค์กรวิชาชีพ 3. ด้านวิชาการ 1.สอนหรือเป็นพี่เลี้ยงให้แก่พยาบาลเทคนิค และ / หรือเจ้าหน้าที่ระดับรอง 2. มีส่วนร่วมในการจัดทำคู่มือการสอน การให้ความรู้แก่ผู้ป่วย และครอบครัวในหน่วยงาน 3. ให้ความร่วมมือ หรือมีส่วนร่วมในการทำวิจัยทางการพยาบาล และนำผลการวิจัยมาใช้ใน การปรับปรุงคุณภาพการพยาบาลในหน่วยงานที่ปฏิบัติ
ผู้ช่วยพยาบาล หน้าที่ความรับผิดชอบ 1.รับนโยบายจากหัวหน้าหน่วยงาน 2.ตรวจนับอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ประจำวันภายในหน่วยงานให้ครบถ้วน และมี เพียงพอ พร้อมที่จะใช้ได้เสมอ 3.ดูแลความสะอาด เรียบร้อยของเตียง โต๊ะข้างเตียงและสิ่งแวดล้อมในหอผู้ป่วย 4. ปฏิบัติงานการพยาบาลที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของพยาบาล วิชาชีพ มีดังนี้ 4.1 เช็ดตัวผู้ป่วย 4.9 การป้อนอาหาร 4.2 ช่วยเหลือผู้ป่วยในการขับถ่าย 4.10 วัดสัญญาณชีพ 4.3 ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง 4.11 การให้อาหารทางสายยาง 4.4 การสวนอุจจาระ 4.12 การเตรียมอุปกรณ์ให้สารน้ำ 4.5 การ Suction ทางปาก 4.13 การตรวจน้ำตาลในเลือด 4.6 การให้ยาทาผิวหนัง 4.14 การทำแผลแห้ง 4.7 ประคบร้อน – เย็น 4.15 งานอื่นตามมอบหมาย 4.8 เตรียมชุดดูดเสมหะ 4.16 ช่วยดูแลของ Sterile 5.ช่วยจัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือเกี่ยวกับการตรวจรักษาพยาบาลประจำวัน เช่น การเจาะ ปอด การสวนอุจจาระ การตรวจภายใน 6.ดูแลความเรียบร้อยบริเวณปฏิบัติงานและตู้เก็บเครื่องมือ เครื่องใช้ แบบฟอร์มต่างๆ 7. บริการผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 8. ให้ความช่วยเหลือแพทย์ ขณะตรวจผู้ป่วยในห้องตรวจ 9. จัดลำดับและเรียกผู้ป่วยให้แพทย์ตรวจ 10. ช่วยลงทะเบียนผู้ป่วยในคลินิกพิเศษต่างๆ 11. ร่วมทีมในการช่วยฟื้นคืนชีพ ผู้ช่วยเหลือคนไข้/พนักงานประจำตึก คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง 1. จบระดับ ปวช. / ปวส. หรือระดับปริญญาตรี 2. อายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี ไม่เกิน 35 ปีบริบูรณ์ 3. ความสูงไม่ต่ำกว่า 150 เซนติเมตร หน้าที่ความรับผิดชอบ 1.รับนโยบายจากหัวหน้าหน่วยงาน 2.ตรวจนับอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ประจำวันภายในหน่วยงานให้ครบถ้วน และมี เพียงพอ พร้อม ที่จะใช้ได้เสมอ 3.ดูแลความสะอาด เรียบร้อยของเตียง โต๊ะข้างเตียงและสิ่งแวดล้อมในหอผู้ป่วย 4.จัดเตรียม จัดเก็บและดูแลรักษาอุปกรณ์เครื่องใช้ เตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดร่างกายผู้ป่วย ตลอดจนเครื่องนอนและเสื้อผ้าของหน่วยงานให้มีพอเพียงและพร้อมใช้เสมอ
5. ปฏิบัติงานการพยาบาลที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดของ พยาบาลวิชาชีพ มีดังนี้ 5.1เช็ดตัวผู้ป่วย 5.2การป้อนอาหาร 5.3ช่วยเหลือผู้ป่วยในการขับถ่าย 5.4วัดสัญญาณชีพ 5.5ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง 5.6งานอื่นตามมอบหมาย 5.7ร่วมทีมการช่วยฟื้นคืนชีพ 6.ช่วยจัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือเกี่ยวกับการตรวจรักษาพยาบาลประจำวัน เช่น การเจาะ ปอด การสวนอุจจาระ การตรวจภายใน 7. ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานเอกสารของหน่วยงาน เช่น ทำชุดรับใหม่ ลงทะเบียน 8. ส่ง – รับของ Sterile 9. ล้างทำความสะอาดเครื่องใช้ 10. ดูแลความเรียบร้อยบริเวณปฏิบัติงานและตู้เก็บเครื่องมือ เครื่องใช้ แบบฟอร์มต่างๆ 11. เบิกยาและรับยาผู้ป่วย 12. ช่วยเหลือผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 13. ให้ความช่วยเหลือแพทย์ ขณะตรวจผู้ป่วยในห้องตรวจ 14. จัดลำดับและเรียกผู้ป่วยให้แพทย์ตรวจ 15. ช่วยลงทะเบียนผู้ป่วยในคลินิกพิเศษต่างๆ พนักงานทำความสะอาด คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง 1. จบระดับ ม.3 – ม.6 2. เพศหญิงอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี ไม่เกิน 35 ปีบริบูรณ์ หน้าที่ความรับผิดชอบ 1. ปฏิบัติตามนโยบายของกลุ่มการพยาบาล 2. ทำความสะอาดอาคาร สถานที่ และจัดสิ่งแวดล้อมให้เป็นระเบียบ สะดวกและปลอดภัยใน การปฏิบัติงาน 3. รับ - ส่งผ้าที่ใช้ในหน่วยงาน 4. รับวัสดุและเวชภัณฑ์ให้หน่วยงาน 5. รับแลกของจากหน่วยจ่ายกลาง 6. รับ – ส่งงานและติดตามผล LAB ต่าง ๆ ภายใต้การควบคุมของหัวหน้างาน / พยาบาล วิชาชีพ 7. ร่วมทีมในการช่วยฟื้นคืนชีพ 8. ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย พนักงานศูนย์เปล คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง 1. จบระดับ ม.3 – ม.6 2. เพศชายอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี ไม่เกิน 35 ปีบริบูรณ์
หน้าที่ความรับผิดชอบ 1.ตรวจสอบความสะอาดเรียบร้อยและความพร้อมใช้ของเปลทั้งแบบรถนั่งและแบบเปล นอนทุกเวร 2.รับโทรศัพท์ในการขอใช้เปลจากหน่วยงานต่าง ๆ 3. ให้บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยตามสภาพอาการของผู้รับบริการ และความเหมาะสมของ สถานการณ์ ทุกหน่วยบริการภายในโรงพยาบาล 4. เวรเช้ารับ – ส่ง ผ้าทุกวัน และลงบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร 5. เวรดึกทำความสะอาดห้องพัก ศูนย์เปล เปลนั่งและเปลนอนก่อนลงเวรทุกวัน โดยจัดให้มี หัวหน้าทีม 1 คน เป็นผู้รับผิดชอบ และให้เวรเช้าถัดไปเป็นผู้ตรวจสอบการทำความ สะอาด (ผู้รับผิดชอบ OK ของ) 6.แต่ละคนรับผิดชอบดูแลรักษาเปลและตรวจสอบสภาพการใช้งานเปลตามหมายเลขที่ ได้รับ มอบหมายกรณีที่ไม่ได้ปฏิบัติงาน เช่น ลาพักผ่อน ลากิจ ลาป่วย วันหยุด ต้อง มอบหมายให้บุคคลอื่นปฏิบัติงานแทนโดยต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร 7. ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย แนวทางการคัดเลือกผู้นำทีมทางการพยาบาล 1. หัวหน้าพยาบาล 1.1 กระทรวงสาธารณสุขประกาศเปิดรับสมัครหัวหน้าพยาบาลในตำแหน่งที่ว่างหรือ เกษียณอายุ 1.2 โรงพยาบาลเสนอรายชื่อผู้มีคุณสมบัติ ได้แก่พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง ตามที่สำนักงานปลัด กระทรวงสาธารณะสุขกำหนดส่งเข้าสมัครรับ คัดเลือกและสอบสัมภาษณ์ พร้อมแต่งตั้งผู้เหมาะสม 2. รองหัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ดำเนินการดังนี้ 2.1 กลุ่มการพยาบาลกำหนดคุณลักษณะเฉพาะตำแหน่ง และขออนุมัติดำเนินการ 2.2 รับสมัครจากพยาบาลชำนาญการพิเศษ 2.3 สัมภาษณ์จากผู้ที่สมัครถึงความพร้อมการปฏิบัติหน้าที่ 2.4 ขออนุมัติเพื่อแต่งตั้งให้ทดลองปฏิบัติหน้าที่ 2.5 ประเมินผลการปฏิบัติเมื่อผ่านการประเมิน ขออนุมัติเพื่อแต่งตั้ง 3. ประธานคณะกรรมการ พัฒนาคุณภาพกลุ่มการพยาบาล /ประธานคณะกรรมการพัฒนา คุณภาพงานบริการพยาบาลด้านต่าง ๆ 1.1คณะกรรมการแต่ละคณะคัดเลือกประธานคณะกรรมการเฉพาะที่ปฏิบัติ และคัดเลือก ผู้บริหารในตำแหน่ง อื่น ๆ เช่น รองประธาน เลขานุการ ผู้ช่วยเลขานุการ 1.2แต่ละคณะกรรมการ/เสนอรายชื่อให้กลุ่มการพยาบาลแต่งตั้ง 1.3 ประธานแต่ละคณะกรรมการ มีวาระคราวละ 2 ปี และเป็นซ้ำได้ 4. หัวหน้างาน/หัวหน้าหอ ดำเนินการดังนี้ 1.1กลุ่มการพยาบาลขออนุมัติผู้อำนวยการโรงพยาบาล เพื่อเปิดรับสมัครหัวหน้าหน่วยงาน กำหนดคุณสมบัติที่จำเป็น ซึ่งประยุกต์จากแนวปฏิบัติตามที่สำนักงานปลัดกระทรวง
สาธารณสุขกำหนด ตามบทบาทหน้าที่ที่หน่วยงานต้องปฏิบัติ และเสนอรายชื่อเพื่อ แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา 1.2เปิดรับสมัครพยาบาลวิชาชีพ 7 -8 ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ 1.3คณะกรรมการสรรหาที่ โรงพยาบาลแต่งตั้ง ประกอบด้วยหัวหน้าพยาบาล เป็นประธาน และประธานโซน 4 โซน ทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการ สัมภาษณ์ 1.4สรุปผลการสรรหา เสนอรายชื่อขออนุมัติจากผู้อำนวยการเพื่อแต่งตั้ง ให้หัวหน้างานใหม่ ทดลองปฏิบัติงาน ในหน่วยงานตำแหน่งใหม่อย่างน้อย 6 เดือน 1.5เมื่อผ่านเกณฑ์การประเมินตามระยะเวลาที่กำหนด กลุ่มการพยาบาลขออนุมัติเพื่อแต่งตั้ง หัวหน้าหน่วยงานจากผู้อำนวยการโรงพยาบาล ระบบพี่เลี้ยง นิยามศัพท์ พยาบาลพี่เลี้ยง หมายถึง พยาบาลประจำการที่มีประสบการณ์การปฏิบัติงานในคลินิก มีความ เต็มใจที่จะถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์วิชาชีพให้แก่พยาบาลที่มีประสบการณ์น้อยกว่า เป็นผู้ ได้รับการเตรียมความพร้อมและได้รับการมอบหมายให้มีบทบาทหน้าที่เป็นครู ผู้แนะนำ/สนับสนุน ตัว แบบและผู้ให้คำปรึกษา ซึ่งเป็นการสร้างสัมพันธภาพต่อกันในระยะยาวหรือไม่ กำหนดเวลาสิ้นสุด พยาบาลจบใหม่ หมายถึง พยาบาลที่พึ่งสำเร็จการศึกษา จะต้องเข้ารับหน้าที่ในการดูแล รับผิดชอบผู้ป่วยในบทบาทของพยาบาลอย่างเต็มที่ รูปแบบการเรียนรู้ หมายถึง ข้อตกลงร่วมกันของพยาบาลพี่เลี้ยงและพยาบาลจบใหม่ ในการ เรียนรู้และฝึกทักษะการพยาบาลซึ่งจะเป็นแผนงานที่ประกอบด้วยวัตถุประสงค์ วิธีการเรียนรู้ และการ ประเมินผลการเรียนรู้ นโยบาย เพื่อให้พยาบาลพี่เลี้ยงและพยาบาลจบใหม่มีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันส่งผลให้พยาบาลจบใหม่ สามารถพัฒนาสมรรถนะ ได้อย่างครบถ้วนและมีความยึดมั่นผูกพันต่อองค์กร วัตถุประสงค์ 1.เพื่อเป็นแนวทางสำหรับพยาบาลพี่เลี้ยงในการพัฒนาสมรรถนะพยาบาลจบใหม่ 2.เพื่อสงเสริมและพัฒนาบทบาทพี่เลี้ยง 3.เพื่อให้พยาบาลจบใหม่เกิดความพึ่งพอใจในการทำงาน คุณสมบัติของพยาบาลพี่เลี้ยง 1.เกณฑ์คุณสมบัติส่วนบุคล ประกอบด้วย 1.1 มีความเต็มใจช่วยเหลือและมีทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพ 1.2 มีทักษะการสอนและการสื่อสาร 1.3 มีความมุ่งมั่นพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง 1.4 มีความเอื้ออาทรและเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ 1.5 มีจริยธรรมทางวิชาชีพการพยาบาล 2.เกณฑ์คุณวุฒิ 2.1เป็นพยาบาลวิชาชีพที่ขึ้นทะเบียนประกอบวิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง
2.2 สำเร็จการศึกษาขั้นต่ำปริญญาตรี 3.เกณฑ์ประสบการณ์ 3.1 ปฏิบัติงานในสาขาการพยาบาลเฉพาะสาขาใดสาขาหนึ่งอย่างน้อย 5 ปี (ปฏิบัติงานในหอ ผู้ป่วยนั้นๆไม่น้อยกว่า 3 ปี ) 3.2 ปฏิบัติงานในสาขาการพยาบาลเฉพาะสาขาใดสาขาหนึ่งอย่างน้อย 2 ปี ก่อนสำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาโททางการพยาบาลเฉพาะทาง บทบาทของพยาบาลพี่เลี้ยง 1.บทบาทที่ปรึกษา (Advisor) 2.บทบาทผู้ฝึกสอน ( Coach) 3.บทบาทผู้ให้คำแนะนำ (Counselor ) 4.บทบาทผู้ชี้แนะ / ผู้ประสาน (Guide/Net worker ) 5. บทบาทผู้เป็นแบบอย่าง ( Role model ) 6. บทบาทผู้สนับสนุน ( Supervisor ) 7. บทบาทครู (Teacher ) 8. บทบาทแหล่งอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ (Resource facilitator ) ตารางการปฐมนิเทศพยาบาลวิชาชีพเข้าปฏิบัติงานใหม่ วันที่/เวลา กิจกรรม ผู้รับผิดชอบ วันที่1 08.30 - 09.00น. พบท่านผู้อำนวยการ งานบุคลากรกลุ่มการพยาบาล 09.00 - 10.00น. ปฐมนิเทศภาพรวมกลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ทีมนำกลุ่มการพยาบาล 10.00 - 12.00น. การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อใน รพ. งานควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล 12.00 - 13.00น. พักรับประทานอาหารกลางวัน 13.00 - 14.00น. การประกันคุณภาพทางการพยาบาล ประธานงานQA 14.00 - 15.00น. พฤติกรรมบริการ ประธานงานต้อนรับกลุ่มการพยาบาล 15.00 - 16.00น. แนะนำสถานที่ /หอพัก งานบุคลากรกลุ่มการพยาบาล วันที่2 08.30 - 09.00น. การบริหารความเสี่ยงโรงพยาบาลปทุมธานี ประธานงาน RM 09.00 - 09.30น. การดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ประธานงาน HRD 09.30 - 10.30น. สิทธิผู้ป่วยประกันสังคม / ระเบียบข้าราชการ เจ้าหน้าที่งานประกันสังคม/งานการเจ้าหน้าที่ 10.30 - 1200น. บทบาทพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยวาระสุดท้าย ผู้รับผิดชอบงานการดูแลผู้ป่วยวาระสุดท้าย 12.00 - 13.00น. พักรับประทานอาหารกลางวัน 13.00.- 14.00น. การดูแลรักษาอุปกรณ์ทางการแพทย์ หัวหน้าศูนย์อุปกรณ์ทางการแพทย์ 14.00 - 15.30น. การช่วยฟื้นคืนชีพ ( Basic CPR ) หัวหน้ากลุ่มงานอุบัติเหตุฉุกเฉิน 15.30-16.00น. เส้นทางสู่ APN ประธานงาน HRD หมายเหตุ: 1.กำหนดให้พยาบาลวิชาชีพจบใหม่ เข้าระบบพี่เลี่ยงดังนี้ เดือนที่ 1 ลอยเช้า 1 เดือน พยาบาลอาวุโสดูแล เดือนที่2,3 เข้าระบบพี่เลี่ยง เวรเช้า บ่าย ดึก 2.กำหนดการประเมินหลังฝึกคู่พยาบาลพี่เลี่ยง เดือนที่ 3,6
ตารางการปฐมนิเทศพยาบาลวิชาชีพเข้าปฏิบัติงานใหม่รายบุคคล กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล โรงพยาบาลปทุมธานี ชื่อ.......................................นามสกุล................. ....................ตำแหน่ง.............................. ลำดับ กิจกรรม ผู้รับผิดชอบ / ผู้แนะนำ ลงชื่อผู้ให้คำแนะนำ วันที่ หมายเหตุ 1 พบท่านผู้อำนวยการ/แนะนำ โรงพยาบาล งานบุคลากรกลุ่มการพยาบาล 2 ปฐมนิเทศภาพรวมกลุ่มภารกิจด้าน การพยาบาล ทีมนำกลุ่มการพยาบาล 3 การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ ใน รพ. งาน ค วบ คุ ม ก ารติ ด เชื้ อ ใน โรงพยาบาล 4 การป ระกั น คุ ณ ภ าพ ท างก าร พยาบาล ประธานงานQA 5 พฤติกรรมบริการ ประธานงานต้อนรับกลุ่มการ พยาบาล 6 การบริหารความเสี่ยงโรงพยาบาล ปทุมธานี ประธานงาน RM 7 การดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจความเป็น มนุษย์ ประธานงาน HRD 8 สิทธิผู้ป่วยประกันสังคม / ระเบียบ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่งานประกันสังคม/ งานการเจ้าหน้าที่ 9 บทบาทพยาบาลในการดูแลผู้ป่วย วาระสุดท้าย ผู้รับผิดชอบงานการดูแลผู้ป่วย วาระสุดท้าย 10 พักรับประทานอาหารกลางวัน 11 การดูแลรักษาอุปกรณ์ทางการ แพทย์ หั ว ห น้ าศู น ย์ อุ ป ก รณ์ ท า ง การแพทย์ 12 การช่วยฟื้นคืนชีพ ( Basic CPR ) กลุ่มงานวิสัญญี /HRD 13 เส้นทางสู่ APN ประธานงาน HRD
แบบประเมินผลการปฏิบัติงานพยาบาลวิชาชีพสำเร็จใหม่ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาลโรงพยาบาลปทุมธานี ชื่อผู้รับการประเมิน ............................................ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพ ปฎิบัติงานที่ ......................................................แผนก .............................. หัวข้อการประเมิน คะแนนที่ได้ หมายเหตุ ดีมาก (5) ดี (4 ) พอใช้( 3) น้อย (2) ปรับปรุง (1) ความสามารถในการปฏิบัติงาน ขยันและกระตือรือร้นในการปฏิบัติงาน มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความประพฤติดี ยอมรับคำติชมและแก้ไขข้อบกพร่อง เสียสละและอุทิศเวลาให้ส่วนราชการ รับผิดชอบและตรงต่อเวลาในงานที่ได้รับ มอบหมาย มีมนุษย์สัมพันธ์ทั้งในและนอกหน่วยงาน ซื่อตรงและมีน้ำใจต่อผู้ร่วมงาน แต่งกายถูกระเบียบ สะอาด รวมคะแนน ข้อเสนอแนะ................................................................................................................... .......................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... หมายเหตุ งานพัฒนาบุคลากรกลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ติดตามประเมิน 3 ครั้ง ในรอบ 3, 6 เดือนแรกและครบ 1 ปี ลงชื่อ..................................
ความก้าวหน้าในวิชาชีพ การเลื่อนขั้น เงินเดือน 2. ข้าราชการ การเลื่อน เงินเดือน และการเลื่อนระดับให้สูงขึ้นใช้ระบบการเลื่อน เงินเดือนและเลื่อนระดับตามเกณฑ์กระทรวงสาธารณสุข (หนังสือ กพ. ที่ นร.0708.4/ ว 16 ลงวันที่ 29 กันยายน 2538) และในงบประมาณ 2552 เตรียมใช้ระบบใหม่ ของข้าราชการ 3. ลูกจ้างประจำ การเลื่อนเงินเดือน ใช้ระบบการเลื่อนเงินเดือนตามเกณฑ์ที่กระทรวง สาธารณสุขกำหนด 4. ลูกจ้างชั่วคราว การเลื่อนเงินเดือนของลูกจ้างชั่วคราว คณะกรรมการบริหารทรัพยากร บุคคลของโรงพยาบาล พิจารณาโดยใช้เกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขประกอบการ พิจารณา การพิจารณาความดีความชอบ บุคลากร ใช้ข้อมูลประกอบการพิจารณาการประเมินคือ 1. ข้อมูลผลการปฏิบัติงานในหน้าที่ที่กำหนด ในช่วงเวลาการประเมินแต่ละครั้งและข้อมูล ย้อนหลัง 2. ข้อมูลจากการบันทึกพฤติกรรม การช่วยเหลือเกื้อกูลหน่วยงาน การมีส่วนร่วมพัฒนา และร่วมกิจกรรมของ กลุ่มการพยาบาล และโรงพยาบาล 3. ข้อมูลจำนวน วันลากิจ ลาป่วย ลาศึกษา อบรม ตามกำหนดของโรงพยาบาล 4. ข้อมูลการเลื่อนระดับ ในระดับขั้นควบ ขั้นพอก วิธีดำเนินการพิจารณามีขั้นตอนดังนี้ 2. หัวหน้าหน่วยงาน พิจารณา ความดีความชอบบุคลากรทุกระดับในหน่วยงานที่ รับผิดชอบโดยใช้เกณฑ์ที่ โรงพยาบาลกำหนด 3. หัวหน้าหน่วยงานนำผลการพิจารณาความดีความชอบ บุคลากรทุกระดับในหน่วยงานที่ รับผิดชอบเสนอหัวหน้าพยาบาล และพิจารณาภาพรวมในโซน 4. หัวหน้าพยาบาลนำผล การพิจารณาของ หัวหน้าหน่วยงาน และคณะกรรมการโซน ประกอบการพิจารณา และสรุปส่งบุคลากรโรงพยาบาล 5. คณะกรรมการพิจารณาความดีความชอบของโรงพยาบาล ซึ่งมีหัวหน้าพยาบาลเป็น กรรมการ ดำเนินการพิจารณา และสรุปผลเพื่อเลื่อนขั้นต่อไป การพิจารณาความผิดทางวินัย พิจารณาตามลักษณะดังนี้ ก. ลักษณะ ของความผิด 1. ความผิดที่เกิดจากการจงใจกระทำ 2. ความผิดที่เกิดจากความประมาท เลินเล่อ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ข. ความรุนแรงของความผิด 1. ความผิดเล็กน้อย เช่น ความบกพร่องในหน้าที่การงาน หรือกระทำผิดกฎระเบียบของ โรงพยาบาล กลุ่มพยาบาล ดำเนินการดังนี้ 1.1 หัวหน้าหน่วยงานตักเตือน และบันทึกการกระทำความผิดในใบบันทึกพฤติกรรมของ ผู้กระทำผิด และให้ผู้กระทำผิดเซ็นรับทราบ หากมีการกระทำซ้ำ หัวหน้าหน่วยงาน พิจารณาให้เขียน รายงานและให้ตักเตือนซ้ำหากมีพฤติกรรมที่ไม่จงใจ แต่ถ้าเป็นการเจตนากระทำซ้ำ หัวหน้า หน่วยงานส่งรายงานพร้อมทั้งแนบเรื่องเดิมเสนอผู้บริหารกลุ่มการพยาบาล ดำเนินการสืบหา ข้อเท็จจริง และลงโทษเบื้องต้นตามความรุนแรงของการกระทำความผิด
1.2 หากการกระทำนั้น ๆ เป็นความผิดซ้ำ ๆ เมื่อตักเตือน หรือลงโทษในหน่วยงานแล้ว ยังมี พฤติกรรมซ้ำเดิม หัวหน้าหน่วยงานเขียนรายงานส่งกลุ่มการพยาบาล และหัวหน้าพยาบาลตั้ง กรรมการพิจารณาสืบหาข้อเท็จจริง และรายงานผลให้ผู้อำนวยการพิจารณา ลงโทษตามสมควรแก่ กรณี 2. ความผิดรุนแรง เช่น ความผิดทางวินัยของทางราชการ หรือเสียหายแก่ชีวิตผู้ป่วย การ พิจารณาดำเนินการ ดังนี้ 2.1 หัวหน้าหน่วยงานบันทึกรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสนอหัวหน้าพยาบาล 2.2 หัวหน้าพยาบาล พิจารณาจากเหตุการณ์กรณีเร่งด่วน ดำเนินการรายงาน ผู้อำนวยการเพื่อดำเนินการโดยด่วน กรณีไม่เร่งด่วนแต่งตั้งคณะกรรมการของกลุ่มการพยาบาลหา ข้อเท็จจริง และสรุปผลเสนอผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพื่อดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และ พิจารณาลงโทษทางวินัย 2. รับผิดชอบออกหน่วยปฐมพยาบาล หัวหน้าพยาบาลมอบหมายให้ ผู้รับผิดชอบจัดเจ้าหน้าที่ออกหน่วยปฐมพยาบาล โดยกำหนดผู้ ที่ออกหน่วยเป็นพยาบาลวิชาชีพ 1 - 2 คน ดูตามลักษณะงาน และใช้Ambulance นำส่งเจ้าหน้าที่ และผู้ป่วยที่มีอาการ : มีเงินสนับสนุนจากหน่วยงานผู้จัดให้เบิกจากเงินสนับสนุน : ไม่มีเงินสนับสนุน เบิกเงินค่าล่วงเวลา จากเงินบำรุงโรงพยาบาล 3. รับเสด็จ – ออกหน่วยรับเสด็จ 1) กลุ่มการพยาบาลได้รับการประสานงาน 2) แจ้งผู้รับผิดชอบเตรียมพร้อมเพื่อออกรับเสด็จพร้อมแพทย์ 3) แจ้ง ER OR วิสัญญี Lab หอผู้ป่วยพิเศษ เตรียมพร้อมในด้านสถานที่ ณ ที่ตั้ง 4. แนวทางการเตรียมความพร้อมกับสถานการณ์ฉุกเฉิน อุบัติภัย / สาธารณภัย กลุ่มการพยาบาล ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี รับทราบเหตุการณ์ ศูนย์รับแจ้งเหตุปฏิบัติ ดังนี้ 1) ศูนย์สั่งการตรวจสอบสถานการณ์และสั่งการให้เครือข่าย EMS ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเข้าไป ทำการ ช่วยเหลือตามความเหมาะสม เครือข่าย FR (BLS) (ALS, BLS) ตามระบบ ของศูนย์นเรนทร 2) รายงานเหตุการณ์ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ นอกพื้นที่จังหวัดปทุมธานี 1) ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติภัยหมู่ โรงพยาบาลป ทุมธานีหรือตามที่ ผู้บังคับบัญชา มอบหมาย เช่น การเกิดภัยพิบัติตามธรรมชาติ เช่น สึนามิ หรือโรค ระบาด เช่น SAR หรือการเกิดการประท้วงของกลุ่มประชาชน โดยหัวหน้าพยาบาล มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบจัดเจ้าหน้าที่ ดังนี้ - จัดตารางปฏิบัติงานหน่วยงานรับผิดชอบ - หน่วยงานพิจารณาจัดคนตามความเหมาะสม - ออกปฏิบัติการตามระบบที่หน่วยงานผู้ประสานงานมา - ค่าตอบแทนใช้ระเบียบปกติของทางราชการ
สมรรถนะ : ผู้บริหารการพยาบาล 1. สำหรับผู้บริหารทางการพยาบาล K1 ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการ K2 ความรู้เรื่องพยาธิสรีรวิทยาตามกลุ่มโรคและการทำหัตถการที่สำคัญ K3 ความรู้เรื่องการควบคุมกำกับงานและการประกันคุณภาพ S1 การบันทึกทางการบริหาร การบริการพยาบาล และการใช้กระบวนการพยาบาล S2 การพัฒนาคุณภาพงานบริการพยาบาล S3 การบริหารบุคลากร ของใช้ เครื่องมือ และความร่วมมือในการดูแลรักษา S4 การตัดสินใจแก้ไขปัญหา S5 การปฏิบัติการกู้ชีวิต A1 ทัศนาคติต่อองค์กร A2 ทัศนคติต่อการปฏิบัติการพยาบาลและวิชาชีพ 2. Level competency ระดับผู้บริหาร 1. รองหัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล 2. หัวหน้ากลุ่มงาน 3. หัวหน้ากลุ่มงาน 4. หัวหน้าหอ K1 ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการ Level/Scale 1. มีความรู้ด้านการวางแผน วิเคราะห์สั่งการ และควบคุมดูแลทรัพยากรบุคคล พัสดุ ครุภัณฑ์ อุปกรณ์ และเครื่องมือในหน่วยงานที่รับผิดชอบ และสอบผ่านเกณฑ์ที่ กำหนดร้อยละ60 2. มีความรู้ด้านการวางแผน วิเคราะห์สั่งการ และควบคุมดูแลทรัพยากรบุคคล พัสดุ ครุภัณฑ์ อุปกรณ์ และเครื่องมือในหน่วยงานที่รับผิดชอบ และสอบผ่านเกณฑ์ที่ กำหนดร้อยละ80 3. มีความรู้สามารถถ่ายทอดการบริหารจัดการแก่บุคลากรในหน่วยงานได้ Level K1 K2 K3 S1 S2 S3 S4 S5 A1 A2 รองหัวหน้ากลุ่มภารกิจด้าน การพยาบาล 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 หัวหน้ากลุ่มงาน 4 4 4 4 5 3 4 4 4 4 หัวหน้าหอ/งาน 3 3 3 3 3 2 3 4 3 3 ผู้ตรวจการ /หัวหน้าศูนย์/ ผู้ช่วยหัวหน้า กลุ่มงานการพยาบาล (Sub head) 2 2 2 2 2 2 2 4 2 3
4. มีความรู้สามารถถ่ายทอดการบริหารจัดการแก่บุคลากรในหน่วยงานอื่นได้ 5. สร้างนวตกรรม เกิดองค์ความรู้ใหม่ ทางด้านการบริหารจัดการทางการพยาบาล K2 ความรู้เรื่องพยาธิสรีรวิทยาตามกลุ่มโรคและการทำหัตถการที่สำคัญ Level/Scale 1. มีความรู้เรื่องพยาธิสรีรวิทยา การให้การพยาบาลและการทำหัตถการในกลุ่มโรคที่สำคัญ Top 5 ในหน่วยงานตามเกณฑ์มาตรฐาน 2. มีความรู้เรื่องพยาธิสรีรวิทยา การให้การพยาบาลและการทำหัตถการในกลุ่มโรคที่สำคัญ Top 5 ในหน่วยงานตามเกณฑ์มาตรฐาน อย่างน้อย 80% 3. มีความรู้สามารถถ่ายทอดในหน่วยงานของตนเอง 4. มีความรู้และสามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางการพยาบาลในสาขาของตนเอง 5. เผยแพร่ความรู้ และเป็นต้นแบบการพยาบาสลเฉพาะสาขา K3 ความรู้เรื่องการควบคุมกำกับงานและการประกันคุณภาพ Level/Scale 1. มีความรู้เรื่องการประเมินและวางแผน การบริหารจัดการความเสี่ยง (RM) การประดัน คุณภาพ (QA) ของหน่วยงานโดยการรายงาน 2. มีความรู้เรื่องการควบคุมความเสี่ยง และการวิเคราะห์ RCA / FMEA เพื่อการประกัน คุณภาพในหน่วยงาน 3. สามารถถ่ายทอดความรู้ด้านการควบคุมกำกับ และการประกันคุณภาพ 4. สามารถเชื่อมโยงกับทีมสหสาขาวิชาชีพได้ 5. เผยแพร่ความรู้ สร้างรูปแบบของการควบคุมกำกับ และการประกันคุณภาพ S1 การบันทึกทางการบริหาร การบริการพยาบาล และการใช้กระบวนการพยาบาล Level/Scale 1. ประเมินการใช้กระบวนการพยาบาล บันทึกทางการบริหาร การบริการทางการพยาบาล 2. บันทึกข้อมูลทางด้านการบริหาร การบริการทางการพยาบาล ตรวจสอบและประเมิน การใช้กระบวนการพยาบาลถูกต้องครบถ้วน 3. ถ่ายทอดความรู้แก่บุคลากรในหน่วยงานได้ 4. ถ่ายทอดความรู้แก่บุคลากรให้หน่วยงานอื่นได้ 5. ออกแบบสร้าง Model ใหม่ ทางการบันทึกทางการบริหาร ทางการบริการพยาบาล และกระบวนการพยาบาล S2 การพัฒนาคุณภาพงานบริการพยาบาล Level/Scale 1 .กำหนดทิศทางนโยบาย ดำเนินการ พัฒนาคุณภาพและติดตาม ส่งเสริมให้บุคลากรมี การพัฒนาคุณภาพอย่างเป็นระบบ 2. กระจายแนวคิด นโยบายลงสู่ระดับปฏิบัติ สามารถวิเคราะห์กระบวนการหลักของ หน่วยงาน การบริหารความเสี่ยงได้อย่างครบถ้วนประเด็นปัญหาที่สำคัญ 3. กำหนดตัวชี้วัด ค้นหาปัญหา และโอกาสพัฒนาที่สำคัญได้อย่างครบถ้วน 4. สามารถเป็นวิทยากรคุณภาพให้กับบุคลากรได้
5. มีนวตกรรมเป็นแบบอย่างของการพัฒนา เกิดประโยชน์ต่อวิชาชีพ S3 การบริหารบุคลากร ของใช้ เครื่องมือ และความร่วมมือในการดูแลรักษา Level/Scale 1. การบริหารจัดการบุคลากร อุปกรณ์ เครื่องมือ ให้เพียงพอ ดำเนินการให้บุคลากรใน หน่วยงานทำงานเป็นทีม อย่างเป็นระบบ และเชื่อมโยงกับหน่วยงานในความรับผิดชอบ 2. ดำเนินการให้เกิดความเชื่อมโยงข้ามหน่วยงาน 3. พัฒนาระบบการบริหารจัดการ และความร่วมมือ ดำเนินการให้มีการเชื่อมโยงทั้งระดับ แนวราบและแนวดิ่ง 4. มีความร่วมมือพัฒนาคุณภาพระหว่างสหสาขาวิชาชีพอย่างครอบคลุม 5. เป็นแบบอย่างของการพัฒนาคุณภาพร่วมกันในการดูแลรักษาพยาบาลกับสหสาขาวิชาชีพ S4 การตัดสินใจแก้ไขปัญหา Level/Scale 1. ประเมิน วิเคราะห์ปัญหา วินิจฉัยปัญหา ตัดสินใจแก้ไขปัญหาได้ 2. ตัดสินใจแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม 3. สามารถถ่ายทอดความรู้และทักษะการตัดสินใจแก้ปัญหาแก่บุคคลในหน่วยงานได้ 4. มีการนำองค์ความรู้ใหม่ๆมาวิเคราะห์ วินิจฉัยปัญหา และตัดสินใจแก้ปัญหาเป็นที่ ยอมรับ 5. สร้างองค์ความรู้และนวตกรรมใหม่ๆ ในการตัดสินใจแก้ปัญหา S5 การปฏิบัติการกู้ชีวิต Level/Scale 1.ประเมินผู้ป่วย จัดเตรียมอุปกรณ์ และปฏิบัติการกู้ชีวิตเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง 2.สามารถสอน ติดตาม การประเมินผู้ป่วย การจัดเตรียมอุปกรณ์ และปฏิบัติการกู้ชีวิต เบื้องต้นแก่บุคลากรได้ 3.ปฏิบัติการกู้ชีวิตขั้นสูง ได้อย่างถูกต้อง 4.เป็นวิทยากร จัดโครงการอบรมภายใน และนิเทศติดตามการปฏิบัติการกู้ชีวิตเบื้องต้นได้ และพัฒนาบุคลากรด้านการกู้ชีวิตได้ 5.สร้างรูปแบบ นวัตกรรม ปรับปรุงพัฒนาระบบการกู้ชีวิต A1 ทัศนาคติต่อองค์กร Level/Scale 1.มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและกระจายนโยบายให้กับบุคลากรในหน่วยงานรับทราบ 2.มีความมุ่งมั่น เสียสละ ทำงานในความรับผิดชอบให้ประสบผลสำเร็จ 3.ส่งเสริม ชักจูงให้บุคลากรในหน่วยงานมีทัศนคติที่ดีต่อองค์กร 4.เป็นตัวอย่างที่ดีของการมีส่วนร่วมในองค์กร บุคลากรในหน่วยงาน ให้ความร่วมมือต่อการ พัฒนาองค์กร 5.มีผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้แก่องค์กร
A2 ทัศนคติต่อการปฏิบัติการพยาบาลและวิชาชีพ Level/Scale 1.ให้การบริการพยาบาลด้วยความเต็มใจ เสียสละ อดทน ปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ 2.ส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรในความรับผิดชอบ ให้การบริการพยาบาลด้วยความเต็มใจ เสียสละ อดทนปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ 3.มีการส่งเสริมแรงจูงใจในการให้บริการพยาบาล และร่วมทำงานกับสหสาขาวิชาชีพได้ ครอบคลุมเหมาะสม 4.เป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ปฏิบัติงานในวิชาชีพการพยาบาลในหน่วยงาน 5.พัฒนาวิชาชีพพยาบาลในสาขาที่รับผิดชอบ สร้างชื่อเสียงให้องค์กร สมรรถนะ : พยาบาลวิฃาฃีพ 1.บริบท 2.กลุ่มโรค TOP5- ความรู้ตามหัตถการ 3.Competencies ระดับปฏิบัติการ K1 ความรู้เกี่ยวกับพยาธิสรีรวิทยาในการดูแลผู้ป่วยตามกลุ่มโรคและกลุ่มอาการ K2 ความรู้ในการปฏิบัติการพยาบาลตามหัตถการที่สำคัญ K3 ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพการบริการรักษาพยาบาล K4 ความรู้ในการใช้อุปกรณ์ เครื่องมือ S1 การใช้กระบวนการพยาบาลและบันทึกการพยาบาล S2 กิจกรรมพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพการบริการ S3 การให้การพยาบาลเฉพาะกลุ่มโรค/หัตถการและการใช้เครื่องมือ S4 วินิจฉัยปัญหาและตัดสินใจแก้ปัญหา S5 ปฏิบัติการกู้ชีวิต A1 ทัศนคติต่อองค์กร A2 ทัศนคติต่อการปฏิบัติการพยาบาล 4.Level Competency ของพยาบาลวิชาชีพ 1. Novice ได้แก่ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหน่วยงาน 0-1 ปี 2. Beginner ได้แก่ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหน่วยงาน 1- 2 ปี 3. Competentได้แก่ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหน่วยงาน 2-3 ปี 4. Proficient ได้แก่ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหน่วยงาน 3-5 ปี 5. Expert ได้แก่ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานมากกว่า 5 ปี Level Competency ของพยาบาล Level K1 K2 K3 K4 S1 S2 S3 S4 S5 A1 A2 Novice 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 Beginner 1 1 2 2 2 2 2 2 2 2 3 Competence 3 3 3 3 3 3 3 3 3 4 5 Proficient 4 4 4 4 4 4 4 4 4 4 5 Expert 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5
K1 ความรู้เกี่ยวกับพยาธิสรีรวิทยาในการดูแลผู้ป่วยตามกลุ่มโรคและกลุ่มอาการ Level/Scale 1. มีความรู้พื้นฐาน ซึ่งประกอบด้วยพยาธิสรีรวิทยา อาการ การรักษาตามกลุ่มโรค TOP5 ของหน่วยงานในการดูแลผู้ป่วยตามเกณฑ์มาตรฐานครบถ้วน สอบได้คะแนนมากกว่าร้อยละ 60 2. มีความรู้พื้นฐาน ซึ่งประกอบด้วยพยาธิสรีระวิทยา อาการ การรักษาตามกลุ่มโรค TOP 5 ของหน่วยงาน ในการดูแลผู้ป่วยตามเกณฑ์มาตรฐานครบถ้วน สอบได้คะแนนมากกว่าร้อยละ 80 และ/ หรือสอบผ่านหลักสูตร หลักที่ เกี่ยวข้อง/หลักสูตรการพยาบาลเฉพาะสาขา 3. มีความรู้และสามารถสอนเจ้าหน้าที่ใหม่ด้วยตนเอง 4. มีความรู้ความสามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางการพยาบาลในสาขาของตนเอง 5. เผยแพร่ความรู้และเป็นต้นแบบการพยาบาล/เฉพาะทาง K2 ความรู้ในการปฏิบัติการพยาบาลตามหัตถการที่สำคัญ 1.1มีความรู้ในเรื่องการพยาบาลที่ได้รับการทำหัตถการในกลุ่มโรค ของหน่วยงานตามเกณฑ์มาตรฐานครบถ้วน สอบได้มากกว่าร้อยละ 60 1. มีความรู้เรื่องการพยาบาลที่ได้รับการทำหัตถการในกลุ่มโรค TOP 5 ของหน่วยงานตาม เกณฑ์มาตรฐานครบถ้วน สอบได้คะแนนมากกว่าร้อยละ 80 2. มีความรู้และสามารถสอนเจ้าหน้าที่ใหม่ด้วยตนเอง 3. มีความรู้ความสามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางการพยาบาลในสาขาของตนเอง 4. เผยแพร่ความรู้และเป็นต้นแบบการพยาบาล/เฉพาะทาง K3 ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพการบริการรักษาพยาบาล 1. มีความรู้เรื่องการค้นหาความเสี่ยง รายงานความเสี่ยง การประกันคุณภาพ สอบได้คะแนน มากกว่าร้อยละ 60 2. มีความรู้การวิเคราะห์ RCA/FMEA เพื่อให้ได้มาเพื่อนำไปสู่การประกันคุณภาพ สอบได้ คะแนนมากกว่าร้อยละ 70 3. มีความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง(CQI) และมีการทำงานร่วมกันเป็น ทีม สอบได้คะแนนมากกว่าร้อยละ 80 4. มีความรู้ในการเป็นหัวหน้าทีม สามารถติดตามและควบคุมกำกับได้อย่างมีประสิทธิภาพ 5. เผยแพร่ความรู้ และสร้างรูปแบบ RCA/QA หรือผลงานวิจัยให้แก่หน่วยงานหรือขยายผล ให้หน่วยงานอื่นๆ K4 ความรู้ในการใช้อุปกรณ์ เครื่องมือ Competency Definition: บุคลากรมีความรู้และสามารถใช้อุปกรณ์,เครื่องมือได้ถูกต้องเหมาะสม อย่างมีประสิทธิภาพ Level 1. มีความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่มีในหน่วยงาน คือ เครื่องช่วยหายใจชนิดต่างๆ, Selfinflating bag, Mask,Laryngoscope,Endotracheal tube ขนาดต่างๆ,สอบได้คะแนน ร้อยละ 80
2. มีความรู้ ทักษะ เกี่ยวกับการนำอุปกรณ์ ไปใช้ให้ถูกต้อง เหมาะสมกับผู้ป่วย ตามเกณฑ์ มาตรฐาน และสอบได้คะแนนร้อยละ 90 3. มีความรู้และสามารถสอนเจ้าหน้าที่ใหม่ด้วยตนเอง 4. มีความรู้และสามารถประยุกต์ เครื่องมือมาใช้กับผู้ป่วยได้ 5. สร้างนวตกรรมและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับเครื่องมือให้แก่หน่วยงานอื่น S1 การใช้กระบวนการพยาบาลและบันทึกการพยาบาล Competency Definition : มีความสามารถในการนำกระบวนการพยาบาลมาใช้ในการดูแลผู้ป่วยได้ อย่างถูกต้องเหมาะสม 1. มีการใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยและบันทึกทางการพยาบาล ได้อย่าง ถูกต้องตามเกณฑ์มากกว่าร้อยละ 80 2. มีการใช้กระบวนการพยาบาลและการใช้ข้อมูลร่วมกันระหว่างสหสาขาวิชาชีพในการดูแล ผู้ป่วย และบันทึกทางการพยาบาลได้อย่างถูกต้อง ตามเกณฑ์มากกว่าร้อยละ 90 3. มีการวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม สอนและให้คำแนะนำ แก่เจ้าหน้าที่ใหม่ได้ด้วยตนเอง 4. มีการนำองค์ความรู้และสร้างนวตกรรมใหม่ๆ ทางการพยาบาลมาใช้ในการดูแลผู้ป่วยจน เกิดการยอมรับในสาขาตนเอง 5. มีการเผยแพร่องค์ความรู้และนวตกรรมใหม่ๆทางการพยาบาลแก่หน่วยงานอื่น S2 กิจกรรมพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพการบริการ Competency Definition : มีความสามารถในการคิดค้นสร้างสรรค์แนวทางใหม่ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่ง วิธีการที่ดีที่สุดในการให้บริการ 1. มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพในหน่วยงาน 2. มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพในหน่วยงานอย่างสม่ำเสมอ 3. เป็นหัวหน้าทีม สามารถวิเคราะห์และเสนอแนะแนวคิด สร้างสรรค์ ให้กับทีมพัฒนา คุณภาพ 4. ผลงานของทีมเป็นที่ยอมรับและขยายผลไปยังหน่วยงานอื่น 5. สร้างรูปแบบนวัตกรรมใหม่ๆ เป็นตัวอย่างและเผยแพร่ภายในหน่วยงานและหน่วยงานอื่น S3 การให้การพยาบาลเฉพาะกลุ่มโรค/หัตถการและการใช้เครื่องมือ Competency Definition : มีความสามารถและทักษะในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะกลุ่มโรค/ หัตถการใน TOP5 และมีทักษะในการใช้เครื่องได้อย่างถูกต้อง 1. สามารถให้การพยาบาลผู้ป่วยตามกลุ่มโรค/ทำหัตถการใน TOP 5 ของหน่วยงาน โดยหน่วยงาน 2. สามารถให้การพยาบาลผู้ป่วยตามกลุ่มโรค/ทำหัตถการใน TOP 5 ของหน่วยงาน โดย หน่วยงาน โดยมีการนำมาตรฐานการพยาบาลมาใช้ และมีการใช้เครื่องมือได้อย่างถูกต้อง 3. เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ใหม่ๆ 4. สามารถนำองค์ความรู้ใหม่ๆ เสริมสร้างทักษะในการดูแลผู้ป่วยตามกลุ่มโรค/ทำหัตถการ และเป็นที่ยอมรับ 5. สร้างรูปแบบ นวัตกรรม การดูแลผู้ป่วยเฉพาะสาขา
S4 วินิจฉัยปัญหาและตัดสินใจแก้ปัญหา Competency Definition : รู้ปัญหาและวินิจฉัยปัญหาทางการพยาบาล สามารถนำมาจัดลำดับ ความสำคัญ เพื่อการตัดสินใจแก้ปัญหาได้ถูกต้องในการดูแลรักษาพยาบาล 1. สามารถวินิจฉัยปัญหาทางการพยาบาลและตัดสินใจแก้ปัญหาโดยมีผู้ช่วยเหลือ 2. สามารถวิเคราะห์วินิจฉัยปัญหาทางการพยาบาลและตัดสินใจแก้ปัญหาโดยด้วยตนเอง 3. สามารถให้ความรู้และทักษะในการวินิจฉัยปัญหาทางการพยาบาลและตัดสินใจแก้ปัญหา แก่ผู้อื่น/เจ้าหน้าที่ใหม่ ภายในหน่วยงาน 4. มีการนำองค์ความรู้ใหม่มาวิเคราะห์ วินิจฉัยปัญหาทางการพยาบาลและตัดสินใจแก้ปัญหา เป็นที่ยอมรับ 5. สามารถสร้างองค์ความรู้ และนวตกรรมใหม่ๆ ในการตัดสินใจแก้ปัญหาทางการพยาบาล S5 ปฏิบัติการกู้ชีวิต Competency Definition : มีทักษะและสามารถประเมินภาวะหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นและ สามารถให้การช่วยเหลือปฏิบัติการกู้ชีวิตได้ถูกต้องทันเวลา 1. สามารถประเมินผู้ป่วยและจัดเตรียมอุปกรณ์ได้เล็กน้อยด้วยตนเอง 2. สามารถประเมินผู้ป่วย ปฏิบัติการกู้ชีวิตเบื้องต้นด้วยตนเองอย่างถูกต้อง 3. ปฏิบัติการกู้ชีวิตขั้นสูง(Mega Code) ได้อย่างถูกต้อง 4. สามารถประเมินวิเคราะห์ เป็นวิทยากรฝึกปฏิบัติการกู้ชีวิตเบื้องต้น และปฏิบัติการกู้ชีวิตชั้นสูง 5. สามารถสร้างนวตกรรมการปรับปรุงรูปแบบระบบการกู้ชีวิต A1 ทัศนคติต่อองค์กร Competency Definition : มีความรัก ความผูกพันต่อองค์กร ให้ความร่วมมือในกิจกรรมต่างๆ ด้วย ความเสียสละและเต็มใจ 1. ปฏิบัติตามนโยบายขององค์กร 2. มีความมุ่งมั่นจะทำงานที่รับผิดชอบให้ประสบความสำเร็จ 3. ส่งเสริม ชักจูงให้บุคลากรในหน่วยงานที่มีทัศนคติที่ดีต่อองค์กร 4. เป็นตัวอย่างที่ดีของการมีส่วนร่วมในองค์กร และให้ความร่วมมือต่อการพัฒนาองค์กร 5. มีผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้องค์กร A2 ทัศนคติต่อการปฏิบัติการพยาบาล Competency Definition : ให้บริการพยาบาลด้วยความเต็มใจ เสียสละปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ และร่วมหัฒนาการปฏิบัติการพยาบาล สร้างความก้าวหน้าทางวิชาชีพ 1. ให้การพยาบาลด้วยความเต็มใ เสียสละ อดทน และปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ 2. แนะนำผู้ร่วมงานในทีมให้มีทัศนคติที่ดีในงานบริการพยาบาล 3. มีความพอใจในการพยาบาล และทำงานร่วมกับสหวิชาชีพได้อย่างเหมาะสม 4. เป็นแบบอย่างปฏิบัติการพยาบาลที่ดีในวิชาชีพต่อหน่วยงานและองค์กร 5. มีผลการพัฒนางานในสาขาการพยาบาลที่รับผิดชอบและสร้างชื่อเสียงให้กับองค์กร
กฎระเบียบการปฏิบัติงาน การลา สวัสดิการ สิทธิ และบทลงโทษ ของบุคลากรกลุ่มการพยาบาล 1. ระเบียบการปฏิบัติงาน 1.1 ระเบียบการลงเวลาปฏิบัติงาน เพื่อสะดวกในการควบคุมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ การลงเวลาปฏิบัติงาน ปฏิบัติดังนี้ เจ้าหน้าที่ทางการพยาบาลทุกระดับ เซ็นชื่อปฏิบัติงาน ณ หน่วยงาน ที่ปฏิบัติงานทุกครั้งโดยมีหัวหน้างานหรือหัวหน้าเวรของสถานที่นั้นๆ รับผิดชอบตรวจสอบทุกวัน 1.2 ระเบียบปฏิบัติเวรเช้า – เวรบ่าย – เวรดึก ของเจ้าหน้าที่ 1.2.1 เจ้าหน้าที่ทุกคนให้ขึ้นปฏิบัติงาน ในแต่ละเวรก่อนการปฏิบัติจริง 15 นาที 1.2.2 ทำการตรวจสอบและดูแลรับผิดชอบงานในหน้าที่ 1.2.3 ดำเนินการ รับ – ส่ง เวร เพื่อมอบหมายงานในแต่ละเวร อย่างมีระบบและ ถูกต้องทุกเวร 1.2.4 มีการรายงานเหตุการณ์ทั่วไป และเหตุการณ์ปกติ ที่เกิดขึ้นในแต่ละเวรต่อ หัวหน้างาน เพื่อดำเนินการแก้ไขตามความเหมาะสม 1.3ระเบียบข้อบังคับในการปฏิบัติงาน การนำแผนการรักษาของแพทย์ไปปฏิบัติต้องเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่รับแผนการรักษาของ แพทย์โดยปากเปล่าหรือทางโทรศัพท์ ถ้าแผนการรักษาของแพทย์อ่านไม่ออกต้องถามแพทย์ กรณี รีบด่วนหรือจำเป็นที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยด่วนให้สอบถามให้แน่ชัดโดยเฉพาะชื่อยา สะกดให้ถูกต้องทั้ง ขนาด วิธีใช้ ลงบันทึกในแบบการรักษาของแพทย์ วัน เดือนปี เวลา ชื่อแพทย์เซ็นกำกับทุกครั้ง เมื่อ แพทย์มาดูผู้ป่วย ลงรายงาน หรือบันทึกต่างๆ ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ไม่เติมความเป็นส่วนตัวลงไป โดยเฉพาะรายงานของอุบัติเหตุ หรือเรื่องที่มีปัญหาเกี่ยวกับทางกฎหมาย หรือผู้ป่วยคดี ต้องทำรายงาน ภายใต้ขอบเขตกฎหมายที่กำหนดไว้ (สำหรับผู้ช่วยพยาบาลต้องอยู่ในความ รับผิดชอบของพยาบาลวิชาชีพ) การให้การพยาบาลผู้ป่วยด้วยความระมัดระวัง รอบคอบ ไม่ให้เกิดอันตรายขึ้นกับผู้ป่วยได้ ระมัดระวังอันตรายหรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยในความรับผิดชอบ พยาบาลต้องดูแลให้ผู้ป่วย ปลอดภัยตลอดเวลา โดยเฉพาะผู้ป่วยเด็กผู้สูงอายุ ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวหรือผู้ป่วยโรคจิตที่ทำร้ายตนเอง หรือผู้อื่น การเก็บรักษาของมีค่า หรือทรัพย์สินเงินทองของผู้ป่วยที่ติดตัวมาโรงพยาบาลหรือในขณะที่ทำ การตรวจรักษา ต้องทำบัญชีตามแบบฟอร์มที่กำหนด และมอบให้หัวหน้าหอผู้ป่วย หรือพยาบาล หัวหน้าเวรรับผิดชอบ และมีพยานลงชื่อรับทราบไว้เป็นหลักฐาน ไม่เปิดเผยความลับของผู้ป่วย โดยเฉพาะในเรื่องของชื่อเสียง เกียรติยศ หรือเรื่องราวที่ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ป่วยได้ ห้ามละทิ้งผู้ป่วย รับประทานอาหารและอาหารว่างในสถานที่อันเหมาะสม ห้ามกระทำใด ๆ ที่ทำให้เกิดการขัดแย้งกันกับผู้ป่วย ญาติ และเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมงาน ถ้ามีปัญหา ให้รายงานหัวหน้าเวร หรือผู้บังคับบัญชาตามลำดับ ต้องรักษาความลับของทางราชการ
2. การลาป่วย 1.2.1 ลาป่วย ตั้งแต่ 1 วัน ต้องมีใบรับรองแพทย์ 1.2.2 ลาป่วยขณะปฏิบัติงานเวรเช้า เวรบ่าย เวรดึก และวันหยุดราชการต้องแจ้งให้หัวหน้า หน่วยงานหรือผู้ตรวจการพยาบาล ทราบล่วงหน้าและเขียนใบลาป่วยส่งผ่านหัวหน้า กลุ่มงานการพยาบาล พร้อมใบรับรองแพทย์ - เวรเช้า แจ้งก่อน 7.00 น. - เวรบ่าย แจ้งก่อนเวลา 12.00 น. - เวรดึก แจ้งก่อนเวลา 15.00 น. 1.2.3 กรณีลาป่วยฉุกเฉินอยู่ต่างจังหวัด ให้โทรศัพท์ลาป่วยถึงหัวหน้าหน่วยงานโดยตรงหรือ นอกเวลาให้แจ้งเวรตรวจการ หรือแจ้งหัวหน้าพยาบาลทราบ และส่งใบลาป่วยวันแรก ที่มาปฏิบัติงานพร้อมแนบใบรับรองแพทย์ที่ออกโดยสถานการบริการสาธารณสุขของ รัฐ 1.2.4 การลาเพื่อรักษาตัวให้ส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับ (หัวหน้าหอ หัวหน้า พยาบาล) โดยส่งใบลาก่อน หรือในวันที่ลา กรณีจำเป็นให้โทรศัพท์แจ้งต่อหัวหน้า หน่วยงาน เวรตรวจการ หรือหัวหน้าพยาบาล และส่งใบลาวันแรกที่มาปฏิบัติราชการ การพยาบาลต่อไป 1.2.5 กรณีลาไปตรวจตามแพทย์นัด ให้ลาพักร้อนหรือลากิจ 3. การลากิจ 1.1การลากิจส่วนตัว ต้องแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และยื่นใบลาก่อนล่วงหน้า 3 วันเมื่อ ได้รับอนุญาตจึงหยุดราชการได้ ในกรณีฉุกเฉินจำเป็นสามารถลาได้ตามดุลพินิจของ หัวหน้าหน่วยงาน 1.2การลากิจในเวรบ่าย เวรดึก และวันหยุดราชการ อนุญาตให้ลาเฉพาะกรณีญาติสายตรง ป่วยหนัก/ ถึงแก่กรรม 1.3การลากิจส่วนตัว หัวหน้าหน่วยงานสามารถเรียกตัวกลับก่อนกำหนดได้ในกรณีจำเป็น 1.4การลากิจส่วนตัวให้นับเฉพาะวันทำการ 4. การลาพักผ่อน 1. การลาพักผ่อนประจำปี ผู้มีสิทธิลาพักผ่อนได้ ต้องเป็นผู้ปฏิบัติงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ในปีงบประมาณนั้น 2. ต้องยื่นใบลาต่อผู้บังคับบัญชา พร้อมกับเซ็นมอบหมายงานทุกครั้ง และต้องยื่นล่วงหน้า อย่างน้อย 7 วัน 3. ข้าราชการและลูกจ้างประจำ มีสิทธิพักผ่อนได้ 10 วัน ใน 1 ปี ผู้ปฏิบัติงานต่ำกว่า 10 ปี สะสม วันเวลาได้ไม่เกิน 20 วัน ผู้ปฏิบัติงานเกิน 10 ปี สะสมวันลาได้ไม่เกิน 30 วัน 4. ลูกจ้างชั่วคราวสามารถมีสิทธิลาพักผ่อนได้ ปีละ 10 วัน 5. ระหว่างลาพักผ่อนทางหน่วยงานสามารถเรียกมาปฏิบัติงานได้ถ้ามีเหตุจำเป็น
5. การลาคลอดบุตร 1. การลาคลอดบุตรสามารถลาได้ 90 วัน รวมวันหยุดราชการ โดยได้รับเงินเดือนและต้องมี ใบรับรองแพทย์ 2. ข้าราชการและลูกจ้างประจำที่ลาคลอดบุตรแล้ว หากประสงค์จะลากิจเพื่อเลี้ยงดูบุตร ให้ ลาต่อเนื่อง ได้อีกไม่เกิน150 วันทำการ โดยไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลา 3. กรณีลาประเภทอื่นและยังไม่ครบกำหนดการลา และต้องลาคลอดบุตรในระหว่างนั้นให้ ถือว่าการลาประเภทนั้นสิ้นสุดลง โดยให้นับเป็นวันลาคลอดบุตรตั้งแต่วันเริ่มลาคลอดบุตร 6. การอุปสมบทหรือการลาประกอบพิธีฮัจย์ ต้องเสนอหรือจัดส่งใบลาตามระเบียบก่อนวันอุปสมบทหรือก่อนวันเดินทาง 60 วัน 7. กฎระเบียบต่างๆ เพิ่มเติม 1. กฎระเบียบการลาและแลกเปลี่ยนเวร 1.) เจ้าหน้าที่ต้องการแลกเปลี่ยนเวร ให้เขียนใบแลกเปลี่ยนเวรตามแบบฟอร์มที่ กำหนดให้มีลายเซ็นผู้ขอแลกเวร และผู้รับแลกเวรทุกครั้ง 2.) เสนอการเปลี่ยนเวร ให้หัวหน้าหอ/หัวหน้างาน ทุกครั้งเพื่อพิจารณา 3.) ให้แลกเปลี่ยนเวรในกลุ่มระดับเดียวกัน เช่น กลุ่มพยาบาลวิชาชีพ พยาบาล เทคนิค ผู้ช่วยพยาบาล และผู้ช่วยเหลือคนไข้ 8. สวัสดิการต่าง ๆ ของกลุ่มการพยาบาล วัตถุประสงค์ 1. เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ 2. เพื่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ 3. เพื่อความสะดวกในการติดต่อประสานงาน 4. เป็นการพบปะสังสรรค์ 5. เพื่อให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม โดยมติที่ประชุมคณะกรรมการ วิธีดำเนินการ 1. การตรวจสุขภาพเจ้าหน้าที่ - จัดทำแฟ้มประวัติการตรวจสุขภาพเจ้าหน้าที่ -กำหนดการตรวจสุขภาพ เจ้าหน้าที่ปีละครั้ง - แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบเมื่อมีการระบาดของโรค 2. การรักษาพยาบาล - เจ้าหน้าที่ สามี ภรรยา บุตร – มารดา (ญาติสายตรง) ของเจ้าหน้าที่ทั้งข้าราชการและลูกจ้างประจำเมื่อเข้ารับรักษาในหอ ผู้ป่วยพิเศษของโรงพยาบาลปทุมธานีจะได้ลดค่าห้องส่วนเกินลงครึ่งหนึ่งหรือเจ้าหน้าที่เองจะ ได้รับการยกเว้นค่าห้องเมื่ออยู่ห้องที่เตรียมไว้สำหรับเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ 3.บุตรเจ้าหน้าที่ได้รับทุนการศึกษาบุตรประจำปี 4. รางวัลบุคคลดีเด่น / หน่วยงานดีเด่นประจำปี 5. ลูกจ้างชั่วคราวมีทุนการศึกษาต่อผู้ช่วยพยาบาล 6. งานศพให้หัวหน้างานแจ้งกลุ่มการพยาบาล เมื่อมีญาติสายตรงของเจ้าหน้าที่ถึงแก่กรรม ได้แก่ บิดา มารดา สามี ภรรยาและบุตร โรงพยาบาลจะเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรม 1 คืน และจัดพวงหรีดให้พร้อมทั้งรวบรวมเงินช่วยเหลือจากพยาบาลวิชาชีพ พยาบาลเทคนิค
สิทธิประโยชน์ประกันสังคม 1. สิทธิประโยชน์ประกันสังคม 7 กรณี 1.1 กรณีเจ็บป่วย ส่งเงินสมทบครบอย่างน้อย 3 เดือนกรณีส่งเงินสมทบไม่ครบ 3เดือน เกิดเจ็บป่วยจำต้องทำอย่างไรจึงจะใช้สิทธิอะไรกรณีดังกล่าวผู้ประกันตนไม่ต้องตกใจสำนักงาน ประกันสังคมได้หารือกับสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติหรือ (สปสช)หรือ 30 บาท ด้วยเรืองปัญหา ดังกล่าวว่า ผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบไม่ครบ 3 เดือนแล้วเกิดเจ็บป่วย สามารถสิทธิ 30 บาทช่วยคน ไทยห่างไกลโรคได้โดยปฏิบัติ ดังนี้ ผู้ประกันตนหรือญาติติดต่อสำนักงานประกันสังคมจังหวัด/เขตพื้นที่ เพื่อขอหนังสือยืนยันกรณีส่งเงินสมทบไม่ครบไม่ครบ 3 เดือน สรุป คือทุกคนอย่างน้อยต้องมีสิทธิ พื้นฐานคือ สิทธิประกันสุขภาพ 1.2 กรณีคลอดบุตร ส่งเงินสมทบครบอย่างน้อย 7 เดือน ใน 15 เดือน กรณีคลอดบุตร อยู่นอกเหนือเหมาจ่าย หมายความ ว่าผู้ประกันตนทั้งหญิงและชายสามารถเบิกสิทธิประโยชน์ได้ 12,000 บาทต่อบุตร 1 คน กรณีคลอดบุตรนั้นผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบอย่างน้อย 7 เดือน กรณีส่งเงินสมทบ ไม่ครบ 7 เดือน ให้ใช้สิทธิได้เหมือนกรณีเจ็บป่วย 1.3 กรณีทุพลภาพ ต้องส่งเงินสมทบครบ 3 เดือนติดต่อกรณีทุพลภาพได้ที่ประกันสังคม จังหวัด/เขตพื้นที่ 1.4 กรณีตาย ผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบอย่างน้อย 1 เดือน 1.5 กรณีสงเคราะห์บุตร ต้องส่งเงินสมทบ 1 ปีและบุตรอายุไม่เกิน 6 ปี ใช้สิทธิได้ ครั้ง ละไม่เกิน 2 คน คนละ 350 บาท/เดือน 1.6 ชราภาพ ผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบ 180 เดือน หรืออายุครบ 55 ปี 1.7 ว่างงาน กรณีว่างงานเป็นสิทธิที่สำนักงานประกันตนสังคมเพิ่มเติมให้กรณีที่ ผู้ประกันตนที่ ยกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมดำเนินงานต้องปี 2547 โดยให้ผู้ประกันตนต้องแจ้งขึ้น ทะเบียนว่างงานภายใน 30 วันนับจากวันเลิกจ้างหรือออกจากงานใช้สิทธิได้ต้องส่งเงินสมทบ 6 เดือน 2. การทำบัตรรับรองสิทธิ์ สำเนาบัตรประชาชนเซ็นสำเนาถูกต้อง 2 ชุด ติดต่อศูนย์ ประกันสังคมหลังมีคำสั่งแต่งตั้งเป็นรายเดือนเรียบร้อยแล้วและการเลือกสถานพยาบาลจะเลือก โรงพยาบาลปทุมธานีเท่านั้น 3. การใช้สิทธิ์ 1. ใช้สิทธิ์ในสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณะสุขได้ทั่วประเทศ 2. แสดงบัตรประชาชนและบัตรรับรองสิทธิ์ทุกครั้ง ระเบียบการแต่งกายของเจ้าหน้าที่ทางการพยาบาล กลุ่มการพยาบาล ถือปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระเบียบการแต่งกาย เจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานด้านพยาบาลและการผดุงครรภ์ พ.ศ. 2542 ดังนี้ 1. ให้ปฏิบัติงานด้านการพยาบาลและการผดุงครรภ์ในหน่วยบริการแต่งกายดังนี้ 1.1 การแต่งกายพยาบาลวิชาชีพสำหรับหญิง ให้แต่งกายด้วยชุดสีขาว ตัดด้วยเนื้อหนามี 4 แบบ ดังนี้ แบบที่ 1 ชุดปฏิบัติแบบชุดติดกัน 1.) เสื้อแขนสั้น ปกปีกนกหรือปกฮาวาย ตัวเสื้อผ่าหน้า ติดกระดุม 4-5 เม็ด ตีเกล็ดเล็กๆ 5 เกล็ดที่หน้าอกเสื้อทั้งด้านซ้ายและขวา ปลายแขนผ่าพับตลบเฉียงขึ้นด้านบน และ ตัวเสื้อด้านหลัง จะมีรอยต่อเป็นรูปสามเหลี่ยมหรือไม่ก็ได้ 2.) กระโปรงหกชิ้นยาวคลุมเข่าติดกระดุมที่สายคาดเอว 1 เม็ด ให้ตรงกับปากกระเป๋า ด้านซ้ายของกระโปรง มีกระเป๋า 2 ข้าง
แบบที่ 2 ชุดปฏิบัติงานแบบชุดคนละท่อน 1) เสื้อแขนสั้น ปกปีกนก ปกฮาวาย ตัวเสื้อผ่าหน้า ติดกระดุม 4-5 เม็ด ไม่ต้องมีเกล็ด ปลายแขนพับตลบขึ้นด้านบน ติดกระเป๋าด้านหน้าตรงชายเสื้อสองข้าง และกระเป๋าเจาะตรงอกเสื้อ ด้านซ้าย 1 ใบ ตัวเสื้อยาวคลุมสะโพก 2) กระโปรงสุภาพ ด้านหลังผ่าซ้อนทับกัน หรือกระโปรงเข้ารูปสี่ชิ้นหรือหกชิ้นยาวคลุมเข่า 3) กางเกงขายาวทรงสุภาพ ปลายขาตรงยาวคลุมข้อเท้า แบบที่ 3 ชุดพิธีการ 1.) เสื้อแขนยาว ปกปีกนก ปลายแขนพับตลบเฉียง ติดกระดุมคู่ที่ปลายแขนตัวเสื้อผ่า หน้า ติดกระดุม4-5 เม็ด ตีเกล็ดเล็กๆ 5 เกล็ด ที่หน้าอกเสื้อทั้งซ้ายและขวา 2.) กระโปรง ใช้ตามแบบที่ 1 หรือตามแบบที่ 2 แบบที่ 4 ชุดปฏิบัติงานหญิงแบบมีผ้าคลุมศีรษะ 1.) เสื้อแขนสั้น ปกปีกนกหรือปกฮาวาย ตัวเสื้อผ่าหน้า ติดกระดุม 4-5 เม็ด ตีเกล็ด เล็กๆ 5 เกล็ด ที่หน้าอกเสื้อทั้งด้านซ้ายและขวา ปลายแขนผ่าพับตลบเฉียงขึ้นด้านบน และตัวเสื้อด้านหลังจะมีรอยต่อเป็นรูปสามเหลี่ยมหรือไม่ก็ได้ 2.) เสื้อแขนยาว ปกเทเลอร์ ตัวเสื้อผ่าหน้าติดกระดุม 4-5 เม็ด ไม่ต้องตีเกล็ดปลาย แขนพับตลบขึ้นด้านบน ติดกระเป๋า ด้านหน้าตรงชายเสื้อทั้งสองข้าง และกระเป๋า เจาะตรงหน้าอกเสื้อด้านซ้าย 1 ใบตัวเสื้อยาวคลุมสะโพก 3.) กางเกงขายาวทรงสุภาพ ปลายขาตรงยาวคลุมข้อเท้า 4.) คลุมศีรษะด้านผ้าสีขาว ผ้าคลุมด้านหน้ายาวถึงระดับหน้าอก ขอบผ้าคลุมเย็บ เรียบและสามารถยึดติดกับหมวก โดยให้สวมหมวกทับ 1.2 กรณีชุดปฏิบัติงานสำหรับหญิงตั้งครรภ์ จะใช้ตามแบบที่ 1 แบบที่ 2 หรือแบบที่ 4 ก็ ได้ ถ้าเป็นแบบที่ 1 ไม่ต้องมีสายคาดเอว 1.3 การแต่งกายสำหรับชายให้แต่งด้วยชุดสีขาวเฉพาะชุดปฏิบัติงานดังนี้ เสื้อแขนสั้น ปกฮาวาย ตัวเสื้อผ่าหน้าติดกระดุม 4-5 เม็ด มีกระเป๋าที่อกเสื้อด้านซ้าย 1 ใบ ด้านล่างซ้ายและขวาด้านละ 1 ใบ ตัวเสื้อด้านหลังเย็บซ้อนตะเข็บกลางหลัง ปล่อยชาย แยกประมาณ 6 นิ้ว 1.4กางเกงขายาวทรงสุภาพ ปลายขาตรงยาวคลุมข้อเท้า 2. เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้านการพยาบาลและการผดุงครรภ์ในชุมชนหรือสถานีอนามัย แต่งกายด้วยชุดสีฟ้าโดยใช้แบบแต่งกายตามข้อที่1 “การแต่งกายของเจ้าหน้าที่ตามข้อที่ 1 และข้อที่ 2 ให้มีรายละเอียดตามแนบท้าย ประกาศนี้” 3. แบบการแต่งกายให้มีเครื่องหมายหรือสิ่งประกอบอื่น ดังนี้ 3.1 หมวกสำหรับหญิง ให้ใช้หมวกสีขาว พร้อมติดแถบกำมะหยี่สีดำ จำนวน 1 แถบดังนี้ 1.) พยาบาลวิชาชีพ ขนาด 1.5 เซนติเมตร ติดชิดขอบหมวก 2.) พยาบาลเทคนิค ขนาด 1 เซนติเมตร ติดชิดขอบหมวก 3.) เจ้าหน้าที่พยาบาลขนาด 1 เซนติเมตร ติดเฉียงจากปลายของหมวก ด้านขวา 10 เซนติเมตร 4.) ผู้ช่วยพยาบาล การแต่งกายตามสถาบันที่จบ 5.) กรณีที่แต่งกายด้วยชุดสีฟ้าไม่ต้องสวมหมวก
3.2 เข็มเครื่องหมายให้ใช้ตามแบบของสถาบันการศึกษาในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข หรือสถาบันการศึกษาที่ร่วมผลิต โดยติดที่ปกเสื้อหรือบนผ้าคลุมศีรษะด้านซ้าย 3.3 ป้ายชื่อใช้ตามแบบของโรงพยาบาลกำหนด 3.4 กระดุมเสื้อ ให้ใช้ตามแบบของกระทรวงสาธารณสุข 3.5 รองเท้า ให้ใช้ส้นหนา ชนิดหุ้มส้นและปิดปลายเท้า สำหรับหญิงให้ใช้สีขาวเมื่อ ปฏิบัติงานในโรงพยาบาล และสีดำเมื่อปฏิบัติงานในชุมชนหรือสถานีอนามัย สำหรับ ชายให้ใช้สีดำหรือสีน้ำตาลเข้มไม่มีลวดลาย เมื่อปฏิบัติงาน และสีดำเมื่อแต่งกายชุด พิธีการ 3.6 ถุงเท้าสำหรับหญิงให้ใช้สีขาว แบบเรียบชนิดสั้นเมื่อแต่งกายชุดปฏิบัติงาน และให้ใช้ ถุงน่องยาวสีขาวเมื่อแต่งชุดพิธีการ สำหรับชายให้ใช้ถุงเท้าสีดำ 3.7 นาฬิกาข้อมือให้ใช้แบบสุภาพและมีเข็มวินาที 3.8 เครื่องประดับ สำหรับหญิงอาจจะใช้ได้ดังต่อไปนี้ 1. ต่างหูชนิดเล็กติดหู 2. สร้อยคอให้ใช้ชนิดเส้นยาวและใส่ไว้ภายในเสื้อ 3. โบว์หรือถุงเก็บผมใช้สีดำหรือน้ำตาลเข้ม หรือสีน้ำเงิน ขนาดลักษณะเรียบ 4.กิ๊บติดหมวกชนิดเล็กสีขาวสอดด้านในของหมวก 4. การแต่งการสำหรับหญิงผมยาว ให้รวบและเกล้าผมแบบสุภาพให้เรียบร้อย สำหรับชายให้ ตัดผมสั้นหรือตัดแบบรองทรง 5. การแต่งกายตามข้อที่ 1 และข้อ 2 ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้ 5.1 การแต่งกายชุดสีขาวในขณะปฏิบัติหน้าที่โรงพยาบาลหรือกิจกรรมในหน่วยปฐม พยาบาลหรือรถพยาบาลหรือออกรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุ 5.2 แต่งกายชุดปฏิบัติงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ หรือกิจกรรมสาธารณะสุขที่จำเป็นเท่านั้น ** หมายเหตุ หน่วยงานที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย - สีชมพู ห้องคลอด - สีเขียวเข้ม ห้องผ่าตัด - สีเขียวอ่อน วิสัญญี - เสื้อสีเขียวอ่อน-กางเกงขาว หอผู้ป่วยหนัก หน่วยงานตรวจรักษาพิเศษ 5.3 แต่งกายในแบบฟอร์มที่ถูกต้อง ตามระเบียบและเหมาะสมกับการปฏิบัติงาน 5.4 การแต่งกายของผู้ช่วยเหลือคนไข้ 1.) ชุดสีฟ้ากระโปรงหรือกางเกง เพศชายใส่เสื้อสีฟ้า กางเกงดำ 5.5 เจ้าหน้าที่ทุกระดับห้ามสวมรองเท้าแตะปฏิบัติงาน 5.6 เจ้าหน้าที่ทุกระดับห้ามโกรกสีผม ที่ผิดปกติจากธรรมชาติมากจนเกินไป