CONTENT
สารบัญ
ความเชื่อภาคกลาง-ผีบรรพบุรุษ
เเม่นากพระโขนง ..............1...............
ผีแม่ม่าย
ผีห่า ผีเเม่บันได เเม่ซื้อ ...............2.................
ผีปอบ กับตำนานความเชื่อ ..............3..................
ผีกระสือ กับความเฮี้ยน ...............4..................
ที่มาของผีตาโขน ................5..................
...............6.................
...............7.................
ความเชื่อและพิธีกรรม ในภาคอีศาน
.................8.................
นางทรง การบะ คะลำ การคะลำ................9................
ผีบ้าน ผีปอบ ผีนา ผีเป้า ................10..............
พิธีกรรม .................11..............
เปรต ................12..............
นางตานีเเละนางตะเคียน .................13..............
ผีภาคเหนือ .................14..............
ผีเจ้านาย
ผี ความเชื่อในภาคใต้
ผีเจ้าเสน ผีครูหมอ ผีตาเเมดกะเห่ย ....................15.................
ความเชื่อภาคกลาง - ผีบรรพบุรุษ
ลักษณะความเชื่อ
ความสำคัญ พิธีกรรม
ผีที่ชาวมอญนับถือและให้ความสำคัญนั้น ผีบรรพบุรุษมีหน้าที่ให้คุณให้โทษแก่ลูก การจัดพิธีเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษโดยปกติ
ไม่ต่างจากผีในสังคมเกษตรดั้งเดิมอื่นๆ หลานในตระกูลเมื่อบรรพบุรุษเปลี่ยน ปีละครั้งหรือสองสามปีครั้ง นอกจาก
คือ มีทั้งผีระดับหมู่บ้านและผีระดับเครือ สถานะเป็นผี จะมีอิทธิฤทธิ์ที่มองไม่เห็น
ญาติ หรือผีบรรพบุรุษ ซึ่งสืบทอดทาง ทำให้คนในตระกูลไม่กล้าทำความผิดตามกฎ สมาชิกในตระกูลเจ็บป่วยไม่สบาย หรือ
ฝ่ายชาย ลูกชายคนโตของตระกูลเป็นต้น เกณฑ์ที่ได้วางไว้ ให้ประพฤติตนอยู่ใน มีเหตุไม่ดีเกิดขึ้น จะจัดพิธีรำผีเซ่นไหว้
ผี ผู้รับสืบทอดเสาผีไว้ที่บ้าน ถ้าบุตรคน ทำนองคลองธรรม ผีบรรพบุรุษของแต่ละ เพื่อขอขมาบรรพบุรุษเป็นกรณีพิเศษได้
ตระกูลจึงมีหน้าที่ควบคุมดูแลสมาชิกใน แต่คนไทยเชื้อสายมอญโดยส่วนใหญ่
ตระกูลตน ปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายให้
โตเป็นหญิงบุตรชายคนรองถัดไปเป็น แก่ลูกหลาน ให้ความช่วยเหลือเมื่อคนใน แล้วไม่ต้องการรำผีบ่อยนักเพราะแสดง
ผู้รับแทน หรือไม่ก็ย้ายผีไปอยู่บ้านที่มี ตระกูลเดือดร้อน ส่งผลให้สังคมโดยรวม
ลูกชาย ในตระกูลหนึ่ง ๆ จึงมีบ้านที่มีเสา สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข เป็นไปตาม ถึงการ ประพฤติผิดศีลธรรมนอกรีต
ผีเพียงบ้านเดียวเท่านั้น เมื่อถึงเวลาทำ ข้อกำหนดที่วางไว้
พิธีไหว้ผีบรรพบุรุษทุกคนในตระกูลต้อง การบูชาหรือไหว้ผีบรรพบุรุษ ก็คือพิธีกรรม นอกรอยของสมาชิกในตระกูลจึงทำให้
มารวมกันที่บ้านต้นผี ผีของคนไทยเชื้อ
บรรพบุรุษไม่พอใจ พิธีกรรมของการ
รำผีเพื่อขอขมาหรือไหว้บรรพบุรุษนั้น
ก็คือการรำผีมอญนั่นเอง ผู้นำประกอบ
สายมอญเป็นผีบรรพบุรุษ ของการจัดพิธีรำผีมอญ เพื่อสืบทอดความ พิธีรำผีเป็นผู้หญิงในตระกูลเดียวกัน
รักความสามัคคี ความเป็นญาติพี่น้อง การ ส่วนการจัดการเรื่องพิธีกรรมทั้งหมด
ปกครองดูแลคนในตระกูลโดยต้นผีเป็นผู้รับ คือลูกชายคนโตของตระกูล ทุกคนใน
หน้าที่ ต้นผีต้องเป็นผู้นำในการทำกิจกรรม ตระกูลมาพร้อมกันที่บ้านต้นผีและ
ต่าง ๆ ในการอยู่ร่วมกัน ดูแลมิให้สมาชิกใน ประกอบพิธีกรรม คือการเซ่นไหว้
ตระกูลทำผิดศีลธรรมที่กำหนดไว้ เป็นการ บรรพบุรุษที่โรงพิธี การรำผีมีดนตรีปี่
ขอขมาต่อผีที่สมาชิกในตระกูลได้กระทำ พาทย์มอญวงใหญ่บรรเลงให้จังหวะ
ความผิดต่อบรรพบุรุษ ซึ่งถือว่าเป็นการไม่ การรำ เมื่อเสร็จพิธีทุกคนที่มาร่วมพิธี
เคารพบรรพบุรุษ จะรับประทานอาหารร่วมกัน
1
แม่นากพระโขนง
ประวัติ
พยายาม ด้วยความที่เจ็บใจชาวบ้านที่
มีสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่ง อาศัยอยู่
ครั้นเมื่อนายมากกลับมาอยู่ที่บ้าน คอยยุแยงตะแคงรั่วผัวตัวเองอีก
ด้วยกันที่ย่านพระโขนง สามีชื่อนายมาก ผีนางนากก็คอยพยายามรั้งนายมาก
ส่วนภรรยาชื่อนางนาก ทั้งสองใช้ชีวิตคู่ ให้อยู่ที่บ้านตลอดเวลา ไม่ให้ออกไป ประการหนึ่ง ทำให้นางนากออก
ร่วมกันจนนางนากตั้งครรภ์อ่อน ๆ นาย พบใคร เพราะเกรงว่านายมากจะรู้
มากก็มีหมายเรียกให้ไปเป็นทหารประจำ ความจริงจากชาวบ้าน นายมากก็ อาละวาดหลอกหลอนชาวบ้านจน
การที่บางกอก นางนากจึงต้องอยู่ตาม เชื่อเมีย เพราะรักเมีย ไม่ว่าใครที่มา
ลำพัง พบเจอนายมากจะบอกนายมาก หวาดกลัวกันไปทั้งบาง ซึ่งความเฮี้ยน
อย่างไร นายมากก็ไม่เชื่อว่าเมียตัว
เวลาผ่านไป ท้องของนางนากก็ยิ่งโต เองตายไปแล้ว จนวันหนึ่งขณะที่นาง ของนางนาก ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่
ขึ้นเรื่อย ๆ จนครบกำหนดคลอด หมอ นากตำน้ำพริกอยู่บนบ้าน นางนาก
ตำแยก็มาทำคลอดให้ ทว่าลูกของนาง ทำมะนาวตกลงไปใต้ถุนบ้าน ด้วย ถูกฝังไว้ระหว่างต้นตะเคียนคู่นั่นเอง
นากไม่ยอมกลับหัว จึงไม่สามารถคลอด ความรีบร้อน นางจึงเอื้อมมือยาวลง
ออกมาตามธรรมชาติ ยังผลให้นางนาก มาจากร่องบนพื้นเรือนเพื่อเก็บ ในที่สุด นางนากก็ถูกหมอผีฝีมือดีจับ
เจ็บปวดเป็นยิ่งนัก และในที่สุดนางนาก มะนาวที่อยู่ใต้ถุนบ้าน นายมากขณะ
ก็ทานความเจ็บปวดไว้ไม่ไหว สิ้นใจไป นั้น บังเอิญผ่านมาเห็นพอดี จึง ใส่หม้อถ่วงน้ำ จึงสงบไปได้พักใหญ่
พร้อมกับลูกในท้อง กลายเป็นผีตายทั้ง ปักใจเชื่ออย่างเต็มร้อย ว่าเมียตัวเอง
กลม เป็นผีตามที่ชาวบ้านว่ากัน จนกระทั่งตายายคู่หนึ่งที่ไม่รู้เรื่อง
เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ เก็บหม้อที่ถ่วง
หลังจากนั้น ศพของนางนากได้ถูกนำ นายมากวางแผนหลบหนีผีนางนาก นางนากได้ขณะทอดแหจับปลา นาง
ไปฝังไว้ยังป่าช้าท้ายวัดมหาบุศย์ ส่วน โดยการแอบเจาะตุ่มใส่น้ำให้รั่วแล้ว นากจึงถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง
นายมากเมื่อปลดประจำการก็กลับจาก เอาดินอุดไว้ ตกกลางคืนทำทีเป็นไป แต่สุดท้ายก็ถูก สมเด็จพระพุฒาจาร
บางกอกมายังพระโขนงโดยที่ยังไม่ ปลดทุกข์เบา แล้วแกะดินที่อุดตุ่มไว้ ย์ (โต พรหมรังสี) สยบลงได้
ทราบความว่าเมียของตัวได้หาชีวิตไม่ ให้น้ำไหลออกเหมือนคนปลดทุกข์ กะโหลกศีรษะส่วนหน้าผากของนาง
แล้ว นายมากกลับมาถึงในเวลาเข้าไต้ เบา จากนั้นจึงแอบหนีไป นางนาก นากถูกเคาะออกมาทำหัวปั้ นเหน่ง
เข้าไฟพอดี จึงไม่ได้พบชาวบ้านเลย เมื่อเห็นผิดสังเกตจึงออกมาดู ทำให้ เพื่อเป็นการสะกดวิญญาณ และนำ
เนื่องจากบริเวณบ้านของนางนาก หลัง รู้ว่าตัวเองโดนหลอก จึงตามนาย นางนากสู่สุคติ หลังจากนั้น ปั้ นเหน่ง
จากที่นางนากตายไปก็ไม่มีใครกล้าเข้า มากไปทันที นายมากเมื่อเห็นผีนาง ชิ้นนั้นก็ตกทอดไปยังเจ้าของอื่น ๆ
ใกล้เพราะกลัวผีนางนากซึ่งต่างก็เชื่อกัน นากตามมาจึงหนีเข้าไปหลบอยู่ในดง อีกหลายมือ ตำนานรักของนางนาก
ว่าวิญญาณของผีตายทั้งกลมนั้นเฮี้ยน หนาด นางนากไม่สามารถทำอะไรได้ นับเป็นตำนานรักอีกเรื่องหนึ่งที่
และมีความดุร้ายเป็นยิ่งนัก เพราะผีกลัวใบหนาด นายมากหนีไป ประทับใจผู้ฟังอย่างไม่รู้จบ กับความ
พึ่งพระที่วัด นางนากไม่ลดละ รักที่มั่นคงของนางนากที่มีต่อสามี ที่
แม้แต่ความตายก็มิอาจพรากหัวใจรัก
ของนางไปได้ [2]
2
ผีแม่ม่าย
ลักษณะความเชื่อ ความสำคัญ
ประมาณกลางปี พ.ศ. ๒๕๓๗ มีข่าวลือไปทุกหมู่บ้านใน หญิงที่เป็นแม่ของชายหนุ่มและหญิงผู้เป็น
พื้นที่จังหวัดสระแก้วว่ามีผีแม่ม่ายออกอาละวาดใน ยาม ภรรยา จะคลายความวิตกกังวลในเรื่องความ
ค่ำคืน เพื่อตระเวนหาชายหนุ่มไปเป็นสามีในเมืองผี โดย กลัวการสูญเสียบุตรหรือสามี
จะมาเอาชีวิตชายหนุ่มในเวลากลางคืน ๆ ละ ๑ คน หาก
ครอบครัวใดไม่อยากให้ลูกชายตายไปเป็นสามีผีแม่ม่าย
ให้สร้างหุ่นผู้ชายไว้หน้าบ้าน เมื่อผีแม่ม่ายออกมาในเวลา
กลางคืนก็จะคิดว่าหุ่นนั้นเป็นชายหนุ่ม จึงนำกลับไปเป็น
สามีทำให้บุตรชายในครอบครัวนั้นไม่ต้องเสียชีวิต จึง
นิยมสร้างหุ่นไว้หน้าบ้านของคนโดยพบเห็นอยู่ทั่วไป
บางคนมีความเชื่อว่าผีแม่ม่ายคนนี้เป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว
มีความต้องการทาง เพศสูง มักมากในผู้ชายจึงทำ
อวัยวะเพศ (ปลัดขิก) อันใหญ่โตทาด้วยสีแดง ให้
ปลัดขิกโผล่ออกมานอกกางเกงของหุ่นนั้นด้วย บางบ้าน
จะทำใหญ่มากเพื่อให้ผีแม่ม่ายชอบใจแล้วนำกลับไปเป็น
สามีโดยไม่สนใจ ชายหนุ่มภายในบ้านเลย
พิธีกรรม
ทำหุ่นแบบหุ่นไล่กาแต่งตัวแบบผู้ชาย นำไม้เนื้ออ่อน
ค่อนข้างโตมาแกะสลักเป็นรูปปลัดขิกทาปลายปลัดขิก
ด้วยสีแดง นำไปผูกติดกับด้านหน้าหุ่นไล่กาให้ปลัดขิก
โผล่ออกนอกกางเกง ขนาดยาวพอประมาณให้สังเกต
เห็นเด่นชัด เสร็จแล้วนำไปตั้งไว้หน้าประตูทางเข้าบ้าน
ของตน
3
ผีห่า
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “ผีห่าซาตาน”
เชื่อกันว่าผีห่าเป็นผีโบราณของไทยมีมากใน
ภาคกลาง ไม่มีใครเคยเห็นหรือรู้ว่าผีห่ามีรูป
ร่างหรือหน้าตาเป็นเช่นไร รู้แต่เพียงว่าผีห่า
ชอบมาทางน้ำในคืนเดือนมืด ยามใดก็ตามที่
ผีห่าลงในหมู่บ้านคนจะตายเป็นเบือ และ
เรียกคนที่โดนผีห่ากินว่า “ตายห่า” หรือ “ห่า
แดก” จนในที่สุดเราจึงรู้ว่า “ผีห่า” นั้นมีตัว
ตนอยู่ในน้ำจริง แต่เป็นเพียงเชื้อโรค หากไม่
ดื่มกินมันลงไปก็ไม่เป็นไร ตั้งแต่บัดนั้น
เป็นต้นมาคำว่าผีห่าจึงหายไปกับกาลเวลา
(ซึ่งอาจจะมาจากเชื้อโรคอหิวาตกโรค
นั่นเอง)
แม่บันได
เชื่อกันว่าที่บันไดทางขึ้นบ้านของคนไทยในสมัย
ก่อนนั้นมีผีประจำอยู่ เป็นผีผู้หญิงเรียกกันว่า
แม่บันได ผีตนนี้มีหน้าที่ในการปกป้องบันไดใน
บ้านนั้นๆ มีคติความเชื่อของชาวไทยภาคกลาง
ว่า “ห้ามเหยียบแม่บันไดยามเดินเข้าสู่เรือน
ชาน” เพราะเชื่อว่าหากเหยียบแม่บันไดแล้วจะ
ก่อให้เกิดผลร้ายตามมา
แม่ซื้อ
แม่ซื้อเป็นผีผู้หญิงที่ชอบติดตามเด็กเกิดใหม่
บ้านไหนมีเด็กเกิดใหม่เชื่อกันว่ามักจะมีแม่ซื้อมา
ประจำ ณ ที่แห่งนั้นด้วยเสมอๆ บางบ้านเชื่อว่า
เหตุที่เด็กทารกในบ้านของตนมักจะหัวเราะหรือ
ดูยิ้มแย้มแจ่มใส บ้างก็ร้องห่มร้องไห้ในบางครั้ง
นั้นเชื่อกันว่ามาจากแม่ซื้อเฝ้าหยอกล้อกับเด็กๆ
นั่นเอง แม่ซื้อจึงจัดเป็นผีดีที่ชอบหยอกล้อเด็ก
เล็กๆให้ไม่เหงายามอยู่คนเดียว
4
ผีปอบ กับตำนานความเชื่อของไทย
ผีปอบ หรือการเป็นผีปอบ มัก
พระพุทธเจ้าได้ทรงระบุว่า วิชาที่เป็น จุดกำเนิดของผีปอบตามความเชื่อ
เกิดขึ้นกับผู้ที่มีวิชาทางไสยศาสตร์
และมีมนต์ดำที่แก่กล้า สามารถใช้ ไสยเวทย์มนต์ดำเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็น ว่ากันว่าผีปอบที่คนโบราณ หรือคนในยุค
วิชาเหล่านั้นเพื่อไปทำร้ายผู้อื่นให้ เดียรฉานวิชา ทำให้ผู้ที่มีอาคมจะต้องมี
ถึงแก่ความตายได้ อาทิ การทำ ข้อห้าม หรือข้อปฏิบัติกำกับอยู่ด้วย ปัจจุบันนี้พบกันนั้น ส่วนใหญ่จะเป็น
เสน่ห์ยาแฝด การเสกหนังควาย เสมอ และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง
เข้าท้อง การเสกตะปูเข้าท้อง ระมัดระวังไม่ให้เกิดการละเมิดในข้อ วิญญาณผีปอบที่เกิดจากคนที่เรียนวิชาปอบ
หรือการใช้มนตราเพื่อบังคับภูติ ห้ามดังกล่าวโดยเด็ดขาด หากมีการ
ผี วิญญาณ ให้เข้าไปสิ่ง หรือ ละเมิด หรือกระทำผิดในข้อปฏิบัติ ชาว ที่ตายไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ เมื่อตนมีชีวิตอยู่
กระทำในสิ่งที่ตนต้องการ เรื่อง อีสานจะเรียกว่า “คะลำ” หรือ “ผิด
ราวของผีปอบนั้นถูกเล่าขานกัน ครู” ซึ่งก่อให้เกิดโทษหนัก วิญญาณ ยึดติด ยึดมั่นในวิชาอย่างไร พอตายจากโลก
มาเป็นเวลานาน และได้มีการ ของบรมครูจะลงโทษคนที่ละเมิดข้อ
ถ่ายทอดเรื่องราวของผีปอบผ่าน ปฏิบัติโดยการสั่งให้ไปเป็นผีปอบ หรือ นี้ไปก็ยังเป็นเช่นนั้น เช่น ยังอยากกินเนื้อ
รูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นละคร อาจมองได้ในอีกแง่หนึ่ง ผู้ที่จะกลาย
หรือภาพยนตร์ ซึ่งมีความแตก เป็นผีปอบได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ใช้วิชา ดิบๆ เครื่องในสดๆ ก็เลยหาวิธีเข้าสิงคนเพื่อ
ต่างกันไป แต่ในวันนี้เราจะพาไป อาคมอย่างหนัก และใช้ไสยเวทย์ดัง
รู้จักกับเรื่องราวความเป็นมาว่าผี กล่าวไปทำร้ายผู้อื่นอย่างไม่เกรงกลัว อาศัยร่างเหล่านั้นในการหากินของดิบๆ สดๆ
ปอบนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ต่อบาป ตลอดจนการกระทำกรรมชั่ว
เป็นอาจิณ จนกระทั่งอาถรรพ์ของไสย ต่อไป มีภาวะคล้ายๆ กับ “สัมภเวสี” หรือ
เวทย์ย้อนกลับเข้ามาทำร้ายตนเองจน
กลายเป็นผีปอบไปในที่สุด “อสูรกาย” ซึ่งผีปอบเหล่านี้เมื่อแผ่ส่วนบุญ
ไปให้ พูดคุยขับไล่ก็จะออกง่ายกว่าพวกที่
เรียนวิชาแล้วกลายเป็นผีปอบ หรือจำพวกที่มี
การสืบทอดแท้ๆ หากเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่มี
วิชาอาคมมาก และมีจิตแข็ง พลังจิตสูงจะไล่
ยาก อีกทั้งยังสามารถเอาชีวิตคนที่มีเวร
กรรมเนื่องต่อกันได้ เรียกว่า “ผีปอบเจ้า
กรรมนายเวร” โดยผีปอบประเภทนี้สามารถ
ทำบุญแผ่ส่วนกุศลให้สามารถอโหสิกรรมได้
5
ผีกระสือ กับความเฮี้ยน
ที่ถูกเล่าขานสืบมา
ประวัติผีกระสือ
ในอดีตเคยมีความเชื่อกันว่า ทั้งนี้ภูตมีลักษณะรูปร่างคล้าย ๆ ผี แต่ เช่นเดียวกัน กระสือ ก็ชอบกินของ
กระสือคือภูตชนิดหนึ่งวิบากกรรมที มีฤทธิ์มากกว่า คือสามารถแปลงกาย
ทำให้เป็นภูตตอนเป็นมนุษย์หากิน เป็นสัตว์ได้ แต่ผีแปลงกายไม่ได้ ภูต สกปรก ของคาว ของเหม็นเน่า เวลากินก็
ทางมิชอบคือหลอกลวงต้มตุ๋นเพื่อน บางตนแปลงได้มาก บางตนแปลงได้
มนุษย์เช่นนำของปลอมมาหลอก น้อย บางภูตแปลงได้ 2 อย่าง 3 อย่าง ต้องแปลงร่างเป็นภูตก่อน มีรูปร่างคล้าย
ขายเป็นของจริงหรือของโบราณ ไม่ 4 อย่าง บางภูตแปลงได้แค่เป็นหมาดำ
ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม ตาย ตัวใหญ่ บางภูตแปลงเป็นงูได้ เป็นต้น ๆ คน ผอม ๆ ดำ ๆ น่าเกลียด ไม่นุ่งผ้า
แล้วก็จะไปเป็นเปรตก่อน มีความ ซึ่งภูตจะมีชีวิตสิงมนุษย์อยู่เหมือน
หิวโหยมาก ชอบกินของบูดของเน่า กาฝากที่ติดตามต้นไม้ต่าง ๆ ยิ่งอยู่ แต่คนจะมองเห็นแค่ดวง แต่ตัวก็จะแปลง
เพราะวิบากกรรมมีพฤติกรรม นานไปก็จะยึดทั้งร่างกายและจิตใจของ
สกปรก โลภอยากได้ทรัพย์ของผู้อื่น มนุษย์นั้น เหมือนกาฝากที่ขยายขึ้น พรึบขึ้นมาเลย มันจะกึ่งหยาบ กึ่งละเอียด
ในทางมิชอบ พ้นสภาพจากเปรต คลุมต้นไม้ พวกนี้จะชอบที่มืด ไม่ชอบ
หากกรรมยังไม่หมดก็จะมาเกิดเป็น แสงสว่าง แต่ไม่มีหัวและไส้ตามที่เข้าใจ แล้วก็กินของเน่าสกปรกด้วยความ
ภูต จะกินได้เฉพาะของสกปรก จะถอดจิตของเจ้าของร่างออกขณะ
ของคาว ของเน่าเหม็น โดยจะเข้า เจ้าของร่างนอนหลับ เมื่อถอดไปแล้ว เอร็ดอร่อย เพราะวิบากกรรมบังคับ กิน
สิงได้เฉพาะบุคคลที่มีวิบากกรรม เจ้าของร่างก็ไปไหนไม่ได้ จะเห็นเป็น
เหมือนที่ตัวเองเคยทำตอนเป็น ดวงไฟสว่างเป็นสี ๆ ส่วนใหญ่ก็จะมีสี เสร็จแล้วจะมาเช็ดปากกับเสื้อผ้าที่ชาว
มนุษย์ มันถึงจะดูดไปหากันได้ ไม่ใช่ เหลือง สีแดง สีเขียว สีส้ม ลอยขึ้น ๆ
อยากเข้าสิงใครก็สิง ลง ๆ เพื่อหาอาหาร ดวงนั้นก็คือดวง บ้านตากทิ้งไว้ค้างคืน แล้วทิ้งร่องรอย
จิตของมนุษย์ที่มีวิบากกรรม แล้วถูก
บังคับให้ออกมา โดยภูตจะหุ้มดวงจิต สกปรกไว้ มีความเชื่อว่าถ้าเอาผ้าที่ผี
นั้นไว้ ซึ่งมนุษย์จะเห็นแค่เพียงดวงลอย
ไปเท่านั้น แต่มองไม่เห็นตัวภูต กระสือเช็ดปากไปฟาดที่บันไดจะทำให้คน
ที่เป็นกระสือเกิดปากบวมบ้าง หรือเอาผ้า
ไปต้มให้ปวดแสบปวดร้อน
แต่ก็มีบางประวัติกล่าวว่า ผีกระสือจะ
สิงเด็ดขาดในผู้หญิง เวลากลางวันจะมี
ร่างเหมือนหญิงทั่วไป มีพฤติกรรมแปลก
ๆ คล้ายคนป่วย แต่ตกกลางคืนดึก ๆ
วิญญาณร้ายที่สิงอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ
จะบีบเค้นให้ศีรษะและอวัยวะภายในหลุด
ออกจากร่าง ลอยออกไปล่าเหยื่อกินวัว
ควายและสัตว์เล็ก ๆ ประเภทกบเขียดแต่
มักจะหลบคนและไม่ทำร้ายคนนอกจากจะ
จนมุมแล้ว ชอบกินเครื่องในโดยเฉพาะไส้
แบบสด ๆ จากนั้นจะไปเช็ดปากตามผ้าที่
ตากไว้ตามบ้านต่าง ๆ
6
ที่มาของผีตาโขน
ต้นกำเนิดของ ผีตาโขน นั้น ปู่เยอ-ย่าเยอ ตำนาน ต้นกำเนิดผีตาขน ความเชื่อในประเพณีผีตาโขน
เดิมมีชื่อเรียกว่า ผีตามคน เป็น มีความเชื่ออีกว่า ประเพณีผีตาโขน เป็นการละ
เทศกาลที่ได้รับอิทธิพลมาจาก มหา
เวสสันดรชาดก ชาดกในพระพุทธ นอกจากนี้ ยังมีตำนานที่กล่าวถึง เล่นเพื่อบวงสรวงบูชาดวงวิญญาณบรรพชนที่เสีย
ศาสนา มีตำนานว่า บรรพบุรุษต้นกำเนิดผีตาขน คือ ปู่เยอ-ย่า ชีวิตไปแล้ว ซึ่งจะกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองบ้าน
เยอ ตำนานเล่าว่า ณ เมืองแถน มีเครือเขา เมือง ดลบันดาลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ หรือความ
เมื่อครั้งพระเวสสันดร และนา หายนะก็ได้ ดังนั้นเพื่อให้ดวงวิญญาณบรรพชนพอใจ
งมัทรี จะเดินทางออกจากป่ากลับ กาดยักษ์เครือหนึ่ง ขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้า ชาวบ้านจึงจัดให้มีการละเล่นผีตาโขนขึ้น
เข้าสู่เมือง มีผีป่าและสัตว์ต่างๆ
ที่รักพระเวสสันดรและนางมัทรี พา ปกคลุมลงมาบนพื้นดินทำให้บดบังแสง
กันแฝงตนมากับชาวบ้านเพื่อมาส่ง
ทั้งสองพระองค์กลับสู่เมืองด่วย สว่างจากดวงอาทิตย์ บ้านเมืองมี
ความอาลัย นั่นคือที่มาของ “ผีตาม
คน” หรือ “ผีตาขน” จนกลายมา บรรยากาศสลัวมืดมิดและหนาวเย็น
เป็น “ผีตาโขน” ในปัจจุบันนั่นเอง
ค่ะ โดยในขบวนแห่ผีตาโขนนั้น ผู้ที่ ประชาชนเดือดร้อนทำมาหากินไม่ได้
แต่งกายเป็นผีตาโขนนั้น จะต้อง
สวมหน้ากากที่ทำจากหวดนึ่งข้าว วันหนึ่งมีผู้เฒ่าสองผัวเมีย ชื่อ ปู่เยอ-ย่า
เหนียว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสัน
สดใส และออกเดินร่วมขบวนไปกับ เยอ มาขออาสาตัดเครือเขากาดยักษ์นั้น
ขบวนแห่งานบุญหลวง
พระยาขุนบูลมจึงถามว่า หากสามารถตัด
เครือเขากาดยักษ์ได้ ต้องการอะไรเป็น
รางวัล เฒ่าทั้งสองตอบว่าไม่ขอรับของ
รางวัลใดๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงหากทั้งสองตาย
ขอให้ทุกคนอย่าลืมชื่อของทั้งสองและขอให้
เคารพสักการบูชาด้วย พระยาขุนบูลมจึง
รับปาก จากนั้นปู่เยอ-ย่าเยอจึงถือขวาน
ขนาดใหญ่มุ่งหน้าเดินทางไปยังโคนต้น
เครือเขากาดยักษ์ทันที และลงมือตัดทั้ง
กลางวันและกลางคืนเป็นเวลา 3 เดือนกับ
อีก 3 วัน จึงสามารถตัดเครือเขากาดยักษ์
นั้นลงมาได้
แต่เครือเขากาดยักษ์นั้นมีขนาดใหญ่มาก
เมื่อขาดแล้วจึงได้ล้มลงมาทับปู่เยา-ย่าเยอ
ตายในทันที และบรรยากาศมืดมิดก็เปลี่ยน
เป็นสว่างกลับมาสู่ผืนแผ่นดินอีกครั้ง
ประชาชนก็ทำมาหากินได้ตามปกติ พระยา
ขุนบูลมพร้อมด้วยไพร่ฟ้าประชาชนจึงตั้ง
ศาลและนำ“ขน” ของปู่เยอ-ย่าเยอไว้เคารพ
สักการะนับแต่นั้นเป็นต้นมา เพื่อเป็นการ
ระลึกถึงคุณงามความดีของปู่เยอและย่าเยอ
7
ความเชื่อและ
พิธีกรรม
ในภาคอีสาน
หมอดูไพ่ จะใช้ไพ่เป็นตัวทำนาย
หมอดู
หมอดูคือผู้ที่มีความสามารถในการทำนายทายชีวิตอนาคต
และเล่าเรื่องถึงเรื่องราวในอดีตได้การศึกษาโหราศาสตร์
และสามารถในการถ่ายทอด ให้ผู้อื่นเกิดความเชื่อถือ
หมอดูจะมีมากมายหลายประเภท อาทิ หมอดูลายมือ จะใช้ลายมือของผู้มาดูเป็นตัวทำนาย
หมอดูโหราศาสตร์ จะทำนายจากการคำนวณ วัน เดือน ปี เกิด
หมอดูนั่งทรง จะทำนายด้วยการติดต่อกับของรักษา
หมอดูลักษณะคน จะทำนายจากลักษณะ ชาย หญิง 8
นางทรง นางทรง คือ ร่างทรงที่สามารถติดต่อกับเจ้าปู่ หรือ
เจ้าผู้ที่จะมาเป็นนางทรงจะเป็นผู้หญิงที่จะมีญาติพี่น้องที่เคย
เป็นร่างทรง หรือนางทรงมาก่อนจึงจะเป็นร่างทรงได้ และ
ร่างทรงนี้เจ้าปู่ หรือของรักษาจะเป็นผู้เลือกเอง ถ้าร่างทรง
อ่อนแอเจ็บไข้ป่วยอยู่เสมอ เมื่อเป็นร่างทรงก็จะแข็งแรงหาย
ป่วย ผู้ที่เป็นร่างทรงมักจะถูกทาบทามก่อนมิได้บังคับขืนใจ
จะต้องสมัครใจเอง นางทรง หรือ ร่างทรงนี้ จะสามารถ
สื่อสารติดต่อกับของรักษาได้ และจะเป็นที่เคารพนับถือของ
ชาวบ้าน ชาวบ้านจะให้เกียรตินางทรงมาก เพราะถือประหนึ่ง
เป็นตัวแทนในการติดต่อกับของรักษาที่ชาวบ้านนับถือ
คะลำ การคะลำ เป็นความเชื่ออีกอย่างหนึ่งของชาวภาคอีสาน การบะ เป็นความเชื่ออย่างหนึ่งของคนอีสานโดยทั่วไปและ
ซึ่งเชื่อว่าหากปฏิบัติได้จะเกิดผลดีแก่ตนเองและครอบครัว มีที่จังหวัดมุกดาหาร เกิดจากหากใครมีเรื่องที่ต้องการ
เป็นต้น เช่น คนคลอดลูกใหม่อยู่ไฟหรืออยู่กรรม จะต้องไม่กิน ความช่วยเหลือ เช่น การเจ็บป่วยแล้วอยากให้หายจากการ
เนื้อสัตว์และหน่อไม้ จะทำให้ผิดไฟอาจทำให้ถึงตายได้ หรือมี เจ็บป่วย ญาติพี่น้องเดินทางไปที่อื่นไม่ทราบที่อยู่และไม่
คนในครอบครัวเสียชีวิตที่อื่นจะไม่เอาเข้าบ้าน ถือว่าจะทำให้ ทราบข่าวคราว หรือจะเดินทางไปแข่งขันหรือรับการคัด
ครอบครัวเดือนร้อนและมีคนตายตามไปอีก เป็นต้น ซึ่ง เลือกต่าง ๆ หรืออื่น ๆ ที่ได้รับผลการตอบแทนที่ดี ผู้ที่ไป
ลักษณะของการขะลำ จะเป็นความเชื่อเฉพาะบุคคลและกลุ่ม บะจะต้องมีดอกไม้ธูปเทียนจุดตามที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามที่ตน
บุคคล ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีหลงเหลืออยู่ตามชนบทในจังหวัด เชื่อถือ เช่น พระธาตุพนม พระเจ้าองค์หลวง เจ้าฟ้ามุง
มุกดาหาร ๒. การถือผี ความเชื่อในเรื่องผียังเป็นความเชื่อ เมือง เจ้าแม่สองนาง เป็นต้น และอธิษฐานขอให้สำเร็จดัง
ของคนแต่ละท้องถิ่น เกิดปัญหาในการดำรงชีวิตประจำวัน ปรารถนา ตามด้วยการบะว่า หากสำเร็จแล้วจะเอาอะไรมา
เช่น เมื่อชีวิตถึงคราววิบัติ เกิดโรคภัยไข้เจ็บ เกิดภัยธรรมชาติ ถวาย เป็นการแก้บะ อาจจะเป็น หมู เป็ด ไก่ พวงมาลัย
ปัญหาเหล่านั้นเกินขีดความสามารถที่คนธรรมดาจะแก้ไขได้ น้ำอบ น้ำหอม ผ้าแพร แล้วแต่ผู้อธิษฐานจะบะไว้ แล้ว
คนจึงสร้างความเชื่อว่าน่าจะมีอำนาจลึกลับเหนือธรรมชาติ ต้องทำตามนั้น หากไม่ทำตามหลังจากทราบผลแล้ว ก็เชื่อ
บันดาลให้เป็นไปเช่นนั้น อำนาจนี้อาจจะเป็นเทพ เจ้าภูตผี ว่าจะเกิดอาเพศแก่ตนเองและครอบครัว
ปีศาจ วิญญาณ สัตว์ป่า พระอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว
ตลอดจน ดิน น้ำ ลม ไฟ ฉะนั้น เพื่อป้องกันภัยพิบัติที่เกิดกับ
ตน
9
Fleur
CAFE&EATERY
แองเจโล บริวเวอรี่
คาเฟ่เปิดใหม่ เชียงใหม่
ผีบ้าน แต่ละหมู่บ้านในภาคอีสานจะ
นับถือผีประจำบ้านที่เรียกว่า " ผีปู่
ตา ” ผีปู่ตาเป็นผีที่คอยดูแลรักษา
ป้องกันอันตรายต่าง ๆ ที่จะมากระ
ทำแก่คนในหมู่บ้านทุก ๆ ปี จะมีการ
เลี้ยงผีปู่ตามักจะเป็นป่าที่มีต้นไม้อายุ
นับร้อยปี เพราะชาวบ้านมีความเชื่อ
ว่า หากไปตัดไม้หรือยิงนกภายใน
บริเวณดอนปู่ตา ผีปู่ตาจะโกรธาและ
บันดาลให้ชีวิตประสบแต่อัปมงคล
ในพิธีเลี้ยงผีปู่ตานั้นเฒ่าจ่ำจะเป็น
พิธีกรเพราะเฒ่าจ่ำเป็นคนกลางใน
การติดต่อระหว่างชาวบ้านกับผีปู่ตา
เมื่อวันเลี้ยงผีบ้าน ชาวบ้านจะจัด
เตรียมอาหารคาวหวานไปร่วมในพิธี
เช่น ข้าวต้ม ไข่ต้ม ไก่ต้ม เหล้าขาว
ปั้ นข้าว ข้าวดำข้าวแดง กล้วย น้ำ
อ้อย น้ำตาล
ผีปอบ ผีปอบก็คือคนที่เป็นผีเข้าสิง ผีนา หรือผีตาแฮก เป็นผีที่ทำหน้าที่
ในร่างกายคนอื่นเรียกว่า ผีปอบเข้า อารักษ์ผืนนา คอยอำนวยผลให้ข้าว
เพื่อที่จะกินตับไตไส้พุงคนนั้น บาง กล้างดงาม น้ำ ปลา อุดมสมบูรณ์
ครั้งคนที่ถูกปอบเข้าจะถึงแก่ชีวิต คลอดจนคอยคุ้มครอง วัว ควาย ให้มี
หากไม่มีหมอผีมาขับไล่ ผีปอบที่สิง สุขภาพดีเหมาะในการทำงาน ผีตาแฮก
สถิตอยู่ให้ออกไป จะสถิตอยู่มุมใดมุมหนึ่งของที่นา นา
แปลงใดที่ตาแฮกสถิต ชาวนาจะยก
คันนาให้สูงขึ้น ก่อนจะลงมือทำนา จะ
ต้องทำพิธีเลี้ยงผีตาแฮกเสียก่อน การ
เลี้ยงผีตาแฮก นั้น จะกระทำกันในวัน
พฤหัสบดี อาหารที่นำไปเซ่นผีตาแฮก
ได้แก่ ไก่ต้ม เหล้าขาว แกลบ ข้าวต้ม
มัด ไข่ต้ม ข้าวดำ กล้วย น้ำอ้อย
น้ำตาล เมื่อเลี้ยงตาแฮกเสร็จแล้วชา
วนาก้จะปีกดำข้าวกล้าในนาแปลงที่ตา
แฮกอยู่ก่อนเพื่อเป็นการเสี่ยงทาย
ความงอกงามของข้าวใน
ผีเป้า มีความเชื่อว่าผีเป้าคือคนที่
กลายเป็นผีดิบเพราะชอบกินตับคน
ตับสัตว์ หรือชอบกินอาหารทะเลสด
อาหารคาว ผีเป้าจะออกหากินในเวลา
กลางคืน โดยเฉพาะในคืนเดือนมืดที่
ตรงกับวันพระมักจะออกหากิน คนที่
เป็นผีเป้าจะมีแสงออกที่รูจมูกทั้งสอง
ข้าง
10
พิธีกรรม
พิธีบวงสรวงเจ้าปู่ ตั้งแต่สมัยโบราณกาลมนุษย์เราเกิดมาในโลกและรวมกันเป็น
หมู่คณะ เช่นครอบครัว หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด ซึ่งเป็นหมู่น้อยไปหา
หมู่ที่ใหญ่ย่อมมีสิ่งยึดถือรวมกัน ด้านจิตใจนั้นเพื่อให้หมู่คณะมีความสุขไม่
แตกแยกความสามัคคีกันปราศจากภัยอันตรายทั้งหลาย มาบังเบียดก็ต้องมีสิ่ง
นับถือและศักดิ์สิทธิ์ แล้วยึดถือและปฏิบัติร่วมกัน ทำให้จิตใจเป็นสุข และก็อยู่กัน
อย่างผาสุก
สำหรับภาคอีสาน ก็ปรากฏว่ามีการบวงสรวงเจ้าปู่ ซึ่งชาวบ้านถือว่าเป็นที่
ยำเกรง ชาวภาคอีสานก็ยังยึดศาสนาพราหมณ์ ซึ่งเป็นศาสนาคู่บ้านคู่เมืองมา
ในศาสนานี้มีการเชื่อถือเกี่ยวกับภูตผีปีศาจ การที่มีการเจ็บไข้หรือป่วยเป็นโรค
อะไรต่าง ๆ มักบอกกันว่าผีนั้นผีนี้ทำ จะต้องทำพิธีขอชีวิตเอาไว้ การทำไร่นาจะ
บุกเบิกป่าสักแห่งก็ต้องบอกกล่าวผีป่าผู้รักษาพงพีนั้นเสียก่อนเพราะกลัวผีนั้น
จะหักคอ เมื่อทำไร่ทำนาก็ยังมีการสร้างศาลเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ ขึ้นตามจอม
ปลวกหรือใต้ร่มไม้ใหญ่ ใกล้ ๆ กับบริเวณนาหรืออยู่ตามทุ่งนา เมื่อถึงฤดูทำนา
หรือก่อนจะลงมือทำนาต้องมีการเลี้ยงเจ้าปู่เสียก่อน เช่น เลี้ยงข้าวปลาอาหาร
เหล้ายา แล้วจุดธูปเทียน อธิษฐานขอพรจากผีนา เป็นต้นว่าขอให้นาของเราจง
อุดมสมบูรณ์ อำนวยผลให้ข้าวกล้าในนางอกงามและอื่น ๆ อีกและยังมีภูติผีที่ดุ
ๆ และทุกคนกลัวกันมากก็มี
ประเพณีการเลี้ยงปู่ตา ปู่ตา หมายถึง คนสองจำพวกที่เป็นบรรพชนของชาว
อีสาน คำว่า ปู่ หมายถึง ปู่และย่า ที่เป็นพ่อแม่ของพ่อ ส่วนคำว่า ตา หมายถึง
ตาและยายที่เป็นพ่อแม่ของแม่ เมื่อบรรพบุรุษสองสายนี้ล่วงลับไปหลายชั่วอายุ
คน จนไม่สามารถที่จะจำชื่อได้ ลูกหลานรุ่นหลัง ๆ จึงเรียนเป็นกลาง ๆ ว่า ปู่ตา
11
เปรต
หมายถึงผี ตามความเชื่อในหลายศาสนาทั้ง ศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู
ศาสนาซิกข์ และศาสนาเชน ตามความเชื่อนั้น เปรตเป็นผีได้รับความทุกข์
ทรมานแสนสาหัสกว่าเมื่อครั้งเป็นมนุษย์มาก โดยต้องทรมานกับความ
หิวโหยและความเจ็บปวดทางกาย
ความเชื่อเรื่องเปรตมีต้นกำเนิดมาจากพิธีกรรมทางศาสนาในประเทศอินเดีย
ตั้งแต่ยุคโบราณ และเริ่มแพร่กระจายสู่สังคมในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก
คำว่า "Preta" มักจะถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า "ผีที่หิวโหย" ความเชื่อ
เรื่องเปรตนั้นเริ่มต้นมาจากความเชื่อในชีวิตหลังความตาย และมักเกี่ยวข้อง
กับการเป็นโอปปาติกะ (ผู้ที่ผุดขึ้นเองจากอดีตกรรม มิต้องอาศัยการ
ปฏิสนธิ) นำไปสู่ความเชื่อเรื่องเวรกรรมที่ต้องได้รับในโลกหน้าและการกลับ
ชาติมาเกิดตามแต่ผลกรรมที่ได้กระทำเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่[1] การจะหลุดพ้น
จากการเป็นเปรตนั้นต้องอาศัยเวลานานชั่วกัปชั่วกัลป์ และหากมิได้สั่งสม
บุญวาสนาพอหรือไม่ได้รับการอุทิศส่วนกุศลจากคนรู้จัก บุคคลนั้นอาจต้อง
ทุกข์ทรมานเป็นเปรตไปชั่วนิรันด์[2]
การจะเกิดเป็นเปรตในโลกหน้านั้น โดยมากมักเป็นผลมาจากการก่อ
กรรมทำเข็ญอย่างร้ายแรงเมื่อครั้งเป็นมนุษย์[3] เช่น การฆ่าสัตว์ตัด
ชีวิต การทำร้ายผู้อื่นทั้งทางกาย วาจา และ ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หากผู้ที่ถูกทำร้ายเป็นบุพการีของตนหรือเป็นพระสงฆ์ การพูดปด พูด
ส่อเสียด การลักทรัพย์ รวมถึงความโลภ เป็นต้น หรือแม้กระทั่งเกิด
ขึ้นจากการเคยเป็นสัตว์นรกที่เวียนว่ายอยู่ในนรกนานนับโกฏิปี แต่
ดวงวิญญาณยังไม่บริสุทธิ์พอที่จะไปเกิดในภพภูมิที่ดีขึ้น จีงต้องชดใช้
กรรมต่อ โดยจะต้องไปเกิดเป็นเปรตที่มีรูปลักษณ์ที่น่าเกลียด เช่น มี
ร่างกายเน่าเฟะเสมือนซากศพ หรือมีสิ่งปฏิกูลอยู่ทั่วร่างกาย มักจะ
หิวโหยอยู่ตลอดเวลา และส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด หรือแม้แต่
เป็นเปรตภายใต้รูปร่างของสัตว์ประหลาดชนิดต่าง ๆ ตามความเชื่อ
แต่ละประเทศ[4] เปรตมีร่างกายและความรู้สึกเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่
ในขณะที่มนุษย์ทั่วไปเมื่อมองดูสายน้ำจะมองเห็นเป็นเพียงกระแสน้ำ
ใส ๆ ธรรมดา แต่เมื่อเปรตจ้องมองแม่น้ำจะมองเห็นสิ่งน่าเกลียดน่า
กลัว เช่น หนอง หรือ เลือด
12
นางตานีและนางตะเคียน
นางตานี เป็นผีผู้หญิง นางตานีจะสิงสถิตอยู่ในต้นกล้วย นางตะเคียน เป็นผีผู้หญิง สิงสถิตอยู่ในต้นตะเคียน บริเวณผืน
ตานี และต้องเป็นกล้วยตานีตายพราย (ต้นกล้วยตานีที่ออก ป่าที่ผีนางตะเคียนสิงสู่อยู่จะสะอาดสะอ้านเหมือนมีคนมาปัด
ปลีแล้วตาย) ลักษณะ นางตานีจะมีรูปร่างหน้าตาสวยสด กวาดอยู่เสมอๆ ก็คงเหมือนกับคนอยู่บ้านต้องออกมาปัดกวาด
หมดจด งดงาม ห่มสไบสีเขียว และนุ่งโจงกระเบนแบบ หน้าบ้านตัวเองให้สะอาดอยู่ตลอดเวลานั่นเอง นางตะเคียนมักมี
หญิงโบราณชอบ ล่อชายไปลวนลาม เเละนางตานียังมีเเรง รูปร่างหน้าตาสะสวย หมดจดงดงาม ผมยาว ห่มสไบ ใส่ผ้าถุง
หึงหวงที่น่ากลัวอีกด้วย เพราะถ้าชายที่มีอะไรกับนางเเล้ว บางที่ก็ว่าแต่งตัวเหมือนสาวบ้านป่าทั่วๆ ไป ผีนางตะเคียนมัก
เมื่อไปมีผู้หญิงคนอื่นนางตานีก็จะตามไปหักคอชายผู้นั้น จะเป็นจำพวกหวงที่อยู่ และจะดุร้ายมากหากใครคิดจะรุกรานที่
ทันที ด้วยเเรงหึงหวงนั้นเอง ความเชื่อของทางภาคใต้ จะมี อยู่ของตน เนื่องจากต้นตะเคียน มีผีนางตะเคียนสิงสู่อยู่ การจะ
การเกี้ยวพานางตานีขอเป็นเมีย ถ้านางตานียอมเป็นเมียจะ นำเอาต้นตะเคียนมาขุดเป็นเรือ (เรือสมัยก่อนใช้วิธีขุดขึ้นจาก
มาเข้าฝันและมีอะไรกันในความฝัน เมื่อได้เป็นเมียแล้วจะ ต้นไม้ทั้งต้น) หรือนำไม้ตะเคียนมาสร้างบ้าน จำเป็นจะต้องทำ
ต้องรักนางตานีคนเดียวห้ามมีเมียอื่น แต่ถ้าต้องการที่จะมี พิธีบวงสรวงขออนุญาตจากนางตะเคียนก่อน ทั้งนี้ เมื่อต้น
เมียมนุษย์ก็สามารถที่จะมีได้โดยการบอกกล่าวขอนางตานี ตะเคียนที่ถูกนำมาแปรสภาพเป็นยานพาหนะ หรือสิ่งปลูกสร้าง
ถ้านางตานีอนุญาตก็มีได้ แต่ถ้านางตานีไม่อนุญาตก็ห้ามมี แล้ว นางตะเคียนที่สิงสถิตอยู่ในต้นตะเคียนนั้นก็จะเปลี่ยนแปลง
เมื่อมีแล้วต้องทำการยกย่องนางตานีเป็นหลวง และเมียที่ สถานะตามไปด้วย เช่น ถ้าเป็นเรือ นางตะเคียนก็จะกลายเป็น
เป็นมนุษย์นั้นเป็นน้อย สามารถบอกกล่าวให้นางตานีช่วยใน แม่ย่านางเรือ เป็นต้น
การทำมาหากินได้ ทราบเท่าที่อ่านมาครับ นางตานีเป็น
เทวดาชั้นล่างสุดชั้นจตุมหาราชิกา มีวิมานอยู่ในต้นกล้วย ไม่
ได้เป็นคนแล้วตายเป็นผี แต่คนตายแล้วเกิดเป็นเทวดาแต่
บุญน้อย และมีกรรมเลยต้องมาเป็นอย่างนี้ เทวดาบางองค์
ก็มีวิมารที่จอมปลวกก็มี ต้นไม้ใหญ่ๆก็มาก การที่จะมีนั้นก็
คงยาก เพราะไม่ใช่ผีเขามีบุญพอไม่อดเหมือนผี ต้องเข้าตา
นางตานีจริงๆ ถึงเขาจะมาอยู่ด้วย
13
ผีภาคเหนือ
“ผีเจ้านาย”
กับบทบาททางสังคม-ความเชื่อชาวบ้านทางเหนือ
ทำไมอยู่คู่ศาสนาได้ยาวนาน?
ความเชื่อเรื่องผีอยู่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่โบราณ
ผีก็มีหลากหลายรูปแบบเช่นเดียวกับความเชื่อ
ของกลุ่มคนที่มีมากมายหลากหลาย ด้วยความ
เชื่อพื้นฐานนี้นำมาสู่กิจวัตรและกลุ่มพฤติกรรม
อย่างการทรงเจ้า ซึ่งผีเจ้านายก็เป็นอีกหนึ่งรูป
แบบซึ่งเป็นที่เชื่อถือของชาวบ้านมาช้านาน
ในสังคมพุทธก็มีความเชื่อแบบพุทธหลายแบบ
มีทั้งที่เรียกว่า พุทธศาสนาเถรวาทแบบปรัชญา
บางท่านกล่าวว่าพุทธแบบนี้ไม่ขัดกับ
วิทยาศาสตร์ ขณะที่พุทธอีกแบบก็เป็นเรื่องที่
ผูกกับอำนาจเหนือธรรมชาติ-คาถา มีคน
จำนวนไม่น้อยเชื่อในรูปแบบหลัง นำมาสู่
แนวทางของกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับการตอบ
สนองในวิถีชีวิตประจำวัน
ที่มาของ “ผีเจ้านาย”
การนิยามของมาลา คำจันทร์ คอลัมนิสต์ด้านวัฒนธรรมความเชื่อ
บรรยายที่มาของ “ผีเจ้านาย” ว่าเกิดจากเจ้าหรือนายที่ตายไปแล้ว มัก
เป็นเจ้าหรือนายที่ได้ทำคุณงามความดีมาก่อน เมื่อตายไปแล้วไม่อาจไป
สู่ภพภูมิที่สูงขึ้น เพราะติดข้องอะไรบางอย่าง เช่น เพราะห่วงลูกห่วง
หลาน เพราะบาปกรรมพัวพันซับซ้อนยากแก่การทำความเข้าใจ เมื่อไม่
สามารถไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น วิญญาณจึงต้องประกอบความดีเพิ่ม สั่งสม
บารมีเพิ่ม เพื่อจะได้ไปสู่ภพที่ดีขึ้นต่อไป
ความเชื่อเรื่องผีเจ้านายในการประกอบความดีนี้เอง ส่วนหนึ่งจะมา
บรรเทาทุกข์ร้อนของลูกหลานซึ่งมักเป็นชาวบ้าน ดังที่มาลา อธิบายว่า
ผีเจ้านายมักมีอยู่แทบทุกหมู่บ้าน และมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป การ
บรรเทาทุกข์ทำได้ด้วยการเข้าทรง ใช้คนทรงหรือร่างทรง ซึ่งทางเหนือ
เรียกว่า “ม้าขี่” เป็นสื่อเพื่อบ่งบอกแนวทางให้ชาวบ้านสำหรับการดับ
ทุกข์และปัญหาในชีวิต
ประเพณีการเข้าทรงผีเจ้านายแพร่หลายอย่างมากในภาคเหนือ ก่อนที่
จะทำความเข้าใจกับผีเจ้านาย ฉลาดชาย รมิตานนท์ ผู้วิจัยเรื่อง
“ประเพณีการทรงผีเจ้านายและบทบาททางสังคม : กรณีศึกษาใน
จังหวัดเชียงใหม่” ในบริบทพื้นที่เชียงใหม่เมื่อปีพ.ศ. 2527 บรรยายว่า
ผีในความเชื่อของภาคเหนือมีหลายประเภท เริ่มตั้งแต่ผีบรรพบุรุษ
ขณะที่ผีเจ้าบ้าน ผีเจ้านาย และผีเมืองนั้นอยู่ในอีกระดับที่สูงกว่าผี
บรรพบุรุษ
ผีเจ้านายจะให้ความคุ้มครองรักษาหมู่บ้าน หรือสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง
ไปจนถึงระดับเมือง ผีเจ้านายก็มีการจัดลำดับสูงต่ำ ฉลาดชาย ผู้ทำ
วิจัยรวบรวมข้อมูลความเชื่อเกี่ยวกับผีเจ้านายนั้นเชื่อว่า ผีเจ้านายมี
ความหมายกว้าง รวมเอาผีที่ทำหน้าที่รักษาหมู่บ้านไปจนถึงผีเมือง
อย่างไรก็ตาม ผู้รู้บางท่านก็แยกผีเจ้านายออกจากผีเจ้าบ้าน นฤจร
อิทธิจีระจรัส ผู้ศึกษาเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับผีในชาวนาไทยภาคเหนือ
อธิบายว่า “ชาวบ้านมักจะเรียกผีเจ้านายอีกชื่อหนึ่งว่าผีเจ้าที่และผีเจ้า
บ้านว่าผีเสื้อบ้าน…” ขณะที่สงวน โชติสุขรัตน์ ผู้เขียนหนังสือ “ประเพณี
ไทยภาคเหนือ” บรรยายว่า ผีบ้านหรือผีเมืองเรียกอีกอย่างได้ว่า “ผีเจ้า
นาย” ที่เรียกว่าผีเจ้านาย ก็เพี้ยนมาจากคำว่าผีเจ้าทำนาย
14
ผี:ความเชื่อในภาคใต้
ผี1เป็นปรากฏการณ์เรื่องความเชื่ออย่างหนึ่งของชาวบ้านที่มีมา
ช้านาน ทั้งนี้อาจสืบเนื่องมาจากที่เชื่อกัน ดั้งเดิมว่าจิตวิญญาณ
มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตครั้นเมื่อตายไปวิญญาณเหล่านั้นยังคงอยู่ และสิง
สถิตอยู่ตามภพภูมิต่าง ๆ ในธรรมชาติ ผีในความเชื่อนั้นมีทั้งผีดีผี
ร้าย ผีดีซึ่งเชื่อว่าให้ความคุ้มครองนั้นอาจได้รับการยกย่องขึ้นเป็น
เทวดา (ชั้นต่ำ) ได้ บางประเภทอาจจะดีหรือร้ายก็ได้ พวกนี้คงเป็น
“ผีคาบเส้น” สำหรับความเชื่อเรื่องผีในภาคใต้บางชนิดก็เชื่อเหมือน
ๆ กับคนภาคอื่น ๆ และบางชนิดก็เชื่อกันในภาคใต้ถือเป็นผีประจำ
ถิ่น ผีมีที่สิงสถิตอยู่ทั่วไปทั้งในดิน ในน้ำ ในอากาศ ในป่า ในบ้าน
เรือน ผีที่เคยเชื่อกันในภาคใต้มี 38 ชนิด ได้แก่ 1) ผีกองกอย 2)
ผีกะ 3) ผีกละ หรือ จะกละ 4) ผีกลิ้งกลางดง 5) ผีโขมด 6) ผี
เจ้าเสน 7) ผีฉมบ/ผีมบ 8) ผีชิน 9) ผีด้ำ 10) ผีครูหมอ 11) ผี
นางตะเคียน 12) ผีนางตานี 13) ผีนางประดู่ 14) ผีโปหมอ 15) ผี
โป่ง 16) ผีโป่งค่าง 17) ผีเปรต 18) ผีปราบ 19) ผีไผ่ขาคีม 20)
ผีพราย 21) ผีแม่หนุ้ย 22) ผีตาเหล้อเก้อ 23) ผีบ้าน/ผีเรือน 24)
ผีแม่ย่านาง 25) ผีนางไม้ 26) ผีปู่โสม 27) ผีทะเล 28) ผีแม่พัง
สะดำ 29) ผีตาแมดกะเห่ย 30) ผีตัวฮู่ 31) ผียาเงาะ 32) ผี
บรรพบุรุษชาวเล 33) ผีหลาง 34) ผีหล้วง 35) ผีหลังกลวง 36)
ผีนางโอกระแชง 37) ผีพ่อตา 38) ผีนายหฺมฺรูน โดยยกตัวอย่าง
รายละเอียดผีบางประเภท ดังนี้
ผีเจ้าเสน ผีครูหมอ ผีตาแมดกะเห่ย
เสน คือปานชนิดหนึ่งเกิดตามผิวหนังคน เชื่อกันว่าผี จัดเป็นผีบรรพบุรุษ บางทีก็เรียกว่า ผีครูหมอตายาย เป็นผีป่าตามความเชื่อของซาไกแถบเทือกเขาบรรทัด
เจ้าเสนบันดาลให้เกิดขึ้น เราสามารถลบเสนออกได้โดย เป็นเชื้อสายที่บุคคลในตระกูลนับถือ ครูหมอ คือ ผู้เคย เล่าว่าจะปรากฏตัวเป็นเสือ และเชื่อ ว่าคือบรรพบุรุษ
ให้ครูหมอโนราทำพิธีเหยียบเสนในพิธีกรรมโนราโรงครู ประสิทธิ์ประสาทศิลปวิทยาให้ลูกหลานหรือศิษย์ได้ พวกเขาที่เข้าป่าล่าสัตว์แล้วหายไปนานแล้วต่อมากลาย
และบ้างก็ว่าผีเจ้าเสนบันดาลให้เกิดขึ้นเพื่อเป็นเครื่องว่า สืบทอด ผู้ที่สืบทอดจะต้องเซ่นไหว้เพื่อรำลึกถึงตาม ร่างเป็นเสือ เรียกว่า “ทวดเสือเล็ก” บางครั้งปรากฏให้
คนนั้นจะต้องเป็นโนรา โอกาส เช่น ครูหมอโนรา หนังตะลุง กาหลอ ครูหมอ เห็นเต็มตัว บางครั้งให้เห็นเฉพาะตายิงไม่ตาย ถ้าใครยิง
เหล็ก ลิเกป่า หมอตำแย ฯลฯ ในการเซ่นไหว้จะต้อง ทวดเสือเล็กก็จะยิ่งโตขึ้น
ออกชื่อครูหมอที่นับถือกันทั่วไป และครูหมอเฉพาะสาย
ของตนเองด้วย
15
nicotine
นิโคติน